มนต์รักอสูร ตอนที่ 10
พอส่งนันท์เข้านอนเรียบร้อย อ้อยก็ออกจากห้องลงเรือนไป เทิดแอบยืนดูอยู่อีกมุม รอจนอ้อยลงบันไดลับตัวไปแล้ว เขาจึงเดินไปเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชาย ยืนมองดูนันท์ที่หลับอยู่เงียบๆ คิดอะไรมากมายในหัว
ฝ่ายอ้อยเดินลงมาจากห้องนันท์ เจอผันยืนรออยู่ หน้าเครียดเคร่ง
“พ่อ”
“มานี่หน่อย พ่อมีเรื่องจะคุยกับเอ็ง”
ผันเดินนำไปออกไป อ้อยจำใจต้องตาม
น้ำผึ้งลงมาที่ชั้นล่าง เจอเทิดนั่งอยู่ในห้องโถง เลยจะเดินเลี่ยงไปทางครัว แต่ถูกเทิดเรียกไว้
“น้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งหยุดเดินหันไปหา
“คะ”
เทิดลุกขึ้นเดินมาหาน้ำผึ้งแล้วยื่นสมุดพกของนันท์ให้ น้ำผึ้งมองฉงน
“นี่มัน”
“สมุดพกของนันท์ เธอหานี่อยู่ไม่ใช่รึไง”
น้ำผึ้งรับไป ยังงงอยู่ว่าเทิดจะมาไม้ไหน
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าเอานี่ไปแล้วก็ช่วยสอนนันท์แบบจริงซักที มัวแต่วิ่งตามแก้ปัญหาให้เธออยู่ ทุกวันนี้เลยไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง”
เทิดมองน้ำผึ้ง คิดว่าจะเถียง แต่น้ำผึ้งกลับยิ้มแล้วก็ยกมือไหว้เทิด
“ขอบคุณสำหรับสมุดพกคุณนันท์นะคะ ฉันจะใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด แล้วก็จะพยายามไม่สร้างปัญหาอีก”
เทิดรู้สึกว่าน้ำผึ้งใจเย็นลง ไม่เถียงตัวเองเหมือนเคย
“ก็ดี ทำอย่างที่พูดให้ได้แล้วกัน”
“ไม่รับปาก แต่จะพยายามนะคะ”
เทิดพยักหน้าเออออตามแล้วก็เดินออกไปจากบ้าน
น้ำผึ้งดูสมุดพก ดีใจที่ได้มาซักที
ผันเดินนำมาหยุดที่มุมหนึ่งในบ้าน ดูอารมณ์ไม่ดีนัก อ้อยถามขึ้น
“พ่อจะคุยกับฉันเรื่องอะไร”
“คุยเรื่องของเอ็งนั่นแหละ”
“เรื่องของฉัน ฉันมีอะไร” อ้อยตีมึนใส่
ผันฉุน “นี่เอ็งไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอวะนังอ้อย ว่าทำเรื่องเดือดร้อนอะไรไว้บ้าง”
“ถ้าหมายถึงเรื่องที่ฉันพายัยครูนั่นไปซื้อเสื้อล่ะก็ มันไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่ แค่แกล้งขำๆ”
ผันส่ายหัว ชักเหนื่อยใจ
“ไอ้เรื่องนั้นมันขำๆ แต่เรื่องที่เอ็งใส่ร้ายครูเขาจนเกือบโดนไล่ออกล่ะ มันยังไง”
“เหมือนกันนั่นแหละ ฉันแค่…อยากพิสูจน์ดูว่าครูน้ำผึ้งจะทนไปได้ซักกี่น้ำ”
“แล้วแกรู้ไหมว่าที่ใส่ร้ายเขา เขาต้องเดือดร้อนอะไรบ้าง”
อ้อยหงุดหงิดใส่ “โอ๊ย ฉันไม่ใช่ญาติเขา ฉันไม่รู้หรอกพ่อ”
“ใช่ เอ็งมันไม่รู้อะไร เพราะฉะนั้นเอ็งถึงไม่มีสิทธิ์ไปรังแกจนเขาไม่มีที่ไปแบบนี้”
อ้อยเริ่มอารมณ์เสียที่เห็นผันไม่ยอมตัวเองเหมือนทุกครั้ง
“นี่พ่อจะเข้าข้างอะไรมันนักหนา มันก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นนั่นแหละที่เข้าหานายเพราะอยากเป็นเมียนาย อยากจะได้สมบัติของนาย”
ผันพูดตอกหน้าลูกสาวจังๆ “แล้วเอ็งต่างจากผู้หญิงพวกนั้นตรงไหนอ้อย เอ็งกล้าพูดไหมว่าที่ทำไปไม่ใช่เพราะหวังในตัวนาย”
