มนต์รักอสูร ตอนที่ 17
กลับจากโรงพยาบาลค่ำคืนนั้น เทิด แซม และ ผัน อยู่ในห้องทำงาน สามคนหารือกันถึงเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับคนในไร่ ผันนั้นนึกเอะใจ และสงสัยเรื่องที่เทิดพูดกับหมวดสิน
“นายครับ เรื่องที่นายพูดกับหมวดสินวันนี้ ผมคิดว่านายจะโกรธคุณภูซะอีก”
“จริงด้วยครับ ทั้งๆ ที่หมวดว่าคนร้ายสารภาพเองแท้ๆ” แซมก็แปลกใจ
เทิดยืนครุ่นคิด
“แล้วถ้ามีคนมาบอกลุงแซมกับนายผันว่าฉันเป็นคนร้าย จะเชื่อหรือเปล่า”
“มันจะเป็นไปได้ยังกันครับ ยังไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง” ผันว่า
“ถูกต้อง เพราะเรายังไม่มีหลักฐานที่จับต้องได้ ว่าภูฤทธิ์เป็นคนทำ แล้วอีกอย่าง ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย”
ผันคิดตามคำพูดเทิด
“จะว่าไป คนร้ายที่ผมเจอตอนไปช่วยนาย ผมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเจอมันที่ไหนมาก่อนด้วย แต่คิดว่าไม่ใช่ลูกน้องคุณภูแน่ๆ”
“แล้วเราจะทำไงดีครับนาย อันตรายรอบตัวแบบนี้ ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะลงมืออีก” แซมเป็นกังวล
“ตอบไม่ได้หรอก ยังไงเราก็ต้องรอ ระหว่างนี้ฉันวานทั้งผันทั้งลุงแซมให้ช่วยจัดคนดูแลรอบๆ ที่ไร่ด้วย ถ้ามันลงมืออีกเมื่อไหร่ คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยมันไว้แน่”
แซมกับผันพยักหน้าตามคำสั่งเทิด เทิดสีหน้าเอาจริง
คืนวันเดียวกัน ทรงยศกำลังคุยกับพูนเพื่อเคลียร์เรื่องที่ทำไป ทรงยศยื่นเงินให้พูนปึกหนึ่ง
“เรื่องลูกน้องแก ถ้ามันหนีไม่พ้น แกรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”
“ไม่ต้องห่วงครับนาย มันไม่มีวันได้ปริปากบอกตำรวจแน่ แล้วนี่นายจะเอาไงต่อครับ”
“ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ตอนนี้ไอ้เทิดมันคงคิดว่าไอ้ภูเป็นคนทำ ฉันจะต้องทำให้มันผิดใจกันมากขึ้น ทำให้มันทะเลาะกันจนมีใครตายไปข้างนึง หรือตายไปทั้งสองคนเลยยิ่งดี”
“พอมันตาย ไร่ของพวกมันก็จะตกเป็นของนาย”
ทรงยศกับพูนยิ้มชั่วอย่างรู้กัน
เช้าวันถัดมา นันท์พักฟื้นอยู่บนเตียงในห้องที่โรงพยาบาล มีน้ำผึ้งนั่งอ่านนิทานให้ฟังอยู่ข้างๆ เตียง
“ทันใดนั้น สิงโตเจ้าป่าก็ปรากฏตัว แล้วก็ไล่กัดลูกกวางน้อย”
น้ำผึ้งเล่นเป็นสิงโต คำรามแล้วเอามือขยุ้มท้องนันท์ ทำท่าจะกัดแต่เปลี่ยนเป็นจักจี๋นันท์แทน นันท์หัวเราะสนุก
“แต่แม่กวางมาเจอลูก และเข้าไปช่วยปกป้องเอาไว้”
น้ำผึ้งสวมบทแม่กวาง เข้ามาขวางกอดนันท์ไว้ นันท์เองก็สวมบทเป็นลูกกวางทำท่ากลัวไปด้วย
เทิดเปิดประตูเดินเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ หยุดมองน้ำผึ้งกับนันท์เล่นกันเงียบๆ รู้สึกดี
นันท์หันมาเห็นเทิด ก็ร้องขึ้นด้วยความดีใจ
“พ่อครับ”
น้ำผึ้งหันไปเห็นเทิดก็ยิ้มเขินๆ เทิดเดินเข้ามาหาลูก
“เป็นไงบ้างคุณนันท์”
“นันท์ไม่เป็นไรแล้วครับพ่อ แข็งแรงแล้ว”
“ดีแล้ว แล้วนี่ขอบคุณครูเขาหรือยัง เขาไปช่วยเราไว้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณเทิด ฉันเต็มใจช่วยอยู่แล้ว คุณต่างหากที่ช่วยคุณนันท์มากกว่าฉัน”
“ได้ยังไง” เทิดหันไปสั่งลูก “คุณนันท์ขอบคุณครูเขา”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ นะคะ”
เทิดฉุนเลยด่าออกไป “เธอนี่ อย่าดื้อด้านได้ไหม”
สองคนจ้องหน้ากัน โดยไม่มีใครยอมใคร นันท์มองแล้วขำ กระแอมบอก
“นันท์ขอบคุณครูเขาแล้วครับพ่อ”
กลายเป็นว่าเทิดกับน้ำผึ้งเริ่มเขินกันเองขึ้นมา เฉไฉหันไปมองทางอื่นกลบเกลื่อน
“จริงๆ ถ้าอยากขอบคุณครูเขา พ่อพูดเองก็ได้นะ ไม่เห็นต้องให้นันท์บอกเลย”
เทิดสะดุ้ง หันไปมองลูก นันท์ยิ้มขำ ทำเป็นพลิกหนังสือนิทานอ่าน ไม่รู้ไม่ชี้ นางพยาบาลเคาะประตูเปิดเข้ามาในห้อง
“ได้เวลาเช็ดตัวแล้วค่ะ”
พยาบาลเดินมาข้างเตียงนันท์ พูดไปยิ้มไป
“คุณพ่อคุณแม่ที่น่ารักจริงๆ เลยนะคะ เฝ้าลูกชายไม่ห่างเลย”
สองคนตกใจ น้ำผึ้งเขินรีบแก้พัลวัน
“มะ...ไม่ใช่นะคะ”
พยาบาลจอมเผือกไม่เชื่อ “แหม ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ”
“คือ...”
น้ำผึ้งพยายามจะอธิบายแต่ก็ไม่ทันแล้ว
“อ้อ คุณหมอบอกว่าพรุ่งนี้คนไข้กลับบ้านได้แล้วนะคะ” พยาบาลยิ้มกับนันท์ “ดีใจไหมเอ่ย”
“ดีใจครับ”
น้ำผึ้งได้แต่เซ็ง ส่วนเทิดกอดอกเก๊กมองนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา ปล่อยให้พยาบาลเช็ดตัวนันท์ไป
อีกฟากหนึ่ง ของค่ำคืนเดียวกันนี้ มีปาร์ตี้เปิดตัวเครื่องเพชร พร้อมแฟชั่นการกุศล แขกเหรื่อไฮโซ ลูกท่านหลานเธอไฮโซโก้หร่านมากมายในงานสาดความเวอร์วังใส่กัน
แพรวนภา หรือที่คนรู้จักมักคุ้นกันเรียกเธอว่า แพรว พี่สาวของพริม และยังเป็นอดีตคนรักที่ทิ้งเทิดไปแต่งงานกับมหาเศรษฐี ได้รับเชิญมาร่วมงานคืนนี้ เธอเพิ่งกลับถึงเมืองไทย หลังจากไปใช้ชีวิตในเมืองผู้ดี ประเทศอังกฤษหลายปี
แพรวนภากรีดกรายมาดราวนางพญา เดินเฉิดฉายเข้ามาในงาน ด้วยอาภรณ์สวยสง่าแบรนด์ดัง
ผู้คนทั้งชายและหญิงในงานต่างหันไปมอง ก่อนจะหันมากระซิบถามกันเซ็งแซ่ว่านางเป็นเซเล็บ ทายาทมหาเศรษฐี ลูกหลานนักการเมือง หรือดาราดังกันแน่
อีกมุมหนึ่งในงาน ปนัดดา สาวสังคมคนดัง ยืนคุยอยู่กับคมสันเพื่อนชาย ปนัดดาหันไปเห็นแพรวนภาก็ดีใจ
“อุ๊ย นั่นแพรวนี่”
คมสันเห็นปนัดดาอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก็เหลียวไปมอง แล้วถามขึ้นอย่างสนใจ
“เพื่อนดาเหรอ”
“ใช่ ซี้กันตั้งแต่เรียน...สนใจเหรอ”
คมสันยิ้มกระหยิ่ม “โสดรึเปล่า”
“โนจ้ะ แต่ถึงโสดนายก็เลิกหวังได้เลย เพราะแพรวน่ะมองแต่ของสูงๆ เท่านั้น”
ปนัดดาบอก แล้วเดินไปหาแพรวนภา สองสาวโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ
“แพรว กลับมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่บอกกันเลยนะ ยังสวยเหมือนเดิมเลยเธอเนี่ย แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ คุณสามีชาวอังกฤษไม่มาด้วยหรือไง”
“แหมยัยดา ถามเป็นชุดเลยนะ จะให้ตอบคำถามไหนก่อนดี”
“เอาเรื่องผู้ชายก่อน ทำไมวันนี้ฉายเดี่ยวออกงาน คุณไมค์หวงเธอจะตาย”
แพรวนภาบอกท่าทีเซ็งๆ “ฉันเลิกกับไมค์แล้วละ”
“ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย”
แพรวนภาตอบเชิดๆ ว่า
“เข้ากันไม่ได้ ก็ต้องแยกทางกัน ฉันเองก็เสียใจ แต่ช่วยไม่ได้”
“ฉันเสียใจด้วยนะแพรว”
แพรวยักไหล่ ไม่ยี่หระ
“เสียใจน่ะดีกว่าเสียเวลาอยู่กับคนที่ทำให้เราไม่มีความสุขนะจ๊ะ ถ้าชีวิตนี้หาคนที่ดีไม่ได้ ฉันอยู่คนเดียวยังดีซะกว่า”
ตอนท้ายแพรวนภาเบ้ปากเล็กๆ ปนัดดาถาม
“นี่เธอจะอยู่เมืองไทยอีกนานมั้ยเนี่ย เผื่อจะชวนไปช็อปที่ยุโรปกัน”
“คงซักพักล่ะ ดูๆ ไปก่อน ยังไม่ได้คิดอะไรเลย”
“แล้วร้านอาหารที่อังกฤษล่ะ เอาไงต่อ”
“ฉันให้เมญ่าผู้ช่วยของฉันจัดการให้แล้ว”
“โสดแบบนี้ มองหาใครมาคอยดูแลรึยัง”
“ยังหรอก อยากใช้ชีวิตโสดแบบนี้ไปสักพักก่อน แต่...ของแบบนี้ ถึงเวลามันก็มาเองนั่นแหละ”
ปนัดดาหัวเราะขำ แพรวนภาเยื้อนยิ้มมาดเย่อหยิ่ง
ระหว่างนี้คมสันเดินถือแก้วแชมเปญมายื่นให้แพรวนภา พร้อมกับเอ่ยปากทักทาย
“สวัสดีครับ...”
