xs
xsm
sm
md
lg

บาปบรรพกาล ตอนที่ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บาปบรรพกาล ตอนที่ 2

สายน้ำจากฝักบัวไหลราดรดใบหน้าหล่องามของรามนรินทร์ที่กำลังยื่นหน้าเข้าไปใต้สายน้ำช้าๆ รามนรินทร์กำลังเปลือยร่างอาบน้ำอยู่อย่างสบายอารมณ์ หากใครได้มาเห็นคงอดชื่นชมเรืองร่างงดงามได้รูป กล้ามเนื้อเป็นมัดสมชายชาตรี หนั่นเนื้อหน้าท้องมีซิกซ์แพ็คเป็นลอนสวย

นอกจากจะเป็นหนุ่มหล่อเจ้าสำอางแล้ว รามนรินทร์ยังรักษาสุขภาพออกกำลังกาย และดูแลตัวเองเป็นอย่างดีด้วย

คราบไคลถูกชำระจนสะอาดสิ้น รามนรินทร์ดึงผ้าขนหนูผืนใหญ่มาเช็ดเนื้อตัวพอหมาดแล้ววาดผ้าผืนนั้นมานุ่งห่ม ชายหนุ่มคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก อีกผืนเช็ดหัว ขณะเดินออกมาจากห้องน้ำ
รามนรินทร์เดินเช็ดผมออกมา โดยไม่ทันได้สังเกตว่าอุณนิษานั่งรออยู่ในห้องนอน อุณนิษามองตามเรือนร่างแกร่งกำยำในผ้าน้อยชิ้นตาเป็นมัน แรงรัญจวนปลุกเร้าบางอย่างในใจ จนทำให้ อุณนิษาอดใจไม่ไหวจึงเดินเข้ามาทางด้านหลัง แล้วสวมมือสวมกอดรามนรินทร์ไว้
“พี่ราม...นิษาคิดถึงพี่จัง”
รามนรินทร์ชะงัก ตกใจมากรีบดึงมืออุณนิษาออก
“เฮ้ย คุณนิษา เข้ามาได้ไง ออกไปก่อน พี่โป๊อยู่”
“พี่รามไม่ต้องอายหรอกค่ะ นิษาไม่ถือ” สาวเจ้าว่า พลางยิ้มตาวามวาว
“แต่พี่ถือ ยังไงคุณนิษาก็เป็นผู้หญิง พี่ไม่อยากให้ใครเอาไปนินทา”
“ใครจะนินทาก็ช่างเค้าสิคะ พอเราแต่งงานกันแล้ว เค้าก็เลิกพูดเองล่ะค่ะ”
รามนรินทร์ชะงักอีก “แต่งงาน”
อุณนิษารุกเข้าหาด้วยแววตาหวานเชื่อม ค่อยๆ ลูบไล้ใบหน้าคู่หมั้นแล้วไล่เลื้อยลงมาที่แผงหน้าอก
“ใช่ค่ะ”
รามนรินทร์ไม่ชอบใจดึงมืออุณนิษา แล้วพูดด้วยเสียงจริงจังและท่าทางขรึมเคร่งมาดสุภาพบุรุษ
“พี่ว่านิษาเลิกพูดล้อเล่นดีกว่า”
อุณนิษาออดอ้อนออเซาะ ส่งสายตาเย้ายวนมาให้ ทำท่าจะรุกต่อ
“ไม่นะคะ นิษา...”
เฟื่องโผล่เข้ามาได้จังหวะ ทำเสียงกระแอมเป็นเชิงบอก
“ฮะแอ้ม คุณนิษาอยู่นี่เอง คุณหญิงถามหาค่ะ”
ถูกขัดจังหวะจังๆ อุณนิษาหน้าหงิกหันมามองเฟื่องที่ยืนยิ้มอยู่อย่างไม่พอใจ
“งั้นพี่รามก็รีบแต่งตัวนะคะ นิษารออยู่นะ”
อุณนิษาขยับเข้าไปหอมแก้มรามนรินทร์ทำเนียนฝรั่งแล้วก็เดินออกไป รามโล่งอก เฟื่องยิ้มขำ
“นมเฟื่องช่วยชีวิตผมไว้แท้ๆ ขอบคุณนะครับ”
รามนรินทร์รีบปิดประตูทันที เฟื่องมองตามอุณนิษาแล้วก็ส่ายหน้าระอาใจ

รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดริมรั้วบ้านพรหมบดินทร์ รสสุคนธ์จ่ายค่าแท็กซี่แล้วลงมายืนมองเข้าไปในบ้าน
รสสุคนธ์มองรอบบ้านอย่างสำรวจ ก่อนที่จะเดินไปกดกริ่ง ทวนเช็ดรถคันโก้อยู่หน้าตึกใหญ่ได้ยินจึงเดินมาดู เห็นรสสุคนธ์ยืนอยู่ก็แปลกใจ
“มาหาใคร”
“ฉัน...รสสุคนธ์...คุณชายภาณุกรนัดฉันไว้”
“อ๋อ...เชิญ”
ทวนเปิดประตูเล็กให้ รสสุคนธ์เข้ามาในอาณาเขตบ้านพรหมบดินทร์ก็มองตะลึงตะไลกับความใหญ่โตโอฬาร อาณาเขตบ้านพรหมบดินทร์แบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ด้านหน้าจะเป็นตึกใหญ่พรหมบดินทร์ ส่วนด้านขวามือของรสสุคนธ์จะเป็นส่วนของโรมแรมแกรนด์บดินทร์ และส่วนด้านซ้ายลึกเข้าไปจะเป็นสระบัวติดเรือนไม้หอม
ทวนหันมาเห็นรสสุคนธ์ยังยืนอยู่ก็ไล่ให้เข้าไปเอง แล้วไม่สนใจเดินไปนั่งดูบอลจากหน้าจอทีวีในโรงรถต่อ
“เข้าไปเองนะคุณ เดินตรงไปก็ถึง”
รสสุคนธ์พยักหน้าแล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านพรหมบดินทร์อย่างมุ่งมั่น
รสสุคนธ์บอกตัวเองในใจ “บ้านนี้สินะ ที่ที่ย่าเล็กตาย ที่ที่ย่าวาดหายสาบสูญ ฉันจะต้องสืบหาความจริงให้เจอให้ได้”
เพียงแค่คิดลมก็พัดเข้ามาวูบใหญ่ปะทะร่างของรสสุคนธ์จังๆ ดอกปีบกลิ่นหอมลอยปลิวมาตกใส่หน้า รสสุคนธ์ชะงัก หยิบดอกไม้หอมขึ้นมาดม
“ดอกปีบ หอมจัง ปลิวมาจากไหนนะ”
รสสุคนธ์สูดกลิ่นหอมดอกปีบ แล้วเดินตามกลิ่นหอมนั้นไป

รสสุคนธ์เดินเลียบสระบัวมาจนมาถึงกอมะลิใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสระก็หยุดพัก รามนรินทร์หนีอุณนิษาออกมาจากบ้าน มาเดินเล่นเห็นรสสุคนธ์ยืนอยู่ที่ต้นปีบก็แปลกใจ
“นั่นใคร”
รามนรินทร์มองสงสัย เดินเข้าไปหารสสุคนธ์ แต่แล้วลมก็พัดเข้ามาอีกครั้ง ต้นดอกไม้หอมสั่นไหว
ดอกไม้ถูกลมพัดหล่นจากต้น ตรงที่รสสุคนธ์ยืนอยู่เหมือนนางฟ้ากำลังโปรยดอกไม้ รสสุคนธ์เงยหน้าขึ้นไปมอง เอามือรองรับดอกไม้หอมดูสวยงาม
รามนรินทร์ยืนมอง ตะลึงตะไลกับภาพอันงดงามของหญิงสาวสวยตรงหน้า
ขณะเดียวกันน้ำในสระบัวกระเพื่อมเป็นระลอก ศีรษะของผีแม้นมาศค่อยๆ ผุดขึ้นมามองรามนรินทร์กับรสสุคนธ์ตาเขม็ง

