มนต์รักอสูร ตอนที่ 4
หลังกล่อมน้ำผึ้งจนอ่อนลง และกลับบ้านไป ผันก็ต้องพาตัวเองมานั่งลงตรงหน้าผู้เป็นนายในห้องทำงาน โดนเทิดทำหน้าหงุดหงิดใส่ พูดตำหนิอย่างไม่พอใจ
“แกพาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นครูสอนลูกฉันได้ยังไงวะ”
“ทำไมล่ะครับนาย ผมเห็นว่าหนูน้ำผึ้งน่ะเหมาะสมที่สุดแล้วนะครับ”
“เขาเป็นกิ๊กกับแกใช่ไหม เลยสนับสนุนเขาเนี่ย” เทิดพาล
“โธ่นาย ผมบอกนายแล้วว่าหนูน้ำผึ้งเป็นลูกสาวเพื่อนผมเท่ากับเป็นลูกผมด้วย ผมไม่คิดบ้าๆอกุศลหรอกครับ”
เทิดไม่เชื่อ มองผันตาขุ่น
“หนูน้ำผึ้งน่ะเรียนจบครูมาเลยนะนาย เป็นครูสอนนักเรียนชั้นประถม ใจดี เข้ากับเด็กได้ คุณสมบัติใช้ได้ เสียแค่ยังไม่ได้บรรจุที่ไหนประจำซักที”
เทิดได้ทีย้อนแย้ง “นั่นไง ยังไม่บรรจุ ก็แสดงว่าต้องขาดคุณสมบัติอะไรซักอย่าง ไม่งั้นป่านนี้เขาจ้างประจำไปแล้ว”
“โรงเรียนแถวนี้อัตราครูบรรจุมันเยอะที่ไหนครับนาย ถึงจะเอกชนมันก็ยังน้อยอยู่ดี”
เทิดส่ายหัวยังไม่ยอมเชื่อผัน
“ก็ดิ้นรนไปหางานที่อื่นสิวะ กรุงเทพฯ งานมีเยอะแยะ”
“เขามีพ่อมีแม่ต้องดูนะนาย แล้วไปกรุงเทพฯ ก็ใช่ว่าจะหางานได้ คนว่างงานออกเพียบ”
เทิดยัวะ สวนทันที “แก้ตัวแทนกันจริง แกจะจ้างเขาแทนฉันเลยไหม”
“โธ่ นายจะไม่คิดดูฝีมือหนูน้ำผึ้งซักหน่อยเลยเหรอ เอาอย่างนี้ถ้าน้ำผึ้งทำไม่ได้อย่างที่ผมว่า ผมยอมลาออกจากงานเลย”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่มีทางไล่แกออกหรอก” เทิดนิ่งไป ใช้ความคิด
“งั้นนายก็จะยอมให้ผึ้งทำงานใช่ไหม”
“ไม่”
“อ้าว”
“ครูที่จะสอนลูกฉันต้องเป็นใครก็ได้แต่ไม่ใช่ยัยนี่ แค่ครูคนเดียวทำไมฉันจะหาไม่ได้”
เทิดเดินหนีไป ผันส่ายหัว กลุ้มหนักกับความดื้อของนาย
รุ่งเช้าวันใหม่
ป้ายเปิดรับสมัครครูสอนคุณนันท์ผืนขนาดใหญ่ถูกแขวนติดฝาด้านหน้าบ้านของเทิด หอมยืนชมผลงานตัวเองด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ พวกป้าพร อ้อย และชมพู่ จัดโต๊ะรับสมัครใต้เต็นท์กันแดด มีของว่างน่าทานหลายอย่างวางอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้านั้นด้วย
“ขอให้มีคนมาสมัครเยอะๆ เถอะนะป้า” ชมพู่จัดของไป คุยกับป้าพรไป
“ใช่ คุณนันท์แกจะได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นเขาซะที” พรบอก
“มันต้องมีสิ ไร่เราก็ออกจะดัง คนต้องแห่กันมาเพียบแน่ๆ”
อ้อยพูดอย่างมั่นใจเอามากๆ ขณะเดินนวยนาดไปนั่งรอที่โต๊ะรับสมัคร
เวลาผ่านไปจากเช้าเข้าเที่ยง จนบ่ายคล้อย ปรากฏว่าไม่มีใครมาสมัครเลยสักคน อ้อยรอจนง่วงพับไปกับโต๊ะ ชมพู่ต้องเดินมาปลุก
“อ้อย”
อ้อยสะดุ้งโหยง “โอ๊ยแม่ แหกๆๆ”
“แหกอะไรของแก อ้อย เก็บของเถอะไป ไม่เห็นมีคนมาเลย”
อ้อยมองไปรอบๆ เห็นมีแต่พวกตัวเอง ไม่มีใครอยู่เลย
“ไหงเป็นงี้ล่ะ”
“แกก็พูดเองอยู่ว่าไร่เราออกจะดัง พวกแกว่าดังเรื่องอะไรล่ะ” พรประชดในที
“ก็พวกผลิตภัณฑ์อะไรที่ไร่เรานี่ไม่ใช่เหรอ” หอมไม่เก็ต
“โถ ไอ้หอม ฉันน่ะก็ลืมนึกไป ไอ้ของน่ะมันก็ดังก็ดีอยู่หรอก แต่ใครแถวนี้เขาก็รู้กิตติศัพท์นายเราทั้งนั้นว่าเป็นยังไง”
ชมพู่นึกได้ “จริงด้วยป้า ไหนจะคุณนันท์อีก แกแทบจะเรียนทุกโรงเรียนแถบนี้แล้ว ครูเขาคงร่ำลือกันอยู่หรอกว่าแกน่ะ แสบแค่ไหน”
“แสบเสิบอะไร คุณนันท์ของฉันเด็กดีจะตาย” อ้อยท้วง
พรหมั่นไส้ เอ็ดเอา “นายไม่อยู่แถวนี้แกไม่ต้องทำเป็นประจบหรอกนังอ้อย แกอยู่กับคุณนันท์ตลอด แกก็รู้ว่าเป็นยังไง”
อ้อยหน้าเจื่อนไป
