คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 17
รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาตามทางในมหาวิทยาลัย มุ่งหน้ามาทางคณะรัฐศาสตร์อย่างทุลักทุเล ทุกคนหน้าตึกคณะฯ ต่างหันมามองอย่างแปลกใจ และยิ่งประหลาดใจที่พบว่าแกมแก้วเป็นคนขับรถคันนั้นมา
รถยังคงกระตุก บอกให้รู้ว่าคุณหนูไฮโซ ขับไม่คล่องนัก สุพรรณกับดนัยที่นั่งอยู่ก็หันมามองลุ้นด้วย
“นั่นน้องรหัสเอ็งนี่ จะรอดไหมเนี่ย”
สุพรรณมีสีหน้าเป็นห่วง “ทำไมขับรถมาเองล่ะ”
รัตนาพรเองก็ชะงักมองอย่างงุนงง
“นั่น นั่นยัยลูกแก้วนี่ ขับรถมาเองเหรอ”
ดนัยหันไปถามสุพรรณ
“ไปช่วยน้องหน่อยไหม”
สุพรรณลุกไปทันที เข้าไปช่วยโบกรถให้ แต่แกมแก้วยังขยับไปขยับมา จอดไม่ได้สักที
“พี่จอดให้ครับ”
สุพรรณบอก พร้อมกับเปิดประตูรถให้ พอลงจากรถแกมแก้วก็ถึงกับหอบ ส่วนสุพรรณขึ้นไปช่วยจอดให้ เพียงขยับทีเดียวก็จอดได้ แกมแก้วถึงกับตบมือมองอย่างทึ่ง
“จอดเก่งจัง ขอบคุณค่ะพี่พรรณ”
สุพรรณลงจากรถ
“พี่พรรณขับรถเป็นด้วยเหรอคะ”
“เคยขับรถไปไหนมาไหนให้หลวงพ่อบ้างครับ”
รัตนาพรเข้ามาสมทบ
“แหม ลุ้นแทบแย่เลยตัว นึกยังไงถึงขับรถมาเองยะ”
แกมแก้วหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย รีบกลบเกลื่อนจุดประสงค์ที่แท้จริง
“เดี๋ยวนี้คุณแม่ท่านใช้รถไปธุระบ่อย แล้วบางทีฉันก็กลับไม่ค่อยเป็นเวลาเลยเกรงใจ ขับมาเองดีกว่า”
“แต่ก็น่าจะขับให้คล่องก่อนนะครับ ออกถนนรถมากอันตราย” สุพรรณติง ด้วยความห่วงใย
“กว่าจะขับมาถึง ลูกแก้วก็เหนื่อยเหมือนกันค่ะ เกือบชนรถสามล้อเข้าด้วยดีที่หักหลบทัน”
“มิน่าถึงเพิ่งมา ฉันก็ว่าตัวทำไมมาช้า ไปๆ ไปนั่งพักก่อนเถอะ”
“งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะครับ”
สองสาวรับคำพร้อมๆ กัน “ค่ะพี่พรรณ”
สุพรรณเดินออกไป แกมแก้วมองตามตาเป็นประกายเจิดจ้า
สักพักหนึ่งรัตนาพรจึงถามแกมแก้วอย่างแปลกใจ
“หา พี่พรรณน่ะเหรอพาตัวไปกินข้าว”
แกมแก้วพยักหน้าอายๆ รัตนาพรท่าทางตื่นเต้นไปด้วย
“แหม เข้าเค้าแล้วสิยะ เข้าเค้าแล้ว”
แกมแก้วตีมือรัตนาพรเบาๆ
“เข้าเค้าอะไรกัน”
“ไม่ต้องเขินอายหรอกยัยลูกแก้ว ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเขาเริ่มมีใจให้ตัวแล้ว”
“เซี้ยวจริง”
“แล้วตัวล่ะ ไม่เซี้ยวเหรอ ไปกินข้าวกับหนุ่มสองต่อสอง”
“ยัยรัต”
“เอาละๆ ไม่หยอกตัวละ ไหนเล่ามาซิ ไปรับประทานอะไรที่ไหน”
“ก็ แถวข้างมหาลัยนี่แหละ ร้านริมทางน่ะ”
รัตนาพรเบ้หน้า “ต๊าย...ร้านริมทาง ตัวกินได้เหรอ”
“ลองดูสักทีไม่เห็นจะแปลก”
“โอ๊ย ยัยคุณหนูยอมกัดก้อนเกลือกินกับเด็กวัด” รัตนาพรมองหมั่นไส้
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ พี่เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ แถมยังต้องทำงานพิเศษพาไปกินแค่นั้นฉันก็ดีใจแล้ว”
“แล้วถ้าเขาพาตัวไปกินได้แค่นั้นตลอดชีวิตล่ะ ตัวรับได้เหรอ”
“ไม่มีทาง พี่เขาเป็นคนเก่ง เป็นคนทะเยอทะยาน ต่อไปเขาต้องได้เป็นนายอำเภอ เป็นผู้ว่า เขาไม่ปล่อยให้ฉันลำบากแน่”