ที่บ้านแม้นศรี เมืองเพชรบุรี กระปุกเด็กรับใช้วัย 18 ปี กำลังพยายามกดโทรศัพท์โทรหารสสุคนธ์แต่ก็โทร.ไม่ติดสักที
“โทร.ไม่ติดจ้ะย่า ไว้ค่อยโทรใหม่นะ”
“ไม่ได้...โทรต่อไปจนกว่าจะติด...ทำไมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย”
“ย่าคิดมาก พี่รสไม่เป็นอะไรหรอก อาจจะคุยธุระอยู่ก็ได้”
“ไม่ต้องบ่น โทร.ไป เออ...เดี๋ยวเอ็งโทร.ไปตามเบอร์นี้สิ”
“ตกลงจะให้โทรเบอร์ไหนกันแน่ย่า” กระปุกบ่นแม้นศรีถลึงตาใส่ “งั้นก็เอาที่ย่าสบายใจละกัน”
แม้นศรียื่นสมุดจดเบอร์โทรศัพท์ชี้เบอร์ให้กระปุกดู กระปุกรีบกดโทรศัพท์ตามเบอร์ที่แม้นศรีให้มา

รสสุคนธ์หันไปเห็นเรือนไม้หอมตระหง่านอยู่เบื้องหน้าก็ชะงัก
“เรือนไม้นั่นสวยจัง”
รสสุคนธ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเรือนไม้หลังงามไว้
รามนรินทร์เห็นจะเดินเข้าไปทัก แต่เสียงโทรศัพท์มือถือดัง รามนรินทร์จึงหยุดรับโทรศัพท์
รสสุคนธ์เดินตรงไปที่เรือนไม้หอม แลเห็นร่างแม้นมาศที่อยู่ในสระบัวเคลื่อนตามไป

รสสุคนธ์เดินมาหยุดที่หน้าเรือนไม้หอม เห็นคราบน้ำเปียกเป็นทางอยู่หน้าเรือน ในขณะที่ประตูเรือนค่อยๆ แง้มออกเสียงดังแอ๊ดดด เหมือนกำลังต้อนรับการมาของรสสุคนธ์อยู่ เสียงดังแอ๊ด
“เข้ามาสิ...เข้ามาข้างใน”
เสียงเชื้อชวนของแม้นมาศดังก้องขึ้นมาดูหลอนๆ แต่รสสุคนธ์ไม่ได้ยิน เธอชะเง้อชะแง้เข้าไปดูนบ้าน
“สวัสดีค่ะ มีคนอยู่มั้ยคะ”
รสสุคนธ์ก้าวเข้าไปในโถงบ้าน ลมพัดม่านปลิวไสว เงาแม้นมาศเดินตัดหน้าไป รสสุคนธ์ชะงักหันไปมองแต่ก็ไม่เห็นใคร ผีแม้นมาศไปโผล่ขึ้นมาด้านหลังรสสุคนธ์ ดวงตาขาวโพลนดูน่ากลัว

ขณะเดียวกันนี้ภาณุกรอยู่ในห้องทำงานบนตึกใหญ่ กำลังคุยสายอยู่กับรามนรินทร์
“วันนี้น้านัดคนที่จะมาช่วยรามเตรียมงานระลึกร้อยปีมาคุยที่บ้านนะ อีกซักพักก็คงมาถึง อาอยากให้รามเจอกับเค้าด้วย”

ที่หน้าเรือนไม้หอม รามนรินทร์หยุดคุยสายกับภาณุกร
“ได้ครับ เอ่อ...คนที่คุณน้านัดเป็นผู้หญิงใช่มั้ยครับ”
ภาณุกรฟังอยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ใช่...เธอชื่อรสสุคนธ์...แล้วนี่รามรู้ได้ไง”
“อ๋อ...ผมเห็นเธอแล้ว เธอเดินหลงมาที่เรือนไม้หอม”
ภาณุกรตกใจ “ว่าไงนะราม รีบตามหนูรสกลับมาเร็ว เมื่อกี้ย่าเค้าก็พึ่งโทร.มาหาน้า อย่าให้เกิดเรื่องอะไรกับหนูรสล่ะ เข้าใจมั้ย”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะพาเธอไปพบคุณน้าที่ห้องทำงานนะครับ”
รามนรินทร์วางสายไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“ทำไมคุณน้าต้องเป็นห่วงขนาดนั้นด้วย อ้าว ไปไหนแล้ว”
รามนรินทร์หันไปหารสสุคนธ์อีกที แต่เธอไม่อยู่แล้ว

รสสุคนธ์เดินสำรวจเรือนไม้หอม ในบรรยากาศชวนสยอง โดยที่ด้านหลังรสสุคนธ์เห็นผีแม้นมาศแสยะยิ้มเคลื่อนตัวตามเข้ามาติดๆ
แม้นมาศฮัมเพลงเสียงเศร้าๆ รสสุคนธ์ชะงัก รู้สึกได้ว่ามีคนมองจากข้างหลัง พอหันมองกลับไปมองหลังแต่ผีแม้นมาศหายไปแล้ว แม้นมาศมาโผล่ออกมาอีกที่ด้านหลังเดินหนีไป รสสุคนธ์หันกลับไปมองอีกแต่ไม่เห็นใคร
แม้นมาศไปโผล่ที่ตีนบันได ก่อนจะเคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้นสอง ฮึมเพลงเสียงเศร้าสร้อย หันมายิ้มร้ายให้รสสุคนธ์หันมาเห็นหลังแม้นมาศเดินไวๆ จึงเดินตาม
“คุณคะ เดี๋ยวค่ะ คุณคะ....รอฉันด้วย”

รสสุคนธ์รีบเดินขึ้นบันไดตามไป หารู้ไม่ว่ากำลังถูกแม้นมาศหลอกไปฆ่า

อ่านต่อหน้า 2


บาปบรรพกาล ตอนที่ 2 (ต่อ)

ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านเรือนไม้หอม ถูกลมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง รามนรินทร์กำลังก้าวจะเข้าไปในเรือนแต่แล้วลมก็พัดมาวูบใหญ่ ประตูปิดตึงใส่หน้าเขาจังๆ

“เฮ้ย”
รามนรินทร์จะเปิดประตู แต่เปิดยังไงก็เปิดไม่ออก แม้พยายามใช้ตัวกระแทกแต่ประตูก็ไม่ขยับ
“ทำไมเปิดไม่ออก”
รามนรินทร์มองส่องตามร่องรูเล็กๆ เข้าไปในเรือนไม้หอม แต่ก็ไร้วี่แววผู้คน เขาจึงตัดสินใจเดินอ้อมไปทางหลังเรือนแทน