“แล้วแบบนี้จะไม่มีใครกล้ามาสอนคุณนันท์จริงๆ เหรอเนี่ย”
ป้าพรส่ายหัว จะเก็บของกลับเข้าบ้าน จู่ๆ มีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ขอโทษนะคะ”
ขาเม้าท์ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว เห็นน้ำผึ้งยืนยิ้มอยู่
“ที่นี่รับสมัครครูใช่ไหมคะ”
แหววถึงกับโล่งอก อ้อยเห็นน้ำผึ้งสวยกว่าก็หน้าเบ้ มองเขม่น หมั่นไส้เต็มที่
น้ำผึ้งถูกพามานั่งรอในห้องรับแขก พร หอม และ อ้อย พากันมายืนจ้องน้ำผึ้งอยู่
“เดี๋ยวคุณต้องเข้าไปสัมภาษณ์กับคุณเทิดก่อนนะคะ” ป้าพรบอกอย่างเป็นมิตร
“ใช่ค่ะ ต้องสัมภาษณ์แล้วก็ให้นายพิจารณาก่อนว่าผ่านไหม ถึงจะได้สอน” อ้อยแจ๋
“ต้องสัมภาษณ์อีกเหรอคะ”
มีน้ำผึ้งนั่งอยู่คนเดียวทั้งห้องไม่มีครูคนอื่นเลย
“สัมภาษณ์ครับ นายบอกว่าจะกี่คนก็ต้องคุยกันก่อนอยู่ดี” หอมบอก
“ก็ได้ค่ะ”
“คุณรอก่อนนะคะ เดี๋ยวคงมีคนมาเรียก” พรมองไปเห็นผันเดินเข้ามาในบ้าน “อ้าว มาพอดี”
ผันเป็นฝ่ายเดินมาหาน้ำผึ้ง
“ผึ้ง คุณเทิดจะคุยด้วยแล้ว พร้อมไหม”
“พร้อมค่ะ”
“งั้นเชิญเลย นายรออยู่ในห้องแล้ว”
ผันพาน้ำผึ้งเข้าไปด้านใน
สามคนมองตาม พรกับหอมพลอยลุ้นไปด้วย มีอ้อยที่มองหมั่นไส้
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 4 (ต่อ)
ผันพาน้ำผึ้งเข้ามาพบเทิดในห้องทำงาน ผันยืนรออยู่แถวประตู
“ครูที่สมัครงานสอนคุณนันท์มาแล้วครับนาย”
เทิดนั่งหันหลังอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะ ค่อยๆ หันหน้ามาหา พอเห็นเป็นน้ำผึ้งก็โวยลั่น
“เธออีกแล้วงั้นเหรอ”
เทิดลุก เดินอ้อมโต้มาหาน้ำผึ้ง
“กล้าดีนี่ สงสัยจะไม่เข็ด”
“ฉันไม่ได้กลัวคุณแต่แรกอยู่แล้ว” น้ำผึ้งบอก
“แล้วอะไรทำให้เธอกลับมาที่นี่อีกไม่ทราบ”
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากมาหรอก แต่เพราะน้าผันขอไว้ ว่าขอให้ลองดูก่อนฉันถึงมา” น้ำผึ้งบอกอย่างถือดี
“ขอร้อง? ถ้าไม่ได้เต็มใจจะมาเองแต่แรกก็กลับไปดีกว่า” เทิดยัวะ หันไปเอาเรื่องกับผัน “ฉันบอกแกแล้วนี่ว่าไม่เอายัยนี่แล้วทำไมถึงโผล่มาได้อีก”
ผันเหนื่อยใจ “นาย ผมก็บอกนายแล้วเหมือนกันว่าอยากให้นายลองคุยกับน้ำผึ้งดูก่อน แต่นายก็ไม่ฟังจะลองหาดู แล้วก็…”
เทิดฮึดฮัด ทำท่าเหมือนจะตะคอกผัน น้ำผึ้งพูดแทรกขึ้น
“คุณคงเสียใจล่ะสิที่มีแต่ฉันน่ะ”
เทิดชักจะหงุดหงิดกับท่าทางอวดดีอวดเก่งของน้ำผึ้ง
“พูดมาก”
“ฉันจะพูด…”
“ฉันไม่ได้เสียใจ แล้วก็ไม่คิดจะง้อพวกที่ไม่เต็มใจจะสอน ถ้ามันสอนที่นี่ไม่ได้ ที่อื่นก็มีเอาเงินฟาดเข้าหน่อยขี้คร้านจะรับลูกฉันไปเรียนแทบไม่ทัน”
“เฮอะ คุณมันก็คิดได้แค่นี้เอง ฉันก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากจะเหยียบที่นี่”
“ถ้าจะมาเพื่อพูดไอ้เรื่องแบบนี้ล่ะก็ กลับไป!”
เทิดโมโหหนักขึ้น น้ำผึ้งพูดต่อ โดยไม่กลัวเทิดสักน้อย
“ฟังกันก่อนสิ จริงอยู่ที่คนอื่นอาจจะไม่อยากมา ฉันเองก็ไม่ได้เต็มใจเหมือนคนอื่นนั่นแหละ แต่คิดไปมามันเป็นเพราะคุณ ไม่ใช่ลูกของคุณ เด็กเขาไม่รู้เรื่องด้วยว่ามีพ่อที่คอยแต่จะพูดจาไล่คนอื่นแบบคุณนี่…”
เทิดโกรธจัด “เธอนี่มัน”
“เพราะฉะนั้นเหตุผลที่ฉันกลับมาเพราะฉันอยากจะสอนลูก ไม่ใช่พ่อ”
เทิดคุมแค้น หันหน้าไป ยังหงุดหงิดอยู่
“แล้วเธอคิดว่าตัวเองมีดีแค่ไหนกันถึงจะสอนลูกฉันได้”
“ถ้าเรื่องวุฒิการศึกษาล่ะก็ ฉันจบศึกษาศาสตร์ด้านการสอนเด็กประถมมา ประสบการณ์การสอนก็มี ฉันสามารถสอนได้ทุกวิชาที่ลูกคุณอยากเรียน”
“ทุกอย่าง?”