รัตนาพรตกใจ “ว้าย...ตัวนี่คิดไปถึงขั้นนั้นเลยเหรอ”
“เอ๊ะ ยัยรัตนี่ ก็ตัวถามเองนะ”
รัตนาพรทำลอยหน้าลอยตาพูดเตือนเพื่อน
“ฉันก็แค่อยากให้ตัวคิดถึงอนาคตไว้ให้มาก”
“ฉันคิดแล้วไงล่ะ ตัวคิดว่าพี่พรรณไม่มีอนาคตยังงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ฉันคิดว่าตัวน่าจะได้คนที่ เสมอกันมากกว่านี้ถึงพี่พรรณจะเก่งจะเป็นผู้นำมากแค่ไหน แต่เขาก็...เป็นแค่เด็กวัด”
แกมแก้วฉุน “เลิกพูดเรื่องเด็กวัดซะทีเถอะยัยรัต ฉันไม่เห็นมันจะเสียหายตรงไหนเด็กวัดได้ดีมีถมไป”
“ฉันรู้ แต่กว่าเขาจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ มันก็ไม่ใช่แค่ปีสองปีนะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ตัวจะรับได้เหรอ”
“คุณพ่อคุณแม่ท่านใจดีใจกว้างเป็นมหาสมุทร พวกท่านเจอคนมามากไปอยู่มาหลายประเทศ ท่านไม่ใช่คนแบ่งชนชั้นหรอกจ้ะ”
“งั้นก็ขออวยพรให้ตัวสมหวังก็แล้วกันนะลูกแก้ว”
แกมแก้วยิ้มให้กับรัตนาพรอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม
ปราจิตเคาะประตูหน้าห้องคุณหญิงภริยาเบาๆ กระทั่งเห็นนวลผ่องเปิดประตูออกมา
“คุณหญิงหลับหรือเปล่า”
“กำลังแต่งตัวเจ้าค่ะ”
ปราจิตเดินเข้าไปในห้อง
ทางฝ่ายนางอาลัยมองรัชนีฉายที่กำลังคร่ำครวญ ด้วยท่วงท่ากึ่งขุ่นมัวกึ่งรำคาญ
“เห็นไหมคะ คุณแม่ เห็นไหมคะ ลงท้ายเขาก็ยุ่งเกี่ยวกับนังเด็กคนนั้นจริงๆ หนูรู้...คุณพี่วตีจงใจส่งมันมาล่อคุณจิต”
“เดี๋ยว ก็ไหนว่าคุณจิต...เอ้อ...ปลุกปล้ำ”
“มันก็ต้องไปบอกทางบ้านยังงั้นสิคะ มันจะบอกได้หรือว่า มันยอมเขาเอง”
“แล้วทางเจ้าตัวเขาว่ายังไง”
“โอ๊ย เขาจะไปพูดยังไง ก็สำราญบานอุราไปเท่านั้นเอง หนูไม่ยอมจริงๆ ด้วย คุณแม่ต้องจัดการให้หนู”
“แม่จะไปจัดการอะไรได้”
“ก็แม่เป็นแม่ของหนู ไปพูดกับคุณพี่วตีให้เขาไล่นังเด็กคนนั้นออกให้คุณจิตเขารู้ว่าเขาควรจัดฐานะหนูไว้ยังไง”
“แม่ทำไม่ได้หรอกลูก แม่เคยพูดกับหนูแล้วไม่ใช่เหรอว่า แม่ไม่อยู่ในฐานะพูดอะไรได้เต็มปาก คุณจิตนั้นเป็นอะไรกับคุณพี่วตีของหนู ก็รู้ๆกันอยู่แล้วจะให้แม่สอดแคล้วเข้าไปนั้น แม่...ทำไม่ถนัด หรือเด็กคนนั้นก็เถอะเท่ากับคนของคุณพี่วตีเขา แม่จะเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการได้ยังไง”
“แม่ไม่ยอมช่วยหนูเลยเหรอคะ”
“แม่ทำได้ในขอบเขตของแม่เท่านั้นแหละลูก หนูสงบอกสงบใจเสียบ้าง ดูคุณพี่วตีเขาเป็นตัวอย่าง เราเป็นลูกผู้ดีทำอะไรต้องให้งาม การตีโพยตีพาย ไม่ใช่วิสัยของผู้ดี”
“หนูไม่อยากเป็นผู้ดีให้อีขี้ข้ามันมาแย่งคุณจิตไป”
“หนูค่อยๆ คิดนะลูก ธรรมชาติของผู้ชาย ชอบและเล็มลองของใหม่เรื่อยไป แต่เราก็ต้องรู้จักตัวเราเองด้วยว่าอยู่ในขั้นไหน ถ้าหนูลดตัวลงไปสู้กับเด็กนั่นก็เท่ากับหนูตีราคาตัวเท่ากับเด็กคนนั้นนั่นเอง หนูเคยคิดไม่ใช่หรือว่า สักวัน หนูจะเป็นอะไร”
“โอ๊ย หนูคงเป็นได้แต่คุณหญิงนางบำเรอเท่านั้นแหละค่ะ คุณหญิงองค์จริงท่านไม่ยอมลาโรงไปง่ายๆ หรอก”