อ้อยถึงกับสะอึก พูดไม่ออก
“ฉันไม่เหมือนคนพวกนั้น”
“ตรงไหนที่ไม่เหมือน เอ็งใช้ข้ออ้างเรื่องนั้นเรื่องนี้มาทำร้ายคนอื่น”
“เปล่านะ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว ดูสิ่งที่เอ็งทำ เอ็งกันคนอื่นออกไปจากนาย ใส่ความเขา แกล้งเขา ยุแยงคุณนันท์ บอกว่าคนอื่นไม่ดี แต่ไม่ได้ดูตัวเองเลย”
“ทำไมพ่อต้องว่าฉันขนาดนี้ด้วย”
“ข้าว่าเอ็งได้มากกว่านี้อีก แล้วก็ควรจะว่ามานานแล้วด้วย ถ้าข้าไม่เอาแต่ทำงาน มีเวลาสั่งสอนลูกตัวเอง ลูกข้าก็คงไม่เป็นแบบนี้”
อ้อยน้ำตาคลอ เจ็บใจน้อยใจที่โดนพ่อด่าว่า
“ฉันมันเป็นยังไง”
“เป็นเด็กไม่เอาไหน ให้เรียนก็ไม่เรียน เอาแต่เล่นทำตัวไร้สาระ แล้วก็จิตใจแย่แบบเอ็งไง”
“ถ้าพ่อว่าฉันไม่ดีก็ไม่ต้องมาด่าไม่ต้องมาสนใจดิ ไปทำงานของตัวเอง ฉันก็จะอยู่ของฉัน”
“ข้าน่ะปล่อยมานานแล้ว นานจนเอ็งแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรดีหรือเลว ถามจริงเถอะนังอ้อย เอ็งอยากจะเป็นคนแบบที่ข้าว่าจริงๆ งั้นเหรอ”
“เออ อยากเป็น พ่อคิดว่าฉันเป็นแบบนั้นนี่ ฉันก็จะอยู่แบบนี้แหละ ฉันไม่มีวันดีขึ้นได้หรอก”
อ้อยระเบิดใส่ผัน ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความโกรธ ระคนน้อยใจที่พ่อว่าตัวเอง สาวแสบหันหลัง แล้วเดินเร็วรี่หนีไป
ผันมองตามอย่างกลัดกลุ้ม ไม่รู้จะแก้ไขปัญหายังไงดี
พรเดินตรวจความเรียบร้อยในบ้านอยู่ เห็นอ้อยเดินร้องไห้เข้ามาและจะเดินหนีไปอีกทาง แต่พรตามไปดึงแขนไว้
“นังอ้อย เป็นอะไร”
อ้อยรีบเช็ดน้ำตาแล้วเอาแต่สะอึกสะอื้น ไม่ยอมบอก
“บอกฉันมาเถอะ มีอะไรก็ระบายออกมา อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ”
อ้อยสะอื้นต่ออีกพัก ก่อนจะค่อยๆ เล่า
“พ่อเขาว่าฉันนิสัยแย่ ไม่เอาไหน เอาแต่ว่าคนอื่นไม่ดูตัวเอง…ทำไมพ่อต้องว่าฉันด้วยป้า”
พรมองอ้อยด้วยความเวทนา
“แล้วเอ็งเป็นคนแบบนั้นจริงไหมอ้อย”
“ฉัน…ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้”
อ้อยร้องไห้ออกมาอีกรอบ พรคว้าตัวสาวแซบประจำไร่มากอดลูบหัวปลอบ อ้อยปล่อยโฮออกมากอดพรแน่น
ระหว่างนี้น้ำผึ้งเดินผ่านมาเห็น และได้ยินเข้าก็รู้สึกสงสารและเห็นใจอ้อยไม่น้อย
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 10 (ต่อ)
น้ำผึ้งกลับขึ้นห้อง เดินไปนั่งหน้าคอมพ์บนโต๊ะทำงาน คิดบอกตัวเองอยู่ในใจ
“ทุกคนก็มีปัญหาด้วยกันหมด ไม่ใช่แกคนเดียวนะผึ้ง แกจะต้องสู้เพื่อทุกคน แกต้องทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นให้ได้”
น้ำผึ้งเปิดคอมพ์ เข้าอินเตอร์เน็ตแล้วเสิร์ชหาข้อมูลบางอย่าง ด้วยท่าทางมุ่งมั่นตั้งใจมาก
เช้าวันถัดมา นันท์ หอม และอ้อยมานั่งเรียนกันพร้อมหน้า น้ำผึ้งเข้ามาสอนด้วยท่าทีมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม
“เรามาเริ่มเรียนกันเลยดีไหมคะทุกคน”
หอมรับคำอย่างร่าเริง “ดีครับครู”
อ้อยเอาศอกกระทุ้งหอมจนจุก โทษฐานที่เข้าข้างน้ำผึ้ง นันท์ถามบ้าง
“แล้ววันนี้ครูจะสอนอะไร”
“วันนี้ครูจะสอนภาษาไทยกับภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาไทยช่วงเช้าแล้วก็อังกฤษช่วงบ่าย เราเรียนพวกภาษาไปก่อน เพราะคุณนันท์ไม่ถนัดพวกเลข ปูพื้นที่เราถนัดไปก่อนจะได้แน่นๆ”
อ้อยแปลกใจ “ครูรู้ได้ยังไงว่าคุณนันท์ไม่ถนัดเลข”
“เพราะในสมุดพกคุณนันท์ คุณนันท์ทำคะแนนเลขได้ไม่ค่อยดี แต่พวกภาษาคุณนันท์จะเกรดโอเคกว่าไงคะ”
“แต่หอมไม่เหมือนคุณนันท์นะครู” หอมบอก
“ยังไงจ๊ะหอม”
“ก็วิชาอะไรหอมก็ไม่ถนัดหมดเลยจ้ะ”
น้ำผึ้งยิ้มมองหอมขำๆ
“ไม่จริงหรอกหอม คนเราก็มีความถนัดไม่เหมือนกัน หอมไม่ได้มีผลการเรียนมาวัดเหมือนคุณนันท์เลยอาจจะมองไม่ออก แต่ลองเรียนไปก่อนอาจจะเจอที่ชอบก็ได้นะ”
“จริงเหรอครับครู”
“จริงสิ แต่ว่าวันนี้เราจะเริ่มวิชาของคุณนันท์ไปก่อน” น้ำผึ้งหันมาทางอ้อย “อ้อยด้วยนะ”
อ้อยยังทำฟอร์มเชิดใส่น้ำผึ้ง ไม่ค่อยจะอยากเรียนเท่าไรนัก น้ำผึ้งยิ้มไม่ถือสา ก้มไปหยิบเอกสารปึกใหญ่ออกมาวางหน้าอ้อยที่มองอย่างงุนงง
“นี่มันอะไรน่ะครู”
“อ้อยยังไม่ได้วุฒิม.6 ใช่ไหม”
อ้อยฉุนนิดๆ “อื้อ ไม่ได้แล้วทำไม”
“ฉันเลยหานี่มาเผื่ออ้อยด้วยไง เป็นข้อมูลพวกเรียนต่อกศน. อ้อยลองอ่านดูก่อนได้นะ เผื่อสนใจ แถวนี้เขามีศูนย์การศึกษานอกระบบด้วยนะ”
“หามาทำไม ใครอยากเรียนไม่ทราบ” อ้อยอวดดีใส่
“ตอนนี้อาจจะไม่อยาก แต่ถ้าอ้อยรู้ว่าการที่เราได้วุฒิการศึกษาสูงๆจะให้โอกาสอะไรเราได้บ้างในชีวิต อ้อยอาจจะสนใจ ลองก่อนได้จ้ะไม่เสียหาย”
น้ำผึ้งยื่นเอกสารมาให้ อ้อยนึกถึงเมื่อวานแล้วลองรับมาอ่านดู ทำเหมือนหยิ่งไปอย่างนั้น
น้ำผึ้งหันไปทางนั้นเอาสื่อการสอนออกมากางแล้วก็เริ่มต้นสอนใหม่อย่างใจเย็นๆ ค่อยๆอธิบาย
ขณะเดียวกัน ชมพู่เตรียมข้าวกลางวันอยู่ในครัว อ้อยเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามานั่งด้วย
“เป็นอะไรอีกอ้อย อารมณ์ไม่ดีเลยนะช่วงนี้”
อ้อยหน้าบึ้ง เอามือท้าวคางแล้วก็บ่น
“ไม่ดี แล้วก็จะไม่มีวันดีด้วย”
“เรื่องครูน้ำผึ้งอีกล่ะซี้ ทำไม แกไม่พอใจที่เขาไม่โดนไล่ออกเหรอ”
“ใช่ แถมวันนี้นะ นางเหมือนไปอัพเลเวลมาใหม่ อธิบายได้เป็นฉากๆเลยว่าคุณนันท์ถนัดอันโน้น ไม่ชอบอันนี้ เรียนนี่ดีกว่า”
“ครูเขาตั้งใจสอนดีจะตาย ไม่เห็นมีอะไร”
“มี ยิ่งมันดีเท่าไหร่นะ นายก็ต้องยิ่งสนใจมัน แล้วฉันล่ะ”
ชมพู่ส่ายหัว เอือมเหลือทน
“แกก็หัดคิดดี ทำดี พูดดีกับเขาบ้างสิ นายจะได้เห็นใจมั่ง ทำตัวเป็นนางร้ายละครหลังข่าว แบบนี้นะ สุดท้ายแกก็จะอดหมดทุกสิ่งอย่าง” ชมพู่อบรม
อ้อยโวยวาย “โอ๊ย เข้าข้างกันเข้าไปเถอะ คนใหม่มามันก็ดีไปหมดนั่นแหละ ไม่มีใครเข้าข้างอ้อย ทุกคนไม่รักอ้อย เซ็ง เบื่อ”
