xs
xsm
sm
md
lg

มนต์รักอสูร ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มนต์รักอสูร ตอนที่ 7

ตกตอนเย็น น้ำผึ้งเดินออกมาที่รถกำลังจะกลับบ้าน ผันตามออกมาย้ำเรื่องให้ย้ายมาพักที่ไร่อีกรอบ

“น้ำผึ้ง เดี๋ยวก่อน”
น้ำผึ้งหันมา “คะน้าผัน”
“เรื่องที่น้าคุยไปวันนี้ ถ้ายังไงลองกลับไปคิดดูอีกทีนะ”
“ค่ะ ไว้ผึ้งจะคิดดู”
“กลับดีๆ”
“ขอบคุณค่ะ ผึ้งลานะคะ”
น้ำผึ้งไหว้ลาผัน แล้วเดินไปยังรถ สตาร์ตเครื่องแล้วขี่ออกไป

กานดาประคองพาวันออกมานั่งพักที่ห้องรับแขก รอทานข้าวพร้อมลูกสาว จนได้ยินเสียงรถยนต์แล่นมาจอดหน้าบ้าน วันเหลียวไปดู
“เสียงรถใครน่ะ”
“สงสัยผึ้งจะกลับมาแล้ว ฉันออกไปดูนะพ่อ”
วันพยักหน้า กานดาเดินไป พอเปิดประตูออกก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นชายฉกรรจ์ลูกน้องเสี่ยทรงยศ 2 คน มายืนรออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว
“คุณกานดาใช่ไหม” ลูกน้อง 1 ถาม
ด้วยท่าทีอันดุดัน คุกคาม พร้อมเอาเรื่อง ทำเอากานดาหน้าซีด รู้สึกกลัวขึ้นมา
ลูกน้อง 1 และพวกถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้าน กานดาถอยกรูดเข้าไปหาผัว วันหันไปมอง แต่ก็เห็นภาพไม่ค่อยชัด
“แม่ ใครมา”
“เข้าเรื่องเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา เสี่ยเขาให้มาหา ถามว่าเมื่อไหร่ดอกเบี้ยที่ค้างไว้จะคืน”
“ดอกเบี้ยอะไรอีก พวกฉันก็จ่ายไปก้อนนึงแล้วไม่ใช่เหรอ” กานดาย้อนแย้งทำใจดีสู้เสือ
ลูกน้อง 2 ยิ้มหยัน “ไม่รู้จักดอกทบต้น ต้นทบดอกรึไง”
“ดอกๆ ต้นๆ อะไร พวกฉันไม่รู้หรอก” วันโมโห
“ไม่รู้ได้ไงวะ ไอ้แก่ มึงพูดงี้ อยากจะโดนถอนหงอกใช่ไหม”
ลูกน้อง 1 ด่า แถมชี้หน้าหาเรื่อง กานดารีบห้าม
“ใจเย็นก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวลูกสาวฉันก็มาแล้ว ฉันจะถามให้”
ลูกน้อง 3 “ไหนลูกสาวเอ็ง”
ขณะที่กานดาอึกอักอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอด และน้ำผึ้งเดินเข้าบ้านมา
“แม่ ฉันมา” น้ำผึ้งชะงัก มองฉงน ที่เห็นลูกน้องทรงยศในบ้าน
กานดาหน้าเสีย “ผึ้ง”

พอน้ำผึ้งกลับออกไปได้สักพัก หอมก็วิ่งทะเล่อทะล่า ร้องตะโกนออกมาหน้าบ้าน
“ครูน้ำผึ้ง ครู” หอมหยุดแล้วมองแลหา “อ้าว ไปแล้วเหรอเนี่ย”
“มีอะไรวะไอ้หอม”
ผันดูที่มือหอมเห็นโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง
“ครูเขาลืมโทรศัพท์ไว้นี่ล่ะน้า จะวิ่งเอามาคืนก็ไปซะละ”
“แล้วทำไมเอ็งไม่รีบออกมา เขาไปไหนถึงไหนแล้ว”
“ก็ต้องไปส่งคุณนันท์กินข้าวก่อนน่ะสิ”
“ไม่ได้เรื่องเลย เอ็งนี่ เอามานี่ เดี๋ยวข้าเอาไปคืนเอง”
ผันเอ็ด คว้าโทรศัพท์น้ำผึ้งมา แล้วก็เดินไปที่รถ หอมยิ้มเหยเก