ฝ่ายรสสุคนธ์เดินสำรวจอยู่บนโถงชั้นสอง จนเสียงขิมดังกังวานหวานแว่วท่วงทำนองเศร้าสร้อย
“เพราะจัง”
รสสุคนธ์เดินตามเสียงขิมมาหยุดที่หน้าห้องนอนใหญ่ เธอผลักประตูห้องเปิดออก แล้วต้องฉงนฉงายเมื่อพบว่าภายในห้องว่างเปล่า รสสุคนธ์ก้าวเข้ามาหยุดตรงขิมที่ตั้งวางอยู่ มองอย่างแปลกใจ
“อ้าว แล้วเมื่อกี้เสียงขิมมาจากไหน”
ระหว่างนี้ แม้นมาศปรากฏตัวออกมาที่นอกห้อง รสสุคนธ์ชะงักเห็นใครบางคนจากหางตา และเมื่อหันไปมองเห็นแต่ด้านหลังแม้นมาศ
“คุณคะ คุณชายภาณุกรอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ”
ผีแม้นมาศในสภาพใบหน้าเละเน่าเปื่อย ฉีกยิ้มกว้าง แววตาเจ้าเล่ห์ พยักหน้าให้ จากนั้นผีแม้นมาศก็เดินหลุดออกไป รสสุคนธ์เดินออกจากห้องแต่ต้องแปลกใจอีกที่ไม่เห็นแม้นมาศแล้ว
“หายไปไหนแล้ว”
จู่ๆ หน้าต่างทุกบานของชั้น 2 ค่อยๆ เปิดออกเอง เหมือนกำลังเชื้อชวนให้รสสุคนธ์เดินเข้าไปหาโดยไม่รู้กลอุบาย

ฟากรามนรินทร์กำลังเดินลัดเลาะอ้อมมาที่ประตูด้านหลังเรือน ชายหนุ่มบิดลูกบิดประตู พบว่าไม่ได้ล็อกจึงเปิดเข้าไปทันที

รสสุคนธ์เดินไปหยุดยืนที่ระเบียงชั้นสอง ชะโงกหน้ามองลงไปที่สระบัวเบื้องล่าง แล้วชะงักมองซ้ำ เมื่อเห็นด้านหลังผีแม้นมาศยืนลอยคออยู่ในสระบัวนั้น
ผีแม้นมาศเหลียวขวับมาจ้องนัยน์ตาวาววับ รสสุคนธ์สะดุ้งเฮือก
“ลงมาสิ...กระโดดลงมา”
รสสุคนธ์ตาลอยคว้างเหมือนต้องมนต์ กำลังขยับปีนระเบียงชั้นสอง อย่างจริงจัง แต่จู่ๆ ก็มีมือใครบางคน เข้ามากระชากร่างรสสุคนธ์ออกมาจากระเบียง
นั่นเองรสสุคนธ์จึงได้สติ มองจ้องตาดำที่ยืนสีหน้าถมึงทึงหนวดรกครึ้มเหมือนผีบ้าอยู่เบื้องหน้าตัวเองก็ตกใจ
“ออกไป ออกไปจากบ้านนี้”
ตาดำตวาดเสียงดังลั่น พร้อมกับบีบแขนอย่างแรง รสสุคนธ์คิดว่าเป็นผีก็กรีดร้องลั่น
“ว้าย ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
รสสุคนธ์ดิ้นหนี สะบัดแขนออกจากมือตาดำด้วยความกลัว
“ออกไปให้พ้น”
ตาดำจ้องมองราวกับกินเลือดกินเนื้อ รสสุคนธ์ตกใจถอยหลังไม่ทันระวังพลัดตกลงบันไดลงไป
“ว้าย”

รามนรินทร์กำลังจะขึ้นบันได เป็นจังหวะเดียวกับที่รสสุคนธ์กลิ้งลงมา เขาตกใจร้องลั่น
“เฮ้ย...”
ร่างรสสุคนธ์กลิ้งตามขั้นบันไดตกลงมาชนรามนรินทร์จังๆ ไวเท่าความคิด รามนรินทร์กอดรสสุคนธ์เอาไว้ จนทั้งคู่กอดกันกลิ้งกระเด็นกระดอนไปด้วยกัน หัวทั้งคู่พุ่งเข้าไปในซอกระหว่างตู้ นั่นทำให้ใบหน้าของสองคนใกล้ชิดกันแค่คืบ
ทั้งคู่เงยหน้าสบตากันโดยไม่กะพริบ ใจของทั้งคู่สั่นไหว รสสุคนธ์ได้สติก่อนขยับตัวออกห่าง แต่ดันออกไม่ได้ ร่างทั้งคู่ติดอยู่ในช่องแคบพอดีสองคน รามนรินทร์พยายามขยับจนออกมาได้ทั้งคู่

ทางด้านภาวิดากับแขไขนั่งดื่มชาสมุนไพร เม้าท์มอยกันอยู่ในห้องรับแขก บ้านพรหมบดินทร์ อุณนิษาเอาแต่ชะเง้อคอคอยการมาถึงของรามนรินทร์
“นานแล้วนะ ทำไมพี่รามไม่มาซะที”
“คุณรามคุยงานกับคุณชายภาณุกรอยู่ค่ะ” จวงบอก
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกฉัน” อุณนิษาลุกขึ้นจะออกไป
แขไขทักถาม “นิษา ลูกจะไปไหน”
“นิษาก็จะไปหาพี่รามสิคะ”
ภาวิดายิ้มให้ “หนูนิษารออยู่ที่นี่ล่ะจ๊ะ ตารามไม่หนีไปไหนหรอก วันนี้ตารามมีเวลาให้หนูนิษาทั้งวัน...หนูนิษาอยากไปไหนก็คิดไว้นะจ๊ะ”
อุณนิษายิ้มระรื่น “จริงนะคะ คุณหญิงแม่”
“จริงสิจ๊ะ แม่จะหลอกหนูทำไมล่ะ”
แขไขเจ้ากี้เจ้าการขึ้นมาทันที “นังปริก แกไปดูสิ ถ้าคุณรามคุยงานเสร็จแล้วก็ให้รีบมาหาฉันกับคุณพี่ด่วน”
“ค่ะ คุณหญิง”
ปริกขานรับแล้วรีบปรี่ออกไป แขไขหันไปยิ้มกับธิดา ขณะที่ภาวิดายิ้มกริ่มคิดจับคู่ให้ลูกชาย

รามนรินทร์กับรสสุคนธ์พากันเดินออกมาจากเรือนไม้หอม ทั้งคู่ยังคงประหม่าต่อกันนิดๆ รามนรินทร์เป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
“ดีนะที่แขนขาไม่หัก เมื่อกี้คุณตกใจอะไร คุณเห็นอะไรเหรอครับ”
รสสุคนธ์ชะงักรีบกลบเกลื่อน ไม่กล้าพูดว่าเห็นผี
“เออ...ฉันเห็นตุ๊กแก มันจ้องหน้าฉันตาเขม็ง ฉันก็เลยกลัว”
“ยังดีที่เป็นแค่ตุ๊กแก ว่าแต่คุณเดินมาถึงที่นี่ได้ไงครับ”
“ฉันเดินตามกลิ่นดอกปีบมาค่ะ นี่ไงคะ ต้นปีบ”
สองคนหยุดตรงใต้ต้นปีบ รามนรินทร์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ยิ้มชื่นใจ
“หอมเย็นชื่นใจจัง ถึงว่าคุณลุงถึงตั้งชื่อเรือนนี้ว่าเรือนไม้หอม”
“ชื่อเพราะจัง เรือนนี้เป็นของใครเหรอคะ”
“เรือนไม้หอม เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เป็นเรือนหอของคุณชายภาณุทัต คุณลุงของผม...แต่เสียดายเกิดเรื่องร้ายกับเจ้าสาวขึ้นเสียก่อน เรือนหลังนี้ก็เลยกลายเป็นเรือนหอร้างไป”
รสสุคนธ์เจ็บปวดในใจ “น่าสงสารจังเลยนะคะ”
รามนรินทร์นึกได้ “จริงสิ เมื่อกี้คุณย่าคุณโทร.มาหาคุณน้ากร ผมว่าคุณโทร.หาคุณย่าก่อนดีมั้ย ตอนนี้ท่านคงกำลังเป็นห่วงคุณอยู่”
รสสุคนธ์รีบหยิบมือถือขึ้นมาดู “ตายจริง มีมิสคอลจริงด้วย แปลกจังทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงนะ งั้นฉันขอโทรศัพท์แป๊บหนึ่งนะคะ”