คมสันขยับปากจะแนะนำตัวเองต่อ แต่แพรวนภายกนิ้วชี้ขึ้นไปจ่อปาก ทำเสียงจุ๊ๆ ให้เขาเงียบ เล่นเอาคมสันงง
แพรวนภามองสำรวจคมสันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไล่สายตาจากนาฬิกาข้อมือคมสันที่ยื่นแก้วแชมเปญมาให้ โฟกัสไปที่เสื้อผ้า สูท และรองเท้า แล้วเหยียดยิ้มออกมา พลางบอกอย่างไม่ถนอมน้ำใจว่า
“ฉันไม่ชอบของก็อปค่ะ ถึงแม้จะเป็นก็อปเกรดเอก็ตาม ขอตัวก่อนนะ ฉันเสียเวลากับผู้ชายห่วยๆ มามากพอแล้ว”
แพรวนภาเดินเชิดหนีไป คมสันหน้าเสีย
เช้าวันนี้ ครบกำหนดที่หมออนุญาตให้นันท์กลับบ้านได้ เทิดขับรถไปรับลูกกับน้ำผึ้งด้วยตัวเอง เวลานี้รถแล่นมาจอดหน้าบ้าน น้ำผึ้งพานันท์ลงรถ หอมวิ่งเข้ามายกกระเป๋า อ้อยวิ่งเข้ามากอดนันท์ด้วยความดีใจ
“คุณนันท์กลับมาแล้ว พี่อ้อยเป็นห่วงคุณนันท์แทบแย่เลย รู้ไหมคะ”
“นันท์ไม่เป็นไรแล้ว แข็งแรงมากเลย”
นันท์หันไปหาน้ำผึ้ง แล้วดึงมือน้ำผึ้งพาเดินเข้าบ้านไป เทิดจะเดินตามแล้วนึกอะไรได้
“เดี๋ยวก่อนครูน้ำผึ้ง”
“คะ”
เทิดหันไปสั่งอ้อย
“อ้อย ฉันมีเรื่องจะวานหน่อย”
“ขานาย มีอะไรบอกอ้อยได้ทุกอย่างเลยค่ะ”
เทิดหยิบเงินจำนวนหนึ่งจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้อ้อย
“อ้อยเอาเงินนี่พาครูน้ำผึ้งไปซื้อเสื้อผ้าใหม่หน่อยไป”
ทั้งน้ำผึ้งทั้งอ้อยต่างมองหน้าเทิดงงๆ
“ซื้อเสื้อผ้า” น้ำผึ้งชี้ตัวเอง “ให้ฉัน”
“ใช่ ฉันเห็นเธอใส่เสื้อมอมแมมมาตั้งนานแล้ว ไหนๆ เธอก็ช่วยนันท์ไว้ ถือว่าเป็นรางวัลพิเศษก็แล้วกัน”
น้ำผึ้งทั้งแปลกใจทั้งดีใจ อ้อยรับเงินมา มองน้ำผึ้งหัวจรดเท้า
“ไว้ใจได้เลยค่ะ อ้อยซะอย่าง ไม่มีใครเซ้นส์แฟชั่นดีเท่าอ้อยอีกแล้วในไร่นี้”
หอมแอบกระซิบกับนันท์อย่างไม่เชื่อมือ
“คุณนันท์ว่ามันจะไว้ใจได้จริงเร้อ”
“ก็ต้องลองดู”
อ้อยยืนนับเงินพลางพิจารณาน้ำผึ้งว่าควรจะแต่งตัวยังไงดี
เวลาผ่านไป นันท์นั่งอยู่กับเทิดในห้องรับแขก เห็นอ้อยเปลี่ยนชุดใหม่ออกมาแล้วก็หัวเราะก๊าก หอมโวยวาย
“เนี่ยนะ ชุดมิลานแฟชั่นวีคของแกนังอ้อย โห สีแสบขนาดนี้วัวในไร่จะขวิดไหมวะ”
อ้อยยืนประกบน้ำผึ้งในชุดที่แต่งออกมาสไตล์อ้อยเป๊ะ นันท์เห็นก็ขำคิกคักไม่เลิก
เทิดกลุ้มใจ อยากจะขำ แต่ก็สงสารน้ำผึ้งด้วย เลยพูดอย่างถนอมน้ำใจ
“หอม อย่าไปว่าอ้อยเขาแบบนั้น นี่มันก็…พอใช้ได้มั้ง”
“เห็นไหม อีพี่หอม ครูยังเข้าข้างฉันเลย นี่แหละจ๊าบสุดในย่านนี้แล้ว”
“จ๊าบไปคนเดียวสิ ฉันว่าแล้วว่านายต้องไว้ใจผิดคน”
“นายคะ ดูอีพี่หอมพูดสิ”
เทิดรีบห้ามทุกคนไม่ให้เถียงกัน
“พอ ไม่ต้องเถียง อ้อย ชุดพวกนี้ครูน้ำผึ้งเขาใช้ใส่สอนไม่ได้ ถ้าแกอยากได้ก็เอาไป เดี๋ยวฉันให้คนพาน้ำผึ้งไปซื้อใหม่”
อ้อยสลด “โธ่ นาย”
หอมหัวเราะเยาะ อ้อยโมโหทำท่าจะตี น้ำผึ้งรีบตัดบท
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเลือกชุดอื่นมาด้วย คิดว่าคงพอใช้ได้ คุณอย่าว่าอ้อยเลย”
“ตามใจเธอ มีอะไรก็แยกย้ายไปทำได้แล้วไป” เทิดไล่สองคนไป ก่อนจะหันมามองน้ำผึ้ง “เธอเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะด้วย เดี๋ยวใครผ่านไปผ่านมาจะตกใจหมด”
จากนั้นเทิดก็เดินเลี่ยงออกไป
อ้อยทำเป็นเข้าไปกอดแขนประจบน้ำผึ้ง แล้วหันมายิ้มเยาะหอมคืน น้ำผึ้งขำสองพี่เลี้ยงนันท์
พรเพิ่งกลับจากซื้อกับข้าว เดินเข้ามาในครัว วางตะกร้าแล้วตรงไปหยิบอุปกรณ์บางอย่าง เทิดเดินเข้ามาในครัว พรหันมาเห็นพอดี
“อ้าว นายคะ มาทำอะไรที่นี่คะ”
เทิดเหมือนมีอะไรอยากพูด แต่ก็ไม่พูด พรเลยถามย้ำ
“นายมีอะไรจะให้ป้าช่วยไหมคะ”
เทิดนิ่งคิดอยู่ชั่วขณะจึงบอกไปว่า “มีครับ”
“แล้ว...เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ผมอยากจะขอใช้ครัวนี่หน่อย”
“นาย...จะใช้ครัว”
พรฟังแล้วแปลกใจ แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
น้ำผึ้งเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง เดินผ่านมาทางหลังบ้านแถวๆ ครัว เจอพรยิ้มกว้างมาให้ ดูท่าจะอารมณ์ดีผิดปกติ แถมเดินตรงออกมาหา น้ำผึ้งยิ้มทักสีหน้าฉงน
“ป้าพร เจออะไรดีๆ มาหรือเปล่าคะ ยิ้มใหญ่เลย”
“แหม ก็ต้องเจอเรื่องดีสิคะ ป้าละชื่นใจ”
พรยิ้มปลื้มเอามากๆ น้ำผึ้งยิ่งสงสัย
“เรื่องอะไรคะเนี่ย”
“ป้ายังไม่บอกดีกว่า แต่เอาเป็นว่า ครูไปดูในครัวเองแล้วกันนะคะ รับรอง อึ้ง”
พรเดินฮัมเพลงออกไปทางหนึ่ง น้ำผึ้งมองตามขำๆ แล้วก็เดินไปดู
เทิดกำลังทำอาหารท่าทางเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าเตาในครัว น้ำผึ้งเดินผ่านมาเห็นเข้า ก็แปลกใจแอบยืนมองเงียบๆ
จังหวะหนึ่งเทิดเปิดฝาหม้อที่น้ำกำลังเดือด แต่จับฝาด้วยมือแล้วร้อน รีบชักมือกลับเอามือมาจับหูคลายร้อน
น้ำผึ้งเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เผลอหัวเราะออกมา เทิดได้ยินหันไปเห็น ก็รีบเก็บอาการแล้วเสียงดุใส่
“ขำอะไร”
น้ำผึ้งเดินเข้ามาหา
“คุณเทิดทำอะไรอยู่เหรอคะ”
