xs
xsm
sm
md
lg

มนต์รักอสูร ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มนต์รักอสูร ตอนที่ 12

น้ำผึ้งใช้กรรไกรตัดขั้วองุ่นอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ แต่ผ่านไปสักพักเพราะไม่คุ้นชินงานนัก มือเธอจึงเริ่มระบมและเจ็บปวดไปหมด

“โอ๊ย”
น้ำผึ้งถอดถุงมือออกดู พบว่ามือบวมแดงช้ำ ครูสาวแสนดีทอดสายตามองไปเบื้องหน้า เห็นพื้นที่ไร่องุ่นกว้างสุดลูกหูลูกตา จนอดท้อไม่ได้
“ไร่ตั้งกว้าง จะเก็บทันมั้ยเนี่ย”
ระหว่างนี้เก่งแอบย่องมาดูเหตุการณ์ท่าทางลับๆ ล่อๆ น้ำผึ้งได้ยินเสียงฝีเท้าเก่ง
“นั่นใคร”
น้ำผึ้งมองไปรอบๆ แต่ไม่เจอใคร แต่สักพักก็มีคนมาสะกิดเธอจากด้านหลัง น้ำผึ้งตกใจหันขวับไป ก็เห็นภูฤทธิ์ ฟ้าใส และพีท ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล
น้ำผึ้งทั้งตกใจและดีใจ “คุณภู...ฟ้า...มาได้ไงคะเนี่ย”
“พวกเราเป็นห่วงแกน่ะสิ บอกว่าจะโทรกลับก็ไม่โทร ติดต่อก็ไม่ได้ รู้มั้ยว่าฉันใจคอไม่ดีเลย นึกว่าแกเป็นอะไรไปแล้ว”
“ฉันขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง ฉันยุ่งๆ ก็เลยไม่ได้รับสาย แล้วชุดพวกนี้” น้ำผึ้งมองชุดพวกภูฤทธิ์ ฟ้าใส และพีท งงๆ “ไปหามาจากไหนกันคะ”
“คุณพีทเขาหามาให้ ถ้าไม่แต่งตัวเป็นคนงาน พวกเราคงเข้ามาในนี้ไม่ได้หรอก”
สายตาภูฤทธิ์สังเกตเห็นมือน้ำผึ้งบวมและแดง ก็สงสาร
“ขอโทษนะครับ”
ภูฤทธิ์จับมือน้ำผึ้งมาดู เห็นมือน้ำผึ้งบวมแดง
ฟ้าใสตกใจและเป็นห่วง “มือแกบวมหมดเลย เจ็บมากมั้ย”
“ฉันไม่เป็นไร”
ภูฤทธิ์โกรธเทิด “ไหนคุณน้ำผึ้งบอกว่ามาทำงานสอนหนังสือแต่ทำไมกลายเป็นแบบนี้!”
น้ำผึ้งอึกอัก
“ผมจะไปคุยกับคุณเทิดให้รู้เรื่อง”
น้ำผึ้งไม่อยากให้มีเรื่องอีก จึงรีบห้ามภูฤทธิ์
“อย่าค่ะคุณภู”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบคุณ”
“น้ำผึ้งไม่ได้กลัวค่ะ แต่ไม่อยากให้มีเรื่องกัน”
ภูฤทธิ์ไม่เข้าใจ “ทำไมคุณต้องยอมเขาด้วย ผมไม่เข้าใจ”
“น้ำผึ้งทำงานผิดพลาด ทำให้คนงานล้มป่วยทำงานไม่ได้ น้ำผึ้งเลยต้องรับผิดชอบทำงานแทนคนงานค่ะ”
ฟ้าใสหมั่นไส้ “โธ่เอ๊ย แม่คนมีความรับผิดชอบสูง”
“น้ำผึ้งขอร้องนะคะคุณภู อย่าทำให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้เลยค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องเก็บองุ่นให้ทันส่งลูกค้า”
“เก็บองุ่น ทั้งหมดเนี่ยนะ! แกคนเดียวจะทำไหวได้ยังไง”
“ฉันก็จะเก็บให้ได้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้”
“ให้ผมช่วยนะครับ เห็นคุณลำบากแบบนี้ ผมจะทนอยู่เฉยได้ยังไง”
“ฉันก็จะช่วยแกด้วย”
“แกจะไหวเหรอฟ้า”
“ไม่รู้ล่ะ เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันจะทิ้งแกลำบากคนเดียวได้ไง”
น้ำผึ้งซึ้งใจ
“ขอบคุณมาก คุณภูกับฟ้าดีกับผึ้งจริงๆ”
น้ำผึ้งสวมกอดฟ้าใส ซึ้งน้ำใจเพื่อน
“ผมว่าจะทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ ถ้าใครมาเห็นว่าเราแอบเข้ามา จะไม่ปลอดภัยนะครับ”
ภูฤทธิ์ ฟ้าใสและพีทหยิบอุปกรณ์จากกล่องเครื่องมือที่วางอยู่และช่วยเก็บองุ่น

ฟากเก่ง เห็นว่าไม่มีใครตามมาแน่แล้ว เลยหยุดพัก เปิดหน้าจอโทรศัพท์ดูรูปที่มันแอบถ่ายพวกน้ำผึ้ง พร ชมพู่ และแซมในไร่องุ่นไว้ตอนเช้ามืด
เก่งเปิดไลน์รีบส่งรูปทั้งหมดไปให้พูนรายงานข่าวทันที

ด้านพูนดูไลน์แล้วรีบมารายงานทรงยศ
“ไอ้เก่งรายงานมาว่าครูน้ำผึ้งขอเก็บองุ่นให้นายเทิดเองครับนาย”
“ครูน้ำผึ้ง? แล้วแบบนี้มันจะไปทันอะไร”
“มีคนอาสาไปช่วยครับ เป็นคนงานในไร่อีกสองสามคน”
พูนส่งโทรศัพท์ที่มีรูปในไร่เทิดให้ทรงยศดู
“มีคนแค่นี้เองรึไง”
“ถ้าตามที่เก่งมันว่าก็มีแค่นี้แหละครับ”
ทรงยศหัวเราะ “ไม่เห็นมีอะไรน่าตกใจ”
“ยังไงครับนาย”
“แกไม่เห็นเหรอ ต่อให้มันมีคนช่วย คนก็มีแค่สามสี่คน ตัดองุ่นส่งล็อตใหญ่ขนาดนั้นยังไงก็ไม่มีทางทัน”
พูนนึกตาม “จริงด้วยครับนาย”
“ยังไงไอ้เทิดมันก็ต้องเสียชื่อ เสียลูกค้า แล้วคราวนี้ เรื่องที่ฉันคุยกับพวกนายทุนไว้ อีกไม่นานต้องสำเร็จแน่นอน”
ทรงยศยิ้มชั่วออกมา

อ้อยดูซีรีย์เกาหลีตั้งแต่เมื่อคืน ซาบซึ้งและอินจัด ร้องไห้จนตาบวม
“น่าสงสารจังเลย พระเอกนางเอกรักกัน แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ โธ่ โอ๊ปป้าขา! มาหาอ้อยดีกว่า รักกับอ้อยไม่มีอุปสรรคแน่”
หอมใส่หมวกใส่ผ้าพันคอเหมือนคนงานเดินเข้ามา อ้อยหันไปถามอย่างแปลกใจ
“พี่หอมจะไปไหน”
หอมชะงักหันมาทางอ้อย ทำท่าเชิดใส่ พูดเสียงหนักแน่น
“ไปช่วยครูน้ำผึ้ง”
อ้อยรู้ข่าวนี้แล้ว “จะบ้าเหรอ เมาแดดเช้ารึไง ไปช่วยมันทำไม”
“เพื่อมนุษยธรรมไงล่ะ”
อ้อยหมั่นไส้ “แหม รู้จักด้วยเหรอไอ้คำเนี้ย นี่หยุดเลยนะ อย่าได้คิดจะไปเด็ดขาด ยัยครูนั่นอยากอวดเก่งขอตัดองุ่นส่งเอง ถ้าพี่ช่วย ไม่คิดเหรอว่านายจะต้องไม่พอใจ”
“แต่ให้นิ่งดูดาย พี่ก็ทำไม่ได้นี่หว่า” หอมว่า
อ้อยประชดส่ง “ตามใจ โดนไล่ออกขึ้นมา อย่ามาร้องให้อ้อยช่วยนะ”
หอมชะงักไปนิดหนึ่ง “เออ…ฉันไม่กลัวหรอกโว้ย เอ็งไม่ไปก็ตามใจ”
อ้อยมองตามหอมที่ออกจากห้องไปด้วยสีหน้าตกใจ
“เอาจริงเหรอเนี่ยพี่หอม”
สาวนุ่งสั้นประจำไร่รีบตามหอมไป