รามนรินทร์พยักหน้า รสสุคนธ์รีบกดโทรศัพท์หาแม้นศรีทันที

อ่านต่อหน้า 3


บาปบรรพกาล ตอนที่ 2 (ต่อ)

แม้นศรีอยู่ที่บ้านในเมืองเพชรคุยโทรศัพท์กับรสสุคนธ์ที่โทร.หาจากเรือนไม้หอม บ้านพรหมบดินทร์

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รส หลานจะตัดสินใจทำอะไร ต้องใช้สตินะลูก อย่าให้อคติชักนำเราไปในทางที่ผิด เข้าใจมั้ย”
“ค่ะย่า รสจะจำให้ขึ้นใจ รสรักย่านะคะ”
“บุญรักษานะลูก จะกลับก็โทรมาบอกย่าด้วยนะ”
เห็นแม้นศรีวางสาย กระปุกก็เสนอหน้าเข้ามาทันที
“เห็นมะ พี่รสไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ย่าเนี่ยชอบมโนจริงจริ๊ง”
“เออ...ข้ามโน แต่เอ็งจะโดนมะเหงกเนี่ย”
แม้นศรีจะเขกหัว กระปุกหดหัวกลับแล้วรีบคลานหนีอย่างไว แต่ก็อดจะต่อคำอีกไม่ได้
“เอาที่ย่าสบายใจละกัน” จากนั้นก็รีบชิ่งหนีหน้าไป
คุยเสร็จวางสายจากย่าไป รสสุคนธ์หันไปยิ้มให้กับรามนรินทร์ที่ยืนรออยู่
“ฉันพร้อมแล้ว ไปกันเหอะค่ะ”
“เชิญทางนี้ครับ”
รามนรินทร์เดินนำ พารสสุคนธ์ไปที่ตึกใหญ่ บ้านพรหมบดินทร์

เมื่อเข้ามาในห้องทำงานภาณุกร รสสุคนธ์ก็ยกมือไหว้คุณชายอย่างนอบน้อม ภาณุกรรับไหว้มองหญิงสาวเยื้อนยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีจ้ะ ในที่สุดเราก็ได้เจอกันซะทีนะ”
“ค่ะ คุณย่าศรีพูดถึงคุณชายภาณุกรอยู่บ่อยๆ นี่ค่ะ ประวัติการศึกษาของรส”
รสสุคนธ์ยื่นเรซูเม่ประวัติให้น้ากับหลานคนละชุด แต่แซวรามนรินทร์ไม่ได้
“สะอาดกิ๊ก ไม่มีรอยเท้าแน่นอนค่ะ”
รามนรินทร์รับมาโดยไม่ดู ทำฟอร์มเก๊กขรึม “ไม่ต้องหรอกครับ เอาเป็นว่ายินดีที่ได้ร่วมงานนะครับ”
รสสุคนธ์แปลกใจ “นี่หมายความว่า...ฉันได้งานแล้วเหรอคะ”
ภาณุกรยิ้มให้ “ใช่จ้ะ พอดีเดือนหน้าบ้านอาจะจัดงานรำลึกร้อยปีตระกูล อาก็เลยอยากได้หนูรสมาช่วยงาน มันอาจจะกระชั้นไปหน่อย ว่าแต่หนูรสสนใจมั้ย”
รสสุคนธ์ยิ้มร่า “สนใจค่ะ”
“งั้นก็ดี อีกสองวันหนูรสก็เก็บกระเป๋าย้ายเข้ามาพักที่นี่ได้เลยนะ เดี๋ยวอาจะให้คนจัดห้องไว้ให้”
รสสุคนธ์ตกใจ “คุณชายจะให้รสย้ายเข้ามาในบ้านนี้เหรอคะ”
“ใช่ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการทำงาน อาอยากให้หนูรสย้ายมาพักอยู่เสียที่บ้านนี้เลย หนูรสจะไม่ต้องไปเช่าห้องให้เสียเงินเสียเวลาเดินทาง หนูรสคงไม่ขัดข้องนะ”
“เออ...แล้วเรื่องค่าจ้างล่ะคะ จะจ่ายรสยังไง หรือจะจ้างรสเป็นจ็อบ”
รามนรินทร์เป็นคนตอบเองว่า “ผมจะให้คุณเป็นเงินเดือน ไม่รวมค่าทำล่วงเวลา พอเสร็จจากงานนี้แล้ว คุณก็มาเป็นเลขาผมที่โรงแรมแกรนด์บดินทร์ต่อ”
“ขอรสคิดแป๊บหนึ่งนะคะ”
รสสุคนธ์แกล้งวางฟอร์ม ทำเป็นใคร่ครวญครุ่นคิด สีหน้าเครียด สองน้าหลานมองหน้ากันลุ้นๆ

ระหว่างนี้ปริกที่อยู่หน้าห้องและแอบฟังอยู่ก็ตาโต
“คุณรามจะเอาผู้หญิงเข้าบ้าน เรื่องนี้ต้องขยาย”
ปริกรีบคาบข่าวเด็ดหลบออกไปทันที

ข่าวถูกรายงานทันควัน และทำเอาภาวิดาฉุนเฉียว หันขวับมาจ้องปริกตาเขม็ง
“ไหนแกลองพูดใหม่อีกทีสิ”
“คุณรามจะเอาผู้หญิงเข้าบ้านค่ะคุณหญิง”
อุณนิษางงปนไม่พอใจ “ไม่จริงใช่มั้ยคะ นิษาไม่ยอมนะคะ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะคุณพี่ อย่าบอกนะคะว่าตารามกำลังจะเจริญรอยตามพี่ชายทัต” แขไขหงุดหงิด
“ไม่มีทาง...พี่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่”
จวงตบปากปริกเบาๆ
“อีปริกอีปากเสีย เอ็งเอาอะไรมาพูด”
“ฉันพูดเรื่องจริงนะพี่จวง นังผู้หญิงคนนั้นจะมาทำงานกับคุณราม แถมคุณชายกรยังให้มันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยล่ะ”
ภาวิดาเสียงแข็งกร้าว “ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็มาอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“นังปริก แกพาฉันกับคุณพี่ไปดูสิ ฉันชักอยากเห็นหนังหน้ามันซะจริงๆ”
จวงกับปริกรีบเดินนำ ภาวิดาโลดแล่นออกไปด้วยความโกรธ แขไข อุณนิษารีบตามไปติดๆ