น้ำผึ้งมองไปรอบๆ บ้าน ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น กานดาเดินมาหาลูก
“ผึ้ง ช่วยแม่ด้วย”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะแม่”
ลูกน้อง1 ชี้หน้าน้ำผึ้ง ถามกานดา “นี่ใช่ไหมลูกสาวเอ็ง ไหนล่ะเงินที่แกว่า”
น้ำผึ้งงง “แกพูดถึงเงินอะไร”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ใช้ต้นแล้วมันก็ต้องใช้ดอกสิคนสวย อยากจ่ายช้าเองดอกมันก็บานไปถึงไหนแล้ว เอาเงินมา”
กานดาหลบหลังน้ำผึ้งด้วยความกลัว น้ำผึ้งเองก็กลัวมากแต่ต้องทำใจดีสู้เสือ
“ฉันยังไม่มี ผัดไปก่อนไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้ เสี่ยเขาไม่อนุโลมให้พวกพูดดีตอนยืม แต่เวลาคืนทำมึนไม่รู้เรื่อง”
น้ำผึ้งโมโห “ไอ้ดอกมหาโหดของพวกแก ฉันไม่มีคืนตอนนี้หรอก ถ้าอยากได้ก็หัดรอไปสิ”
“อ๋อ ได้ อยากให้รอ งั้นก็ลองดูว่าถ้าพ่อมึงเป็นอะไรไป มึงยังจะรอได้ไหม”
ลูกน้อง 2 พุ่งเข้าไปจับตัววันหมายจะทำร้าย น้ำผึ้งตกใจรีบเข้าไปทุบตีพวกคนร้าย
“หยุดนะ อย่าทำอะไรพ่อฉัน”
น้ำผึ้งพยายามสู้ แต่ก็สู้ไม่ได้โดนลูกน้องทรงยศสะบัดออกมา กานดาเข้าไปช่วยทุบตีพวกคนร้ายอีกคน จนเหตุการณ์วุ่นวายไปหมด
กานดาตะโกนบอก “ผึ้ง เรียกตำรวจ เร็ว”
น้ำผึ้งควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าจะเรียกตำรวจ แต่หาไม่เจอ
“อยู่ไหนเนี่ย”
“ทำอะไรอยู่ เร็วเข้าสิ” กานดาร้องบอก
“อีแก่นี่ น่ารำคาญ”
ลูกน้อง 1 ตบกานดาจนลงไปกลิ้งกับพื้น ขณะจะซ้ำแต่แล้วประตูบ้านก็เปิดผัวะเข้ามา
“ใครอีกวะ”
ผันยืนจังก้าอยู่
“น้าผัน” น้ำผึ้งดีใจ
“ไม่ต้องตำรวจหรอก กูเองนี่แหละที่จะจัดการพวกมึง” ผันเดินเข้ามาหาน้ำผึ้ง
“มึงเป็นใคร”
“กูคนงานไร่คุณเทิด”
ลูกน้องเสี่ยทรงยศได้ยินชื่อเทิดก็ปล่อยตัวกานดาทันที
“แถบนี้มันอยู่ในความดูแลของนายกู พวกมึงกล้าดียังไงมาทำกร่างแถวนี้” ผันมองเอาเรื่อง
“ก็บ้านนี้มันเป็นหนี้เสี่ยทรงยศ กูก็ต้องทวงสิวะ” ลูกน้อง 1 บอก
“ด้วยวิธีหมา หมู่ ถุย! มึงอยากเล่นวิธีนี้ก็ลองดู แต่กูหรือนายกูจะไม่ปล่อยมึงไว้แน่ ไม่เชื่อมึงก็ลองดู”
ผันขยับทำท่าเหมือนจะชักปืนพกออกมา ลูกน้องทรงยศถอยกรูด
“ถ้ามึงไม่ไป ไอ้กระสุนนี่ได้ฝังบนหัวพวกมึงแน่”
ลูกน้องคนหนึ่งสะกิดพรรคพวกให้ยอมไปก่อน
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
ทันทีที่กลุ่มชายฉกรรจ์ออกจากบ้านไป กานดาทรุดลงแทบหมดแรง

น้ำผึ้งรีบรุดเข้าไปดูพ่อกับแม่ด้วยความเป็นห่วง

อ่านต่อหน้า 2




มนต์รักอสูร ตอนที่ 7 (ต่อ)

หลังเหตุการณ์สงบแล้ว กานดาประคองวันมานั่งลงในห้องรับแขก ผันคุยกับสามพ่อแม่ลูกด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียดจริงจัง

“ฉันถามจริงเถอะ ไอ้พวกนั้นมันมาขู่เอาเงินคืนแบบนี้กี่ครั้งแล้ว”
“ก็หลายครั้งแล้วจ้ะพี่ผัน ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะมาเมื่อไหร่ด้วย บังเอิญเป็นวันนี้พอดี”
“ใช่มันบังเอิญ แต่ก็ไม่ใช่ทุกรอบที่ฉันจะบังเอิญมาช่วยได้ เรื่องอันตรายแบบนี้ทำไมไม่บอกกันบ้าง”
“ฉันไม่อยากรบกวนใครนี่จ๊ะ”
ผันสงสาร “ผึ้งเอ๊ย ที่เราขอเบิกนายล่วงหน้ามาก่อนก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
น้ำผึ้งอึกอัก “คือ”
“บอกมาเถอะ จะได้หาทางช่วยกัน พี่วัน พี่กานดา ว่ายังไง”
กานดากับวันมองหน้ากันด้วยความอึดอัดลำบากใจ กานดาตัดสินใจเล่าเอง
“ผึ้งมันต้องใช้เงินไอ้เสี่ยทรงยศที่พ่อมันยืมมาไปจ่ายค่าบ้านจ้ะ ไอ้หนี้ก้อนนี้ยิ่งช้าเขาก็ยิ่งคิดดอกเพิ่ม ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดซะที”
“แล้วกัน”
“ตอนนี้พี่วันป่วยเป็นต้อด้วย ต้องไปรักษาที่กรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ แล้วเราก็ต้องหาเงินส่วนนี้มาจ่ายหลังผ่าตัดอีก ฉันก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว”
ผันมองสามคนอย่างเวทนา
“ไปกรุงเทพฯ แล้วผึ้งมันจะอยู่กับใคร”
“ผึ้งอยู่คนเดียวได้ค่ะน้าผัน”
ผันชักโกรธ
“อะไรวะ ไม่ได้!พวกเอ็งสามคนนี่พ่อแม่ลูกกันจริงๆ คิดอะไรตื้นๆ ไปหมด เอ็งติดหนี้เขาอยู่ซักวันเขาก็ต้องมาทวงอีก แล้วจะปล่อยลูกสาวไว้คนเดียว มันไม่ใจร้ายไปหน่อยเรอะ”
“แต่ผึ้งต้องทำงานนี่คะ นายของน้าผันก็ไม่ให้ผึ้งลาด้วย ขนาดจะไปส่งพ่อแม่ยังไปไม่ได้เลย”
“น้าก็ถึงบอกไงว่าย้ายไปอยู่ที่ไร่ก็สิ้นเรื่อง”
น้ำผึ้งชะงักไปเรื่องไร่ของเทิด
วันถามแทรกขึ้นด้วยความตกใจ “ผันว่าไงนะ”
“ก็ผึ้งมันต้องไปสอนลูกเจ้านายฉัน ฉันก็เลยขอนายให้ผึ้งมันไปอยู่ที่ไร่ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา แต่ผึ้งมันก็ไม่ยอมไป”
“ทำไมล่ะผึ้ง” กานดาแปลกใจ
“ก็บ้านผึ้งไม่ได้ไกล แล้วผึ้งก็ไม่ได้อยากพึ่งพาอะไรเจ้าของไร่น้าผันด้วยนี่จ๊ะ”
วันคิดหนัก ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“แต่พ่อว่า ผึ้งไปอยู่นั่นก็ดี”
“อะไรนะพ่อ”
“คิดดู อย่างที่พี่ผันว่า เดี๋ยวไอ้พวกทวงหนี้มันก็ต้องมาอีก พ่อกับแม่ก็จะไม่อยู่อีกวันสองวันนี่แล้ว พ่อไม่อยากให้ผึ้งอยู่ที่นี่คนเดียว”
“พ่อ ผึ้งไม่ได้กลัวพวกมัน”
“อย่าทำเก่งนักเลย พ่อรู้ เอ็งน่ะรักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไร แต่มันไม่ได้ช่วยให้เรารอดจากอันตรายได้หรอก ช่วงที่พ่อแม่ไม่อยู่เอ็งก็ไปอยู่ไร่นั่นซะ จะได้มีคนคอยดู”
น้ำผึ้งขัดใจ “พ่อ”
“แม่เห็นด้วยนะ แม่เป็นห่วงผึ้ง ไม่อยากให้ผึ้งต้องเจอเรื่อง แค่ที่ผึ้งทำเพื่อที่บ้านทุกวันนี้ก็มากพอแล้ว ไปอยู่ที่นั่นสักพักเถอะนะ นะ”
น้ำผึ้งจับมือพ่อกับแม่ ลำบากใจมาก คิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี

ตอนเช้าของอีกหลายวันต่อมา
น้ำผึ้งช่วยวันกับกานดาหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาหน้าบ้าน มีฟ้าใสกับภูฤทธิ์ยืนรออยู่ที่รถ น้ำผึ้งเจอภูฤทธิ์ก็ดีใจมาก
“คุณภู มาด้วยเหรอคะ”
“ต้องมาสิ คุณฟ้าบอกผมแล้ว ผมก็เลยขออาสาจัดการเรื่องคนให้แทนเดี๋ยวเขาจะพาพ่อแม่คุณไปส่งถึงที่เลยนะ”
วันกับกานดารีบยกมือไหว้
“ขอบคุณมากนะจ๊ะที่ช่วยพวกเรา”
ภูฤทธิ์ตกใจและเกรงใจ “ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง อย่าไหว้เลย ผมกับคุณฟ้าใสยินดีช่วยอยู่แล้ว”
“จริงค่ะ คุณลุงแค่รักษาตัวให้หายก็พอ ส่วนน้ำผึ้ง พวกเราจะช่วยดูแลเอง”
กานดากับวันมองหน้ากัน เหมือนอึดอัด
ภูฤทธิ์มองฉงน “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือ...”
ขณะที่วันจะเล่านั้น รถอีกคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ทุกคนเหลียวมองไป
สักพักจึงเห็นผันลงรถ เดินเข้ามาหายิ้มทักทุกคน
“สวัสดีครับ” ผันถามน้ำผึ้ง “เป็นไง เก็บของเรียบร้อยแล้วไหม”
ภูฤทธิ์กับฟ้าใสงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“เก็บของ หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
ฟ้าใสมองไปหน้าน้ำผึ้ง อีกฝ่ายเอาแต่อึกอัก ก่อนจะจับมือฟ้าใส
“ฟ้า คุณภูคะ ฉันต้องไปอยู่ที่ไร่คุณเทิดสักพักค่ะ”
ภูฤทธิ์กับฟ้าใสตกใจมาก ฟ้าใสถึงกับอุทานออกมาว่า
“ไร่อสูรนั้นเหรอ”
“ไร่คุณเทิด” ภูฤทธิ์หน้าเครียดไป
“ใช่ น้ำผึ้งตกลงรับข้อเสนอที่จะไปอยู่ที่ไร่ของเรา เพื่อดูแลคุณนันท์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ภูฤทธิ์อึ้งไป ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ผันขับรถมาถึงบ้านเทิด แล้วลงรถมาช่วยน้ำผึ้งขนของ เจอเทิดยืนรออยู่ เทิดมองน้ำผึ้งด้วยสายตาเหยียดหยาม
“นาย”
“เห็นไหมไอ้ผัน สุดท้ายแล้วครูน้ำผึ้งคนเก่งก็ต้องยอมมาอยู่ที่นี่ แค่เอาเงินมาล่อนิดเดียว”
น้ำผึ้งสบตาเทิดไม่ยอมแพ้
“คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ ฉันมีหน้าที่แค่ดูแลคุณนันท์”
“แน่นอนฉันจะคิด เพราะสิ่งที่เธอจะได้หลังจากมาอยู่ที่นี่คือค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า บางคนทำงานทั้งแทบตายยังได้ไม่ถึง ต้องคนหน้าเงินเท่านั้นถึงจะทำได้”
น้ำผึ้งคุมแค้น เจ็บใจ “ค่ะ ดิฉันหน้าเงิน แล้วก็จะหน้าด้านทำงานที่นี่ต่อไปจนกว่าจะถึงกำหนดที่คุณบอกไว้”
“ดี เข้ามาอยู่ที่นี่ได้แล้ว คงหมดข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลาได้ซักที”
น้ำผึ้งประชด “ค่ะ ฉันจะทุ่มเททำงานให้คุ้มเงินคุณ ไม่ขาดแม้แต่สตางค์แดงเดียวเลยล่ะค่ะ”
เทิดหัวเราะเยาะ แล้วก็เดินไปขึ้นรถเพื่อไปยังไร่องุ่น น้ำผึ้งพยายามสงบสติอารมณ์สุดชีวิต

อีกฟาก ภูฤทธิ์มานั่งหารือกับฟ้าใสที่ร้านกาแฟ สองคนสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก โดยเฉพาะภูฤทธิ์
“คุณภูคิดเรื่องผึ้งอยู่เหรอคะ”
“ครับ”
“เรื่องที่ผึ้งต้องไปอยู่ไร่นายอสูรหรือเปล่าคะ”
ภูฤทธิ์พยักหน้า “ครับ บอกตามตรง ผมไม่ไว้ใจนายของไร่นั้น”
“แต่คุณก็รู้ว่าวันก่อนที่บ้านผึ้งมีเรื่อง แล้วตอนนี้พ่อแม่ไม่อยู่ ผึ้งก็ต้องอยู่คนเดียว”
ภูฤทธิ์ฮึดฮัด “ที่พักอื่นก็เยอะแยะ แต่ทำไมจะต้องเป็นที่ไร่นั่นด้วย”
ฟ้าใสยิ้มเศร้า พยายามอธิบายและปลอบให้ภูฤทธิ์คลายกังวล
“เพราะผึ้งเป็นครูของลูกนายอสูรไงคะ ยังไงผึ้งก็ต้องไปมาที่นั่นทุกวันอยู่ดี แล้วยิ่งมีเรื่องแบบนี้ การไปอยู่ที่ไร่คุณเทิดก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”
“ยังไงผมก็ไม่คิดว่ามันจะดี วันก่อนคุณผึ้งก็โดนคนที่ไร่นั่นทำให้รถพัง ไปอยู่กับเขาก็เหมือนส่งคุณผึ้งไปเชือดดีๆ นี่เอง”
“คุณภูอย่าคิดมากเลยค่ะ น้ำผึ้งน่ะเป็นคนเก่ง พึ่งพาตัวเองได้มากกว่าที่คุณคิด ผึ้งจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรเขาได้ง่ายๆแน่ เชื่อฟ้าสิคะ”

