xs
xsm
sm
md
lg

มนต์รักอสูร ตอนที่ 27 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มนต์รักอสูร ตอนที่ 27 อวสาน

วันกับกานดา มารอรับน้ำผึ้งกลับบ้าน ขณะพยาบาลกำลังเก็บที่นอนในห้องพักฟื้น สองคนดีใจเหลือเกิน ลูบหลังลูบไหล่ลูกสาวไปมา

“พ้นเคราะห์พ้นโศกไปทีนะลูก แม่ดีใจมากเลยรู้ไหมที่ผึ้งไม่เป็นอะไร”
“ผึ้งรู้จ้ะแม่ ผึ้งก็ดีใจเหมือนกันที่ได้เจอพ่อแม่อีก”
“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ...เรากลับบ้านกันเถอะนะลูก”
“ค่ะ...กลับบ้านเรากัน”
กานดาช่วยพยุงน้ำผึ้งลุกขึ้น เตรียมออกจากโรงพยาบาล
ระหว่างที่เดินออกมาน้ำผึ้งคอยเหลียวหลังมองหาเทิดตามรายทางตลอด แต่ก็ไม่เห็น น้ำผึ้งผิดหวัง ตระหนักว่าเธอคงต้องตัดใจสักที

จะเจอได้อย่างไร ในเมื่อเวลานี้ เทิดเดินปล่อยอารมณ์อยู่ในไร่คนเดียว คิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น แซมเห็นเลยเดินมาหา
“นายครับ”
“อ้าว ลุงแซม”
“อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องของนายเลยนะครับ แต่ผมสังเกตนายมาสักพักแล้ว นายมีอะไรในใจอยู่รึเปล่าครับ”
เทิดทอดถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง
“ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอลุงแซม”
“ผมทำงานกับนายมาไม่ใช่วันสองวันนะครับ ถ้านายเป็นอะไรทำไมพวกผมจะไม่รู้”
เทิดหัวเราะออกมา แต่แล้วก็ซึมลงไปอีก
“ผม กำลังคิดอยู่หลายเรื่องน่ะ”
แซมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามเทิดออกไป
“เรื่องที่ว่านี่รวมถึงเรื่องครูน้ำผึ้งด้วยหรือเปล่าครับ”
เทิดอึ้ง นิ่งงันไป
“ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนนี้ครูน้ำผึ้งคงออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องนายวันนั้น”
“ใช่ ผมรู้แล้วล่ะ มีคนบอกแล้ว”
“ครูน้ำผึ้งนี่ใจเด็ดดีนะครับ ยอมช่วยนายถึงขนาดยอมโดนยิงแทน ผมละนับถือใจเธอใจเธอจริงๆ ไหนจะเรื่องก่อนหน้านี้อีก”
“น้ำผึ้งเขาเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเจออะไรก็ไม่เคยบ่น เขา เป็นผู้หญิงที่ดี”
“ผมทราบครับว่าครูเขาเป็นผู้หญิงที่ดี แต่สิ่งที่ผมอยากถามนายคือ นายคิดยังไงกับครูน้ำผึ้งกันแน่ครับ”
เทิดพูดไม่ออก ยิ่งรู้สึกสับสน
“ผมไม่รู้ ผมรักแค่พริม หลายปีที่ผ่านมาผมก็คิดถึงพริมมาตลอด แล้วก็ไม่อยากรักคนอื่น ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องรู้สึกอะไร น้ำผึ้ง”
“งั้นนายตอบคำถามผมหน่อยเถอะครับ”
“อะไรเหรอลุงแซม”
“นายน่ะไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรักคนอื่นนอกจากคุณพริมเลยใช่ไหมครับ”
“ใช่”
“ช่วงหลัง ตั้งแต่มีครูน้ำผึ้งเข้ามา นายก็เริ่มรู้ผิดต่อคุณพริมใช่ไหมครับ”
“ก็ใช่”
“แต่ว่าทุกอย่างที่ครูน้ำผึ้งทำ ทั้งเรื่องคุณนันท์หรือเรื่องนาย มันทำให้นายเริ่มไม่แน่ใจในความรู้สึกที่ตัวเองเคยมีใช่ไหมครับ”
เทิดเงียบไป
“ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่ผมว่า ผมคิดว่านายคงรักครูน้ำผึ้งเข้าแล้วล่ะครับ”
แซมมองหน้าเทิดนิ่งๆ เทิดเริ่มคิดตาม แต่ก็ยังสับสนไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเอง
“ผมจะรักครูน้ำผึ้งได้ยังไง ในเมื่อผมไม่อยากลืมพริม”
“นายไม่จำเป็นต้องลืมนี่ครับ นายเก็บคุณพริมไว้ในใจได้เสมอ”
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ทำได้สิครับ ถึงคุณพริมจะไม่อยู่แล้ว แต่เธออยู่ในทุกๆ ความทรงจำของทุกคน ทุกพื้นที่บนไร่นี้ ผมเองยังไม่ลืม และผมเชื่อว่านายเองคงไม่มีวันลืม”
แซมมองรอบๆ พื้นที่อันกว้างใหญ่ของไร่ ทอดสายตาไปไกล
“เราทุกคนก็มีหน้าที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อนะครับ คุณพริมรักนายมาก เธอคงอยากเห็นนายกับคุณนันท์มีความสุข ถ้านายเจอคนที่ทำให้นายมีความสุขได้ ผมว่ามันก็ไม่ผิดที่นายจะรักเธอคนนั้นนะครับ”
เทิดคิดตาม
“ลืมอดีตที่เจ็บปวดเถอะนาย แล้วเริ่มต้นใหม่ ไร่เราไม่ได้มีความสุขจริงๆมานานมากแล้วนะ”
แซมเดินมาตบบ่าให้กำลังใจเทิดแล้วเดินออกไปสั่งงานคนงานในไร่ต่อ ทิ้งเทิดให้ยืนขบคิดอยู่ลำพัง

น้ำผึ้งเอาแต่นั่งซึมอยู่ที่บ้านคนเดียว คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สักพักก็เหมือนมีเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาที่บ้าน น้ำผึ้งสงสัยเลยออกไปดู เห็นกานดายืนคุยกับใครบางคนอยู่
“แม่ ใครมาเหรอจ๊ะ”
กานดาหันมา “อ้าว ผึ้ง มาพอดีเลย”
น้ำผึ้งเดินออกไปดู ปรากฏว่าเป็นภูฤทธิ์ที่มาเยี่ยม
“คุณภู”
ภูฤทธิ์ยิ้มให้ น้ำผึ้งผิดหวังนิดๆ ที่ไม่ใช่อสูรปากร้ายคนนั้น

น้ำผึ้งกับภูฤทธิ์นั่งคุยกันอยู่ตรงมุมพักผ่อนหน้าบ้าน น้ำผึ้งยังดูซึมๆ อยู่
“ขอบคุณคุณภูมากนะคะที่มาเยี่ยมน้ำผึ้ง ทั้งที่โรงพยาบาลแล้วก็ที่นี่”
“ไม่เป็นไรครับ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน แค่เห็นคุณผึ้งหายดีผมก็สบายใจ”
“ค่ะ น้ำผึ้งไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะค่ะ”
น้ำผึ้งตอบไปอย่างนั้น แต่ยังดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่นัก ภูฤทธิ์ถามต่อ
“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างก็จบแล้ว คุณน้ำผึ้ง คิดว่าจะทำอะไรต่อจากนี้เหรอครับ”
น้ำผึ้งครุ่นคิด
“น้ำผึ้งก็คงหางานใหม่น่ะค่ะ ตั้งใจว่าจะสอบบรรจุให้ได้สักที จะได้ช่วยเหลือพ่อแม่ได้ ตอนนี้คุณพ่ออาการดีขึ้นมากแล้ว เรื่องหนี้สินเสี่ยทรงยศก็ไปชดใช้กรรมในคุกแล้วคงไม่มีอะไรน่าห่วงอีก”
ภูฤทธิ์ลองถามหยั่งเชิงน้ำผึ้งดู
“แล้ว เรื่องที่ไร่คุณเทิดล่ะครับ”
“น้ำผึ้งคงไม่มีอะไรต้องไปยุ่งเกี่ยวกับที่ไร่นั้นอีกแล้วล่ะค่ะ จะห่วงก็แต่คุณนันท์”
“แค่คุณนันท์จริงๆ เหรอครับ”
น้ำผึ้งอึกอัก “ค่ะ แค่คุณนันท์”
“เอาเถอะครับ อะไรผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ผมก็อยากให้คุณน้ำผึ้งเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุขสักทีเหมือนกัน”
“ค่ะ น้ำผึ้งก็อยากให้เป็นแบบนั้น”
ภูฤทธิ์คิดอะไรในใจอยู่สักพัก ก่อนจะบอกน้ำผึ้งว่า
“แต่ว่าตอนนี้ ผมมีเรื่องอยากให้คุณน้ำผึ้งช่วยหน่อยน่ะครับ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
ภูฤทธิ์ยิ้มนิดๆ น้ำผึ้งแปลกใจ