ภาณุกรกับรามนรินทร์เดินมาส่งรสสุคนธ์ที่หน้าตึก รสสุคนธ์ไหว้ลาสองคน
“รสขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“แล้วเจอกันนะ รามขับรถไปส่งน้องด้วยสิ”
“ได้ครับ ทางนี้ครับคุณรส”
รามนรินทร์กับรสสุคนธ์กำลังจะเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของภาวิดาดังแหวเข้ามาห้ามไว้ก่อน
“ราม...ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“คุณแม่”
ภาวิดา แขไข และอุณนิษา ดาหน้าเดินออกมามองรสสุคนธ์หัวจรดปลายเท้า อย่างไม่ถูกชะตา
จวงกับปริกยืนเสนอหน้าพลอยพยักกันอยู่ด้านหลัง
“เธอเป็นใครไม่ทราบ มาถึงบ้านฉันแล้ว ไม่คิดจะทักทายเจ้าของบ้านหน่อยเหรอ” ภาวิดาวางอำนาจใส่
รสสุคนธ์ไหว้สุภาพ “สวัสดีค่ะ คุณหญิงภาวิดา ฉัน รสสุคนธ์ เกษมบริรักษ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
นามสกุลของรสสุคนธ์ที่เธอจงใจเน้นคำ ทำให้ทั้งภาวิดาและแขไขถึงกับชะงัก ไม่อยากเชื่อหู
แขไขจ้องหน้ารสสุคนธ์ถามทันที “เกษมบริรักษ์...เธอเป็นอะไรกับนังแม้นมาศ”
“แม้นมาศเป็นคุณย่าเล็กของฉัน ฉันเป็นหลานสายตรงของคุณย่าวาดกับคุณปู่แม้นเมือง พี่ชายคนโตของคุณย่าเล็ก คุณหญิงรู้จักใช่มั้ยคะ”
“รู้จัก ตระกูลเสนียดจัญไรของหล่อน ฉันไม่มีวันลืมได้หรอก” ภาวิดามองเหยียด
ภาณุกร กับ รามนรินทร์ ตกใจ ร้องปราม
“พี่หญิง” / “คุณแม่” พร้อมๆ กัน
ภาวิดาจ้องตารสสุคนธ์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ รสสุคนธ์หน้าชายืนจ้องภาวิดาตอบอย่างไม่เกรงกลัวด้วยแรงฐิทิ ภาวิดาหันไปสั่งการจวงกับปริกเสียงเข้มทันที
“พวกแกสองคนจะยืนอยู่ทำไม ลากตัวมันโยนออกไปให้พ้นบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“ค่ะคุณหญิง”
จวงกับปริกประสานเสียง รีบเข้าไปจับตัวรสสุคนธ์ ขนาบไว้คนละข้าง รสสุคนธ์ไม่ทันตั้งตัวตกใจมาก รามนรินทร์เข้ามาขัดขวาง
“ว้าย จะทำอะไรฉัน ปล่อยฉันนะ”
“น้าจวง น้าปริก ปล่อยคุณรสเดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้ค่ะ จวงต้องทำตามคำสั่งคุณหญิง”
“ถอยไปเหอะค่ะคุณราม อย่าให้เราต้องลำบากใจเลยค่ะ มานี่”
จวงกับปริกไม่สนใจ กระชากร่างรสสุคนธ์ไปอย่างแรง อุณนิษายิ้มสะใจ
ภาณุกรสั่งด้วยน้ำเสียงอันเฉียบขาด “หยุด รสสุคนธ์เป็นแขกของฉัน ใครกล้าแตะต้องหนูรสก็เท่ากับเป็นศัตรูกับฉัน”
จวงกับปริกชะงักกึก สองมือปล่อยจากรสสุคนธ์โดยอัตโนมัติ ภาวิดาเหลียวขวับมาจ้องภาณุกรที่หักหน้าเธออย่างไม่พอใจ แต่ภาณุกรกลับนิ่งขรึม
“ชายกร”
“ผมขอล่ะครับคุณพี่ ราม...พาหนูรสออกไป”
“ครับคุณน้า คุณรส...ไม่เป็นอะไรนะครับ”
รามนรินทร์เข้าไปพยุงรสสุคนธ์อย่างทะนุถนอมพาออกไป
แขไขมองตามอย่างหมั่นไส้แล้วกระซิบบอกบุตรสาว
“รีบตามไปสินิษา”
อุณนิษาเห็นรามนรินทร์ประคองรสสุคนธ์ก็แทบเต้น รีบตามออกไปโดยไว

รามนรินทร์พารสสุคนธ์เดินมาที่โรงจอดรถ ทั้งรู้สึกผิดและละอายใจเป็นอย่างมาก
“ผมต้องขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะครับ”
รสสุคนธ์ยิ้ม “คุณไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ผู้ใหญ่ด่าผู้ใหญ่ว่าก็เหมือนได้พร ฉันไม่ถือหรอกค่ะ”
รามนรินทร์เห็นรสสุคนธ์ยังยิ้มได้ก็ยิ้มขำ อุณนิษาตามมาเห็น มองทั้งคู่อย่างไม่พอใจ
“คุณนี่ท่าจะเป็นโซมาคิสม์ พวกชอบความรุนแรง”
“คนตระกูลเกษมบริรักษ์ทั้งอึดทั้งทนทุกคนล่ะค่ะ คุณมีอะไรก็ใช้งานฉันได้เต็มที่เลย ฉันสู้ตายค่ะ บอส”
“ขึ้นรถสิครับ เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งบ้าน”
“พอดีบ้านฉันอยู่เพชรบุรี ฉันว่าคุณคงขับไปส่งไม่ไหวหรอกค่ะ”
อุณนิษาขัดขึ้นว่า “นั่นสิคะ พี่รามจะไปส่งเค้าทำไม เค้ามาเองได้ก็น่าจะกลับเองได้”
“คุณ...”
รสสุคนธ์หันมามองอุณนิษาด้วยแววตาสงสัย ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านนี้ อุณนิษาเข้ามาประจันหน้ากับรสสุคนธ์จังๆ พร้อมกับคล้องแขนรามนรินทร์แน่นประกาศความเป็นเจ้าของ
“ฉันหม่อมหลวงอุณนิษา อนันตราวุธ เป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่ราม”
“สวัสดีค่ะ คุณอุณนิษา”
รสสุคนธ์ยิ้มเป็นมิตรให้ แต่อุณนิษาเมินหนี หันไปออเซาะรามนรินทร์
“พี่ราม วันนี้พี่รามต้องพานิษาไปเที่ยวนะคะ” เธอหันมาทางรสสุคนธ์ “พี่รามไม่ว่างไปส่งเธอหรอกนะ”
รามนรินทร์ปราม “คุณนิษา อย่าเสียมารยาทสิ เอ่อ...คุณรส เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปส่งนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกลับเองได้ ไม่รบกวนคุณดีกว่า ลาล่ะค่ะ”
รสสุคนธ์ยกมือไหว้ลารามนรินทร์แล้วเดินออกไปเลย ปล่อยให้รามนรินทร์มองตามด้วยไม่สบายใจ
“พี่รามเปิดประตูให้นิษาสิคะ”
รามนรินทร์เปิดประตูรถให้ อุณนิษาขึ้นรถเข้าไปนั่งชูคอ รามนรินทร์ขึ้นรถ แล้วขับรถออกไป
รสสุคนธ์มองตามรถของรามนรินทร์แล่นผ่านหน้าไป ส่วนรามนรินทร์มองกระจกมองหลังรถ มองรสสุคนธ์ด้วยความห่วงใย