ภูฤทธิ์หน้าเครียด ยังเป็นห่วงน้ำผึ้งอยู่เต็มอก

อ่านต่อหน้า 3




มนต์รักอสูร ตอนที่ 7 (ต่อ)

อีกฟากหนึ่ง เด็กชายนันท์อยู่ในห้องนอน ครุ่นคิดหาวิธีการจัดการกับน้ำผึ้งอยู่ในนั้น สักครู่อ้อยเคาะประตูเข้ามารายงาน

“คุณนันท์ขา ยัยครูนั่นมันมาถึงที่แล้ว คุณนันท์จะปล่อยให้ครูน้ำผึ้งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ไม่ได้นะคะ”
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ พ่ออนุญาตแล้ว”
“นังครูน้ำผึ้งมันร้ายมากเลยนะคะ พี่อ้อยคิดไว้แล้วเชียวว่ามันจ้องจะงาบ เอ๊ย! จ้องจะจับนายทำสามี ไปๆ กลับๆ คงไม่ทันใจ เลยย้ายเข้ามาอยู่ซะเลย ที่เนี้ยอ่อยนายได้ง่ายขึ้น สักวันนึงนายอาจจะพลาดเผลอใจไปกับมันก็ได้นะคะ”
อ้อยใส่ไฟชุดใหญ่ นันท์คิดตาม
“ไม่มีทาง นันท์ไม่มีวันยอมให้ครูน้ำผึ้งมาเป็นแม่ใหม่แน่”
นันท์มุ่งมั่นจะหาวิธีมาเล่นงานน้ำผึ้ง
“งั้นเราก็ต้องแกล้งมันให้อยู่บ้านนี้ไม่ได้เลยนะคะคุณนันท์”
“แล้วพี่อ้อยมีแผนอะไรไหมล่ะ”
อ้อยยิ้มเจ้าเล่ห์มีแผนการในใจแล้ว

พรกับชมพู่พาน้ำผึ้งออกมาข้างหน้าบ้าน เตรียมจะพาไปดูส่วนต่างๆในไร่
“เดี๋ยวฉันจะให้ไอ้หอมกับนายผันเขาพาคุณไปดูรอบๆ ไร่นะคะ ว่ามีอะไรบ้าง ไว้ดูเสร็จแล้วฉันจะเตรียมกับข้าวไว้ให้ คุณก็มากินได้เลย”
“ขอบคุณมากค่ะ”
หอมขยับตัวไปมา โชว์แมน ทำท่าว่าฟิตเต็มที่
“ไปกันรึยังจ๊ะ ฉันนี่ฟิตมาเต็มที่ ให้วนรอบไร่สิบรอบยังไหว”
“ขี้โม้ ไอ้หอม รอบที่แล้วให้ไปเอาของที่ไร่ครั้งเดียวยังหอบแฮ่ก” ชมพู่ด่า
“วันนั้นมันไม่เหมือนวันนี้นะป้า”
ผันตัดบท “พอๆ ไม่ต้องพูดมาก ไปผึ้ง ขึ้นรถ”
น้ำผึ้งขำหอม เดินไปขึ้นรถตามผัน อ้อยมองจิกตามหลังไป ไม่ชอบขี้หน้าน้ำผึ้งมากๆ

ผันพาน้ำผึ้งขับรถตระเวนไปดูรอบๆ ไร่ พร้อมกับอธิบายว่าที่นี่มีธุรกิจอะไรบ้าง
จากผันปลีกตัวไปดูงานในไร่ ปล่อยให้หอมดูแลเป็นธุระพาน้ำผึ้งเข้าไปในไร่องุ่น แนะนำให้คนงานรู้จัก น้ำผึ้งเดินเล่นไปตามแถวองุ่น มีหอมคอยแนะนำองุ่นพันธุ์ต่างๆ ให้ฟัง
ถัดมา สามคนมาถึงส่วนที่เป็นไร่กาแฟ ผันเปิดประตูโรงบ่มไวน์ให้ดู น้ำผึ้งมองไปรอบๆ สีหน้าอย่างทึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น ผันขับรถพาหอมกับน้ำผึ้งมาส่งที่คอกเจ้าอัลปาก้า น้ำผึ้งตื่นตาตื่นใจยกใหญ่เพราะไม่เคยเห็น หอมให้น้ำผึ้งลองให้อาหารอัลปาก้าดู น้ำผึ้งเริ่มสนุกขึ้นมา