อ้อยวิ่งไปลากหอมไว้ ให้หันมาคุยด้วย
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”
“อย่ามาห้ามซะให้ยากเลย ยังไงฉันก็จะไปช่วยครู”
อ้อยเจ็บใจ “อีพี่หอม อีพี่ทรยศ จำไง้เลยนะ ฉันจะฟ้องนาย ฟ้องทุกคน ฟ้องให้หมด”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กลัว ไปแล้ว ชักช้า เสียเวลาจริง”
อ้อยเริ่มโมโหจะกรี๊ดออกมา เสียงนันท์ดังขัดขึ้น
“พี่อ้อย พี่หอม ทำอะไร”
“คุณนันท์”
นันท์เห็นหอมใส่ชุดคนงานไร่ก็แปลกใจ
“พี่หอมจะไปไหน”
อ้อยขู่ในที “พี่หอม…อย่าบอกคุณนันท์เชียวนะ”
อ้อยกลัวหอมบอกนันท์ เขย่าแขนหอมใหญ่ไม่ให้พูด แต่หอมไม่ฟัง
“พี่หอมจะไปไร่องุ่นครับคุณนันท์ จะไปช่วยครูน้ำผึ้ง”
นันท์สงสัย “แล้วทำไมครูต้องไปไร่องุ่นด้วย”
อ้อยเซ็งมากที่หอมพูดไม่ฟัง แถมหอมยังจ้อต่อ
“ครูน้ำผึ้งขอนายตัดองุ่นส่งล็อตนนี้คนเดียวครับ พี่หอมต้องไปช่วยครู”
นันท์ตื่นเต้ “ตัดองุ่นเหรอ”
“คุณนันท์อย่าไปสนใจนะคะ ปล่อยยัยครูนั่นไป”
หอมโมโห “นังคนไม่มีน้ำใจ หุบปากไปเลย”
นันท์ยืนใช้ความคิดไปมา ไม่ได้อยากไปช่วยน้ำผึ้ง แต่ไปตัดองุ่นก็น่าสนุก
“ตัดองุ่นนี่ทำยังไงพี่หอม”
“ถ้าคุณนันท์อยากรู้ คุณนันท์ไปไร่กับพี่…โอ๊ย”
อ้อยฟาดเข้าที่หลังหอมอีก
“คุณนันท์กลับไปในบ้านดีกว่า ตัดองุ่นไม่มีอะไรหรอกค่ะ ร้อนก็ร้อน”
“แต่ถ้าเราไปตัดนี่เราจะได้กินองุ่นสดๆ จากต้นเลยนะครับ ตัดเองด้วย น่าภูมิใจออก”
นันท์คิดหนัก
“ตอนนี้ไม่มีคนอยู่บ้านเลยใช่ไหม”
“ใช่ครับ ป้าพรเอย ชมพู่เอยก็อยู่ไร่หมด อยู่ที่นี่ก็น่าเบื่อจะตายคุณนันท์ มีแต่คนหน้าเดิมๆ” หอมมองอ้อย
นันท์ยิ้มร่า “โอเค นันท์อยากไปไร่องุ่น พี่หอมพี่อ้อยพานันท์ไปที”
อ้อยตาเหลือกตกใจ “ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าพี่อ้อยไม่พาไป นันท์จะฟ้องพ่อว่าพี่อ้อยชอบอู้งาน เอาแต่ดูซีรีย์เกาหลี แล้วก็...”
อ้อยปิดปากนันท์หมับ
“อย่านะคะคุณนันท์ พี่อ้อยยอมแล้ว”
นันท์ดีใจจะได้ไปที่ไร่องุ่น หอมยิ้มเยาะ

ฟากเทิดเดินออกมาจากในบ้าน คุยโทรศัพท์กับเจ้าของไร่ที่ติดต่อซื้อองุ่นไว้
“เรื่ององุ่นที่ผมติดต่อไป ผมกำลังจะเข้าไปดูเดี๋ยวนี้ แล้วเราจะไปตกลงราคากันที่โน่น…ครับ ได้ครับ”
เทิดวางสายรีบเดินไปยังรถ ผันตามมาขึ้นรถไปด้วยกัน รถเทิดแล่นออกจากไร่ไป

อ้อยพานันท์มา อ้อยแต่งตัวจัดเต็ม ใส่หมวก ใส่แว่นกันแดด กางร่ม
“คุณนันท์นะคุณนันท์ มาทำไมก็ไม่รู้ แดดก็แรง ผิวอ้อยเสียหมด ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย มีแต่องุ่น”
ทุกคนเห็นนันท์ก็ตกใจ
โดยเฉพาะป้าพรอุทานลั่น “คุณนันท์”
“คุณนันท์ มาทำไมคะ แดดร้อน เดี๋ยวไม่สบายนะคะ” น้ำผึ้งทักท้วง
พรโมโหหันไปเล่นงานอ้อย “แกนี่ไม่มีหัวคิดเลยนะนังอ้อย พาคุณนันท์มาทำไม”
“ฉันเตือนแล้วแต่คุณนันท์ไม่ยอม ยืนยันจะมาให้ได้ อีพี่หอมนี่ก็ตัวดี ยุคุณนันท์อยู่ได้”
“ไหงงั้น คุณนันท์อยากมาเองหรอก” หอมจ๋อย
แซมมองนันท์ ไม่ชอบใจนัก เกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
“คุณนันท์กลับไปเถอะครับ”
“ทำไมล่ะ” เด็กชายถามกลับ
“ถ้าคุณเทิดรู้เข้า ทุกคนจะเดือดร้อนกันไปหมด”
นันท์หน้าเศร้าไปถนัดตา
“เมื่อก่อนแม่เคยพานันท์มาที่นี่บ่อยๆ ตั้งแต่แม่ไม่อยู่นันท์ก็ไม่ได้มาเลย...”
ทุกคนอึ้ง สงสารนันท์ เลยไม่กล้าห้าม ได้แต่มองหน้ากันไปมา
“เอาเถอะค่ะ น้ำผึ้งจะดูแลคุณนันท์เอง”
“จะดีเหรอครับครูน้ำผึ้ง ถ้าคุณนันท์ไม่สบาย ครูจะเดือดร้อนนะ” มาร์คกังวลไม่คลาย
น้ำผึ้งยิ้มการันตี “น้ำผึ้งจะดูแลคุณนันท์ให้ดีที่สุดค่ะ”
ทุกคนก็เลยต้องยอม
“มาค่ะคุณนันท์ ครูจะสอนคุณนันท์เก็บองุ่นนะคะ คุณนันท์เคยทำรึยัง”
“เคยแต่เห็น แต่ไม่เคยทำ” เด็กชายว่า
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหอมช่วยสอนอีกคนจ้ะ รับรอง หายห่วง”
หอมหันไปขยิบตาให้นันท์ นันท์แอบชูนิ้วโป้งให้

