xs
xsm
sm
md
lg

มนต์รักอสูร ตอนที่ 5

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มนต์รักอสูร ตอนที่ 5

น้ำผึ้งในสภาพเนื้อตัวหัวหูเลอะสีสภาพดูไม่จืด เดินออกมาที่หน้าบ้าน ตรงมายังรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจหยิบห่อผ้าจากที่เก็บ รถเทิดแล่นเข้ามาจอดพอดี เทิดกับผันลงจากรถเห็นสภาพน้ำผึ้งตกใจ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“ไม่มีอะไร ฉันซุ่มซ่ามเอง”
น้ำผึ้งตัดบท แล้วจะเดินไปทางหลังบ้าน
“แล้วนี่เธอจะไปไหน อย่าบอกนะว่าจะกลับบ้าน”
“ไม่ใช่นะคะ ฉันแค่จะเดินมาหยิบผ้าแล้วก็จะไปล้างตัว”
“แล้วตกลงวันนี้ลูกฉันเรียนวิชาอะไรบ้าง”
“ยังไม่ได้เรียนค่ะ”
เทิดตกใจ “ยังไม่ได้เรียน”
“ค่ะ”
เทิดโวยลั่น
“เธอเป็นครูยังไงถึงไม่มีปัญญาทำให้ลูกฉันเรียนได้ นี่เห็นผันมันบอกเธอมาแต่เช้า นึกว่าจะดี ที่ไหนได้ ท่าดีทีเหลว” เทิดหันมาบ่นกับผัน “เห็นมั้ยไอ้ผันฉันเสียเงินฟรีจริงๆ”
“นาย วันนี้เพิ่งวันแรกเองนะครับ คุณนันท์แกอาจจะอยากเล่น ยังไม่พร้อมจะเรียนก็ได้”
“ไม่พร้อม แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะพร้อม ต้องให้ถึงสามเดือนจนนันท์สอบเข้าอะไรไม่ได้เลยไหมล่ะ มันถึงจะดีขึ้นมาได้”
น้ำผึ้งเจ็บใจที่ถูกปรามาส ได้แต่ข่มอารมณ์ พยายามไม่แสดงออก
“ฉันรู้ค่ะว่ามันอาจจะผิดพลาดไปบ้าง แต่คุณจะไม่เสียเงินฟรีหรอกค่ะ ฉันสัญญาว่าฉันจะทำให้คุณนันท์ยอมเรียนหนังสือให้ได้”
“คนอื่นเขาก็สัญญาแบบเธอนั่นแหละ แต่ไม่เห็นมีใครได้เรื่องซักราย”
“ฉันจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกค่ะ”
ผันพยายามช่วยพูด “นายเห็นใจผึ้งมันหน่อยน่า นะ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
เทิดมองน้ำผึ้ง คิดหนัก
“งั้นก็รีบไปล้างตัวซะ แล้วกลับมาสอนลูกฉัน”
น้ำผึ้งมองเทิดไม่พอใจเดินเลี่ยงไป เทิดมองตามแล้วเดินเข้าบ้าน

ที่ห้องนั่งเล่นตอนนี้ นันท์นั่งก้มหน้า มีหอมกับอ้อยนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆ ผันยืนถัดไปอีกทางประตู เทิดยืนมองลูกชายอย่างหัวเสีย พ่อลูกเปิดฉากโต้คารมกันไปมา
“ทำไมต้องออกฤทธิ์แกล้งครูเขาด้วย พ่อจ้างเขามาสอนหนังสือคุณนันท์นะ แต่คุณนันท์กลับไม่เรียน”
“นันท์บอกพ่อแล้วว่านันท์ไม่เรียน”
“แล้วมันเป็นยังไงนักถึงไม่เรียน คุณนันท์จะเป็นคนไม่มีความรู้หรือไง”
“ใช่นันท์จะโง่ นันท์ไม่เรียน นันท์ไม่ชอบครูน้ำผึ้ง”
“แล้วทำไมถึงไม่ชอบครูเขา ครูเขาทำร้ายอะไรเราหรือไง”
“พ่อชอบครูน้ำผึ้งใช่ไหมล่ะ ครูเขาสวยนิ พ่ออยากมีเมียใหม่ จะหาแม่ใหม่ให้นันท์ นันท์ไม่เอา ไม่เอา”
“หยุดเลยนะคุณนันท์ พ่อพูดให้ฟังตั้งกี่ครั้งแล้วว่าพ่อรักคุณนันท์ รักแม่พริมคนเดียว”
“ไม่เชื่อ ถ้าอย่างนั้นพ่อต้องไล่ครูออกไป ไล่ไปเลย”
“นันท์ ทำไมเป็นเด็กไม่มีเหตุผลแบบนี้”
น้ำผึ้งเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จแล้ว เดินเข้ามาเห็น รีบห้าม
“คุณหยุดเถอะ อย่าไปดุคุณนันท์เลย คุณนันท์เธอยังเด็ก”
เทิดหันไปมองน้ำผึ้งตาขวาง ไม่พอใจ ที่ถูกขัดจังหวะ
“ฉันกำลังคุยกับลูก เธออย่าเพิ่งมายุ่ง”
“ต้องยุ่งสิคะ คุณให้ฉันเป็นครูเขา ฉันก็มีสิทธิ์แนะนำเขาเหมือนกัน แล้วฉันก็จะบอกให้ว่าวิธีที่คุณดุลูกแรงๆมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย คุณนันท์เธอยังเด็ก แถมยังขาดความอบอุ่นจากพ่อและแม่อีกยิ่งทำแบบนี้แกจะกลายเป็นเด็กก้าวร้าวได้นะคะ”
เทิดโกรธ “ลูกฉันไม่ได้ขาดความอบอุ่น เธออย่ามารู้ดี”
“แล้วคุณมีเวลาอยู่กับคุณนันท์มากแค่ไหน คุณให้ความรักกับคุณนันท์ได้เท่ากับที่คุณนันท์เรียกร้องหรือเปล่า” ครูสาวย้อน
เทิดอึ้งมองน้ำผึ้งตาวาว
“ฉันจ้างเธอมาสอนลูกฉันไม่ใช่มาสอนฉัน”
“ขอโทษค่ะ ฉันแค่พยายามอธิบายไม่ใช่สอนค่ะ”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน ฉันว่าเธอดูตัวเองก่อนว่าทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหนก่อนที่จะมาพูดปาวๆ อยู่อย่างนี้”
นันท์ทนไม่ไหว ตะโกนแทรกขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง
“หยุด”
เทิดกับน้ำผึ้งหันไปมองนันท์
“ไม่ต้องมายุ่งกับนันท์ นันท์เกลียดครู ครูนั้นแหละทำให้พ่อดุนันท์ นันท์เกลียดครูๆ”
นันท์วิ่งหนีไป หอมรีบกระโจนตามไปทันที
“เธอกลับไปก่อนไป พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ แล้วอย่าให้มันเป็นแบบนี้อีก”
น้ำผึ้งมองหน้าเทิด โมโหจัดแต่ไม่อยากต่อปากต่อคำอีก เดินหนีขึ้นบ้านไป
น้ำผึ้งมองตามอย่างหงุดหงิดใจ