เดินกันดูไร่จนเหนื่อยหอบ หอมเดินนำน้ำผึ้งเปิดประตูเข้ามาในร้านกาแฟพรีโม่ของไร่ ทักทายอย่างคุ้นเคย
“เห่นโล้ว ขอเอสเพรสโซ่เย็นซักแก้วสิคร้าบ”
มาร์ค บาริสต้าหนุ่มหล่อมาดเท่ ชงกาแฟอยู่ตรงเคาท์เตอร์หันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร น้ำผึ้งมองทึ่งเพราะนอกจากมาร์คจะหน้าตาดี บุคลิกยังเท่อีกด้วย หอมแนะนำให้น้ำผึ้งรู้จัก
“นี่มาร์ค บาริสต้ามือหนึ่งประจำพรีโมคอฟฟี่ครับ”
“สวัสดีครับ” / “สวัสดีค่ะ” สองคนยิ้มทักกัน
หอมแนะนำกับมาร์ค “ส่วนนี่ครูน้ำผึ้ง ครูของคุณนันท์ เขาจะมาอยู่กับเราที่ไร่สักพัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ นั่งพักก่อนครับ เดี๋ยวผมชงกาแฟให้ คุณน้ำผึ้งจะรับอะไรครับ”
“เอามอคค่าเย็นก็ได้ค่ะ”
“คุณหอมล่ะครับ”
“เอสเพรสโซ่ร้อนแล้วกัน”
“รับทราบครับผม”
มาร์ครับคำด้วยท่าทางมั่นใจ แล้วโชว์ลีลาชงกาแฟอย่างคล่องแคล่ว จนน้ำผึ้งทึ่ง
พอเสร็จมาร์ควางแก้วกาแฟบนเคาท์เตอร์ “เรียบร้อยครับ”
“สุดยอดเลยค่ะ”
มาร์คยิ้มเป็นมิตรมาให้ น้ำผึ้งรู้สึกถูกชะตากับบาริสต้าหน้าหวาน คิดว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนเธอได้

ทั้งสองคนเดินคุยกันกลับมาที่บ้านของเทิด โดยมีพรออกมารอรับอยู่หน้าบ้าน
“กาแฟที่นี่รสชาติดีมากเลยนะ ฉันชอบ” น้ำผึ้งยิ้มหัวคุยกับหอม
“เป็นไงบ้างคะครู”
“สนุกมากเลยค่ะ จริงๆ ที่นี่ก็มีอะไรอีกตั้งเยอะตั้งแยะเลยนะคะ ทั้งไร่องุ่น ไร่กาแฟ ไหนจะโรงบ่มไวน์อีก”
“ถ้าคุณชอบพวกเราก็ดีใจค่ะ ป้าให้เด็กมันจัดห้องไว้ให้ครูแล้ว เดี๋ยวจะพาไปดูนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พรเดินนำพาน้ำผึ้งเข้าบ้าน แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“อ้อ มีอีกเรื่องค่ะ”
“คะ”
“พื้นที่ส่วนตัวทั้งหมดของคุณเทิด เราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในนั้น เพราะฉะนั้นถ้าครูเจอห้องอะไรที่ไม่รู้จัก อย่าเข้าไปจะดีกว่านะคะ”
“ค่ะ ผึ้งจะระวัง”
“งั้นก็เชิญค่ะ”
น้ำผึ้งไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ตามป้าพรไปโดยดี

ผันเข้ามาหาเทิดที่ห้องทำงาน
“ขอบคุณนายมากนะครับที่ให้ครูน้ำผึ้งมาอยู่ที่บ้าน”
“ฉันเห็นแก่แกหรอกนะ เห็นว่าเป็นห่วงเป็นใยกันนัก เดี๋ยวแกจะมาว่าฉันไม่ดูดำดูดีลูกจ้าง”
ผันยิ้มขำไม่ถือสา “ครับ แค่นี้ก็เป็นพระคุณกับผึ้งมันมากๆ แล้วครับ”
“ฉันหวังว่าการที่ครูน้ำผึ้งของแกมาอยู่ที่บ้านฉัน จะทำให้เข้าใจและสอนคุณนันท์ได้ดีกว่าเดิม ด้วยนะ คอยดูดีๆ อย่าให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรอีก”
“แต่ท่าทางคุณนันท์จะไม่ยอมง่ายๆ นะครับ”
“ถ้าไม่เสี่ยงก็จะไม่รู้ แต่ถึงยังไงผลออกมาครูน้ำผึ้งของแก ต้องทำตามข้อตกลงเรื่องเรียนของคุณนันท์ให้สำเร็จให้ได้”

เทิดบอกเสียงเข้ม ผันฟังแล้วหนักใจ และอดเครียดแทนน้ำผึ้งไม่ได้
อีกฟากหนึ่ง ตรงสวนดอกไม้แลนด์มาร์คของไร่ภูฤทธิ์ที่คนชอบมาถ่ายรูป ภูฤทธิ์ยิ้มหล่อนัยน์ตาที่มองมาหวานฉ่ำลึกซึ้ง สื่อความหมายว่ารักเหลือเกิน ส่วนฟ้าใสยิ้มหวานหยด น้ำตาคลอด้วยความรักล้นใจ