อ้อยลุกเดินสะบัดสะบิ้งออกไป ชมพู่ส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย
พรเดินมาจะเข้าไปทำกับข้าวในครัว น้ำผึ้งเดินมาหา
“ป้าพรคะ”
“อ้าว ครู มีอะไรเหรอคะ”
น้ำผึ้งมองเข้าไปในครัวแล้วยิ้มๆ
“คือฉันว่าจะขอให้ช่วยอะไรหน่อยค่ะ”
“ว่ามาสิคะ”
“ฉันว่า จะขอยืมใช้ครัวหน่อยน่ะค่ะ”
“ครูจะทำอาหารเหรอคะ”
“ค่ะ ฉันพอทำอาหารได้ ก็เลยว่าจะลองทำให้คุณนันท์แกทาน ป้าจะอนุญาตไหมคะ”
พรคิดสักพัก
“อืม…ก็ได้ค่ะ ครูใช้ครัวได้เลย ให้ป้าอยู่ช่วยไหมคะ”
“แค่ช่วยฉันดูของก็พอค่ะว่ามีวัตถุดิบพอไหม แล้วที่เหลือฉันลุยเองได้ค่ะ สบายมาก”
พรยิ้ม “ได้ค่ะ งั้นเข้ามาดูก่อนเลย ทางนี้ค่ะ”
สองคนเข้าไปในครัว น้ำผึ้งยิ้มอารมณ์ดี
ฟากเทิดเดินตรวจงานในไร่กับผัน พวกคนงานที่เห็นต่างยกมือไหว้ เทิดสั่งงานกับแซม กำชับให้ดูแลงานต่างๆ ผันซึ่งแยกไปได้สักพัก วิ่งกลับเข้ามารายงานเทิด
“นายครับ ผมไปถามคนงานเรื่องฝายแล้ว ตอนนี้เกือบสมบูรณ์แล้วนะครับ”
“ดี ถ้าเสร็จจะได้เปิดใช้ซักที”
ผันมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ
“ช่วงนี้นอกจากเรื่องในบ้านแล้วอะไรก็น่าจะสงบลงแล้วนะครับ
“ไม่มีอะไรมันก็ดี ฉันถึงบอกไงว่าให้มันสงบไปได้นานๆ”
“ผมก็อยากพูดกับนายเรื่องนี้อยู่พอดี”
“เรื่องอะไร”
“หลังเรื่องระเบิดฝาย มันไม่ได้มีเหตุร้ายอะไรอีกก็จริง แต่ผมก็ไม่อยากให้นายนิ่งนอนใจนะครับ ผมให้พวกคนงานจัดเวรยามรอบๆไร่แล้ว เผื่อว่ามีเหตุอะไรอีก”
“ขอบใจมากผัน ฉันก็ไม่ได้อยู่เฉยอะไร ตอนนี้ถ้ามีใครคิดจะมาวุ่นวายกับไร่เรา ให้คนไล่มันออกไปได้เลย อย่าให้เกิดเรื่องแบบตอนไอ้ภูฤทธิ์วันก่อนอีก”
เทิดนึกถึงตอนภูฤทธิ์บุกมา เพื่อจะมารับน้ำผึ้งถึงในไร่ก็นึกโมโห
“ผมว่านายอย่ามุ่งเป้าไปที่คนๆเดียวดีกว่านะครับ ที่ดินแถวนี้ทำอะไรก็เป็นเงินทอง ผู้มีอิทธิพลก็มาก เราไว้ใจใครไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ”
“ไอ้ภูฤทธิ์นั่นแหละที่เราควรจะระวังเป็นที่หนึ่ง แล้วก็ยัยครูน้ำผึ้งนั่นด้วย ไม่รู้มีความสัมพันธ์แบบไหนกับไอ้เจ้าของไร่ดอกไม้นั่น”
“แต่ครูน้ำผึ้ง…”
“ไม่ต้องเข้าข้าง แกบอกเองผัน ว่าเราไว้ใจใครไม่ได้ทั้งหมด ไม่ใช่รึไง”
พอพูดจบเทิดก็ผละไปดูคนงานต่อ ผันทำหน้าไม่ถูก
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 10 (ต่อ)
หอมพานันท์มาที่ห้องทานอาหาร อ้อยเดินตามหลังมา พรจัดโต๊ะรออยู่แล้ว
“ป้า วันนี้ทำอะไรให้คุณนันท์กินจ๊ะ”
“ไม่ได้ทำหรอกนังอ้อย” ป้าแม่ครัวเล่นลิ้น
“อ้าว ไม่ได้ทำแล้วพวกบนโต๊ะนี่มันอะไรล่ะ”
“ฉันน่ะไม่ได้ทำ แต่คนอื่นทำ”
อ้อยงง มองไปที่อาหารหน้าตาน่าทานบนโต๊ะ พรบุ้ยใบ้มองไปทางหนึ่ง
“คนทำเขามาโน่นแล้ว”
อ้อยหันไปเห็นน้ำผึ้งเดินถือกับข้าวจานสุดท้ายเข้ามา
“ฉันทำเองจ้ะ”
อ้อยเม้มปากไม่พอใจทันควัน น้ำผึ้งวางกับข้าวจานนั้นลง