วันต่อมา น้ำผึ้งมาหาฟ้าใสที่บ้าน ฟ้าใสเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้เพื่อน
“กินน้ำก่อนนะแก”
“ขอบใจมากนะฟ้า”
ฟ้าใสลงนั่งคุยด้วย
“แล้วนี่แกหายดีแล้วเหรอ ถึงมาหาฉันได้”
“ฉันดีขึ้นเยอะแล้ว นอนอยู่แต่บ้านเฉยๆ ก็เบื่อ ออกมาหาแกดีกว่า มีเรื่องอยากคุยกับแกเยอะแยะเลย”
“ฉันก็อยากเจอแก ตั้งแต่มีเรื่องวุ่นวายก่อนหน้าก็แทบจะไม่ได้เจอได้คุยกันเลย”
“นี่ก่อนหน้าที่ฉันจะมาน่ะ ฉันเจอคุณภูด้วยนะ”
“คุณภูทำไมเหรอ”
น้ำผึ้งนิ่งนึก
“อยู่ดีๆ เขาก็มาถาม ว่าถ้าจะจัดงานเหมือนเซอร์ไพรส์ผู้หญิงขอเป็นแฟน อะไรทำนองนี้ควรทำยังไง”
ฟ้าใสชะงักไปนิดหนึ่ง
“ขอเป็นแฟนเหรอ”
“ใช่ แต่ฉันคิดไม่ออกว่าต้องทำยังไง ก็เลยขอเขามาปรึกษาแกหน่อย แกจัดพวกงานแต่งมาตั้งเยอะ น่าจะช่วยได้”
ฟ้าใสคิดว่าภูฤทธิ์คงจะขอน้ำผึ้งเป็นแฟน เลยหน้าเศร้าลง
“ไอ้ช่วยน่ะมันก็ช่วยได้หรอก”
“แสดงว่าแกมีไอเดียดีๆ แล้วใช่ไหม”
“จ้ะ แค่งานเซอร์ไพรส์เล็กๆ น่ะ ไม่ใช่เรื่องยาก”
น้ำผึ้ง เห็นสีหน้าฟ้าใสที่ทำหน้าจ๋อย แล้วอดยิ้มขำไม่ได้
“แล้ว ถ้าเป็นแกเอง อยากให้คนมาเซอร์ไพรส์แบบไหน”
ฟ้าใสแปลกใจ “แกถามฉันทำไมน้ำผึ้ง”
“ก็ฉันอยากรู้นี่”
ฟ้าใสคิดสักพักจึงบอก “ถ้าเป็นฉัน ก็แค่ดอกไม้สักช่อ กับคำพูดที่จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่ต้องจัดงานใหญ่โต ฉันก็โอเคแล้ว”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันซะหน่อย แกอย่าสนใจเลยน้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งหัวเราะออกมา
“โอเคๆ ฉันไม่ถามแล้ว แต่...พรุ่งนี้แกไปที่ไร่คุณภูกับฉันนะ”
“เรื่องงานที่ว่าเนี่ยเหรอ”
“เขาบอกว่าอยากจะใช้สถานที่เป็นที่ไร่เขา ไหนๆ แกก็จะช่วยแล้ว ไปด้วยกันที่นั่นจะได้คุยกับคุณภูด้วย นะ ฟ้านะ”
ฟ้าใสฝืนยิ้มให้น้ำผึ้ง จำใจตอบรับ
“ได้สิ”
“ขอบใจแกมากนะฟ้า แกนี่ใจดีที่สุดในโลก”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเป็นแกหรือคุณภูขอให้ช่วย ฉันเต็มใจอยู่แล้ว”
น้ำผึ้งจับมือฟ้าใสยิ้มดีใจ ฟ้าใสแอบซึม

เช้าวันนี้ น้ำผึ้งพาฟ้าใสมาหาภูฤทธิ์ที่ไร่แต่เช้า พีทออกมาต้อนรับทั้งคู่
“สวัสดีครับ คุณผึ้งคุณฟ้า”
“สวัสดีค่ะคุณพีท”
น้ำผึ้งเหลียวมองหาภูฤทธิ์
“แล้วนี่คุณภูไปไหนเหรอคะ”
“ตอนนี้คุณภูออกไปดูงานที่ไร่ เลยให้ผมมารอรับคุณสองคนครับ แล้วเดี๋ยวผมจะพาไปหาคุณภูเอง”
“ดีเลยค่ะ เราจะได้ไปดูสถานที่ที่เราจะทำงานกันเลย”
“ครับผม เชิญเลยครับ”
พีทเดินนำทั้งสองคนออกไปที่ไร่

สองสาวมาถึงสวนสวยมุมหนึ่งของไร่ดอกไม้ ทั้งสองคนเดินดูไปรอบๆ นานพอควรแล้ว แต่ภูฤทธิ์ก็ยังไม่มาสักที จนฟ้าใสหงุดหงิดหันมาหารือน้ำผึ้ง
“คุณภูให้เรามารอที่นี่แน่เหรอน้ำผึ้ง นี่ก็รอมาสักพักแล้วเขายังไม่มาเลย”
“แต่คุณพีทบอกว่าให้รออยู่ที่นี่นะฟ้า เดี๋ยวเขาก็คงมาล่ะ รอก่อนเถอะนะ หรือว่าแกรีบไปไหน”
“เปล่าจ้ะ ไม่ได้รีบ”
“งั้นเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันก่อน”
เสียงโทรศัพท์ของน้ำผึ้งดังขึ้น น้ำผึ้งรีบรับสาย
“ค่ะ มีคนมาหาฉันที่นี่เหรอคะ ใครกันคะ ก็ได้ค่ะเดี๋ยวฉันไป”
น้ำผึ้งวางสาย ฟ้าใสสงสัยว่าใครกันโทร.มา
“มีอะไรเหรอน้ำผึ้ง”
“คุณพีทโทร.มา บอกมีคนมาหาฉัน”
ฟ้าใสแปลกใจ “ที่นี่น่ะเหรอ”
“ใช่ ฉันก็ไม่รู้ใคร เลยว่าจะไปดูก่อน แกรออยู่ที่นี่ก่อนได้ไหมฟ้า เดี๋ยวฉันมา”
“อ้อ...ได้สิ”
น้ำผึ้งปลีกตัวออกไป ทิ้งฟ้าใสให้เดินดูไร่ดอกไม้เพียงลำพัง จนฟ้าใสชักเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