“พูดอะไรอย่างนั้น หนูพยายามทำตัวมาอย่างดีที่สุดแล้ว ก็น่าจะทำให้ตลอด คุณพี่วตีเขายังทนได้ หนูก็ต้องพยายามอดทนอย่างคุณพี่เขา”
“เขาไม่ได้ทนอย่างที่แม่ว่านะคะ หนูบอกแล้วว่าคุณพี่วตีนั่นแหละเขาแกล้งหนู เขาเอานังเด็กนั่นเป็นเครื่องมือแก้แค้นหนู”
“ถ้าคุณพี่เขาจะทำอย่างนั้น เขาต้องทำก่อนหน้านี้นะลูก ไม่ใช่มาทำเอาเดี๋ยวนี้” อาลัยท้วง
รัชนีฉายกระซิบแต่เน้นหนักทุกคำพูด “ก็เพราะคุณพี่เขาไม่อยากให้ใครรู้สิคะว่า เขาเป็นคนยังไง แต่หนูรู้ รู้ตลอดมาว่า คุณพี่เขาเกลียดหนู เกลียดที่คุณจิตมาเกี่ยวข้องกับหนู เกลียดที่รู้ว่าหนูจะได้ทุกอย่างที่เขาครอบครองอยู่ เขาเกลียดตั้งแต่แม่ได้คุณพ่อมาครอง และยังหนู ได้คุณจิตมาครอง...เขาเกลียดเราทั้งหมดแหละค่ะ ไม่ใช่เฉพาะหนูคนเดียว” รัชนีฉายเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นกราดเกรี้ยว “ถ้าหนูมีอันเป็นอะไรไปเสีย ไม่ได้
อย่างที่หวัง ก็เท่ากับเขายิงทีเดียวได้นกถึงสองตัว แม่เข้าใจไหมคะ”
นางอาลัยมองลูกสาวอย่างตกใจและนึกไม่ถึง
“พอเสียทีเถอะรัชนีฉาย”
อ่านต่อหน้า 2
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ปราจิตเดินเข้ามา เห็นอรุณวตีกำลังนั่งเลือกเครื่องประดับอยู่หน้ากระจก ท่านทูตก้มลงจูบต้นคอของคุณหญิงภริยาอย่างอ่อนโยน
“บ่ายนี้มีแขกหรือคะ”
คุณหญิงไม่ตอบคำถามสามี “คุณมาก็ดีแล้ว”
อรุณวตีก้มลงหยิบสร้อยสวยมาทาบที่คอ ปราจิตช่วยสวมให้จากด้านหลัง
“มิสซิสสเตลล่า เธออยากพบคุณ”
ปราจิตทำจมูกย่นกับอรุณวตีทางกระจก “ให้ทายไหมล่ะ”
“คงไม่ต้องทายกระมังคะ” อรุณวตีพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “อย่างเคย แกอยากให้เรารับรองคนของแกเป็นแขกรัฐบาล”
“ไม่ว่าใคร แกจะให้เรารับรองเสียหมด โรงแรมเอย การกินอยู่เอยแกจะให้เราจัดชั้นเยี่ยมทั้งนั้น ทีรัฐบาลแกเชิญคนของเราไปมั่งถ้าไม่ไปแท็กซี่ ก็ต้องนั่งรถเมล์ไปเอง คลำทางไปเองทั้งนั้น สักวัน ต้องแก้เผ็ดยัยนี่ให้ได้”
อรุณวตีหัวเราะขัน ปราจิตเห็นภริยาอารมณ์ดีขึ้น จึงถามทันทีทันควัน ไม่ให้ทันตั้งตัวติด
“ตะกี้ รัชนีฉายเข้ามากวนใจหรือเปล่าคะ”
อรุณวตีก้มลงสวมแหวนเข้าชุดกัน ตอบอย่างกึ่งเอ็นดูกึ่งรำคาญ
“ก็...ตามเคยเขา ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ นิสัยเด็กแก้ไม่หายแหละค่ะ ตีโพยตีพายเรื่อย”
ปราจิตแอบโล่งใจ “นั่นซี่ เห็นเขาว่า เขาเอาจดหมายนั่น”
“ค่ะ เขาเอามาให้อ่าน แต่ดูลายมือ ดูใจความ คงจะขู่เอาเงินเสียละมาก เพราะยัยจีแกไม่ได้กระโตกกระตากอะไร”
“ให้อธิบายหน่อยได้ไหมคะ”
อรุณวตียิ้มเยือกเย็น ทำท่าอ่อนใจ “ตอบมาคำเดียวแหละค่ะ ใช่ หรือ ไม่”
ปราจิตยิ้มบางๆ “แล้วคุณจะเชื่อเหรอคะ”
“คราวก่อน คุณบอกมาคำเดียวว่า ผิดไปแล้ว ก็ดูเหมือนเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ”
“แล้วถ้าคราวนี้บอกว่า ไม่ผิดละคะ”
แววตาอรุณวตีมีรอยฉงนแว่บเดียว หากแล้วก็กลับยิ้มเยือกเย็นตามเคย
“อ้าว ก็เป็นอันว่าไม่ผิดสิคะ”
ปราจิตวางสองมือลงบนไหล่ของอรุณวตีอย่างหนักแน่น พลางโน้มใบหน้าก้มลงจูบต้นคอโดยแรง
“คุณวตี...”
ปราจิตไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแห่งชัยชนะของอรุณวตีที่ซ่อนไว้ในใบหน้าอันโรยรานั้น
“นี่แหละที่เขาว่า ร้อยชู้หรือจะสู้เมียตน”
อรุณวตีสัพยอกหยอกเย้าคล้ายอารมณ์ดี “แหม คุณจะมีถึงร้อยเชียวหรือคะ”
ปราจิตหัวเราะเก้อนิดๆ
รัชนีฉายหอบความช้ำกลับบ้านมาร้องไห้ฟูมฟายเอากับนางอาลัยผู้เป็นมารดา ซึ่งนั่งมองอยู่อย่างเห็นใจ ในจังหวะหนึ่งรัชนีฉายโพล่งออกมาด้วยริมฝีปากสั่นระริก น้ำเสียงดังก้องด้วยความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน
“เขาคงยิ้มเยาะหนู คอยดูคุณแม่ขายหน้า ช้ำใจ เขาอยากเห็นเราตายช้าๆ ทรมาน ด้วยเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ มากกว่าจะปัดเราโครมลงเดี๋ยวนั้นอีกอย่างนึง...ในตอนแรกๆ เขารู้ค่ะแม่ ว่า...ให้เขาทำยังไงคุณจิตก็ไม่ยอมเลิกรากับหนูอยู่ดี เขาฉลาดพอที่จะผ่อนสายป่านไปจนหมดลมแรง แล้วค่อยหวนกระตุกกลับ แม่เข้าใหรือยังคะ”
“เอาละ สมมุติว่าเป็นอย่างนั้น แล้วหนูก็ยอมคลั่งไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนูคิดว่าหนูทำถูกแล้วหรือลูก”
“แต่ถ้าปล่อยไปละคะแม่ ถ้าคุณจิตหลงนังเด็กนั่น”
“หนูไปกลัวอะไรนักหนากับเด็กคนนั้น มันยังป็นเด็กสาว ดูแต่ตอนหนู...” อาลัยถึงกับชะงักนิดหนึ่งเพราะความละอาย “เด็ก ก็มีแต่ความสวย ความสาวความเปล่งปลั่ง แต่หนูมีอาวุธอย่างอื่นนี่ลูก เสน่ห์ของผู้หญิง จริตมรรยาทสังคมที่จะเชิดหน้าชูตาเขา โบราณเขาว่าน้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตายผู้ชาย ตายอย่างเดียวคือ...ความหวานของผู้หญิง หนูใช้ให้ถูกสิลูก”
รัชนีฉายยกมือปาดเช็ดน้ำตา สีหน้าแสดงความเด็ดเดี่ยวขึ้น
“หนูจะลองดูค่ะ เป็นตายยังไงก็ยอมกันไม่ได้ บางที หนูคิดว่า หนูจะยอมมี...เด็ก...ดีไหมคะ”
อาลัยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ตาแลเลยไปทางอื่น พูดโดยไม่ยอมสบตาคนถาม
“หนูคิดว่า ปัญหานี้จะผูกมัดเขาไว้ได้หรือลูก ผู้ชายนั้นมีสองชนิด ชนิดหนึ่งมีความรับผิดชอบ กับอีกชนิดหนึ่ง ไม่ยอมรับผิดชอบ แต่คนที่ยอมรับผิดชอบก็มีปัญหาอีกแหละลูก ระหว่างหน้าตากับ...ส่วนประกอบเขาจะเลือกอย่างไหน”
“หนูอยากรู้เหมือนกันค่ะแม่ และคราวนี้จะได้รู้ชัดกันเสียที”
สีหน้ารัชนีฉายมุ่งมั่นมาดหมาย และเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น เหลือคณานับ
ขณะเดียวกันนั้น ใบหน้าของปราจิตยังแนบอยู่กับลำคอระหงของอรุณวตี
“ไม่มีใคร ไม่มีใครเลยเหมือนคุณ หรือแทนที่คุณได้เลย”
อรุณวตีทั้งเอ็นดูทั้งเหนื่อยหน่ายคำหวาน “เดี๋ยวยัยรัชนีฉายได้ยินเข้าก็จะมีเรื่อง”
ปราจิตเงยหน้าขึ้นทันควัน “เอ๊ะ เขาเคยมากระแนะกระแหนคุณเรอะ”
“โธ่...จะเอาอะไรกับแกคะ ก็แกยังเด็กอยู่”
“คุณอย่าเข้าข้างแกนักเลยน่า รัชนีฉายไม่ใช่เด็กแล้วนะคุณ”
“แกเป็นน้อง ยังไงๆ ก็เด็กกว่าอยู่วันยังค่ำ”
ปราจิตมองคุณหญิงภริยาอย่างนับถือในน้ำใจ ระคนนิยมชมชอบ
“น้ำใจคุณเป็นอย่างนี้เรื่อยแหละ น้องคุณถึงได้ใจ”
“มีอะไรกันคะ ขัดอกขัดใจมาอีกแล้วละสิ”
“ก็ เรื่องนี้แหละ ทีพูดกับคุณคำเดียวรู้เรื่อง รายนั้นกลับตีโพยตีพาย”
“แกรักคุณ” อรุณวตีว่า
“ทำไมไม่เหมือนที่คุณรักล่ะ”
“แหม ก็คนละคนนี่คะ”
“รักของคุณไม่ว่าให้ใคร มีแต่อ่อนโยน ปรานี ให้เกียรติ แต่รัชนีฉายเขาไม่อย่างนั้น” ท่านทูตส่ายหน้า “ยังไม่รู้เลยว่าจริงหรือไม่จริง เอะอะโวยวายท่าเดียวเด็กคนนั้นเสียอีก แกยังวางท่าเฉย เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว”
อรุณวตีลอบยิ้มอย่างสามสมใจ ที่ปราจิตแสดงความปลาบปลื้มชื่นชมศจีออกมาในน้ำเสียง
“หนูจีแกเป็นผู้ใหญ่เกินตัว รู้คิดน่ารัก เอาออกงานออกการได้เรื่องใครๆ ชมทั้งนั้น คุณหญิงงามพร้อม ยังอยากให้ลูกชายมาดูตัว ท่าแกจะได้ดี นี่ก็หมายใจจะปลูกฝังให้แกได้ดี”
ปราจิตมีแววกังวลในดวงตา แล้วพาลให้นึกหมั่นไส้ขึ้นมา
“อ๋อ นายลูกชายที่หิ้วเมียแหม่มมาจากนอก”
“อุ๊ย เขาเลิกรากันไปแล้วค่ะ”
“แต่มาได้คนใช้ที่บ้านแทน”
อรุณวตีหัวเราะ “คุณนี่รู้ดีจริง”
“ขืนสนับสนุนไอ้หมอนั่น เด็กของคุณจะลำบาก”
“มันแล้วแต่เขานี่คะ เสียดาย ถ้าดองกับเราได้ก็ดี...”