น้ำผึ้ง แซม พร หอม ชมพู่ และมาร์ค แยกย้ายกันไปเก็บองุ่นกันคนละมุม ห่างๆ กัน ภูฤทธิ์ ฟ้าใส และพีทก็ช่วยน้ำผึ้งอยู่อีกแปลง
ขณะที่หอมเก็บองุ่นอยู่ หันไปทางน้ำผึ้งก็เห็นมีคนสองคนอยู่กับน้ำผึ้ง หอมจึงนับจำนวนคน
“ลุงแซม ป้าพร ชมพู่ ไอ้มาร์ค นังอ้อย คุณนันท์ หอมสุดหล่อ พวกเราก็ครบนี่นา แล้วสามคนนั้นใคร”
หอมสงสัยและคาใจมาก จึงแอบย่องไปด้านหลัง
“แกสามคนเป็นใคร”
“ว้าย” ฟ้าใสตกใจ
แซม มาร์ค พรและชมพู่ได้ยินเสียงก็รีบมาดู แต่ทั้งภูฤทธิ์ ฟ้าใสและพีทต่างใส่หมวกและคลุมผ้าขาวม้าบังแดดทำให้เห็นหน้าไม่ชัด
“มีเรื่องอะไรกัน”
พีทกระชับกรรไกรตัดองุ่นในมือพร้อมป้องกันตัวหากโดนรุม เป็นหอมที่กระชากหมวกกับผ้าขาวม้าปิดบังหน้าตาภูฤทธิ์ออกได้ ทุกคนต่างตกใจมาก พอรู้ว่าเป็นภูฤทธิ์
“คุณภูฤทธิ์”
ฟ้าใสและพีทเลยต้องถอดหมวกและเปิดผ้าขาวม้าออกเช่นกัน
มาร์คคาดไม่ถึง “คุณฟ้า...คุณพีท”
แซมไม่พอใจเพราะหากเทิดรู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
“พวกคุณเข้ามาได้ยังไง ออกไปซะ คุณเทิดสั่งไว้ ห้ามพวกคุณเข้ามาในไร่”
น้ำผึ้งปกป้องสามคนทันที
“พวกเขาเป็นเพื่อนฉันเองจ้ะ พวกเขาแค่มาช่วยฉันเท่านั้น”
“ใช่ค่ะ ช่วยน้ำผึ้งเสร็จแล้วพวกฉันจะรีบกลับ” ฟ้าใสว่า
“อย่าไล่พวกเขาเลยนะ ฉันขอร้อง”
แซมคิดหนัก
“ก็ได้ เห็นแก่ครูน้ำผึ้ง แต่พวกคุณต้องไปจากที่นี่ก่อนที่คุณเทิดจะกลับ แล้วกรุณาอย่าก่อเรื่อง ไม่งั้นคนที่เดือดร้อนก็คือครูน้ำผึ้ง” แซมกำชับ
“จ้ะ ฉันสัญญา จะไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด” ฟ้าใสรับคำแข็งขัน
“ขอบคุณค่ะลุงแซม”
“คงไม่มีใครมาเพิ่มอีกใช่ไหม งั้นก็รีบทำงานเถอะ เดี๋ยวไม่ทันพอดี”
ทุกคนแยกย้ายไปทำงานกันต่อ

ภูฤทธิ์ ฟ้าใสและพีทต่างโล่งอกที่ไม่ถูกไล่ตะเพิดกลับ

อ่านต่อหน้า 2




มนต์รักอสูร ตอนที่ 12 (ต่อ)

มาร์คตัดขั้วองุ่นมั่วๆ จนพีทเอ่ยทัก

“จับอย่างนั้นองุ่นช้ำนะครับ”
“คุณพีท ผมตัดไม่เป็นหรอกครับ ถนัดแต่ชงชากาแฟ”
“ต้องแบบนี้ครับ มือหนึ่งประคองผลไว้ อีกมือตัดขั้ว”
พีทจับมือมาร์คด้วยระหว่างที่สอน มาร์คหันไปมองพีท สองคนสบตากันลึกซึ้ง
“คุณพีทรู้เรื่ององุ่นด้วยเหรอครับ ผมนึกว่าไร่ภูฤทธิ์ปลูกแต่ดอกไม้ซะอีก”
“ไม่รู้หรอกครับ แต่องุ่นกับดอกไม้ก็บอบบางพอกัน ผมเลยเดาว่าน่าจะคล้ายๆ กัน”
“อย่างนี้เอง ขอบคุณครับ”
หอมเอาแต่มองจ้องมาร์คกับพีท ท่าทีอึ้งๆ จนองุ่นที่กำลังหยิบกินร่วงลงจากปาก
พีทและมาร์คยิ้มให้กันสุขสุดฟิน หอมเห็นภาพนี้ยิ่งอึ้ง

ส่วนฟ้าใสง้างกรรไกรตัดขั้วองุ่นจนเล็บหัก
“โอ๊ย”
ภูฤทธิ์อยู่ใกล้ๆ รีบเข้ามาดู
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณฟ้า”
ฟ้าใสถอดถุงมือ เห็นเล็บหักก็เศร้า
“โธ่ เล็บฉัน”
“ไหนดูซิครับ”
ภูฤทธิ์จับมือฟ้าใสมาตจรวจดูอาการ
“เจ็บรึเปล่าครับ”
“นิดหน่อยค่ะ”
ภูฤทธิ์มองเป็นห่วงเป็นใย ฟ้าใสลอบมองเห็นภูฤทธิ์ดูห่วงใยก็รู้สึกอบอุ่น ยิ้มเขินๆ คนเดียว

ฟากหอมเดินจ้องคู่มาร์คกับพีทไม่เลิก จนเดินไปชนอ้อยเข้า
“อีพี่หอม ทำอะไร เดินไม่ดูตามาตาเรือ เกิดไอ้กรรไกรตัดองุ่นมันทิ่มฉันจะทำไง”
“มันก็เจ็บสิวะ ถามได้”
“จะกวนฉันเหรอ เดี๋ยวปั๊ด” อ้อยเงื้อมือจะฟาด
หอมไม่สนใจอ้อย ชี้ชวนให้ดูคู่มาร์คกับพีท
“เลิกโวยแล้วดูคู่นั้นกับฉันก่อนซินังอ้อย”
อ้อยมองตาม “อะไร คู่ไหน”
สองคนเห็นมาร์คกับพีทช่วยกันเก็บองุ่นท่าทางกระหนุงกระหนิง
“นั่นไง ดูแล้วบอกหน่อยว่าคิดยังไง”
อ้อยงง “จะคิดอะไร ก็ผู้ชายแมนๆ เก็บองุ่น ถ้าสวีทจริง โน่น…คู่โน้น”
อ้อยช้ไปยังคู่ฟ้าใสกับภูฤทธิ์ หอมมองตาม แต่ส่ายหัว
“โอ๊ย ไม่ใช่โว้ย นั่นเขาหญิงชายจีบกันธรรมดา ที่เรียกให้ดูคู่ไอ้มาร์คอ่ะ จะให้ดูว่ามันแปลกๆ มันแบบ…กุ๊กกิ๊กเกินเพื่อนกันงี้ไหม”
อ้อยมองสลับทั้งสองคู่ แล้วตีหอมเข้าอีกที
“ตาเนี่ยไม่เคยจะมองเห็นไอ้สิ่งดีๆ เลยนะ จิตอกุศล”
“อ้าวเฮ้ย ก็มันแปลกจริงนี่ ทีข้ายังไม่ไปนัวเนียลุงแซมงั้นเลย”
“ยี้ พูดอะไรออกมา ไม่คุยด้วยแล้ว ตัดๆให้มันเสร็จไปซักทีองุ่นเนี่ย ร้อน เบื่อ เหนื่อย”
อ้อยเดินหนีไปเลย
ระหว่างนี้มาร์คกับพีทหันมาทางหอม จนหอมหวาดๆ พีทยังขยิบตาให้อีกด้วย เล่นเอาหอมสะดุ้ง
“เฮ้ย! นั่นไง นังอ้อย...นังอ้อยย”
อ้อยเดินหนีไปไกลแล้ว พีทกับมาร์คขำหอม
หอมเซ็งมาก ชี้หน้าคาดโทษมาร์คกับพีท

