ผอ.ร.ร.เตรียมอุดมร้อง “นายก อบจ.” โคราชสั่งเด้งไม่เป็นธรรม โร่แจ้งจับคนโพสต์ใส่ร้ายทำเสียหาย (ชมคลิป)

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้าโคราช พร้อมรอง ผอ. และผู้ปกครองนักเรียน โร่แจ้งความเอาผิดผู้โพตส์ข้อความทำให้เสียหาย กรณีถูกนายก อบจ.ย้ายด่วน พร้อมเรียกร้องขอความเป็นธรรมเหตุถูกย้ายไม่มีเหตุผล ลั่นขอให้มีการไต่สวนสาธารณะ พ้อรู้สึกท้อใจ เผยหากถูกยื้อสอบนานเป็นปีไม่ขอลาออก ยึดอาชีพครูอีก ด้านทหาร ทภ.2 นัดเคลียร์ด่วนพรุ่งนี้

วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายไพศาล มีสวัสดิ์ อายุ 58 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา และ นายชาติ เงินจังหรีด รองผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าฯ ถูกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมามีคำสั่งย้ายด่วนเมื่อวันที่ 3 พ.ค. จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าไม่เป็นธรรมและนักการเมืองรังแกข้าราชการที่มีผลงานดีเลิศนั้น

ล่าสุดวันนี้ ที่ สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายไพศาล มีสวัสดิ์ อายุ 58 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนปากช่อง 2 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย นายชาติ เงินจังหรีด อดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าฯ กว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประภาส มะเริงสิทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน.) สภ.โพธิ์กลาง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อสื่อมวลชนท้องถิ่นรายหนึ่งที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวและแชร์ผ่านกลุ่ม “ข่าวเรื่องเล่าข่าวโคราช” ทำให้เกิดความเสียหาย

ในกรณีถูกสั่งย้าย โดยอ้างว่ามีสาเหตุการเรียกรับเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนรายละ 2-3 หมื่นบาทผ่านสมาคมหนึ่ง และยังมีข้อความอื่นที่เป็นการใส่ความให้เกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียงทั้งที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อผู้โพสต์ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและข้อหาอื่นตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

พ.ต.ท.ประภาสกล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนก่อนเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ ยืนยันว่าจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

นายไพศาล มีสวัสดิ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้า นครราชสีมา ที่ถูกนายก อบจ.นครราชสีมาสั่งย้ายด่วน กล่าวว่า วันนี้ได้มาปกป้องสิทธิของตนเองเนื่องจากการโพสต์ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงทำให้ตนได้รับความเสียหาย จากนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการสอบสวนและดำเนินการต่อผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อไป ซึ่งตนไม่เคยรู้จักกับผู้ที่โพสต์ทราบเพียงว่าเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่นเท่านั้น

นายไพศาลยังเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูกสั่งย้ายอย่างไม่เป็นธรรมว่า จากคำสั่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาที่ 1922/2559 ลงนามโดย ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา มีคำสั่งให้ตนไปรักษาการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนปากช่อง 2 และ นายชาติ เงินจังหรีด รองผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ ไปรักษาราชการแทนรองผู้อำนวยการโรงเรียนปราสาทวิทยาคม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2559 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 10 พ.ค. 2559

โดยในคำสั่งไม่มีการระบุสาเหตุของการโยกย้ายแต่อย่างใด ซึ่งการย้ายครั้งนี้ทำอย่างเร่งด่วนและดูไม่ปกติ เพราะเป็นการย้ายนอกฤดูกาล แต่ตนยินดีไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง แต่อยากเรียกร้องไปยังผู้ปกครอง ประชาชนทั่วไปหรือสื่อมวลชนว่า ที่ตนมาแจ้งความเพื่ออยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นข้าราชการคนหนึ่ง ตนได้รับความเสียหายอย่างยิ่งจากการที่มีผู้เผยแพร่ในเฟซบุ๊กกล่าวหาเรื่องเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ เรื่องรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ เรื่องการใช้เงินไม่โปร่งใส ซึ่งไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ การถูกโยกย้ายแต่งตั้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่การย้ายรอบนี้ไม่น่าจะปกตินัก เพราะไม่ใช่ฤดูกาลโยกย้าย ที่สำคัญคือการย้ายไม่มีเหตุผลชัดเจนว่าทำอะไรผิดย่างไร เพราะโดยปกติทั่วไปหากจะให้ความเป็นธรรมต้องตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเสียก่อน ถ้าตนทำผิดก็สามารถย้ายได้ และตนไม่คิดที่จะอุทธรณ์