“ครูเขาขอทำกับข้าวให้คุณนันท์เอง วันนี้ฉันก็เลยสบายเลย” พรว่า
น้ำผึ้งมองอ้อยยิ้มๆ ขณะที่อ้อยเดินไปตักข้าวให้คุณหนู น้ำผึ้งเดินมานั่งชวนนันท์คุย
“คุณนันท์ชอบกินไข่ไหมคะ อันนี้สูตรเด็ดบ้านครูเลย คุณนันท์ลองชิมดูนะคะ”
น้ำผึ้งเปิดฝาที่ครอบจานออก นันท์มองเห็นกับข้าวในนั้นก็อึ้ง
อ้อย พร และหอมเห็นต่างก็ตกใจ
พรพึมพำเสียงเบาหวิว “ไข่ลูกเขย”
จู่ๆ นันท์ก็ลุกพรวดขึ้น แล้วคว่ำจานข้าวทิ้งทันที
“นันท์ไม่กิน”
น้ำผึ้งตกใจ “คุณนันท์ เป็นอะไรคะ”
“นันท์ไม่กิน ออกไปให้หมด นันท์ไม่กิน”
นันท์อาละวาดปัดจานข้าวทิ้ง แล้วนิ่งขึง น้ำผึ้งงงไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น
หอมเหลียวไปทางหน้าเรือน จำเสียงรถเทิดได้
“นาย...นายมาแล้ว รีบไปตามนายเร็ว”
“ฉันไปเอง”
อ้อยวิ่งแจ้นออกไปหาเทิดทันที
เทิดเดินเข้ามาในโถงบ้านพร้อมกับผัน เจออ้อยวิ่งหน้าตาตื่นมาหา
“นายคะ เกิดเรื่องอีกแล้วค่ะ”
“มีอะไรอีก”
“คุณนันท์ค่ะ คุณนันท์อาละวาดใหญ่แล้ว”
เทิดหงุดหงิดขึ้นมาเดินไปที่ห้องทานข้าวทันที อ้อยตาม
ผันมองหน้าอ้อยเป็นเชิงถาม อ้อยยักไหล่ ผันรีบตามเทิดไป
เดินเข้ามาในห้องทานข้าว เทิดกับผันชะงักเมื่อเห็นข้าวหกกระจายเลอะเต็มพื้น เทิดถามเสียงดังลั่น
"เกิดอะไรขึ้น”
"นาย…คุณนันท์ไม่ยอมทานข้าวค่ะ”
เทิดจับนันท์ให้ลุกมาคุยกัน
“คุณนันท์เป็นอะไร ไม่ทานก็บอกกันดีๆ ทำไมต้องขว้างปาข้าวของให้เสียหายด้วย”
"ก็นันท์ไม่กิน มันไม่อร่อย”
เทิดมองไปที่อาหารบนโต๊ะ เห็นไข่ลูกเขยแล้วอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง
“ใครทำไอ้นี่ให้คุณนันท์กิน”
อ้อยรีบฟ้องชี้ไปทางน้ำผึ้ง “นี่ค่ะ ครูน้ำผึ้งเลยค่ะนาย”
“นันท์บอกพ่อแล้ว ว่าครูนี่คิดจะมาแทนแม่นันท์ ไข่ลูกเขยรสชาติห่วยแตก ไม่เหมือนที่แม่พริมทำซักนิด”
เทิดโมโหจับนันท์ไปนั่งที่โต๊ะอีกรอบ
"กินเข้าไป”
“ไม่”
เทิดหันไปทางพร “ไปเอาอาหารมา”
พรลังเลยังไม่ไป
“ไปเอาอาหารมา! เร็วๆ”
พรพยักหน้าแล้วรีบตักข้าวให้นันท์ใหม่ นันท์เบะปากจะร้องไห้
น้ำผึ้งมองลูกศิษย์แสบด้วยความสงสาร จะเข้าไปห้าม
“คุณ คุณนันท์เขาไม่อยากกินก็ไม่ต้องบังคับสิ”
เทิดหันไปตวาดน้ำผึ้ง
“อย่ามายุ่ง! ปัญหาของลูกฉัน ฉันจัดการเอง”
พรวางจานข้าวใหม่ลงตรงหน้านันท์
“คุณนันท์ ไม่ชอบใจก็ต้องกิน ทุกอย่างไม่ได้หามาง่ายๆ ข้าวทุกเม็ดชาวนาเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะได้มา โรงเรียนเข้าไม่ได้สอนนันท์หรือไง” เทิดเสียงดัง
นันท์เอามือปิดหู “ไม่รู้ ไม่ได้สอน”
เทิดพูดแทบเป็นตวาด “กินเข้าไป”
"ไม่กิน”
“พ่อบอกให้กินเดี๋ยวนี้”
เทิดสั่ง “ตักข้าว”
นันท์น้ำตาร่วง ร้องไห้โฮๆ
“ดี ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน ทนหิวให้ได้แล้วกัน”
เทิดหันมามองน้ำผึ้งตาขวาง
“เธอน่ะ มานี่”
เทิดเข้าไปกระชากแขนน้ำผึ้งแล้วลากออกไป