ชมพู่กับพรช่วยกันตัดองุ่นอยู่อีกมุมหนึ่ง ชมพู่มองไปทางพวกหอม มาร์ค และ พีท เลยบุ้ยใบ้เรียกพรให้ดู
“ป้าๆ ดูไอ้หอมมันสิ”
“อะไรนังชมพู่”
“ทำท่าทำทางอะไรของมัน พิลึก”
สองคนมองไปเห็นหอมจะเข้าไปขนลังองุ่นตรงที่มาร์คอยู่ แต่พอหอมเห็นมาร์คมองมาก็สะดุ้ง หลบไปอีกทาง มาร์คงงว่าหอมเป็นอะไร
หอมยกลังองุ่นเดินผ่านมาร์คไปโดยไม่ยอมหันหลังให้ มาร์คจะเข้าไปช่วย
“ให้ผมช่วย”
หอมหันไป ตะโกนใส่มาร์ค
“อย่าเข้ามานะโว้ย”
มาร์คยังเดินเข้าไปอย่างหวังดี “แต่ว่า”
“บอกว่าอย่าเข้ามาไง”
มาร์คยิ่งเข้าใกล้ หอมยิ่งถดตัวถอยหนีไปจนจะชนลังองุ่นด้านหลัง
มาร์คร้องบอก “พี่หอม ด้านหลัง”
“บอกว่า อย่า…”
หอมถอยไปชนกับลังองุ่นด้านหลังจนเซจะล้ม ด้วยความตกใจหอมจึงปล่อยลังองุ่นใส่เท้าตัวเอง
“อ๊าก เจ็บๆๆๆ”
หอมเต้นเร่าๆ กระโดดไปรอบๆ มาร์คตามไปดูจับแขนหอมถามอาการ
“พี่หอมเจ็บไหม เป็นอะไรรึเปล่า”
หอมมองมือมาร์คที่จับแขนตัวเองอยู่ก็ขนลุก สะบัดสุดแรงเกิดจนหลุดออก
“ไม่...ไม่เป็น ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น”
“แต่ว่า…”
“บอกว่าไม่เป็นไงโว้ย”
หอมเดินตุปัดตุเป๋จะหนีไปอีกทาง แต่ดันไปชนพีทจนซวนเซ พีทต้องช่วยประคองไว้
“ระวังหน่อยครับ”
หอมเหวอหนัก เข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น มาร์ควิ่งตามมาอีกคน
“เดี๋ยวผมดูให้ดีกว่า สงสัยจะเป็นหนัก”
หอมเจอทั้งพีททั้งมาร์ครุมช่วยยิ่งขนลุก รีบดันตัวลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีไปทั้งที่ขายังเจ็บ
มาร์คกับพีทงงมากว่าหอมเป็นอะไร ทุกคนมองมา ขำท่าทีหอม
“เป็นไงมั่งวะนั่น เท้าเจ็บหรือสมองกระทบกระเทือน” พรว่า
อ้อยเดินมาหาพรกับชมพู่ บ่นบ้าเรื่องหอมเซ็งๆ
“ปล่อยพี่หอมมันไปเถอะป้า สงสัยจะเมาแดดจริงๆ”
ทุกคนหันไปตัดองุ่นต่อ หอมวกกลับมาตัดองุ่นต่อ แต่คอยมองคู่จิ้นพีทกับมาร์คเป็นระยะ

น้ำผึ้งโชว์เก็บองุ่นให้นันท์ดู
“ใช้มือรองพวงองุ่นไว้แล้วตัดที่ขั้วเลยค่ะ นี่! ง่ายนิดเดียว”
นันท์ลองตัด โดยมีครูคอยช่วย
นันท์ตัดได้ ยิ้มยืดภูมิใจ “นันท์ทำได้แล้ว”
ทุกคนเห็นนันท์ยิ้ม ก็ดีใจไปด้วย น้ำผึ้งสอนนันท์นับเลข
“คุณนันท์ช่วยครูคิดหน่อยสิคะ องุ่นในตะกร้านี้มียี่สิบพวง แล้วสิบห้าตะกร้า จะมีองุ่นทั้งหมดกี่พวงคะ”
นันท์คิดสักพักจึงตอบว่า “เท่ากับสามร้อยพวงครับ”
“ถูกค่ะ นี่แหละค่ะประโยชน์ของการคูณ”
นันท์สนุกมาก น้ำผึ้งก็พลอยมีความสุขไปด้วย

ภูฤทธิ์และฟ้าใสมองน้ำผึ้งสอนนันท์
“ที่ผ่านมาฉันไม่อยากให้น้ำผึ้งทำงานที่นี่เลย แต่พอเห็นรอยยิ้มของน้ำผึ้งแล้ว ฉันถึงเข้าใจว่าน้ำผึ้งรักงานที่นี่และคนที่นี่มาก เราคงจะห้ามไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
“ผมก็ว่าจะเปลี่ยนใจคุณน้ำผึ้งคงไม่ง่ายแล้วล่ะครับ”
ฟ้าใสดีใจที่เพื่อนมีความสุข ส่วนภูฤทธิ์หนักใจ

สองคนพากันมาอยู่ที่ไร่แห่งหนึ่งซึ่งโทร.นัดกันไว้ก่อนหน้านี้
เทิดหยิบองุ่นหนึ่งพวงขึ้นมาดูคุณภาพอย่างคนละเอียดและช่างสังเกต ผันอยู่ข้างๆ
“นี่เป็นองุ่นเกรดเอทั้งหมดที่เรามีตอนนี้เลยนะคุณเทิด ถ้าจำนวนตามที่คุณขอมา เรามีให้แน่นอน” ผู้จัดการไร่วางมาดเหนือกว่า
“ผมทราบเรื่องนั้น เอาเป็นว่าคุณกับผมมาตกลงราคากันก่อนดีกว่า”
ผู้จัดการไร่ยิ้มกริ่ม เมื่อเห็นว่าเทิดเหมือนจะยอมซื้อ
“ถ้าเรื่องนั้น ผมมีเรื่องต้องแจ้งให้คุณทราบอยู่เหมือนกัน”
“ว่ามาเถอะ”
“องุ่นเนี่ยเป็นล็อตสุดท้ายที่เรามี คุณมากว้านซื้อตอนนี้ ในอนาคตผมอาจจะไม่มีส่งให้ลูกค้าขาประจำ มันก็อาจจะต้อง…บวกราคาเพิ่มเพื่อชดเชยส่วนนั้น”
“ผมไม่ได้มีปัญหาตรงนั้น ไอ้ราคาที่บวกเพิ่มน่ะมันเท่าไหร่”
“สามเท่าจากราคาปกติ” ผู้จัดการไร่โขกราคาสุดฤทธิ์
เทิดคิดหนักมององุ่นตรงหน้า ผันเองก็เป็นกังวลไปด้วย

ถัดมาสองคนตรงมาขึ้นรถ ผันทักท้วงทัดทานเทิด
“นายครับ ผู้จัดการไร่นั่นมันฉวยโอกาสโก่งราคาองุ่นเรา นายคิดจะซื้อด้วยราคาสูงขนาดนี้จริงๆ เหรอครับ”
“เราไม่มีทางเลือก ฉันยอมขาดทุน ดีกว่าเสียคำพูดกับลูกค้า”
“แล้วที่ให้ครูน้ำผึ้งเก็บล่ะครับ”
“ยายนั่นคนเดียวจะเก็บได้สักเท่าไรกัน”
“แต่ผมว่า มันก็ยังคิดแพงเกินไปอยู่ดี”
เทิดหยุดเดิน หันไปบอกผัน
“ฉันยังไม่ได้ตกลงซื้อ อย่าเพิ่งทำท่าตกใจเกินเหตุ”
“ผมรู้นาย ผมแค่อยากให้นายคิดดีๆ มันอาจจะมีทางออกที่ดีกว่านี้”
“ฉันบอกเขาว่าจะโทร.ไปคอนเฟิร์มอีกทีตอนเย็น ถ้าตอนนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ เราก็ต้องยอมจ่ายราคาที่เขาเสนอมา”
เทิดเดินนำไปที่รถ ขณะที่ผันกังวลอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ผันดังขึ้น เป็นสายจากพรที่ยังอยู่ไร่องุ่น แต่แอบหลบมาโทร.หาผัน สองคนคุยสายกัน
“ว่าไงป้าพร”
“นายเป็นไงบ้าง จะกลับรึยัง”
“จะกลับแล้ว ทางนั้นเถอะ ไปถึงไหนแล้ว”
“ถึงไหนอะไรล่ะ ไม่รู้ ยังไงนายผันต้องช่วยฉันถ่วงเวลาก่อน อย่าเพิ่งให้นายมาที่ไร่ เข้าใจไหม”
“ก็ได้ๆ จะพยายามแล้วกัน”
ผันวางสาย รีบตามเทิดไป

ผันขับรถมาตามทาง มีเทิดนั่งอยู่ข้างหลัง ผันแกล้งขับช้าๆ จนเทิดหงุดหงิด
“ผัน”
“ครับ”
“ขับเร็วๆ หน่อย ขับช้าแบบนี้เมื่อไรจะถึง”
“ครับๆ”
ผันเลยจำต้องขับตามปกติ พลางคิดหาทางถ่วงเวลาเทิด

ผันจอดรถแวะซื้อของต่างๆ นาๆ ในร้านๆ หนึ่ง และใช้เวลาคุยอยู่นานมาก จนเทิดเริ่มหงุดหงิด ผันกลับขึ้นรถเข้ามาเลยเจอบ่นเอา
“ทำไมไปนานนัก”
“ของมันขาดน่ะนาย พวกกาแฟที่ต้องส่งร้านยังไม่เข้าเลยคุยนาน”
ผันเหลือบมองเทิด คิดจะถ่วงเวลาด้วยการหาทางแวะร้านอื่นต่อ เลยหันไปบอกเทิด
“เดี๋ยวผมขอแวะร้านนี้หน่อยนะนาย”
เทิดแปลกใจ “อีกแล้วเหรอ”
ผันเก๊กขรึมไม่พูดอะไร แวะเข้าจอดที่ร้านขายของ แล้วก็ลงไปเลย และคอยแอบมองเทิดจากในร้าน