น้ำผึ้งมายืนหลบมุมอยู่ตรงสวนข้างบ้าน สูดลมหายใจเข้าออก เพื่อระงับความโกรธของตัวเอง ผันยืนมองน้ำผึ้งอยู่สักครู่แล้ว ถามยิ้มๆ
“ใจเย็นลงบ้างหรือยังหนูน้ำผึ้ง”
“น้าผันนี่เก่งมากเลยนะคะ ที่สามารถอยู่รองรับอารมณ์คนแบบนั้นได้” น้ำผึ้งยกมือไหว้ขอโทษผัน “น้ำผึ้งต้องขอโทษน้าผันด้วยนะคะ ที่พูดจาก้าวร้าวใส่คุณเทิด แต่อดไม่ได้จริงๆค่ะ คนอะไรเหมือนจะมีเหตุผล แต่ก็ไม่มี เลี้ยงลูกก็ไม่เป็นใช้แต่อารมณ์”
“นายน่ะน่าสงสาร เลี้ยงลูกมาคนเดียวตั้งแต่เมียตาย งานในไร่ก็เยอะ นายเลยไม่ค่อยมีเวลาให้คุณนันท์”
“น้ำผึ้งว่าคุณเทิดนะเอาเรื่องเมียตายมาเป็นปมให้ตัวเอง คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลลูกเองเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกได้มีเยอะแยะไป”
“แล้วส่วนใหญ่ก็มีเมียใหม่ด้วยใช่ไหมล่ะ แต่นายน่ะตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่มีเมียใหม่ ไม่มีทางหาแม่ใหม่ให้คุณนันท์เด็ดขาด”
“ถึงไม่ตั้งใจ ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนมามองหรอกค่ะ ผู้ชายแบบนี้ปากก็ร้าย ใช้แต่อารมณ์เป็นใหญ่ ใครได้ไปโชคร้ายตาย”
“เอาน่า ลองพยายามดูใหม่อีกสักรอบ พรุ่งนี้อย่าหายไปล่ะ”
“ไม่หายหรอกค่ะ น้ำผึ้งกลับก่อนนะคะน้ำผัน”
ผันพยักหน้า น้ำผึ้งเดินไปสตาร์ตรถ

เทิดยืนมองลงมาจากหน้าต่างชั้นบน เห็นน้ำผึ้งสตาร์ตรถมอเตอร์ไซค์ แต่ดูเหมือนเจ้าหวานเย็นจะรวนสตาร์ตอยู่นานถึงติด

อ่านต่อหน้า 2




มนต์รักอสูร ตอนที่ 5 (ต่อ)

น้ำผึ้งขับรถมาตามทาง ฟ้าเริ่มมืด แล้วแต่จู่ๆ มอเตอร์ไซค์หวานเย็นก็เกิดอาการแปลกๆ ครูสาวขับประคองเข้าข้างทาง รถค่อยๆ ดับไปในที่สุด

น้ำผึ้งจะสตาร์ตใหม่อีกรอบ แต่ยังไงก็ไม่ติด
“แก่…แกเป็นอะไรอีกเนี่ย ไม่นะ”
น้ำผึ้งเหลียวมองไปรอบๆ เห็นแต่ถนนสายเปลี่ยว ไร้ผู้คนและรถรา ก็ชักเริ่มกลัว

เวลาค่ำลงไปทุกขณะ น้ำผึ้งเครียดจัด หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากะจะโทร.ออก แต่แล้วก็ต้องเซ็งหนัก
“ให้ตายเหอะ มาตายอะไรกันหมดตอนนี้ แบตหมดได้ไง”
น้ำผึ้งเก็บโทรศัพท์ ทั้งเซ็งทั้งเครียด