ส่วนที่นายก อบจ.นครราชสีมาบอกว่าได้ตั้งคณะกรรมการสอบภายในขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากผลสอบไม่ผิดก็สามารถกลับมาที่เดิมได้นั้น ขอขอบคุณท่านนายกแต่ไม่ทราบว่าในอนาคตต่อไปจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และตนเรียนว่าถ้ายืดเยื้อยาวนานถึง 1 ปีขึ้นไปตนก็ขอไม่กลับมาที่นี่อีก ส่วนจะลาออกหรือไปอยู่โรงเรียนอื่นนั้น ตนคิดว่าถ้าเกิน 1 ปีตนไม่สามารถจะแก้ไขหรือทำสิ่งที่ตนกำหนดได้ ตนก็จะกลายเป็นจำเลย ฉะนั้นอาจขอไปโรงเรียนเล็กๆ หรือไม่ก็อาจลาออกจากราชการไปเลย

สำหรับการสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ นั้นตนอยากให้มีการไต่สวนสาธารณะ ต้องการความเป็นกลาง และไม่เชื่อมั่นในคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ อบจ.ตั้งขึ้นมา เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตนคนเดียวแล้ว แต่มีทั้งผู้ปกครองทุกคนและนักเรียนที่มีส่วนร่วม ยอมรับว่าการย้ายครั้งนี้ให้รู้สึกท้อแท้ใจและเสียกำลังใจ แต่ก็ต้องทำหน้าที่ไป

นายไพศาลกล่าวถึงกรณีการจัดตั้งชมรมผู้ปกครองนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา และการใช้จ่ายเงินชมรมฯ ที่ถูกมองว่าไม่มีกฎหมายระเบียบรองรับซึ่งคาดว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการถูกสั่งย้ายในครั้งนี้ว่า ตนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อมุ่งหวังให้เป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพของจังหวัดนครราชสีมา และโรงเรียนมีค่าใช้จ่ายปีละ 20 ล้านบาท แต่ได้รับการจัดสรรงบจาก อบจ.มาปีละประมาณ 10 ล้านบาทเท่านั้น และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับครบ มีเพียงปี 2558 ที่ได้เงินเต็มจำนวน และเงินส่วนอื่นเป็นความช่วยเหลือของผู้ปกครองผ่านชมรมผู้ปกครองโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าฯ ที่มีความเห็นและข้อตกลงร่วมกันว่า ยินดีจ่ายเงินเข้าชมรมคนละ 15,000 บาทต่อภาคเรียนเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาด้านการศึกษาของลูกหลาน เช่น เรื่องการสร้างหอพัก, การจ้างครูพิเศษ, ด้านการพยาบาล เป็นต้น โดยตั้งแต่ปี 2552 (ปีก่อตั้งโรงเรียน) จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งทุกปีเงินที่ได้จากชมรมผู้ปกครองก็ถูกใช้หมดไปกับสิ่งเหลานี้

ขอยืนยันว่าทุกบาททุกสตางค์กลับคืนสู่ลูกหลานทั้งหมด และตนไม่เคยเรียกรับหรือรับประโยชน์จากเงินที่ผู้ปกครองจ่ายไปแต่อย่างใด และการบริหารงานชมรมก็เป็นไปด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ มีคณะกรรมการ 15 คน จำนวนนี้ 2 คนเป็นครูในโรงเรียน และมีตนเป็นรองประธาน ซึ่งการตั้งชมรมผู้ปกครองฯ ขึ้นนั้นก็เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ เรื่องของการมีส่วนร่วมไม่ได้เป็นการจัดตั้งขึ้นมาลอยๆ หรือเป็นชมรมเถื่อนตามที่ถูกกว่าวหาแต่อย่างใด และโรงเรียนอื่นๆ ก็มีการจัดตั้งชมรมลักษณะนี้เช่นเดียวกัน

“อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทุกเรื่องทำไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และอยากเรียกร้องให้มีการไต่สวนสาธารณะในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรมกับทุกคนทุกฝ่าย” นายไพศาลกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) เวลา 10.30 น. ตัวแทนทหารกองทัพภาคที่ 2 ได้นัดเจรจาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ทั้งทางจังหวัดนครราชสีมา , อบจ.นครราชสีมา และ ผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงอดีตผอ.และรอง ผอ. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา ที่ถูกย้าย เพื่อหาทางออกและข้อยุติร่วมกันที่ มณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ.21) ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา