xs
xsm
sm
md
lg

มนต์รักอสูร ตอนที่ 6

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มนต์รักอสูร ตอนที่ 6

น้ำผึ้งมาถึงไร่ตอนเช้าเช่นเคย เจอกับเทิดและผันที่กำลังจะออกไปไร่พอดี น้ำผึ้งชะงัก มองหน้าเทิดแล้วเมินหนี สองคนมีท่าทางมึนตึงใส่กัน น้ำผึ้งตั้งใจจะเดินเลี่ยงเข้าบ้านเลย แต่ถูกเทิดเรียกไว้

“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
น้ำผึ้งหันมา “ว่าไงคะ”
เทิดเดินตรงมาหา มองหน้าคาดโทษเอาเรื่อง
“วันนี้ฉันหวังว่านันท์จะได้เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักทีนะ ถ้ากลับมาแล้วเจอว่ามีเรื่องอะไรอีก ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
“ฉันจะพยายามค่ะ แต่ไม่รับปาก”
“ทำไมรับปากไม่ได้”
“ฉันบอกว่าฉันจะพยายาม แต่ให้ฉันพยายามคนเดียวมันไม่ได้ผลหรอกค่ะ
“เธอหมายถึงอะไร”
“แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ ฉันเป็นครู ฉันก็จะทำหน้าที่ของฉันเท่าที่ทำได้ ไม่ได้มีหน้าที่มายุ่งเรื่องของคนอื่นอย่างที่คุณบอกไว้ ขอตัวนะคะ”
น้ำผึ้งเดินหนีเข้าบ้านไป เทิดคุมแค้นได้แต่เจ็บใจ ผันกลุ้ม

น้ำผึ้งเริ่มสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้นันท์ มีหอม กับ อ้อย เรียนด้วย นันท์ไม่ได้สนใจเรียนสักนิด เอาแต่วาดการ์ตูนเล่น หอมกับอ้อยก็สัปหงกไปมา
“คุณนันท์...” น้ำผึ้งเสียงดังขึ้น “คุณนันท์คะ หอม อ้อย”
นันท์วางดินสอ เงยหน้าขึ้นมองน้ำผึ้ง หอมกับอ้อยสะดุ้ง
“ครับ”
“คุณนันท์เข้าใจที่ครูสอนเมื่อกี้ไหมคะ หอมกับอ้อยด้วย”
หอมกับอ้อยส่ายหัว
“ไม่เข้าใจครับ” นันท์บอก
“ถ้าไม่เข้าใจ งั้นคุณนันท์เลิกวาดการ์ตูนก่อนนะ แล้วเดี๋ยวครูอธิบายให้ฟังใหม่”
นันท์วางดินสอลง แล้วท้าวคางทำหน้าเบื่อๆ เซ็งๆ อ้อยแทรกขึ้นมาว่า
“นี่ ไม่เห็นเหรอว่าคุณนันท์แกเบื่อน่ะ สอนอะไรก็ไม่รู้ มีแต่เลขๆๆ ไม่เห็นน่าสนุกเลย” อ้อยหันมาทางหอม “จริงไหมพี่หอม”
หอมอึกอัก “เอ่อ…”
อ้อยขู่ “จริงไหม”
“จริงจ้ะ ฉันเองวิชานี้ก็ไม่เข้าหัวเลย หลับตั้งกะเห็นเครื่องหมายบวกแล้ว”
หอมทำหน้าเจื่อนจ๋อย ส่วนอ้อยยิ้มกระหยิ่ม น้ำผึ้งหันไปถามนันท์
“จริงเหรอคะ คุณนันท์เบื่อเหรอคะ”
“อื้อ เบื่อ ไม่ชอบเลข คิดไม่ออก”
น้ำผึ้งคิดหนักว่าจะทำยังไงดี
“เอางี้ ครูให้พักก่อนดีไหมคะ”
ทั้งสามคนดูดี๊ด๊า ดีใจขึ้นมาทันที
“จริงเหรอครับ ครูจะให้พักได้เหรอ”
“ได้ค่ะ วันหลังถ้าคุณนันท์เหนื่อยหรือไม่เข้าใจแล้วอยากพักก็บอกครูได้เลยนะ”
“งั้นนันท์ขอพักนะฮะ”
“ครูจะไปเดินเล่นไปเข้าห้องน้ำอะไรก็ได้นะคะ เดี๋ยวอ้อยกับหอมอยู่กับคุณนันท์เอง”
“ได้ค่ะ”
น้ำผึ้งลุกออกไป นันท์มองหน้าอ้อยรู้กันสองคน หอมแอบนึกหวั่น