สักพักก็เหมือนมีคนมายืนอยู่ด้านหลัง ฟ้าใสคิดว่าน้ำผึ้งเลยไม่ได้หันไปมอง
“กลับมาแล้วเหรอผึ้ง เร็วจัง”
เสียงคุ้นหูใครคนหนึ่งดังขึ้น “ผมเพิ่งมาต่างหากครับ”
ฟ้าใสจำเสียงได้หันไปหา เจอภูฤทธิ์ยืนยิ้มเผล่ ในมือถือดอกไม้ช่องามอยู่
“ฟ้ากับน้ำผึ้งกำลังรอคุณภูอยู่เลยค่ะ” ฟ้าใสสะดุดตา มองจ้องช่อดอกไม้โดยไม่คิดอะไร “แล้วเจ้านี่ คุณภูเอามาให้น้ำผึ้งเหรอคะ”
ภูฤทธิ์อึ้ง ยิ้มเขิน พูดกระอึกกระอัก เกาหัวแก้เก้อ
“คือ...ผม...ไม่ได้จะให้คุณน้ำผึ้งครับ”
ฟ้าใสงงใหญ่ “แล้วเอามาให้ใครคะ”
“ผมเอามาให้คุณฟ้า”
ฟ้าใสงุนงงปนตกใจ
“ให้ฟ้าเหรอคะ”
“ครับ ก็คุณฟ้าบอกเองว่า ถ้าอยากจะให้ใครเซอร์ไพรส์ แค่เอาดอกไม้มาให้สักช่อ แล้วพูดตรงๆ คุณฟ้าก็จะยอมตกลงแล้ว”
“ค่ะ...แต่ว่า ฟ้าบอกกับน้ำผึ้ง...เมื่อวาน”
“ครับ คุณน้ำผึ้งเป็นคนบอกเอง ผมเลยเตรียมเจ้าดอกไม้นี่มาให้คุณฟ้าไงครับ”
“หมายความว่ายังไงคะคุณภู”
“ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ ผม...อยากจะขอคบคุณฟ้า...เป็นแฟน”
ฟ้าใสชะงัก แทบไม่เชื่อหูจนต้องย้อนถามไปว่า “คบ...กับฟ้า”
“ครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้ทำอะไรให้มันสวยหรู แต่ถ้าคุณฟ้าอยากให้พูดจากใจ ผมก็จะพูดให้คุณฟ้าฟัง” ฟ้าใสอึ้ง ยืนนิ่ง ปล่อยให้ภูฤทธิ์พูดไป “เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ รู้จักกันมาก็นาน คุณฟ้าคอยช่วยเหลือผมมาตลอด แต่ผมกลับไม่เคยมองเห็นความหวังดี หรือ สิ่งที่คุณฟ้าพยายามทำให้ผมเลย”
ฟ้าใสเงียบ
“แต่วันนี้ผมรู้แล้วครับ ว่าสิ่งคุณฟ้าทำให้มันมีค่ามากขนาดไหน ถ้าคุณฟ้ายังคิดว่าพอจะให้โอกาสผมได้ ผมก็อยากขอเป็นคนที่ดูแลคุณฟ้าบ้าง จะได้ไหมครับ”
“คุณภูพูดจริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ”
ฟ้าใสเงียบไป ภูฤทธิ์ลุ้นจัดว่าคำตอบจะเป็นยังไง สักพักฟ้าใสก็พูดออกมาเป็นเชิงถามว่า
“ถ้าฟ้าตกลงแล้ว คุณภูห้ามเปลี่ยนใจนะคะ”
“ครับ”
“ถ้าฟ้ายอมคบกับคุณภู คุณภูต้องดูแลฟ้าไปตลอดเลยนะคะ ทำได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ ผมทำได้อยู่แล้ว”

ฟ้าใสรับช่อดอกไม้ไป ภูฤทธิ์เข้าไปสวมกอดด้วยความดีใจ

อ่านต่อหน้า 2




มนต์รักอสูร ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)

เวลาผ่านไป ภูฤทธิ์พาฟ้าใสกลับมาหาน้ำผึ้ง ฟ้าใสทำหน้างอนใส่เพื่อน

“ผึ้ง แกนี่รู้อะไรไม่ยอมบอกฉันเลยนะ”
“อ้าว แกนี่พูดแปลก ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ” น้ำผึ้งหันมาพยักพเยิดกับภูฤทธิ์ “จริงไหมคะคุณภู”
“จริงครับ ต้องขอบคุณคุณน้ำผึ้งมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณช่วย ผมนี่ไม่รู้จะหลอกคุณฟ้ามาที่ไร่ยังไงเลย”
ภูฤทธิ์พูดติดตลก ฟ้าใสหันมาทำหน้าดุใส่
“คุณภูนี่ก็”
“น่า...คุณฟ้า อย่าดุผมเลย ผมอุตส่าห์คิดแผนกับคุณผึ้งแทบแย่”
“แล้วถ้าฟ้าไม่มาล่ะคะ”
“ผมก็จะไปหาคุณถึงบ้านเลยละ”
พีทยืนอยู่ด้วย ต้องขอแซวเจ้านาย
“ตอนทำสำเร็จคุณภูก็คุยได้แบบนี้ล่ะครับ เมื่อวานยังมาคุยกับผมอยู่ว่า ถ้าคุณฟ้าไม่ตกลงนี่เขาต้องแย่แน่ๆ”
ภูฤทธิ์เขิน “อย่าแฉกันสินายพีท”
ทุกคนพากันขำภูฤทธิ์ ฟ้าใสก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
“ยังไงต่อจากนี้คุณภูต้องดูแลยัยฟ้าดีๆ รู้ไหมคะ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมจะไม่มีวันทำให้คุณฟ้าเสียใจเป็นอันขาด”
ฟ้าใสจ้องหน้าอ้อนภูฤทธิ์ “คุณสัญญาแล้วนะ”
“สัญญาสิครับ”
น้ำผึ้งมองเพื่อนรักสองคนที่ลงเอยกันได้ ก็รู้สึกดีใจด้วยจากใจจริง
“ฉันดีใจด้วยจริงๆ นะคะ ฟ้าใสเป็นเพื่อนที่ดีของฉันมากๆ คุณภูเองก็เป็นคนดี การที่เราเห็นคนใกล้ตัวเรามีคนที่ดีจริงๆ มาดูแล แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ”
“พวกผมเองก็อยากเห็นคุณผึ้งมีคนที่ดีมาดูแลเหมือนกันนะครับ”
น้ำผึ้งสะท้อนใจ หน้าเศร้าลง
“ฉันคงยังไม่คิดจะให้ใครมาดูแลต่อจากนี้หรอกค่ะคุณภู”
“แต่ผมว่ามีคนที่เขาพร้อมจะดูแลคุณผึ้งนะครับ” ภูฤทธิ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ใครเหรอคะ”
ภูฤทธิ์มองไปด้านหลัง น้ำผึ้งหันไปมองตาม พอเห็นว่าใครเดินมาก็ตกใจ คาดไม่ถึง
“คุณเทิด”
น้ำผึ้งมองเทิด อึ้งไปเลย
เทิดแยกมาคุยกับน้ำผึ้งสองต่อสอง ทั้งคู่เอาแต่เงียบใส่กันเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร น้ำผึ้งเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหว เป็นคนพูดขึ้นก่อน
“คุณมีอะไรอยากคุยกับฉันเหรอคะ”
เทิดเงียบไปอีก ทำใจสักพักก่อนจะพูดออกมาว่า
“ฉัน…อยากจะขอโทษเธอ”
“ขอโทษเรื่องอะไรคะ”
“ขอโทษที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อน ทำให้เธอต้องเจ็บตัว ขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา”
น้ำผึ้ง พูดเหมือนประชด โดยยังไม่ยอมมองหน้าเทิด
“คุณหายไปตั้งนาน แล้วตอนนี้คุณจะมาขอโทษฉันให้ได้อะไรเหรอคะ”
“ฉันรู้ว่ามันอาจจะช้าไป แต่คิดว่าฉันควรจะพูดมันบ้าง อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังดี”
“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องทุกอย่างมันก็จบแล้ว ไม่ว่าคุณจะมาหาฉันวันนี้เพราะอะไร มันก็ไม่มีผลกับชีวิตฉันแล้วล่ะค่ะ”
“แต่มันมีผลกับฉัน”
“ยังไงคะ”
“เพราะฉันคงจะรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต ถ้าไม่ได้อธิบายให้เธอเข้าใจ”
น้ำผึ้งพยายามทำใจแข็ง “คุณจะต้องอธิบายอะไรอีก”
“ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันไม่ได้คิดจะหายไป ฉันไปหาเธอทุกวัน แต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะรู้สึกผิดในทุกเรื่องที่ฉันทำ”
“รู้สึกผิดเหรอคะ”
“ใช่ เธอทำดีกับฉันมาตลอด แต่ฉันกลับใจร้าย ทำให้เธอเสียใจซ้ำแล้วซ้ำแล้วเล่า ฉันไม่ขอให้เธอให้อภัย แค่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันเสียใจกับทุกเรื่องที่ผ่านมา”
น้ำเสียงของเทิดดูจริงจัง รู้สึกผิดจริงๆ
“แล้วที่คุณมาหาฉันวันนี้เพราะจะขอโทษเท่านั้นใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอก ฉันมีอีกเรื่องที่ต้องบอกเธอ แต่ไม่รู้เธอยังอยากฟังรึเปล่า”
น้ำผึ้งลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจให้โอกาสเทิด
“คุณลองพูดมาสิคะ”
เทิดพยักหน้า เริ่มพูดต่อ

นันท์เดินเข้ามาให้ห้องเรียนในบ้าน อ้อยกับหอมนั่งเล่นอยู่ในนั้น อ้อยดูซีรี่ส์ในไอแพดเหมือนเคย ส่วนหอมเอาแต่เล่นเกมมือถือ
“พี่อ้อย พี่หอม”
สองคนสะดุ้ง “คะ คุณนันท์” / “ครับ คุณนันท์”
ทั้งสองรีบทิ้งโทรศัพท์กับไอแพดเข้ามาหานันท์
“คุณนันท์ว่าไงคะ”
“พ่อไปไหนอีกแล้ว นันท์หาพ่อไม่เจอ”
อ้อยกับหอมมองหน้ากัน
“วันนี้นายไม่ได้ไปทำงานที่ไร่เหรอคะ”
“นันท์ก็ไม่รู้ เลยมาถามไง”
“ถ้าคุณนันท์ไม่รู้ พวกพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“อ้าว…แล้วใครจะรู้ล่ะ”
เสียงพรแหลมเข้ามา “ป้ารู้ค่ะคุณนันท์”
ทุกคนหันไปที่ประตู เห็นพรเดินเข้ามา ดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน
“ป้าพรรู้เหรอ” นันท์ถาม
“ค่ะ…นายบอกไว้ ก่อนจะไปทำธุระสำคัญ สำคัญกับพวกเรามากๆ”
นันท์งง “ธุระอะไรครับ”
“ก็คุณพ่อ กำลังไปตามครูน้ำผึ้งให้กลับมาหาพวกเราที่นี่ไงคะ”
พอทุกคนรู้เข้าก็พากันตื่นเต้นดีใจยกใหญ่
“จริงเหรอป้า”
“จริงสิยะ”
นันท์ดี๊ด๊าดีใจกว่าใคร “พ่อจะพาครูกลับมาที่นี่จริงๆ ใช่ไหมครับ”
“ค่ะคุณนันท์ ตอนนี้คุณพ่อไปหาครูน้ำผึ้งอยู่ คุณนันท์เอาใจช่วยคุณพ่อให้ทำสำเร็จด้วยนะคะ”
“ได้สิครับ นันท์จะเอาใจช่วยพ่อ พี่อ้อยพี่หอมด้วยนะ”
“ได้สิคะคุณนันท์ พวกเราก็อยากให้ครูกลับมาค่ะ” อ้อยยิ้มบอก
นันท์มีความหวังเต็มเปี่ยม ว่าจะได้เจอครูน้ำผึ้งอีกครั้ง

เทิดยังอยู่คุยกับน้ำผึ้งต่อที่ไร่ของภูฤทธิ์ เขาเล่าเรื่องช่วงที่หายหน้าไปให้น้ำผึ้งฟัง
“ระหว่างที่ฉันหายไปฉันกลับไปทบทวนอะไรหลายอย่าง ทั้งเรื่องไร่ เรื่องของลูก รวมถึงเรื่องของพริมด้วย”
น้ำผึ้งยืนฟังเทิดเงียบๆ
“ช่วงก่อนหน้าที่ฉันเสียพริมไป ฉันเอาแต่เสียใจ จนกระทั่งลืมคนรอบตัว ที่ร้ายที่สุดคือฉันทำร้ายลูกของฉันด้วยการเอาแต่ทำงานแล้วก็ลืมใส่ใจเขา”
“คุณนันท์” น้ำผึ้งคิดถึงลูกศฺษย์ตัวน้อย
“ใช่ นันท์เลยกลายเป็นเด็กมีปัญหา ฉันโทษลูกว่าเขาทำตัวก้าวร้าวโดยที่ไม่เคยมองเลยว่าตัวเองทำผิดอะไร แล้วมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งฉันเจอเธอ”
น้ำผึ้งอึ้งไป เหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เทิดพูดต่อ
“การมีเธอเข้ามามันเปลี่ยนทุกอย่าง เธอทำให้นันท์กลายเป็นคนดีขึ้นทำให้ไร่เรามีชีวิตชีวา ทำให้ฉัน…เริ่มจะรู้สึกได้ว่าตัวเองคงจะมีความสุขได้อีก”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
“ฉันก็พยายามปฏิเสธว่าไม่ใช่ ฉันกลัวว่าการเข้ามาของเธอจะทำให้ฉันต้องลืมพริม”
“คุณรักคุณพริมมากนี่คะ มันไม่ผิดที่คุณจะคิดแบบนั้น”
“สุดท้ายก็มีคนมาเตือนสติฉันว่าฉันรักพริมมากก็จริง แต่ฉันปล่อยให้ตัวเองเป็นทุกข์มานานเกินไป แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนในอดีตอีกแล้ว”
“หมายความว่ายังไงคะ”
เทิดมองสบตาน้ำผึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตอนนี้ฉันเจอคนที่จริงใจกับฉัน ทำทุกอย่างได้เพื่อฉันโดยไม่หวังผลตอบแทน ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่ฉันจะสามารถ…รักได้”
น้ำผึ้งเงียบ รอฟัง
“ซึ่งคนนั้นก็คือเธอ”
น้ำผึ้งถึงกับพูดไม่ออก
“ฉันไม่รู้ว่าเธอจะตอบยังไง แต่ถ้าฉันขอร้องเธอได้สักอย่าง ฉันอยากจะให้เธอกลับไปกับฉัน”
“คุณเทิด”
เทิดเดินเข้ามาใกล้ๆ จับมือน้ำผึ้งมากุมไว้ มองด้วยสายตาลึกซึ้งเว้าวอน
“กลับไปกับฉันเถอะ อดีตที่ผ่านมาฉันกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ต่อจากนี้ ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดี และจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจอีก ฉันรักเธอนะน้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งน้ำตารื้น
“คุณพูดจริงใช่ไหมคะ”
เทิดพยักหน้า น้ำผึ้งน้ำตาไหลรินออกมา พลางพยักหน้าตอบตกลงที่จะกลับไปกับเขา เทิดดีใจสวมกอดน้ำผึ้งแนบแน่น น้ำผึ้งกอดตอบ ในสภาพน้ำตาเต็มตา สองคนปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด

เทิดกลับมาที่ไร่พร้อมด้วยน้ำผึ้ง พรเดินออกมารับ พอเห็นว่าน้ำผึ้งกลับมาด้วยก็ดีใจ ตะโกนเรียกทุกคน
“ครู...ทุกคน ออกมานี่เร็ว ครูน้ำผึ้งกลับมาแล้ว”
อ้อย หอม ผัน มาร์ค และชมพู่ยกโขยงตามกันออกมา
อ้อย กะ หอม ร้องอุทานดังลั่น “ครู”
“ครูกลับมาแล้ว อีพี่หอม ครูกลับมาแล้วจริงๆ ด้วย”
อ้อยดีใจมาเขย่าตัวหอมยกใหญ่ หอมรีบผลักอ้อยออก
“เออ เห็นแล้วโว้ย จะรออะไรล่ะ เข้าไปหาครูสิ”
ทุกคนรีบเข้าไปหาน้ำผึ้งด้วยความดีใจ น้ำผึ้งยิ้มกว้าง ตื้นตันใจที่ได้เจอหน้าทุกคนที่รักเธออีก
“ทุกคน เป็นไงบ้าง ฉันคิดถึงทุกคนมากเลยรู้ไหม”
“พวกเราก็คิดถึงครูค่ะ ตอนครูไม่อยู่ที่นี่แห้งเหี่ยวชะมัด จริงไหมมาร์ค” ชมพู่พยักพเยิดกับมาร์ค
“ใช่ครับ ผมนี่ไม่รู้จะชงกาแฟให้ใครเลย” มาร์คว่า
อ้อยหมั่นเขี้ยว “แหม ทำเป็นเอาใจครู จะชงให้ใคร ก็ต้องชงให้ลูกค้าสิยะพี่มาร์ค”
ทุกคนหัวเราะขำ มาร์คหัวเราะออกมา น้ำผึ้งกับเทิดพลอยหัวเราะไปด้วย
ผันถามเทิดว่า
“แล้วนี่ ที่นายมากับน้ำผึ้งมันยังไงครับ”
เทิดตอบสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“ก็ไม่ยังไง ฉันก็พาครูน้ำผึ้งกลับมาสอนคุณนันท์ที่นี่แล้วน่ะสิ”
พรสัพยอก “คราวนี้ นายคงไม่ไล่ครูออกอีกใช่ไหมคะ”
น้ำผึ้งมองหน้าเทิด ยิ้มให้กัน
“ไม่หรอกจ้ะ คราวนี้คงจะอยู่นานเลย”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา จับอาการของเทิดกับน้ำผึ้ง หอมเป็นฝ่ายแซวขึ้นมาว่า
“หอมก็คิดแบบนั้นแหละจ้ะ แถมคราวนี้คงจะไม่ได้มาในฐานะครูอย่างเดียว คงอยู่ในฐานะคุณนายประจำไร่พวกเราด้วย จริงไหมครู”
อ้อยฟังแล้วทำตาโต ฟาดหอมดังป้าบ
“อีพี่หอม พูดอะไร ถ้าคุณนันท์มาได้ยินจะทำยังไง”
หอมลูบแขนตัวเองป้อยๆ อ้อยทำหน้าดุใส่ เสียงนันท์ดังขึ้นว่า
“ก็ไม่ว่ายังไงนี่ครับ”
ทุกคนหันมองเห็นนันท์เดินออกมาจากประตูบ้านมาสมทบ นันท์วิ่งเข้ามาหาน้ำผึ้งด้วยความคิดถึง
“นันท์ยินดีให้ครูอยู่สอนนันท์ตลอดอยู่แล้ว”
น้ำผึ้งเต็มตื้นน้ำตาคลอ
“คุณนันท์ให้ครูอยู่ที่นี่ได้จริงๆ ใช่ไหมคะ”
“ได้สิครับ คนที่รักนันท์ รักพ่อของนันท์ ทำไมนันท์ถึงจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะครับ”
“คุณนันท์”
“อยู่กับเราที่นี่ตลอดไปเลยนะครับ แม่น้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งน้ำตาไหลรินออกมากับคำเรียกของเด็กชายตัวน้อย ไม่เท่านั้นนันท์เป็นโผเข้าไปกอดน้ำผึ้งก่อนน้ำผึ้งกอดตอบนันท์น้ำตาร่วงด้วยความปีติ
เทิดเข้าไปหาทั้งคู่ ลูบผมนันท์ ดีใจที่ทุกอย่างลงเอยด้วยด้วย
อ้อยงงๆ นิดหน่อย พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี

ทุกคนต่างยินดีกับน้ำผึ้ง ที่เข้าใจกับเทิดและนันท์ดีแล้ว

อ่านต่อหน้า 3




มนต์รักอสูร ตอนที่ 27 อวสาน (ต่อ)

พอน้ำผึ้งกับเทิดเดินเข้ามาในบ้าน เจอแพรวนภากับเมญ่าขนกระเป๋าสัมภาระออกมา

“แพรว คุณจะไปไหน” เทิดแปลกใจ น้ำผึ้งพอเข้าใจ
แพรวนภาเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสู้หน้าใคร
“ฉันจะไปจากที่นี่ค่ะ”
“ไปจากที่นี่”
“ใช่ค่ะ แล้วคราวนี้ ต่อให้ใครมาห้ามฉันอีก” แพรวนภามองมายังน้ำผึ้งขณะพูดคำท้าย “ฉันก็จะไปอยู่ดี”
“แล้วคุณกับเมญ่าจะไปอยู่ที่ไหนคะ”
เมญ่าเป็นฝ่ายตอบแทนว่า
“ตอนนี้เมญ่าจองตั๋วกลับอังกฤษให้คุณแพรวแล้วค่ะ เราคงจะกลับไปดูร้านของเราต่อที่นั่น แล้วก็คงจะไม่ได้กลับมาอีก”
เทิดงงอยู่นั่น “หมายความว่ายังไงที่จะไม่กลับมาอีก”
“ก็หมายความว่าฉันคงไม่มีหน้าที่จะทนอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วยังไงล่ะคะ” เมญ่าหน้าจ๋อยสนิท ปล่อยให้แพรวนภาพูดต่อ
“ฉันทำผิดกับคุณสองคนมามาก ใช้ความอยากได้อยากมีของตัวเองเพื่อเอาชนะ แต่สุดท้ายกลับเป็นฉันเองที่ต้องเจ็บตัว เจ็บใจ แถมยัง ทำร้ายคนที่ตัวเองรัก ทำร้ายแม้กระทั่งครอบครัวน้องสาวตัวเอง”
น้ำผึ้งคราง “คุณแพรว”
“ฉันรู้ตัวแล้วค่ะ แล้วก็ต้องขอโทษทั้งคุณทั้งครูน้ำผึ้งสำหรับทุกเรื่องที่ฉันทำลงไปด้วย”
“เรื่องทุกอย่างมันก็จบแล้ว ฉันไม่ติดใจอะไรคุณ แล้วอะไรที่ฉันเคยทำให้คุณไม่พอใจในอดีต ฉันก็ต้องขอโทษเหมือนกันนะคะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย เธอเป็นคนดี ทำแต่สิ่งที่ดีมาตลอด ก็สมควรแล้วที่จะเป็นคนที่เทิดรัก ไม่ใช่ฉัน”
แพรวนภาน้ำตารื้น จะร้องไห้รอมร่อ รู้สึกผิดกับทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปด้วยแรงริษยา
“แพรวขอให้เทิดโชคดีนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ คุณควรจะได้มีชีวิตที่ดี ได้อยู่กับคนที่คุณรักและรักคุณจริงๆ สักที”
เทิดพยักหน้าเข้าใจ หายบื้อแล้ว
“ถ้าคุณเลือกอย่างนั้น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกแพรว ผมขอให้คุณโชคดีเหมือนกัน”
“เมญ่าเองก็ขอโทษเหมือนกันนะคะ เราสองคนสัญญาค่ะ ว่าหลังจากออกจากไร่นี้เราจะไม่สร้างเรื่องวุ่นวายอะไรที่นี่อีกเป็นอันขาด”
“อย่าถึงขนาดต้องตัดขาดกันเลยค่ะ ยังไงคุณแพรวก็เป็นป้าของคุณนันท์ ถ้าวันไหนคุณรู้สึกดีขึ้น และพร้อมที่จะกลับมา ฉันเชื่อว่าที่นี่ยังยินดีต้อนรับคุณเสมอนะคะ”
แพรวนภาน้ำตาร่วง ยิ่งน้ำผึ้งดีด้วยเท่าไหร่หล่อนก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้น
“ขอบคุณมากนะน้ำผึ้ง ขอบคุณจริงๆ”
แพรวนภายิ้มลาทั้งน้ำตา แล้วหันไปหาเมญ่า กะเทยบึกบึนลากกระเป๋าออกไป แพรวนภาตามหลัง เทิดกับน้ำผึ้งมองตามสองคนไป