พร หอม และอ้อยรีบเข้าไปดูนันท์ พรกอดคุณหนูที่ยังคงสะอื้นไห้ด้วยความสงสาร
เทิดลากน้ำผึ้งมาอีกมุมในบ้าน ก่อนจะสะบัดตัวเธอออกสุดแรง พร้อมกับต่อว่าเสียงดัง
“ใครใช้ให้เธอทำกับข้าวให้นันท์กิน”
“ไม่มีค่ะ ฉันอาสาทำเอง”
เทิดยัวะจัด “ทำเอง นี่น้ำผึ้ง หน้าที่ของเธอที่ฉันจ้างมาคืออะไร”
“เป็นครูสอนคุณนันท์ค่ะ”
“แล้วจะต้องให้ย้ำอีกกี่รอบ”
เทิดตะคอกเสียงดัง น้ำผึ้งไม่ยอมแพ้
“ใช่ค่ะ หน้าที่ฉันคือครู แต่คุณจ้างฉันมาดูแลคุณนันท์ด้วยนี่คะ ฉันแค่คิดว่าถ้าทำดีต่อกันได้ เวลาสอนมันก็น่าจะง่ายขึ้น”
“แล้วมันดีอย่างที่เธอหวังไหมล่ะ”
น้ำผึ้งอึ้งไป “ไม่ค่ะ แต่…”
“เลิกเถียงสักที วันหลังถ้าไม่รู้อะไรก็อยู่เฉยๆ อย่าทำให้มันเกินหน้าที่ ฉันยอมเธอครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำทุกอย่างในบ้านได้ตามใจ คิดซะบ้างว่าตัวเองเป็นใครแล้วเข้ามาที่นี่เพราะอะไร ครูน้ำผึ้ง”
เทิดเน้นสถานะน้ำผึ้งตอนท้ายแล้วเดินออกไป น้ำผึ้งยืนนิ่งสีหน้าเครียดจัด
น้ำผึ้งเดินเรื่อยเปื่อยมายังโซนร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของไร่ ครูสาวตัดสินใจเดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟพรีโม นั่งเหม่อคิดถึงตอนที่นันท์อาละวาด
“นันท์บอกพ่อแล้ว ว่าครูนี่คิดจะมาแทนแม่นันท์ ไข่ลูกเขยรสชาติห่วยแตกไม่เหมือนที่แม่พริมทำซักนิด”
น้ำผึ้งถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม สักพักก็มีแก้วกาแฟยื่นมาตรงหน้า พอเงยหน้ามองก็เจอมาร์คเอากาแฟมาให้
“คุณมาร์ค”
มาร์คยิ้มให้
“ทานกาแฟหน่อยนะครับ จะได้อารมณ์ดี”
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 10 (ต่อ)
ส่วนพรพานันท์เข้ามาที่ห้องพักตัวเอง นั่งลงคุยกัน
“คุณนันท์คะ”
นันท์นั่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร พรพยายามพูดด้วยอย่างใจเย็น
“คุณนันท์ฟังป้านะคนเก่ง คุณนันท์รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำเมื่อกี้มันไม่ดี”
นันท์พยักหน้า น้ำตาคลอ
“ถ้าคุณนันท์รู้ว่าไม่ดี คุณนันท์จะทำมันทำไมล่ะคะ”
“นันท์ไม่ชอบ”
“ไม่ชอบอะไรคะ”
“ไม่ชอบที่ครูน้ำผึ้งทำอาหารเหมือนแม่พริมทำ”
พรจับมือนันท์ไว้
“คุณนันท์ไม่ชอบครู หรืออาหารที่ครูทำก็ได้นะคะ แค่บอกว่าไม่กินแค่นี้เอง”
“แล้วทำไมครูน้ำผึ้งต้องทำไข่ลูกเขยด้วย”
“มันแค่บังเอิญเองค่ะ จริงๆ ครูเขาแค่ตั้งใจทำอาหารให้คุณนันท์กิน ป้านี่แหละอนุญาตเอง ป้าขอโทษที่ไม่ได้ดูก่อนว่าจะทำอะไร ตกลงไหมคะ”
นันท์เริ่มอ่อนลง พยักหน้ารับ
“แล้วการที่คุณนันท์โมโห คุณนันท์ได้อะไรมาบ้าง ลองบอกป้าหน่อยสิคะ”
“พ่อดุนันท์”
“ใช่ค่ะ รู้ไหมทำไม”
นันท์ส่ายหัว
“ที่คุณพ่อดุคุณนันท์ เพราะคุณนันท์ทำตัวไม่น่ารัก ทั้งกับคุณครูหรือคุณพ่อ เขาก็เลยต้องดุคุณนันท์ ถ้าคุณนันท์ยังดื้ออีก คุณพ่อก็จะดุคุณนันท์ไปเรื่อยๆ”