น้ำผึ้งออกมาคุยโทรศัพท์กับฟ้าใสซึ่งตอนนี้อยู่ที่ร้านเว้ดดิ้งของเธอ ฟ้าใสทำงานไปคุยกับเพื่อนไป
“เรื่องโรงพยาบาลที่แกถามฉันไว้ ฉันจัดการให้หมดแล้วนะ เป็นโรงพยาบาลที่เขาเชี่ยวชาญเรื่องตาโดยเฉพาะเชียวละ เดี๋ยวแกบอกให้พ่อแม่เตรียมตัวไปกรุงเทพฯ ได้เลย ไม่เกินวันสองวันนี้”
น้ำผึ้งดีใจมาก “จริงเหรอฟ้า ขอบใจแกมากนะ แล้ว เรื่องที่พัก…”
“ฉันมีคอนโดอยู่ที่นั่น ตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ไปอยู่อยู่แล้ว ให้พ่อกับแม่พักที่นั่นก็ได้จนกว่าจะผ่าตัดเสร็จ ไม่งั้นก็ต้องจ่ายค่าห้องอีกตั้งกี่ต่อ ไหนจะค่ารักษาอีก จริงไหม”
น้ำผึ้งซึ้งน้ำใจเพื่อน “ขอบคุณแกมากจริงๆ ฟ้า ถ้าแกไม่ช่วยฉันก็ไม่รู้จะจัดการยังไงเลย”
“ไม่เป็นไร แกน่ะตั้งใจทำงานไปก็พอ มีอะไรช่วยได้ฉันก็จะช่วย เต็มที่”
น้ำผึ้งดีใจ รู้สึกมีความหวังขึ้น

ส่วนในห้องเรียน หลังน้ำผึ้งออกไปแล้ว นันท์หันไปหาอ้อย
“พี่อ้อย”
“คะ คุณนันท์”
“ครูเขามาสอนนันท์ยังไงฮะ”
อ้อยนิ่งคิด “เท่าที่เห็นก็ขับมอเตอร์ไซค์มานะคะ”
“มอเตอร์ไซค์เหรอครับ”
นันท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ อ้อยนึกอะไรได้ หันไปหาหอม
“พี่หอม”
หอมมองหน้าสองคน แล้วสยอง “จ๋า…”
“ฉันคิดว่าคุณนันท์มีเรื่องให้แกทำ”
หอมยิ้มแหยๆ รู้ว่าต้องไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีอีกเป็นแน่

ตรงลานหน้าบ้านบริเวณที่น้ำผึ้งจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ยามนี้ อ้อยมายืนทำท่าลับๆ ล่ออยู่ที่รถของน้ำผึ้ง ส่วนหอมนั้นเดินหน้าเครียดหิ้วขวดน้ำกับอุปกรณ์ช่างตามมาช้าๆ อ้อยกวักมือเรียกเร่งใหญ่
“มาเร็วอีพี่หอม”
“มันจะดีเหรอวะอ้อย”
“อย่าพูดดังสิยะ บอกให้ทำอะไรก็ทำไปเหอะ เร็วๆ”
ขณะที่สองคนช่วยกันทำอะไรยุกยิกๆ อยู่แถวรถน้ำผึ้งนั้นเอง ป้าพรเดินออกประตูบ้านมา เห็นหอมกับอ้อยทำลับๆ ล่อๆ จึงแอบยืนดูเงียบๆ

เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง พอน้ำผึ้งกลับเข้ามาสอนรอบนี้ อธิบายอะไรไปนันท์ก็เข้าใจหมด ทำตัวเป็นเด็กดีผิดปกติ แถมหอมกับอ้อยก็ตั้งใจเรียนดี๊ดีอีกด้วย แต่หอมขยุกขยิกไปมาส่อพิรุธ จนอ้อยต้องเอาศอกกระทุ้งเข้าให้
“คุณนันท์เข้าใจที่ครูสอนไหมคะ”
“เข้าใจครับ”
น้ำผึ้งยิ้มดีใจ ที่เห็นนันท์เริ่มตั้งใจเรียน
“งั้นวิชาเลขก็พอแค่นี้พอก่อนก็ได้ค่ะ คุณนันท์อยากเรียนอะไรเป็นพิเศษไหมคะ แบบวาดรูป ดนตรี…”
นันท์นิ่งนึกอยู่พักเดียวบอกทันทีว่า
“วาดรูปก็ได้ครับ”
“งั้นวันนี้วาดรูปกันก็ได้ค่ะ วันหลังเราค่อยเล่นดนตรีกัน คุณนันท์เคยเล่นดนตรีอะไรมาก่อนไหมคะ”
นันท์นิ่งไป อ้อยตกใจแต่ก็พยายามจะนิ่งไว้
“นันท์ไม่ชอบดนตรีครับ”
“เหรอคะ แต่ครูว่ามันก็ดีกับคุณนันท์นะ ไว้ครูจะลองหามาให้เล่นดู…”
“นันท์ไม่เล่น”
เด็กชายเสียงดังขึ้นมาจนน้ำผึ้งตกใจ อ้อยเข้าไปจับตัวนันท์ไว้
“คุณนันท์แกไม่ชอบจริงๆ ไม่ต้องพยายามหรอก สอนวาดรูปไปน่ะดีแล้ว”
น้ำผึ้งพยักหน้ารับรู้ แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“งั้นคุณนันท์วาดรูปแล้วกันค่ะ เดี๋ยวครูหยิบกระดาษให้”

