มนต์รักอสูร ตอนที่ 24
ร่างน้ำผึ้งและเทิดกลิ้งตกจากหน้าผา ร่วงลงมาในป่าอันรกครึ้มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า เทิดกอดปกป้องน้ำผึ้งตั้งแต่ตกลงมา ทั้งสองคนต่างบาดเจ็บสาหัส
“โอ๊ย” น้ำผึ้งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หลังเทิดปล่อยตัวออกจากอ้อมกอด
เทิดห่วงน้ำผึ้งไม่ได้นึกถึงตัวเองสักนิด
“น้ำผึ้ง เป็นไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
น้ำผึ้งเห็นเทิดเลือดออกตรงแขนที่ถูกยิงก็ตกใจ
“คุณถูกยิง”
เทิดมองแผลตัวเอง ไม่ใส่ใจมากนัก
“ฉันไม่เป็นไร รีบไปจากที่นี่เถอะ ก่อนที่พวกมันจะตามมา”
น้ำผึ้งทักท้วง “แต่ว่า...”
“ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า รีบไปเถอะ”
เทิดประคองน้ำผึ้งรีบพาออกไปโดยไว
ทรงยศรออยู่ในห้องที่โรงแรม ท่าทีกระวนกระวายใจมาก จนพูนเคาะประตูเปิดเข้ามาในห้อง ทรงยศมองหา ไม่เห็นน้ำผึ้งมาด้วยก็แปลกใจ
“ครูน้ำผึ้งล่ะ อย่าบอกนะว่าไอ้เทิดมันพาครูน้ำผึ้งหนีไป”
“ครูน้ำผึ้งกับนายเทิดถูกยิงตกเขาไปครับ”
“ตกเขา” ทรงยศตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธจัด “ฉันสั่งให้จัดการไอ้เทิด ไม่ใช่ฆ่าครูน้ำผึ้ง”
“ขอโทษครับนาย ผมไม่ตั้งใจจะฆ่าครูน้ำผึ้ง ผมยิงไอ้เทิดแต่รถเสียหลักเลยพลัดตกเขาไปทั้งคู่”
ทรงยศครวญด้วยความเสียดาย “โธ่ ครูน้ำผึ้ง ไม่น่าเลย แล้วแกแน่ใจรึเปล่าว่าไอ้เทิดมันตายแล้ว”
“ทางทั้งรกทั้งชันอย่างนั้น ผมว่าไม่น่ารอดหรอกครับ”
“ไม่น่า แสดงว่าแกไม่แน่ใจ” ทรงยศไม่พอใจ สั่งการทันที “ไปหาศพมันให้เจอฉันต้องเห็นกับตาว่าไอ้เทิดมันตายแล้วจริงๆ”
“ครับนาย”
พูนรีบออกจากห้องไป
“โธ่เว้ย ครูน้ำผึ้งเกือบจะเป็นของฉันแล้วแท้ๆ ไอ้เทิด แกมันเป็นมารความสุขฉันจริงๆ”
ทรงยศเจ็บใจที่ไม่ได้ฟันน้ำผึ้ง
เทิดและน้ำผึ้งเดินรอนแรมหาทางออกจากป่า และหนีการตามล่าของพูนมาสักระยะแล้ว น้ำผึ้งเหนื่อยมาก เดินไม่ไหว ทรุดลงนั่ง
“ฉันไม่ไหวแล้ว”
“แข็งใจเดินต่อเถอะ ถ้าพวกนั้นตามมาทันจะแย่นะ”
“ฉันก้าวขาไม่ไหวแล้ว คุณไปเถอะ ทิ้งฉันไว้ที่นี่แหละ ฉันไม่อยากเป็นภาระคุณ”
“ไม่! ฉันจะไม่ทิ้งเธอไว้ที่นี่ เราต้องไปด้วยกัน”
“คุณไปเถอะ ถ้าพวกนั้นเจอคุณ พวกเขาจะฆ่าคุณ”
เทิดรำคาญ “เธอไปไม่ไหวหรือไม่อยากไปกันแน่!”
“คุณหมายความว่าไง”
“เธออยากกลับไปหาไอ้ทรงยศใช่มั้ย! บอกมาตรงๆ ดีกว่า”
น้ำผึ้งชักโมโห “นี่คุณ ใช้สมองส่วนไหนคิด ฉันเดินไม่ไหวจริงๆ ไม่ได้อยากกลับไปหานายทรงยศ คุณคิดแต่เรื่องสกปรก หัดมองคนอื่นในแง่ดีซะบ้าง”
“ถ้าอยากให้ฉันเชื่อ ก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ ไป ลุกขึ้น”
เทิดดึงแขนน้ำผึ้งให้ลุก พาเดินต่อไป ทั้งที่ใจจริงเป็นห่วง แต่ปากแข็ง
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ”
“ไปเร็วเข้า”
น้ำผึ้งโกรธ แต่จำต้องกัดฟันไปต่อ เพราะอยากพิสูจน์ให้เทิดเห็นว่าเขาเข้าใจเธอผิด
พูนและลูกน้อง 3 คน มาถึงตีนผาตรงจุดที่คาดว่าเทิดกับน้ำผึ้งตกลงมา
ลูกน้อง 1 ชี้บอก “พี่พูนครับ ดูนั่น”
พูนมองตามพบว่ามีรอยเลือดสดๆ ติดอยู่บนหญ้ารอบๆ บริเวณนั้น คาดว่าจะเป็นเลือดของเทิด และเมื่อมองสำรวจก็เห็นกิ่งไม้ใกล้ๆ กัน เกี่ยวเสื้อผ้าจากเสื้อของน้ำผึ้งขาด
“ใช่แน่ๆ ไอ้เทิดกับครูน้ำผึ้งยังไม่ตาย ตามหาให้ทั่ว”
ลูกน้อง 2 บ่น “ป่าตั้งกว้าง จะไปตามที่ไหน”
“กว้างแค่ไหนก็ต้องหาให้เจอให้ได้! ไม่เจอห้ามกลับ นายสั่งไว้เว้ย”
ได้ชื่อนาย อันหมายถึงทรงยศ พวกลูกน้องกลัวหงอ ไม่กล้าหืออือ
“ไป! หาให้ทั่ว อย่าให้มันหนีไปได้”
พูนกับลูกน้องออกตามหาเทิดและน้ำผึ้ง ทุกคนมีปืนเหน็บที่เอวเห็นเด่นหรา
เทิดประคองน้ำผึ้งท่าทางเหนื่อยล้าเข้ามาในป่า น้ำผึ้งมองไปทางหนึ่งเห็นกระท่อมเล็กๆ สภาพทรุดโทรม หลังหนึ่งก็ร้องบอกด้วยความดีใจ
“คุณเทิด นั่น บ้านคน! เรารอดแล้ว”
อารามดีใจน้ำผึ้งรีบวิ่งไปที่กระท่อม
“น้ำผึ้งระวัง”
เทิดรีบตามไป น้ำผึ้งวิ่งไปหยุดที่หน้ากระท่อม ร้องตะโกนถาม
“ขอโทษนะคะ มีคนอยู่มั้ยคะ”
ไม่มีเสียงตอบ เทิดสังเกตรอบๆ เป็นป่ารกร้าง
“ท่าทางจะไม่มีคนอยู่”
น้ำผึ้งผิดหวัง
“โธ่ นึกว่าจะเจอใครสักคนที่ช่วยเราได้”
เทิดนิ่งคิดตัดสินใจ “เราพักกันที่นี่ก่อนเถอะ”
น้ำผึ้งเป็นฝ่ายช่วยประคองเทิดมานั่งพักที่มุมหนึ่งเห็นแผลมีเลือดไหลออกไม่หยุด
“เลือดออกไม่หยุดเลย คุณต้องรีบไปโรงพยาบาล”
“จะไปยังไง ยังหาทางออกจากป่าไม่เจอเลย”
น้ำผึ้งคิดแล้วนึกออกล้วงกระเป๋าหยิบมือถือออกมาดู
น้ำผึ้งนึกออก “คุณภูต้องช่วยเราได้แน่ค่ะ”
เทิดหึงหวงและพาล ปัดมือถือหลุดจากมือน้ำผึ้งไป
น้ำผึ้งตกใจ “คุณทำอะไร”
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนายภูฤทธิ์”
น้ำผึ้งห่วง “นี่ไม่ใช่เวลามาหยิ่งนะคะ คุณต้องรีบทำแผล”
“ห่วงฉันหรือว่าขาดผู้ชายไม่ได้กันแน่”
“คุณพูดอะไร ฉันพยายามจะช่วยคุณอยู่นะ”
“ถ้าอยากช่วย ก็ช่วยอยู่เฉยๆ ไม่ใช่เที่ยววิ่งไปหาผู้ชายคนนั้นที คนนี้ที น่ารังเกียจที่สุด”
น้ำผึ้งชักโกรธ “หยาบคาย คุณดูถูกฉันเกินไปแล้ว”
“หรือไม่จริง ถ้าฉันไม่ไปเจอ ป่านนี้เธอเป็นของนายทรงยศไปแล้ว ไม่มีเงินก็น่าจะบอกกัน ไม่ใช่ทำตัวไม่มีศักดิ์ศรีแบบนี้”
น้ำผึ้งเสียใจมาก
“นี่คุณเชื่อที่นายทรงยศพูดเหรอ คุณคิดว่าฉันทำเรื่องต่ำๆ อย่างนั้นได้จริงๆ ใช่มั้ย”
เทิดถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นน้ำผึ้งน้ำตาคลอ
“ถ้าคุณคิดอย่างนั้น แล้วคุณมาช่วยฉันทำไม ถ้าช่วยแล้วมาดูถูกกันแบบนี้ ทีหลังไม่ต้องช่วย ไม่ต้องยุ่ง ฉันจะเป็นตายร้ายดียังไงก็เรื่องของฉัน”
น้ำผึ้งโกรธจัดจะลุกหนีออกจากกระท่อม เทิดดึงไว้
“จะไปไหน”
น้ำผึ้งประชดส่ง “ฉันจะไปหานายทรงยศ หรือไม่ก็คุณภู ฉันจะเอาตัวไปแลกเงิน ใครให้ราคาดีที่สุด ฉันก็จะเป็นของคนนั้น”
เทิดโกรธ
“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบนี้”
“ผู้หญิงแบบไหน”
“แบบที่ขาดผู้ชายไม่ได้ไง เดี๋ยวก็ทรงยศ เดี๋ยวก็ภูฤทธิ์ ต้องมีกี่คน เธอถึงจะพอ”
น้ำผึ้งโกรธมากที่ถูกดูถูกโดยคนที่เธอรัก ตบหน้าเทิดฉาดใหญ่
“คุณมันทุเรศ คุณมันสกปรกที่สุด”
“สกปรกเหรอ ต้องเป็นนายภูฤทธิ์เหรอไงถึงจะสะอาด”
เทิดดึงร่างน้ำผึ้งเข้ามากอดจูบซุกไซ้ น้ำผึ้งดิ้นรนขัดขืน
“คนบ้า ปล่อยฉันนะ”
“ทีกับฉันทำเป็นเล่นตัว ทีกับไอ้ทรงยศ ไปหามันถึงโรงแรม”
“ปล่อยฉัน”
เทิดกดมือน้ำผึ้งดันร่างเธอลงกับพื้นไม้ กอดจูบซุกไซ้อย่างรุนแรง น้ำผึ้งสู้ตายถีบเทิดเต็มแรง
“โอ๊ย”
น้ำผึ้งจะหนี เทิดกระชากตัวมากอดไว้อีก น้ำผึ้งดิ้นหนีสุดชีวิต
“ปล่อย อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันเกลียดคุณ”
“ฉันไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น มานี่”
เทิดลากน้ำผึ้งออกไป ครูสาวดิ้นรนสุดแรงเกิด แต่ก็สู้แรงเทิดไม่ได้
