จิตแพทย์ชี้เด็กออทิสติกเรียนร่วมเด็กทั่วไปมีปัญหา เหตุสื่อสารไม่เข้าใจ ครูต้องสอดส่องดูแลทำความเข้าใจนักเรียนทั่วไป ต้องมีครูผ่านอบรมมาเฉพาะ
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ก่อนที่เด็กออทิสติกจะเรียนร่วมกับนักเรียนในโรงเรียนทั่วไปได้นั้น จะมีระบบการประเมินระหว่างแพทย์และครูในโรงเรียนสอนร่วมว่า เด็กออทิสติกสามารถเรียนร่วมกับเด็กทั่วไปได้หรือไม่ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กกลุ่มนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้ ปัญหาคือ นักเรียนด้วยกันอาจไม่เข้าใจ เนื่องจากเด็กออทิสติกมีการเจริญเติบโตตามวัย แต่พฤติกรรมการเรียนรู้ทางสังคม อาจไม่สอดคล้องกับวัยที่เติบโต ทำให้เพื่อนวัยเดียวกันไม่เข้าใจ และเกิดปัญหาทะเลาะบ้าง ไม่อยากคุยด้วยบ้าง ซึ่งตรงนี้จะเป็นปัญหา ทั้งเด็กออทิสติกและเด็กนักเรียน เนื่องจากหากเด็กออทิสติกมาเล่นกับเพื่อน แต่เล่นแรง เพื่อนก็ไม่อยากเล่นด้วย หรือหากเพื่อนเมื่อเล่นแรงกลับ ก็อาจถูกพ่อแม่ของเด็กออทิสติกมาต่อว่า
“ครูประจำชั้น ครูผู้สอน ต้องคอยสอดส่องดูแล ซึ่งปกติโรงเรียนกลุ่มเรียนร่วมจะมีครูพิเศษ หรือครูแนะแนวที่ผ่านการอบรมมาเฉพาะในการดูแลเด็กกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นระเบียบข้อบังคับตามกฎหมายของ พ.ร.บ. การศึกษาพิเศษฯ ระบุว่า โรงเรียนเรียนร่วมที่มีการเรียนการสอนเด็กกลุ่มพิเศษ หรือเด็กออทิสติกเกิน 4 คนขึ้นไป จะต้องมีครูพิเศษคอยดูแล ซึ่งตรงนี้สำคัญ เพราะเมื่อเด็กมีปัญหา ครูต้องทำหน้าที่ในการประสานและทำอย่างไรก็ได้ ให้เด็กนักเรียนทั่วไปเข้าใจเพื่อนของเขาว่า แม้ร่างกายจะเติบโตแต่การเรียนรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ค่อนข้างยาก ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กทั้งสองกลุ่ม ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ด้วย” พญ.พรรณพิมล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาของเด็กออทิสติก คือ การเรียนรู้เรื่องเพศที่ไม่เข้าใจและเกิดปัญหากับเด็กทั่วไป พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า อยู่ที่การสอนของครู และพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะอย่าลืมว่า ร่างกายเขาเติบโตขึ้น แต่ยังขาดการเรียนรู้ที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญพ่อแม่และครูต้องเข้าใจจุดนี้ และสอนอย่างถูกวิธี ซึ่งจริง ๆ ครูที่ผ่านการอบรมมาจะเข้าใจและรู้วิธีในการแก้ปัญหาของการสื่อสารและการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มนี้ ขณะที่พ่อแม่เด็กต้องใจเย็น ๆ และต้องรู้วิธีสอน ซึ่งสำคัญมาก เนื่องจากพ่อแม่ไม่รู้หรอกว่า เมื่อลูกไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมภายในบ้าน อยู่ข้างนอกจะเจออะไร หรือลูกจะมีพฤติกรรมอะไร ดังนั้น ต้องรับฟังทั้งหมด และหาทางแก้ปัญหากับครูที่ทางโรงเรียนจัดหาไว้
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ส่วนเด็กนักเรียนทั่วไปขอให้เข้าใจเพื่อนด้วย เนื่องจากเขาไม่ได้ผิด แต่เขาเรียนรู้ไม่ถูกวิธี หากเรารู้สึกว่าเขาเล่นแรง หรือทำอะไรที่เราไม่พอใจ ให้ใจเย็น ๆ โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชายอย่าใจร้อนไปทำร้ายร่างกาย ให้รีบไปบอกครูแนะแนว หรือครูผู้สอน และควรให้โอกาสเขา หากเขาสามารถปรับตัวได้ แต่สำหรับเด็กผู้หญิงที่รู้สึกไม่ชอบ เพราะบางครั้งมีการเล่น หรือพูดเรื่องเพศไม่เหมาะสมให้หลีกเลี่ยงการพูดคุย ไปบอกครูเช่นกัน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่