ถัดมาน้ำผึ้งตัดสินใจเข็นมอเตอร์ไซค์ไปหลบไว้ข้างทาง แต่จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดใกล้ๆ เงาร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงจากรถคันนั้นเดินตรงมาหา น้ำผึ้งมองไป แล้วเบิกตาอย่างคาดไม่ถึง
“คุณน้ำผึ้ง”
เป็นภูฤทธิ์ที่เดินตรงมาหา น้ำผึ้งดีใจมาก
“คุณภู”
“รถเสียเหรอครับ ให้ผมช่วยนะ
ภูฤทธิ์จัดการโทร.เรียกช่างให้ น้ำผึ้งดีใจมาก
สองคนไม่รู้ว่า ไม่ไกลจากตรงจุดนั้น รถของเทิดจอดอยู่ เทิดมองสองคนนิ่งๆ ก่อนจะกลับรถขับไปทางไร่ของตัวเอง

น้ำผึ้งเปิดประตูห้องพักพื้น เดินมาหาแม่ที่เฝ้าไข้พ่ออยู่ลงนั่งข้างๆ ยิ้มทักพ่อและแม่ 
“พ่อจ๋า แม่จ๋า”
“ผึ้ง มาได้ยังไง”
“คุณภูมาส่งน่ะจ้ะ เมื่อกี้อีแก่มันเสียอีกแล้ว โชคดีคุณภูไปเจอเข้าเขาก็เลยมาส่ง”
ภูฤทธิ์เดินตามเข้ามา
“สวัสดีครับ”
ภูฤทธิ์ยิ้มและไหว้กานดากับวัน กานดากับวันรับไหว้อย่างผู้น้อย
“ขอบคุณนะคะ”
“อย่าเลยครับ อย่าไหว้ผม ผมยินดีช่วยอยู่แล้ว”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณอุตส่าห์ช่วยผึ้งไว้”
“คุณผึ้งทำงานให้ผม ถ้าเดือดร้อนผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว วันนี้คุณผึ้งก็ต้องมาทำเรื่องสำคัญด้วยนี่ครับ”
“เรื่องอะไรคะ” กานดาจ้องหน้าลูก
“เดี๋ยวหนูจะไปคุยกับหมอทำเรื่องส่งตัวพ่อไปผ่าตัดตาที่กรุงเทพฯ”
กานดากับวันกังวลเรื่องเงินค่ารักษา “พ่อไม่เป็นไรหรอกลูก เสียเงินเปล่าๆ ไปกรุงเทพฯ เสียเงินตั้งเท่าไหร่”
“เรื่องเงินพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ หนูจัดการได้” น้ำผึ้งจับมือพ่อ
“แต่ว่า…”
น้ำผึ้งสวมกอดพ่อ
“หนูอยากให้พ่อหายมากกว่า ถ้าอะไรที่หนูทำได้หนูจะทำ เชื่อหนูนะพ่อ”
วันลูบหัวน้ำผึ้งอย่างแสนรัก กานดามองภาพนั้นอย่างเต็มตื้น ส่วนภูฤทธิ์ยิ้มชื่นชมและประทับใจ

ถัดมา น้ำผึ้งกับภูฤทธิ์เดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
“เรื่องคุณพ่อ คุณจัดการได้จริงๆ ใช่ไหมผึ้ง”
น้ำผึ้งพยักหน้า
“จัดการได้สิคะ ผึ้งยังไม่ได้บอกคุณภูเลยว่าผึ้งได้งานสอนหนังสือค่ะ สอนลูกคนมีเงิน ให้ค่าจ้างเยอะ ก็เลยขอเบิกล่วงหน้ามาก่อนส่วนนึง คงจะพอจ่ายค่าผ่าตัดตาพ่อ”
ภูฤทธิ์ไม่ได้ติดใจเลยไม่ได้ซักไซ้ว่าสอนที่ไหน แต่ก็รู้สึกแย่
“ผมขอโทษนะที่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรน้ำผึ้งเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้ผึ้งก็เกรงใจจะแย่”
“ไม่ต้องเกรงใจผมเลยนะ ผมเองก็ไม่ได้ยุ่งยากหรือลำบากอะไรเลย”
น้ำผึ้งเยื้อนยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทอดถอนหายใจ ภูฤทธิ์มองฉงน
“น้ำผึ้งมีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่า บอกผมได้นะ”
“แค่เป็นห่วงพ่อน่ะค่ะ หลังจากผ่าตัดแล้วต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล พ่อต้องอยู่คนเดียวไม่มีใครเลย”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะให้เพื่อนที่เป็นพยาบาลช่วยหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยดูแลให้ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องกังวลนะ ผมจะช่วยเอง”
น้ำผึ้งเกรงใจ “อย่าเลยค่ะ น้ำผึ้งจัดการเองดีกว่า”
“เรื่องนั้นค่อยว่ากันอีกทีนะ เพราะไม่งั้นเราต้องทะเลาะกันแน่” ภูฤทธิ์เย้า
“ไม่ทะเลาะหรอกค่ะ แค่คุณภูยอมเชื่อน้ำผึ้งก็พอ”
ภูฤทธิ์ยิ้ม
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน”
“ผมยินดีครับ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน

อีกฟาก เทิดเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนที่เขาเคยมีความสุขตอนพริมยังมีชีวิตอยู่ ห้องนี้เก็บความทรงจำเกี่ยวกับภรรยาของเขาไว้ทุกอณู เวลามีเรื่องทุกข์ใจ เทิดเป็นต้องเข้ามาหมกตัวอยู่ในห้องนี้ ซึ่งทุกคนในบ้านต่างรับรู้เป็นอย่างดี
เทิดเดินตรงไปที่มุมห้อง ที่มีเปียโนหลังใหญ่ตั้งอยู่ เทิดมองไปยังรูปพริมในกรอบสวย คุยกับภาพพริมด้วยความคิดถึง
“พริม ช่วยนันท์ด้วยนะ ขอให้แกกลับมาเป็นเด็กดี น่ารักเหมือนตอนที่คุณเคยอยู่กับผม”
เทิดลงนั่ง เริ่มเล่นเปียโน เป็นเพลงที่พริมชอบ
เสียงเปียโนเศร้า โศกซึ้ง ดังหวานแว่วไปทั่วไร่ ทุกคนได้ยิน ต่างก็รู้ว่าเทิดเป็นคนเล่น
ผันกับชมพู่ซึ่งนั่งคุยกันอยู่หน้าเรือนใหญ่ เหลียวไปทางห้องความรักความลับของเทิด
“คุณเทิดคงคิดถึงคุณพริม”
“อืม…ขอให้อะไรๆ ต่อจากนี้มันดีขึ้นซักทีเถอะ พ่อไม่อยากเห็นคุณเทิดเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

รุ่งเช้า น้ำผึ้งขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเทิดเหมือนเดิม รีบหยิบข้าวของมาหยุดอยู่หน้าบ้าน
“สู้นะผึ้ง แกทำได้อยู่แล้ว”
น้ำผึ้งให้กำลังใจตัวเอง กำลังจะเดินเข้าบ้าน เจอ หอม กะ อ้อยเดินสวนออกมา
“สวัสดีค่ะ คุณนันท์ล่ะคะ”
“อยากเจอเหรอ ไปตามเอาเองสิ” อ้อยบอกอย่างหมั่นไส้
“ยังไงคะ”
“เอ่อ คือ คุณนันท์ไปเล่นที่ไร่ตั้งแต่เช้าแล้วครับ” หอมอธิบาย
น้ำผึ้งงงว่าเกิดอะไรขึ้นอีก

หอมพาน้ำผึ้งมาที่ส่วนบ้านพักคนงานของไร่ เห็นนันท์กำลังเล่นอยู่กับกลุ่มเด็กลูกคนงานอยู่ น้ำผึ้งเหมือนจะโล่งใจที่ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ขณะจะเดินเข้าไปหา แต่กลับเห็นนันท์ผลักเพื่อนลงไปกองที่พื้น ครูสาวหยุดดูเหตุการณ์ หอมอยู่ถัดไป
เด็ก 1 ไม่พอใจ “คุณนันท์ทำไมต้องเล่นแรงๆ ด้วย”
“ก็เล่นตำรวจจับผู้ร้าย นายเป็นผู้ร้ายก็สมควรโดนแล้ว”
“แต่คุณนันท์เล่นแรงมาตั้งกะเมื่อกี้แล้ว แล้วพวกเราก็ไม้ได้อยากเล่นเป็นผู้ร้ายด้วย” เด็ก 2 บอก
“ก็ไอ้นี่มันเล่นเป็นโจรแล้วมันวิ่งมาชนนันท์แรงๆ เหมือนกันนี่”
เด็ก 3 คนที่โดนผลักล้มลุกขึ้นมาโวย
“ได้ไง เราก็เจ็บนะเว้ย คิดว่าเป็นลูกนายใหญ่แล้วจะทำไรก็ได้งั้นเหรอ”
นันท์เริ่มโกรธที่โดนรุมตำหนิ “เออดิ พวกนายเป็นแค่ลูกคนงาน นายก็ต้องฟังเรา”
“เรื่องอะไร คนนิสัยไม่ดี เราไม่อยากฟังหรอก” เด็ก 1 บอก
นันท์เถียง “เราไม่ดีตรงไหน”
“เอาแต่ใจ ชอบรังแกคนอื่น คุณนันท์นิสัยไม่ดีๆๆ” เด็ก 2 เป็นต้นเสียง
เด็กๆ ลูกคนงาน พากันตะโกนใส่หน้านันท์ จนนันท์ทนไม่ไหวผลักเพื่อนอย่างแรง จนเริ่มกลายเป็นตีกัน น้ำผึ้งตกใจรีบเข้าไปห้าม
“คุณนันท์ หยุดนะคะ อย่าทำแบบนี้! หอม ช่วยด้วย”
หอมรีบไปดึงนันท์ออกมาจากกลุ่มเด็กๆ ลูกคนงาน นันท์โมโหดิ้นใหญ่
“พี่หอม ปล่อย”
“ปล่อยไม่ได้ครับ ปล่อยไม่ได้”
น้ำผึ้งหันไปบอกลูกคนงาน
“พวกหนู เดี๋ยวฉันจัดการให้นะ ขอโทษแทนคุณนันท์ด้วยนะคะ”
ก่อนที่ลูกคนงานเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ละคนหันมามองนันท์อย่างไม่พอใจ
“ปล่อย”
นันท์สะบัดตัวหอมออกได้ วิ่งหนีไป
น้ำผึ้งบอกกับหอมว่า “ฉันตามเองค่ะ”

แล้วรีบตามไป

อ่านต่อหน้า 3




มนต์รักอสูร ตอนที่ 5 (ต่อ)

นันท์หลบมานั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าบ้านสีหน้าเซ็งๆ น้ำผึ้งตามมาสมทบ