“ใช่ค่ะ ทุกอย่าง”
“ศิลปะล่ะ”
“อาจจะฝีมือไม่ดีมาก แต่ถ้าพื้นฐานสอนได้ค่ะ”
“ภาษาอังกฤษ”
“ฉันได้เอทุกเทอมอยู่แล้ว ปกติก็สอนพิเศษภาษาอังกฤษด้วย”
“พวกการเกษตรล่ะ”
“ฉันทำงานพิเศษที่ไร่ดอกไม้นะคะ ถ้าจะให้สอนก็คิดว่ามีความรู้อยู่ทีเดียว”
“ทำงานล่วงเวลาได้แค่ไหน”
“อยู่ได้ค่ะ แต่ถ้ามีธุระจำเป็นบางอย่างอาจจะต้องขอลา”
ดูเหมือนคำตอบจะเข้าทาง เทิดหัวเราะร่า
“งั้นก็ยังไม่ผ่าน”
น้ำผึ้งงง “คะ”
ผันก็งง “ยังไงกันละครับนาย เท่าที่ผมฟังมามันก็ดูดีออกนะ”
“เรื่องเวลาไง ฉันต้องการคนที่มีเวลาให้ลูกฉันได้ตลอด แต่ถ้าเธอมีปัญหาซะแล้วก็คงไม่มีคุณสมบัติ”
น้ำผึ้งทนไม่ไหว โวยบ้าง
“พอเถอะ คุณสมบัติอะไรกัน คุณแค่ไม่ชอบฉัน คุณก็เลยหาเรื่องมากกว่า”
“ฉันไม่ได้หาเรื่อง แต่ฉันพูดจริง นันท์น่ะต้องการการเอาใจใส่จากที่คนที่พร้อมจะให้เวลาเขา แต่เธอให้เขาไม่ได้ตลอดนี่”
“คนเราก็ต้องมีธุระ ต้องการเวลาไปดูแลครอบครัวบ้าง ฉันไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใส่ใจลูกคุณเต็มที่นี่คะ”
“ยังไงฉันก็ถือว่าเธอขาดคุณสมบัติอยู่ดี ขอบใจที่มานะ แต่เชิญกลับไปได้แล้ว”
เทิดเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ไม่สนใจน้ำผึ้ง ผันบอกกับน้ำผึ้งว่า
“หนูน้ำผึ้ง ออกไปก่อนไป เดี๋ยวน้าคุยกับนายให้”
“แต่เขาจะ…”
“เอาน่า เดี๋ยวน้าจะลองดู”
น้ำผึ้งพยักหน้า จำใจออกจากห้องไป
เทิดนั่งกอดอก ทำหน้าสะใจเต็มที่
“นาย นายเล่นไปจี้ผึ้งมันแบบนั้น ให้ตายนายก็ไม่ได้ครูมาสอนคุณนันท์หรอกครับ คุณสมบัติเทวดานางฟ้าขนาดนั้น”
“ก็ยัยนั่นอยากไม่มีเอง มันก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า”
“ช่วยไม่ได้แล้วคงไม่มีใครช่วยได้แล้วล่ะครับ คุณนันท์น่ะ”
เทิดตบโต๊ะแบบเหลืออด
“มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ”
“มันก็ไม่หนักหนาหรอกครับ ถ้านายยอมให้เขามาสอนดีๆ แต่แรก”
“แล้วไม่มีครูคนอื่นที่ดีกว่านี้เลยรึไง”
“ใครมันจะกล้าครับ คนแถวนี้รู้กิตติศัพท์คุณนันท์ทั้งนั้น แถมเขาก็กลัวที่นี่อย่างกับอะไรดี นี่ผึ้งยอมมาสมัครทั้งคนนายก็เล่นงี้อีก ผมเองก็จนปัญญา”
“ฉันต้องยอมให้ยัยนั่นมาสอนลูกฉันงั้นสิ” เทิดประชดส่ง
“ครับ หรือนายอยากให้คุณนันท์เลิกเรียนหนังสือเลยเพื่อตัดปัญหา ก็สุดแท้แต่ใจนายครับ”
เทิดกระแทกตัวนั่งลง คิดหนัก
น้ำผึ้งนั่งรออยู่ในห้องรับแขก จนเทิดเดินออกมาพร้อมกับผัน น้ำผึ้งกับเทิดยังมึนตึงใส่กัน ผันยิ้มให้พลางบอกน้ำผึ้งว่า
“หนูน้ำผึ้ง คุณเทิดเขารับหนูทำงานแล้วนะ”
น้ำผึ้งมองเทิดตะลึง ไม่อยากเชื่อ ด้วยมารยาทจึงยกมือไหว้ขอบคุณผัน แต่เทิดดันรับไหว้ตอบ
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันจะให้ลูกเรียนในระบบ home school เธอรู้ใช่ไหมเป็นแบบไหน”
“ทราบค่ะ”
“ตั้งใจทำงานสอนหนังสือลูกฉัน ไม่ใช่เอาเวลาสอนแว่บไปบ้านนู้นบ้านนี้ล่ะ”
น้ำผึ้งสะดุ้งกับคำพูดเตือนของเทิด
“ถ้าคุณไม่มั่นใจในตัวฉัน และมองฉันแบบผิดๆฉันไม่ขอรับงานนี้ก็ได้”
เทิดมองน้ำผึ้งเหยียดๆ
“ค่าจ้างที่ฉันให้เธอตอนแรกมันคงน้อยไป จะอัพเพิ่มเป็นเท่าไหร่ล่ะ”
น้ำผึ้งฉุน มองเทิดไม่พอใจ
“3 หมื่น 4 หมื่น หรือจะ 5 หมื่น”
น้ำผึ้งโกรธ ที่โดนดูถูก “ไม่ใช่ว่าเงินของคุณจะซื้อทุกอย่างได้นะคะ”
“แล้วที่เธอมาที่นี่มันไม่ใช่เพราะเงินหรือไง”
“ฉันทำงานใช้ความสามารถแลกเงินก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะใช้เงินมากะเกณฑ์ทุกอย่างในโลกได้ว่าเขาต้องเป็นคนแบบนั้นแบบนั้นแบบนี้ คนที่ที่คิดอย่างคุณนะ โลกแคบ!”
