มนต์รักอสูร ตอนที่ 3
เวลาผ่านไปช้าๆ ตอนนี้น้ำผึ้งนั่งเครียดรอฟังผลตรวจแม่อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ภูฤทธิ์ซึ่งขับรถไปรับและพาลำยองมาส่งโรงพยาบาลนั่งข้างๆ ตบบ่าเบาๆ เป็นเชิงปลอบขวัญ และให้กำลังใจ
“ขอบคุณนะคะคุณภู ที่พาแม่ผึ้งมาส่งที่นี่ ผึ้งนึกถึงใครไม่ออกก็เลยโทร.หาคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แถวนี้ก็มีแต่ไร่สวน จะหารถออกไปโรงพยาบาลก็ลำบาก โทรหาผมก็ถูกแล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณคุณภูจริงๆ ค่ะ”
หมอเดินออกมา หน้าตาเครียดเคร่ง
น้ำผึ้งเห็นรีบลุกมาถามอาการแม่ ภูฤทธิ์ตามมายืนฟังด้วย
“คุณหมอค่ะ แม่ดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“คนไข้อาการหนักครับ กระดูกเชิงกรานหัก ต้องได้รับการผ่าตัด”
น้ำผึ้งตกใจ “ผ่าตัดเลยเหรอคะ”
“ครับ แต่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถผ่าตัดให้เองได้ ต้องส่งตัวคนไข้ไปผ่าตัดที่กรุงเทพฯ ครับ ถ้าญาติพร้อมเมื่อไหร่เราจะรีบทำเรื่องส่งตัวคนไข้ไปพาตัดที่กรุงเทพฯ ทันที ช่วงนี้คนไข้จะมีอาการปวดอยู่ตลอด หมอจะฉีดยาบรรเทาปวดให้ไปก่อนนะครับถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอไปดูคนไข้รายอื่นต่อนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” น้ำผึ้งพยักหน้ารับ
คล้อยหลังหมอเดินไป น้ำผึ้งทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมารักษาพ่อกับแม่
เช้าอีกวันหนึ่ง อ้อยเดินหน้าบูด ท่าทีไม่สบอารมณ์ ถือแก้วน้ำวางกระแทกลงอย่างแรง จนครูสาวคนสวยที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกถึงกับสะดุ้งตกใจ จนเทิดกับผันเดินออกมา ครูคนใหม่ฉีกยิ้มหว่านเสน่ห์ให้เทิด พลางแนะนำตัว แต่อีกฝ่ายมองนิ่งเฉยๆ
“สวัสดีค่ะคุณเทิด ฉันอุไรค่ะ”
เทิดรับไหว้
“ลูกสาวป้าแย้ม ขายผักที่ตลาด เพิ่งจบครูมาเลยนะคะคุณเทิด” ชมพู่แนะนำ
เทิดมองนิ่งๆ ก่อนจะหันมาทางอ้อย
“อ้อย ไปตามคุณนันท์มารู้จักกับครูเขาไว้ซะ”
อ้อยเดินสะบัดสะบิ้งออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
ไม่นานนักคุณหนูนันท์ก็เดินหน้ามุ่ยเข้ามา มีหอมกับอ้อยตามมาด้วย
“ไหว้ครูเขาซะคุณนันท์ พ่อให้เขามาสอนหนังสือลูก”
นันท์มองแล้วยกมือไหว้อย่างไม่เต็มใจ
“แหม น่าตาน่ารักน่าเอ็นดูจังเลยค่ะ ครูชื่ออุไรนะคะ”
นันท์ไม่สนใจหันหน้าหนีไปมองทางอื่น จนอุไรหน้าเสีย
“พร้อมสอนวันนี้เลยไหม” เทิดถาม
ครูสาวระริกระรี้ “พร้อมค่ะ”
“ดี งั้นก็เริ่มเรียนกันได้เลย” เทิดหันไปหาผัน “ผันเราไปซ่อมฝายกันดีกว่า” แล้วหันมาดกำชับหอม “ดูแลคุณนันท์ให้ดี ถ้าไม่งั้นแกโดนดีแน่ไอ้หอม”
“ครับนาย”
“พ่อหวังว่าคุณนันท์จะตั้งใจเรียนนะ”
นันท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “แล้วพ่อจะไม่ผิดหวัง”
อุไรจับแขนเทิดอย่างสนิทสนม
“คุณเทิดไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อุไรจะตั้งใจสอน และดูแลคุณนันท์เป็นอย่างดี”
นันท์มองด้วยสายตาไม่พอใจ เทิดสะบัดแขนออก แล้วเดินนำผันออกไป
“มาค่ะคุณนันท์ เรามาเริ่มเรียนกัน”
นันท์ยิ้มร้าย แต่อุไรไม่รู้เรื่อง “ได้ครับคุณครู”
หอมกับชมพู่มองหน้ากันรู้ว่านันท์มีแผนเด็ดแกล้งครูสาวแน่ๆ
อ้อยยิ้มเยาะ
อุไรมานั่งรอสอนนันท์อยู่ในห้องสมุด ระหว่างรอก็จัดเตรียมพวกสื่อการสอนไปเรื่อยๆ นันท์เดินถือแก้วน้ำเข้ามา ทำตัวเป็นเด็กน่ารัก ยิ้มกันเองสุดฤทธิ์