“ทำอาหารให้คุณนันท์บำรุงร่างกาย จะได้แข็งแรงขึ้น”
น้ำผึ้งแกล้งแหย่แซว “ทำเสร็จแล้วจะกินได้รึเปล่าคะ”
เทิดฉุน “ทำไม กินๆ ไปเหอะมันไม่ตายหรอก”
น้ำผึ้งยิ้มขัน “ทำอะไรบ้างคะเนี่ย ให้ฉันช่วยมั้ย”
“ทำกับข้าวเป็นเหรอ”
“เป็นสิคะ มาฉันทำเอง มัวแต่รอคุณเทิดทำ คุณนันท์ไม่ได้กินข้าวกันพอดี”
น้ำผึ้งพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เทิดหลบไป เดี๋ยวเธอจัดการเอง เทิดหลบมองๆ
น้ำผึ้งตรวจดูของสดที่พรซื้อมา ตัดสินใจทำอาหาร 2 เมนู ไก่ตุ๋นโสม กับ ผัดผักใส่เห็ด เหมาะสำหรับคนฟื้นไข้
น้ำผึ้งจับไก่มาล้างแล้วเลาะเป็นชิ้นๆ อย่างคล่องแคล่ว เทิดมองเพลิน เห็นแล้วทึ่ง น้ำผึ้งหั่นผักอย่างไว จากนั้นน้ำผึ้งหยิบของไปล้าง เทิดยืนขวางอยู่ เธอเบียดเขาออกให้พ้นทาง จนเทิดเซนิดๆ
น้ำผึ้งตั้งหม้อบนเตา รอจนไฟร้อนได้ที่ จึงใส่เครื่องปรุงต่างๆ ลงในหม้อ
เสร็จไปหนึ่งเมนูน้ำผึ้งผัดผักใส่เห็ด ไฟลุกท่วมกระทะ เทิดสะดุ้งตกใจ น้ำผึ้งเห็นก็แอบยิ้มขำ เทิดต้องรีบเก็บอาการ
น้ำผึ้งตักน้ำซอสใส่อุ้งมือของตัวเองแล้วชิม ทำสีหน้าพอใจ แล้วจึงตักอีกครั้งใส่อุ้งมือแล้วยื่นไปให้เทิดที่ยืนอยู่ข้างๆ ชิม เทิดมองอุ้งมือของน้ำผึ้งนิ่ง น้ำผึ้งมองเทิดแล้วบอก
“ชิมหน่อยค่ะว่าขาดอะไรมั้ย”
เทิดก้มลง ใช้นิ้วจิ้มน้ำซอสจากอุ้งมือน้ำผึ้งมาชิม
“พอกินได้”
เทิดอยู่ในครัวร้อนจนเหงื่อไหล น้ำผึ้งเห็นหยิบทิชชูมาเช็ดให้ เทิดผงะหนี แต่น้ำผึ้งก็เช็ดจนได้
เทิดได้แต่มองเขินๆ ไม่เคยใกล้ชิด สาวคนไหน หลังพริมเสียชีวิต
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 17 (ต่อ)
นันท์มองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ล้วนแต่เป็นของโปรดทั้งสิ้น แถมยังมีเค้กที่เทิดสั่งมาให้วางอยู่ด้วย เด็กชายตัวจ้อยมีสีหน้าตื่นตา เทิดกับน้ำผึ้งยิ้มมองนันท์
“โอ้โห นี่ของโปรดนันท์ทั้งนั้นเลย”
“กินให้เยอะๆ นะคุณนันท์ จะได้แข็งแรง” น้ำผึ้งบอก
นันท์ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย เทิดมองลูกกินข้าวอย่างสุขใจ
น้ำผึ้งเห็นพ่อลูกกินข้าวด้วยกัน ก็จะเดินออกไป ไม่อยากกวนพ่อลูกอยู่ด้วยกัน
เทิดเรียกไว้เสียงดุ “จะไปไหน”
น้ำผึ้งหันกลับมา
“นั่งลงแล้วกินข้าวเป็นเพื่อนคุณนันท์”
“ฉันไปกินกับป้าพรในครัวดีกว่า”
“บอกว่าให้นั่งลงไง”
น้ำผึ้งรีบนั่งลง เทิดหยิบจานแล้วเลื่อนมาให้อย่างแรง น้ำผึ้งมองจ้อง เทิดพยักหน้าให้ตักข้าวใส่จาน น้ำผึ้งได้แต่มองๆ ไม่กล้ากิน
“กินสิ หรือต้องให้ป้อน”
น้ำผึ้งตักข้าวทาน เทิดลอบมอง น้ำผึ้งหันมาเห็นเทิดหลบตาวูบ ทำเป็นคุยกับลูก
“กินเยอะๆ นะคุณนันท์”
นันท์พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้พ่อ
น้ำผึ้งส่งนันท์เข้านอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเดินออกมาเจอเทิดยืนกอดอกรออยู่หน้าห้อง
“คุณเทิด”
“นันท์หลับแล้วใช่ไหม”
“หลับแล้วค่ะ”
“เธอเองก็ควรไปพักได้แล้ว วันสองวันนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย เกิดเป็นอะไรไปเขาจะหาว่าฉันเป็นเจ้านายใจร้ายไม่ดูแลคนของตัวเอง”
“คุณเองก็แทบไม่ได้พักเลยนี่คะ”
“งานในไร่มันเป็นหน้าที่ฉัน ส่วนนันท์ฉันก็เป็นพ่อเขา ไม่มีสิทธิ์พักหรอก”
“ค่ะ ฉันรู้คุณเก่ง แต่คุณก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะ”
น้ำผึ้งพูดยิ้มๆ เทิดได้ฟังรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ เลยพูดกลบเกลื่อน
“ห่วงตัวเองเถอะ ก่อนจะห่วงคนอื่น”
“ฉันน่ะเป็นห่วงคนอื่น จนคนรอบตัวว่าฉันหมดแล้วค่ะ ว่าให้ดูแลตัวเองบ้าง ฉันเลยเอามาบอกคุณบ้างไงคะ”
“ตามใจ แต่ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้เหมือนกันค่ะ”
เทิดมองดุ แต่น้ำผึ้งกลับยิ้มให้ บอกไปว่า
“ยังไงก็ ขอบคุณคุณมากนะคะ ทั้งเรื่องที่ไปช่วยฉันไว้ที่ป่า แล้วก็เรื่องที่คุณตั้งใจทำเพื่อคุณนันท์ ฉันว่า...จริงๆ คุณก็ไม่ได้เป็นพ่อที่แย่หรอกนะ”
น้ำผึ้งเดินกลับห้องตัวเองไป เทิดแอบมองตาม
หลังจากนั้น เทิดพาตัวเข้ามาในห้องพริม แต่ในใจกลับหมกมุ่นครุ่นคิดคำนึงถึงคนอื่น
“ยังไงก็ ขอบคุณคุณมากนะคะ ทั้งเรื่องที่ไปช่วยฉันไว้ที่ป่า แล้วก็เรื่องที่คุณตั้งใจทำเพื่อคุณนันท์ ฉันว่า...จริงๆ คุณก็ไม่ได้เป็นพ่อที่แย่หรอกนะ”
เทิดสะดุ้งตื่นจากภวังค์ มองรูปพริมตรงหน้า
“พริม ผมรักพริมคนเดียว รักพริมคนเดียว”
เทิดปล่อยตัวเองจมอยู่กับความคิดตัวเองอีกครั้ง รู้สึกผิดที่ตัวเองคิดถึงน้ำผึ้ง
อีกฟากหนึ่งของค่ำคืนนี้ แพรวนภานั่งจิบไวน์อยู่ในห้องรับแขก เปิดหนังสือพิมพ์อ่านอยู่ ชะงักนิดๆ เมื่อเจอข่าวของเทิด พาดหัวว่า “ทีเด็ดเศรษฐกิจ นายเทิด อัครเศรณี นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงบริหารจัดการธุรกิจอย่างไร ให้เติบโตได้ในภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่เช่นนี้”
“เทิด...”