“นี่เธอ”
“ถ้าคุณจะรับฉันทำงานเพื่อมาดูถูกกันแบบนี้ ฉันวิ่งไปสอนหลายๆ ที่เหมือนเดิมยังดีกว่า ลาล่ะค่ะ”
น้ำผึ้งจะไปผันรีบขวาง
“เดี๋ยวหนูน้ำผึ้ง...ใจเย็นๆ นะลุงขอร้อง”
เทิดเหยียดยิ้มมองน้ำผึ้งจากด้านหลัง พูดเสียงดังว่า
“1 แสนบาท ค่าจ้างของเธอ”
น้ำผึ้งชะงัก ยืนอึ้งไปนิด แต่ศักดิ์ศรีค้ำคอจะเดินออกไปต่อ ผันจะตาม แต่เทิดห้าม
“ไม่ต้องตามหรอกผัน เดี๋ยวก็กลับมา”
ผันหน้าเครียด เทิดยิ้มหยันมั่นใจว่ายังไงน้ำผึ้งต้องกลับมาแน่
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 4 (ต่อ)
น้ำผึ้งเดินหงุดหงิดออกมาตามทางบ่นบ้ากับตัวเอง
“คิดว่าตัวเองรวยล้นฟ้าหรือไงถึงได้ใช้เงินฟาดหัวคนอื่น ไอ้หน้าหนวด”
น้ำผึ้งกลุ้มใจ เครียดมาก
คำพูดของเทิดดังก้องในหัว “1 แสนบาท ค่าจ้างของเธอ”
ภาพพ่อวันป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลและต้องรีบผ่าตัดตาผุดซ้อนขึ้นมาในหัวอีก
น้ำผึ้งยืนอึ้ง คิดหนัก เหลียวมองเข้าไปในบ้านเทิดของตรึกตรอง
ไม่นานนัก น้ำผึ้งพาตัวเองกลับมายืนตรงหน้าเทิดในห้องทำงาน อีกฝ่ายยิ้มเยาะ
“เห็นไหมผัน ฉันบอกแล้วเงินซื้อได้ทุกอย่าง”
น้ำผึ้งพยายามสะกดอารมณ์โกรธของตัวเอง
“ตกลงว่ายังไงครับ คุณครูน้ำผึ้ง”
“ฉันตกลงรับทำงานนี้ค่ะ”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
“ฉันขอเบิกเงินล่วงหน้าเพิ่มอีก 3 เดือน”
เทิดนิ่งไปนิด มองน้ำผึ้ง
“สามเดือน”
“ค่ะ ฉันมีความจำเป็นต้องใช้”
เทิดหัวเราะเยาะ พูดแดกดัน “ที่ไม่พอใจเมื่อกี้คือเล่นตัวไปงั้นเองสิ”
น้ำผึ้งรำคาญ “คุณแค่ตอบฉันมาก็พอ ว่าฉันจะได้เงินก้อนนั้นไหม”
“ได้ แต่มันก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน”
น้ำผึ้งมองอย่างสงสัย เทิดกำลังจะพูดต่อ แต่จู่ๆ หอมก็วิ่งทะเล่อทะล่าหน้าตาตื่นเข้ามา
“นายครับนาย นายๆ”
“ไอ้หอมมีอะไรโวยวายมาเชียว” ผันเอ็ด
“คนงาน…คนงานในไร่เป็นลมครับ”
เทิดลุกขึ้น “ผัน ไปดูกัน เร็ว”
น้ำผึ้งงง “แล้วฉันล่ะ เรายังตกลงกันไม่จบเลย”
เทิดมองแบบรำคาญๆ
“อยากคุยต่อเธอก็ตามไปแล้วกัน”
เทิดสั่งและรีบร้อนออกไปทันที หอมตาม ผันกวักมือเรียกน้ำผึ้งให้ตามไปด้วยกัน
เทิดขับรถกระบะมาตามทางตรงไปยังไร่ผลไม้ มีน้ำผึ้งนั่งอยู่กระบะด้านหลังคนเดียว เทิดแกล้งขับรถเร็วและแรงไปตามทางอันขรุขระมีแต่หิน จนตัวน้ำผึ้งหัวโยกหัวคลอน กระเด้งกระดอนไปมา น้ำผึ้งตะโกนมาจากด้านหลัง
“ไอ้คนบ้า! ขับให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม”
น้ำผึ้งพยายามลุกไปทุบกระจบด้านหลังคนขับ แต่เทิดก็ยิ่งขับแรงจนน้ำผึ้งเซเสียหลัก น้ำผึ้งไม่ยอมแพ้ ลุกไปทุบกระจกด่าว่า
“นี่คุณ ไม่ได้ฟังหรือไง แล้วทำไมฉันต้องมาโดนอะไรแบบนี้ด้วย”
เทิดไม่สนใจขับรถต่อไป แถมยังหัวเราะเยาะน้ำผึ้งด้วยความสะใจเอามากๆ ผันส่ายหัว
ไม่นานก็มาถึงบริเวณที่เป็นไร่องุ่นอันกว้างใหญ่ สวยงาม และร่มรื่น เทิดลงรถมา ผันกับหอมลงตามไล่ๆ กัน น้ำผึ้งลงรถเอามือบีบไหล่บีบตัวเพราะปวดระบมไปหมด ไม่ไกลจากจุดจอดรถ มีกลุ่มคนงานจำนวนหนึ่งยืนมุงดูอะไรกันอยู่ เทิดเดินเข้าไปดูถามเสียงเข้ม
“มันเกิดอะไรขึ้น”
คนงานกำลังช่วยกันปฐมพยาบาลคนงานไร่หญิงคนหนึ่ง หัวหน้าคนงานไร่องุ่นชื่อลุงแซมลุกมาหาเทิด
“บัวมันเป็นลมครับนาย”