เทิดลากน้ำผึ้งเข้ามามุมหนึ่ง หันรีหันขวาง คว้าเศษผ้าในกระท่อมมามัดมือน้ำผึ้งล่ามไว้กับเสาไม้
“คุณจะทำอะไร”
“มัดเธอไว้ จะได้ไม่เที่ยวไปเสนอตัวให้ผู้ชาย”
น้ำผึ้งดิ้นรนขัดขืน แต่สู้แรงเทิดไม่ได้ ถูกจับมัดไว้กับเสาไม้แล้ว
“คนบ้า คุณมันบ้าไปแล้ว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“ไม่ปล่อย อยากจะร้องก็ร้องไป ร้องให้คอแตก ฉันก็ไม่ปล่อย”
“คนบ้า คนใจร้าย ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณที่สุด”
น้ำผึ้งเสียใจ เทิดหงุดหงิด
ที่บ้านเทิด เห็นผันกลับมาที่บ้านคนเดียว หอมทักด้วยความแปลกใจ
“อ้าว น้าผัน ออกไปสองคน ไหงกลับมาคนเดียว พานายไปทิ้งไว้ที่ไหน”
ผันแปลกใจ “นายยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ยังน่ะสิ”
“แล้วนายไปไหน”
“ถามหอมแล้วหอมจะถามใครล่ะน้า ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
ผันแปลกใจ “นายให้ฉันไปส่งลูกค้า บอกว่าจะให้แกไปรับกลับ หรือกลับมาเอง แต่นี่มันก็นานแล้วนะ นึกว่านายกลับมาแล้วซะอีก”
“งั้นเดี๋ยวก็คงกลับมามั้ง ไม่มีอะไรหรอก นายโตแล้วไม่ใช่เด็ก”
“ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรนะ”
ผันสังหรณ์ใจโดยประหลาด
ทางด้านเทิดยื่นกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำมาให้น้ำผึ้ง
“เอ้า ดื่มน้ำซะ”
น้ำผึ้งมองค้อนเทิดด้วยความขุ่นเคืองใจ แถมสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
“ไม่”
“ดื่ม”
เทิดโมโหจับคางน้ำผึ้งกรอกน้ำให้ดื่ม น้ำผึ้งสำลักสะบัดหน้าหนี จนกระบอกไม้ไผ่หลุดมือหล่น น้ำหกหมด
“ไม่ต้องมายุ่งกันฉัน”
เทิดรำคาญ “ตามใจ ไม่ดื่มก็ไม่ต้องดื่ม! ปล่อยให้อดตายไปเลย”
“ปล่อยฉันได้แล้ว จะล่ามฉันไว้ทำไม ฉันไม่ใช่นักโทษของคุณนะ”
“อยู่อย่างนี้แหละดีแล้ว แล้วก็หุบปากซะด้วย รำคาญ”
“ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย”
“บอกให้เงียบ”
“ไม่เงียบ ฉันจะพูด มีอะไรมั้ย”
เทิดจับหน้าน้ำผึ้ง แกล้งขู่
“ถ้าไม่เลิกโวยวาย ฉันจะปิดปากเธอเอง”
เทิดโน้มหน้าเข้าไปหา ทำท่าจะจูบ น้ำผึ้งกลัวรีบเม้มปากแน่น เทิดเห็นน้ำผึ้งยอมเงียบก็ยิ้มขำ น้ำผึ้งโกรธตะบึงตะบอนใส่ เทิดปล่อยน้ำผึ้งแล้วไปนั่งทำแผลตัวเอง น้ำผึ้งคิดแผนบางอย่างได้
“โอ๊ย”
เทิดตกใจเป็นห่วง “เป็นอะไร”
“ฉันเจ็บมือ มือเป็นแผลหมดแล้ว”
เทิดทำเป็นไม่สนใจ
น้ำผึ้งอ้อน “มือฉันจะขาดมั้ยเนี่ย”
เทิดอดเป็นห่วงไม่ได้รีบมาดู เห็นมือน้ำผึ้งโดนผ้ารัดจนช้ำแดงห้อเลือดไปหมด
น้ำผึ้งอ้อนใหญ่ “ปล่อยฉันเถอะนะคุณเทิด ฉันขอร้อง ฉันทั้งหิวทั้งเหนื่อยไม่มีแรงหนีไปไหนหรอก”
เทิดใจอ่อนยวบ
“ก็ได้ แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่หนีไปไหนอีกนะ ข้างนอกมันอันตราย”
น้ำผึ้งพยักหน้ารับโดยดี
เทิดแก้เชือกเสร็จ น้ำผึ้งยิ้มหวานให้
“ขอบคุณค่ะ”
เทิดหันหลังให้ ไม่ทันระวัง น้ำผึ้งสบโอกาสคว้ากระบอกไม้ไผ่ทุบเข้าที่แผลตรงแขนเทิดอย่างจัง
“โอ๊ย”
“คนบ้า ฉันเกลียดคุณ ฉันไม่อยู่ให้คุณข่มเหงหรอก”
น้ำผึ้งวิ่งหนีไป เทิดเจ็บแผล แต่ไม่วายเป็นห่วงน้ำผึ้งตะโกนตาม
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ น้ำผึ้ง”
เทิดเจ็บใจที่โดนหลอก
น้ำผึ้งวิ่งหนีเข้ามาในป่าโดยไม่รู้ทิศทาง หยุดหอบหายใจอยู่มุมหนึ่งระเบิดร้องไห้ออกมาด้วยอัดอั้น
“คนบ้า! บ้าที่สุด”
น้ำผึ้งร้องไห้เสียใจที่ถูกเทิดทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
ด้านเทิดมองผ้าที่มัดมือน้ำผึ้ง แล้วนึกโมโหตัวเองว่าทำไมไปทำร้ายน้ำผึ้งอย่างนั้น
“เป็นบ้าอะไรวะไอ้เทิด ทำไปได้ไง”
เทิดเหลียวไปมองนอกกระท่อม รู้สึกผิดต่อน้ำผึ้ง
เวลาเย็นลงทุกขณะ ผันอยู่ในห้องโถงพยายามโทร.หาเทิดแต่โทร.เท่าไหร่ก็ไม่ติด พรเข้ามาหา
“นายยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ยังเลย ติดต่อไม่ได้ด้วย”
ผันนึกได้
“เดี๋ยวฉันโทร.ไปถามที่โรงแรมดีกว่า”
ผันโทร.ไปที่โรงแรม รอจนอีกฝ่ายรับสาย
“สวัสดีครับ คุณเทิดอยู่ที่นั่นรึเปล่า...ครับๆ”
เห็นผันวางสาย พรรีบถาม “ว่าไง”
“เขาบอกว่านายออกมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว บอกว่าเห็นรีบร้อนออกไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง”
พรนึกสงสัย “ผู้หญิงเหรอ ผู้หญิงที่ไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
ระหว่างนี้หอมกับอ้อยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“น้าผัน”
“ว่าไง”
“ครูน้ำผึ้งยังไม่กลับมาเลย บอกว่าไปธุระ ติดต่อก็ไม่ได้”
“จริงเหรอ นายก็หายไปเหมือนกัน” พรว่า
อ้อยคิดตาม “หรือว่าจะอยู่ด้วยกัน”
ผันท้วงว่า “ไม่ใช่มั้ง ไม่ได้นัดกันนี่นา”
“ทำไงกันดีล่ะ”
แพรวนภาและเมญ่ากลับมาถึงพอดี
แพรวนภาถามผัน “คุณเทิดยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ครับ ทั้งนายทั้งครูน้ำผึ้ง หายไปทั้งคู่เลยครับ”
“คุณเทิดน่าเป็นห่วง แต่ครูน้ำผึ้งไม่น่าห่วงหรอก ป่านนี้คงจะไปอยู่กับผู้ชายที่ไหนล่ะมั้ง” เมญ่าพูดลอยๆ
อ้อยไม่พอใจ “ปากเสีย! ครูน้ำผึ้งไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนั้น”
“ฉันก็พูดตามที่เห็น ครูน้ำผึ้งคนดีของแก เดี๋ยวก็ไปหาคุณภู เดี๋ยวไปหาคุณทรงยศ ฉันเตือนด้วยความหวังดีหรอกนะ ไม่เชื่อก็ตามใจ เกิดตำรวจไปเจออยู่กับผู้ชายขึ้นมา มันจะฉาวโฉ่”
เมญ่ากับแพรวนภาหันมายิ้มเยาะ อ้อยยิ่งของขึ้น
“หน็อย กล้าดียังไงมาพูดดูถูกครู”
“ทำไมจะพูดไม่ได้”
อ้อยโกรธจัด จะตบเมญ่า
“ปากเสียอย่างนี้ต้องโดนสักที”
เมญ่าท้า “เอาสิ เข้ามาเลย อย่าเอาแต่เห่า”
แพรวนภาห้าม
“พอได้แล้วเมญ่า”
“ค่ะ คุณแพรว”
แพรวนภาสั่งผัน “แจ้งความเรื่องคุณเทิดด้วย ส่วนเรื่องครูน้ำผึ้ง อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่ละกัน ก็แค่ลูกจ้างหายไปคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับฉัน”
แพรวนภาเดินเชิดออกไป เมญ่าเบะปากให้อ้อยหนึ่งที แล้วตามนายหญิงไป อ้อยคุมแค้นโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
“ดูมัน ทั้งเจ้านายลูกน้องพอกัน”
ผันปราม
“พอแล้วนังอ้อย แค่นี้ก็มีเรื่องปวดหัวมากพออยู่แล้ว อย่าก่อเรื่องอีกเลย”
อ้อยจ๋อย “จ้ะพ่อ”
ผันกังวลเรื่องเทิดและน้ำผึ้ง ห่วงทั้งคู่
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 24 (ต่อ)
แพรวนภาเดินนำเข้ามามุมหนึ่ง เมญ่าตามติด แพรวนภายิ้มร้าย ส่วนเมญ่าหัวเราะด้วยความสะใจ
“ฮะๆๆ สะใจเมญ่าจริงๆ ค่ะ สมน้ำหน้านังน้ำผึ้ง เล่นกับใครไม่เล่น ริจะมาเป็นคู่แข่งคุณแพรว มันต้องโดนแบบนี้แหละถึงจะสาสม”
แพรวนภายิ้มร้ายสมใจ เมญ่าประจบต่อ
“นี่คุณแพรวยังเมตตามันนะคะ อย่างนังน้ำผึ้งเนี่ย ได้คุณทรงยศก็หรูแล้ว”
“ใช่ นายทรงยศถึงจะเหมาะกับนังครูน้ำผึ้ง ส่วนเทิดต้องเป็นของฉันคนเดียว”