แพรวนภาตั้งใจอ่าน
“นอกจากจะได้ขึ้นแท่นเป็นพ่อม่ายหนุ่ม ไฟแรงแห่งปีแล้ว นายเทิด อัครเศรณี ยังติดโผนักธุรกิจที่น่าจับตามอง เพราะธุรกิจส่งออกไวน์ของเขา มียอดสั่งจองข้ามปีเลยทีเดียว”
แพรวนภาอ่านต่ออีกหน่อยแล้วจึงลดหนังสือพิมพ์ในมือลง สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด ก่อนจะพรายยิ้มออกมาเต็มใบหน้า
สองสามวันต่อ เช้านี้ เทิดดูแลงานไร่อยู่ ชี้สั่งการ แซม ผัน กับคนงาน 2-3 คน อ้อยเดินตามมายืนข้างๆ คอยพัดวีให้เทิด แต่เทิดดูท่าทางจะรำคาญมากกว่าชอบใจ สักพักหอมก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาเทิด
“นายครับนาย”
“มีอะไร หอม”
“มีคนมาหานายครับ”
“ใคร”
“ไม่รู้ครับ แต่เป็นผู้หญิง สวยมากด้วยครับนาย”
อ้อยขวางหู “โอ๊ย กะอีแค่ผู้หญิงสวย ไว้สวยกว่าฉันแล้วค่อยมาบอกไป๊ พี่หอม”
“สวยกว่าแกแน่ ๆ นังอ้อย ที่สำคัญเธอบอกว่าเธอเป็นเพื่อนเก่านาย มาจากอังกฤษซะด้วย”
เทิดได้ยินก็ชะงัก เขานิ่งงันไป รู้ทันทีว่าเป็นใคร แต่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ท่าทีแปลกใจมากกว่า
เทิดเดินมาหยุดตรงสนามหญ้าหน้าตึกบ้านพัก มองไปเบื้องหน้าเห็นเพียงด้านหลังก็รู้ว่าสาวสวยในเดรสสีแดงเพลิงนี้เป็นใคร
“แพรว”
แพรวนภาหันมาช้าๆ ใบหน้าสวยเฉี่ยวพอเห็นเป็นเทิดก็คลี่ยิ้มกว้างเต็มหน้า
“เทิด”
เทิดเดินเข้าไปหา หยุดอยู่ตรงหน้าคนรักเก่า ทำตัวไม่ถูกว่าจะสวมกอดหรือจับมือทักทาย อย่างไรดี เป็นแพรวนภาที่โผเข้ากอดเทิดด้วยความคิดถึง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
เทิดค่อยๆ ดันตัวแพรวนภาออกเบาๆ หม้ายสาวมองไปรอบๆ ด้วยความชื่นชม เธอยิ้มแล้วหันมาบอกเทิดว่า
“สวยจังเลยนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ไม่กี่ปี เทิดก็เนรมิตที่นี่ได้สวยงามขนาดนี้”
เทิดยังคงคิดเรื่องที่แพรวเลิกกับไมค์ เขาเป็นห่วงเธอ
“แพรวไม่ได้มาที่นี่ตั้งนาน เลยรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปเยอะมากกว่า”
“จริงด้วยสิคะ แพรวนี่แย่จริง ถ้าไม่มีปัญหาอะไรคงไม่มาให้เจอ”
เห็นแพรวนภาทำหน้าเศร้าหลังพูดคำนั้นออกมา เทิดเลยเอ่ยถาม
“แพรวมีปัญหาอะไรรึเปล่า พูดกับผมได้นะ”
“แพรว...เลิกกับไมค์แล้วค่ะ”
เทิดงงงันว่าเกิดอะไรขึ้น
น้ำผึ้งเดินเข้ามาในห้องเรียน เจอหอมกับอ้อยนั่งอยู่กับนันท์พร้อมหน้า น้ำผึ้งหันไปถามอ้อยกับหอม
“วันนี้ใครมาเหรอจ๊ะ ครูได้ยินเสียงเหมือนรถใครเข้ามา”
“อ๋อ แขกของนายน่ะครับครู เป็นผู้หญิง เมื่อกี้ผมไปตามนายมาเลยเห็นพอดี เขานะ แต่งตัวเหมือนพวกไฮโซเลย สวยมากด้วย”
อ้อยแปลกใจ เลยถามขึ้นว่า
“ใคร อีพี่หอม สวยด้วยเหรอ”
“เออ สวยน่ะสิ และรู้จักกับนายมานานด้วย”
อ้อยยิ่งฉงนฉงาย “คนรู้จัก? ไม่มีคนรู้จักนายมาที่นี่ตั้งนานแล้วนะ”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่เดี๋ยวนายคงบอกเองแหละมั้งว่าเป็นใคร”
นันท์ขัดขึ้นว่า
“นันท์อยากเรียนแล้ว เราจะเรียนกันรึยังครับครู”
“ได้สิคะ คุณนันท์ ไหนมาดูดีกว่าว่าวันนี้เราจะเรียนอะไรดี”
น้ำผึ้งหันไปสนใจนันท์ อ้อยยังคาใจสงสัยอยู่นั่นแล้วว่า แขกคนสวยของเทิดเป็นใคร
เทิดเห็นแพรวดูเศร้าซึมลงไปถนัดตา หลังจากเธอบอกเขาว่าเลิกกับสามีผู้ดีอังกฤษแล้ว
“ผมขอโทษ ผมไม่ทราบข่าวคุณเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรวเองก็ไม่ได้ติดต่อคุณมาเลย แย่จังเลยนะคะ”
“อย่าคิดมากเลยแพรว ต่างคนต่างมีอะไรต้องทำ”
แพรวนภาเห็นเทิดไม่แสดงท่าทีโกรธหรือไม่ชอบใจที่บุกมาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เจ้าหล่อนก็ยิ่งได้ใจ
“แพรวดีใจที่เห็นคุณยังต้อนรับแพรว”
“ที่นี่เป็นบ้านของพริม คุณเป็นพี่สาวพริม เพราะฉะนั้นคุณมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะมาที่นี่”
แพรวนภาชะงัก ใจหล่นไปเล็กน้อยตอนได้ยินเทิดเอ่ยชื่อพริม ย้ำสภานภาพตัวหล่อน
“จริงด้วยสิคะ”
“คุณแวะมาพักผ่อนแค่นั้นเหรอ”
“ค่ะ แพรวแค่อยากมาพักผ่อนสมอง สบายใจแล้วก็คงจะกลับ แพรวจะไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ จะมาแค่วันสองวันแล้วก็จะไป”
เทิดคิดอะไรสักครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า
“คุณจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้ ถ้าคุณต้องการนะแพรว”
แพรวนภามองเทิด ยิ้มดีใจที่ได้ยินแบบนั้น
“คุณว่าไงนะคะ”
“ผมบอกแล้วว่าที่นี่ยินดีต้อบรับคุณเสมอ ถ้าคุณมีเรื่องไม่สบายใจ”
“จริงเหรอคะ”
เทิดพยักหน้าให้ พร้อมกับบอกว่า “ในฐานะที่เราเป็น เพื่อนเก่า ผมยินดี”
แพรวนภายิ้มออกมา ท่าทีพึงพอใจมากที่เทิดเป็นฝ่ายออกปากเสนอให้ตัวเองอยู่ที่นี่
เทิดเรียกทุกคนในบ้านมารวมตัวที่ห้องนั่งเล่นแล้วสั่งการ
“เดี๋ยวทุกคนช่วยกันจัดห้องให้คุณแพรว เขาเป็นแขกของฉัน จะมาอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง”
อ้อยสะกิดกระซิบถามหอม
“นี่พี่ ยัยคุณแพรวนี่ใช่ไหม แขกที่ว่าอ่ะ”
“มาขนาดนี้คงใช่แหละ”
“นายถึงขนาดลงมาสั่งงานเองเลยเหรอ”
“เออน่ะสิ เห็นอยู่นี่หว่า”
เทิดจัดการสั่งงานทุกคนต่อ
“พวกสีผ้าม่านผ้าห่ม ก็ตามที่ผมบอกป้าพรไป แล้วช่วยดูแลเรื่องอาหารอย่างดีด้วย ผมจะออกไปที่ไร่ก่อน แล้วจะกลับมาดูอีกที”