“เรารู้จักกันมานานแล้วนะครับ ผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะครับ”
ฟ้าใสยืนยิ้มชื่น มีความสุขล้น ภูฤทธิ์เรียกอีกเสียงนุ่มนวล
“คุณฟ้าใสครับ คุณฟ้า”
ฟ้าใสหันไปตามเสียงเรียก เห็นภูฤทธิ์ยืนมองมาท่าทางงุนงง ฟ้าใสรีบหันไปมองข้างหน้า
เห็นลูกค้าชายหญิงกำลังบอกรักขอแต่งงานกันอยู่ ฟ้าใสมโนไปเอง ฝันหวานว่าภูฤทธิ์บอกรักและขอเธอแต่งงาน
“คุณฟ้าใสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมเรียกตั้งนาน”
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีฟ้าคิดอะไรเพลินๆ” ฟ้าใสหันไปทางลูกค้าแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันดีนะคะ”
ภูฤทธิ์มองไปยังสองคนที่กอดกันอยู่แล้วยิ้มๆ
“ครับ แล้วนี่คุณฟ้าใสจะเป็นออแกไนซ์จัดงานแต่งงานให้คู่นี้ด้วยไหมครับ”
“ค่ะ ฝ่ายชายติดต่อไว้แล้ว ที่ฟ้านัดคุณภูไปเจอวันก่อนก็จะคุยเรื่องนี้แหละค่ะ”
ภูฤทธิ์ชะงัก เหมือนนึกอะไรได้
“จริงด้วย วันก่อนคุณฟ้านัดผมนี่ แต่…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟ้าไม่ได้คิดมากอะไร”
“แต่ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณฟ้าจริงๆ นะครับ”
“ฟ้าไม่รับคำขอโทษหรอกค่ะ”
“อ้าว”
“จนกว่าคุณภูจะอนุญาตให้ใช้ที่นี่จัดงานแต่งงานของลูกค้าฟ้าได้”
ภูฤทธิ์หัวเราะ
“โธ่ เรื่องนี้เอง ไม่มีปัญหาครับ ผมชอบให้ที่ไร่มีงานมงคล”
“งั้นก็แสดงว่าอนุญาตใช่ไหมคะ งั้นฟ้าจองนะ”
“ได้อยู่แล้วครับ ว่าแต่…คุณฟ้าครับ”
“คะ”
“ผู้หญิงชอบให้ผู้ชายบอกรักหรือขอแต่งงานในสถานที่แบบนี้เหรอครับ”
ฟ้าใสมองภูฤทธิ์ตอบไม่ค่อยถูก
“คงอย่างนั้นมั้งคะ อยากให้เป็นที่จดจำระหว่างกัน”
ภูฤทธิ์นิ่งคิด
“แล้วคุณฟ้าใสล่ะครับ อยากถูกขอแต่งงานในที่แบบนี้ไหม”
ฟ้าใสเขิน “ก็ได้นะคะ สวยดี”
“แล้วคุณฟ้าใสคิดว่า คุณน้ำผึ้งจะชอบเหมือนกันไหมครับ”
ฟ้าใสหน้าเจื่อนไปถนัดตาโดยที่ภูฤทธิ์ไม่ทันสังเกต
“ก็คงคล้ายกันมั้งคะ น้ำผึ้งเป็นคนไม่เรื่องมากอะไร แค่รักและมีความจริงใจให้ก็น่าจะพอ”
ภูฤทธิ์ยิ้มเขิน เมื่อนึกถึงน้ำผึ้งผู้หญิงที่เขาชอบ

ฟ้าใสลอบมองท่าทีนั้นแล้วเศร้า แต่ทำเป็นเข้มแข็งฝืนยิ้มให้เขา

อ่านต่อหน้า 4




มนต์รักอสูร ตอนที่ 7 (ต่อ)

เย็นวันเดียวกัน นันท์วางไอแพดในมือลง ลุกออกจากห้องนั่งเล่น ไปที่ห้องกินข้าว

“พี่หอม พี่อ้อย”
“ขา…คุณนันท์”
“เรื่องที่เราคุยกันไว้ อย่าลืมนะ”
อ้อยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้เลยค่ะคุณนันท์”
อ้อยพานันท์ไปห้องทานข้าว อารมณ์ดีผิดปกติ ส่วนหอมได้แต่ยืนทำตาปริบๆ จำใจตามไป