“เมญ่าว่าคุณแพรวไปนอนพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวเมญ่าจะนวดหน้านวดตัวให้ รับรองหลับสบาย ตื่นมาจะได้สดใสไงคะ”
“จะนอนหลับได้ไง เทิดหายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะไม่หายไปกับนังน้ำผึ้งนะ”
“ไม่หรอกค่ะ ป่านนี้นังน้ำผึ้งขึ้นสวรรค์กับคุณทรงยศไปแล้ว”
“กำจัดนังน้ำผึ้งได้แล้ว แต่ยังเหลือคุณนันท์อีกคน”
“เด็กอย่างคุณนันท์ไม่ครณามือคุณแพรวของเมญ่าหรอกค่ะ ถ้าคุณแพรวยังไม่อยากนอน งั้นก็เปิดไวน์ฉลองให้ว่าที่เจ้าสาวล่วงหน้าดีกว่าค่ะ”
สองนายบ่าวยิ้มร้ายสาสมใจด้วยกัน
เย็นจวนค่ำ น้ำผึ้งนึกเป็นห่วงเทิดขึ้นมา
“ฟาดซะเต็มแรงเลยเรา ป่านนี้จะเป็นไงบ้างนะ ถ้าเลือดออกไม่หยุดจะทำยังไง”
น้ำผึ้งกังวลใจ จะกลับไปดูอาการเทิด แต่ไม่ทันระวัง เหยียบกำดักสัตว์เข้า กรีดร้องด้วยความตกใจ
“ว้าย”
ร่างครูสาวโดนรวบอยู่ในตาข่ายขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้
ฝ่ายเทิดออกมาหน้ากระท่อมชะเง้อมองหา แต่ไม่มีวี่แววน้ำผึ้ง
“นี่เธอหนีฉันไปจริงๆ เหรอน้ำผึ้ง ใกล้ค่ำแล้วด้วย หรือว่าจะหลงป่า”
เทิดเป็นห่วงน้ำผึ้ง ตัดสินใจออกตามหา แม้จะเจ็บแผลมากขึ้นทุกขณะ
ส่วนน้ำผึ้งพยายามดิ้นรนจนสุดแรง ตะโกนสุดเสียง
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที”
แต่จนแล้วจนรอดก็ออกไปไม่ได้ น้ำผึ้งเหนื่อยและท้อ
พูนพร้อมกับลูกน้อง 3 คน ทุกคนถือปืนในมือพร้อมยิง เดินป่าออกตามหาน้ำผึ้งและเทิดมาครึ่งค่อนวันแล้ว
พูนยกมือสั่งลูกน้องให้หยุดและเงียบ ทุกคนชะงัก
เทิดเดินมาตะโกนเรียกหา “น้ำผึ้ง เธออยู่ไหน น้ำผึ้ง”
ไม่มีเสียงตอบ เทิดเดินหาไปเรื่อยๆ
พูนส่งสัญญาณให้พวกลูกน้องซ่อนตัว ส่วนตัวเองไปซุ่มที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
พูนยกปืนขึ้นเล็งแลพร้อมจะยิง พูนเหนี่ยวไกยิงปัง เสียงไก่ป่าร้องดังมาจากพุ่มไม้
“ไก่ป่านี่เอง นึกว่าอะไร ไม่มีอะไรแล้ว ไป หาต่อ”
พูนกับลูกน้องออกล่าเทิดกับน้ำผึ้งต่อ
เทิดเดินเข้ามา มองหาแต่ไม่เจออะไร โดยไม่รู้ว่าน้ำผึ้งห้อยต่องแต่งอยู่บนหัวนั่นเอง
“น้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งดีใจ “คุณเทิด! ฉันอยู่บนนี้”
เทิดเงยหน้ามอง ด้วยความแปลกใจ “ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”
“คิดว่าฉันอยากจะอยู่อย่างนี้เหรอ เป็นเพราะคุณนั่นแหละ! รีบช่วยฉันลงไปเร็วเข้า”
“อยากให้ช่วยก็พูดดีๆ สิ” เทิดเล่นลิ้นตีรวน
“ทำไมฉันต้องพูดดีกับคุณด้วย คุณต่างหากที่ผิด ฉันหนีคุณมาเจอกับดักบ้าเนี่ย คุณต้องรับผิดชอบ”
“ตามใจ พูดไม่เพราะ คืนนี้ก็นอนบนนั้นแหละ”
เทิดแกล้งเดินหนีไป
น้ำผึ้งโวยลั่น “จะไปไหน คนใจดำ อย่าไปนะ ช่วยฉันก่อนสิ”
เทิดหยุดถามย้ำ “ว่าไง จะพูดไม่พูด ไม่พูดฉันไปจริงๆ นะ”
น้ำผึ้งต้องยอมจำนน “ก็ได้ๆ”
เทิดรอฟัง
“ช่วยฉันหน่อยนะคะ คุณเทิด”
เทิดยิ้มขำ แกล้งต่อ “ไม่ได้ยินเลย ทีเวลาว่าฉันเสียงดังเชียวนะ”
น้ำผึ้งคุมแค้นเจ็บใจพูดเสียงอ้อมแอ้ม
“คุณเทิดขา ช่วยน้ำผึ้งด้วยนะค้า”
เทิดยังเล่นไม่เลิก “พูดว่า คุณเทิดสุดที่รักขา ช่วยน้ำผึ้งด้วยค่า”
“โอ๊ย! ทำไมต้องให้พูดแบบนี้ด้วย”
“ตกลงจะไม่ยอมพูดจริงๆ เหรอ”
“งั้นก็ตามใจ”
เทิดเดินออกไปจริงๆ น้ำผึ้งมองตามจนเทิดเดินหายไปลับตา จึงตะโกนขึ้นสุดเสียง
“คุณเทิดสุดที่รักขา ช่วยน้ำผึ้งด้วยค่ะ”
เทิดยิ้มกริ่ม ตะโกนกลับไป
“ไม่ได้ยิน ไหนพูดดังๆ หน่อยซิ เสียงหวานๆ ด้วย”
น้ำผึ้งเจ็บใจ แต่ก็จำต้องตะโกนออกไป
“คุณเทิดสุดที่รักขา ช่วยน้ำผึ้งด้วยค่ะ”
“อีกทีซิ อีกที พูดอีกที” เทิดครึ้มใจ เล่นไม่เลิก
“คุณเทิดสุดที่รักขา ช่วยน้ำผึ้งด้วยค่ะๆๆ” น้ำผึ้งตะโกนซ้ำๆ จนเทิดโผล่มา
“ชื่นใจจริงๆ”
น้ำผึ้งโมโหมองตาคว่ำ ทำอะไรไม่ได้ เทิดยิ้มพอใจ
เทิดนำกับดักลงมา แล้วจัดการแก้ตาข่ายช่วยน้ำผึ้งออกมา ขาน้ำผึ้งพันกับดักจึงเสียหลักเซจะล้ม เทิดประคองไว้ น้ำผึ้งจึงอยู่ในอ้อมแขนของเทิด ทั้งสองสบตากันซึ้งๆ น้ำผึ้งสะเทิ้นเขินอาย
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำผึ้งผละจากเทิด พูดถามดีๆ
“คุณมาตามหาฉันเหรอ”
เทิดกลับตอบห้วนๆ เก๊กตามเคย
“ไม่ได้ตั้งใจตามหาหรอก แค่ออกมาหาทางกลับ เธอนี่ทำเป็นเก่ง หนีมาคนเดียว แล้วเป็นไง น่าจะปล่อยให้นอนอยู่บนนั้นสักคืน จะได้เลิกอวดเก่งซะที”
น้ำผึ้งโกรธที่เทิดว่า จะเดินหนี
“จะไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ที่ปลอดภัย ดีกว่าอยู่กับคุณ”
“อยากไปก็ไปเลย เดินป่ามืดๆ ระวังจะเป็นอาหารสัตว์”
น้ำผึ้งกลัวแต่ยังปากเก่ง “ไม่ต้องมาขู่
“ไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อก็ตามใจ”
เทิดเดินหนีไปทางกระท่อม น้ำผึ้งอยู่คนเดียว ทั้งมืดทั้งเงียบก็กลัว รีบตามเทิดไปโดยไว
“นี่คุณ...รอฉันด้วยสิ”
คืนนั้นหมวดสินยืนรออยู่ในห้องรับแขก จนทรงยศเข้ามา
“หมวดสิน มาถึงนี่มีอะไร”
“คนสนิทของนายเทิดไปแจ้งความว่านายเทิดกับครูน้ำผึ้งหายตัวไป”
ทรงยศนิ่งนึก “แสดงว่ามันไม่ได้ติดต่อกลับไปที่ไร่”
“นายเทิดอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ลูกน้องของคุณยิงมันนี่”
“ถ้ายังไม่เห็นศพนายเทิด ฉันก็ยังไม่วางใจ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ให้เป็นหน้าที่ผมเอง ผมจะนำกำลังตำรวจไปตามหานายเทิดถ้ามันยังไม่ตาย ผมนี่แหละจะจัดการมันเอง”
“ดี ถ้างานนี้สำเร็จ ผมมีส่วนแบ่งให้คุณแน่นอน รับรองว่าคุ้มค่าเหนื่อย”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนใจกว้าง”
หมวดสินกับทรงยศยิ้มร้ายให้กันอย่างมีแผนชั่ว
หมวดสินจะกลับ ทรงยศมาส่ง
“รอฟังข่าวดีได้เลย”
หมวดสินกับทรงยศยิ้มให้กันอย่างมีแผน
ฟ้าใสโผล่เข้ามา สองคนหุบยิ้มแทบไม่ทัน ฟ้าใสไหว้หมวดสิน
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณฟ้า...ผมไปก่อน”
หมวดสินลาทรงยศแล้วเดินออกไป ฟ้าใสมองตาม ก่อนจะหันมาถามทรงยศ
“หมวดสินมาทำไมคะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก คุยธุระกันนิดหน่อย”
ฟ้าใสไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
“เอ้อ ฟ้าได้คุยกับครูน้ำผึ้งบ้างรึเปล่า”
“ไม่ได้คุยเลยค่ะ ติดต่อไม่ได้ทั้งวันเลย พี่ยศมีอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร”
ทรงยศขึ้นห้องไป ฟ้าใสมองตามแปลกใจว่าพี่ชายถามถึงน้ำผึ้งทำไม
ฟ้าใสเข้ามาในห้อง ภูฤทธิ์โทร.มาพอดี
“คุณภู มีอะไรรึเปล่าคะ”
“คุณฟ้าติดต่อคุณน้ำผึ้งได้รึเปล่าครับ”
“ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ คุณภูก็เหมือนกันเหรอคะ”
“ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีก”
“ฟ้าก็เหมือนกัน เราไปหาน้ำผึ้งที่ไร่ดีมั้ยคะ”
“ดีเหมือนกันครับ เดี๋ยวผมไปรับคุณเลย”
“อย่ามาที่บ้านเลยค่ะ ดึกแล้ว พี่ยศไม่ให้ฟ้าออกไปแน่ เดี๋ยวฟ้าจะแอบออกไป เจอกันที่...”