ชมพู่ยิ้มรับคำ “ได้ค่ะนาย พวกเราจะจัดการให้อย่างดีเลยค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ รับรองนายกลับมา ทุกอย่างจะเรียบร้อย” พรบอก
เทิดพยักหน้าแล้วเดินออกไป
อ้อยบ่นงุบงิบ “ทำไมนายจะต้องทำอะไรให้มันวุ่นวายขนาดนี้ด้วยนะ”
“พูดมาก ไปทำงานไปนังอ้อย”
ทุกคนพากันออกไปทำตามเทิดสั่ง อ้อยแอบฮึดฮัดแต่ก็ต้องตามไปช่วยทุกคนด้วย
ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง หอม มาร์ค อ้อย พร ชมพู่ มาช่วยกันจัดห้องให้แพรว เปลี่ยนผ้าปูเตียง หลอกหมอน ผ้าม่าน คุมสีให้อยู่ในโทนเดียวกัน มีการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ จับโยกย้ายไปมา
อ้อยทำความสะอาดห้องน้ำ เปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ใหม่หมด
มาร์คเอาแจกันดอกไม้มาจัดวางตกแต่ง
ทุกคนวิ่งวุ่นชุลมุนเพื่อแต่งห้องให้ดูดีที่สุด
พอเวลาผ่านไป ทุกคนยืนหอบเหนื่อยเรียงแถวอยู่ติดกำแพงห้อง อ้อยบ่นออกมาอีก
“โอ๊ย เหนื่อย”
พรเดินเข้ามาตีอ้อย
“ป้า ตีฉันทำไม”
“อย่ามาบ่น ทุกคนเขาก็ทำงานเหมือนกัน ไปช่วยจัดของ อีกนิดก็เสร็จแล้ว”
พรลากอ้อยกลับไปทำงานต่อ อ้อยบ่นบ้าไปตลอดทาง
ทางด้านเทิดพาแพรวนภามาเดินชมไร่องุ่น ในบรรยากาศแสนโรแมนติกนี้ เชื่อว่าเสียงเพลงรักเพราะพริ้งหวานซึ้ง ดังกังวานในหัวใจแพรวนภา เทิดคอยชี้ชวนให้อดีตคนรักดู โน้น นั้น นี้ แพรวนภาเยื้อนยิ้มมองตาม
เทิดจับมือแพรวนภา หยิบองุ่นพวงใหญ่ลูกดกมาอวด บอกเล่าเรื่องต่างๆ แพรวนภาฟังอย่างสนใจ
เทิดกับแพรวนภาหัวเราะหัวใคร่ ช่วยให้อาหารเจ้าอัลปาก้าในฟาร์มสัตว์ด้วยกันอย่างมีความสุข
พอทำงานเสร็จ พร อ้อย หอม มาร์ค และ ชมพู่ ก็มารวมกันที่ร้านกาแฟ อ้อยนั่งนวดแขนขาตัวเองไปมา แล้วก็บ่นขึ้นมาอีก
“ยัยคุณแพรวนั่นดีมาจากไหน มาถึงนายก็สั่งทำนั่นทำนี่ให้ แถมยังเอาใจสารพัด”
มาร์คยิ้มเย้า “อ้อยอิจฉาเหรอ”
“เปล๊า คนสมบูรณ์แบบอย่างอ้อยมีอะไรต้องอิจฉาคนอื่น”
ทุกคนส่ายหัว มองอ้อยหน่ายๆ
“เลิกบ่นเหอะนังอ้อย บ่นไปแกจะทำอะไรได้ นั่นเขาแขกของนาย ส่วนแกน่ะคนใช้”
อ้อยยัวะจัด “อีพี่หอม อีบ้า”
“อย่ามาโวยวายนะโว้ย เมื่อกี้ทำงานก็บ่นอยู่ได้”
“คนมันเหนื่อยก็ต้องบ่นดิ จะให้ทำไง”
มาร์คกลัวหอมกับอ้อยจะตีกันเลยรีบห้าม
“หอม อ้อย อย่าทะเลาะกัน ลูกค้าในร้านมองหมดแล้ว”
อ้อยเห็นคนในร้านมองจริงๆ เลยหยุด แล้วนั่งกอดอกนั่งหน้าบึ้งบูดไป ชมพู่ปรารภขึ้นมาว่า
“ฉันว่าคุณแพรวกลับมาคราวนี้ลมจะพัดหวนซะล่ะมั้ง”
“พัดอะไร ? หมายความว่าไง” อ้อยงงเต๊ก
“ก็คุณแพรวน่ะเคยเป็นคนรักของคุณเทิด ก่อนจะมาคบคุณพริมไงล่ะ จำไม่ได้รึไง”
“ฉันไม่จำหรอกว่าใครจะคบใคร ฉันรู้แค่พอเขามาไร่เราก็วุ่นวายไปหมด”
“พอซะทีเถอะนังอ้อย นายบอกให้ทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องสงสัยมาก”
“ป้าอ้ะ ไม่เข้าข้างฉันเลย”
“พอๆ ฉันว่าไปทำงานได้แล้วไป ว่างมากรึไง มานั่งนินทาเจ้านายอยู่ได้”
ทุกคนพร้อมใจลุกเดินหนีไปกันจนหมด อ้อยเบะปาก ที่ไม่มีใครเข้าข้างตัวเองเลย
ฝ่ายน้ำผึ้งกำลังสอนนันท์วาดรูป
“ศิลปะไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอะไร ปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระ ใช้หัวใจในการสร้างสรรค์”
นันท์กำลังวาดรูปอยู่ หันมาถาม
“แปลว่าอะไรครับ นันท์ไม่เข้าใจ”
“แปลว่า คุณนันท์อยากวาดอะไร ก็วาดเลยค่ะ”
น้ำผึ้งยิ้มให้ นันท์ยิ้มแล้ววาดรูปต่อ
นันท์วาดรูปพ่อแม่ลูกในไร่องุ่น ทุกคนยิ้มปากกว้างเห็นฟัน เป็นภาพจำของนันท์ น้ำผึ้งดูแล้วถาม
“คุณนันท์วาดอะไรคะเนี่ย”
“พ่อ แม่ แล้วก็นันท์...นันท์อยากมีแม่”
นันท์หน้าเศร้าไปนิด น้ำผึ้งปลอบว่า
“วาดสวยจังเลยค่ะ เอาไปอวดคุณพ่อดีมั้ยคะ”
นันท์พยักหน้ารับ
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 17 (ต่อ)
เทิดพาแพรวนภาเดินดูอาณาจักรของเขามาจนรอบ สุดท้ายพากันมานั่งพักในห้องรับแขก แพรวนภามองจ้องหน้าเทิดด้วยแววตาดื่มด่ำรำลึก
“เทิดรู้มั้ยคะ ความทรงจำดีๆ ของแพรวเกิดขึ้นที่นี่ และไม่เคยหายไปไหน”
ค่ำคืนหนึ่งในบ้านไร่เมื่อครั้งอดีต เมื่อมองจากโถงรับแขกออกไปที่นอกหน้าต่าง พบว่าสายฝนห่าใหญ่โปรยสายลงมาชนิดไม่ลืมหูลืมตา มันตกหนักมาสักระยะหนึ่งแล้ว
สักครู่จึงเห็นเทิดใช้เสื้อคลุมศีรษะกันฝนให้เขากับแพรวนภา สองคนวิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาในห้องโถงบ้าน ทั้งคู่เนื้อตัวเปียกปอน
เทิดพาแนวนภามานั่งตรงโซฟา ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กบรรจงเช็ดผมและเช็ดหน้าให้แพรวนภาอย่างอ่อนโยน ในบรรยากาศแสนโรแมนติก แพรวนภาห่อกายหนาวยะเยือกพลากยกมือขึ้นมาถูกันไปมา เทิดจับมือเธอมากุม แล้วก้มลงเป่าเบาๆ ให้ความอบอุ่น
ไม่นานต่อมาแพรวนภาตกอยู่ในอ้อมแขนของเทิด สองคนอิงแอบแนบชิด แพรวนภาเอี้ยววงหน้าสวยมามอง สองคนสบตากันหวานฉ่ำ
แพรวนภาดึงตัวเองออกมา เหลียวแลมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะมาหยุดสายตาจ้องหน้าเทิด พยายามพูดโน้มน้าวเพื่อให้เทิดหวนนึกถึงวันคืนเก่าๆ
“ทุกอย่างที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ มีแต่คุณที่เปลี่ยนไป คุณดูดีขึ้นมาก”
“แพรวก็เหมือนกัน”
บังเอิญว่านันท์กับน้ำผึ้งวิ่งเข้ามาเห็นสองคนสบตากันนิ่งอยู่ น้ำผึ้งตกใจยืนนิ่งอึ้งไป นันท์วิ่งเข้าหาเทิด
“พ่อ”