“ทำไมเป็นลมได้ ปกติก็แข็งแรงดีนี่” เทิดถาม
“ผมเพิ่งรู้จากผัวมันเมื่อกี้ว่าบัวมันกำลังท้องครับ”
“ท้อง”
เทิดตกใจ มองไปทางชัยสามีของบัวแล้วโมโห เข้าไปต่อว่าทันที
“มึงคิดอะไรของมึง เมียมึงท้องแล้วยังจะให้มาทำงานอีกงั้นเหรอ”
ชัยหน้าจ๋อย “ผมขอโทษครับนาย บัวมันบอกเองว่ามันจะทำ มันกลัวนายจะว่าเอา”
“แล้วก็ไม่มีใครไปแจ้งอะไรเลยเนี่ยนะ ก็ดี จะได้ให้บัวมันแท้งลูกที่ไร่นี่แหละ สมควรแล้ว ทำอะไรไม่คิด”
“ผมขอโทษจริงๆ ครับนาย ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
“มึงจะไปไหนก็ไปเลยไอ้ชัย พาเมียมึงไปพักด้วย แล้วอย่าให้เห็นว่าเมียมึงมาทำงานจนเป็นลมเป็นแล้งอีก ไป”
ชัยกลัวจนหัวหด รีบเข้าไปช่วยคนงานประคองเมียขึ้นมา น้ำผึ้งได้ยินเสียงเทิดเอ็ดตะโรจึงตามเข้ามาดู ได้ยินแค่ช่วงท้ายก็โวยทันที
“นั่นคุณทำอะไรของคุณน่ะ ไล่คนงานตัวเองปาวๆ เขาไปทำอะไรให้”
เทิดฉุนกึก “ไม่รู้ก็ไม่ต้องยุ่งได้ไหม อยู่เงียบๆ ไป”
น้ำผึ้งไม่ยอม “ทำไมต้องเงียบ”
“ฉันไม่อยากคุยกับคนพูดไม่รู้เรื่อง”
“คุณนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง แถมปากเสียด้วยพูดจาดีๆ ก็ได้”
“ถ้าพูดดีแล้วมันฟังกัน ก็พูดไปนานแล้ว”
น้ำผึ้งมองหมั่นไส้ “คิดเองเออเอง ใครเขาก็อยากฟังคำพูดดีๆ ทั้งนั้นแหละ”
“แต่มันไม่ใช่กับที่นี่”
ผันเห็นท่าไม่ดี เลยปรามทั้งคู่
“นายพอเถอะครับ น้ำผึ้ง เมื่อกี้มันมีเรื่องนิดหน่อย นายเขาจัดการไปแล้ว มันจบแล้ว อย่าเถียงกันเลย”
“ฉันไม่ได้เถียง มีแต่ยัยครูบ้านี่มาถึงก็ด่าเอาๆ รำคาญ”
น้ำผึ้งโกรธที่เทิดมากระแทกเสียงใส่
“เอ๊ะ คุณ แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ”
“ไม่คิดจะฟังเหตุผลเอง งั้นไอ้เรื่องที่คุยค้างไว้ก็ปล่อยไว้แบบนั้นแล้วกัน”
เทิดเดินหนีไปที่รถ น้ำผึ้งหน้าเหวอ รีบตามไป
“ได้ไง มาคุยกันก่อน เรายังตกลงกันไม่จบเลย คุณ!”
ผันปวดตับ กลุ้มหนักที่ไม่มีใครยอมใครเอาเลย
เทิดเดินมาที่รถกระบะ น้ำผึ้งกับผันวิ่งตามมา น้ำผึ้งวิ่งไปขวางเทิดไว้
“คุณ จะไปไหน เรายังตกลงเรื่องงานฉันไม่จบเลยนะ”
“แต่ฉันไม่มี”
“ได้ไง คือคุณจะพูดแค่เรื่องเงินน่ะนะ เงื่อนไขการทำงานอะไรก็ไม่มี พอถามคุณลากฉันมานี่ แล้วทีนี้ก็จะไม่คุยอีก อะไรกัน”
“ก็เธอคิดแต่เรื่องเงินนี่ ให้คุยเรื่องเงินมันก็ถูกแล้ว”
“เออ ฉันคิดแต่เรื่องเงิน ทีนี้ตอบมาได้รึยัง เรื่องที่ฉันถามไป”
“เบิกล่วงหน้าสามเดือน” เทิดย้อนถาม
น้ำผึ้งพยักหน้า “ใช่”
เทิดหัวเราะ
“ได้ ฉันจะให้เงินเธอ แต่มีข้อแม้”
“อะไร”
“หลังจากรับเงินก้อนนี้ไปแล้ว เธอจะต้องสอนลูกฉันให้สอบเข้าโรงเรียนใหม่ให้ได้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณเชื่อมือฉันได้เลย”
“แต่…เธอมีเวลาสามเดือน” เทิดย้ำเสียงเข้ม “แค่สามเดือน”
พอน้ำผึ้งได้ยิน ลึกก็แอบหวั่น แต่ทำเป็นมั่นใจสู้
“ได้ค่ะ ฉันทำได้”
“ที่สำคัญฉันจะให้ลูกสอบเข้าโรงเรียนที่ดังที่สุดในจังหวัด นันท์น่ะมีเรียนช้ากว่าเพื่อนไปมาก เพราะฉะนั้นเธอจะต้องทำให้พื้นฐานเขาแน่น สู้เด็กคนอื่นในรุ่นเดียวกัน คิดว่าทำได้ไหม”
“ฉันทำได้ค่ะ”
“และคะแนนสอบต้องได้ที่หนึ่งเท่านั้น ฉันถึงจะให้ค่าจ้างที่เหลือกับเธอ”
น้ำผึ้งอึ้ง ผันเองก็อึ้งไปเช่นกัน