ฟ้าใสแวะมาภูฤทธิ์ที่ไร่ พอรู้เรื่องว่าเทิดมาที่ไร่นี้ ก็ประหลาดใจมาก
“อ๋อ ที่คุณเทิดมาที่หาน้ำผึ้งที่ไร่นี้ได้ เพราะคุณกับคุณเทิดช่วยกันวางแผนเหรอคะ”
ภูฤทธิ์กอดอกยิ้มยืดภูมิใจมาก
“ใช่ครับ มันเป็นแผนของผมเอง”
“คุณภูนี่ร้ายนะคะ นัดแนะกับผึ้งเรื่องฟ้า แล้วยังจะมีเวลาไปคุยกับคุณเทิดอีก”
“ก็คุณเทิดเขามาคุยกับผม ผมก็เห็นอยู่ว่าสองคนนั้นเขาชอบกัน จะไปขัดขวางเขาอีกก็คงไม่ใช่ เลยใช้โอกาสนี้ จัดการซะเลย”
“เจ้าแผนการที่สุด” ฟ้าใสแกล้งทำปั้นปึ่งใส่
“โธ่ คุณฟ้า ก็ผมอยากให้ทุกคนลงเอยกันด้วยดีนี่ครับ”
“เห็นคุณทำตัวใสๆ ซื่อๆ ที่แท้ก็คิดอะไรซับซ้อนใช่ย่อยนะคะ นี่ที่ฟ้าตกลงไปจะโดนคุณหลอกไหมก็ไม่รู้”
ฟ้าใสมองค้อน ภูฤทธิ์แก้ตัวยกใหญ่
“มาถึงขนาดนี้แล้ว กว่าจะรู้ใจตัวเองก็ตั้งนาน ผมไม่หลอกคุณหรอกครับ”
“เชื่อได้จริงเหรอคะ”
ฟ้าใสแกล้งงอนภูฤทธิ์รีบง้อ
“ได้สิครับ เชื่อผมนะ คุณฟ้านะ”
ภูฤทธิ์ทำน้ำเสียงออดอ้อนสุดชีวิต จนฟ้าใสหลุดขำ หัวเราะคิกคัก
“อ้าว แกล้งผมเหรอ”
“เวลาคุณทำเสียงแบบ...” ฟ้าใสเก๊กเสียงภูฤทธิ์ล้อ “เชื่อผมน้า คุณฟ้าน้า…มันตลกดีนี่คะ”
ภูฤทธิ์เขิน “อย่าล้อผมสิครับ”
ฟ้าใสขำ “ค่า ไม่ล้อแล้ว แต่…คุณภูคิดเหมือนฟ้าไหมคะ”
“คิดว่าอะไรครับ”
“ก็ดีใจที่อะไรๆ มันจบลงด้วยดีสักทีไงคะ”
“ดีใจสิครับ ผมเองก็พ้นผิดที่โดนกล่าวหา ได้เจอคนที่ตัวเองรัก แล้วก็ได้เพื่อนดีๆ จากเหตุการณ์พวกนี้”
“ฟ้าเองก็ได้บทเรียนอะไรเยอะค่ะ พี่ยศเองก็คงไม่ต่างกัน ฟ้าคงจะจำมันไปตลอดชีวิตเลยละ”
“ผมก็เหมือนกันครับ”
ฟ้าใสทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วทอดถอนใจยาวเหยียด ภูฤทธิ์พูดปลอบ
“อะไรผ่านไปแล้วก็ผ่านไปครับ ต่อไปนี้เราใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า อีกอย่าง…ตอนนี้ผมอยากพาแฟนใหม่ไปฉลองด้วยกันจะแย่แล้ว”
ฟ้าใสเขิน “เอ๊ะ ยังไงคะ”
“เดี๋ยววันนี้ผมจะให้นายพีทเตรียมดินเนอร์สุดพิเศษไว้ให้คุณฟ้าใส รับรอง คุณฟ้าประทับใจแน่”
“ถ้าไม่ประทับใจ ฟ้าจะเลิกกับคุณ”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“ก็คุณเล่นซื่อไม่รับรู้อะไรตั้งนาน ทีนี้ถึงคราวฟ้าเล่นตัวบ้างล่ะค่ะ”
ภูฤทธิ์รีบง้อ ฟ้าใสหัวเราะที่ได้แกล้งคนรัก
พีทมองอยู่แต่ต้น ชี้ชวนพนักงานออกมาแอบดูทั้งสองคนคุยกันมุ้งมิ้ง ทุกคนยิ้มมีความสุขไปกับนาย

พรเอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ท่าทางมีความสุขล้น ชมพู่ อ้อย หอม มาร์คเดินเข้ามาสมทบ
“เป็นอะไรป้า นั่งยิ้มคนเดียวอยู่ได้” ชมพู่ทัก
“จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง ก็คนมันมีความสุขนี่จ๊ะ”
ทุกคนเดินมานั่งรวมกับพร อ้อยพูดแซวพรขึ้นว่า
“แหมป้า อย่ายิ้มกว้างมากนักล่ะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ยิ้มมาก ตีนกาจะขึ้นเอา”
พรอารมณ์เสีย ของขึ้น เดือดปุดๆ “หน็อย นังอ้อย ฉันน่ะหน้ายังตึงอยู่เยอะย่ะ ไม่มีวันจะเหี่ยวง่ายๆ หรอก ยิ่งอะไรในไร่เราเป็นไปด้วยดีแบบนี้ รับรองหน้าฉันจะเด็กไปอีกเป็นสิบปี”
หอมหมั่นไส้ “เว่อร์จริงๆ เล้ย ป้าเนี่ย”
“ไม่เว่อร์หรอกไอ้หอม รู้ไหมความสุขเนี่ยเป็นยาอายุวัฒนะชั้นดีเลยนะ”
มาร์คพยักพเยิดเห็นด้วยกับพร
“ผมเห็นด้วยกับป้าพรนะ เวลาคนเรามีความสุข อะไรๆมันก็จะดีตามไปด้วย”
“จริงนะพี่มาร์ค เฮ้อ…ในที่สุดเรื่องร้ายๆ ในไร่เรามันก็ผ่านไปจริงๆ ซักที”
ชมพู่ยกมือท้าวคาง ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ฉันเองก็ดีใจนะ ที่นายกับคุณนันท์จะมีคนมาดูแลแล้ว ถึงจะแอบเสียดายนิดนึงก็เหอะ”
หอมสงสัย “เสียดายอะไรนังอ้อย”
“เสียดายที่อดเป็นคุณนายประจำไร่นี้นะซี้”
ทุกคนพากันรุมโห่ฮาประณามอ้อยยกใหญ่
“อะไร โห่ใส่ฉันทำไม”
“เรื่องมาจนป่านนี้แล้วยังไม่เลิกมโนอีก อย่าแกน่ะไม่มีวันได้เป็นคุณนายประจำไร่ร้อก ถ้าเป็นคุณนายประจำบ้านก็ไม่แน่”
“อะไร ฉันจะไปเป็นคุณนายประจำบ้านใคร”
หอมยิ้มกรุ้มกริ่มบิดตัวไปมา
“บ้านพี่ก็ยังว่าง ถ้าสนใจมาประจำบ้านพี่ก็ได้นะจ๊ะ”
“ยี้! ไม่เอาหรอก เพื่อนที่โรงเรียนฉันตั้งเพียบ ฉันไม่เอาพี่หรอก ฝันไปเหอะ เชอะ”
“อ้าว ไม่ลองไม่รู้นะเว้ย สมัยนี้เขาไม่เน้นหล่อแล้ว เขาดูกันที่คารม และลีลา”
หอมยิ้มหวานใส่ อ้อยก็ยิ่งทำท่าแขยงหนักขึ้นไปอีก
“โอ๊ย ไม่เอา ให้ตายชาตินี้ชาติไหนก็ไม่เอา ไปไกลๆเลยนะ เกลียดนักพวกหยอดไปเรื่อยแบบนี้เนี่ย นี่แน่ะ”
อ้อยยกแขนฟาดรัวๆ จนหอมทนไม่ได้ลุกขึ้นวิ่งหนีไปรอบๆ โต๊ะ ใครเห็นก็อดหัวเราะขำสองคนไม่ได้

หลายวันมานี้ เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในไร่ของเทิด จากไร่ที่ไม่เคยมีดอกไม้มาประดับเลย ก็กลับสดใสขึ้นอีกครั้ง ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวก็กลับสดใสขึ้น ไร่ที่เงียบเหงาไม่มีคนมาเยี่ยมเยียนเป็นเวลานานก็เริ่มเปิดให้คนเข้ามาชมได้ เห็นภาพคนเข้าออกในไร่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว บรรยากาศในไร่ดูสดใสขึ้น
อีกวัน เทิดตื่นแต่เช้า กำลังจะออกไปทำงานตามปกติกับผัน น้ำผึ้งออกมาส่งที่หน้าบ้าน เทิดยิ้มหน้าบาน
สักพักเห็นรถใครบางคนแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกใหญ่ ภูฤทธิ์ ฟ้าใส พร้อมกับพีทลงรถมา สองหนุ่มช่วยกันหิ้วดอกไม้จำนวนมากลงมาส่ง เทิดตรวจดู พูดคุยกับภูฤทธิ์ด้วยท่าทีเป็นมิตร ฟ้าใสเข้ามาหาน้ำผึ้งกับนันท์หิ้วขนมมาฝากด้วย
เช้าเดียวกัน อ้อยแต่งตัวจะออกไปเรียนเหมือนเดิม ผันจะขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งลูกเช่นเคย สักพักเห็นคนขับมอเตอร์ไซค์โฉบเข้ามา อ้อยมองไปงงๆ แล้วก็ทำตาโตเมื่อเห็นเป็นหอมในชุดหล่อเนี้ยบ จอดมอเตอร์ไซค์ ทำท่าตบเบาะให้อ้อยมาขึ้นซ้อน อ้อยทำหน้ายี้แล้วก็เดินหนีหอม หอมวิ่งตาม ผันส่ายหัวขำๆ
มาร์คกลับไปทำงานที่ร้านกาแฟ กำลังสาละวนกับการชงกาแฟให้ลูกค้า จู่ๆ มีมือใครคนหนึ่งยื่นเข้ามาช่วยชงกาแฟ มาร์คตกใจหันไปเห็นเป็นพีทก็ยิ้มเขินๆ ทั้งคู่ช่วยกันชงกาแฟให้ลูกค้าอย่างมีความสุข
แซมกลับไปคุมงานในไร่ เหมือนเดิม เทิดเดินเข้ามาหา แซมยิ้มแย้มร่าเริงมากขึ้น ทั้งคู่ช่วยกันลงแรงทำงาน และสั่งงานไปด้วย คนงานทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เทิดมองพอใจ