ด้านภาณุกรเดินหนีเข้ามาในโถงบ้าน ภาวิดากับแขไขตามเข้ามา จวงกับปริกวิ่งตามหลัง
“ชายกร กลับมาคุยกับพี่ก่อน เราจะเดินหนีพี่ไปแบบนี้ไม่ได้นะ”
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วนี่ครับ”
“ทำไมจะไม่มีล่ะ ชายกรก็รู้ว่าคุณพี่หญิงดาเกลียดนังแม้นมาศขนาดไหน ทำไมยังจะเอาหลานสาวของมันมาทำงานที่บ้านนี้อีก”
ภาณุกรไม่สนใจตอบแขไข แต่หันไปอธิบายกับภาวิดาว่า
“แม้นมาศกับรสสุคนธ์เป็นคนละคนกัน คุณพี่อย่าเอามาปนกันสิ”
“พวกมันเป็นย่าหลานกัน ยังไงมันก็กำพืดเดียวกันนั่นล่ะ พี่ขอสั่งเราตรงนี้เลยนะ พี่ไม่ยอมให้นังเด็กนั่นเข้ามาอยู่ในบ้านนี้”
“งั้นผมคงต้องบอกคุณพี่เช่นกัน ผมคงทำตามคุณพี่ไม่ได้”
ภาวิดาแว้ดใส่ “ทำไม อย่าบอกนะว่าชายกรหลงเสน่ห์นังเด็กนั่นเหมือนกับที่หลงเสน่ห์นังแม้นมาศ ย่าของมัน”
“คุณพี่” ภาณุกรชะงักไป โกรธมากเอาการ
แขไขรีบทำเป็นไกล่เกลี่ย
“ใจเย็นค่ะคุณพี่ แขว่าชายกรคงมีเหตุผล จริงมั้ยจ๊ะชายกร”
“ผมตัดสินใจจ้างรสสุคนธ์แล้ว ผมจะไม่กลับคำเด็ดขาด คุณพี่อย่าให้ผมเสียผู้ใหญ่ตอนแก่เลยครับ ผมขอล่ะ” คุณชายยื่นคำขาด
“ก็ได้ พี่จะรักษาหน้าชายกร แต่สิทธิ์ในการดูแลบ้านนี้เป็นของพี่ พี่จะไม่ยอมร่วมชายคากับมันเด็ดขาด” ภาวิดาเดินหนีไปเลย
“ชายกรไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวแขจะช่วยพูดกับคุณพี่ให้”
“ขอบใจนะหญิงแข”
แขไขรีบตามภาวิดาออกไป ทิ้งให้ภาณุกรถอนหายใจ เหนื่อยใจกับความเอาแต่ใจของพี่สาว

สองคนมาคุยกันอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ในสวนหลังบ้านพรหมบดินทร์ แขไขหันไปถามภาวิดาด้วยความอยากรู้
“ถ้าไม่ให้นังเด็กนั่นพักอยู่ที่บ้านนี้ แล้วคุณพี่จะให้มันไปอยู่ที่ไหนคะ”
“เรือนคนใช้ไง ขี้ครอกอย่างมันให้นอนเรือนคนใช้ก็หรูแล้ว”
แขไขยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับเสนอความคิดให้กับภาวิดา
“แต่แขว่า มันไม่เหมาะนะคะ คนของตระกูลเกษมบริรักษ์มาอยู่ด้วยทั้งที เราควรต้อนรับให้สมเกียรติหน่อย”
ภาวิดาชะงักมองแขไขด้วยความแปลกใจ
“นี่หญิงแขจะให้พี่ทำดีกับมันเหรอ”
“เปล่าค่ะ แขก็แค่ไม่อยากให้คุณพี่ต้องผิดใจกับชายกร เอาอย่างนี้มั้ยคะ ในเมื่อเรือนไม้หอมยังว่างอยู่ ทำไมคุณพี่ไม่ให้นังเด็กนั่นย้ายไปอยู่ล่ะคะ”
ภาวิดาชะงักตาเป็นประกายวาว
“จริงด้วย พี่ลืมซะสนิทเลย ให้มันไปอยู่เรือนหอผีสิงก็ดี..มันจะได้โดนผีย่าของมันหลอกซะกระเจิง”
“ยิ่งผีนังแม้นมาศเฮี้ยนซะขนาดนั้น นังเด็กนั่นมันจะทนได้ซักกี่น้ำเชียว เดี๋ยวมันก็ลาออกไปเองล่ะค่ะ”
“แค่คิดก็สะใจแล้ว พี่อยากเห็นหายนะของพวกมันไวๆ จริงๆ”
ภาวิดากับแขไขเหลียวแลไปทางเรือนไม้หอมหัวเราะให้กันอย่างชอบใจ

เสียงหัวเราะของภาวิดากับแขไขดังเข้ามาถึงในเรือนไม้หอม ผีแม้นมาศนั่งอยู่หน้าขิมเหลียวขวับจ้องไปที่หน้าต่างซึ่งปิดอยู่ ให้กระชากเปิดออกพลัน แม้นมาศโผล่หน้าพรวดขึ้นมาที่หน้าต่างนั้น จ้องเขม็งไปทางศาลาท่าน้ำ ในสวนสวยบ้านพรหมบดินทร์

ลมวูบใหญ่พัดเข้ามาใส่ภาวิดาและแขไขที่กำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน
“ว้าย นี่มันลมอะไรค่ะคุณพี่”
“นังแม้นมาศ..นังผีบ้า..ฉันไม่กลัวแกหรอกนะ”
สิ้นคำพูดภาวิดา ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงใส่กิ่งไม้ในสวนจนหักโค่นตกลงมา แขไขหวีดร้องลั่น โชคดีที่กิ่งไม้เฉียดไปแม้นมาศหัวเราะหึหึ ดังเข้ามาชวนขนลุกขนพอง ภาวิดาเป็นพวกจิตแข็งไม่เชื่อเรื่องผีแล้วยังไม่เคยเจอจังๆ เลยไม่กลัวพูดขึ้นเสียงเข้มท้าทาย
“เก่งได้แค่เนี้ยเรอะ อย่าไปกลัวหญิงแข ไป...เข้าบ้านกัน”
ภาวิดาพาแขไขเดินเข้าบ้านไป
แม้นมาศหัวเราะดังกึกก้องอวดอิทธิฤทธิ์ แล้วเคลื่อนตัวไปลงนั่งตีขิมอย่างสบายอารมณ์ ลมพัดหน้าต่างที่เปิดอยู่ให้ปิดตึงลงตามเดิม

ทุกคนอยู่ที่โต๊ะอาหารทานมื้อค่ำด้วยกัน ภาณุกรตกใจหันมองหน้าภาวิดาที่นั่งยิ้มตักอาหารเข้าปากอย่างสบายใจ
“คุณพี่จะให้รสสุคนธ์พักที่เรือนไม้หอมเหรอครับ”
“ใช่ ทำไมเหรอ หรือว่านังเด็กนั่นรังเกียจที่จะอยู่เรือนหอของย่าตัวเอง”
“รสสุคนธ์ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ”
รามนรินทร์เสริมว่า “ใช่ครับ ตอนคุณรสเดินหลงไปที่เรือนไม้หอม เธอก็ไม่ได้แสดงท่ารังเกียจอะไร แถมเหมือนจะชอบด้วยนะครับ”
ภาวิดาหันไปทางสองสาวใช้ ที่ดูแลอยู่
“งั้นก็ดี จวง ปริก พรุ่งนี้แกสองคนเกณฑ์คนในบ้านไปทำความสะอาดเรือนไม้หอมด้วยนะ”
ปริกเสียววาบ รีบทักท้วง ด้วยความรู้สึกกลัว “จะดีเหรอคะ”
ภาวิดาตวาดใส่ทันที
“ดีสิ แกมีปัญหาเหรอยะ”
จวงขยิบตาบุ้ยใบ้ให้ปริกหยุดพูด
ปริกเลยรับคำเสียงอ่อยๆ
“ได้ ได้ค่ะ คุณหญิง”
“เอาตามนี้นะชายกร”
ภาวิดาสรุปยิ้มอย่างผู้ชนะ หยิบผ้ามาเช็ดปากแล้วลุกขึ้นเดินอารมณ์ดีออกไป จวงกับปริกรีบตามไป
ภาณุกรอึ้งได้แต่พูดไม่ออก รามนรินทร์พูดปลอบใจ
“อย่าห่วงไปเลยครับ คุณรสเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่เชื่อเรื่องผีหรอกครับ”
เฟื่องอยู่ในนั้นด้วย อดห่วงรสสุคนธ์ไม่ได้ สีหน้าร้อนใจ
“เรื่องบางเรื่อง ถึงเราจะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีจริงนะคะคุณราม”
“ยังไงน้าก็ฝากน้องด้วยนะ”
“ได้ครับ”
“งั้นรามช่วยไปรับหนูรสที่บ้านเพชรบุรีด้วยได้มั้ย”
“ครับ น้า”
รามนรินทร์รับปากอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะแอบปิ๊งรสสุคนธ์ แต่ต้องรักษาฟอร์มทำขรึมไว้ก่อน ภาณุกรยิ้มขัน เพราะดูออกว่าหลานชายน่าจะเริ่มมีใจให้กับรสสุคนธ์บ้างแล้ว