“งั้นก็ตามนี้ เงินเบิกล่วงหน้าที่เธอขอฉันจะให้ลูกน้องจัดการให้ กลับได้แล้ว ขึ้นรถ”
“ไอ้รถนี่อีกแล้ว”
“จะไม่ไปก็ตามใจ เดินกลับเอาเองก็แล้วกัน”
เทิดปิดประตูหนีขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องเลย น้ำผึ้ง หอม กับผันวิ่งต้องตามไปขึ้นรถแทบไม่ทัน
วันแรกของการทำงาน น้ำผึ้งขับรถมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาไร่ของเทิดแต่เช้า พอจอดรถเรียบร้อยตรงหน้าเรือนใหญ่ ครูสาวหยิบตำราเรียน เดินเข้ามา เจอกับผันพอดี
ผันยิ้มทักทาย “มาแต่เช้าเลยหนูน้ำผึ้ง”
“ค่ะ เดี๋ยวจะโดนหาว่าทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง”
“นายเขาไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก นายเขาสนใจแต่คุณนันท์เท่านั้นแหละ ตั้งใจสอนให้ดีก็พอ”
“ค่ะน้าผัน”
“คุณนันท์กับเจ้าพวกนั้นรออยู่ด้านในแน่ะ พยายามเข้าล่ะ”
ผันเดินออกไป
น้ำผึ้งสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ทำใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 4 (ต่อ)
น้ำผึ้งถูกพาเข้ามาที่ห้องสมุด ในนั้นมีหอมกับอ้อยยืนรออยู่แล้ว น้ำผึ้งมองหาลูกศิษย์ พยายามทอดยิ้มอย่างเป็นมิตรไปให้สองคน
“เราไม่ได้จะเริ่มเรียนกันเลยเหรอคะ”
อ้อยยิ้มเยาะ
“ใครบอกว่าคุณจะได้สอนเลยคะ”
“เอ่อ...มันยังไงคะ ก็นายคุณบอกอยู่ว่าให้ฉันมาสอนวันนี้”
หอมอธิบาย “คือ…งี้ครับ คุณอาจจะผ่านจากคุณเทิดมาแล้วก็จริง แต่คุณต้องสัมภาษณ์อีกรอบ”
น้ำผึ้งงงเต๊ก “สัมภาษณ์”
“ใช่ กับเจ้านายตัวจริงของคุณไงล่ะ” อ้อยว่า
“เจ้านายตัวจริง” น้ำผึ้งงงใหญ่
“ฉันเอง”
เสียงเด็กชายนันท์ดังนำขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินอาดๆ ออกมานั่งที่โซฟา จ้องหน้าน้ำผึ้งยกใหญ่
อ้อยแนะนำ “นี่คุณนันท์ ลูกชายคนเดียวของคุณเทิด”
น้ำผึ้งยิ้มทัก “อ๋อ…คนนี้เอง สวัสดีค่ะ ครูชื่อน้ำผึ้งนะคะ”
นันท์กอดอก วางมาดเจ้านาย ถามน้ำผึ้ง ท่าทีน่าขันมากกว่าน่าเกรงขาม
“ชื่อน้ำผึ้งเหรอ”
“ค่ะ ชื่อคุณนันท์ใช่ไหมคะ”
“ใช่” นันท์พยักหน้า ซักต่อ “เป็นครูเหรอ มาจากไหน”
“ปกติเป็นครูสอนพิเศษทั่วไปตามโรงเรียนค่ะ”
“แล้วทำไมมาสอนที่นี่”
“วันก่อนที่นี่เปิดรับสมัครค่ะครูก็เลยมา แล้วคุณเทิดก็ให้เริ่มงานวันนี้”
“สอนพิเศษ? แล้วงี้จะได้เรื่องเหรอ” นันท์ทำน้ำเสียงดูแคลน
น้ำผึ้งไม่ถือสา “ก็ต้องลองดูนะคะ”
อ้อยได้ที รีบสอพลอตอแหล เข้าข้างนันท์ทันที
“แค่ครูพิเศษ เอาอะไรมาการันตีได้อ่ะ ว่าจะสอนได้”
“ฉันจบศึกษาศาสตร์มาค่ะ มีใบรับรองวุฒิทุกอย่าง แล้วก็สอนพิเศษก็สอนเหมือนครูทั่วไป แค่ยังไม่ได้บรรจุเท่านั้น”
“ก็แค่เอกสาร บรรจุหรือเปล่าก็ไม่เคย จะแน่ใจได้ไงว่ามีความรู้จริง” อ้อยดูถูกต่อ
“คุณลองดูเนื้อหาที่จะสอนวันนี้ก่อนได้ค่ะ ถ้าเคยเรียนแล้ว รู้แล้วหรือว่ามีข้อเสนอแนะอะไรก็บอกกันได้ ดิฉันจะได้ปรับเปลี่ยนกันไป” น้ำผึ้งว่า
“พี่อ้อย เอามาดูสิ ถ้าพี่อ้อยทำได้ วันนี้ก็ไม่ต้องเรียน”
อ้อยเดินไปคว้าชีทกับพวกหนังสือมาดู พูดอย่างมั่นใจเวอร์ๆ
“ได้ค่ะ ถ้าเนื้อหารุ่นคุณนันท์ล่ะก็ พี่อ้อยผ่านมา…” อ้อยดูอึ้งไป เดินเอาไปให้หอมช่วยดู กระซิบถาม “พี่หอม ทำได้ไหมเนี่ย ไอ้เลขพวกนี้ คูณร่วมมากร่วมน้อยอะไรไม่รู้”
“โอ๊ย ฉันบวกเลขง่ายๆ ยังไม่ค่อยจะได้ มันจะรู้อะไรเล่า”
อ้อยทำเป็นเชิด คืนชีทให้น้ำผึ้งไป
“อันนี้ ยังไม่เคยเรียนค่ะ”
“ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะมีความรู้มากแค่ไหน แต่เรื่องนี้ฉันพอช่วยอธิบายได้นะคะ งั้นให้ฉันลองสอนดูไหม”
นันท์มีแววหงุดหงิดนิดหน่อย
“จะลองดูก็ได้”
น้ำผึ้งฟังแล้วดีใจ “จริงนะคะ”
นันท์พยักหน้าให้ น้ำผึ้งเลยลุกขึ้นจะไปหยิบกระเป๋า
“เดี๋ยว”
น้ำผึ้งมองฉงน “คะ”
“ครูมีแฟนหรือยัง”
คำถามนี้ทำเอาครูน้ำผึ้งแปลกใจ “ยังค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“ไม่มี” นันท์หันมาบอกกับหอม และ อ้อย ว่า “นันท์จะไปห้องนู้น พี่สองคนพาครูไปรอก่อนเลย”
อ้อยกับหอมพยักหน้ารับคำแล้วเดินออกไป
เด็กชายนันท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดแผนร้ายบางอย่างรับขวัญคุณครูคนใหม่
น้ำผึ้งถูกย้ายมาอีกมุมในห้องสมุด กำลังเตรียมการสอน นันท์ใช้มุกเดิมที่เคยจัดการกับครูอุไร ทำเป็นถือแก้วน้ำมาให้เอาใจน้ำผึ้ง หอมที่นั่งอยู่ด้วยมองแก้วน้ำ พอนึกขึ้นได้ว่าในนั้นอะไรผสมก็ทำหน้าสยองปนแขยง นันท์หันไปมองดุ หอมเลยก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร
“ครูดื่มน้ำก่อนสิครับ”
“ให้ครูเหรอคะ”
“ครับ” เด็กชายยิ้มน่ารัก
น้ำผึ้งรับไป “ขอบคุณนะคะ คุณนันท์นั่งก่อนเลย”
นันท์นั่งลง แอบดูว่าน้ำผึ้งจะทำยังไง แต่น้ำผึ้งเอาแต่จัดหนังสือไปมาไม่ยอมดื่มซะที
“คุณนันท์ เรามาเริ่มเรียนกันเลยมั้ยค่ะ”
“อย่าเพิ่งสิครับ”
น้ำผึ้งฉงน “คะ”
“ครูน้ำผึ้งยังไม่ยอมกินน้ำที่นันท์เอามาให้เลย” นันท์คะยั้นคะยอ
น้ำผึ้งมองแก้วน้ำ “น้ำนี่เหรอคะ”
เห็นนันท์พยักหน้าขึงขัง น้ำผึ้งเลยหยิบแก้วมา ทำท่าเหมือนจะดื่มเข้าไป นันท์ลุ้นสุดขีด แต่แล้วน้ำผึ้งกลับวางแก้วลง
“ครูว่าครูยังไม่กินดีกว่า ขอวางไว้ตรงนี้ก่อนนะคะ” น้ำผึ้งหันมาทางหอมที่ลุ้นระทึกอยู่ “หอมจ๊ะ หอมจะกินก็ได้นะถ้าหิวน้ำ”
หอมตาเหลือก กลืนน้ำลายเอื๊อก ส่อพิรุธ
“ผมเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ กินสิ”
นันท์มองหอมนึกโกรธที่อีกฝ่ายอึกอัก ทำแผนแตก หอมเลยต้องจำใจรับแก้วไป
“ดื่มเข้าไป” นันท์สั่ง
หอมกระอักกระอ่วน จำใจดื่มเข้าไป ด้วยเป็นน้ำส้มสายชู หอมเลยจะอ้วก รีบลุกแล้ววิ่งออกไป
“อ้าว เป็นอะไรของเขา”
นันท์หงุดหงิดที่แกล้งน้ำผึ้งไม่สำเร็จ น้ำผึ้งลอบยิ้ม รู้ทันลูกศิษย์แสบ
“มาค่ะ เริ่มเรียนกันจริงๆ ซะทีเนอะ”
นันท์นั่งประกอบหุ่นยนต์ไป โดยไม่สนใจตำราเรียนที่น้ำผึ้งวางไว้ตรงหน้า โดยมีหอมกับอ้อยนั่งอยู่ด้วย
น้ำผึ้งมองนันท์ ข่มอารมณ์ ทำใจเย็นสุดชีวิต
“คุณนันท์คะ เข้าใจที่ครูสอนไหมคะ”
นันท์เหลือบมองน้ำผึ้งพลางส่ายหัว “ไม่เข้าใจเลย”
“ถ้าไม่เข้าใจคุณนันท์หยุดเล่นก่อนนะ แล้วมาตั้งใจฟังครูก่อน”
“ทำไมต้องตั้งใจฟังด้วย”
“ก็เพราะตอนนี้คุณนันท์ต้องเรียนหนังสือไงคะ”
นันท์ยังทำท่าไม่สนใจเรียนต่อไป อ้างโน่น อ้างนี่
“วิชานี้น่าเบื่อ นันท์เรียนไม่รู้เรื่อง”
“งั้นเรามาเปลี่ยนวิชากันไหมคะ เรียนเลขอาจจะยากไป”
นันท์ทำหน้าครุ่นคิด หันไปถามหอม
“พี่หอมอยากเรียนวิชาอะไร”
น้ำผึ้งยิ้มดีใจที่นันท์ยอมเรียน
“เอ่อ....เอาวิชา....ภาษาไทยมั้ยครับคุณนันท์”
“วิชาภาษาไทยก็ดีนะคะ เรียนแต่งรูปประโยคง่ายๆ คุณนันท์เปิดหน้า...”