น้ำผึ้งกลับมาสอนแล้ว และช่วยติวเข้มให้นันท์ เพราะใกล้จะสอบเข้าโรงเรียนแล้ว นันท์ตั้งใจเรียนมาก พอถึงช่วงพักอ้อยกับหอมก็เข้ามา เอาน้ำเอาขนมมาให้กำลังใจนันท์
เทิดกลับจากไร่ เห็นน้ำผึ้งนั่งอยู่ในห้องเรียนจึงเดินเข้าไปดู น้ำผึ้งจุ๊ปากบอกให้เงียบ เทิดชะโงกหน้าเข้าไปดู เห็นนันท์หลับไปทั้งๆ ที่ยังอ่านหนังสืออยู่

สองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะขำ

อ่านต่อหน้า 4




มนต์รักอสูร ตอนที่ 27 จบบริบูรณ์

วันนี้ เทิดกลับมาทานกลางวันที่บ้าน อ้อยกับหอมคอยดูแล พรกับชมพู่ยกอาหารมาเสิร์ฟอย่างเคย เทิดถามหานันท์ กับน้ำผึ้ง ยังไม่เห็นทั้งคู่มา

“ป้าพร นันท์กับน้ำผึ้งหายไปไหน”
พรส่ายหัว
“ไม่รู้ค่ะนาย ป้าเห็นแกหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว หลังจากนายออกไปที่ไร่น่ะค่ะ”
“จริงเหรอ จะหายไปไหนได้”
“ไปดูผลสอบเข้าหรือเปล่าคะ วันนี้วันประกาศผลสอบโรงเรียนที่คุณนันท์ไปสอบนี่คะ” ชมพู่บอก
เทิดนึกได้ “จริงด้วย แต่เขาก็ดูในอินเตอร์เน็ตได้นี่ ไม่เห็นต้องหายไปแบบนี้เลย”
อ้อยทำเป็นคิดสีหน้าเครียด
“หรือว่า คุณนันท์จะสอบไม่ได้ คุณน้ำผึ้งก็เลยพาไปปลอบใจอยู่คะ”
“ว่ายังไงนะ”
หอมเสริมทันที “ก็ไม่แน่นะครับนาย คุณนันท์อาจจะสอบไม่ได้จริงๆ ก็เลยหนีไป แล้วคุณน้ำผึ้งก็อาจจะไปตามหาก็ได้”
เทิดคล้อยตาม ชักเริ่มหน้าเครียด พวกพร ชมพู่ อ้อย และหอมแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน
ระหว่างนี้เองนันท์กับน้ำผึ้งก็พากันแอบย่องเข้ามาด้านหลังเทิด นันท์ตะโกนดังก้อง
“พ่อครับ นันท์สอบติดแล้ว”
เทิดสะดุ้ง หันไปเจอนันท์กับน้ำผึ้งถึงกับหน้าเหวอ ทุกคนเห็นเทิดตกใจขนาดนั้นก็พากันขำ
“นี่มันอะไรคุณนันท์ รวมหัวกับแม่น้ำผึ้งแกล้งอะไรพ่อ” เทิดคืนฟอร์ม สวมบทโหดดุ
“ไม่ได้แกล้งนะคะคุณเทิด พวกเราแค่อยากทำให้ตกใจเล่นๆ” น้ำผึ้งยิ้มขำ
“แล้วนี่มันยังไง เมื่อกี้คุณนันท์ว่าอะไรนะ”
นันท์กับน้ำผึ้งมองหน้ากันยิ้มๆ
“คุณนันท์ บอกคุณพ่อไปสิคะ”
เทิดมองสองคนงงๆ นันท์ชูกระดาษปริ้นท์ผลสอบให้เทิดดู
“พ่อดูนี่สิครับ”
เทิดอ่านรายชื่อไล่ลงมาจนเจอชื่อลูกแล้วอึ้งไป
“นันท์”
“นันท์สอบติดแล้วนะครับ ต่อไปนี้นันท์จะได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนแล้ว”
เทิดค่อยๆ ยิ้มออกมา เดินเข้าไปกอดลูก
“เก่งมากคุณนันท์ พ่อรู้อยู่แล้วว่านันท์ต้องทำได้” เทิดยิ้มกับน้ำผึ้งบอกว่า “ขอบคุณมากนะน้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งยิ้มตอบ ทุกคนมองภาพพ่อลูกกอดกันแล้วฟินไปตามๆ กัน
“งั้นแบบนี้ก็ต้อง ฉลอง” อ้อยบอก
ทุกคนเฮตามอ้อย บรรยากาศในบ้านไร่ชื่นบานอย่างที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว

วันถัดมา คนงานจากไร่ และคนในบ้านเทิดช่วยกันจัดเตรียมสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลอง พรกับชมพู่เตรียมอาหารง่วนอยู่ในครัว ท่าทีตั้งใจมาก
ฟ้าใสอาสามาช่วยดูแลการตกแต่ง ภูฤทธิ์นำดอกไม้จากที่ไร่มาช่วยกันประดับประดาไม่อั้น มาร์คกับพีทช่วยกันจัดซุ้มเครื่องดื่ม คุยกันกระหนุงกระหนิง
อ้อยเดินมาเห็นสองเกย์คู่จิ้นประจำไร่คุยกันมุ้งมิ้งๆ คาตาก็อึ้งไป จนกระทั่งหอมเดิมมาสะกิด แล้วยิ้มเย้ยให้อย่างผู้ชนะ