นันท์หยิบกระดาษที่น้ำผึ้งให้มาไปวาดรูป แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

อ่านต่อหน้า 2




มนต์รักอสูร ตอนที่ 6 (ต่อ)

น้ำผึ้งสอนเสร็จตอนค่ำ เตรียมจะกลับบ้าน หอมกับอ้อยเดินส่ง อ้อยแกล้งทำเป็นพูดดีด้วย

“กลับดีๆ นะคะครูขา”
“ขอบใจจ้ะ ฝากบอกคุณนันท์ด้วยว่าวันนี้ตั้งใจเรียนมากเลยนะวันนี้”
“ค่ะ ไว้อ้อยจะบอกให้ เนอะพี่หอม”
หอมอึกอัก “จะ...จ้ะ”
น้ำผึ้งยิ้มให้ทั้งสองคนแล้วก็เดินไปที่รถ
แต่มีเสียงเรียกไว้ “เดี๋ยวค่ะคุณน้ำผึ้ง”
สามคนหันไปมอง เห็นพรเดินออกมาจากในบ้าน
“คะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ กลับดีๆ นะคะ”
น้ำผึ้งพยักหน้า แล้วสตาร์ตรถก่อนจะขับออกไป พรมองไปยังหอมกับอ้อยอย่างจับผิด อ้อยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

น้ำผึ้งขับรถมาตามทางมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่สักพักรถก็ออกอาการแปลกๆ แล้วก็ดับไปเฉยๆ ครูสาวจอดรถข้างทาง งงว่ารถคู่ใจเป็นอะไรอีก
“โธ่ เจ้าหวานเย็น เป็นอะไรไปอีก วันก่อนเพิ่งเอาไปเช็คเองนะ”
น้ำผึ้งหันไปมองที่เกน้ำมัน พบว่าน้ำมันก็ไม่ได้หมด
“น้ำมันก็ไม่ได้หมดนี่”
น้ำผึ้งเครียดคิดไม่ตก

เย็นวันเดียวกัน ฟ้าใสออกมารอภูฤทธิ์ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง แต่เห็นถึงเวลานัดแล้วภูฤทธิ์ยังไม่มาจึงโทรศัพท์ไปถาม ภูฤทธิ์กำลังรีบร้อนออกจากไร่ไปหาฟ้าใส
“คุณภูอยู่ที่ไหนแล้วคะ”
“กำลังจะออกไปแล้วครับ โทษทีนะครับ ช้าหน่อยคือผมติดคุยกับลูกค้าเรื่องส่งดอกไม้ไปกรุงเทพฯ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้ารอได้”
“เป็นไรสิครับ ของคุณฟ้าก็งานเหมือนกัน รอผมก่อน เอาเป็นว่าผมจะรีบไป”
“ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
ภูฤทธิ์วางสายไป ฟ้าใสหยิบกล่องขนมที่เธอทำด้วยตัวเองมาวางบนโต๊ะ ยิ้มเขินๆ กับกล่องขนม
“คุณภูจะชอบแกไหมนะ”
ฟ้าใสหยิบหนังสือในร้านมาอ่านรอภูฤทธิ์อย่างใจเย็น