“คุณนันท์คะ คุณนันท์”
นันท์ไม่สนใจหันไปอีกด้าน
“คุณนันท์”
“เมื่อวานไล่ไปแล้วนี่ มาทำไมอีก”
“ก็มาสอนคุณนันท์ไงคะ”
“นันท์ไม่ได้อยากเรียนกับครู”
“แต่ครูอยากสอนคุณนันท์นะคะ”
“นันท์อยากเล่นกับเพื่อน”
“แล้วเพื่อนเป็นยังไงบ้างคะ”
นันท์นึกถึงตอนที่ผลักลูกคนงานล้มตะกี้ แล้วหงุดหงิดขึ้นมาอีก
“ก็พวกนั้นมันแกล้งนันท์ก่อน”
“แต่คุณนันท์ก็ไม่ควรรุนแรงกลับนี่คะ”
“จะให้ทำไงเล่า”
“คุณนันท์ก็ควรขอโทษพวกเขา ถึงจะถูก”
“นันท์ไม่ไป ไม่มีทาง”
“ถ้าไม่ไป คุณนันท์ก็ต้องยอมกลับไปเรียนหนังสือกับครูนะคะ”
“ไม่ไป” นันท์ยืนกรานขึงขัง
“ก็ตามใจคุณนันท์ค่ะ แต่ถ้าไม่ไป เรื่องที่คุณนันท์ทำวันนี้ฉันอาจจะบอกพ่อคุณนันท์ก็ได้นะ”
“ยัยครูขี้ฟ้อง อย่าทำงั้นนะ”
“งั้นก็เลือกเอาค่ะ จะเรียน หรือจะกลับไปเล่นแล้วเจอแบบเดิมอีก”
นันท์หันไปทางอื่น เจ็บใจลึกๆ น้ำผึ้งยิ้มเอ็นดู

ไม่นานต่อมา นันท์พาน้ำผึ้งมาที่ห้องๆ หนึ่ง หอมเดินตามมาด้วย น้ำผึ้งมองไปรอบๆ เห็นในห้องมีอุปกรณ์พร้อม เหมือนห้องเรียนวิทยาศาสตร์ นันท์ลอบยิ้มร้าย
“นันท์จะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์นะครับ”
เหตุการณ์เมื่อวานทำให้น้ำผึ้งระวังตัวมากขึ้น ครูสาวรับรู้ว่าที่นี่มีบางอย่างแปลกๆ แต่ก็เออออตามนันท์ไป
น้ำผึ้งยิ้ม “ได้ซิคะ คุณนันท์อยากเรียนวิทยาศาสตร์จำพวกไหนค่ะ”
“การทดลองครับ ผมมีอุปกรณ์อยู่ในห้องนี้”
“แต่ครูยังไม่ได้เตรียมการสอนเกี่ยวกับการทดลองมาเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เราก็เรียนเท่าที่มี”
“งั้นก็ได้ค่ะ”
นันท์กับหอมช่วยกันเตรียมอุปกรณ์ทดลอง น้ำผึ้งคอยมอง เห็นนันท์กับหอมทดลองกันเป็นที่สนุกสนาน น้ำผึ้งคอยอธิบาย จังหวะหนึ่งนันท์แอบหลบไปทำอะไรบางอย่าง โดยคิดว่าไม่มีใครเห็น
ระหว่างนี้อ้อยเดินถือถาดของว่างเข้ามาให้ มองจ้องน้ำผึ้งไม่ชอบขี้หน้า
“ของว่างค่ะคุณนันท์”
นันท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ วิ่งไปหาหอม อ้อยมองตามงงๆ
“มานี่พี่หอม”
นันท์วิ่งออกมานอกห้องโดยคิดว่าตัวเองจูงมือหอมออกมาด้วย จากนั้นก็เอารีโมทขึ้นมากด

พริบตานั้นเองในห้องเรียนเกิดระเบิดฝุ่นแป้งกระจายออกมาเต็ม แป้งคละคลุ้งไปทั่ว นันท์หัวเราะชอบใจ ร้องตะโกนถามเข้าไป
“เป็นยังไงครับครู วิชาวิทยาศาสตร์ของผม”
แต่แล้วเด็กชายนันท์ก็หัวเราะไม่ออก หน้าเหวอไปเลยเมื่อพบว่าตนจับมือครูน้ำผึ้ง รีบสลัดมือออกทันที
หอมกับอ้อยเดินออกมาจากห้อง ทั้งตัวขาวโพลนไปด้วยแป้ง
อ้อยไอแค่กๆ “แป้งอะไรเนี่ย”
หอมเซ็งสุดๆ “คุณนันท์”
นันท์ตกใจที่ผิดแผน
น้ำผึ้งอึ้งกับความร้ายกาจของลูกศิษย์แสบ “อะไรกันคะเนี่ย”
“ฮึ่ย ผิดแผน เอางี้ก็ได้ มานี่”
นันท์ดึงน้ำผึ้งเข้าไปในห้องอย่างแรง แล้วผลักจนน้ำผึ้งล้มลง
“โดนซะเถอะยัยครูบ้า
ไม่เท่านั้น นันท์ยังเอาผงแป้งมาโรย เทใส่น้ำผึ้งจนเลอะเทอะ ฝุ่นแป้งคละคลุ้งเต็มห้องไปหมด จากนั้นนันท์ก็วิ่งหนีไป
“คุณนันท์! เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“คุณนันท์”
หอม กะ อ้อย วิ่งตามนันท์ไป น้ำผึ้งรีบลุกขึ้นแล้วตามไปอีกคน

ปล่อยให้หอมวิ่งตามคุณนันท์ไป อ้อยเดินปัดฝุ่นแป้งที่เลอะติดตัวท่าทางหงุดหงิดเต็มที่ ชมพู่เดินมาเห็นอดขำไม่ได้
“แกไปทำอะไรมาน่ะอ้อย ทั้งตัวขาวโพลนมาเชียว”
อ้อยบอกท่าทีหงุดหงิด “ก็วิทยาศาสตร์ของคุณนันท์น่ะสิ”
“ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็อย่างที่เห็นเนี่ย”
น้ำผึ้งวิ่งตามมาหานันท์ เจอชมพู่ สองคนยิ้มทักกันอย่างเป็นมิตร
“ขอโทษนะคะ เห็นคุณนันท์ไหม”
“ไม่เห็นค่ะ แกไปไหนแล้วก็ไม่รู้ คุณเองเหรอคะที่เป็นครูใหม่ ฉันชมพู่ เป็นแม่บ้าน แม่ครัวของที่นี่นะคะ”
“ค่ะ ฉันชื่อน้ำผึ้งนะคะ”
“วุ่นวายหน่อยนะคะที่นี่ ฉันได้ยินเรื่องวันก่อนที่คุณนันท์แกล้งเอาสีราดคุณ ครูต้องอดทนหน่อยนะคะ นี่อ้อยมันก็ไปโดนแป้งมาอีก น่าจะงานหนักเลย”
“ยังโอเคอยู่ค่ะ แต่คุณนันท์ท่าทางจะไม่ยอมเรียนง่ายๆ”
อ้อยกอดอกมองอยู่ พูดประชดขึ้นมาลอยๆ
“จะสนใจไปทำไมคุณ สบายดีออกนะ คุณนันท์ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องสอน นั่งๆ นอนๆ รอรับเงินจากนายสบายจะตาย”
“เขาจ้างฉันมาสอนหนังสือ ฉันก็ต้องสอนซิคะ” น้ำผึ้งว่า
“แน่ใจเหรอ ว่าจะมาเป็นครูสอนหนังสือ ไม่ได้อยากมาทำอย่างอื่น”
น้ำผึ้งเหวอ
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร”
“ทำมาเป็นไม่รู้เรื่อง อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย ทำทีว่ามาเป็นครู ที่แท้ก็อยากเป็นเมียนายจนตัวสั่น”
“ถ้านายที่เธอกำลังพูดถึงอยู่คือคุณเทิด ฉันบอกไว้เลยว่าฉันไม่เอาผู้ชายคนนี้มาเป็นสามีแน่ๆ ฉันขอตัวไปตามหาคุณนันท์ก่อนนะคะ”
อ้อยไม่พอใจมองตาขุ่น น้ำผึ้งมองอ้อยอย่างไม่กลัว

รถเทิดแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน เทิดกับผันเดินลงจากรถเข้าบ้านมา ตรงไปยังห้องทานอาหาร
น้ำผึ้งวิ่งออกมาจากหลังบ้าน เนื้อตัวเลอะเทอะเต็มไปด้วยแป้ง ผันเห็นก็ตกใจ เทิดมองนิ่ง นึกออกว่าครูสาวเจอฤทธิ์ลูกชายเป็นแน่
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเลอะทั้งตัวแบบนี้”
“คือวันนี้ฉันจะสอนวิทยาศาสตร์คุณนันท์ค่ะ แล้วมันผิดแผนนิดหน่อย”
“ผิดแผนเหรอ”
เทิดหันมาทางน้ำผึ้ง เสียงขุ่นเขียว เริ่มไม่พอใจ
“นี่เรียนแบบไหนของเธอ วันก่อนเลอะสี วันนี้เลอะแป้ง ฉันให้เธอมาสอนหนังสือลูกฉันนะ ไม่ได้ให้มาเล่นจนบ้านมันเละแบบนี้ แล้วยังไงตกลงวันนี้ลูกฉันได้เรียนอะไรไหม”
“ยังไม่ได้เรียนเลยค่ะ”
“ทำไมถึงแค่ยัง เพราะไอ้แป้งพวกนี้”
“มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ”
“อุบัติเหตุ ฮึ เป็นการสอนที่อุบัติเหตุบ่อยจริง อย่างนี้จะได้ความรู้หรือลูกฉันจะได้แผลกันแน่”
น้ำผึ้งหน้าเสีย นันท์ซึ่งนั่งรอที่โต๊ะอาหารแอบยิ้มเยาะ เทิดหันไปทางผัน
“เห็นมั้ยไอ้ผัน ครูที่แกว่าดีและเก่งหนักหนา น้ำยาอยู่ไหนวะ”
ผันอึกอัก “เอ่อ…”
“ว่าไง มีอะไรจะแก้ตัวแทนยัยครูนี่อีก”
น้ำผึ้งแทรก “คุณเทิดคะ ฉันต้องการอธิบาย”
“อธิบายอะไรอีก”
“ฉันกับคุณนันท์ยังต้องปรับตัวเข้าหากัน วันแรกๆฉันเลยปล่อยคุณนันท์แกเล่นเต็มที่ แต่อาจจะมากไป ฉันจะพยายามปรับปรุงแล้วก็ปรับตัวให้เร็วที่สุด ค่ะ”
“งั้นเหรอ”
“ค่ะ”
ผันจะช่วยพูด “นาย…”
เทิดรำคาญ ตัดบทเสียงแข็ง “พอ ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้จะไล่ยัยครูนี่ออก”
“คะ” น้ำผึ้งแปลกใจ
“อย่าลืมว่าเราตกลงกันไว้สามเดือน นี่แค่ช่วงแรก ทนให้ได้แล้วกัน”
ก่อนเทิดจะเดินไป หันมาพูดกับน้ำผึ้งอีกรอบ
“แล้วเธอน่ะก็ไปเช็ดหน้าเช็ดตาซะ บอกให้แม่บ้านไปทำความสะอาดด้วย สกปรกชะมัด”

เทิดเดินเข้าบ้านไป ผันมองน้ำผึ้งอย่างเห็นใจ

อ่านต่อหน้า 4




มนต์รักอสูร ตอนที่ 5 (ต่อ)