“อ้าว คุณนันท์ นั่งก่อนค่ะ เรามาเริ่มเรียนกันเลยดีไหมคะ”
นันท์ยิ้ม “อย่าเพิ่งซิครับครู นันท์เห็นครูมาเหนื่อยๆ เลยเอาน้ำมาให้”
นันท์วางถาดแก้วน้ำลง ครูสาวมองเอ็นดูนันท์
“น่ารักจังเลย วางไว้ก่อนเลยค่ะคุณนันท์เดี๋ยวครูกิน”
“ไม่ได้นะครับ” นันท์ร้องลั่น
ครูสาวงง “คะ”
นันท์ทำเป็นอ้อน
“นันท์อุตส่าห์เอามาให้ ครูจะไม่ดื่มน้ำนี่หน่อยเหรอครับ”
นันท์หน้าเบะเหมือนจะงอแง ครูเลยเห็นใจ
“มาค่ะ เดี๋ยวครูกินเลย ไม่ร้องนะ”
ครูอุไรหยิบแก้วน้ำไปดื่ม นันท์ลอบยิ้มร้าย พอดื่มเข้าไปอุไรก็ทำหน้าพะอืดพะอมแปลกๆ
“อุนอัน” เธอหมายถึงคุณนันท์
นันท์ขำคิก
“อย่าพ่นออกมานะครู”
อุไรทำน้ำเสียงอู้อี้ๆ โวยวายในปาก จะคายก็ไม่ได้
นันทน์ขำก๊าก “สดชื่นไหมฮะครู น้ำส้มสายชู”
ครูสาวยืนดิ้นไปดิ้นมาแล้วก็วิ่งพรวดไปห้องน้ำ นันท์หัวเราะเสียงดังที่แผนสำเร็จ
หอมยืนมองส่ายหัว
“เอาจนได้ คุณนันท์”
ในขณะที่ เทิด ผัน และคนงานกำลังช่วยกันซ่อมฝายอยู่นั้น ไม่มีใครรู้ว่า พูนกำลังแอบมองอยู่จากมุมหนึ่ง
ไม่นานถัดมา เมื่อฟังรายงานจบลง เสี่ยทรงยศใช้ความคิดอย่างหนักอยู่ในห้องทำงาน มีพูนลูกน้องคู่ใจที่คาบข่าวมาบอกอยู่ด้วย
“เอาไงต่อดีครับนาย ไอ้เทิดกับพวกของมันกำลังช่วยกันซ่อมฝายแล้ว”
“มันซ่อมได้เราก็ทำลายมันอีกได้”
“นายจะให้ผมพาคนไปวางระเบิดฝายมันอีกหรือครับ”
เสี่ยหงุดหงิด “ไอ้พูนแกโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่วะ ตอนนี้มันคงให้พวกมันเฝ้าระวังอยู่ที่ฝาย มันจะได้แห่มาจับแกง่ายๆ คิดหาทางเล่นงานมันทางอื่นซิวะ ไร่มันออกจะใหญ่โต”
พูนคิดตามที่เจ้านายบอก
“ช่วงนี้มันให้ความสำคัญกับฝายเป็นพิเศษ ถ้าอย่างนั้น…”
ทรงยศนิ่งคิด สายตาจดจ้องมองที่ขวดไวน์ ยิ้มร้าย เมื่อคิดแผนชั่วได้ พูนมองนาย รอรับคำสั่ง
“ไอ้พูน แกรีบไปจัดการวางยาที่ไร่องุ่นของมัน” ทรงยศยกแก้วไวน์ขึ้นดอมดม “ดูซิมันจะทำยังไง”
พูนพยักหน้ายิ้มร้ายรับคำสั่ง ส่วนทรงยศยิ้มชั่วออกมาเต็มสีหน้า
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 3 (ต่อ)
อีกฟากทุกคนยังคงช่วยกันซ่อมฝายอย่างแข็งขัน เทิดเหงื่อโชกไปทั้งตัว เลื่อยไม้มาดอย่างเท่ห์ๆ ไม่ยอมพัก จนผันเดินมาหา
“นายครับ ไปพักก่อนเถอะครับ”
“อะไรกัน คนอื่นยังทำงานกันอยู่เลย จะพักได้ยังไง”
“ไปเถอะครับ นี่คนงานคนอื่นก็ทยอยพักแล้ว เดี๋ยวต้องลุยงานอีก”
เทิดพยักหน้า ก่อนจะเดินไป
ระหว่างนี้คนงานกลุ่มหนึ่งขนไม้ที่จะใช้ซ่อมฝายเข้ามา เป็นพวกไม้เก่ามีตะปูติดอยู่ ผ่านอีกกลุ่มที่นั่งทานข้าว เทิดสวนมาตอนนั้นพอดี คนงานขนไม้เดินมาไม่ทันเห็นพวกเศษไม้ที่เกะกะบนพื้นเลยสะดุด ไม้ที่มีตะปูกำลังจะร่วงลงมาใส่คนงานที่นั่งอยู่
เทิดเห็นเข้าร้องลั่น “ระวัง”
คนงานที่นั่งอยู่หลบไม้ที่กำลังจะร่วงทันอย่างเฉียดฉิว แต่เทิดเข้าไปขวางไว้พอดี ตะปูที่ติดอยู่กับไม้เลยเฉี่ยวเข้าที่แขนขูดกับเนื้อจนเลือดออก ผันตกใจวิ่งเข้าไปหานายทันที
“นาย”
เทิดมองที่แขนเห็นเป็นแผลลึก เลือดไหลออกมาเยอะมาก
“ฉันไม่เป็นอะไร จะทำอะไรก็ไปทำไป เดี๋ยวเลือดมันก็หยุด”
ผันเห็นเลือดแล้วทำหน้าเหยเก สยองปนแขยง
“แต่ผมว่าเป็นน่ะนาย ผมว่ารีบไปที่โรงพยาบาลเถอะ ไม่แน่อาจต้องเย็บ”
“จะไปทำไมเล่า เสียเวลา”
“ไปเถอะน่านาย ถือว่าผมขอแล้วกัน”
เทิดไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ต้องพยักหน้ารับ ผันประคองเทิดเดินออกไป คนงานทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง
ระหว่างที่ น้ำผึ้งเดินออกมาจากห้องตรวจของหมอ กำลังเครียดเรื่องอาการแม่ แต่สักพักก็ชะงัก เมื่อสายตามองไปเห็นอะไรบางอย่าง
เป็นเทิดกับผันเดินเข้ามาในโรงพยาบาล
น้ำผึ้งจำได้แม่น “นายหนวดนั่น”
ขณะที่เทิดกับผันเข้าไปติดต่อเคาท์เตอร์ น้ำผึ้งนิ่งนึกอะไรในใจ
“ไหนๆแล้ว ขอแก้แค้นให้มันหายเครียดหน่อยเถอะ”
ดูเหมือนน้ำผึ้งจะคิดแผนแก้แค้นเอาคืนนายหนวดขึ้นมาได้แล้ว
ไม่นานต่อมา น้ำผึ้งเดินออกมาจากห้องพักหมอของโรงพยาบาล ในชุดเสื้อกาวน์ ใส่ผ้าปิดปากไว้ดูไม่ออกว่าเป็นใคร หมอกำมะลอเดินตรงไปหาเทิดที่นั่งรอคิวรักษาอยู่
“คุณเข้ามาทำแผลค่ะ”
เทิดมองไปไม่เห็นใครจึงชี้ที่ตัวเองเป็นเชิงถาม น้ำผึ้งพยักหน้ารับ เทิดจึงเดินตามเข้าไปในห้องตรวจ เทิดนั่งลง น้ำผึ้งมองเทิดคิดร้าย ใช้สำลีซับเลือดเทิดอย่างแรง เทิดร้องด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย เบาหน่อยสิครับ”
“ขอโทษค่ะ หมอหนักมือไปนี้ด”
น้ำผึ้งหยิบขวดแอลกอฮอล์ล้างแผลมา จับแขนเทิดแน่น แล้วราดลงไปอย่างไม่รีรอ
“โอ้ย ทำบ้าอะไรเนี่ย”
เทิดแหกปากโวยวายลั่น จับมือน้ำผึ้งขืนไว้ พอมองจ้องนัยน์ตาน้ำผึ้ง แล้วคุ้นๆ กับดวงตาคู่นี้ เขากระชากร่างเธอมาใกล้ น้ำผึ้งหลบสายตากลัวเทิดจับได้ แต่รีบร้อนสะบัดมือ จนผ้าปิดปากดันหลุดออก เทิดจำได้ตกใจชี้หน้าน้ำผึ้ง
“นี่เธอ”
น้ำผึ้งรีบถอดเสื้อกราวน์ แล้วรีบเผ่นออกไปทันที เทิดจะตามแต่ล้มแหมะลงไปกับพื้น พยาบาลได้ยินเสียงเอะอะ โวยวาย วิ่งเข้ามาดูวุ่นวายช่วยเทิด ที่เอสแต่มองตามหมอกำมะลอไปอย่างแค้นใจ
ขณะคุยกับหมอ สีหน้าน้ำผึ้งเศร้าลงถนัดตา
“หมออยากให้ญาติเร่งตัดสินใจหน่อยนะครับ ถ้าไม่รีบผ่าตัดปล่อยไว้แบบนี้คนไข้จะยิ่งแย่ เพราะการฉีดยาแก้ปวดให้บ่อยๆ มันไม่ดีต่อร่างกายของคนไข้ครับ”
“คุณหมอช่วยทำเรื่องส่งแม่ดิฉันไปผ่าตัดที่กรุงเทพเลยได้ไหมคะ ฉันสัญญาค่ะว่าจะหาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัดให้ได้”
หมอคิดหนัก
“หมอเข้าใจญาตินะครับ แต่ยังไงเมื่อไปถึงที่นู้นก็ต้องมีค่าใช่จ่ายตามมาอีกมาก หมออยากให้ญาติเตรียมพร้อมไว้เลยดีกว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่บอกนะครับ หมอขอตัวก่อน”
หมอเดินออกไป น้ำผึ้งมองตามเครียดถึงขีดสุด
หลังจากนั้น น้ำผึ้งกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาทางประตูออก ตั้งใจจะหนีเทิดกลับบ้าน แต่ชนกับผันเข้าอย่างจัง ผันเงยหน้ามอง เห็นเป็นน้ำผึ้ง ก็ยิ้มทักทาย
“อ้าว หนูน้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งไหว้ลา รีบร้อนจะไป “สวัสดีค่ะลุงผัน”
ผันรับไหว้ “ไม่สบายหรอลูก ถึงมาโรงพยาบาล แล้วพ่อกับแม่เป็นไงบ้างล่ะ ลุงว่าจะไปหาที่บ้านก็มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องงานที่ไร่”
“น้ำผึ้งสบายดีค่ะ ส่วนพ่อกับแม่เข้าโรงพยาบาลด้วยกันทั้งคู่”
“อ้าว แล้วเป็นอะไรกันมากไหม”
“พ่อลื่นล้มข้อเท้าแตก ส่วนแม่ตกบันไดกระดูกเชิงกรานหัก ต้องรีบผ่าตัดค่ะ”
ผันตกใจ “แย่จริงน้ำผึ้งเอ้ย เดี๋ยวลุงจะไปเยี่ยมนะ
“ค่ะ ลุงผัน” น้ำผึ้งมองหากลัวเทิดตามมา
“เอาเป็นว่าทำใจดีๆ ลูก มีอะไรให้ลุงช่วยก็บอกได้เลย เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน พ่อหนูก็เพื่อนรักของลุง”