ปราจิตชักระแวง “คุณหมายถึงนายวิน”
อรุณวตีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
อีกฟากที่กระทรวงต่างประเทศ ชีวินเงยหน้าขึ้นจากเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าชายหนุ่มมีวี่แววแปลกใจกึ่งรำคาญ เมื่อพบใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าโต๊ะแล้ว
“มาได้ยังไงครับยา”
สิริกันยานั่งลง ด้วยสีหน้ายิ้มแกมเยาะ
“ก็ตั้งใจมาหาพี่วินน่ะสิคะ”
“มีอะไรครับ ถึงต้องมาหาพี่ที่นี่”
“ยาร้อนใจ เพราะมีข่าวไม่สู้ดีนัก เกี่ยวกับครอบครัวของพี่วินค่ะ”
ชีวินขมวดคิ้วอย่างคิดว่า อีกแล้วหรือ?
ฝ่ายอรุณวตีส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดสามีทันที
“ตาวินแกคงยังไม่คิดเรื่องนี้หรอกค่ะ แม้แต่หนูยาแกยังปฏิเสธ”
“มันไม่เหมือนกัน ตาวินอาจจะไม่ได้สนใจสิริกันยา”
“แต่ตาวินก็ไม่มีทีท่าสนใจใครเป็นพิเศษเหมือนกัน”
“แล้วไป” ปราจิตถามหยั่งเชิง “งั้นคุณอยากให้เด็กของคุณดองทางไหนล่ะ”
อรุณวตีสัพยอกอีกหน “ก็คิดว่าคุณดองไปแล้วสิคะ”
ปราจิตบ่นอุบอิบ “ยังค่ะ แกเป็นเด็กน่าเอ็นดู ไม่มีอะไรเกินเลย”
“ไม่ได้ดองก็แล้วไปสิคะ ที่เสียดายนี่เพราะเห็นแกคล่องจริงๆ กลัวใครจะคว้าไปเสีย ผู้ใหญ่ๆ ท่านเคยสอนไว้ แหม อย่าพูดดีกว่า ไม่น่าฟัง”
“พูดหน่อยได้ไหม จะได้ความรู้บ้าง”
“ก็...ไม่มีอะไร ท่านว่าเด็กคนไหนดีก็...ร้อยกันเอาไว้ใช้” คุณหญิงหัวเราะเขินๆ “เข้าใจไหมคะนี่แหละ โบราณท่านถึงมี ‘นังเล็กๆ’ มาก เอาไว้นวด เอาไว้ชงน้ำร้อนน้ำชาเอาไว้เล่นมโนรี ไม่ต้องจ่ายเบี้ยหวัดเงินปี”
“พูดอย่างนี้จะหาว่ายุนา” ท่านทูตเย้า
“แน้...เล่าให้ฟังต่างหากคะ คุณน่ะ ต้องรอขออนุมัติไม่ใช่เรอะ ยัยรัชนีฉายอาละวาดแบบนี้ จะได้เอาตาย”
“เขามีสิทธิ์เฉพาะที่คุณ ที่เราให้นะคะ”
“ไม่รับรู้ด้วยแล้ว”
อรุณวตีทำท่าขยับจะลุกขึ้น แต่ปราจิตเข้าไปต้อนหน้าต้อนหลังอย่างเอาใจ
“เออนี่ ถ้าเกิด...ดองกับแกจริงๆ เข้าละคะ”
“ก็ไหนว่ายังไม่”
“ไม่จริงๆ ค่ะ ยังไม่ได้ดอง นี่พูดเผื่อ”
อรุณวตีมองหน้าสามีอย่างไม่เชื่อใจ “ฮื้อ” พลางเขี่ยปลายจมูกปราจิตเล่น “คุณจะยังมีฝีมือเร้อ ยัยจี แกรุ่นลูกแล้ว คุณต้องใช้กำลังภายในมากหน่อยละ”
ปราจิตฟังแล้วคึกคัก “แหม ดูถูก”
“ให้เทกระเป๋าสู้ยังได้ ถึงอดีตคุณจะเป็นดอนฮวน แต่...ดอนฮวนก็มีวันแก่นี่คะ”
“เอ งั้นต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า...ลุงยังไม่แก่”
อรุณวตียิ้มยั่ว เย้า “ก็ลองดู”
อรุณวตีเหลือบดูนาฬิกาในห้อง
“คุณจะลงไปรับแขกด้วยกันไหมคะ”
“ขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวสิบห้านาทีค่ะ”
อรุณวตีจงใจยั่ว “แล้วเวลาที่พนันกันละคะ ขอเวลาเท่าไร”
ปราจิตถามด้วยน้ำเสียงลิงโลด “กรรมการให้เวลาจริงๆ เหรอคะ”
“นี่ เราเป็นเพียงคู่พนันนะคะ กรรมการที่จะอนุญาตน่ะ คุณไปจัดการเอาเอง” อรุณวตีหมายถึงน้องสาวคนละแม่
“รายโน้นช่างเขาเหอะ” ปราจิตผละจากอรุณวตีเดินไปทางประตูห้อง พลางหันมาถามย้ำ “ตกลงแน่ๆ นะคะ”
“แน่สิคะ อยากดูว่า ฝีมือ คุณยังจะอยู่ในระดับไหน”
อรุณวตีฉายรอยยิ้มสนุกแกมยั่วเย้า
“โบราณเขาก็ว่า อย่าประมาทชาติทหารชาญเชิงรบ นะคะ”
ปราจิตทิ้งท้ายก่อนก้าวออกจากห้อง
สีหน้าเยื้อนยิ้มนึกสนุกของอรุณวตีเมื่อครู่จางหาย กลายเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของผู้ที่รู้ว่าตนจะคว้าชัยชนะ