ทางด้านนันท์เข้ามานั่งเล่นไอแพดอยู่ในบ้านอย่างสบายอกสบายใจ หอมกับอ้อยนั่งประกบเหมือนเดิม อ้อยนึกถึงน้ำผึ้งแล้วหัวเราะระรื่นขึ้นมา หอมหันไปถาม
“เป็นอะไรของแก นังอ้อย”
“ก็นึกถึงยัยครูนั่นขึ้นมาเลยหัวเราะน่ะสิ”
หอมนึกตาม “เออจริง ครูเขาจะเป็นไงวะนั่น ไปแกล้งเขาแบบนั้น”
อ้อยแว้ดใส่ สองคนโต้เถียงกันไปมา
“อะไร ไอ้พี่หอม แกนึกเห็นใจเขาขึ้นมารึไง”
“โธ่ ก็แกคิดดู รถนั่นครูเขาใช้ขับกลับบ้าน ถ้ามันพังขึ้นมาล่ะ”
“พังก็เรื่องของเขาสิ เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“อ้าว ปากเสีย ก็เขาต้องใช้มันมาสอนคุณนันท์พรุ่งนี้อีกนะเว้ย”
“นี่พี่โง่ มึน หรืออะไร พี่เป็นคนร่วมมือกับฉันเอง ทีงี้ทำจะมาเห็นใจ ประสาท”
“ก็มันแอบรู้สึกผิดนี่หว่า”
“หุบปากไป ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ เขาก็คงคิดว่าแค่รถเสีย เดี๋ยวซ่อมอะไรมันก็หาย”
“แล้วถ้าพรุ่งนี้ครูเขาไม่มาล่ะ”
“ไม่มาซะก็ดี ขวางหูขวางตา”
หอมหมั่นไส้ “โหย นังอ้อย นังคนใจร้าย”
นันท์แทรก “พี่หอม พี่อ้อย เงียบๆ ได้ไหม นันท์จะเล่นเกม”
หอมกับอ้อยหยุดเถียงกัน นันท์นั่งเล่นเกมต่อไปสบายใจเฉิบ

ขณะที่ภูฤทธิ์เดินออกจากออฟฟิศไปที่รถ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อเห็นชื่อ “คุณผึ้ง” แล้วรีบรับสาย “ครับ ภูฤทธิ์ครับ”
น้ำผึ้งยืนอยู่ริมถนนดีใจที่ภูฤทธิ์รับสาย
“คุณภูคะ คุณภูอยู่ที่ไหนคะ”
“กำลังจะออกไปข้างนอกครับ คุณผึ้งมีอะไรรึเปล่า”
“คือตอนนี้เจ้าหวานเย็นของผึ้งมันงอแงอีกแล้วค่ะ จะรบกวนไหมถ้า…”
ภูฤทธิ์สวนขึ้นมาทันทีว่า “ไม่ครับ ไม่เลย ไม่รบกวน”
“แล้วธุระคุณภูล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาคุณผึ้งก่อน ตอนนี้อยู่ไหนครับ”
น้ำผึ้งบอกพิกัดที่อยู่ไป ภูฤทธิ์ร้อนใจรีบไปขึ้นรถ ขับทะยานออกไปหาน้ำผึ้ง จนลืมนัดกับฟ้าใสเสียสนิท

ฟากฟ้าใสยังคงนั่งรออยู่ในร้านกาแฟที่เดิม หญิงสาวชักกังวลเมื่อมองนาฬิกาพบว่าเลยเวลานัดนานแล้ว แต่ภูฤทธิ์ก็ยังไม่มา

อ้อยเดินลั้ลลาหน้าบานกลับห้องพัก อารมณ์ดี๊ดี ที่วันนี้แผนแกล้งน้ำผึ้งสำเร็จ จู่ๆ พรก็โผล่พรวดออกมาดักหน้าไว้ จนอ้อยสะดุ้งโหยง
“ป้า มาโผล่อะไรตรงนี้ ตกใจหมด”
“วันนี้แกวางแผนทำอะไรกับไอ้หอมอีก”
อ้อยทำไก๋ “อะไร แผนอะไร”
“ก็ที่รถครูน้ำผึ้งไงล่ะ”
อ้อยนึกได้ แต่ก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่ได้ทำอะไรนี่ ป้าไปเห็นอะไรมา บอกมานะ”
“แกบอกไม่ทำ ฉันก็จะบอกว่าไม่เห็นเหมือนกัน ดีไหมล่ะ”
“เอ๊ะ อะไรของป้าเนี่ย ไปนอนแล้ว”
อ้อยจะชิ่งหนี พรพูดขึ้นปรามในที
“ฉันน่ะไม่อะไรหรอก แต่ถ้าสิ่งที่แกคิดจะทำตอนนี้ มันจะทำให้คุณนันท์หรือคุณท่านต้องไม่สบายใจอีก ฉันก็จะไม่อยู่เฉยเหมือนกัน”
พรจ้องเอาๆ จนอ้อยเริ่มหลุกหลิกเลิกลัก มีพิรุธ
“คราวนี้ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปแล้วกัน”

พรเดินจากไป อ้อยโล่งอก

อ่านต่อหน้า 3




มนต์รักอสูร ตอนที่ 6 (ต่อ)

ด้านภูฤทธิ์นำรถน้ำผึ้งมาที่ไร่ ช่วยกันเช็คกับลูกน้องสองคน ก่อนจะเดินกลับมาหาน้ำผึ้งที่นั่งรออยู่

“เป็นไงบ้างคะคุณภู”
“ผมให้ลูกน้องช่วยดูให้แล้วล่ะ”
“แล้วตกลงเจ้าหวานเย็นมันเป็นอะไรคะ”
“เขาบอกว่ารถน่ะควรเติมน้ำมันนะครับ อย่าเติมน้ำเปล่าเข้าไป มันจะวิ่งไม่ไปเอา”
น้ำผึ้งงง “น้ำ? ยังไงกันคะ”
ภูฤทธิ์นั่งลงข้างๆ น้ำผึ้งพลางอธิบาย
“ก็หมายความว่ามีคนใส่น้ำเข้าไปในถังน้ำมันเจ้าหวานเย็นคุณผึ้งสิครับ”
น้ำผึ้งตกใจ “จริงเหรอคะ บ้าจริง แอบใส่เข้าไปตอนไหนเนี่ย” ครูสาวนิ่งนึก “ต้องเป็นตอนที่ออกมาคุยกับยัยฟ้าแน่ๆ”
น้ำผึ้งสุดเซ็งที่โดนลูกศิษย์แสบเล่นงานจนได้ ภูฤทธิ์พยายามปลอบ
“คนที่ไร่คุณเทิดแกล้งคุณเหรอครับ นี่คุณผึ้งไปทำงานที่นั่นไม่เท่าไหร่แต่เจอเรื่องไม่เว้นวัน คุณผึ้งทนไหวเหรอครับ”
“ไหวค่ะ ทำไงได้ล่ะคะผึ้งต้องทำงานนี่นา รับจ้างเขามาแล้ว ถ้าไม่สู้ก็แย่”
“ความอดทนมันเป็นสิ่งดีนะครับ แต่เก็บไว้ทนในเรื่องที่ควรก็พอ คุณผึ้งมีสิทธิ์โวยได้นะ หรือว่าคุณเทิดแกเข้าข้างคนของตัวเอง”
“อย่าไปพูดถึงคนๆ นั้นเลยค่ะ รายนั้นน่ะเหมือนปิดโหมดแยกแยะความถูกต้องไปหมดแล้ว”
ภูฤทธิ์ขำ “ขนาดนั้นเลย”
“ขนาดนั้นล่ะค่ะ นี่ก็อึดอัดพูดกับใครไม่ได้จนต้องมาระบายกับคุณภูนี่แหละ”
ภูฤทธิ์ลุกขึ้น
“งั้นเอางี้ ผมหาอะไรอร่อยๆ ให้คุณผึ้งทานดีกว่า จะได้หายเครียด ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยใช่ไหมครับ”
น้ำผึ้งเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ทานมื้อค่ำ และรู้สึกหิวขึ้นมา
“จริงด้วยค่ะ”
“มาครับ วันนี้ผมได้ผักออร์แกนิคที่ลองปลูกในไร่มาด้วย เดี๋ยวเอามาทำอะไรให้ลองชิม รับรองอร่อยสุดๆ”
“โอเคค่ะ ไปเลย”
น้ำผึ้งลุกตามภูฤทธิ์ไป อารมณ์เริ่มดีขึ้น

เวลาผ่านไป ฟ้าใสนั่งมองผู้คนในร้านกาแฟที่เริ่มทยอยเดินออกไปทีละคนๆ จนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฟ้าใสดีใจนึกว่าเป็นภูฤทธิ์ แต่พอดูชื่อปรากฏว่าเป็นน้ำผึ้ง ก็แปลกใจ 
“ฟ้าแกอยู่ไหน” น้ำผึ้งโทร.มาจากไร่ภูฤทธิ์
“ออกมารอลูกค้าน่ะ กำลังจะกลับแล้ว แกล่ะ”
“ตอนนี้อยู่ไร่คุณภู เขามาช่วยเอาเจ้าหวานเย็นฉันไปซ่อมน่ะ”
ฟ้าใสได้ยินก็อึ้ง หน้าเจื่อนไป
“คุณภูเหรอ…แล้วมันเป็นอะไรมากไหม”
“มีคนเอาน้ำมาใส่ถังน้ำมัน มันก็เลยวิ่งไม่ได้ แต่คุณภูเขาให้ลูกน้องช่วยซ่อมให้ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
ฟ้าใสฝืนยิ้มออกมา บอกไปว่า “ดีแล้วล่ะ”
“ใช่ ถ้าไม่ได้เขานี่แย่เลย เอ้อ ฉันว่าจะถามเรื่องโรงพยาบาลแกอีกนิดหน่อย ว่าจะเอาไปคุยกับพ่อแม่น่ะ”
สองสาวคุยสายกันต่อ น้ำผึ้งยิ้มแย้มสดใส ต่างจากฟ้าใสที่หน้าเศร้า น้อยใจเรื่องภูฤทธิ์ผิดนัดไปช่วยน้ำผึ้ง

เทิดกลับถึงบ้านแล้ว เวลานี้นั่งคุยกับผันอยู่ในห้องทำงาน
“เรื่องซ่อมฝายตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ไปได้ดีครับนาย คิดว่าอีกไม่เกินสัปดาห์นี้น่าจะกลับมาเป็นปกติ ทุกคนก็ช่วยเร่งกันเต็มที่”
“ดี งานในไร่เท่าที่เข้าไปดูมาก็ไม่มีอะไร เรื่องคนงานที่ท้องเป็นไงบ้าง”
“อ๋อ เรื่องนังบัววันก่อน ตอนนี้ก็ให้พักงานไปแล้วครับ ผัวมันก็พาไปหาหมอตามเรื่องตามราวไป”
เทิดนึกอะไรได้
“แล้วเรื่องนันท์ล่ะ”
“วันนี้เหมือนจะไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรนะครับ อ้อยมันก็บอกคุณนันท์ตั้งใจเรียนดี”
เทิดทะแม่งๆ และรู้สึกแปลกๆ
“ดีเร็วขนาดนั้นเชียว”
“ผมก็ว่ามันแปลกเหมือนกัน แต่แค่คุณนันท์ไม่ก่อเรื่องอะไรมันก็ไม่น่ามีปัญหานะนาย”
“ก็ให้มันดีให้ได้ตลอดแล้วกัน”
ผันเองก็โล่งใจไม่น้อย ที่เทิดไม่ได้โวยวายอะไรอีก
“เอ้อ นายครับ จะรบกวนไหมถ้าผมมีเรื่องจะเสนอ”
“เรื่องอะไร”
ผันทำใจนิดหนึ่งก่อนจะลองพูดออกไป

ฝ่ายน้ำผึ้งกลับมาถึงบ้าน รีบเข้ามาหาพลางสวมกอดกานดา
“แม่จ๋า”
“ว่าไงผึ้ง”
“ผึ้งมีเรื่องจะบอกแม่จ้ะ”
“อื้อ ว่ามาสิ”
“ตอนนี้ผึ้งจัดการเรื่องส่งพ่อไปรักษาที่กรุงเทพฯ ให้ได้แล้วนะ ยัยฟ้าเพื่อนผึ้งเป็นคนจัดการให้หมดเลย”
“จริงเหรอ แล้วเราไปอยู่กันยังไง อยู่ที่ไหน ไปรบกวนอะไรเขาอีกรึเปล่า”
“ฟ้ามีห้องอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้ไปอยู่ ก็เลยว่าจะให้พ่อแม่ไปอยู่ที่นั่นก่อนจะได้ไม่เสียค่าที่พัก”
กานดาถอนหายใจกลุ้มๆ
“รบกวนเขาแย่”
“ฟ้าว่าไม่ต้องเกรงใจค่ะ เราก็ดูแลห้องให้เขาไปตามเรื่อง”
“หนูฟ้านี่เขามีน้ำใจจริงๆ เลยนะ ช่วยเราทุกเรื่องเลย”
“ค่ะ ยัยฟ้าน่ะคนดี เพราะงั้นแม่ไม่ต้องเครียดนะ เตรียมตัวไปอยู่กรุงเทพฯ ก็พอ แล้วเรื่องค่าผ่าตัดพ่อทั้งหมดผึ้งจะจัดการเอง”
กานดาแปลกใจ “ค่าผ่าตัดพ่อ ผึ้ง…แล้วผึ้งจะไปเอาเงินมาจากที่ไหน”
“ผึ้งหาได้น่าแม่ ตอนนี้มีงานทำแล้วเดี๋ยวเดียวก็หาแล้ว ไม่ต้องกลัวผึ้งเหนื่อยด้วยนะ เพราะต่อให้เหนื่อยกว่านี้ผึ้งก็จะอดทน ผึ้งอยากให้พ่อหาย”
“ผึ้ง…ขอบใจมากนะลูก”

กานดาสวมกอดลูกสาวอย่างเต็มตื้น

อ่านต่อหน้า 4




มนต์รักอสูร ตอนที่ 6 (ต่อ)