ส่วนในรถเทิดชักหงุดหงิดมากขึ้น ไม่รู้ว่าผันจะมัวเสียเวลาคุยอะไรนักหนา สุดท้ายเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
ฝ่ายผันมองจากในร้าน เห็นเทิดลงจากรถเดินไปฝั่งที่นั่งคนขับก็ตกใจ
“นาย จะทำอะไรน่ะ”
เทิดขึ้นไปนั่งยังที่นั่งคนขับ สตาร์ตรถแล้วขับหนีผันไปเลย ผันวิ่งตามมา
“โธ่ นาย ให้ตายเหอะ”
ผันหัวเสียอย่างหนัก รีบกดโทร.หาพรเพื่อแจ้งว่าเทิดกลับไร่ไปแล้ว

ที่แปลงองุ่นในไร่ แซมกำลังขะมักเขม้นตัดองุ่นอยู่อีกมุมหนึ่ง ไม่พูดไม่จากับใคร น้ำผึ้งเดินมา เข้าไปคุยกับแซม
“เหนื่อยไหมคะลุงแซม”
แซมตอบนิ่งเหมือนเคย
“ถ้าเป็นงาน ไม่มีสิทธิ์บ่นว่าเหนื่อยหรอก”
“นี่ไม่ใช่งานของลุงเลยนี่คะ แต่ลุงก็ยังมาช่วยฉัน ขอบคุณมากนะคะ”
“มันไม่เกี่ยวกับคุณ มันเกี่ยวกับไร่ ถ้าไร่เสียหาย คนงานทุกคนในไร่นี้ก็จะเดือดร้อน ผมทำเพื่อคนพวกนั้น ไม่ใช่เพื่อครู หรือคุณเทิด”
น้ำผึ้งได้ยินแซมพูดถึงเทิด จึงถามขึ้นว่า
“ลุงแซมไม่ชอบคุณเทิดเหรอคะ”
แซมชะงักไป
“ผมไม่ได้เกลียดนาย”
“แต่ฉันสังเกตว่าเวลาพูดถึงคุณเทิด ลุงจะมีท่าทีเหมือนไม่ชอบใจ”
“ลูกน้องไม่มีสิทธิ์เกลียดนาย ที่ให้ข้าวให้น้ำกินทุกวันหรอกนะครู”
“นั่นในฐานะนายกับลูกน้อง แล้วความรู้สึกจริงๆ ของลุงล่ะคะ”
“ครูจะถามผมให้ได้อะไรขึ้นมา”
“อย่าหาว่าเสียมารยาทเลยนะคะ แต่เราต้องอยู่ด้วยกันอีกยาว ฉันคิดว่านอกจากจะเป็นครูคุณนันท์ ฉันควรจะเข้าใจทุกคนในไร่นี้ด้วย ฉันก็เลยถาม”
แซมหันกลับไปตัดองุ่น ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ครูรู้ไหมว่าพันธุ์องุ่นที่ครูกำลังเก็บอยู่ ใครเป็นเลือกมันมา”
“ไม่ทราบค่ะ”
แซมหยิบองุ่นที่ตัดแล้วขึ้นมาดู
“คนนั้นเป็นคนที่ผมรักและเคารพที่สุดในชีวิต พืชหลายต้นเขาเป็นปลูกด้วยมือตัวเอง คนงานที่เรียนจบไม่สูง หรือไม่มีที่ไป ได้โอกาสทำงาน และมีชีวิตใหม่จากคนๆ นี้ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
น้ำผึ้งนิ่งนึก “คนๆ นั้น หรือว่า…คุณพริม”
แซมพยักหน้า
“ใช่ คุณพริมเป็นเหมือนคนที่ให้ชีวิตกับไร่นี้ เป็นคนที่มอบความรักให้ทั้งนาย คุณนันท์รวมถึงคนงานทุกคน ช่วงเวลาที่คุณพริมอยู่เป็นเวลาที่ไร่ของเรามีความสุขที่สุด แต่น่าเสียดาย…ที่มันคงไม่มีอีกแล้ว”
“ทุกคนที่นี่คงรักคุณพริมมาก”
“คุณพริมเธอเป็นคนมีน้ำใจ แกเมตตาผมที่ไม่มีที่ไปให้ใช้ชีวิตที่นี่ ผมถึงสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ไปไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะทำทุกอย่างเพื่อไร่นี้ เพื่อทุกคน เพราะแบบนั้นผมถึงมาช่วยครูไงล่ะ”
น้ำผึ้งพยักหน้า เข้าใจลุงแซม
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“ส่วนเรื่องนาย ผมยอมรับว่าผมเคยอยากให้นายรับผิดชอบเรื่องการตายของคุณพริม ถ้าวันนั้นคุณพริมไม่ออกไปทำธุระให้คุณเทิด”
แซมนึกย้อนไปถึงอดีต แล้วชะงักไป
“วันนั้นเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ไม่มีอะไร ครูไปตัดองุ่นต่อเถอะ ยังเหลืออีกเยอะ เดี๋ยวนายกลับมาจะยุ่ง”
แซมพูดแค่นั้นก็เดินหนีไปตัดอีกที่ น้ำผึ้งมองตามแววครุ่นคิด ครูสาวเริ่มอยากรู้เรื่องในอดีตของไร่นี้

ผันอยู่ที่ร้านขายของ กดโทรศัพท์หาพร แต่ปลายสายไม่รับสักที
ที่แท้พรลืมมือถือทิ้งไว้ตรงโต๊ะเก็บข้าวของ เลยไม่ได้ยินเสียง แถมพรสนุกอยู่กับการตัดองุ่น และคอยชี้ชวนให้ชมพู่ดูหอมที่คอยหลบคู่มาร์คกับพีทตลอดเวลา
อ้อยไม่สนใจหอม เห็นพวกมาร์คกับพีทหน้าตาดีก็เข้าไปตีสนิทเอาใจ คอยพัดให้จนหอมต้องไปลากออกมา
ส่วนน้ำผึ้งตัดองุ่นต่อไปเรื่อยๆ ชมพู่เดินมาชวนให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน
นันท์เดินไปจะตัดองุ่นกิ่งสูงๆ แต่ตัดไม่ถึง ภูฤทธิ์เดินมาเห็นเข้าเลยช่วยอุ้มนันท์ขึ้นไปตัดองุ่น นันท์หัวเราะชอบใจใหญ่ที่ภูฤทธิ์มาคอยช่วย
ด้านผัน ร้อนใจที่พรไม่ยอมรับโทรศัพท์
“ทำไมไม่รับสายเล่าป้า”
ผันเซ็งมาก ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี

ไม่นานนักรถเทิดก็แล่นเข้ามาจอดที่ไร่องุ่น เทิดลงจากรถ เดินดุ่มๆ เข้าไปข้างในไร่ มองไปเห็นทุกคนกำลังช่วยกันทำงานเก็บองุ่นก็ชะงักอึ้งไปไม่น้อย
เทิดยืนนิ่งลังเลที่จะเดินเข้าไป แอบยืนมองอยู่เงียบๆ แต่พอมองไปเห็นภูฤทธิ์เล่นอยู่กับนันท์ก็ทนไม่ได้ พุ่งเข้าไปหาภูฤทธิ์ทันที

อ้อยตัดองุ่นจนเหนื่อย แอบมาพักจะเดินไปกินน้ำ บ่นๆให้พรฟัง
“ป้า ฉันนะปกติทำงานบ้านก็เหนื่อยจะแย่ นี่อะไรจู่ๆ ต้องกลายมาเป็นคนงานตัดองุ่น”
“บ่นตั้งกะเช้าไม่เหนื่อยรึไง บอกแล้วให้รีบๆทำไม่งั้นเดี๋ยวนายก็…” พรมองไปเห็นรถเทิด “นั่นมัน...”
อ้อยงง “อะไร”
“รถคันนั้น คุ้นๆ ไหมนังอ้อย”
อ้อยหัวเราะ “จะรถใครล่ะป้าก็รถนาย…”
สาวแซบชะงักไป หันมาทางพร สองคนมองหน้ากันอุทานลั่น
“รถนาย”
พรลนลาน มองหาเทิดใหญ่
“นาย แล้วนายอยู่ไหน”
ขาดคำ น้ำเสียงโมโหเอาเรื่องของเทิดก็ดังลั่นขึ้น
“ไอ้ภูฤทธิ์ ปล่อยตัวนันท์เดี๋ยวนี้”
พรกะอ้อยหน้าซีด แทบช็อกที่เห็นเทิดมาโผล่ในไร่องุ่นโดยไม่มีใครเห็น