งานเลี้ยงสำหรับเล็กๆ ถูกจัดขึ้นหน้าบ้านไร่ของเทิด สถานที่พร้อม ทุกคนมารวมตัวกัน ทานอาหารพูดคุยกันมีความสุข ภูฤทธิ์ที่มาร่วมงานนี้ด้วย ชวนทุกคนให้ชูแก้วขึ้น
“เอาละครับทุกคน เรามาดื่มฉลองกันหน่อยดีกว่า”
ทุกคนกำลังจะอ้าปากเฮตาม จู่ๆ อ้อยก็ขัดขึ้น
“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณภู”
“อะไรล่ะอ้อย”
“อ้อยก็อยากฉลองค่ะ แต่ว่าเราจะชนแก้วกันด้วยเหตุอะไรเหรอคะ”
ทุกคนพากันโห่ใส่อ้อยที่ทำเสียบรรยากาศ นำทีมโดยหอม
“นังอ้อย แกนี่ตัวขัดบรรยากาศ จะฉลองอะไรก็ช่างมันเหอะ ฉลองที่คุณนันท์สอบติด ฉลองที่ไร่เรามีคนอยากจะมาเที่ยวเยอะแยะ ฉลองที่แกสอบจบม.6 ได้ หรือฉลองที่ฉันจีบแกติดก็ได้”
“ก็ดีนะ” อ้อยเคลิ้มเออออตาม จนในที่สุดคิดได้ “เอ๊ย พี่หอม จีบติดอะไร มั่วแล้ว”
หอมหัวเราะคิกคักชอบใจ แต่พอหันไปเจอผันทำหน้าดุใส่ก็หงอ
“ทะลึ่งใหญ่แล้วไอ้หอม”
นันท์ยิ้มร่า “หยอดพี่อ้อย ระวังลุงผันเตะเอานะพี่หอม”
ทุกคนหัวเราะคำพูดนันท์ ฟ้าใสพูดเอ่ยขึ้นว่า
“จะฉลองวาระไหนก็ไว้ก่อนนะคะ แต่ตอนนี้พวกเราก็มารวมกันแล้ว ชนแก้วกันดีกว่า”
มาร์คชวนชนด้วย “เอ้า ชนครับชน”
ทุกคนในงานชนแก้วกันในบรรยากาศแสนชื่นมื่น สักพักพรก็รู้สึกว่ามีอะไรขาดไปเลยทักขึ้น
“เดี๋ยวก่อนทุกคน”
“มีอะไรอีกเล่าป้าพร” อ้อยเซ็งที่ถูกขัด
“ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรขาดๆ นะ”
ชมพู่มองหา “จริงด้วย คนไม่ครบนี่”
“นี่คุณเทิดกับคุณน้ำผึ้งหายไปไหนเหรอครับ” พีทมองหาด้วย
แต่ละคนพากันมองหาเทิดกับน้ำผึ้งกันยกใหญ่ จนผันต้องพูดขึ้นว่า
“โธ่ จะไปไหน ถ้าคุณสองคนเขาจะหายไปเขาก็หายไปด้วยกันนั่นแหละ”
“อ้าว แต่นี่มันงานเลี้ยงของทุกคนนะพ่อ จะขาดนายกับคุณผู้หญิงของเราได้ยังไง” อ้อยท้วงไม่เลิก
“ให้เวลานายกับคุณผู้หญิงของไร่ เขามีเวลาอยู่ด้วยกันบ้างสิว้านังอ้อย ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เดี๋ยวก็กลับมา”
อ้อยงงนิดๆ แต่ก็พยักหน้า
“โอเค แล้วนี่เราจะฉลองกันได้จริงๆ หรือยัง”
“อ้าว จะรออะไรกันล่ะครับ กินให้เต็มที่กันไปเลย โชน...” ภูฤทธิ์ลั้นลาเป็นต้นเสียง
ทุกคนพากันเฮขึ้นมาพร้อมๆ กันอีกรอบ งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ขณะที่ทุกคนกำลังเฮฮาอยู่นั้น เทิดจูงแขนน้ำผึ้งมาเดินเล่นในไร่สองคน เทิดหยุดเหลียวมองไปรอบๆ ไร่ เห็นความมีชีวิตชีวา ก็ยิ้มชื่นอย่างมีความสุข น้ำผึ้งเห็นอดถามไม่ได้
“คุณยิ้มอะไรคะ”
เทิดตอบน้ำผึ้ง ยิ้มแย้ม อารมณ์ดี
“ยิ้ม เพราะว่ามีความสุขไง”
“เหรอคะ แล้วอะไรน้า ที่ทำให้คุณมีความสุขได้”
“ก็ทุกเรื่องนั่นแหละ”
“เช่นเรื่องอะไรคะ”
เทิดนิ่งคิด ก่อนจะตอบอย่างอารมณ์ดีว่า
“ไร่เราอะไรก็ดีขึ้นมาก นันท์เองก็มีที่เรียนดีๆ แล้ว ฉันก็ต้องมีความสุขสิ”
“ฉันดีใจนะคะ ที่เห็นคุณกลับมาเป็นแบบนี้ได้ นึกถึงเมื่อก่อนตอนที่คุณเอาแต่ดุใส่ฉันแล้ว ฉันไม่ชอบแบบนั้นเลย”
“เธอไม่ชอบให้ฉันทำตัวแบบนั้นเหรอ”
“ใครจะชอบล่ะค่ะ คุณน่ะ ทั้งปากร้าย ใจร้าย เอะอะก็จะไล่ฉันออกตลอดเลยนี่”
“อ้าว แต่ถึงจะร้ายขนาดนั้น เธอก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอ”
น้ำผึ้งเหวอไป เทิดหัวเราะชอบชอบอกใจ เลยถูกน้ำผึ้งตีเข้าที่แขน
“คุณนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้”
“ฉันพูดจริงนี่ ตอนนั้นมีแต่คนกลัวฉัน มีแต่เธอคนเดียวที่กล้าเถียงฉอดๆ แถมยังไม่เคยไปไหน คอยช่วยทุกคนที่ไร่นี้รวมถึงฉันด้วย มันเป็นเพราะอะไรเหรอน้ำผึ้ง”
“ก็ฉันรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ควรทำนี่คะ”
“ยังไงกัน”
“ฉันคิดอยู่เสมอค่ะว่าคนเราถ้าไม่เจอเรื่องที่เลวร้าย หรือมีผลกับใจเขามา เขาคงจะไม่ทำตัวร้ายกาจกับคนอื่น”
“อย่างฉัน หรือคุณนันท์น่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณกับคุณนันท์ที่เป็นแบบก่อนหน้านี้ก็เพราะสูญเสียคุณพริมไป ก็เลยเอาแต่จมอยู่ในความทุกข์ แล้วพอคุณไม่รู้จะจัดการความรู้สึกยังไง คุณเลยแสดงออกด้วยอารมณ์รุนแรง หรือคำพูดที่ร้ายกาจ จริงไหมคะ”
เทิดนิ่งฟัง น้ำผึ้งพูดถูกเป๊ะๆ ตนกับลูกเป็นแบบนั้นจริงๆ
“จริงสินะ ฉันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”
“แต่พื้นฐานคุณไม่ได้เป็นคนที่เลวร้าย คุณแค่เป็นคนที่ต้องได้รับการเยียวยาหัวใจ ถ้ามีคนที่เข้าใจคุณ รักคุณด้วยใจจริง คุณก็จะกลับมาเป็นคุณเทิดที่แสนดีของทุกคนได้เหมือนเดิม”
“เหมือนที่ฉันเจอเธอน่ะเหรอ”
น้ำผึ้งยิ้มเขิน
“ฉันก็ไม่กล้าพูดหรอกค่ะ ว่าจะเป็นคนนั้น”
เทิดหันหน้ามาหาน้ำผึ้ง พูดจริงจัง
“แต่ฉันกล้าพูดนะ ว่าเธอเป็นคนนั้น ฉันขอบคุณเธอมากที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของฉัน ของนันท์ ของทุกคนที่ไร่นี้ ขอบคุณที่เธอพยายามทุกเรื่องไม่ว่าฉันจะร้ายหรือดีกับเธอขนาดไหน ขอบคุณที่ทำให้ฉันลืมอดีตที่เลวร้าย”
เทิดจับมือน้ำผึ้งมากุมไว้ จ้องหน้ามองตาเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง
“ต่อไปนี้ฉันจะเป็นฝ่ายดูแลเธอบ้าง ตอบแทนทุกสิ่งที่เธอทำให้ฉันมาตลอด อยู่ที่ไร่นี้กับฉันนะ ตลอดไปเลย”
น้ำผึ้งเต็มตื้นมองเทิดน้ำตาคลอ
“ได้สิคะ ฉันจะอยู่กับคุณ ตลอดไป”
เทิดยิ้มกว้างดีใจ โผเข้ากอดน้ำผึ้งไว้แน่น เสียงนันท์ดังขึ้นในจังหวะนี้
“พ่อคร้าบ แม่น้ำผึ้ง”
เทิดกับน้ำผึ้งหันไปทางเสียงเจอนันท์วิ่งเข้ามาหาทั้งคู่
“ว่ายังไงคะคุณนันท์”
“เราไปงานเลี้ยงกันดีกว่า ทุกคนรอพ่อกับแม่น้ำผึ้งอยู่นะครับ”
“ไปสิ พ่อก็อยากไปงานเลี้ยงแล้วเหมือนกัน”
เทิดกับน้ำผึ้งจูงมือนันท์พากลับมาที่งาน ทุกคนเข้ามาสมทบเลี้ยงฉลองอย่างชื่นมื่น

ความรักและความสุขหวนคืนสู่ไร่แห่งนี้อีกครั้ง

จบบริบูรณ์
 
โปรดติดตาม "ล่าดับตะวัน" 


กำลังโหลดความคิดเห็น