เทิดได้ยินลูกเรียกก็หันไปมอง แล้วรีบผละออกจากแพรวนภาโดยไว นันท์วิ่งเข้ามาหา อวดรูปวาดให้ดู
“นี่ครูสอนให้นันท์วาด สวยมั้ยครับ”
“สวยสิคุณนันท์”
น้ำผึ้งเดินเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ มองแพรวนภาที เทิดที แล้วหลบตาไป เทิดเห็นก็กลัวน้ำผึ้งเข้าใจตนผิด รีบแนะนำแพรวนภาให้รู้จักกับนันท์
“คุณนันท์...นี่ป้าแพรว เป็นพี่สาวของคุณแม่.. ไหว้ป้าแพรวสิ”
เทิดจงใจเน้นคำว่า เป็นพี่สาวของแม่นันท์ เหมือนต้องการจะบอกเป็นนัยให้น้ำผึ้งรับรู้
นันท์ไหว้นอบน้อม แพรวนภารับไหว้แล้วก้มลงไปคุยกับนันท์
“สวัสดีค่ะ คุณนันท์”
“สวัสดีครับ”
“คุณนันท์หลานของอานตี้แพรว (Aunty - ป้า) นี่หล่อไม่แพ้พ่อเลยนะ”
เทิดแนะนำแพรวนภาให้รู้จักกับน้ำผึ้ง
“แพรว...นี่คุณน้ำผึ้ง คุณครูของคุณนันท์”
น้ำผึ้งยกมือไหว้แพรวนภาในฐานะเพื่อนเจ้านาย แพรวนภารับไหว้หน้านิ่ง
บ่ายวันนั้นเทิดเรียกทุกคนมารวมในห้องนั่งเล่นในบ้านแล้วแนะนำตัวแพรวอีกครั้ง
“ฉันจะแนะนำให้รู้จัก นี่คุณแพรวนภา เป็นพี่สาวของคุณพริม แล้วก็เป็นเพื่อนเก่าของฉันด้วย คุณแพรวจะมาอยู่ที่นี่กับเราช่วงหนึ่ง”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ ฉันคงต้องขอฝากตัวด้วย”
พร ชมพู่ หอม ได้เจอตัวแพรวนภาต่อหน้าแล้วต่างก็มองอย่างชื่นชม เพราะทั้งสวยสง่า และดูดี มีอ้อยคนเดียวที่มองแพรวนภาอย่างจับผิด แต่ก็หาข้อติอะไรไม่ได้
หอมเย้ยอ้อยอย่างรู้ทัน “เป็นไงล่ะ”
อ้อยเชิดใส่ ไม่ออกความคิดเห็น
“คงจะต้องอยู่ด้วยกันอีกสักพักใหญ่ ยังไงฉันฝากทุกคนดูแลคุณแพรวอย่างดีด้วย”
ทุกคนพยักหน้ารับ น้ำผึ้งเยื้อนยิ้มมองแพรวนภาโดยไม่ได้คิดอะไร เทิดลอบมองท่าทีน้ำผึ้งอยู่
เทิด แพรวนภา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รอทานมื้อค่ำ พรกับ ชมพู่ช่วยกันเสิร์ฟอาหารให้ แพรวนภายิ้มร่า เมื่อพิจารณาอาหารตรงหน้า
“นี่ของที่แพรวชอบทั้งนั้นเลยนี่คะ”
“ผมให้แม่บ้านเตรียมให้เพื่อต้อนรับคุณ หวังว่าคุณคงจะชอบ”
“แพรวต้องชอบอยู่แล้วสิคะ แล้วก็ดีใจด้วยที่เทิดจำเรื่องของแพรวได้ขนาดนี้”
อ้อยมองค้อนไม่พอใจ น้ำผึ้งพานันท์ที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่ เข้ามาในห้อง เดินไปนั่งร่วมโต๊ะ
เทิดถามน้ำผึ้งเป็นเชิงชวน “เธอกินข้าวหรือยัง”
“ยังค่ะ”
นันท์ยิ้มชวนน้ำผึ้งทานข้าวด้วย
“ครูมากินข้าวด้วยกันสิครับ”
น้ำผึ้งเห็นแพรวนภากับเทิดอยู่ด้วยกัน จึงออกตัวไม่อยากขัด
“คงไม่เหมาะหรอกค่ะคุณนันท์ คุณเทิดมีแขกคงอยากคุยกันเป็นการส่วนตัวมากกว่า”
แพรวนภาพูดแทรกขึ้นว่า
“แต่ฉันไม่เป็นไรหรอกนะคะ”
“คะ”
แพรวนภาทอดยิ้มหวานเปี่ยมไมตรีมาให้น้ำผึ้ง
“ครูน้ำผึ้งมาร่วมโต๊ะกับพวกเราเถอะนะคะ”
น้ำผึ้งอิดออดท่าทีเกรงใจ “แต่ว่า...”
“นะคะ ครูน้ำผึ้ง” แพรวนภาขอร้อง
“นันท์เห็นด้วย นะครับครู”
น้ำผึ้งมองมายังเทิด พบว่าเขาไม่ได้พูดขัดอะไร เลยยอมนั่งลง
หลังจัดโต๊ะให้เจ้านายเสร็จเรียบร้อย ทุกคนมารวมตัวนั่งกินข้าวร่วมกันอยู่ในห้องครัวหลังบ้าน ชมพู่พูดถึงแพรวนภาอย่างชื่นชม
“ป้าเห็นเมื่อกี้ไหม คุณแพรวเธอเป็นคนมีน้ำใจเนอะ ไม่ถือตัวเลย”
“จริงของแก ตอนแรกฉันนึกว่าจะเป็นผู้ดีหยิ่งๆ เหมือนพวกนางร้ายในละครซะอีก” พรว่า
“นางร้ายมีหลายแบบจะตายไป ป้าไม่เคยดูซีรี่ส์เหรอ นางร้ายเกาหลีอ่ะ เขาจะนิ่งๆ แต่จริงแล้วร้ายยิ่งกว่าอสรพิษ” อ้อยบอก
หอมหมั่นไส้อ้อยขอแสดงความเห็นบ้าง
“นี่แกน่าจะเลิกดูได้แล้วนะ ไอ้เกาหลีนั่นน่ะ ดูแล้วเอามาปนกับชีวิตจริงมั่วซั่วไปหมด”
“พี่หอมนั่นแหละไม่รู้อะไร คนร้ายจริงๆ เขาไม่ยืนกรี๊ดให้ดูหรอก เขาจะวางแผนซับซ้อนกว่านั้นเยอะ”
“ที่ฉันยังเห็นแกยืนกรี๊ดๆ อยู่เลย แกนั่นแหละนางร้าย เลิกใส่ความคุณแพรวได้แล้ว”
“อีพี่หอม”
ผันปรามลูกสาวขึ้น
“พอได้แล้วอ้อย”
อ้อยขัดใจ “พ่อ…”
“เลิกตัดสินคนอื่นแบบผิวเผินได้แล้ว ยิ่งแกเอามาพูดลับหลังแบบนี้ยิ่งไม่ให้เกียรตินาย อย่าให้ฉันเห็นว่าแกทำตัวแบบนี้อีก แค่นี้ไร่เราก็วุ่นวายพอแล้ว”
อ้อยหน้าบูดบึ้งน้อยใจที่โดนพ่อด่าว่าต่อหน้าทุกคน
“จะว่าไปก็น่าอึดอัดแฮะ เอาครูไปนั่งเป็นก้างนายกับคุณแพรวแบบนั้น”
ทุกคนหันมามองหอมกันหมด
“ทำไมครูต้องอึดอัดด้วยล่ะไอ้หอม” พรงง
“ป้าไม่รู้อะไร ฉันว่านายกับครูน้ำผึ้งน่าจะมีแบบ อิ๊อ๊ะ กุ๊กกิ๊กอะไรกันแบบนี้” หอมบอก
ชมพู่ไม่เชื่ออย่างนั้น “บ้าแล้วพี่ ว่านังอ้อย พี่ก็เพ้อเจ้อพอกันนั่นแหละ”
“อ้าว ฉันพูดจริงนะเว้ย”
พรรำคาญ “ไร้สาระ กินข้าวได้แล้วไป พูดมาก”
หอมกับอ้อยมองค้อนกัน อ้อยงอนใส่ไม่พูด หอมเกาหัวงงๆ
ส่วนที่โต๊ะอาหารในตึก แพรวนภาคอยตักอาหารให้พ่อลูก เอาใจทั้งเทิดและนันท์
“เทิดทานเยอะๆ เลยนะคะ แพรวจำได้ว่าคุณชอบ”
น้ำผึ้งลอบมองเทิดกับแพรวนภา ด้วยท่าทีอึดอัด แพรวนภาหันมาชวนน้ำผึ้งคุย
“จริงด้วย เรายังไม่ได้คุยกันเท่าไหร่เลยนี่คะ คุณน้ำผึ้งเป็นครูของนันท์ใช่ไหมคะ เข้ามาสอนนานรึยังคะ”
“ก็สักพักแล้วค่ะ”
“เป็นระบบแบบ โฮม สกูล ใช่ไหมคะ ตอนแรกแพรวนึกว่านันท์ไปโรงเรียนปกติ”
เทิดแทรกขึ้นว่า “พอดีมีปัญหานิดหน่อยเลยให้นันท์ไปโรงเรียนไม่ได้น่ะ ผมให้น้ำผึ้งเขามาสอนนันท์ แล้วก็อยู่ประจำที่นี่เลย จะได้ไม่ต้องไปกลับให้เสียเวลา”
แพรวนภาชะงัก สีหน้าบอกว่าแปลกใจ “อยู่ที่นี่”
“ใช่ฮะ ครูเขาอยู่ที่บ้านกับนันท์ตลอดเวลาเลย” นันท์ยิ้มร่า
“แพรวนึกว่าครูจะไปกลับซะอีก”
“อยู่ที่นี่ดีแล้ว ผมอยากให้มีคนดูแลนันท์ตลอดเวลา” เทิดว่า
“ดีจังเลยนะคะ เทิดนี่ใส่ใจลูกจริงๆ เลย ว่าแต่ครูเถอะค่ะ ต้องมาอยู่กับนันท์ตลอดเวลาแบบนี้คงไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเลย”
หลังคำถามตอนท้ายแพรวนภาเยื้อนยิ้ม แต่แทบไม่เห็นความจริงใจในนั้น
“แค่มีงานทำ มีที่ซุกหัวนอน ก็เป็นพระคุณมากแล้ว ฉันไม่คิดมากเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“จริงด้วยค่ะ ได้อยู่ไร่สวยๆ แบบนี้ แถมมีงานทำ มีเงินใช้ ใครจะไม่อยากอยู่ ถ้าแพรวเลือกได้แพรวก็จะอยู่ที่นี่ ตลอดไปเลยยิ่งดี”
น้ำผึ้งฝืนยิ้มไปให้แพรว ยิ่งรู้สึกว่าแพรวสร้างความอึดอัดบางอย่างในใจให้
“ชวนคุยซะเยอะเชียว ทานข้าวกันดีกว่า” แพรวนภายิ้มหวานให้นันท์ “อานตี้ตักนี่ให้นะคะคุณนันท์”
เทิดจับสังเกตดูท่าทีน้ำผึ้ง
แต่ครูสาวเอาแต่นิ่ง นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารโดยไม่พูดอะไร
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 17 (ต่อ)
ขณะที่น้ำผึ้งเดินขึ้นห้องพัก เจออ้อยเดินฮึดฮัดหงุดหงิดมาพอดี
“อ้าว อ้อย”
“ครู เป็นไงล่ะคะ กินข้าวกับคุณแพรวพราวนั่น อร่อยไหมล่ะ”
“ก็ปกตินี่จ๊ะ ไม่มีอะไรพิเศษ”
อ้อยฟังแล้วยิ่งหงุดหงิด
“ทำไมทุกคนดูองค์นางฟ้าผู้แสนดีลงกันหมดนะ ไม่เห็นมีใครขัดใจเขาเหมือนอ้อยซักคน”
“เขาเป็นแขกของคุณเทิด เราเป็นคนที่นี่ก็ต้องต้อนรับเขาให้ดี”
“แล้วครูไม่คิดมั่งรึไงว่าเขาจะมาคืนดีกับนาย เขาเป็นพี่สาวคุณพริม แถมเป็นแฟนเก่านายอีก”
ลึกๆ น้ำผึ้งรู้สึกตามที่อ้อยว่า แต่ต้องเก็บข่มอาการไว้
“อันนั้นคงเป็นเรื่องที่คุณเทิดต้องตัดสินใจเอง”
“น่าเบื่อ มีแต่คนเห็นดีเห็นงามกับเขา แม้แต่พ่อก็ยังไม่เข้าข้างอ้อย หาว่าอ้อยสร้างแต่เรื่อง”
“ที่อ้อยดูหงุดหงิด ก็เพราะเรื่องนี้เองเหรอ”
“ใช่ จริงๆ อีอ้อยคนนี้มันหงุดหงิดทุกเรื่องนั่นแหละครู อ้อยน่ะมันขี้โวยวาย ชอบนินทาเจ้านาย ให้เรียนก็ไม่เรียน สร้างแต่ปัญหา”
อ้อยกอดอกหน้าตาบูดบึ้ง ท่าทางหงุดหงิดเต็มที่
“น้าผันว่าอ้อยมาแบบนี้ใช่ไหม”
“จะมีใครได้ ครูไม่น่าถาม”
น้ำผึ้งมองอ้อยอย่างพิจารณา
“น้าผันแกเตือนอ้อย เพราะแกหวังดีกับอ้อยนะ”
“หวังดีก็พูดกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องดุเลย”
“งั้น ถ้าอ้อยไม่อยากให้น้าผันดุ อ้อยก็ต้องพิสูจน์ตัวเองสิว่าตัวเองมีดีกว่านั้น”
“พิสูจน์ พิสูจน์อะไรคะครู”
น้ำผึ้งยิ้ม “ครูว่าครูมีวิธี ครูจะช่วยอ้อยเอง”
อ้อยมองฉงนฉงาย ว่าน้ำผึ้งจะทำอะไร
มองจากระเบียงหน้าบ้านยามค่ำคืน บรรยากาศภายนอกสวยงามโรแมนติก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวดารดาษ แพรวนถายืนกอดอกชื่นชมความงามนั้นอยู่ สักครู่เทิดเดินถือผ้าห่มมาห่มคลุมไหล่ให้ แล้วจะละตัวออก แต่แพรวนภาดึงมือเขาไว้ เทิดชะงักนิดๆ แพรวนภาบอกเทิดเสียงเศร้าๆ
“อยู่อย่างนี้ซักพักได้ไหมคะ”
เทิดพยักหน้า เดินมายืนข้างๆ
“แพรวดีใจจริงๆ นะคะที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แพรวเคยคิดว่าถ้าแพรวทำสิ่งไม่ดีกับคุณไว้ คุณจะไล่แพรวกลับไปแบบไม่ใยดีซะอีก”
“เรื่องของผมกับคุณมันเป็นอดีต ผมไม่มีอะไรต้องติดใจ ตอนนี้ผมมีแต่ความปรารถนาดีให้คุณ ในฐานะที่คุณเป็นพี่สาวของพริม เป็นป้าของนันท์ เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของผม”
แพรวนภาฟังแล้วจี๊ด รู้สึกเจ็บใจ แต่ต้องตีหน้าว่าเป็นคนแสนดีอินเนอร์เต็มต่อไป
“แพรวนี่คงจะพลาดอะไรไปหลายอย่างเลย ทั้งเรื่องคุณหรือเรื่องชีวิตคู่ของแพรวด้วย”
“นี่เป็นสาเหตุกลับมาที่นี่ใช่หรือเปล่า”
“ไม่เชิงหรอกค่ะ แพรวมาเพราะอยากมาพักผ่อน แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองก็เสียใจที่สิ่งที่หวังไว้ไม่เป็นอย่างที่คิด เสียใจที่คาดหวังกับไมค์เขามากไป”
“เขาทำอะไรคุณ”
“ผู้หญิงที่แต่งงานก็หวังจะให้สามีมีเวลาให้ทั้งนั้น แพรวแค่ไม่เคยได้รับมันจากไมค์ สุดท้ายเราก็เลยแยกทางกัน แต่แพรวว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ”
เทิดจับไหล่แพรวนภาให้หันมายืนตรงหน้าเขา แล้วจับมือปลอบใจ
“อะไรที่ผ่านไปแล้วให้มันผ่านไป คุณอยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะนะ”
ทั้งสองมองสบตากัน แพรวนภาเผลอตัวขยับตัวไปใกล้ๆ ขณะที่เทิดยืนนิ่ง
“แพรวยังรู้สึกกับเทิดเหมือนเดิมนะคะ”
“ผมก็ยังหวังดีกับแพรวเหมือนเดิม”
แพรวนภาสบตาเทิดนิ่ง ขยับตัวเข้าไปใกล้กว่าเก่า เทิดเคลิ้มคล้อยไปสักพักก็รู้สึกตัวขึ้นมาก่อน
“ผมว่าแพรวควรจะพักผ่อน วันนี้คุณเหนื่อยมามากแล้ว”
เทิดถอยออกไป แพรวนภาจะดึงไว้ แต่เขาก็เดินเลี่ยงกลับเข้าบ้านไป แพรวนภาคุมแค้นขัดใจ
ทันทีที่แพรวนภากลับเข้าห้องพัก ก็กดโทรศัพท์หา เมญ่า ผู้ช่วยของเธอ ที่เวลานี้อยู่ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไร่ของคุณเทิดแล้ว เรื่องร้านอาหารที่ฉันให้เธอจัดการเป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีค่ะคุณแพรว แล้วทางนั้นล่ะคะ” เสียงเมญ่าดังลอดออกมา
“เรียบร้อยดี ตอนนี้เทิดเขาบอกว่าฉันจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ฉันจะคุยกับเธอเรื่องนี้นี่แหละ”
“ได้ค่ะ มีอะไรคุณแพรวสั่งเมญ่ามาได้เลย”