ภูฤทธิ์ที่อุ้มนันท์อยู่ ปล่อยตัวนันท์ลง เทิดเดินเข้ามาโวยวายใส่ทันที
“แกจะทำอะไรนันท์”
ภูฤทธิ์มองหน้าเทิด ไม่กลัว พวกหอมที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลก็ตกใจไปด้วย
“ซวยแล้ว นายมา”
อ้อยกับพรวิ่งเข้ามา อ้อยลนลานใหญ่ทำอะไรไม่ถูก
“อีพี่หอม นายมา ทำไงดีล่ะ ทำไงดี”
“ใจเย็นก่อนนังอ้อย อยู่เงียบๆ แล้วดูสถานการณ์ก่อน”
เทิดจ้องหน้าเอาเรื่องกับภูฤทธิ์ “ฉันถาม ไม่ได้ยินรึไง แกจะทำอะไรนันท์”
“ผมไม่ได้จะทำอะไร แค่จะช่วยคุณนันท์ตัดองุ่น”
“ตัดองุ่น ใครให้สิทธิ์แกเข้ามายุ่งที่ไร่นี้ไม่ทราบ” เทิดกราดตามองทุกคน “ทุกคนก็เหมือนกัน มาทำอะไรที่นี่ งานการไม่มีทำกันเหรอไง”
หอมเอาแต่ก้มหน้า อ้อยยืนไม่ติดที่ แซมกับพรก็เอาแต่อึกอักคาดไม่ถึง
“ว่าไง หอม อ้อย”
หอมกับอ้อยสะดุ้ง
“อ้อยผ่านมาเห็นองุ่นน่ากินก็เลยมากินองุ่นค่ะ ใช่มั้ยพี่หอม”
“ใช่ๆ ครับ กินองุ่น องุ่นอร่อยจังเลย”
หอมกับอ้อยทำเป็นป้อนองุ่นยัดปากกันไปมา กลบเกลื่อน
“แล้วมาร์คมาทำอะไร ทำไมไม่อยู่ที่ร้าน”
มาร์คไม่กล้าตอบ “ผม เอ่อ…”
“ลุงแซม ป้าพร ชมพู่ คุณนันท์”
ไม่มีใครตอบอะไรเทิดสักคน จนเทิดชักหงุดหงิด
“นี่จะไม่มีใครตอบอะไร ฉันเลยรึไง ว่าทำไมทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไม่ถึงยอมให้คนนอก(เน้น)เข้ามาวุ่นวายในไร่เรา”
ภูฤทธิ์พูดขึ้น
“ผมแอบเข้ามาที่นี่เอง ผมแค่จะมาช่วยคุณน้ำผึ้งตัดองุ่นที่คุณต้องส่งลูกค้าพรุ่งนี้ไง”
“แล้วคนอื่นล่ะ”
พรบอกไปอย่างกลัวๆ “พวกเราทุกคนก็มาช่วยครูน้ำผึ้งตัดองุ่นเหมือนกันค่ะ พวกเราไม่อยากให้นายส่งของลูกค้าไม่ทัน เลยมาช่วย…”
เทิดอึ้งไป มองหน้าทุกคน
“แล้วครูน้ำผึ้งอยู่ที่ไหน”
อ้อยรีบแทรก “ท…ทางนั้นค่ะนาย”
อ้อยชี้ไปตรงที่น้ำผึ้งอยู่ หอมจะดึงอ้อยไว้ก็ไม่ทันแล้ว

เทิดไม่ฟังใครเดินดุ่มๆ ไปหาน้ำผึ้งเพื่อเอาเรื่องทันที

อ่านต่อหน้า 3




มนต์รักอสูร ตอนที่ 12 (ต่อ)

น้ำผึ้งได้ยินเสียงเทิดโวยวายดังลั่นจะวิ่งกลับมาหาทุกคน แต่ปรากฏว่าเทิดมาถึงตัวน้ำผึ้งก่อน น้ำผึ้งชะงักไป เทิดค่อยๆ เดินเข้ามาหา มองหน้าเอาเรื่องเต็มที่ จนน้ำผึ้งนึกกลัวต้องถดตัวถอยหนีไป

“มาอยู่ที่นี่เอง ครูน้ำผึ้ง”
“คุณเทิด”
เทิดมองน้ำผึ้งที่แต่งตัวเป็นชาวไร่ หัวจรดเท้า แถมถือกรรไกรตัดองุ่นท่าทางทะมัดทะแมงก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
“นึกว่าดีแต่พูด ไม่คิดว่าจะทำจริง”
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะ ว่าฉันจะรับผิดชอบเอง”
“ที่อวดเก่งว่าจะทำคนเดียว ไหนล่ะ”
น้ำผึ้งอึกอัก “ตอนแรกฉันจะทำคนเดียวจริงๆ ค่ะ แต่ทุกคนยืนยันว่ายังไงก็จะช่วย เพราะเขาทุกคนอยากช่วยคุณ”
“ช่วยฉัน เธอรู้ไหมว่าทุกคนมีงานของตัวเองต้องทำ การที่เขามาช่วยเธอทำให้ทุกคนเสียงานเสียการกันขนาดไหน นี่ทำคนงานฉันป่วยแล้วจะลากลูกน้องฉันมาซวยด้วยงั้นสิ”
“ฉันขอโทษค่ะ”
เทิดหงุดหงิดปนรำคาญ “พูดเป็นแค่นี้รึไง”
น้ำผึ้งรวบรวมความกล้า ขอร้องเทิดอีกครั้ง
“ฉันทำได้แค่นี้นี่คะ ถ้าฉันผิดฉันก็จะขอโทษ ขอโทษไปเรื่อยๆ คุณจะลงโทษอะไรฉันก็ได้ แต่คนอื่นเขาไม่เกี่ยวด้วย”
“ออกหน้ารับแทนทุกคน ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน ครูน้ำผึ้ง”
“ฉันเป็นแค่ครูธรรมดา คงไม่มีคุณค่าอะไรให้ทุกคนเห็นใจ แต่ฉันยืนยันได้ว่าที่เขาทำไปไม่ใช่เพราะอยากช่วยฉัน”
“แล้วมันเพราะอะไร”
“เพราะพวกเขารักคุณ รักไร่นี้ อยากช่วยไร่นี้ไงคะ พวกเขาถึงเต็มใจมา คุณที่เป็นนายใหญ่ของที่นี่คงจะไม่ใจร้ายลงโทษพวกเขาได้ลงหรอก ใช่ไหมคะ”
เทิดชะงัก “อวดเก่งไม่เคยเปลี่ยน”
น้ำผึ้งก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรต่อ นันท์วิ่งเข้ามาหาเทิด
“พ่อ พ่อครับ”
เทิดนั่งลงไปคุยกับนันท์
“ว่าไงคุณนันท์”
นันท์หยิบกรรไกรตัดองุ่นที่ซ่อนไว้ด้านหลังขึ้นมาให้เทิด /น้ำผึ้งมองแบบแปลกใจ
“นันท์เอานี่มาให้พ่อ”
นันท์ยื่นกรรไกรตัดองุ่นให้พ่อ เทิดรับมาก่อนจะลุกเดินไปอีกทาง น้ำผึ้งมองฉงนไม่เข้าใจสถานการณ์นัก
เทิดเดินไปหยุดหน้าเถาองุ่นแล้วก็เริ่มลงมือตัดองุ่น น้ำผึ้งอึ้งไป
“คุณเทิด”
พวกหอม อ้อย พรที่ยืนลุ้นขี้หดตดหายกันอยู่ โล่งอก หันไปบอกทุกคนที่เหลือ
“เอ้า ยืนทำอะไรกันละคร้าบ ทำงานต่อ ลุย”
ทุกคนยังตกใจอยู่ที่เทิดไม่ได้ด่าว่า หรือลงโทษอะไร ต่างแยกย้ายกันไปทำงานตัดองุ่นตามเทิดกันหมด
น้ำผึ้งมองภาพความสามัคคีของทุกคนตรงหน้า แล้วยิ้มปลื้มดีใจ