น้ำผึ้งยกมือไหว้ผันด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณค่ะลุงผัน”
เทิดนั่งหน้าหงิกมาตลอดทาง คิดแค้นน้ำผึ้งมาตลอดทาง นี่ถ้าหากเขารู้ว่าเธอเป็นคนเดียวกับที่ ผันร่ายยาวสรรพคุณแสนดีให้ฟังมาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลคงแทบกระอัก แต่ไม่วายเบ้หน้าไม่เชื่อ
“ดีเหรอ ไม่เห็นจะดีตรงไหน”
“นายว่าอะไรนะครับ”
เทิดเปลี่ยนเรื่อง “เปล่า แกขับรถให้มันเร็วๆ ซิวะ ฉันอยากกลับบ้านไปนอน ปวดแผลจะแย่แล้ว”
“ครับๆ”
ผันรีบขับรถตามที่นายสั่ง ขณะที่เทิดยังหงุดหงิดเรื่องน้ำผึ้งไม่หาย
เวลาเดียวกัน นันท์ กะ หอม เดินออกมาที่คอกแกะ มีครูอุไรเดินหน้าบูดตามมา ไม่ชอบเพราะร้อน
“คุณนันท์คะครูว่าเรากลับเข้าไปในบ้านดีกว่า ตรงนี้ร้อนมากๆ เลยนะคะ”
“นันท์อยากเรียนตรงนี้ครับ”
“ตรงนี้เหรอคะ แล้วจะเรียนยังไงละคะ” ครูบ่นบ้า “โอ๊ย ร้อนจะแย่แล้ว ผิวฉันไหม้หมดแล้วเนี่ย”
นันท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ มองไปในคอกเห็นขี้แกะ ในจังหวะที่ครูเผลอนันท์ฉวยโอกาสผลักร่างเธอจนล้มหงายท้องลงไปในคอกแกะ ทั้งตัวเปื้อนขี้แกะดูไม่จืด หอมตกใจ นันท์ขำก๊าก ชอบอกชอบใจ ส่วนครูสาวร้องกรี๊ดๆ ลั่นคอกแกะ
นันท์ยิ้มสะใจ
อุไรในสภาพเนื้อตัวเปื้อนเลอะไปด้วยขี้แกะ วิ่งมาที่ถังน้ำตรงลานหลังบ้าน รีบจ้วงตักน้ำราดหน้า ราดตัวล้างขี้แกะ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเกิดสะดุดกับบางอย่าง พอลืมตามองจึงเห็นเป็นหนอนเอย ไส้เดือนเอย เต็มตัวไปหมด ครูสาวกรี๊ดแตก เริ่มรู้สึกคันตามตัว เกาไปทั่ว
นันท์ตามมาแอบดู หัวเราะอย่างสะใจ อ้อยเดินมาหาตีมือไฮไฟว์กับนันท์อย่างรู้กัน หอมเห็นส่ายหัว
ผันจอดรถหน้าเรือนหลังใหญ่ เทิดลงรถ ผันรีบตามมา
จังหวะนี้ครูอุไรวิ่งขวัญกระเจิงร้องไห้โวยวายออกมาจากบ้าน สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวเปียกปอน คันคะเยอไปทั้งตัว โดยมีหอมกับชมพู่วิ่งตามหลังมา เทิดเห็นสภาพแล้วตกใจ รีบดักเอาไว้
“เดี๋ยวครู เกิดอะไรขึ้น”
ครูสาวร้องไห้ท่าทีตื่นกลัวสุดขีด
“คุณเทิดขา อุไรอยู่ไม่ได้แล้ว อุไรสอนลูกคุณเทิดไม่ได้หรอกนะ เด็กอะไร นรกส่งมาเกิดชัดๆ ฮือ ฮือ”
ครูสาววิ่งเตลิดออกจากบ้านไป ชมพู่วิ่งตามเรียกไว้แต่ไม่ทัน
“อุไรเดี๋ยวก่อน”
ชมพู่รีบตามอุไรไป
เทิดมองเข้าไปในบ้าน เห็นนันท์ยืนมองผลงานตัวเองอยู่อย่างสะใจ เทิดส่ายหัว
เทิดโมโหมาก ยืนคุมแค้นมองนันท์ที่นั่งนิ่ง ไม่สนใจ และไม่รู้สึกผิด
“พ่อบอกนันท์ให้ตั้งใจเรียนทำไมถึงไม่เชื่อฟังพ่อ”
“นันท์ไม่ชอบครู”
“ไม่ชอบเลยแกล้งเขางั้นเหรอ”
“คิดจะมาจับพ่อ อยากมาเป็นแม่ใหม่นันท์ นันท์ไม่ยอมหรอก”
“ไร้สาระ ถึงยังไงนันท์ก็ไม่ควรทำตัวแบบนี้เป็นเด็กเกเรชอบแกล้งคน”
“พ่อว่านันท์ดุนันท์ เพราะพ่ออยากมีเมียใหม่ จะหาแม่ใหม่ให้นันท์ใช่ไหม” เด็กชายเริ่มพาล
เทิดสุดทนตะคอกลูกเสียงดัง “นันท์ไปเอาความคิดบ้าๆนี้มาจากไหน”
ผันรู้ทันทีว่าเป็นผลงานใคร มองตาขวางไปยังลูกสาว อ้อยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“นันท์พูดถูกตรงใจพ่อใช่ไหมล่ะ” เด็กชายว่า
เทิดบันดาลโทสะ ทนไม่ไหว เข้าไปตีนันท์ด้วยมือข้างเดียวด้วยความโกรธ ผันรีบเข้ามาห้าม
“ไอ้หอมมาพาคุณนันท์ออกไป”
หอมรีบเข้ามาพานันท์หนีออกมาห่างเทิด นันท์เอาแต่ร้องไห้โฮๆ
“พ่อตีนันท์ ฮือ ฮือ พ่อไม่รักนันท์ ไม่รักแม่กานดา จะหาแม่ใหม่ให้นันท์ นันท์ไม่ยอม นันท์เกลียดพ่อ”
นันท์เสียใจน้อยใจสุดๆ ผลักหอมแล้ววิ่งหนีไป เทิดมองตามลูกที่ร้องไห้แล้วอดใจหายไม่ได้
เทิดนั่งลงมองรูปพริมอยู่ในห้องทำงาน
“พริม ผมขอโทษ ผมตีลูก ผมทำร้ายลูก ผมไม่ได้ตั้งใจนะกานดา”
เทิดมองจ้องมือตัวเองที่ตีลูกชายชั่วขณะหนึ่ง แล้วชกเปรี้ยงเข้ากับฝาผนังเต็มแรงเพื่อทำโทษตัวเอง
“ทำไมลูกถึงมองผมแบบนั้น ผมรักลูก และรักคุณคนเดียว พริม”
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 3 (ต่อ)
รุ่งเช้า ฟ้าใสคุยโทรศัพท์กับน้ำผึ้งอยู่ในโถงบ้าน
“น้ำผึ้ง แกโอเคนะ ช่วงนี้ที่รีสอร์ตมีแขกมาพักตลอดเลยฉันต้องคอยดูแล แล้วจะหาเวลาไปเยี่ยมพ่อกับแม่แกนะ ดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้าแกป่วยไปอีกคนจะยิ่งแย่” หญิงสาวปรายสายตามองไป เห็นทรงยศเพิ่งกลับเข้าบ้านมาพอดี “แค่นี้ก่อนนะน้ำผึ้ง” ฟ้าใสวางสายแล้วหันไปทักทรงยศเสียงดุ “หยุดนะพี่ยศ”
ทรงยศหยุดกึก ยิ้มแห้งๆให้น้องสาว ฟ้าใสหน้าบึ้งไม่พอใจ
“เมื่อคืนไปไหนมา ทำไมกลับมาป่านนี้”
“โธ่ฟ้า ฟ้าจำไม่ได้เหรอว่าไม่ให้พี่กลับบ้านดึก พี่เลยกลับเช้าเลยทีเดียว”
“ไม่ต้องมายอกย้อน เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีนะ”
ทรงยศจะเดินหนี
ฟ้าใสเรียกไว้ “จะไปไหน ฟ้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
“เดี๋ยวนี้”
“ใช่เดี๋ยวนี้”
ทรงยศสุดเซ็งแต่ยอมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ฟ้าใสเดินมานั่งข้างๆ มองหน้าพี่ชาย
“พี่ยศ ฟ้าว่าเรายกเลิกสัญญากู้ยืมเงินของน้ำผึ้งเถอะนะ หรือไม่ก็ไม่ต้องเก็บดอกเบี้ยก็ได้ ฟ้าสงสารน้ำผึ้ง ตอนนี้น้ำผึ้งถูกพักงาน พ่อกับแม่ก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลทั้งคู่ แม่ก็ต้องใช้เงินผ่าตัดด่วนอีก นะพี่ช่วยน้ำผึ้งเถอะ”
ทรงยศคิดปราดเดียว
“ได้”
ฟ้าใสมองพี่ชายงงๆ
แต่ก็ดีใจ “จริงนะพี่ พี่ชายฟ้าหล่อสุดๆ เลย”
ทรงยศยิ้ม เจ้าเล่ห์ “มันง่ายมากใช่ไหมล่ะ ฟ้าไปบอกน้ำผึ้งนะให้เตรียมตัวแต่งงานกับพี่ มาเป็นเมียพี่ หนี้สินที่มีต่อกันเป็นอันยกเลิกทั้งหมด”
ฟ้าใสหุบยิ้มทันที “พี่ยศ ฟ้าว่าแล้วเชียวไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น พี่ยศทำไมต้องมายุ่งกับน้ำผึ้งด้วย น้ำผึ้งเป็นเพื่อนฟ้านะ”
“แล้วยังไงล่ะ เพื่อนน้องจะมาเป็นเมียพี่ไม่ได้เหรอ”
“พี่ยศก็มีสาวๆตั้งมากมาย กี่คนแล้วล่ะที่พอเบื่อแล้วก็ทิ้ง”
“สาวๆ พวกนั้นต้องการเงินจากพี่ จะให้พี่ทำไงให้เงินฟรีเหรอ พี่ไม่ได้ใจดีขนาดนั้น”
“แล้วพี่เคยคิดบ้างไหมว่าถ้าฟ้าถูกกระทำแบบนั้นบ้างจะเป็นยังไง”
“พี่จะฆ่ามัน” ทรงยศบอกทันควัน
“เห็นไหม ขนาดพี่ยังห่วงฟ้า ผู้หญิงพวกนั้นเขาก็ต้องมีพ่อแม่ที่คอยห่วง หยุดเถอะพี่ยศ ฟ้าอยากเดินไปไหนมาไหนแล้วได้ยินเสียงชื่นชม สรรเสริญพี่ชายตัวเองมากกว่าคำด่าสาปแช่งนะ”
“พี่รู้ว่าฟ้าหวังดีแล้วก็เป็นห่วงพี่ แต่เรื่องของน้ำผึ้งคงไม่ได้ เพราะหนี้สินที่มีมันมีตั้งแต่รุ่นพ่อ ซึ่งพี่คงยอมให้ไม่ได้ ไม่งั้นเกิดเตี่ยลุกขึ้นมาจากฮวงซุ้ยหักคอพี่จะทำยังไงล่ะ ทางออกที่ดีที่สุดมีทางเดียว น้ำผึ้งต้องมาเป็นเมียพี่ มาดองกันไว้ จบนะจ๊ะน้องสาว”
ทรงยศลุกเดินหนีไป ฟ้าใสมองตามอย่างขัดใจ
ฟากเทิดนั่งเครียดอยู่ในห้องทำงาน ผันเดินเข้ามาหาเห็นผ้าพันแผลที่มือเทิดข้างที่ตีนันท์ ก็เข้าใจและเห็นใจผู้เป็นนาย
“นายครับ เครียดเรื่องคุณนันท์เหรอครับ”
“ฉันอยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดี ไม่ต้องเรียนเก่งมากมาย แค่ขอให้มีความรู้ติดตัว โรงเรียนก็ไม่ไป หาครูมาสอนที่บ้านก็ไม่ยอมเรียน ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วผัน”
“ผมเข้าใจนายครับ นายรักคุณนันท์มาก เอาอย่างนี้ครับนาย ผมจะช่วยหาครูมาให้”
เทิดมองผัน
“คราวนี้จะต้องดีกว่าครูคนก่อน เก่ง ฉลาด กว่านังอ้อย แน่นอน ผมเอาหัวเป็นประกัน”
“ถ้าแกมั่นใจขนาดนั้นก็ลองดู”
เห็นผันยิ้มท่าทีมั่นใจ ทำให้เทิดเริ่มผ่อนคลายลง
ผันแวะมาเยี่ยมที่บ้านตามที่บอกกับน้ำผึ้งไว้ กำลังนั่งลงข้างเตียงพักพื้นของวัน โดยมีน้ำผึ้งอยู่ด้วย
“ขอบใจมากเพื่อนอุตส่าห์มาเยี่ยม”
“ขอบใจอะไรกัน เรามันเพื่อนกันนะ ฉันมาเยี่ยมแกช้าไปด้วยซ้ำ”
“แกต้องทำงาน แล้วที่ไร่เป็นยังไงบ้าง”
“ดีเลยล่ะทั้งกาแฟทั้งองุ่น ทำผลผลิตได้ดี แปรรูปส่งออก ยิ่งส่งนอกเงินยิ่งดี เจ้านายฉันเก่งคิดทำอะไรก็ได้แต่กำไร”
“ถ้าตาฉันมันมองชัดกว่านี้คงไปทำงานกับแกที่ไร่ด้วย จะได้มีรายได้ช่วยลูกอีกทาง”
“เอาเถอะเพื่อน ยังไงก็รักษาตัวไปก่อน” ผันหันมาไถ่ถามน้ำผึ้ง “วันนี้ไม่ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนหรือหนูน้ำผึ้ง หรือลางานมาดูพ่อกับแม่”
“ไม่ได้ลาหรอกค่ะลุงผัน น้ำผึ้งโดนพักงานสอน 3 เดือน”
ผันตกใจ และเห็นใจ
“ถ้าอย่างนั้นหนูคงไม่ติดขัดอะไร เพราะลุงมีงานให้หนูทำ”
น้ำผึ้งฉงนฉงาย “งาน”
วันนอนพักผ่อน น้ำผึ้งอกมานั่งคุยกับผันอยู่ตรงระเบียงบ้าน ดวงตาของน้ำผึ้งเต็มไปด้วยความหวัง
“สอนหนังสือเด็กเหรอคะ”
“ใช่จ่ะ สอนลูกชายของเจ้านายลุงเอง”
“แค่สอนพิเศษช่วงเย็นเหรอคะ”
“ไม่ใช่ลูก หนูน้ำผึ้งต้องสอนทั้งวัน”
“สอนทั้งวัน ทำไมคะ เด็กไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอคะ”
“คุณนันท์ไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะไม่อยากไป ย้ายมาหลายโรงเรียนแล้ว คุณนันท์เป็นเด็กที่ชอบต่อต้าน แต่จริงๆ แล้วเป็นเด็กน่าสงสาร ขาดแม่ เราต้องรู้จักเข้าหา”
“ท่าทางงานจะยากนะคะ เรื่องสอนคงไม่ยากเท่ากับต้องเข้าหาเด็กให้ได้”
“ลุงเชื่อว่าน้ำผึ้งทำได้”
ด้วยสถานการณ์ชีวิตยามนี้ น้ำผึ้งนิ่งคิด และตัดสินใจไม่นาน
“ตกลงค่ะ น้ำผึ้งรับงานนี้ แต่น้ำผึ้งมีเรื่องจะขอร้องค่ะ น้ำผึ้งขอเบิกเงินล่วงหน้าก่อนค่ะ”
เทิดฟังเงื่อนไข ถึงกับยั๊วะ วางแก้วเหล้าลงอย่างแรง
“ขอเบิกเงินล่วงหน้า ทั้งที่ฉันยังไม่เห็นเลยว่าจะสอนลูกฉันได้ไหมเนี่ยนะ”
“นายครับ แต่ครูคนนี้เชื่อได้เลยครับว่าต้องสอนคุณนันท์ได้ดี เอาคุณนันท์อยู่ เราไม่มีอะไรต้องเสียนะครับ”
“ก็เสียเงินนี่ไง”
“เสียเงิน ก็เท่ากับเราทำสัญญากับเขาไว้ว่าเขาจะต้องสอนคุณนันท์ให้ครบตามเงินล่วงหน้าที่เบิกไปนะครับ ถ้าสอนไม่ครบเราก็ฟ้องร้อง เรียกตำรวจมาจับ นายครับผมรับประกันด้วยอีกแรงครับ”
“ฉันเห็นแก่แกนะผัน แล้วฉันก็เชื่อใจแก เดี๋ยวแกเอาเงินไปให้เขา แล้วพรุ่งนี้พามาเจอฉัน”
“ขอบคุณครับนาย”
ผันยิ้มดีใจ ได้ช่วยทั้งเพื่อน และเจ้านาย
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 3 (ต่อ)
รถตู้แล่นเข้ามาจอดหน้ารีสอร์ต ฟ้าใสลงจากรถ เปิดประตูให้แขกของรีสอร์ต
“พักผ่อนกันให้เต็มที่นะคะ เดี๋ยวค่ำนี้เราจัดเตรียมอาหารสุดพิเศษไว้ให้ทุกคนค่ะ”
แขกพากันยิ้มแย้ม มีความสุข ทยอยกันไปพักหลังจากกลับไปเที่ยวชมไร่ มีแขกคนหนึ่งเดินมาหาฟ้าใส
“คุณฟ้าใสครับ ผมมีเรื่องให้ช่วยครับ”
“เรื่องอะไรค่ะ”
“ผมจะขอแฟนแต่งงาน แต่อยากได้สถานที่สวยๆ เป็นทุ่งดอกไม้สวยๆ จะดีมากครับ เพราะแฟนผมชอบดอกไม้มาก”
ฟ้าใสคิดถึงไร่ของภูฤทธิ์ขึ้นมา แล้วยิ้มร่า
“ไม่มีปัญหาค่ะ สถานที่แบบนั้น ฟ้าใสเนรมิตให้ได้ พรุ่งนี้ฟ้าจะให้คำตอบนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
แขกเดินยิ้มไปทางห้องพัก ฟ้าใสรีบกดโทร.หาภูฤทธิ์แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ”
รีสอร์ตของฟ้าใส จัดเลี้ยงอาหารค่ำแบบบุปเฟต์ให้กับแขกที่มาพัก ฟ้าใสเดินยิ้มแย้มทักทายและดูแลแขกอย่างเป็นกันเอง
ฟ้าใสยิ้มให้แขกชายที่คุยกันเมื่อตอนเย็น ว่าอยากจะได้ทุ่งดอกไม้สวยๆ เพื่อเซอร์ไพร้ส์ขอแฟนแต่งงาน
สักครู่ฟ้าใสเดินหลบมาโทร.หาภูฤทธิ์ แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสาย ก็รู้สึกเป็นห่วง
“ไม่รับโทรศัพท์ จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ” ฟ้าใสหันเรียกลูกน้อง “พิมพ์ๆ”
ลูกน้องสาวรีบเดินเข้ามาหา
“ฝากดูแลแขกด้วยนะ เดี๋ยวฟ้าไปธุระแป๊บนึง”
“ค่ะคุณฟ้า”
ฟ้าใสรีบออกไป ด้วยใจที่เป็นห่วงภูฤทธิ์เต็มประตู
ภูฤทธิ์เดินออกมาพร้อมกับน้ำผึ้ง โดยด้านหลังสองคนเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของน้ำผึ้งจอดอยู่
“ขอบคุณคุณวุฒิมากนะคะที่ช่วยเหลือน้ำผึ้งมาตลอด”
“ให้ผมไปส่งดีกว่านะครับ พรุ่งนี้ค่อยมาเอารถ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้ำผึ้งขี่กลับได้” น้ำผึ้งมองรถมอเตอร์ไซค์อย่างซาบซึ้ง “มันดูใหม่มากเลยนะคะ ส่วนค่าซ่อมรถคุณวุฒิหักจากค่าจ้างน้ำผึ้งไปเลยนะคะ”
“คุณน้ำผึ้งครับมาทำงานที่ไร่ของผม เป็นพนักงานประจำเลยดีไหมครับ”
“ขอบคุณนะคะ งานบัญชีเป็นงานที่น้ำผึ้งทำได้ก็จริง แต่ไม่ใช่อาชีพที่น้ำผึ้ง น้ำผึ้งอยากเป็นครู น้ำผึ้งอยากสอนหนังสือเด็กคะ แล้วตอนนี้น้ำผึ้งก็ได้งานสอนพิเศษแล้วเงินดีด้วยนะคะ”
ภูฤทธิ์อึ้ง
“ที่จริงน้ำผึ้งก็ตั้งใจจะมาบอกคุณ ว่าน้ำผึ้งคงมาทำงานที่ไร่คุณไม่ได้แล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้าย”
ภูฤทธิ์ตกใจ “อะไรนะครับ”
“น้ำผึ้งต้องขอบคุณคุณวุฒิอีกครั้งนะคะ น้ำผึ้งไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้นอกจากคำว่าขอบคุณ”
ภูฤทธิ์จับมือน้ำผึ้งมากุม “ที่ผมทำไป เพราะผมอยากทำ อยากช่วยเหลือคุณน้ำผึ้งจากใจจริง ถ้าคุณน้ำผึ้งมีปัญหาอะไรรีบบอกผมนะครับ”
ภูฤทธิ์มองตาน้ำผึ้งอย่างลึกซึ้ง เผยความในใจจนสิ้น
“คุณน้ำผึ้งครับ ผมรัก…”
น้ำผึ้งไม่ทันได้ซึ้ง มองไปด้านหลัง “ฟ้าใส”
ฟ้าใสเห็นภูฤทธิ์จับมือน้ำผึ้งก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ พยายามข่มอารมณ์ น้ำผึ้งรีบดึงมือออกจากการกอบกุมของภูฤทธิ์
“เอ่อ ...คุณฟ้าใสมีธุระ…”
ฟ้าใสอดน้อยใจไม่ได้ พูดสวนทันที “โทรศัพท์เขามีไว้ใช้นะคะ ไม่ได้มีไว้เก็บ”
“คุณฟ้าใสโทร.หาผมเหรอครับ พอดีผมวางไว้ที่ห้องทำงาน”
“ฉันรู้นะคะว่าคุณติดธุระสำคัญ” ฟ้าใจเหน็บ มองน้ำผึ้งแว่บหนึ่งอย่างไม่พอใจนิดๆ “แต่ควรสละเวลาที่มีน้อยนิดเอาใจใส่คนอื่นที่เป็นลูกค้าบ้าง ไม่อย่างนั้นเราคงทำธุรกิจร่วมกันไม่ได้อีก”
ภูฤทธิ์หน้าเสีย “ผมขอโทษครับ”
“ฉันจะขอความร่วมมือขอใช้สถานที่สวนดอกไม้ของคุณ ให้กับแขกของฉันทำเซอร์ไพร้ส์แฟนแต่งงาน คุณคงไม่มีปัญหาอะไรนะคะ”
“ได้ครับ”
แรงหึงหวงทำให้ฟ้าใสเผลอมองน้ำผึ้งอย่างเหยียดหยัน น้ำผึ้งเห็นสายตาที่เพื่อนมองมาก็รู้สึกไม่ดี
“น้ำผึ้ง พ่อกับแม่เธอไม่สบายนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล เธอควรจะไปดูแลท่านนะ หรือไม่ก็ควรนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่ตะลอนอยู่ข้างนอกแบบนี้ หรือเธอชอบความลำบาก จะได้เรียกร้องความเห็นใจจากคนอื่น”
ฟ้าใสสะบัดตัว จะเดินหนีไปขึ้นรถ น้ำผึ้งรีบเรียกไว้
“ฟ้าใส”
แต่ฟ้าใสไม่หันกลับมา เดินขึ้นรถขับออกไปเลย
น้ำผึ้งมองตามเพื่อน รู้สึกแย่เอามากๆ ภูฤทธิ์งุนงงกับอาการของฟ้าใส
ฟ้าใสขับรถมาจอดหน้าทางเข้าไร่ภูฤทธิ์ ร้องไห้ออกมา โดยนึกโกรธตัวเองที่ไปพาลน้ำผึ้ง
“แกจะบ้าไปแล้วเหรอฟ้าใส ไปโมโหใส่เขาทำไม เป็นอะไรกับเขา นั่นก็น้ำผึ้งเพื่อนเรา ไปว่าเพื่อนแบบนั้นได้ยังไง และเขาสองคนจะรักกัน ชอบกันมันก็เรื่องของเขา”
ฟ้าใสเช็ดน้ำตาไป บ่นบ้าด่าว่าตัวเองไป
“ร้องไห้ทำไมเนี่ย หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะฟ้าใส หยุดๆ ฮือ ฮือ”
ฟ้าใสร้องไห้ยกใหญ่จนหนำใจ ก่อนจะขับรถออกไป สวนกับรถของพูนที่ขับแล่นเข้ามา
เช้าวันนี้ รถที่ผันเป็นคนขับ แล่นตามทางเข้ามาในไร่ น้ำผึ้งเหลียวซ้ายมองขวา ดูอาณาบริเวณไร่ของเทิดอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะทั้งสวยงาม ร่มรื่น และกว้างใหญ่ไพศาลมาก
รถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านพัก น้ำผึ้งลงจากรถพร้อมกับผัน
“น้ำผึ้งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวลุงไปบอกนายก่อน”
น้ำผึ้งยิ้ม “ค่ะ”
น้ำผึ้งมองสำรวจบ้านไปทั่ว สักครู่เทิดจึงเดินออกมาพร้อมกับผัน
“น้ำผึ้ง นี่คุณเทิด”
น้ำผึ้งหันมาเห็นเทิด ก็ตะลึงตะไล เทิดเองก็ตกใจไม่ต่างกัน
“เธอ”
“คุณ”
เทิดหันหลังหนีทันที แทบอยากจะเดินหนีเข้าบ้าน
น้ำผึ้งถอนหายใจ อยากกลับบ้านไปให้พ้นๆ ตรงนี้ ส่วนผันมองสองคนอย่างงุนงง
“พังๆ”
เทิดบ่นงึมงำ เช่นเดียวกับน้ำผึ้งที่เข่นเขี้ยวขุ่นเคืองใจเอามากๆ
สองคนยืนประจันหน้า ทั้งหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ในกันและกัน ราวกับเป็นอริกันมาแต่ชาติปางไหนก็ไม่ปาน
ไม่นานต่อมา น้ำผึ้งเดินลิ่วๆ ไปทางประตูออกจากไร่ หน้าตาบึ้งตึง ไม่พอใจ และไม่อยากทำงานกับเทิด โดยมีผันวิ่งตามมาติดๆ ร้องเรียกทัดทานไว้
“เดี๋ยวก่อนหนูน้ำผึ้ง หยุดก่อน”
น้ำผึ้งหยุดเดิน ผันวิ่งมาดักหน้าครูสาวไว้
“หนูน้ำผึ้งจะไปไหน”
“ลุงผันน่าจะบอกน้ำผึ้งก่อนนะคะว่าคนที่จ้างน้ำผึ้งเป็นใคร ถ้าน้ำผึ้งรู้ น้ำผึ้งจะไม่เสียเวลามา”
“ลุงไม่รู้หรอกนะว่าหนูกับคุณเทิดเคยมีปัญหาอะไรกัน แต่ลุงอยากให้หนูทำงานกับคุณเทิดแล้วจะรู้ว่าจริงๆแล้วคุณเทิดเป็นคนดี”
น้ำผึ้งไม่เชื่อเด็ดขาด “คนดีเหรอคะ ไม่จริงหรอกค่ะ เท่าที่หนูเห็น เขาเป็นคนใจไม้ใส่ระกำใจดำอัมหิตมากกว่า”
ผันโน้มน้าว พูดด้วยเหตุผล “คิดให้ดีนะน้ำผึ้ง หนูรับเงินล่วงหน้าจากคุณเทิดไปแล้ว อยู่ดีๆ จะมาเบี้ยวไม่ทำงาน ลุงว่าหนูทำไม่ถูกนะ”
น้ำผึ้งคิดหนัก
“คุณเทิดเป็นคนดี มีน้ำใจ ถ้าหนูไม่เชื่อลองมาสัมผัสด้วยตัวเองก็แล้วกัน ถ้าไม่ดีจริงอย่างที่ลุงว่า หนูจะลาออกไม่ทำงานต่อ ลุงก็จะไม่ห้าม”
น้ำผึ้งมองหน้าผัน ท่าทีของเธออ่อนลงไป คำพูดการันตีของเพื่อนสนิทพ่อ ทำให้เธอได้แต่ทอดถอนหายใจคิดหนัก
อ่านต่อตอนที่ 4