ฟ้าใสพูดสายนัดแนะสถานที่กับภูฤทธิ์แล้ววางสายไป
ไม่นานต่อมา รถภูฤทธิ์จอดรออยู่ ฟ้าใสแอบย่องมาหาและรีบขึ้นรถท่าทางระวังตัวแจ ด้วยกลัวลูกน้องของทรงยศมาเห็น
“รีบไปเถอะค่ะ”
ภูฤทธิ์สงสัย “ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เรื่องมันยาว รีบไปก่อนเถอะค่ะ”
ฟ้าใสเหลียวหน้าแลหลัง ภูฤทธิ์ขับรถออกไป
ฟ้าใสกับภูฤทธิ์มาถึงไร่เทิด รู้เรื่อง น้ำผึ้งและเทิดหายตัวไปจากปากผัน ก็ตกใจ
“น้ำผึ้งกับคุณเทิดหายตัวไปเหรอคะ”
“แจ้งความรึยังครับ”
“เรียบร้อยแล้วครับ ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดโรงแรมแล้วเห็นคุณเทิดกับน้ำผึ้งออกจากโรงแรมไปด้วยกัน”
ฟ้าใสสงสัย “โรงแรม ยายน้ำผึ้งไปทำอะไรที่โรงแรมกับคุณเทิด”
โทรศัพท์มือถือของผันดังขึ้น เป็นเบอร์ไม่คุ้นแต่ผันก็รีบกดรับสาย
“สวัสดีครับ” ปรากฏว่าเป็นตำรวจท้องที่ โทร.มา ผันฟังด้วยสีหน้าตกใจ “ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ผันวางสายแล้วรีบบอกภูฤทธิ์กับฟ้าใส
“ตำรวจเจอรถที่น้ำผึ้งขับแล้วครับ”
ฟ้าใสและภูฤทธิ์ตกใจ
“รีบไปเถอะครับ”
สามคนรีบร้อนออกไปด้วยกัน
น้ำผึ้งและเทิดกลับมาที่กระท่อม แผลที่แขนของเทิดมีเลือดซึมออกมามากกว่าเดิมอีก เทิดหน้าตาซีดเซียวเพราะเสียเลือดมาก
น้ำผึ้งเห็นอาการก็เป็นห่วง “เลือดออกไม่หยุดเลย ฉันทำแผลให้นะคะ”
น้ำผึ้งจัดการล้างแผล แล้วทำแผลให้ ฉีกผ้าจากชายเสื้อเชิ้ตตัวเองมาพันแผล เทิดมองน้ำผึ้งตลอดเวลา ด้วยสีหน้าอ่อนโยน ทั้งสองสบตากันซึ้งๆ
“ขอบคุณ”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณที่คุณช่วยฉันไว้”
“ถือว่าเราหายกัน นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อ เราอยู่ที่นี่นานไม่ได้ เราไม่มีอาวุธ ถ้าคนของนายทรงยศมาเจอเข้า เราจะแย่”
เทิดพูดพลางนอนลง น้ำผึ้งนั่งนิ่ง ไม่ไว้ใจเทิด กลัวจะเกิดเรื่องเหมือนเมื่อตอนกลางวันที่เทิดปลุกปล้ำเธอ เทิดเห็นน้ำผึ้งไม่ยอมนอนก็แปลกใจ ตบพื้นกระท่อมเรียกน้ำผึ้งมานอนข้างๆ
“ทำอะไร นอนสิ ไม่เหนื่อยเหรอ”
น้ำผึ้งระแวงไม่คลาย “นอนข้างๆ คุณเนี่ยนะ”
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า”
“ฉันจะเชื่อใจคุณได้ไง เกิดคุณบ้าขึ้นมาอีก”
“ไม่นอนก็ตามใจ”
เทิดหมั่นไส้หลับตาลง น้ำผึ้งไม่มีทางเลือก กระท่อมก็เล็ก พื้นที่ก็จำกัด ครูสาวเหลียวมองหาอาวุธไว้ป้องกันตัว เจอท่อนไม้วางอยู่มุมกระท่อมรีบคว้ามาถือไว้ และนอนลงข้างๆ เทิด แต่ขยับออกไปนอนห่างเทิดมากที่สุดเท่าที่พื้นที่จะอำนวย น้ำผึ้งมองเทิดอย่างหวาดระแวง เทิดยิ้มกวนทั้งที่หลับตา
“แค่นั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ถ้าคุณล่วงเกินฉัน ฉันจะฟาดให้แขนหักเลย”
“นอนเถอะ ฉันสัญญาจะไม่ทำแบบเมื่อกลางวันอีก”
เทิดนอนหันหลังให้ น้ำผึ้งนอนลงอย่างหวาดระแวง
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 24 (ต่อ)
ผัน ฟ้าใสและภูฤทธิ์มาถึงที่เกิดแล้ว ทุกคนเห็นมอเตอร์ไซค์ไร่ล้มอยู่ในป่าข้างทาง หมวดสินและตำรวจลูกน้อง 2 คนกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ผันดูมอเตอร์ไซค์แล้วให้การยืนยันกับหมวดสิน
“ใช่ครับ รถคันนี้เป็นรถของที่ไร่ที่ครูน้ำผึ้งขอยืมไปใช้”
ฟ้าใสแปลกใจ “ทำไมมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงนี้ หรือว่าจะมีอุบัติเหตุ”
“ตรวจสอบที่เกิดเหตุมีรอยเท้าและรอยลื่นไถล อาจจะเสียหลักตกหน้าผาไป”
ฟ้าใสใจคอไม่ดี “โธ่ น้ำผึ้ง”
ฟ้าใสเดินตะโกนเรียกหาน้ำผึ้ง มาที่ริมหน้าผา
“น้ำผึ้ง! แกอยู่ไหน! แกได้ยินฉันรึเปล่า แกตอบฉันสิ น้ำผึ้ง”
ภูฤทธิ์รีบดึงไว้ กลัวฟ้าใสพลัดหล่นลงไป
“ระวังครับ”
“ฟ้าจะไปตามหาน้ำผึ้ง” ฟ้าใสห่วงเพื่อน
ภูฤทธิ์เอ็ดเอาว่า “จะไปได้ยังไง คุณไม่ชำนาญทางในป่า”
“แต่น้ำผึ้งอาจกำลังรอความช่วยเหลืออยู่ คุณภูจะให้ฟ้าทิ้งเพื่อนเหรอคะ ฟ้าทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงคุณน้ำผึ้ง แต่กลางคืนในป่าอันตรายนะครับ”
“ไหนคุณบอกว่ารักเพื่อนฟ้า พอเกิดเรื่อง คุณกลับคิดถึงแต่ตัวเอง”
ภูฤทธิ์ลืมตัว
“คิดว่าผมไม่ห่วงคุณน้ำผึ้งเหรอ!ผมไม่ได้กลัว ไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่ผมห่วงคุณ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นกับคุณ ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน”
ฟ้าใสอึ้ง นิ่งไปชั่วขณะ เพิ่งรู้ว่าภูฤทธิ์ทำเพื่อปกป้องเธอ
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันกลัวน้ำผึ้งมีอันตรายจนลืมคิดถึงความรู้สึกของคุณ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” ภูฤทธิ์ว่า
“ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะครับคุณฟ้า ตำรวจมีอาวุธ แถมชำนาญพื้นที่มากกว่า” ผันบอก
หมวดสินบอกว่า “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะตามหาคุณเทิดกับคุณน้ำผึ้งเอง”
“ขอบคุณครับหมวด”
ภูฤทธิ์หันมาหาฟ้าใส “ผมว่าคุณกลับบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ชายคุณจะเป็นห่วง พรุ่งนี้เช้าเราค่อยออกตามหาน้ำผึ้งด้วยกัน”
“ค่ะ”
ฟ้าใสไม่สบายใจมาก ภูฤทธิ์กุมมือเธอไว้ปลอบโยน หมวดสินยิ้มร้ายโดยไม่มีใครเห็น
ภูฤทธิ์ขับรถแล่นเข้ามาในบริเวณบ้านฟ้าใส
“คุณภูส่งฟ้าแค่นี้ก็พอค่ะ”
“ดึกแล้ว ให้ผมไปส่งที่บ้านเถอะครับ”
ฟ้าใสลำบากใจ กลัวพี่ชายเห็นและดุด่าว่าภูฤทธิ์
“ผมไม่ปล่อยให้คุณไปคนเดียวหรอก”
ภูฤทธิ์สีหน้าเข้มจริงจังมาก
ภูฤทธิ์ลงรถเดินมาส่งฟ้าใสที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ทรงยศเดินออกจากคฤหาสน์มาเห็น ก็ไม่พอใจ ถามเสียงดุ
“ไปไหนมาน้องฟ้า”
ฟ้าใสตกใจ “พี่ยศ ฟ้าไปหาน้ำผึ้งค่ะ ตำรวจเจอรถที่น้ำผึ้งใช้อยู่ในป่าข้างทาง”
ทรงยศฉุนกึก “พี่สั่งแล้วใช่มั้ยไม่ให้ไปยุ่ง ออกไปดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้ยิ่งอันตราย”
ภูฤทธิ์ออกตัวแทน “คุณยศอย่าว่าคุณฟ้าเลยครับ”
“คุณก็เหมือนกัน พาน้องฟ้าออกไปทำไม”
“ผมรู้ว่าคุณยศเป็นห่วง ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณฟ้าอย่างดีที่สุด ผมจะปกป้องคุณฟ้าด้วยชีวิตของผม”
ฟ้าใสได้อึ้งอีกครา “คุณภู”
ทรงยศมีท่าทีอ่อนลง และไม่อยากมีปัญหากับภูฤทธิ์ซึ่งๆ หน้าแบบนี้
“งั้นก็กลับไปได้แล้ว”
“ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
ภูฤทธิ์และฟ้าใสยิ้มให้กัน ก่อนที่ภูฤทธิ์จะขึ้นรถขับออกไป ทรงยศมองตามภูฤทธิ์ด้วยแววตาประสงค์ร้าย เป็นเป้าหมายต่อไปที่จะกำจัดต่อจากเทิด
น้ำผึ้งนอนๆ อยู่ แล้วต้องลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเทิดเพ้อ
“อย่า...อย่าทิ้งผมไป...”