รุ่งเช้าวันต่อมา ยินเสียงเทิดโวยวายดังลั่นออกมานอกห้องทำงานในบ้าน

“ไม่ได้”
น้ำผึ้งคุยอยู่กับเทิดที่หัวเสียแต่เช้า มีผันยืนหนักใจอยู่ในห้องนั้นด้วย
“ฉันแค่มาขอลาไปทำธุระกับที่บ้านเองนะคะ”
“ก็นั่นละ ไม่ได้”
เทิดเดินไปนั่งทำท่าไม่สนใจ น้ำผึ้งเดินตาม
“ฉันต้องการเหตุผล”
“เหตุผลอะไร”
“เหตุผลที่ฉันไปไหนไม่ได้ไงคะ”
เทิดยิ้มเยาะ
“เธอมีสมองก็หัดคิดเอาซี่”
“ฉันก็มีสมองอยู่หรอกค่ะ แต่คุณเล่นเอะอะห้ามไม่อธิบาย มีสมองร้อยอันมันก็ไม่ประโยชน์หรอก”
“จะบอกให้ก็ได้” เทิดชี้หน้าคาดโทษ “ก็เพราะเธอยังต้องสอนนันท์อยู่ นี่สอนได้กี่วันนึกมาลาก็ลา คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหน”
น้ำผึ้งชักของขึ้น “นี่คุณ ฉันเป็นครู ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยนะคะ ฉันจะรีบไปแล้วก็รีบมา ไม่เกินวันสองวันหรอก”
“สำหรับเธอมันวันสองวัน แต่นันท์มีเวลาแค่สามเดือน คิดดูแล้วกันว่าจะเสียสละเวลาอันมีค่าของตัวเองได้ลงรึเปล่า”
“นี่คุณ”
“หรือไม่ฉันก็มีทางเลือกให้”
“อะไรคะ”
“ถ้าจะไม่สอน ก็ลาออกไป แล้วเอาเงินที่ฉันจ่ายก้อนแรกนั่นมาคืน เป็นไง”
น้ำผึ้งยืนอึ้ง ที่เทิดยกเรื่องเงินมาขู่
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไป ฉันไม่อยากเสียเวลามาคุยเรื่องไร้สาระกับเธอ”
น้ำผึ้งเจ็บใจที่เถียงสู้เรื่องนี้กับเทิดไม่ได้ เลยหันหลังกลับ แล้วเดินออกไป
ผันเอ่ยขึ้นว่า “นาย นายน่าจะฟังครูเขาก่อน อาจจะเป็นเรื่องสำคัญ”
เทิดหันมามองดุ “ไม่มีเรื่องไหนสำคัญกว่านันท์ทั้งนั้น”
“แต่นาย”
“แกเป็นลูกน้องฉันหรือลูกน้องยัยนั่น หยุดเข้าข้างกันซักที”
เทิดลุกพรวดขึ้น จะออกไปอีกคน ผันเรียกไว้
“นาย แล้วเรื่องเรื่องผมเสนอไปล่ะครับ”
“ไปคุยเองแล้วกัน ฉันไม่อยากจะเสวนาด้วย”
เทิดเดินปึงปังออกไป ผันกลุ้มหนัก

น้ำผึ้งเดินเครียดออกมาหน้าบ้านเทิด รีบโทร.บอกฟ้าใส
“ฟ้า ฉันลาไปส่งพ่อกับแม่ไม่ได้แล้ว เขาไม่ให้ฉันไป”
ฟ้าใสคุยสายอยู่ที่ร้านเว้ดดิ้ง
“อ้าว ลาไม่ได้จริงๆ เหรอผึ้ง”
“ไม่ได้เลย ฉันจะทำไงดี”
ฟ้าใสนิ่งคิด “อันที่จริงฉันให้คนของฉันพาไปส่งก็ได้นะ เขารู้ว่าบ้านฉันอยู่ไหน ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก แกไว้ใจได้”
น้ำผึ้งเกรงใจ “แต่ฉันไม่อยากรบกวนแกแล้วนี่ฟ้า”
“เอาอีกแล้วนะผึ้ง บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เลิกเกรงใจได้แล้ว”
น้ำผึ้งลำบากใจและเกรงใจเพื่อนมาก แต่ก็ต้องตกลงไปตามนั้น

น้ำผึ้งเดินกลับเข้ามาในบ้าน เจอผันรออยู่
“น้าผัน”
“น้ามีเรื่องว่าจะคุยด้วย ขอเวลาหน่อยสิ”
น้ำผึ้งมองฉงน