และรอคอยจะได้เห็นความพินาศของศัตรู ซึ่งจะบังเกิดขึ้น ในเร็ววันนี้
อ่านต่อหน้า 3
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 17 (ต่อ)
บรรยากาศสวนหย่อมแสนสวย มุมด้านนอกอาคารกระทรวงต่างประเทศ ไม่ได้ช่วยให้ชีวินรู้สึกรื่นรมย์สักน้อย มิหนำซ้ำชายหนุ่มกัดกรามเม้มริมฝีปาก มือกำแน่นอย่างเจ็บปวดเหลือแสน หลังจากฟังสิริกันยาเล่าเรื่องจดหมายฉบับนั้นจบลง
“พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าเอาข่าวลือบ้าๆ แบบนี้มาเป่าหูพี่อีก”
“ยาไม่ได้เป่าหูพี่วินนะคะ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ จดหมายฉบับนั้นถูกส่งไปจริงๆ ถึงได้เกิดเรื่องขึ้น”
“เธอรู้เรื่องนี้มาจากใคร”
“จาก หลายคนค่ะ ได้ยินเขาพูดกัน”
“คุณน้ารัชนีฉายใช่ไหม”
“มันก็ หลายคนน่ะค่ะ คนที่เชื่อถือได้ทั้งนั้น”
“พอที ถ้ารักจะคบกันต่อไป เลิกเอาเรื่องไร้สาระมาให้พี่ปวดหัวได้ไหม”
“พี่วินจะไม่ทำอะไรเลยหรือไงคะ”
“จะให้พี่ทำอะไร”
“ก็ คุยกับคุณหญิงแม่ของพี่วินไงคะ ให้ท่านจัดการอะไรสักอย่าง”
“ท่านกำลังป่วย เธอก็รู้”
“แต่คุณหญิงน้า ท่านทราบเรื่องนี้แล้วนะคะ”
ชีวินชะงัก ถามอย่างไม่เชื่อหู
“คุณแม่ทราบได้ยังไง”
“เรื่องแบบนี้ ถ้าคนอื่นรู้ แล้วคุณหญิงน้าจะไม่ทราบได้หรือคะ”
ชีวินเป็นห่วงความรู้สึกของแม่ “ใครนะเอาเรื่องแบบนี้ไปบอกท่านได้”
“ใครจะบอกไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่ คนที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นน่ะสิคะ ไม่สมควรที่จะอยู่ในบ้านพี่วินอีกต่อไป นังเด็กนั่นไม่ธรรมดาเลย ยานึกแล้วว่าคนสันดานต่ำย่อมประพฤติต่ำอยู่วันยังค่ำ”
ความรู้สึกของชีวินสับสน ระหว่างความรักและความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมา
“พอแล้วยา นี่มันเรื่องในบ้านของพี่ ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ พี่ก็จะสืบให้รู้ด้วยตัวเอง”
“ถึงตอนนั้นมันอาจจะสายเกินไปก็ได้นะคะ พี่วินเอาแต่ทำงานงกๆ อยู่ที่นี่จะรู้เหรอคะว่าใครไปแอบทำอะไรที่ไหนบ้าง ถ้ายาไม่บอกพี่วินก็คงไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”
“พี่ก็ไม่ได้อยากรู้หรอกนะ เรื่องไร้สาระสิ้นดี”
“ยาหวังดีกับพี่วินนะคะ”
“ไม่จำเป็น ถ้าหวังดีกับพี่ก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียที”
พูดจบชีวินก็เดินออกไป สิริกันยาร้องตาม
“พี่วินคะ พี่วิน”
สิริกันยากระทืบเท้านิดๆ อย่างขัดใจ
ชีวินกลับมาที่โต๊ะทำงาน ทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน ภาพของปราจิตกับศจีวันก่อนวาบขึ้นมาในห้วงคิด
ตอนนั้นเขาเห็นนายสิทธิ์ก้าวลงจากรถ แล้วเปิดประตูตอนหลังโค้งให้ศจีอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกไป จนสักพักหนึ่งท่านทูตปราจิตก็มาขึ้นรถฝั่งคนขับ ขับออกไปมีศจีนั่งเคียงข้าง ชีวินตามไปดูทั้งสองเพื่อความแน่ใจ เขาจดสายตามองตามรถที่แล่นออกไปอย่างผิดหวังและเสียใจ
ชีวินดึงตัวเองกลับมา ทุบโต๊ะลงอย่างรู้สึกเจ็บปวดและผิดหวัง
เขาคิดว่าสิ่งที่ได้ยินมาจากสิริกันยา น่าจะมีมูลความจริง
งานเลี้ยงบ้านคุณหญิงอรุณวตีจัดขึ้นตอนค่ำ ที่บริเวณสวยสวยใกล้ศาลาเรือนไทยริมท่าน้ำ
แลเห็นกัลยา พิจิตรา สายสุนีย์ วัชรินทร์ รวมทั้งคุณหญิงงามพร้อม และแขกผู้ใหญ่คนไทย แขกทูตานุทูตฝรั่ง 10 กว่าคน เดิน นั่ง พูดคุยกันอยู่ในงาน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
คุณหญิงอรุณวตีออกมาต้อนรับแขก กำลังพูดคุยทักทายกับคุณหญิงงามพร้อม
“คุณหญิงแข็งแรงขึ้นมากเลยนะคะ ดีใจที่ได้เห็นคุณหญิงออกงานอีก”
“งานสำคัญอย่างนี้ไม่ออกเองไม่ได้หรอกค่ะ”
“คุณหญิงดูแข็งแรงขึ้นนะคะ”
“ก็แค่ภายนอกเท่านั้นค่ะ ยังต้องให้คุณหมอดูแลใกล้ชิดอยู่ ดีที่ได้หนูศจีมาช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง”
“แล้วเรื่องที่เคยคุยให้ลูกชายเอาไว้ ว่ายังไงคะ”
งามพร้อมพยักพเยิดไปทางหนึ่ง อรุณวตีเหลียวมองตาม เพียงยิ้มเรียบๆ ในสีหน้าขณะมองศจีซึ่งกำลังดูแลที่โต๊ะของว่าง
อรุณวตีหันกลับมาทางงามพร้อม
“ทาบๆ แกไว้แล้วค่ะ แต่เห็นแกบอกว่า มีคนที่ดูๆ กันอยู่แล้ว”
งามพร้อมทำหน้าเสียดายจัด
“แหม เสียดายจริง แต่ถ้าคบกันไม่จริงจังนัก ตาปุ่นของดิฉันก็อาจจะยังมีหวัง”
“ดิฉันจะคอยกระทุ้งให้นะคะ”
“ขอบคุณค่าคุณหญิง”
สายสุนีย์กับกัลยาเดินเข้ามาคุยด้วย
“งานวันนี้จัดได้เยี่ยมเลยค่ะ บรรดาทูตชมกันเปาะ” สายสุนีย์ประจบเอาใจ
อรุณวตีบอก “ฝีมือแม่ศจีเขาล่ะค่ะ”
“ศจีนี่นับวันจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ นะคะ” สายสุนีย์ว่า
“นี่ละค่ะ ตัวตายตัวแทนของดิฉัน หากดิฉันเป็นอะไรไป จะมอบหมายไว้ให้ทำงานต่อไป”
อรุณวตีมองศจีอย่างชื่นชม แต่ลึกๆ แล้วมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง กัลยามองอย่างหมั่นไส้
อีกฟากสุพรรณเดินคุยมากับดนัยตามทางในมหาวิทยาลัย
จนเสียงแกมแก้วดังขึ้น “พี่พรรณ พี่นัยคะ”
ทั้งสองหนุ่มหันกลับไป เห็นแกมแก้วขับรถตามมาแบบกระตุกๆ
“ลูกแก้วจะกลับแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ พี่ทั้งสองจะกลับหรือยังคะ ลูกแก้วจะขับไปส่ง” ลูกแก้วยิ้มร่า
ดนัยอึกอีก “พี่...”
“พี่ยังไม่กลับครับ ว่าจะไปห้องสมุดหาหนังสือสักหน่อย”
แกมแก้วมีสีหน้าผิดหวัง แต่ก็ฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกแก้วไปก่อนนะคะ”
แกมแก้วขับออกไป ยังไม่คล่องเหมือนเดิม สุพรรณกับดนัยมองตามอย่างไม่สบายใจ
“จะขับกลับบ้านไหวเร้อ”
ดนัยเหลือบมองสุพรรณ แต่สุพรรณทำเป็นไม่สนใจ
อ่านต่อหน้า 4
คุณหญิงนอกทำเนียบ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ดนัยตามสุพรรณที่เดินหนีมา
“เฮ้ย จะเล่นองค์ไปถึงไหนวะไอ้พรรณ ถ้าเป็นข้ายอมวิ่งลงถังข้าวสารไปนานแล้ว เอ็งคิดดูสิวะ...อย่างเอ็งพอจบปุ๊บ ว่าที่พ่อตาฝากงานให้ได้ปั๊บแถมบ้าน รถยนต์พร้อม”
“ลูกผู้ชายอย่างข้า ไม่เคยคิดเกาะผู้หญิงกิน”
ดนัยหัวเราะเยาะ พลางตบบ่าสุพรรณแรงๆ
“ฮ่าๆๆ ไอ้พรรณเอ๊ย นั่นมันอุดมคติยุคไอแวนโฮ อัศวินโต๊ะกลมแล้วว่ะ ยุคนี้เขาถือว่า เมียดี กินฟรี มีสมบัติเป็นเครื่องอุดหนุนให้ฝาละมีก้าวหน้าเวลาเข้าที่ประชุมเอ็งรู้ไหม ไอ้คนไหนรถคันโตติดแอร์ อยู่บ้านตึก เสียงมันดังกว่าคนตีต๊อกเข้าไปนั่งคอหด กุมจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก ยอมตกหลุมตกร่องไปเสียเถอะว้า เดี๋ยวหมาตัวอื่นคาบไปดอสะแอก จะหาว่าข้าไม่เตือน”
สุพรรณถอนใจอย่างคิดไม่ตก ยังลืมศจีไม่ได้
“หรือถ้าเอ็งจะเฟดก็บอกข้าเสียดีๆ ข้าจะลองทาบเข้าไปมั่ง เผื่อบุญจะพาวาสนาจะส่งข้า”