เทิดตัดองุ่นไปเรื่อยๆ ภูฤทธิ์ยืนมองอยู่สักพักจึงเดินเข้าไปหา
“ผมนึกว่าคุณจะลงโทษทุกคนซะอีก”
“ทุกคนไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องลงโทษ”
ภูฤทธิ์ลอบยิ้ม ไม่เคยเห็นเทิดมุมนี้
“รวมถึงเรื่องที่ให้ผมเข้ามาช่วยครูน้ำผึ้งด้วยรึเปล่า”
เทิดชะงัก “สิ่งที่ฉันสนมีแค่ความเป็นไปของไร่นี้เท่านั้น”
“ผมก็คิดอย่างนั้น”
“วันนี้ฉันถึงปล่อยแกไปก่อน แต่ถ้าหมดหน้าที่เมื่อไหร่ ก็เชิญพาตัวเองกับพวกออกไปได้เลย”
เทิดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตัดองุ่นต่อไปโดยไม่สนใจใคร ภูฤทธิ์พยักหน้ารับ แล้วเดินเลี่ยงออกไป

ระหว่างนี้ ผันลงรถรับจ้างวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในไร่องุ่น มองหาพร พอเจอก็วิ่งเข้าไปหา
“ป้าพร”
พรหันมาเจอผัน
“อ้าว ผัน มาก็ดี จะถามอยู่ ไหนบอกจะช่วยไง แล้วนี่ทำไมนายมาโผล่ที่ไร่คนเดียวได้ห๊ะ”
“ฉันก็ถ่วงเวลาสุดๆ แล้วมันได้แค่นี้นี่”
“ไปทำอีท่าไหนเขาล่ะ”
“แวะซื้อของกะให้นายรอน่ะสิ แล้วไงรู้ไหม นายโมโหขับรถกลับมาเอง ทิ้งฉันไว้ที่ร้านนั่น ต้องวานคนเขาให้ช่วยมาส่ง ถึงกลับมาได้”
“พอๆ ไม่ต้องอธิบายแล้ว มานี่”
พรเดินไปหยิบอุปกรณ์ตัดองุ่นยื่นให้ผัน
“ไปช่วยกันก่อน นายไปตัดองุ่นอยู่โน่นแล้ว”
ผันมองไปเห็นเทิดตัดองุ่นอยู่ ก็ประหลาดใจมาก พรรีบไปช่วยทุกคนต่อ ผันตามไป

เวลาผ่านไป ทุกคนช่วยกันตัดองุ่นอย่างขันแข็ง นันท์วิ่งเข้าไปช่วยพ่อตัดองุ่น ทุกคนมองภาพนั้นยิ้ม รวมถึงน้ำผึ้งด้วย หอมช่วยยกลังองุ่นผ่านพวกมาร์คพีทมีท่าทีระแวงอยู่เหมือนเดิม
อ้อยแอบนั่งอู้บ้าง ป้าพรกับชมพู่ก็เข้ามาไล่ให้ลุกไปช่วยคนอื่น ฟ้าใสกับภูฤทธิ์ก็ช่วยกันตัดองุ่น ภูฤทธิ์ยังคงแอบมองน้ำผึ้งอย่างเป็นห่วง แซมยืนมองทุกคนช่วยกันทำงาน ยิ้มออกมา
น้ำผึ้งตัดองุ่นท่าทางดูอ่อนเพลียเพราะตื่นเช้า แล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย แต่พอคนอื่นเดินผ่านครูสาวก็รีบทำเป็นปกติ

องุ่นลังสุดท้ายถูกวางลงตรงหน้า ทุกคนมารวมกัน ชื่นชมผลงานของตัวเอง ผันพูดขึ้น
“ถ้าช่วยกันตัดได้ขนาดนี้ ก็อาจจะพอส่งลูกค้านะครับนาย”
เทิดพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร ป้าพรชี้ให้นันท์ดู
“คุณนันท์คะ ในนั้นมีองุ่นที่คุณนันท์ตัดเองด้วยนะ”
“นันท์เก่งไหมป้าพร”
“เก่งมากเลยค่ะ”
นันท์ดีใจ วิ่งเข้าไปดูองุ่นที่ตัวเองตัด หยิบขึ้นมาเลือกดูอย่างภูมิใจ
“ผมคิดแล้วว่าถ้าทุกคนช่วยกัน ยังไงเราต้องทำสำเร็จ” มาร์คว่า
“ผมก็คิดเหมือนคุณมาร์คเลยครับ”
มาร์คกับพีทหัวเราะให้กัน หอมหน้าเบ้หมั่นไส้ พรพูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะให้เด็กทำกับข้าวเลี้ยง กินกันให้เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องกลัวท้องเสียแล้ว”
ทุกคนหัวเราะเบิกบาน บรรยากาศดี๊ดี ไม่มีใครเห็นว่าเวลานั้นมีน้ำผึ้งเพียงคนเดียวที่เหมือนอาการไม่ดี มากขึ้น เพราะเธอเริ่มเวียนหัวจนแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่
“ดีเหมือนกัน เพราะตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่” แซมนึกได้
“จริงด้วย ครูน้ำผึ้ง…ครูน้ำผึ้ง”
หอมหันไปทางน้ำผึ้ง ก็ว่าน้ำผึ้งหน้ามืดเป็นลมล้มพับไปแล้ว
“ครู...ครูน้ำผึ้งเป็นลม”
“น้ำผึ้ง!” ฟ้าใสตกใจ
ภูฤทธิ์ตกใจยิ่งกว่า “คุณน้ำผึ้ง!”
ทุกคนตกใจ รีบประคองน้ำผึ้ง
“รีบตามหมอเร็ว!”

แซมสั่งการ พรโทร.ตามหมอ ส่วนภูฤทธิ์อาสาอุ้มน้ำผึ้งออกไปที่รถเอง

อ่านต่อหน้า 4




มนต์รักอสูร ตอนที่ 12 (ต่อ)

เวลาผ่านไป บ้านไร่ของเทิดตกอยู่ในแสงสลัวยามค่ำคืน หมอออกมาจากห้องพักน้ำผึ้ง ภูฤทธิ์และฟ้าใสที่รออยู่ รีบเข้าไปถามหมออย่างร้อนใจ

“คุณน้ำผึ้งเป็นไงบ้าง”
“เป็นไงบ้างคะหมอ”
“คนไข้ปลอดภัยครับ เพียงแต่อ่อนเพลีย มีไข้ ผมจัดยาลดไข้ให้แล้ว ให้คนไข้พักผ่อนและคอยเช็ดตัวลดไข้”
ทุกคนโล่งอก
“ขอบคุณครับหมอ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อย่าให้มาตายในไร่ฉันละกัน” เทิดว่า
ภูฤทธิ์ยัวะ “เป็นเพราะคุณ คุณน้ำผึ้งถึงล้มป่วย”
ผันรีบไกล่เกลี่ย “คุณภู คุณฟ้าครับ น้ำผึ้งไม่เป็นไรแล้ว เชิญกลับไปก่อนเถอะครับ ผมขอร้องนะครับ”
ฟ้าใสกับพีทช่วยกันดึงภูฤทธิ์ไว้ เทิดหงุดหงิด
“จำไม่ได้รึไง ว่าฉันให้เวลาแกแค่วันนี้ ตอนนี้หมดเวลาแล้ว แกก็ควรจะกลับไร่ของตัวเองซะที”
ภูฤทธิ์มองเทิดไม่พอใจ ฟ้าใสชวนภูฤทธิ์กลับ
“กลับเถอะค่ะคุณภูอย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ”
ภูฤทธิ์จำใจยอม เดินออกจากบ้านเทิดไปพร้อมพวกมาร์คกับพีท เทิดหันมาสั่งอ้อย
“อ้อยพาคุณนันท์กลับไปห้อง”
“ค่ะ ไปค่ะคุณนันท์”
อ้อยรีบพานันท์กลับห้องไป
“ที่เหลือก็แยกย้ายกันได้แล้ว ไป”
คนอื่นๆ แยกย้ายสลายตัวกันไปตามคำสั่งเทิด ผันตามไปส่งภูฤทธิ์