น้ำผึ้งหันมาดู พบว่าเทิดนอนตัวสั่น เพ้อเพราะพิษไข้
“คุณเทิด”
น้ำผึ้งแตะตัวเทิด
“ตัวร้อนจัดเลย ทำไงดี”
น้ำผึ้งเทน้ำในกระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ดื่ม มาเช็ดตัวให้เทิด
“อดทนไว้นะคะคุณเทิด คุณต้องหาย คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”
“หนาว” เทิดคราง
“หนาวเหรอคะ ผ้าห่มก็ไม่มี ทำไงดีล่ะ”
น้ำผึ้งไม่รู้จะทำยังไง เลยกอดเทิดให้ไออุ่นจากร่างกายเธอแทนผ้าห่ม
“คุณอย่าเป็นอะไรไปนะคุณเทิด คุณอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันจะอยู่ข้างๆ คุณเอง”
น้ำผึ้งนอนโอบกอดเทิดไว้ตลอดทั้งคืน
นันท์ ออกมารอเทิดกับน้ำผึ้งอยู่บริเวณลานน้ำพุหน้าตึกใหญ่ มีหอมกับอ้อยอยู่เป็นเพื่อน เด็กชายตัวน้อยเดินวนไปวนมาสีหน้าเศร้า เป็นห่วงพ่อและครู
หอมนั่งสัปหงกอยู่ข้างๆ ทำเนียนซบไหล่อ้อยเป็นระยะ จนอ้อยรำคาญตบเข้าที่หน้าหอมจังๆ หอมสะดุ้งตื่นมองซ้ายมองขวา
“อ้อยตบหน้าพี่ทำไม หรือว่าตบยุงเพราะกลัวยุงจะกัดพี่”
“ตบเฉยๆ เนี่ยแหละ มันสมควรมั้ย มาอยู่เป็นเพื่อนคุณนันท์แต่มานั่งหลับเนี่ย”
หอมจ๋อย มองคุณนันท์ด้วยความสงสาร
แพรวนภาเดินถือแก้วไวน์ออกมา ด้วยอาการดูออกว่าเมา
“ไปนอนเถอะคุณนันท์มันดึกแล้ว”
“นันท์เป็นห่วงพ่อกับครูครับอานตี้”
“พ่อคุณนันท์ เดี๋ยวคงกลับ” แพรวนภาปรายตามองมายังอ้อยกับหอม “แต่คนอื่นไม่รู้”
แพรวนภาจิบไวน์ของนางไป เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น อ้อยกดรับสาย
“จ้ะพ่อ อะไรนะ คนเห็นนายกับครูออกไปจากโรงแรมด้วยกัน”
แพรวนภาหู่ผึ้ง เหลียวขวับไปมองอ้อยอย่างสนใจ
อ้อยเดินออกมาพูดสายใกล้ๆ แพรวนภา เพราะกลัวนันท์ได้ยิน แพรวนภาได้ยินก็ไม่พอใจ
“เจอรถมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ข้างทาง จ้ะพ่อ พ่อไม่ต้องห่วงนะ” อ้อยมองไปทางหอม “เดี๋ยวอ้อยจะให้พี่หอมจัดคนมาเฝ้าเวร จ้ะๆ พ่อดูแลตัวเองด้วย พานายกับครูกลับมาให้ได้นะ”
อ้อยวางสายเดินกลับมาหาหอม โดยไม่ทันเห็นแพรวนภาออกอาการโกรธขึ้งที่น้ำผึ้งรอดเงื้อมมือทรงยศ แถมเวลานี้ยังอยู่กับเทิดอีก
“มีอะไรรึเปล่าอ้อย”
อ้อยมองนันท์แว่บหนึ่ง ไม่กล้าพูด
“นายไปธุระกับครู แล้วก็กับพ่อฉัน กลับพรุ่งนี้ อ้อยว่า...คุณนันท์ไปนอนดีกว่าค่ะ”
“แต่นันท์จะ...”
แพรวนภาโมโห พาลไปหมด สวนออกมาเสียงดัง
“ไม่ต้องจะ...ไปนอนเดี๋ยวนี้ ไป”
“แต่ว่า”
สามคนตกใจว่าแพรวนภาเป็นบ้าอะไร อ้อยกับหอมรีบพานันท์เข้าบ้านไป
“ไปครับคุณนันท์”
พอทั้งสามคนลับตาไป แพรวนภาปาแก้วไวน์ทิ้งระบายอารมณ์
“โธ่โว้ย! ทำไมแกต้องลากเทิดไปด้วยทุกครั้งนะ นังน้ำผึ้ง”
นัยน์ตาแพรวนภายามนี้วาวโรจน์ ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด และอาฆาตแค้นในตัวน้ำผึ้งสุดจะประมาณ
ส่วนที่กระท่อมกลางไพร เทิดกับน้ำผึ้งนอนกอดกันอยู่ จนน้ำผึ้งรู้สึกตัว ค่อยๆ ถดกายออกจากการกอดของเขา พลางเอามือมาอังหน้าผากเทิดตรวจไข้
“ค่อยยังชั่วหน่อยไข้ลดแล้ว”
น้ำผึ้งจะหันไปนอนอีกฝั่ง เทิดหันมาแล้วรวบกอดตัวน้ำผึ้งไว้อีก
“คุณเทิดๆ”
เทิดไม่รู้สึกตัว แถมร่างยังมีอาการสั่นสะท้านเป็นพักๆ น้ำผึ้งเลยต้องปล่อยให้เทิดกอด ครูสาวหลับตาลงช้าๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้มสุขสม
เทิดกอดน้ำผึ้งไว้ ท่ามกลางเสียงหริ่งหรีดเรไรระงมที่ประโคมขับกล่อมสองคน
ทรงยศนั่งปักหมุดสีเขียวลงบนแผนที่ในละแวกใกล้ๆ กันที่กว้านซื้อไว้เกือบหมด เหลือเพียงสองแปลงใหญ่ๆ ที่ปักด้วยหมุดแดงคือที่ไร่ดอกไม้ของภูฤทธิ์ และไร่องุ่นของเทิด
“เมื่อไหร่แกสองคนจะตาย ๆ ไปซะทีไอ้เทิด ไอ้ภู ฉันจะได้ทองที่ฉันต้องการซะที”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทรงยศมองดูเบอร์ก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไง”
ทรงยศฟังพนักงานโรงแรมโทร.มาแจ้งว่ามีคนบุกมาหาเขาที่โรงแรม ด้วยท่าทีหงุดหงิด
“มีคนมาโวยวายที่โรงแรม แกก็เรียกตำรวจมาลากมันออกไปสิ มาหาฉันเหรอ...ใคร”
ทรงยศ ฟังชื่อคนที่มาอาละวาด ก็ฉุนกึก ไม่พอใจ
ทันทีที่เจอหน้า แพรวนภาตบหน้าทรงยศจนหน้าหัน ทรงยศจะตบคืน แต่ได้สติก่อน ได้แต่กำมือแน่นข่มอารมณ์
“ไหนบอกว่าเก่งนักเก่งหนา ทำไมผู้หญิงคนเดียวกันการไม่ได้”
ทรงยศยืนมองแพรว ที่อยู่ในอาการเมาหนักด้วยความโกรธ แต่พยายามระงับอารมณ์
พนักงานโรงแรมยืนอยู่มอง ทรงยศหันไปมอง พวกขาเผือกรีบฉากหลบสลายตัวไปโดยเร็ว
“ถ้าไอ้เทิดมันไม่เข้ามาสอด นังครูนั่นก็คงเป็นเมียผมไปแล้ว”
“ก็เพราะคุณมันไม่เอาไหนไง เทิดถึงได้พานังน้ำผึ้งออกไปได้”
“ถ้าผมไม่เอาไหน แล้วคุณมาขอให้ผมช่วยทำไมไม่ทราบ เก่งจริงทำไมไม่จัดการเอง”
แพรวนภาโมโห เงื้อมือจะตบอีกครั้ง คราวนี้ถูกทรงยศจับมือยั้งไว้
“อย่าให้มันมากเกินไปนักนะครับ” ทรงยศยื่นหน้าใกล้มาใกล้หน้าแพรวนภา ยิ้มหื่นใส่ “คุณแพรว เดี๋ยวผมจะทนไม่ไหว”
แพรวนภาสะบัดมือออกจากทรงยศอย่างแรง
“ถ้าฉันรู้ว่าแกมันห่วยขนาดนี้ ฉันคงไม่ยุ่งกับแกหรอก ไอ้ไก่อ่อน”
แพรวนภาจะเดินกลับออกไป ถูกทรงยศดึงแขนไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“ทำไม”
“คิดว่าด่าผมขนาดนี้ แล้วผมจะปล่อยให้คุณเดินออกไปง่ายๆ เหรอคุณแพรว”
“แกจะทำอะไรฉัน ปล่อย”
แพรวนภาพยายามจะสะบัดมือออก แต่ทรงยศบิดมือบีบไว้อย่างแรง
“โอ๊ย”
ทรงยศโกรธจัด ต่อยเข้าที่ท้องหม้ายสาวอย่างแรง จนร่างแพรวนภาร่วงผล็อย สลบคามือ
“เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันจะทำอะไรแก”
รุ่งเช้าวันใหม่ ที่กระท่อมกลางป่า เทิดค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยรู้สึกปวดที่แขน พอหันไปมอง ก็พบว่าน้ำผึ้งนอนหนุนแขนอยู่ และกอดตัวเขาอีกด้วย เทิดไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวน้ำผึ้งตื่น
เทิดยิ้มพราย มองหน้าน้ำผึ้งตอนหลับด้วยความรัก สักครู่น้ำผึ้งจึงรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตามองหน้าเทิด
น้ำผึ้งมองเทิดจากเบลอๆ ค่อยชัดขึ้นๆ และคิดว่าตัวเองฝันไปจึงเผลอยิ้มให้เทิด ก่อนจะได้สติ
“คุณเทิด”
น้ำผึ้งจะขยับตัวผละออก แต่เทิดแกล้งพูดเสียงดังเหมือนเป็นเรื่องขอขาดบาดตาย
“อย่าเพิ่งขยับ”
เทิดดึงตัวน้ำผึ้งมา จนใบหน้าครูสาวแนบกับอกแกร่งของเขา
“มีอะไรคุณเทิด”
“จุ๊ๆๆๆ อย่าเพิ่งพูด”
ท่าทีของเทิดทำเอาครูสาวผวากลัว เทิดยิ้มขำที่แกล้งน้ำผึ้งได้
น้ำผึ้งชักสงสัยที่เทิดเงียบไป “ตกลงมีอะไรคะคุณเทิด”
เทิดคิดแผน ทำท่านึกออกแล้วรีบพูด
“ตุ๊กแกโน้นเกาะอยู่ตรงโน้น”
เทิดชี้ส่งๆ ทั้งที่ไม่มีตุ๊กแก น้ำผึ้งยิ้มออก ใจชื้น เพราะเธอไม่กลัวตุ๊กแก แล้วรีบผละออกจากอกเทิด
“ไหนคะมันอยู่ไหนเดี๋ยวฉันไล่ไปให้”
เทิดแปลกใจ “เธอไม่กลัวเหรอ”
“กลัวทำไมคะ บ้านฉันมีตั้งหลายตัว ฉันตั้งชื่อให้มันด้วย”
เทิดเซ็ง “คนอะไรตั้งชื่อให้ตุ๊กแก”
น้ำผึ้งมองหน้าเทิดเอาคำตอบ
“ตกลงตุ๊กแกอยู่ไหนคะ”
เทิดส่องพิรุธเต็มๆ “มันไปโน้นแล้ว”
น้ำผึ้งจ้องหน้าเทิดอย่างรู้ทัน
“คุณเทิดโกหก ไม่มีตุ๊กแกซะหน่อย แกล้งฉันทำไมคะ”
น้ำผึ้งงอน จะเดินออกไป เทิดดึงแขนให้น้ำผึ้งเข้าหาตัวเองอีกครั้ง แล้วกอดน้ำผึ้งไว้แน่น
“ขอฉันอยู่แบบนี้อีกแป๊บหนึ่งนะ น้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งยิ้มเขิน ยอมให้เทิดกอดโดยดี
ส่วนที่บ้านทรงยศ ภูฤทธิ์ขับรถเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน แล้วกดโทรศัพท์หาฟ้าใส
“คุณฟ้าครับ ผมอยู่หน้าบ้านคุณฟ้าแล้วนะครับ”
ภูฤทธิ์วางสาย แต่พอหันไปมองกระจกข้างคนขับ จู่ๆ ฟ้าใสก็โผล่หน้ามาใกล้ๆ กระจก เล่นเอาภูฤทธิ์ตกใจ ฟ้าใสหัวเราะคิกคัก ภูฤทธิ์เลื่อนกระจกลง
“คุณฟ้าแกล้งผมทำไมครับ”
“ฟ้าไม่ได้ตั้งใจค่ะ” ฟ้าใสหัวเราะต่อ
“แต่ดูจากที่คุณฟ้าหัวเราะผมว่าน่าจะตั้งใจ”
ฟ้าใสเดินมาเกาะกระจกคุยกับภูฤทธิ์ใกล้ๆ
“ตกใจทำไมคะ หรือว่ากลัวพี่ยศ”
ภูฤทธิ์ยิ้มให้
“กลัวทำไมครับ ผมตั้งใจจะเข้าไปบอกคุณทรงยศอยู่แล้ว ว่าวันนี้ผมจะดูแลคุณฟ้าเอง”
ฟ้าใสจ้องหน้าภูฤทธิ์รู้สึกดีกับคำพูดเขา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่ยศไม่อยู่ โชคดีเป็นของฟ้า ไม่งั้นพี่ยศไม่ยอมให้ฟ้าไปตามหาน้ำผึ้งแน่ๆ”
“จริงๆ ผมเองก็ไม่อยากให้คุณฟ้าไปนักนะครับ”
“กลัวฟ้าไปเป็นตัวถ่วงเหรอคะ”
“ผมเป็นห่วงคุณฟ้าต่างหาก”
ฟ้าใสอายม้วน รีบเปลี่ยนเรื่องคุย “เรารีบไปตามหายัยผึ้งกันเถอะคะ ฉันเป็นห่วงเพื่อน”
“ครับ...ว่าแต่แล้วคุณทรงยศไปไหนครับ”
ภูฤทธิ์จ้องหน้าฟ้าใสรอคำตอบ
เช้าวันเดียวกัน แพรวนภานอนหันหลังอยู่ในห้องพักโรงแรม สักครู่หนึ่งจึงค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น สาวไฮโซเมืองกรุงยันกายขึ้นพิงหัวเตียง ตั้งสติ พอมองจากหางตาก็เห็นทรงยศนอนหลับอยู่ข้างๆ หันหน้ามาทางเธอ แพรวนภาคิดปราดเดียว ก้มมองสภาพตัวเอง แล้วร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง
“อ๊าย.....”