ทวนกับจวง เดินนำปริกกับสร้อยที่ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามาที่เรือนไม้หอมแต่เช้า สองคนหลังพากันผวา กล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าเข้าเรือนไม้หอม
“ฉันว่าบรรยากาศมันหวิวๆ ชอบกลนะพี่”
“นั่นสิ มันจะมีผีออกมามั้ยวะ”
จวงกับทวนดูใจกล้ากว่า
“กลางวันแสกๆ จะมีผีที่ไหน พวกเอ็งนี่กลัวขึ้นสมองแล้ว”
“ข้าว่ารีบๆ เข้าไปทำเหอะวะ รีบทำรีบกลับ”
ทั้งสี่คนรีบพากันเข้าเรือนไม้หอม ประตูเรือนที่แง้มเปิดอยู่เห็นเงาแม้นมาศมองออกมา ก่อนที่ประตูจะกระแทกปิดดังตึง

ปริกสะดุ้งเฮือกหันไปมองก็ไม่เห็นใครก็รีบวิ่งตามทุกคนขึ้นชั้นสองไป

อ่านต่อหน้า 4


บาปบรรพกาล ตอนที่ 2 (ต่อ)

พวกคนใช้ช่วยทำความสะอาดไปผวากลัวผีแม้นมาศไป สร้อยกับจวงใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นออกจากโต๊ะและชั้นต่างๆ

ระหว่างที่สร้อยยกของลงจากชั้น แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นหัวของแม้นมาศตั้งอยู่ สร้อยหวีดร้องเสียงหลง จวงเข้ามาดู ก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่ สร้อยยกมือท่วมหัวไหว้ด้วยความกลัว
ปริกเจอดีด้วย ขณะกำลังรื้อผ้าม่านผืนเก่าออก ดันมีมือแม้นมาศมาจับผ้าไว้
“มันติดอะไรวะ”
ปริกขยับขึ้นไปจับดูก็ชะงัก เมื่อสัมผัสได้ว่ากำลังจับมือเย็นเฉียบของใครอยู่ ปริกแลเห็นมือขาวซีดเต็มไปด้วยน้ำเหลืองก็หวีดร้องลั่นด้วยความกลัว ล้มกลิ้งลงมาท่าทางน่าหัวเราะ
รามนรินทร์กับเฟื่องเพิ่งมาถึง ได้ยินก็รีบเข้ามาดู
“ปริก เป็นอะไร” รามนรินทร์ถาม
“ผี ผีหลอกปริกค่ะ” ปริกเสียงสั่น
เฟื่องเอ็ดเสียงเขียว “เหลวไหล ผีมีที่ไหน เธอจะหาเรื่องอู้ใช่มั้ย”
“เปล่านะคะ ปริกพูดจริงๆ”
รามนรินทร์หน้าเครียด

ด้านทวนก็เจอดีเหมือนกัน กำลังทำความสะอาดห้องนอนใหญ่ ยกขิมออกไปวางนอกห้อง แล้วหันไปปัดกวาดต่อ พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าขิมวางอยู่ที่เดิม ทวนถึงกับชะงัก
“ใครแกล้งวะ”
ทวนก้มลงจะยกขิมออกไปอีก แต่แล้วแจกันที่ตั้งอยู่ก็ตกลงมาแตกเสียงดังเปรื่องปร่าง ทวนชะงักตกใจ
สุดท้ายทุกคนทำความสะอาดเสร็จ เปลี่ยนผ้าม่านใหม่เสร็จแล้ว จวงกำลังถูพื้นด้วยท่าทีหวาดระแวง แต่แล้วก็เห็นรอยเท้าใครบางคนเหยียบน้ำเดินอยู่ย่ำอยู่เต็มพื้นไปหมด จวงชะงักกึก ใช้ผ้าเช็ดรอยเท้าอย่างไม่มีทีท่ากลัวเกรง
ที่ห้องนอนชั้นบน รามนรินทร์นำเอาแจกันดอกไม้มาตั้งที่โต๊ะทำงานมุมห้อง ทำให้ห้องดูสดชื่นขึ้น หนุ่มรูปงามยิ้มมองผลงานอย่างพอใจ ปริกเห็นอาการนั้นก็แถเข้าไปกระซิบกระซาบถามจวงประสาขาเม้าท์
“ดูท่าทางคุณรามสิพี่จวง อารมณ์ดี๊ดี ยังกับเจ้าบ่าวมาจัดเรือนหอรอรับเจ้าสาวเลย”
“ปากเสีย เดี๋ยวคุณหญิงมาได้ยินเข้า เอ็งจะได้ฟันร่วงหมดปาก”
ปริกรีบหุบปากทันที หันไปช่วยจวงใส่ผ้าม่านที่หน้าต่างในห้องนอนต่อ
อุณนิษายืนแอบฟังอยู่ เจ้าหล่อนขบกรามแน่นกัดฟันกรอด พร้อมกับกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ

อุณนิษาเดินลงมาชั้นล่าง มองเรือนไม้หอมที่ถูกทำความสะอาดจัดตกแต่งใหม่อย่างหมั่นไส้
“นังรสสุคนธ์ แกคิดจะมาเสวยสุขในนี้เหรอ อย่าหวังเลย”
อุณนิษาตรงเข้าไปปัดข้าวของตกกระจาย แถมยังถีบเก้าอี้ ผลักโซฟาล้มลงอย่างเมามัน จังหวะนี้ตาดำโผล่เข้ามามองตาเขม็ง ไม่พอใจมาก อุณนิษาชะงัก แต่แล้วพอหันกลับไปมอง ตาดำก็หายไปแล้ว
“นั่นใคร...ใครอยู่ตรงนั้น”
อุณนิษาเดินหาแต่ก็ไม่มีใครอยู่ หันไปกระชากผ้าม่านออกดูก็ไม่มี จึงไล่กระชากผ้าม่านทิ้งทีละบานอย่างสะใจ จนมาหยุดตรงหน้าบานสุดท้าย เมื่อกระชากผ้าออก ก็ปรากฏร่างตาดำตายืนจ้องอุณนิษาตาเขม็งอยู่นอกหน้าต่าง
“เลว ออกไปให้พ้นบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
ตาดำคำราม พร้อมกับพุ่งเข้าทุบหน้าต่างอย่างแรง อุณนิษาผงะตกใจ กรีดร้องเสียงหลง
“แอร๊ย”
เสียงดังไปถึงบนชั้นสอง รามนรินทร์และคนใช้พากันชะงัก รามนรินทร์รีบวิ่งออกจากห้องทันที เฟื่อง จวง ทวน ปริกและสร้อยตามเป็นพรวน
รามนรินทร์ลงบันไดมาเห็นอุณนิษายืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางข้าวของในห้องที่กระจัดกระจายเกลื่อนกล่นก็ตกใจ
“คุณนิษา เกิดอะไรขึ้น”
“พี่ราม นิษากลัว”
อุณนิษาโผเข้ากอดรามนรินทร์แน่น
ปริกมองเห็นข้าวของกระจายก็หวาดกลัว รีบเข้าไปเกาะแขนจวง
“ผี..ต้องเป็นผีมือผีแน่ๆ เลยพี่”
“เหลวไหล ผีที่ไหนจะออกมากลางวันแสกๆ” เฟื่องตำหนิ
“ก็ผีอีแม้นมาศไง มันเฮี้ยนจะตาย” จวงว่า
“นี่มันฝีมือคนชัดๆ น้าทวนออกไปดูสิ มันคงหนีไปไม่ไกล”
“ครับคุณราม”
ทวนรับคำแล้วรีบวิ่งออกไปทางหลังเรือนไม้หอม