ผันตามมาที่รั้วไร่ทางด้านหลัง อันเป็นทางกลับไร่ภูฤทธิ์
“คุณภูฤทธิ์ครับ เดี๋ยวก่อน”
ทุกคนหยุดหันไปทางผัน
“นายผัน มีอะไรงั้นเหรอ”
“คือ…เรื่องวันนี้ ผมอยากขอโทษแทนนายที่ไล่คุณออกมาด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไร ผมชินแล้วล่ะ”
“แล้วก็ ต้องขอบคุณพวกคุณมากที่มาช่วยไร่ของเรา”
“เราเต็มใจช่วยค่ะ น้ำผึ้งก็เพื่อนของฉันเหมือนกัน”
มาร์คบอกว่า
“พวกเราซึ้งใจมากจริงๆ นะครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วย อย่าลังเลที่จะบอกพวกเราเลยนะครับ”
พีทยิ้มให้มาร์ค
“วันนี้ทุกคนเหนื่อยมามาก แยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ต้องทำงานกันอีก”
ภูฤทธิ์พาพวกฟ้าใสกับพีทกลับไปที่ไร่ของตัวเอง มาร์คกับผันมองตามพวกภูฤทธิ์ไป

เทิดเดินออกมา มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ครับ ผมเทิดเอง”
เป็นสายจากผู้จัดการไร่ที่โทร.มาเร่งเทิดเรื่องออเดอร์องุ่น
“ว่าไงคุณเทิด ตกลงองุ่นจะเอาหรือไม่เอา ช้านี่ราคาขึ้นอีกเท่าเลยนะ ถ้าไม่เอาผมจะให้เจ้าอื่นแล้ว”
เทิดยิ้ม ตอบแบบมั่นใจ
“ไม่เป็นไร องุ่นไร่คุณที่สั่งไว้ ผมขอแคนเซิลทั้งหมด”
เทิดวางสายไป พอใจที่แก้ปัญหาเรื่ององุ่นได้ด้วยฝีมือยัยครูจอมวุ่น

น้ำผึ้งนอนหลับบนเตียง พรและชมพู่เฝ้าอยู่ข้างๆ แต่ก็ดูเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานมาทั้งวัน จนเกือบจะหลับไป จู่ๆ เทิดก็เดินเข้ามาในห้อง
“ป้าพร ชมพู่”
พรสะดุ้ง “คะ…คะ ว่าไงคะนาย”
“ถ้าจะมานั่งหลับก็แยกย้ายกลับไปนอนห้องตัวเองไป”
“แต่ว่า…ครู”
“ไป” เทิดดุ
พรสะกิดเรียกชมพู่ให้ตื่นแล้วลากออกจากห้องไป เทิดมองน้ำผึ้งที่นอนหลับอยู่ ไม่ได้แสดงอาการเห็นอกเห็นใจใดๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

น้ำผึ้งหลับอยู่คนเดียวในห้อง สักพักเทิดจึงเดินเข้ามาพร้อมอุปกรณ์เช็ดตัว มองซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร จึงเดินไปข้างเตียง วางของไว้มองน้ำผึ้งอย่างลังเล ค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปแตะหน้าผาก
“ตัวร้อนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
เทิดยืนทำใจสักพักจึงเริ่มเอาผ้าชุบน้ำวางลงบนหน้าผากน้ำผึ้งเพื่อลดไข้ ขณะที่มือเทิดแปะอยู่บนหน้าผากของน้ำผึ้งนั้น ผันก็เดินมาหน้าห้อง
“นายครับ”
เทิดตกใจรีบเอามือออก ผันแอบยิ้มขำ
“มีอะไร”
“เรื่ององุ่น ผมโทร.ไปคอนเฟิร์มลูกค้าให้แล้วว่าเราจะจัดส่งให้พรุ่งนี้เลย”
“ดีแล้ว ช่วยจัดการด้วยแล้วกัน”
ผันมองน้ำผึ้งพลางยิ้ม “นายคิดเหมือนผมไหม”
“คิดอะไร”
“บางทีความดื้อของน้ำผึ้งก็ส่งผลดีนะครับ อย่างน้อยก็ทำให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเพื่อไร่ของเราได้”
“ก็ดีแค่ครั้งนี้นั่นแหละ”
“น้ำผึ้งน่ะเหนื่อยมาก ยังไงก็…ฝากดูแลด้วยนะครับนาย”
ผันเดินออกไป เทิดทำหน้าไม่ถูก เห็นผ้าห่มห่มไม่เรียบร้อย เทิดเลยจับห่มให้เข้าที่
น้ำผึ้งเพ้อ คว้ามือเทิดไว้ เทิดชะงัก
“พ่อจ๋า แม่จ๋า น้ำผึ้งคิดถึงพ่อกับแม่”
เทิดพยายามจะดึงมือออก แต่ไม่เป็นผล แถมน้ำผึ้งพลิกตัวมานอนกอดมือเทิดไว้แน่น เทิดเลยต้องนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง มองน้ำผึ้งด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ผ่านไปอีกสักระยะ เทิดเริ่มหาว สุดท้ายผล็อยหลับไปโดยนั่งกอดอกคาเก้าอี้ข้างเตียงนั่นเอง

กลางดึก ทุกคนหลับไหลไปด้วยความเหนื่อยล้า
พรกับชมพู่หลับสนิทหลังจากกลับมานอนห้องตัวเอง เด็กชายนันท์หลับปุ๋ยอย่างมีความสุข อ้อยนั้นหลับคาซีรี่ส์เกาหลีเรื่องโปรด ส่วนหอมนอนกระสับกระส่าย ละเมอเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง
“อย่าเข้ามา! อย่า กลัวแล้ว”
ที่แท้หอมสยองเรื่องมาร์คกับพีทจนเก็บมาฝัน
ผันเดินออกจากบ้านเทิด เช็คความเรียบร้อย ก่อนจะกลับไปที่พักตัวเอง
แซมยืนอยู่ตรงระเบียงบ้านพักตัวเอง
ชายชราดื่มด่ำบรรยากาศในไร่ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เหมือนไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาแสนนาน

ไร่พรีโมอันกว้างใหญ่ ตกอยู่ท่ามกลางแดดสวยงามยามเช้า
น้ำผึ้งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มองไปข้างเตียงแล้วต้องตกใจแทบช็อกที่เห็นว่าเป็นเทิดนั่งหลับอยู่
“คุณเทิด”
น้ำผึ้งสำรวจเสื้อผ้าตัวเอง พบว่าเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วเรียบร้อยก็ยิ่งแปลกใจ
“ไม่น่าเชื่อเลย คุณนอนเฝ้าฉันทั้งคืนเลยเหรอ เป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ย”
น้ำผึ้งรำพึงเบาๆ ขณะลอบมองใบหน้าเทิดยามหลับ
“เวลาหลับหล่ออย่างกับเจ้าชาย แต่เวลาตื่นอย่างกับอสูร”
น้ำผึ้งยกมือแกล้งทำท่าจะตีเทิด แต่เผลอมองเพลินจนลืมตัว
“ผู้ชายอะไรขนตายาวจัง”
จู่ๆ เทิดก็ลืมตาตื่นขึ้นสบตากับน้ำผึ้งจังๆ
น้ำผึ้งอึ้ง หลบตาเขินๆ เทิดเองก็ตกใจเหมือนกันที่เผลอหลับไปในห้องนอนของน้ำผึ้ง จึงวางมาดขรึม พูดแก้เก้อออกไป
“เมื่อวานเธอเป็นลม ฉันเลยให้ป้าพรกับชมพู่พาเธอมานอนที่นี่แล้วก็ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้”
น้ำผึ้งโล่งอก
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไร”
“ก็...คุณอุตส่าห์เฝ้าฉันทั้งคืน”
“ฉันไม่ได้เฝ้าเธอ แต่เธอเล่นจับมือฉันไว้ทั้งคืน ฉันเลยไปนอนไม่ได้”
น้ำผึ้งตกใจ
“ฉันเหรอคะ จับมือคุณไว้ทั้งคืน”
“ใช่ เธออาจจะใช้วิธีนี้กับผู้ชายบ่อย แต่มารยาของเธอใช้กับฉันไม่ได้หรอกนะ”
น้ำผึ้งโกรธมากที่เทิดพูดจาดูถูก
“นี่คุณ ฉันไม่ได้ให้ท่าคุณนะ”
“ช่างเถอะ รีบอาบน้ำแล้วไปคุยกันให้รู้เรื่อง มีเรื่องต้องสะสาง!”
เทิดลุกเดินออกจากห้องไปเลย ปล่อยให้น้ำผึ้งค้อนลมค้อนแล้งด่าไล่หลังตามไปอย่างหงุดหงิด 

“คนบ้า”

อ่านต่อตอนที่ 13


กำลังโหลดความคิดเห็น