“เธอรีบหาคนมาช่วยดูแลร้านอาหารที่โน่นไปก่อน แล้วรีบขนของที่จำเป็นมาอยู่กับฉันที่ไทย เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ท่าทางจะเรื่องใหญ่จริงๆ นะคะเนี่ย”
“มาถึงก็รู้เองนั่นแหละ รีบจัดการ ถ้างานนี้สำเร็จ ฉันจะตอบแทนเธออย่างงาม”
แพรวนภาวางสายไป ยิ้มร้ายออกมาเต็มใบหน้าสวยเฉี่ยวนั้น
น้ำผึ้งนอนไปได้สักพัก แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะมัวแต่คิดเรื่องเทิด น้ำผึ้งนึกถึงเรื่องอ้อยขึ้นมา เลยลุกมาเปิดคอมพิวเตอร์ เสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน กศน.ให้อ้อย
ทางด้านเทิดกลับเข้าห้องนอน เดินไปหยุดมองรูปครอบครัว สามคนพ่อแม่ลูกตรงโต๊ะข้างเตียง สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
รุ่งเช้า น้ำผึ้งเดินเข้ามาในห้องเรียน เจออ้อยอยู่ในนั้น ครูสาววางเอกสารที่ปรินท์มา ลงตรงหน้าอ้อย
“เอ้านี่ ฉันเอามาให้อ้อย”
อ้อยหยิบขึ้นมางงๆ มองดูอย่างแปลกใจ
“นี่มันอะไรคะครู”
“เอกสารสมัครเรียนกศน.จ้ะ”
สาวแซบ รีบวางเอกสารลง
“กศน. อ้อยเรียนไม่ได้หรอกค่ะ หัวขี้เลื่อยแบบอ้อยเรียนไปก็ไม่จบ”
“อ้อยยังไม่ได้ลองเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะเรียนไม่จบ”
“อ้อยบอกครูไปแล้วนี่ ว่าไม่มีใครเชื่อว่าอ้อยจะทำได้หรอก เขาคิดว่าอ้อยสร้างแต่เรื่อง”
น้ำผึ้งปลุกปลอบใจ “แบบนั้นอ้อยยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองสิ ว่าอ้อยมีดีเหมือนกัน ไม่มีใครเป็นคนโง่หรอกนะ แต่เราแค่ได้รับโอกาสไม่เหมือนกันแค่นั้นเอง”
อ้อยมองเอกสารอีก ชักลังเล
“อ้อยจะทำได้จริงเหรอครู”
“ทำได้สิ อ้อยเก่งอยู่แล้ว หรือถ้าอ้อยคิดว่าไม่มีใครเชื่อ ก็ขอให้รู้ไว้ว่าครูนี่แหละเชื่อในตัวอ้อย”
อ้อยซึ้งจนน้ำตาคลอ ยกมือไหว้น้ำผึ้งปลกๆ
“ขอบคุณนะครู อ้อยขอโทษที่ทำไม่ดีกับครูมาตลอดเลย”
“ไม่เป็นไร แค่อ้อยตั้งใจเรียนก็พอ ทำได้ไหม”
อ้อยพยักหน้า กอดเอกสารสมัครเรียนไว้ รู้สึกมีความหวัง
เช้าวันเดียวกันนี้ รถตู้คันใหญ่โตขับมาจอดหน้าบ้านเทิด มีรถเล็กคันหรูขับตามมา แซมกับคนงานยืนรอรับอยู่แล้ว
“เยอะขนาดนี้ เกณฑ์คนงานทั้งไร่มาขนทั้งคืนไม่รู้จะหมดมั้ย” หอมบ่น
“อย่านินทาแขกของนายสิวะ ไอ้หอม” แซมปรามดุ
“จ้าๆ แต่แหม…ลุงดูสิ” หอมบุ้ยใบ้ให้แซมดู
คนขับรถคันเล็กรีบลงรถวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ กะเทยผิวหมึกร่างยักษ์ แต่งตัวจัด แต่ดูดี สวมใส่เสื้อคลุม เมญ่า ถอดแว่นออกมองไปยังเบื้องหน้า
คนขับรถปิดประตู โดยไม่รู้ว่าทับชายเสื้อคลุมเวอร์วังของเมญ่า
จังหวะนี้แพรวนภาเดินเร็วรี่ออกมา ร้องทักทายเมญ่าอย่างดีอกดีใจ
“เมญ่า”
เมญ่าจะเดินไปหาแพรวนภา แต่ชายเสื้อคลุมดันติดกับประตูรถ กะเทยักษ์กรี๊ด
“ว้าย”
แพรวนภาอาย หันไปดุคนขับรถ
“ยืนอยู่ทำไมล่ะ มาเปิดประตูสิ”
หอมกับแซมหัวเราะขำ เมญ่าหันไปจ้องดุก่อนจะเดินไปแล้วหยุดคำนับแพรวนภาด้วยความเคารพ หอมหันมากระซิบกระซาบกับมาร์ค
“ไหนว่ามาจากลอนดอนไง มาจากป่าอาเมซอนมากกว่ามั้ง”
“พี่หอม อย่าพูดแบบนั้นสิครับ” มาร์คปรามกลัวแพรวนภา และ เมญ่าได้ยิน
เมญ่าจัดเสื้อผ้าตัวเองให้ดูดีใหม่อีกรอบ แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าหอม หอมรีบทำเป็นยิ้มปกติ
“มายืนทำไมกันคะ ไปช่วยกันขนของสิ”
เมญ่าเดินไปชี้นิ้วสั่งทุกคนให้ไปช่วยกันขนของ หอมมองตามแลบลิ้นใส่เมญ่า
แซมคุมคนงานไร่ขนของขึ้นบ้านมา เดินผ่านหน้าห้องน้ำผึ้งไป เมญ่าดึงแพรวนภาให้ถอยหลังกลับ พลางสั่งคนงานเสียงดังว่า
“ขนของคุณแพรวเข้าห้องนี้”
หอมทักท้วง “แต่นี่เป็นห้องของคุณผึ้ง ห้องของคุณแพรวจะอยู่อีกห้องหนึ่งนะครับ”
แพรวนภาสร้างภาพ “ไม่เป็นไรหรอกเมญ่า ฉันนอนห้องไหนก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ ห้องคุณแพรวต้องโลเคชั่นดีที่สุด เมญ่าสำรวจด้วยตาแล้ว ก็น่าจะเป็นห้องนี้”
เมญ่ามองหน้าแพรวนภา อีกฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้ เมญ่ารีบสั่งให้คนงานขนของแพรวเข้าห้อง
“ขนเข้าไปเลย”
หอมไม่ยอม กันไม่ให้คนขนข้องเข้าห้องน้ำผึ้ง เมญ่าเข้าไปดึงหอมออก สองคนยื้อยุดกันไปมา แลดูน่าขัน เทิดเดินมาเห็นพอดี
“มีอะไรกัน”
แพรวนภาปราดเข้าไปหาเทิด
“เทิดคะ นี่เมญ่าผู้ช่วยแพรวค่ะ”
เมญ่าไหว้ เทิดพยักหน้ารับ
“เมญ่าคิดว่าคุณควรจะอยู่ห้องนี้ เพราะเธอเป็นภูมิแพ้ เมญ่าเดินดูจนทั่วแล้ว ห้องนี้อากาศถ่ายเทดี อาการจะได้ไม่กำเริบ”
น้ำผึ้งได้ยินเสียงเอะอะเลยขึ้นมาดู
“มีอะไรกันเหรอคะ”
หอมขยับไปหา “ครูน้ำผึ้ง”
เมญ่าวางมาดเย่อหยิ่งทักน้ำผึ้ง “อ้อ คุณใช่ไหมคะ เจ้าของห้องนี้”
“ใช่ค่ะ”
“คืองี้ค่ะ ดิฉันเป็นผู้ช่วยคุณแพรว และดิฉันคิดว่าห้องนี้อากาศถ่ายเทดีที่สุด คุณแพรวเป็นภูมิแพ้ควรจะอยู่ที่นี่” กะเทยยักษ์สาธยาย
น้ำผึ้งพยักหน้ารับงงๆ “ค่ะ”
“คุณคงไม่ว่าอะไร ถ้าคุณแพรวจะใช้ห้องนี้ใช่ไหมคะ”
“แต่ว่า...”
เทิดทักท้วงและทำท่าจะปฏิเสธ แต่น้ำผึ้งกลัวจะมีปัญหาเลยรีบบอกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนอนห้องไหนก็ได้”
แพรวนภาขอบคุณเสียงหวาน แต่แววตามองจิกข่มน้ำผึ้งในที
“ขอบใจครูน้ำผึ้งมากเลยนะจ๊ะ”
เมญ่ายิ้มเยาะเย้ยหอมอย่างผู้ชนะ
“ขอบคุณ คุณด้วยนะคะเทิด”
เทิดมองน้ำผึ้งแล้วหน้าเจื่อนไป
น้ำผึ้งหอบความน้อยใจเดินจากไป เทิดได้แต่มองตามด้วยความไม่สบายใจ
อ่านต่อตอนที่ 18