“แล้วนันท์ต้องทำไง”
“คุณนันท์ต้องทำตัวดี เป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณพ่อ ตั้งใจเรียน คุณพ่อน่ะรักคุณนันท์มากกว่าใครๆอยู่แล้ว ถ้าคุณนันท์ไม่ยอมก็ไม่มีใครมาแทนที่แม่คุณนันท์ได้หรอกค่ะ เชื่อป้านะ”
พรลูบหัวนันท์อย่างอ่อนโยน ทั้งเอ็นดูและเป็นห่วง
ฟากมาร์คมานั่งคุยเป็นเพื่อนน้ำผึ้ง เห็นสีหน้าครูสาวก็พอเดาได้ว่าเกิดเรื่องที่บ้านเทิด
“มีอะไรในใจหรือเปล่าครับคุณครู ถ้าไม่รังเกียจผมยินดีรับฟังนะ”
“จะดีเหรอคะ รบกวนคุณมาร์ครึเปล่า”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ตอนนี้คนในร้านก็ไม่ได้แน่นอะไร”
น้ำผึ้งทำใจสักพัก ก่อนจะถาม
“ก็…เรื่องคุณนันท์ล่ะค่ะ ฉันคิดไม่ตกว่าทำยังไงถึงจะทำให้เปิดใจยอมรับฉันได้”
“อ๋อ เรื่องนี้เอง ครูคนไหนที่เข้ามาสอนคุณนันท์ก็ต้องเจอแบบนี้กันหมดแหละครับ”
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันเหมือนจะโชคดีตรงที่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ เหมือนจะทำอะไรได้ แต่ก็ไม่เลย”
มาร์คยิ้ม “ผมว่ามันเพราะครูไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนมากกว่า”
น้ำผึ้งคิดตาม
“ฉันก็ลองๆ ดูบ้างแล้วนะคะ วันนี้ก็ลองทำกับข้าวให้คุณนันท์ทาน สรุปคือเละไม่เป็นท่าเลยล่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็ฉันดันไปทำอาหารที่แม่คุณนันท์เคยทำให้ทานน่ะสิคะ”
มาร์คบอกออกมาทันทีว่า “ไข่ลูกเขย”
น้ำผึ้งแปลกใจที่มาร์คยังรู้
“คุณมาร์ครู้เหรอคะ”
มาร์คหัวเราะ “รู้สิครับ ผมเองก็อยู่ที่นี่มาตั้งนาน แถมคุณพริมแม่คุณนันท์ก็เป็นคนแนะนำให้ผมมาทำงานที่นี่เอง”
น้ำผึ้งมองมาร์คอย่างทึ่งๆ .”อย่างนี้นี่เอง”
“เอางี้ ไม่เรียกว่าแนะนำแต่จะเล่าให้ฟังดีกว่า”
“ค่ะ”
“ตอนที่คุณพริมยังอยู่ ที่ไร่นี้ทุกคนมีแต่ความสุข คุณพริมแกเป็นคนสวย จิตใจดี ไม่แปลกที่คุณนันท์กับคุณเทิดจะรักคุณพริมมาก ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตอนคุณพริมแกเสียน่ะครับ”
น้ำผึ้งพยักหน้าตาม รับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
“คุณเทิดเอาแต่ทำงาน แล้วก็กลายเป็นแบบนี้เพราะโทษตัวเองที่ทำให้คุณพริมต้องตาย แถมตัวเองก็ไม่รู้วิธีที่จะเข้าหาลูก เลยตามใจทุกอย่างทั้งสิ่งของเงินทอง ความสบาย เพื่อทดแทนความรักจากแม่”
“แบบนี้มันไม่ถูกนี่คะ”
“ใช่ครับ คุณนันท์แกต้องการความรักจากพ่อ ทำทุกอย่างเพื่อเรียกร้องความสนใจ”
“แต่ยิ่งทำก็เหมือนยิ่งแย่” น้ำผึ้งเสริม
“มันเกิดจากความไม่เข้าใจแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงเหมือนที่คุณครูกำลังเป็นไงครับ”
“จริงด้วยค่ะ”
“แล้วที่สำคัญก็คือ คุณนันท์กลัววันนึงคุณเทิดจะหาคนมาแทนคุณพริม ผมว่าถ้าจะให้คุณนันท์เข้าใจครูมากขึ้น ต้องคุยกับให้คุณนันท์เข้าใจว่าครูไม่เคยคิดจะมาแทนแม่เขา อะไรน่าจะดีขึ้นนะครับ”