ป้าพร ชมพู่ หอม และอ้อยช่วยกันจัดโต๊ะกินข้าวให้เทิดกับนันท์ เด็กชายเอาแต่เล่นเกมในมือถือไม่สนใจกับข้าวตรงหน้าเลย จนถูกเทิดดุ

“นันท์วางโทรศัพท์ก่อนแล้วกินข้าว”
“แต่มันยังเล่นไม่จบ”
“วางลง เดี๋ยวนี้”
นันท์ไม่พอใจ จำต้องวางลง ป้าพรตักข้าวให้ทั้งสองคนพ่อลูก
เทิดเอ่ยถามขึ้นว่า “วันนี้เรียนอะไรบ้างนันท์”
นันท์เงียบ
เทิดถามย้ำเสียงเข้ม “เรียนอะไรบ้าง”
“วิทยาศาสตร์”
“ตอบตามจริง นันท์ได้เรียนอะไรหรือเปล่า อย่าโกหกพ่อ”
นันท์ก้มหน้างุด กลัวพ่อจะดุอีก
ระหว่างนี้น้ำผึ้งล้างตัวเสร็จออกมาทันเห็นพอดี แต่ยังไม่ได้เข้าไป ยืนดูเงียบๆ
“ไม่ได้เรียนครับ”
“แล้วนันท์ทำอะไรครูเขา”
“ก็แค่เล่นกัน”
“เล่นกันจนแป้งมันเลอะเต็มบ้านแบบนั้นน่ะเหรอ”
“ก็นันท์เบื่อ”
“เบื่อก็เลยต้องแกล้งครูเขา นันท์ รอบที่แล้วนันท์แกล้งเทสีใส่เขายังไม่พออีกรึไง”
นันท์โดนดุหนัก เบะปากเหมือนจะร้องไห้ น้ำผึ้งเลยรีบเข้ามา
“คุณเทิด ฉันบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“มาแล้วเหรอ ดี จะได้พูดทีเดียว”
“คุณจะว่าอะไรคุณนันท์”
“ฉันก็ว่าไปตามอะไรถูกอะไรผิดไง นันท์ อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้ว่าเราทำอะไร นันท์แกล้งเขา ให้เรียนก็ไม่ยอมเรียน” เทิดหันมาทางน้ำผึ้ง “ส่วนเธอก็ผิดที่ดูแลนันท์ไม่ได้”
“ฉันจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกนะคะ”
“พยายาม ทุกคนก็พูดได้แต่พยายาม เธอน่ะมันไม่ได้เรื่องตรงไหนรู้ไหม เธอเข้าข้างนันท์ ทั้งที่นันท์ทำผิด เธอควรจะสอนเขาว่ามันไม่ถูกต้อง แค่นี้เธอยังไม่รู้เลย แล้วจะมาสอนนันท์ได้ยังไง”
น้ำผึ้งเงียบ รู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ
“นันท์ พ่อเองก็เหนื่อยกับนันท์มากแล้ว หัดตั้งใจเรียนบ้าง พ่อไม่อยากจะตีนันท์รู้ใช่ไหม”
“ไม่อยากจะตี แต่พ่อก็ว่านันท์นี่”
“พ่อว่าเพราะนันท์ทำผิด ครูเขาก็ผิดพ่อก็ว่าให้แล้ว มันยุติธรรมไหมนันท์ ตอบพ่อ”
“นันท์ไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ยังไง”
นันท์ร้องไห้ “ก็นันท์ไม่รู้”
“เลิกทำให้พ่อเหนื่อยซักที พ่อไม่ได้มีเวลามาดูแลนันท์ตลอด หัดเข้าใจบ้าง”
“พ่อไม่มีเวลา เพราะพ่อไม่รักนันท์ต่างหาก”
เทิดอึ้ง นิ่งงันไปชั่วขณะ
“พูดอะไรออกมาน่ะ”
“พ่อไม่รักนันท์ พ่อเลยพยายามเอาคนอื่นมาอยู่กับนันท์ ครูนี่ด้วย”
“พ่อให้เขามาสอนหนังสือนันท์นะ จะได้สอบเข้าได้ นี่เราออกมากี่โรงเรียนแล้วไม่รู้ตัวเลยรึไง”
“นันท์ไม่รู้ พ่อไม่รักนันท์ ไม่มีใครรักนันท์ทั้งนั้น ไม่มีใครดูแลนันท์ได้ด้วย มีแต่แม่พริมที่รักนันท์ นันท์เกลียดครู เกลียดพ่อ เกลียดทุกคนเลย”
เด็กชายนันท์วิ่งร้องไห้ออกไป น้ำผึ้งตกใจรีบตามไป

น้ำผึ้งยืนเคาะประตูเรียกนันท์อยู่หน้าห้อง หอมยืนอยู่ด้วย ท่าทางเป็นห่วงนันท์กันทั้งคู่
“คุณนันท์คะ คุณนันท์”
“คุณนันท์ครับ เปิดประตูให้พี่หอมเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเถอะครับ”
นันท์ตะโกนมาจากในห้อง
“ไม่ต้องนันท์จะอยู่คนเดียว ไปกันให้หมดอย่ามายุ่ง”
“คุณนันท์คะ เปิดประตูให้ครูเข้าไปนะคะ ครูอยากจะขอโทษคุณนันท์ ครูไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้นะคะครูขอโทษนะคะ”
นันท์เปิดประตูออกมาน้ำผึ้งกับหอมดีใจ แต่แล้วจู่ๆ นันท์กลับคว้าเอาข้าวของมาขว้างปาใส่หน้าน้ำผึ้งกับหอมจนหนำใจ แล้วปิดประตูล็อคกลอนเฉยเลย
“ท่าทางคุณนันท์จะไม่ยอมแล้วล่ะครับครู”
น้ำผึ้งเหนื่อยใจ