ทวนวิ่งตามหลังตาดำเข้ามาจนถึงบ้านสวนร้างติดกับที่ดินด้านหลังบ้านพรหมบดินทร์
“หยุดนะโว้ย ฉันบอกให้หยุด”
แต่พอมาถึงตาดำก็หายไปแล้ว ทวนยืนมองอยู่หน้าบ้านร้างที่ดูวังเวงน่ากลัว
จู่ๆ ก็มีเสียงหมาหอนดังเกรียวเป็นทอดๆ มา
ทวนชะงัก เดินสำรวจด้านนอกบ้านแต่ก็ไร้เงาคน แต่แล้วตาดำก็โผล่พรวดออกมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวตาปูดโปนใช้ฝ่ามือทุบเข้าที่ต้นคอของทวน
ทวนเซล้มลง ตาดำพุ่งพรวดเข้าไปบีบคอทวนแน่น ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ดูหลอนๆ
“ไสหัวออกไปจากที่กู ไม่งั้นมึงตาย”
ทวนเห็นใบหน้าของตาดำใกล้ๆ ก็ตกใจ คิดว่าเป็นผีเจ้าที่จึงร้องขอชีวิต
“กลัวแล้วๆ อย่าฆ่าฉันเลย”
ทวนหายใจไม่ออก ตาดำทุบหัวทวนไปอีกทีหนึ่งแล้วพุ่งตัววิ่งหายเข้าไปในบ้านสวนร้าง ทวนมึนๆ งงๆ พอมองอีกทีตาดำก็หายตัวไปแล้ว ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่ ทวนแหกปากร้องลั่น
“ผีหลอกๆ”
ทวนตาลีตาเหลือกรีบเผ่นออกไปแทบไม่ทัน ตาดำโผล่ออกมายืนมองที่หน้าต่าง แสยะยิ้มดูน่ากลัว

ถัดมาภาณุกรมองดูสภาพเรือนไม้หอมที่ถูกรื้อจนเละ แล้วหันไปถามรามนรินทร์กับเฟื่องที่ยืนอยู่
“แล้วนี่รู้ตัวคนทำหรือเปล่า”
“ไม่ครับ คุณนิษาบอกว่ามาถึงสภาพก็เป็นแบบนี้แล้ว”
“แล้วหนูนิษาเป็นไงบ้าง”
“ก็แค่ตกใจนิดหน่อย ตอนนี้มีจวงกับปริกคอยอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
เฟื่องหันไปเห็นทวนวิ่งหน้าตาตื่นตระหนก เหมือนกลัวอะไรสุดขีดเข้ามาก็เรียกไว้
“นายทวนเป็นไงบ้าง เจอตัวคนร้ายมั้ย”
“เจอๆ” ทวนพูดไม่ออก
“อ้าว เจออะไรก็บอกคุณชายกรกับคุณรามไปสิ”
“ผะ...ผม เจอผีเจ้าที่ที่บ้านสวนด้านหลังครับ”
รามนรินทร์หน่าย “ผีอีกแล้วเหรอ”
ภาณุกรตัดบท “เอาเหอะ แกจะไปไหนก็ไป แล้วบอกคนในบ้านด้วย อย่าไปยุ่งย่ามที่บ้านสวนด้านหลังอีก”
ทวนผงกหัวแล้วรีบออกไปทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับ มีเรื่องผีไม่เว้นวัน ผมว่าเราน่าจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนคุณรสสักคนดีมั้ยครับ”
ภาณุกรคิดตาม “น้าก็คิดเหมือนราม เฟื่อง เดี๋ยวเฟื่องบอกยัยน้อยให้มาอยู่เป็นเพื่อนหนูรสด้วยนะ”
“ได้ค่ะ ถ้าวันนี้ยัยน้อยกลับมา เฟื่องจะให้มันย้ายมานอนเฝ้าเรือนตั้งแต่คืนนี้เลยค่ะ”
“คุณรสกับน้อยอายุก็ไล่เลี่ยกัน ผมว่าน่าจะเข้ากันได้ดีนะครับ”
รามนรินทร์ยิ้มออกโล่งใจขึ้นมาทันที

ตกกลางคืน ลมพัดโหมกระหน่ำเข้ามาเรือนไม้หอม ผีแม้นมาศเคลื่อนตัวจากสระบัวขึ้นมาหยุดที่หน้าบ้าน ประตูเรือนถูกลมกระชากเปิดออกอย่างแรง แม้นมาศพุ่งเข้าไปในบ้าน มองเรือนรักอย่างหวนแหน
อิทธิฤทธิ์ของแม้นมาศบันดาลลมพัดกรูเข้ามาอย่างแรง ผ้าม่านที่ติดใหม่ปลิวสะบัด ข้าวของในบ้านลอยขึ้นมากลางอากาศ
“ที่นี่เป็นบ้านฉัน...ใครหน้าไหนก็มาอยู่ไม่ได้”
แม้นมาศหวีดร้องเสียงดังหวีดหวิวชวนสยอง นัยน์ตาขาวโพลนเต็มไปด้วยแรงอาฆาต

วิญญาณแค้นพร้อมจะพุ่งทะยานไปจัดการทุกคนที่ขวางหน้า

อ่านต่อตอนที่ 3

บาปบรรพกาล ตอนที่ 1
บาปบรรพกาล ตอนที่ 1
ความมืดในคืนเดือนแรมปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ท้องฟ้าเหนือบ้านพรหมบดินทร์ค่ำคืนนี้ดูหม่นเศร้าโดยประหลาด จันทร์ครึ่งเสี้ยวเคลื่อนคล้อยลอยไปอย่างช้าๆ เรือนไม้หอม บ้านไม้สองชั้นหลังงามที่ปัจจุบันกลายเป็นเรือนร้าง ตั้งอยู่เยื้องมาทางหลังบ้านพรหมบดินทร์ บรรยากาศแลดูน่ากลัว น้ำในสระบัวติดตัวเรือนสะท้อนเงาจันทร์ยิ่งชวนหลอกหลอน ลมวูบใหญ่พัดผ่านประตูหน้า เข้าไปในเรือนเผยให้เห็นว่าบ้านหลังใหญ่มืดมิดไร้แสงไฟ แสงจากพระจันทร์สาดเข้ามาพอให้มองเห็นกรอบรูปผู้หญิงโบราณประดับอยู่ข้างฝา แมวดำซึ่งน่าจะมาครอบครองเรือนหลังนี้ส่องประกายด้วยแววตาน่ากลัว มันวิ่งกระโจนออกไปในห้องโถง ขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
กำลังโหลดความคิดเห็น