น้ำผึ้งคิดตามแล้วก็เหมือนได้ทางออกว่าจะทำยังไงต่อไป
“ค่ะ…ฉันพอจะรู้แล้ว ขอบคุณมากนะคะคุณมาร์ค”
มาร์คพยักหน้า แล้วก็ลุกขึ้นไปทำงานต่อ น้ำผึ้งมั่นใจขึ้น
น้ำผึ้งกลับเข้าบ้าน เดินผ่านไปทางครัวเห็นไฟยังเปิดอยู่ นอกจากนี้ยังมีเสียงกุกกักเหมือนคนทำอะไรสักอย่างในครัว ครูสาวเดินไปดูว่ามีใครอยู่ในนั้น พอเห็นแล้วก็อึ้งนิ่งงันไป
เป็นนันท์ที่นั่งตักข้าวกินอยู่ในครัวคนเดียว ตักไปคำก็คอยเหลียวมองรอบๆ ว่ามีคนเห็นไหม โดยไม่รู้ว่าน้ำผึ้งซุ่มดูเงียบๆ
นันท์เดินไปที่ตู้กับข้าว หยิบถ้วยไข่ลูกเขยที่น้ำผึ้งทำไว้ออกมา แล้วก็นั่งกินคนเดียว กินไปสักพักนันท์ก็ร้องไห้เพราะคิดถึงแม่ที่เคยทำให้ตัวเองกิน
น้ำผึ้งมองอยู่น้ำตาซึมตามไปด้วย สงสารนันท์
ฝ่ายเทิดนั่งอยู่ในห้องแห่งความรักความลับระหว่างเขากับพริม จอโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ตรงหน้าฉายภาพครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกตอนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า สามคนยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เทิดจ้องมองทุกอิริยาบถของพริมบนจอ พูดเศร้าๆ
“พริม บอกผมทีว่าผมจะดูแลนันท์ได้ดีเหมือนตอนคุณอยู่ บอกผมทีว่าผมควรทำยังไง”
เทิดหลับตาลงคิดถึงพริมเหลือเกิน
จังหวะหนึ่งน้ำผึ้งขยับตัว นันท์ได้ยินเหมือนเสียงคนอยู่ข้างนอก รีบปาดน้ำตา ตะโกนถามออกไป
“ใครน่ะ”
น้ำผึ้งออกมา เดินเข้าไปหานันท์
“ครูเองค่ะคุณนันท์”
นันท์รีบดันจานข้าวออกไป ทำเป็นไม่ได้กิน
“มาทำอะไรที่นี่”
น้ำผึ้งขำๆ “มาดูเด็กน้อยหิวข้าวมั้งคะ”
“ไม่ได้หิวนะ”
น้ำผึ้งรู้ว่านันท์ปากแข็ง เดินไปนั่งด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าหิวก็กิน ครูรับปากว่าเราจะรู้เรื่องนี้แค่สองคน ไม่บอกใคร”
นันท์จ้องหน้าน้ำผึ้ง ไม่เข้าใจว่ามาไม้ไหน
“จริงนะ”
“จริงค่ะ”
นันท์ดึงจานกลับเข้ามาแล้วก็ตักข้าวกินใหม่ น้ำผึ้งมองยิ้มๆ
“คุณนันท์ชอบกินเจ้านี่ไหมคะ” น้ำผึ้งชี้กับข้าว
นันท์ลังเล “ชอบก็ได้”
“ชอบ แต่คงไม่มีใครทำได้เหมือนแม่ของคุณนันท์ใช่ไหมคะ”
“ใช่ ไม่มีเลย”
“งั้น ครูขอโทษที่ทำเจ้าไข่นี่ให้คุณนันท์กิน แต่ครั้งหน้า ถ้าอยาก ไม่อยาก กินอะไร เราต้องคุยกันนะคะ เจ้าไข่นี่โดนทิ้งๆ ขว้างๆ น่าสงสารออก”
นันท์มองน้ำผึ้ง ไม่แน่ใจนัก น้ำผึ้งชูนิ้วก้อยขึ้นมา
“แล้วครูก็ขอสัญญาว่าไม่ว่าจะยังไง ครูจะไม่มีวันมาแทนที่แม่คุณนันท์เด็ดขาด ด้วยเกียรติของครูเลย”
“จริงนะ”
“จริงค่ะ นี่ไง”
น้ำผึ้งมองนิ้วก้อยที่ยื่นออกไปให้นันท์เกี่ยวแทนสัญญา
เด็กชายมองท่าทีลังเลอยู่สักพัก แล้วจึงยอมเกี่ยวก้อยด้วย
น้ำผึ้งยิ้มดีใจ ที่ความสำพันธ์ระหว่างเธอกับลูกศิษย์ตัวน้อยเริ่มดีขึ้นในระดับหนึ่ง
อ่านต่อตอนที่ 11