ทรงยศสะดุ้งตื่นขึ้นมา รีบเอามือปิดหู
“จะกรี๊ดทำไมมิทราบ ทำยังกับไม่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน”
แพรวนภาได้ยินก็ถลันเข้าไปทุบตีทรงยศพัลวัน
“แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
ทรงยศเริ่มรำคาญ จับมือแพรวนภายั้งไว้
“คนอย่างเธอมันสมควรเจอแบบนี้ วันหลังจำไว้อย่าดูถูกคนอย่างฉัน” ทรงยศยื่นหน้าไปใกล้ๆ หน้าแพรวนภา กวนประสาทอีก “เข้าใจมั้ยจ๊ะเมียจ๋า”
“ฉันไม่ใช่เมียแก เพราะฉันจะถือว่าให้ทานหมา”
แพรวนภาจะลุกออกไป ทรงยศเรียกไว้
“อยู่ด้วยกันก่อนสิ”
แพรวนภาไม่สนใจ
“ลองหันกลับมาดูนี่ก่อน แล้วเธอจะอยากอยู่ต่อ”
ทรงยศยกจอโทรศัพท์ที่เปิดคลิปอยู่ให้ดู แพรวนภาแทบช็อก
“แกถ่ายคลิปไว้ทำไมไอ้เลว”
แพรวนภาถลันเข้ามาจะแย่งมือถือจากทรงยศ สองคนยื้อแย่งกันอยู่สักพัก ทรงยศดึงกลับไปได้
“ฉันว่าเธอควรทำตัวว่าง่ายๆ ดีกว่า เผื่อบางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจลบคลิปนี้ก็ได้”
แพรวนภาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แค้นแทบกระอัก ทรงยศชูนิ้วชี้แล้วโบกไปมา
“จุ๊ๆๆๆๆ ไม่เอาไม่โมโหนะ”
“แกจะให้ฉันทำอะไรบอกมา”
“ระหว่างที่ฉันคิดว่าจะให้เธอทำอะไรดี ฉันว่าเรามาสนุกกันต่อดีมั้ย”
ทรงยศมองเนื้อตัวแพรวนภาด้วยสายตาโลมเลีย เหมือนอยากกลืนกิน แพรวนภาคุมแค้นเจ็บใจแต่ต้องยอมจำนน
อีกฟากหนึ่ง หมวดสินลงสำรวจที่เกิดเหตุหลังจากผันไปแจ้งความ หมวดกังฉินเดินคุยกับผันและแซม เข้ามาในราวป่า มีตำรวจลูกน้องอีก 2 คน เดินสำรวจรอบๆ ทุกคนอยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่น้ำผึ้งโดนกับดักนัก หมวดสินก้มดูหยดเลือดที่หล่นอยู่บนหญ้า
“ผมว่าเรารีบเดินกันเถอะครับ เพราะว่าคุณเทิดกับคุณน้ำผึ้งคงเดินไปได้ไม่ไกล”
“ขออย่าให้นายเป็นอะไรเลย”
ผันมองไปรอบๆ ก่อนจะชี้ให้ทุกคนดูกับดัก
“หมวดดูโน้นสิครับ”
ทุกคนหันไปมองตามที่ผันชี้ ก่อนเห็นกับดักตาข่ายห้อยอยู่เหมือนโดนคนตัด ทุกคนเดินดูใกล้ๆ
“นี่มันกับดักสัตว์ของพวกชาวบ้านแถวนี้นี่” แซมว่า
หมวดสินมองกับดักสัตว์อย่างพิจารณา
“แต่ที่โดนกับดักไม่ใช่สัตว์แน่ๆ”
“หมวดรู้ได้ยังไง” ผันสงสัย
“ดูนี่สิ”
หมวดสินชี้ตรงรอยเท้าคนย่ำอยู่รอบๆ ใต้กับดัก
“แสดงว่านายกับน้ำผึ้งยังไม่ตาย” ผันมองหน้าแซม สองคนใจชื้นมีหวัง
ส่วนหมวดสินมองรอยเท้าเหล่านั้นด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
น้ำผึ้งชะเง้อคอไปมาอยู่ในกระท่อม จนเห็นเทิดเปิดประตูเข้ามา น้ำผึ้งรีบวิ่งกลับไปนั่งเหมือนเดิม เทิดเห็นแล้วขำ ในมือเทิดถือกล้วยสุกคาต้นมาด้วยหนึ่งหวีใหญ่
“เป็นห่วงฉันเหรอ”
“เปล่านะ”
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก” เทิดปอกกล้วยส่งกให้น้ำผึ้ง “กินซะสิ เสร็จแล้วจะได้กลับบ้านกัน”
“ฉันยังไม่หิวค่ะ เรากลับกันเลยดีกว่า”
เทิดรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ โยนกล้วยทิ้งข้างๆ น้ำผึ้ง
“อยากรีบกลับไปหาผู้ชายของเธอรึไง”
“ค่ะฉันอยากรีบกลับไปหาผู้ชายของฉัน”
เทิดโมโห จับไหล่น้ำผึ้งสองข้างอย่างรุนแรง
“ใครไอ้ภู หรือไอ้ทรงยศ หรือผู้ชายคนไหนอีก”
“คุณนันท์ค่ะ”
ได้ยินชื่อนันท์ เทิดก็ใจเย็นลง ปล่อยมือจากไหล่น้ำผึ้ง แล้วทรุดลงนั่งข้าง ๆ
“ป่านนี้คุณนันท์คงเป็นห่วงพวกเราแย่แล้ว”
“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณนันท์มีแพรว กับทุกคนที่ไร่ดูแลอยู่”
“จะว่าอะไรมั้ยคะถ้าฉันจะคุยกับคุณเรื่องคุณแพรว”
เทิดหันมองหน้าน้ำผึ้ง
“แพรวเค้าไม่มีใคร เป็นคนน่าสงสาร เค้าอาจจะดูแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้ร้ายอะไรหรอก ทำไมหรือเค้าทำอะไรเธอ”
น้ำผึ้งมองหน้าเทิดแล้วเลือกที่จะไม่พูด กลัวเทิดไม่สบายใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“ขอบคุณนะ ที่เธอดูแลนันท์อย่างดี”
“ค่ะ งั้นเรากลับกันเถอะ”
น้ำผึ้งจะลุกขึ้น เทิดดึงไว้ จนน้ำผึ้งเซมานั่งตักเทิดพอดี น้ำผึ้งจะลุกหนี เทิดดึงไว้อีก
“กินกล้วยก่อน แล้วค่อยไป”
“แต่ฉันไม่หิว”
“จะกินเองหรือจะให้ฉันป้อน”
น้ำผึ้งหันหน้ามาหาเทิดโดยเร็ว ทำให้สองใบหน้าใกล้กันแค่คืบ
“ถ้าฉันป้อนฉันป้อนแบบแม่นกให้อาหารลูกนกนะ”
น้ำผึ้งจะอ้าปากเถียงเทิดจูบน้ำผึ้งไม่ให้เธอพูด ก่อนผละออก
“คุณเทิด” น้ำผึ้งโมโห
“มีคนมา”
เทิดเลื่อนตัวไปแง้มรูกระท่อมดู เห็นไอ้โม่งสองคนถือปืนย่องมาที่หน้ากระท่อม จึงรีบดึงมือน้ำผึ้งไปหลบ
เป็นพูนกับลูกน้องอีกหนึ่งคน ที่ค่อยๆ ย่องเข้ามาด้านหน้ากระท่อม ในมือมีปืนกันคนละกระบอก พูนกับลูกน้องเดินมาหยุดหน้ากระท่อมแล้วส่งสัญญานให้ลูกน้องถีบประตู
พูนมองไปในกระท่อมไม่เห็นใคร ก่อนหันไปเห็นกระท่อมมีรูคนมุดลอดออกไป พูนวิ่งตามไปดูกับลูกน้องอย่างเร็ว
พูนมองเห็นเป็นเทิดกับน้ำผึ้งวิ่งหนีออกไปอย่างเร็ว
“เฮ้ย! มันอยู่ทางโน้น ตามมันไปเร็ว”
พูนกับลูกน้องตามเทิดออกไปอย่างเร็ว
ตอนสาย ขณะที่นันท์ อ้อย และหอม นั่งรอเทิดอยู่ในห้องรับแขก แพรวนภาเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีหงุดหงิดมาก นันท์เห็นคนเดินเข้ามานึกว่าเป็นเทิดรีบวิ่งมาหา
“พ่อกลับมาแล้วเหรอครับ”
พอนันท์เห็นเป็นแพรวนภาก็ทำหน้าผิดหวัง
“เห็นหน้าอานตี้แล้วมันน่าผิดหวังนักรึไง” แพรวนภาพาลพาโล
“เปล่าครับ นันท์ก็แค่นึกว่าพ่อกับคุณครูกลับมาแล้ว”
“ทำไม”
แพรวนภาตะโกนก้อง ลืมตัวจับร่างน้อยๆ ของนันท์เขย่าอย่างแรง อ้อยกับหอมตกใจ
“ทำไมต้องหายใจเข้าออกเป็นนังครูนันท์ด้วย”
“คุณแพรวใจเย็นๆ นะครับ”
อ้อยผลักแพรวนภาออก ดึงนันท์มาปกป้องไว้
“คุณแพรวคะ อย่ามาลงกับคุณนันท์แบบนี้นะคะ”
“คุณนันท์ อานตี้ขอโทษ”
แพรวนภาได้สติรู้สึกผิดจะเข้าไปจับตัวหลาน แต่นันท์ถอยหนี แพรวนภาเสียใจชักมือกลับ
เมญ่าวิ่งเข้ามาเห็นแพรวนภา แต่ไม่ทันเห็นอ้อย หอม และนันท์
“คุณแพรวไปไหนมาทั้งคืนคะ เมญ่ารอที่ห้องจนหลับ...”