“ข้าไม่ต้องเฟด เพราะข้าไม่เคยเข้าไปพัวพันกับน้องเขา”
ดนัยส่ายหัว “เอ็งนี่ ยังไม่ลืมหลานยายปริกนั่นแน่ๆ เฮ้อ ข้าไม่อยากจะเล่า”
สุพรรณมองฉงน “เรื่องอะไร”
“ก็แม่ศจียาหยีของเอ็งนั่นไง เอ็งไม่ได้ยินบ้างเหรอ ในซอยเขาลือกันอีกแล้วว่ามีคนเห็นหล่อนน่ะเข้าโรงแรมกับผู้ชาย เห็นเขาว่าท่าทางผู้ดีเสียด้วยคงเป็นคนที่แม่ศจีไปทำงานให้”
สุพรรณนิ่งอึ้งไป ในใจคิดว่าเป็นชีวิน พึมพำเสียงเบาหวิว
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
“ได้ไม่ได้ยังไง ยายปริกก็นั่งไม่ติดแล้วละวะ เพราะคนที่เห็นน่ะเป็นลูกเล้าแกเอง แกถึงกับเต้นผาง ให้ลูกเล้าเขียนจดหมายไปเรียกร้องค่าเสียหายถึงทางโน้น”
สุพรรณอึ้งไปอีกครั้ง จนกระทั่งแกมแก้วขับรถวนผ่านมาอีกรอบ ดนัยหันไปทัก
“อ้าว...น้องลูกแก้วยังไม่กลับเหรอครับ”
“ลูกแก้วลองฝึกขับในมหา’ลัยก่อนน่ะค่ะ นึกถึงตอนขับมาเมื่อเช้าแล้วยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร”
สุพรรณบอก “งั้นพี่นั่งไปเป็นเพื่อนนะครับ”
แกมแก้วดีใจ “จริงเหรอคะ ขอบคุณค่ะพี่พรรณ ขึ้นมาเลยค่ะ”
“มันต้องอย่างนี้สิวะเพื่อน”
ดนัยกระซิบพร้อมกับตบบ่าสุพรรณเบาๆ อย่างพอใจ แต่สีหน้าสุพรรณยังพะวักพะวนกับศีลธรรมในใจกึ่งหนึ่ง
ดนัยดันตัวสุพรรณรุนหลังให้ขึ้นรถไปนั่งข้างแกมแก้ว
“พี่นัยไม่ขึ้นมาด้วยกันละคะ”
“ไม่ละครับ พี่นัดกับไอ้ตรีไว้ ตามสบายครับ”
พูดจบดนัยก็เดินออกไป ปล่อยโอกาสให้สุพรรณอยู่กับแกมแก้วสองต่อสอง
อรุณวตีนั่งร่วมโต๊ะ ข้างท่านทูตสามี ปราจิตกำลังคุยกับทูตฝรั่งคนหนึ่งอย่างออกรส ส่วนศจีนั่งข้างอรุณวตีคอยเป็นผู้ช่วย
อรุณวตีกระซิบกับศจีพลางพยักพเยิดไปทางปราจิต
“หนู เปลี่ยนแก้วเหล้าให้คุณท่านหน่อยจ้ะ”
“เจ้าค่ะ”
ศจีหยิบแก้วของปราจิตขึ้นมา ปราจิตหันมาเหลือบมองแล้วยิ้มให้นิดหนึ่ง ก่อนจะคุยกับทูตต่อ ศจีเดินไปช่วยเติมเหล้าใหม่ให้ปราจิต
กัลยาสะกิดพิจิตราให้หันไปมอง
อรุณวตีมองจานอาหารของปราจิต
“หนูอย่าลืมเสิร์ฟอาหารให้ท่านนะจ๊ะ ท่านของหนูน่ะ พอคุยกับแขกมักไม่ค่อยสนใจอาหารการกิน”
“เจ้าค่ะ”
ศจีลุกเดินออกไปตักอาหาร
ระหว่างนี้ กัลยากับพิจิตรากระซิบกระซาบ ในกิริยาที่ดูออกว่านินทาคนอื่นกันอยู่ โดยกัลยาเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นว่า
“ที่เขาลือกันท่าจะจริงนะคะคุณ”
สายสุนีย์เสริม “ข่าวลือมันก็มีมูลนั่นแหละค้าคุณหญิงขา”
กัลยาค่อนแคะ “คุณวตีเธอคิดยังไงนะ มีน้องสาวอยู่ดีๆ ไม่ชอบ ยอมให้ท่านไปคว้าเอาเด็กคราวลูกมา เฮ้อ...”
พิจิตราบอกว่า “ก็เด็กมันว่านอนสอนง่ายกว่านี่คะ ยิ่งเป็นเด็กที่ปั้นมากับมือด้วยละก็ อาจจะคุมง่ายกว่าน้องสาวในไส้เสียอีก”
พวกคุณหญิงคุณนาย ต่างมองหน้ากันอย่างขนลุกขนพอง
ขณะที่ชีวินกำลังเดินเข้าตึกใหญ่ เขาต้องชะงักมองไปทางศาลา ก่อนจะถามนวลผองที่เดินออกมาพอดี
“วันนี้ที่บ้านมีงานเหรอ”
“ใช่ค่ะคุณวิน เห็นว่าเป็นงานเลี้ยงภริยาท่านทูต”
ชีวินพยักหน้ารับ นวลผ่องออกไป ชีวินมองไป เห็นความผิดปกติอะไรบางอย่าง
ในสายตาชีวินเวลานี้ เขาเห็นศจีกำลังเสิร์ฟอาหารให้ท่านทูตปราจิตผู้เป็นบิดาอย่างเอาใจ
ชายหนุ่มมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในใจ สุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 18