เย็นแล้ว ขณะน้ำผึ้งทรุดตัวลงนั่งในห้องรับแขก สีหน้าครูสาวอ่อนล้า เหนื่อยใจ สักครู่เทิดเดินเข้ามาสมทบ บ่นงึมงำ
“ไม่ได้เรื่อง ฉันพยายามจะพูดดีๆ แล้ว สุดท้ายก็ลงอีหรอบนี้จนได้”
น้ำผึ้งฉุนกึก “คุณเรียกวิธีพูดแบบนั้นว่าพูดดีเหรอ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”
“ฉันก็ว่าทั้งเธอทั้งนันท์ มีอะไรผิดไม่ทราบ แล้วเธอล่ะดีกว่าแค่ไหน ใช้วิธีเอาน้ำเย็นเข้าลูบเหรอ แล้วเป็นไง เย็นถึงใจไหมล่ะ” เทิดย้อน
“ฉันแค่พยายามจะให้คุณนันท์แกเย็นลง คุณก็ดันเล่นไปพูดแบบนั้นกับแกซะได้”
เทิดเสียงแข็ง “แบบไหน”
“คุณไม่ควรพูดว่าการเลี้ยงดูแกมันเหนื่อย แล้วไหนจะไอ้น้ำเสียงตะคอกนั่นอีก วันๆ คุณเอาแต่ทำงาน เวลาก็ไม่มีให้ลูก พอมีเรื่องมาก็ไปว่าซ้ำอีก ฉันก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมไม่มีใครอยากจะสอนแก”
เทิดยัวะ “ทำไม มันไม่ดียังไง”
“คุณนันท์น่ะไม่มีวันดีขึ้นได้หรอก เพราะขนาดคนที่แกอยากให้เข้าใจมากที่สุดยังไม่เคยรับฟัง ไม่เคยมีเวลาให้ ก็สมควรแล้ว”
“เธอโทษฉันคนเดียวงั้นสิ” เทิดหงุดหงิด
“แล้วมันต้องโทษใครล่ะคะ ฉันเป็นครูเพิ่งรู้จักเขาวันสองวัน คุณเป็นพ่ออยู่กับเขามาตั้งแต่ยังไม่คลอดด้วยซ้ำ แต่คุณกลับไม่เคยพยายามเข้าใจลูกตัวเองเลย”
เทิดเจ็บใจที่โดนว่า
“เธอจะเข้าใจอะไร ใช่เธอรู้จักเขาแค่วันสองวัน แต่ฉันคือพ่อเขา ฉันต่างหากที่รู้ว่าควรต้องทำยังไงกับนันท์ คนนอกอย่างเธอมีหน้าที่แค่สอนก็สอนไป อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นให้มากนัก วันนี้หมดหน้าที่เธอแล้ว กลับไปซะ”
เทิดเดินฮึดฮัดขึ้นชั้นบนบ้านไป น้ำผึ้งมองตามอย่างเหนื่อยใจ

น้ำผึ้งเดินเนือยๆ ออกมาที่หน้าเรือนใหญ่ พรตามหลังมา เรียกไว้ มองด้วยความเห็นใจ
“คุณน้ำผึ้ง”
“ป้าพร”
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้เตือนก่อนเรื่องคุณนันท์ ครูก็เลย…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้ถาม”
“ครูก็เลยพลอยมีเรื่องกับนายไปด้วย”
“จริงๆ ฉันก็ทำใจมาบ้างแล้วล่ะค่ะว่าต้องเจออะไรแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันยังไม่ยอมแพ้แน่”
“ครูจะกลับมาที่นี่อีกใช่ไหมคะ” พรถาม
“มาแน่นอนค่ะ ก็ฉันยังไม่ทันทำความรู้จักคุณนันท์ให้ดีเลยนี่คะ นายป้าให้เวลาฉันตั้งสามเดือน นี่แค่วันสองวัน ฉันไม่ยอมแพ้แน่ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ” พรยิ้ม
“ค่ะ งั้นฉันกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”
น้ำผึ้งเดินไปที่รถ พรมองตามไปอย่างเป็นห่วง

ค่ำนั้น อ้อยเดินถือไวน์เข้ามาในห้องทำงาน เทิดนั่งหลับพักสายตาอยู่ อ้อยวางของเข้ามาบีบนวดให้อย่างเบามือ แต่เทิดรู้สึกตัวลืมตามอง จับมืออ้อยออก สาววัยใสเสียดาย
“ออกไปอ้อย ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
“นายขา ฟังอ้อยสักนิดนะคะ อ้อยสงสารคุณนันท์ค่ะ คุณนันท์ไม่ชอบครูน้ำผึ้ง ครูน้ำผึ้งชอบทำตัวเหมือนเป็นแม่ มากกว่าเป็นครูค่ะ อ้อยว่ามันแปลกๆ แถมพอเริ่มมาทำงาน ในไร่ของเราก็ปั่นป่วนมีคนคิดปองร้าย ครูน้ำผึ้งอาจจะเป็นสายให้พวกคนร้ายก็ได้นะนาย” อ้อยไส่ไคล้น้ำผึ้งชุดใหญ่
“เหลวไหลน่ะอ้อย ครูน้ำผึ้งเป็นคนที่พ่อเราหามาให้ฉันนะ ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
อ้อยจ๋อย ที่เทิดไม่เชื่อ เดินคอตกออกไป

เทิดเครียดจัด คิดไม่ตกเรื่องของลูกชายแสบ


อ่านต่อตอนที่ 6


กำลังโหลดความคิดเห็น