ทางด้านทรงยศอยู่ที่ห้องโถงบ้าน กำลังคุยโทรศัพท์กับนายทุนที่ต้องการจะซื้อที่ดินของเทิด น้ำเสียงจากปลายสายฟังออกว่าไม่พอใจมากเอาการ
“คุณทรงยศ เรื่องที่ดินที่คุณเสนอผมมาว่ายังไง นี่มันชักจะดีเลย์ไปมากแล้วนะ”
“ผมทราบครับ ว่ามันช้าแล้ว แต่ทางเราก็พยายามจัดการให้อยู่”
“จัดการ คุณก็ผลัดแบบนี้มาหลายทีแล้ว ไอ้ที่ดินที่ว่าทั้งดีทั้งมีของของคุณน่ะมันจะยากอะไรนักหนา”
“ผมก็บอกคุณแล้วว่ามันไม่ใช่ที่ส่วนตัวของผม มันต้องค่อยเป็นค่อยไป จะจัดรีบร้อนจัดการมันไม่ได้”
“แล้วผมต้องรออีกนานแค่ไหน”
“ผมไม่รับปากว่ามันจะเร็วกว่านี้ แต่ผมให้สัญญาว่าผมจะทำทุกวิถีทางให้คุณได้ที่ดินผืนนั้นไป”
“ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ได้ดีแต่ปากนะคุณทรงยศ”
“คนอย่างเสี่ยทรงยศ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ คุณวางใจได้เลย”
“ดี ผมจะให้เวลาคุณ แล้วก็หวังว่าจะได้ยินข่าวดีเร็วๆ นี้ แล้วกัน”
นายทุนคนนั้นวางสายไปแล้ว ทรงยศทั้งหงุดหงิดทั้งเครียด โดยไม่รู้ว่าฟ้าใสกลับเข้าบ้านมา และได้ยินที่พี่ชายคุยสายตั้งแต่ต้น

พอทรงยศเดินออกมา ก็เจอฟ้าใสยืนรออยู่แล้ว ฟ้าใสดูลังเลในเบื้องแรก ก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ยศคะ ขอฟ้าคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“มีอะไร”
“พี่ยศยังคิดจะซื้อไร่คุณเทิดอยู่เหรอคะ”
ทรงยศพยักหน้า
“ใช่ ทำไม”
“ฟ้านึกว่าพี่ยศจะเลิกความคิดแบบนี้ไปแล้วซะอีก”
ทรงยศหงุดหงิด “คิดสิ ก็มันมีคนอยากได้ เราเป็นนายหน้าก็ต้องจัดการให้เขา”
“ทำไมถึงต้องเป็นที่ตรงนั้นด้วยคะ พี่ยศก็รู้ว่ามันเป็นที่ดินมรดกตกทอดของบ้านคุณเทิดเขา”
“ทำไมทำเสียงแบบนั้น ทำเหมือนพี่จะใช้วิธีสกปรกทำให้นายเทิดมันยอมขายงั้นละ”
ฟ้าใสอึกอัก “ฟ้า…ฟ้าก็ไม่รู้หรอกค่ะ”
“โธ่ คิดมาก พี่แค่ลองคุยกับนายทุน แล้วเขาก็บอกว่าสนใจ แต่พี่ยังไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย ดีไม่ดีก็ต้องลองคุยดูก่อน ฟ้าก็รู้ว่าไร่นั้นมันไม่ได้ใช้วิธีคุยเฉยๆ แล้วจะได้”
“ฟ้ารู้ค่ะ”
“ถ้ารู้แล้วก็ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ”
“แต่…”
“ฟ้าแค่ทำหน้าที่ของตัวเองไปก็พอ ส่วนไอ้เรื่องธุรกิจที่มันซับซ้อน…พี่จะจัดการเอง”
ฟ้าใสยังกังวลอยู่เรื่องไร่ของเทิด แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้

ป้าพร กับชมพู่ช่วยกันตั้งโต๊ะอาหารเย็น น้ำผึ้งมานั่งรออยู่ที่โต๊ะ อ้อยกับหอมพานันท์เข้ามานั่งด้วย
“นายสั่งมาว่าจะไปตรวจงานที่ไร่ กว่าจะกลับคงค่ำๆ ให้ครูกับคุณนันท์ทานอาหารด้วยกันก่อนได้เลยนะคะ” อ้อยว่า
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ส่วนเรื่องห้อง ก็ตามที่ดิฉันบอกครูไว้ตอนพาไปเดินดูในบ้านนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยครูถามฉันได้เลย” พรบอก
“ขอบคุณค่ะป้าพร”
พรกับชมพู่เดินออกไป อ้อยมองอยู่สักพักก็เดินเข้ามา
“เอ้อ คุณครูคะ อ้อยมีอีกเรื่องจะบอกค่ะ”
น้ำผึ้งสงสัย “คะ”
“มาอยู่ที่นี่ใหม่ อย่าลืมทำความเคารพคนที่เขาอยู่มาก่อนด้วยนะคะ”
น้ำผึ้งงง “ใครเหรอคะ”
“ก็…คนที่เขาเป็นเจ้าของที่ ท่านไม่ชอบเด็กไปไม่ลา มาไม่ไหว้ ถ้าจะให้ดีก็สวดมนต์แล้วบอกท่านหน่อยนะคะว่ามาอยู่ใหม่ คืนนี้ จะได้นอนสงบๆ”
น้ำผึ้งพยักหน้ารับรู้ แม้จะงงนิดๆ ที่อ้อยพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

อ้อยแสร้งทำยิ้มท่าทางเป็นมิตรสุดฤทธิ์ แล้วไปนั่งคอยนันท์กินข้าวอยู่เงียบๆ ส่วนนันท์ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ

อ่านต่อตอนที่ 8


กำลังโหลดความคิดเห็น