เมญ่าหันมาเห็นสามคน จึงหยุดพูด แต่พอมองนายหญิงก็อดถามไม่ได้
“นี่ชุดตั้งแต่เมื่อวานนี่คะ” แพรวนภาไม่สนใจ เดินหนีเมญ่าไปโดยเร็ว “รอเมญ่าด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องตามมา ฉันอยากอยู่คนเดียว”
แพรวนภาเดินขึ้นห้องไปเลย เมญ่ายืนงง หอมกับอ้อยมองหน้ากัน สงสัยใจว่าแพรวนภาหายไปไหนมา
แพรวนภาเปิดประตูเข้าห้องมา ทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอน แล้วร้องไห้ด้วยความคับแค้น มือกำผ้าห่มแน่น
สีหน้าและแววตาแพรวนภาโกรธแค้นทรงยศถึงขีดสุด เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากระทำกับเธอก่อนหน้านี้
ทรงยศผละร่างออกจากแพรวนภาเหมือนคนเพิ่งเสร็จกามกิจด้วยกัน
แพรวนภายันกายขึ้นไปพิงหัวเตียง น้ำตาแห่งความเจ็บแค้นไหลรินออกมาเป็นสาย ทรงยศหันไปมองคู่สวาทแล้วยิ้มสมใจ พลางเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้ แต่ถูกแพรวนภาปัดทิ้งอย่างรังเกียจ
“ผมว่าคุณเก็บน้ำตาไว้ร้องไห้เวลาไอ้เทิดมันปฏิเสธคุณดีกว่า”
แพรวนภาหันมาจ้องเอาเรื่องทรงยศ
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน บอกมาว่าฉันต้องทำยังไงแกถึงจะยอมลบคลิปบ้าๆ นั่น”
ทรงยศยิ้มกวนประสาท
“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก ถ้าคิดออกเมื่อไหร่แล้วจะโทรไป”
แพรวนภาจะหลุดด่า “ไอ้...”
แต่ไม่ทันได้ปล่อยเหี้ยออกจากปาก ถูกทรงยศห้าม
“ถ้าไม่อยากดังไปทั่วอินเตอร์เน็ตเพราะคลิปของคุณ อย่าขยันทำให้ผมโมโหนัก”
แพรวนภาจ้องหน้าทรงยศราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทรงยศยิ้มอย่างผู้ชนะ
นึกขึ้นมาแล้วแพรวนภาร้องไห้โฮออกมาอีก ด้วยความโกรธแค้น แพรวนภาลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำ ขังตัวเองอยู่ในนั้นโดยไม่ยอมเปลี่ยนชุด เธอเปิดฝักบัวราดรดตัวเองอย่างแรง
หวังจะให้น้ำชำระล้างสิ่งสกปรกจากทรงยศไปให้สิ้นซาก
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 24 (ต่อ)
เวลาเดียวกัน ภูฤทธิ์กับฟ้าใสกำลังเดินเข้ามาในป่า ภูเดินนำหันไปมองเห็นฟ้าใสกำลังเดินมุดพุ่มไม้ออกมา จนแขนเสื้อโดนเกี่ยวขาด
ฟ้าใสร้อง “ว้าย”
ภูฤทธิ์รีบวิ่งมาดู
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
ฟ้าใสจับเศษเสื้อที่เกี่ยวกิ่งไม้ให้ดู ภูฤทธิ์โยนทิ้ง มองสำรวจตามตัวฟ้าใส พบว่ามีรอยขีดข่วนจากหนามเต็มไปหมด
“เสื้อช่างมันเถอะครับ แต่ดูสิ คุณฟ้าตัวเป็นแผลหมดเลย”
“นิดหน่อยค่ะ ฟ้าไม่เจ็บเลย”
ภูฤทธิ์ยิ้มบางๆ ให้ ชื่นชมในความอึดของฟ้าใส ก่อนถอดเสื้อคลุมของเขามาสวมให้เธอ ฟ้าใส่ยิ้มเขิน
“ผมไม่น่าปล่อยให้คุณฟ้ามาด้วยเลยจริงๆ”
ฟ้าใสได้ยินก็โมโห
“ทำไม ฉันมาทำให้คุณเจอยัยน้ำผึ้งช้าสินะ”
“เปล่านะครับ”
“งั้นไปต่อเถอะค่ะ”
ฟ้าใสงอนจะเดินหนีไป แต่ดันมีเสียงตุ๊กแกร้อง ต้องรีบวิ่งกลับมาหาเขา ภูฤทธิ์กอดฟ้าใสไว้อย่างปกป้อง
“ไม่ต้องกลัวนะครับคุณฟ้า
ฟ้าใสรู้ตัวผละออกจากอกแกร่งของภูฤทธิ์ งอนใส่เขาอีก
“ไม่ได้กลัว”
มีเสียงปืนดังปัง! ฟ้าใสผวาตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนภูฤทธิ์อีก พอได้สติก็รีบผละออก
“นี่ก็ไม่ได้กลัวนะ แค่ตกใจ”
“ครับ ไม่กลัวก็ไม่กลัว” ภูฤทธิ์ยิ้มขัน “ไปกันต่อเถอะครับ”
ภูฤทธิ์จับมือฟ้าแล้วพากันเดินออกไป ฟ้าใสมองมือเธอและเขายิ้มๆ
เทิดดึงมือน้ำผึ้งวิ่งหนีมาอย่างเร็ว จนน้ำผึ้งเสียหลักสะดุดล้ม
“คุณเทิด”
เทิดรีบลงไปดูอาการ “เป็นอะไรรึเปล่าน้ำผึ้ง” น้ำผึ้งส่ายหน้า “งั้นไปกันต่อเถอะ”
เทิดดึงน้ำผึ้งลุกขึ้น พร้อมกับยื่นมือออกไปให้น้ำผึ้งจับ
“จับมือฉันไว้สิ ฉันจะพาเธอไปเอง”
เทิดยิ้มให้น้ำผึ้งอย่างอ่อนโยน จนเสียงปืนดังปัง สองคนหันไปเห็นพูนกับลูกน้องเล็งปืนมา น้ำผึ้งรีบจับมือเทิด แล้วพากันวิ่งออกไปด้วยกันด้วยความอุ่นใจ
ผัน แซม สิน และตำรวจอีก 2 คน มองหาที่มาของเสียงปืน
“เสียงปืนน่าจะมาจากทางนั้น” ผันหันมาทางแซม
“งั้นไปกันเถอะ”
สองคนกำลังจะวิ่งออกไป หมวดสินเรียกไว้
“หยุดก่อนครับ”
ผันกับแซมหยุด
“ผมว่าเราแยกกันหาดีกว่าครับ จะได้เจอเร็วขึ้น”
ผันพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปกับหมวด ส่วนลุงแซมไปกับจ่าสองคน”
“ผมไปคนเดียวดีกว่าครับ ส่วนที่เหลือไปด้วยกันน่าจะสะดวกกว่า”
หมวดสินไม่ฟังใคร เดินออกไปโดยเร็ว ผันมองตามงง ๆ
จนแซมต้องบอก “ไปเถอะผัน”
ภูฤทธิ์กับฟ้าใสวิ่งมาทางหนึ่ง จู่ๆ ภูฤทธิ์ก็ชะลอความเร็วแล้วหยุดอยู่มุมหนึ่งหันมามองฟ้าใส
“ฉันว่าเสียงปืนมันดังมาจากทางโน้นนะคะเราไปต่อเถอะค่ะ”
“ผมว่าอย่าเลยครับ”
“ทำไมละคะ”
“คุณฟ้ารอผมอยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะไปตามคุณผึ้งเอง”
“ทำไมละคะ”
ภูฤทธิ์มองหน้าฟ้าใสด้วยความห่วงใย แต่ฟ้าใสกลับคิดว่าภูฤทธิ์เห็นเธอเป็นตัวถ่วง
“ใช่สิฉันมันตัวถ่วง”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“ทำไมจะไม่ใช่ คุณคงอยากไปเจอยัยผึ้งเร็วๆ ฉันคงทำให้คุณเสียเวลาสินะ”
“บอกแล้วว่าไม่ใช่”
ฟ้าใสไม่พอใจปนน้อยใจจนหลุดปากขึ้นเสียงใส่ภูฤทธิ์
“ถ้าไม่ใช่แล้วมันเพราะอะไรละคะ”
“เพราะผมเป็นห่วงคุณไง”
ภูฤทธิ์จับมือฟ้าใสมากุมขณะพูด เล่นเอาฟ้าใสอึ้งๆ จ้องหน้าเขานิ่งนาน
“ถ้าคุณฟ้าไปด้วย ผมกลัวจะไม่มีสมาธิ เพราะต้องคอยเป็นห่วงคุณฟ้า”
“แต่ฟ้าดูแลตัวเองได้นะคะ”
“ผมขอนะครับ อย่าให้ผมเป็นกังวลความปลอดภัยคุณฟ้าเลย”
ฟ้าใสพยักหน้าให้ ภูฤทธิ์ปล่อยมือแล้ววิ่งออกไป ฟ้าใสมองตามด้วยความเป็นห่วง
ด้านเทิดกับน้ำผึ้ง จับมือกันวิ่งมาหยุดหลบที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ไหวมั้ยน้ำผึ้ง”
“ได้ค่ะ”
เทิดจะพาน้ำผึ้งวิ่งหนีต่อ แต่ขาน้ำผึ้งอ่อนแรง ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“พักก่อนก็ได้”
เทิดเหลียวไปทางหนึ่งเห็นพูนกับลูกน้องล้อมกรอบไว้แล้ว เทิดรีบดึงร่างน้ำผึ้งให้หลบหลังตน
พูนเล็งปืนใส่น้ำผึ้ง กำลังจะเหนี่ยวไก จู่ๆ ภูฤทธิ์ก็กระโดถีบพูนเต็มแรง ทำให้วิถีกระสุนแฉลบไปโดนต้นไม้ ร่างพูนล้มไปกองกับพื้น ลูกน้องพูนเล็งปืนมาใส่ภูฤทธิ์