สองคนมานั่งคุยกันอยู่อีกมุมในบ้าน
“คือน้าคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วล่ะ นี่ก็เลยว่าจะมาลองถามผึ้งดู”
“เรื่องอะไรคะ”
ผันยิ้ม ท่าทางมาดหมายมาก
“น้าว่าผึ้งน่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับพวกเรา”
น้ำผึ้งตกใจ “ย้ายมาอยู่ที่นี่”
“ใช่”
น้ำผึ้งรีบปฏิเสธทันควัน
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ผึ้งว่าไม่ดีกว่าค่ะน้าผัน บ้านก็ไม่ได้ไกลอะไรมาก ผึ้งยังไปกลับได้อยู่”
“ไอ้นั่นมันก็ใช่ แต่น้าแค่คิดว่าผึ้งไปๆ กลับๆ ทุกวัน ไอ้รถนั่นมันก็ไม่ค่อยดี เกิดเสียขึ้นมาอีกมันจะอันตราย แถวนี้ก็ไม่ได้น่าไว้ใจ”
น้ำผึ้งนึกถึงเรื่องเมื่อวาน “ก็จริงอยู่ค่ะ”
“นั่นไง น้าก็เลยลองเสนอนายไปเมื่อวาน นายบอกให้มาคุยกับผึ้งเอง”
“นายน้าผัน เขาน่ะเหรอคะจะให้ผึ้งเขามาอยู่ที่นี่ง่ายๆ”
“ก็เลยต้องมาถามก่อนนี่ไงเล่า น้าบอกไปว่าถ้าผึ้งตกลงผึ้งก็จะได้มาอยู่สอนคุณนันท์ตลอดทั้งวันทั้งคืน นายก็จะไม่ว่าผึ้งเรื่องเวลาด้วย ดีไหมเล่า”
“มันก็…ดีนะคะแต่…”
ผันโน้มน้าวต่อ “แล้วอีกอย่างนะ ผึ้งอาจจะได้เงินพิเศษเพิ่มขึ้นด้วย”
น้ำผึ้งเม้มปากแน่น ชักเริ่มลังเล แต่ยังหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่
“ไม่ค่ะน้าผัน”
“ทำไมกันล่ะ”
“ถึงผึ้งจะลำบาก ผึ้งก็ไม่ได้จำเป็นต้องแบมือขอเงินเขา ถึงขนาดต้องเอาตัวเองมาเป็นทาสรองมือรองเท้าเขาทั้งวันทั้งคืน”
“มันไม่ใช่แบบนั้น”
“น้าผันไม่คิด แต่นายน้าผันคิดแน่ๆ ค่ะ ขอบคุณในข้อเสนอ แต่ผึ้งรับไว้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
น้ำผึ้งเดินเลี่ยงออกไป ผันถอนหายใจเซ็งๆ
อ้อยตาวาววับ แอบฟังอยู่ตั้งแต่ต้น โดยที่สองคนไม่เห็น

อ้อยวิ่งถลาเข้ามาในห้องนอนนันท์ นั่งแหมะข้างๆ เหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตายมารายงาน
“คุณนันท์ขา คุณนันท์”
นันท์นั่งเล่นเกมอยู่กับหอม หันมาหาไม่ใส่ใจนัก
“มีอะไรพี่อ้อย”
“พี่อ้อยมีเรื่องด่วนมากมาบอกคุณนันท์ค่ะ ด่วนที่สุดเลยด้วย”
“เรื่องอะไรอีกวะอ้อย ข้าเห็นด่วนทุกเรื่อง”
“อย่าเพิ่งขัดสิอีพี่หอม” อ้อยเกาะขานันท์ประจบเอาใจ “คืองี้ค่ะคุณนันท์ พี่อ้อยแอบได้ยินมาว่านายจะให้ยัยครูน้ำผึ้งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ค่ะ”
นันท์ตกใจมาก ทิ้งเกมในมือทันที
“ว่าไงนะพี่อ้อย”
“พี่อ้อยนี่ได้ยินมาเต็มสองรูหูเลยค่ะว่านายจะให้จะให้ครูน้ำผึ้งมาอยู่ที่ไร่นี่จะได้มาอยู่สอนคุณนันท์แบบ 24 ชั่วโมง ทั้งวัน ทั้งคืน”
นันท์ลุกขึ้นโวยวาย “ไม่เอา! นันท์ไม่ยอม”
“แกโม้ปะเนี่ยอ้อย ไม่ได้ไปฟังใครมั่วๆ มาใช่ไหม”
“ไม่มั่ว ฉันเห็นพ่อฉันคุยอยู่กับยัยครูอยู่เมื่อกี้เลย”
นันท์กำมือแน่น เริ่มไม่พอใจ
“พ่อโกหก”
หอมเห็นคุณหนูโกรธพยายามปลอบ “คุณนันท์ใจเย็นก่อนนะครับ”
“ไม่! พ่อโหก พ่อจะเอาครูนั่นมาแทนแม่นันท์ พ่อโกหกนันท์”
“ไม่นะ” หอมพยายามห้าม
“ใช่ค่ะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ค่ะคุณนันท์ เราอย่าไปยอมนะคะ”

อ้อยยิ้มร้ายที่ยุยงสำเร็จและเห็นนันท์ออกอาการโกรธจัด ส่วนหอมหวั่นใจกลัวจะมีเรื่องร้ายอีก

อ่านต่อตอนที่ 7


กำลังโหลดความคิดเห็น