อยู่ดีๆ นันท์ก็ลุกพรวดขึ้นมา พูดขัดขึ้นทันทีไม่สนใจครู
“หิวข้าว”
น้ำผึ้งชะงัก “คะ”
“นันท์หิวข้าวแล้ว” เด็กชายบอกกับอ้อยว่า “พี่อ้อย ไปบอกพี่ชมพู่ ให้ตั้งโต๊ะเถอะนันท์หิวข้าวแล้ว”
“แล้วพี่หอมล่ะคุณนันท์”
“ถ้าพี่หอมอยากเรียนก็ให้ครูเขาสอนไป แต่นันท์จะไปแล้ว”
นันท์มองหน้าน้ำผึ้งยิ้มกวนๆ ทิ้งไว้ให้ แล้วเดินออกจากห้องสมุดไป หอมลุกเดินตาม อ้อยเหยียดยิ้มสาแก่ใจ สมน้ำหน้าน้ำผึ้ง แล้วจึงเดินตามไป
แต่แล้วนันท์กลับเดินเข้ามาในห้องนอน วางท่าครุ่นคิดราวกับผู้ใหญ่ หอมเดินตามมาด้วย ถามงงๆ
“คุณนันท์ไหนบอกว่าหิวข้าวทำไมเดินมาที่ห้องล่ะครับ”
“อย่าถามมากได้ไหมพี่หอม คนกำลังใช้ความคิดอยู่”
“คิดอะไรครับ”
“ก็คิดว่าทำยังไงจะให้ครูนั่นออกไปจากบ้านเราไง”
“คุณนันท์อย่าทำเลยนะครับ คุณครูน้ำผึ้งดูจะใจดี ท่าทางจะสอนเก่งด้วย คุณนันท์เพิ่งเรียนไปได้นิดเดียวเอง”
“ไม่ นันท์ไม่อยากเรียนนันท์เบื่อนี่”
“เบื่อก็ต้องเรียนนะครับคุณนันท์ ครูเขาอุตส่าห์มาแล้ว”
“แต่นันท์เบื่อครูคนนี้ รู้มาก”
นันท์เจ็บใจที่น้ำผึ้งรู้ทันแผนของตน อ้อยเดินเข้ามาได้ยินพอดี รีบผสมโรงยุส่งคุณหนูทันที
“พี่อ้อยก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะคุณนันท์ครูน้ำผึ้งน่ะดูก็รู้ค่ะว่าร้ายจะตาย ทำเป็นมาสอนคุณนันท์จริงๆแล้วมีจุดประสงค์หลักอยากจะจับนาย”
หอมปราม “แกพูดอะไรของแกวะนังอ้อย”
“ก็ดูสิ ทำเป็นขยันมาแต่เช้าตั้งใจสอน กะจะเอาใจนายแน่ๆ”
“คุณนันท์อย่าไปฟังที่อ้อยมันพูดเลยนะครับ”
“คุณนันท์เชื่อพี่อ้อยสิคะ ผู้หญิงคนไหนที่เข้าใกล้นายก็หวังผลแบบเดียวกันทั้งนั้น”
“แบบไหนพี่อ้อย”
“ก็ต้องอยากจะเป็นเมียนายสิคะ พี่อ้อยน่ะดูออก”
นันท์เริ่มหน้าบึ้ง
“เขาจะมาแทนแม่นันท์เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
หอมชักฉุน “นังอ้อย หยุดพูดเดี๋ยวนี้”
“ไม่มีใครมาแทนแม่นันท์ได้ทั้งนั้น นันท์จะไล่ยัยครูนั่นออกไป”
อ้อยยิ้มกระหยิ่ม ส่วนนันท์คิดแผนร้ายจะจัดการครูคนใหม่ หอมปวดตับ มองทั้งคู่อย่างกลุ้มใจ
ขณะที่น้ำผึ้งเดินถือตำรามาหยุดที่หน้าห้องลูกศิษย์ตัวแสบ เด็กชายนันท์นั่งรออยู่ในห้องกับอ้อย
“เข้ามาสิครูน้ำผึ้ง นันท์อยากเรียนแล้ว”
น้ำผึ้งยิ้มจะเดินเข้าห้อง หอมรีบร้องห้าม
“เดี๋ยวครับครู เอ่อ คุณนันท์ไปนั่งเรียนข้างนอกดีกว่านะครับ”
นันท์มองดุ ไม่พอใจ “ทำไมล่ะพี่หอม นันท์อยากเรียนในห้องนิ เข้ามาซิครับครูน้ำผึ้ง”
หอมกลัวนันท์เลยไม่กล้าหือ น้ำผึ้งยิ้ม
“เรียนในห้องนี้ก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ฉันสอนได้ ขอแค่คุณนันท์อยากเรียนก็พอ”
“นันท์อยากเรียนครับครู เข้ามาเลยครับ”
น้ำผึ้งยิ้มก้าวเท้าเดินเข้ามา ขาของเธอสัมผัสกับเอ็นเส้นเล็กๆ ที่ขวางอยู่หน้าประตู น้ำผึ้งปรายตามองตามเอ็นไปจนเจอถังสีเหนือประตู แต่ไม่ทันแล้ว ถังสีเทราดรดลงมาบนหัว หู หน้าตา เนื้อตัวของน้ำผึ้ง ไม่เท่านั้น ยังมีขนนก ปลิวตามลงมาติดหัวน้ำผึ้งเต็มไปหมด
เสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของนันท์กับอ้อยดังขึ้นทันที หอมมองครูคนใหม่อย่างเห็นใจ
น้ำผึ้งตัวเลอะสีมีขนนกติดเต็มตัวไปหมด พยายามข่มความโกรธ ระงับสติอารมณ์จนถึงขีดสุด
อ่านต่อตอนที่ 5