“คุณภู ระวัง” เทิดตะโกนสุดเสียง
ภูฤทธิ์วิ่งหนีหาที่กำบัง โดนลูกน้องยิงไล่หลังสามนัด เทิดรีบวิ่งมาช่วยภูฤทธิ์จัดการกับลูกน้องพูน เทิดต่อยเตะลูกน้องพูนจนล้มลง ขณะจะเข้าไปซ้ำ ลูกน้องพูนถีบเข้าที่ท้อง เทิดกระเด็นไป พูนลุกขึ้นมาได้เล็งปืนใส่เทิด
น้ำผึ้งร้องสุดเสียง “คุณเทิดระวังค่ะ”
ฟ้าใสตามเสียงปืนมา เห็นน้ำผึ้งก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ
“ผึ้ง”
พูนหันไปทางลูกน้องเป็นเชิงบอกให้เล็งปืนขู่ไปที่ฟ้าใส ภูฤทธิ์เห็นก็ตกใจ
“คุณฟ้าระวัง”
น้ำผึ้งกลัวเทิดจะโดนยิง รีบวิ่งมาเอาตัวบังปกป้องเทิด
ภูฤทธิ์วิ่งเข้ามา เหมือนจะไปหาน้ำผึ้ง ฟ้าใสมอง
ยินเสียงปืนสองนัดดังสะท้านไปทั้งราวไพร สิ้นเสียงปืน พบว่าร่างภูฤทธิ์ทับอยู่บนร่างฟ้าใส ปกป้องฟ้าใสไม่ให้โดนยิงได้สำเร็จ เช่นเดียวกับที่ร่างน้ำผึ้งก็ทับอยู่บนร่างเทิด ปกป้องเขาไว้ได้เช่นกัน
ภูฤทธิ์รีบบอก “หนีไปก่อนครับคุณเทิด เดี๋ยวไปเจอกันที่ทางออก”
เทิดพยักหน้ารับ จับมือน้ำผึ้งพากันวิ่งออกไปโดยไว ภูฤทธิ์จับมือฟ้าใสวิ่งออกไปอีกทาง
ผัน แซม และตำรวจ พากันวิ่งมาทางเสียงปืนที่ได้ยิน
“คุณเทิด”
ผันเห็นหลังเทิดกับน้ำผึ้งไวๆ สองคนวิ่งออกไปอีกทาง
พูนกับลูกน้องจะวิ่งตามไป ถูกผันยิงสกัดไว้
“โธ่เว้ย”
พูนกับลูกน้องสวมไอ้โม่งทุกคน ต้องคอยหลบกระสุน แล้วยิงสู้กับผันและแซมไปมา
“หยุดยิงก่อนครับ ขอผมคุยก่อน” ตำรวจบอกผันกับแซม
ผันกับแซมหยุดยิง
“มอบตัวซะโทษหนักจะได้เป็นเบา”
ตำรวจพูดไม่ทันจบคำดีนัก เสียงปืนดังปังขึ้น
แซมบอกว่า “ผมว่าท่าทางมันจะไม่ฟังจ่าแล้วละครับ”
แซมหันไปยิงต่อสู้กับพูนต่อ
พูนรู้ว่าสู้ไม่ไหว จึงพยักหน้าให้ลูกน้อง แล้วค่อยๆ พากันเร้นกายหลบหนีไปในป่า
ผันประเมินจากเสียงปืนที่สงบลง “มันหนีไปแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวผมสองคนไปตามมันเอง”
ตำรวจสองคนวิ่งตามพูนกับลูกน้องออกไป ผันกับแซมวิ่งตามน้ำผึ้งกับเทิดไป
เทิดกับน้ำผึ้งวิ่งมาหยุดอยู่มุมหนึ่ง สองคนได้ยินเสียงปืนก็แปลกใจ
“เสียงปืนอะไรดังก้องไปหมดคะคุณเทิด”
“นั่นสิ”
จังหวะนี้ปืนถูกขึ้นลำกล้อง เล็งแลมายังเทิด พร้อมยิง คนที่เล็งปืนคือหมวดสิน ที่ใบหน้ามุ่งมั่นแล้วเหนียวไกยิงออกไป
“คุณเทิด...น้ำผึ้ง”
เทิดได้ยินเสียงฟ้าใสจึงรีบหันกลับมา ทำให้ปืนแฉลบไปโดนต้นไม้แทน เทิดกับน้ำผึ้งรีบหลบ
หมวดสินไม่พอใจที่ยิงพลาด ก่อนจะหันหลังไปมอง เห็นฟ้าใสกับภูฤทธิ์เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“หมวดทำอะไรของหมวด เกือบยิงโดนคุณเทิดแล้ว” ภูฤทธิ์ตำหนิ
“ผมยิงคนร้ายที่ตามคุณเทิดมานะสิ”
เทิดเดินเข้ามาสมทบอย่างเร็ว
“ผมไม่เห็นมีใคร”
“ก็เพราะผมยิงไล่มันไปกัน” หมวดสินแถไปอีก
น้ำผึ้งเดินเข้ามาขัดขึ้นว่า
“ฉันว่ารีบออกไปจากป่านี่กันเถอะค่ะ อย่าเพิ่งเถียงกันเลย”
ผันกับแซมวิ่งมาหาเทิด ผันทักด้วยความเป็นห่วง
“นาย”
“ผัน แซม มาได้ยังไง
“ก็มากับหมวดแล้วก็ตำรวจอีกสองคน ไล่คนร้ายไปทางโน้นครับ”
ภูฤทธิ์มองหน้าหมวดสิน “คนร้ายไปทางโน้น แล้วหมวดยิงใคร”
หมวดสินอึกอักรีบเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นพวกคุณรีบออกไปซะ เดี๋ยวผมจะไปช่วยจ่าตามคนร้าย ออกไปถูกใช่มั้ย นายผัน”
“ครับหมวด”
“งั้นผมไปนะ”
หมวดสินออกไป ภูฤทธิ์มองตามด้วยความสงสัยในท่าทีมีพิรุธของตำรวจนายนี้
ฟากแพรวนภาเดินเข้ามานั่งในห้องทำงานเทิด คล้ายคนเหม่อลอย จับกรอบรูปเทิดที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งในห้องจนแน่นด้วยความคับแค้น
“ทำไมคนที่เทิดเลือกถึงไม่เป็นแพรว ทำไม ๆๆๆ”
เสียงโทรศัพท์ดัง พอเห็นเป็นเบอร์ทรงยศแพรวนภาไม่ยอมรับ โทรศัพท์สั่นจนดับไปเอง แต่แล้วก็มีข้อความส่งเข้ามาว่า “ถ้าไม่รับสายฉันเธอน่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
แพรวนภาหน้าตึง จนมีสายจากทรงยศเข้าอีกครั้งเธอจึงกดรับ
“ว่าไง”
ทรงยศโทร.มาจากบ้าน พูดกวนประสาทว่า
“ก็ไม่มีอะไรแค่คิดถึง”
แพรวนภาคุมแค้น “แกจะให้ฉันทำอะไรก็รีบๆ บอกมาเถอะอย่ามาเล่นลิ้นให้มันมากนัก”
“เดี๋ยวรอให้ไอ้เทิดกลับมาก่อน แกก็จะรู้เองว่าฉันจะให้ทำอะไร”
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเทิด”
“เกี่ยวเต็มๆ เลยแหละ”
“อย่ายุ่งกับเทิดได้มั้ย”
“ถึงฉันจะถูกใจเธอแค่ไหน แต่เรื่องที่เธอขอฉันคงให้ไม่ได้” แพรวนภาโกรธมาก “ฉันอยากเจอเธออีก”
“ฉันไปไหนไม่ได้หรอก แค่หายไปทั้งคืนคนก็สงสัยกันหมดแล้ว”
“งั้นเอาไว้ก่อน แล้วฉันจะโทร.มาใหม่นะจ๊ะที่รัก”
ทรงยศวางสายไปพร้อมรอยยิ้มชั่ว
แพรวนภากำมือถือแน่น โกรธสุดขีด ก่อนจะเดินหุนหันออกไปจากห้องทำงานเทิด
ค่ำนั้น นันท์ อ้อย และ หอม เห็นรถภูฤทธิ์ขับแล่นเข้ามาหน้าตึกใหญ่ก็พากันดีใจ
“พ่อมาแล้วพี่อ้อย”
“ค่ะคุณนันท์”
ทั้งสามคนยิ้มชื่นดีใจ
ภูฤทธิ์ขับรถมาส่ง เทิด กับ น้ำผึ้ง ด้วยตัวเอง โดยมีฟ้าใสติดรถมาด้วย แซมกับผันขับตามมาอีกคัน
ทันทีที่ประตูรถเปิด เทิดกับน้ำผึ้งรีบลงรถ วิ่งมาหานันท์ด้วยความคิดถึง
“พ่อ คุณครู”
น้ำผึ้งถึงตัวก่อน นันท์โผเข้ากอดน้ำผึ้งแน่น เทิดวิ่งมาตามหลังกอดนันท์ซ้อนอีกที ดูเหมือนสามคนกอดกัน ภูฤทธิ์ลงรถมาเห็นภาพนั้นก็มองนิ่งๆ ฟ้าใสดูออกว่าภูฤทธิ์เสียใจ
ภูฤทธิ์เดินเลี่ยงออกไป ฟ้าใสเดินตาม
ทุกคนมองสามคนสวมกอดกันด้วยความยินดี
“พ่อกับครูไปไหนมาครับ” นันท์
“พ่อไปทำธุระมานิดหน่อยลูก
“วันหลังถ้าสองคนจะไปไหน ต้องพานันท์ไปด้วยนะครับ”
น้ำผึ้งกับเทิดพยักหน้ารับนันท์
อีกมุมหนึ่ง แพรวนภายืนน้ำตาร่วง มองภาพอันบาดตา เมญ่าเดินเข้ามาข้างหลัง ปลอบโยนนายหญิงด้วยความรู้สึกสงสาร
“ไม่เป็นไรนะคะคุณแพรว”
“เป็นสิ แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้นังน้ำผึ้งเด็ดขาด”
“ดีค่ะ เมญ่าจะช่วยคุณแพรวเอง”
แพรวนภามองไปยังสามคนที่สวมกอดกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขล้น ก็ยิ่งแค้นสุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 25