มนต์รักอสูร ตอนที่ 9
การที่ครูน้ำผึ้งถูกไล่ออกไม่ได้ทำให้นันท์รู้สึกสบายใจอย่างที่คิด เวลานี้เด็กน้อยเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอน สีหน้าเด็กชายเครียดเคร่ง กังวลใจเรื่องดังกล่าว สักครู่หนึ่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นอ้อยยกแก้วน้ำหวานเข้ามาสองแก้ว ท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“คุณนันท์มาฉลองกันเถอะค่ะ” อ้อยบอกอย่างสะใจ
นันท์งง “ฉลองอะไร”
“ก็ฉลองที่กำจัดนังครูน้ำผึ้งสำเร็จไงคะ โดนคุณเทิดไล่ตะเพิดเผ่นหนีแทบไม่ทัน อ้อยสะใจจริงๆ ต่อไปนี้บ้านก็จะสงบสุขเหมือนเดิมซะที”
“บ้านเราจะสงบจริงๆ แล้วใช่ไหมพี่อ้อย”
“ใช่ค่ะ คุณนันท์จะสบายใจสุดๆ ไปเลยค่ะคราวนี้ ไม่มีครูน้ำผึ้งก็ไม่มีมารมากวนใจเราแล้ว”
อ้อยยื่นแก้วน้ำหวานให้นันท์ไว้ แล้วถืออีกแก้วไปชนแก้วในมือนันท์
“ฉลองให้กับชัยชนะของเราค่ะคุณนันท์”
อ้อยดื่มน้ำหวานหน้าบาน อารมณ์ดี๊ดี นันท์เริ่มรู้สึกดีขึ้นนิดๆ ชนแก้วฉลองกับอ้อยสองคน
โทรศัพท์มือถือของฟ้าใสในร้านเวดดิ้งดังขึ้น หญิงสาวหยิบมารับสาย
“น้ำผึ้ง แกจะมาตอนไหน” ฟ้าใสนิ่งฟัง “อะไรนะ มาไม่ได้แล้ว อือ ได้ ไว้เดี๋ยวฉันโทร.หาแกใหม่”
ฟ้าใสวางสาย ไม่เข้าใจว่ามีเกิดเรื่องอะไรกับน้ำผึ้งอีก เสียงภูฤทธิ์ดังขึ้น
“เกิดอะไรกับคุณน้ำผึ้งเหรอครับคุณฟ้า”
ฟ้าใสหันไป เห็นภูฤทธิ์ยืนอยู่ในร้าน
“คุณภู”
หอมกับอ้อยนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน หอมนั้นเครียดหนัก เอาแต่กระสับกระส่ายตลอดเวลา จนอ้อยเริ่มรำคาญ
“เป็นอะไร อีพี่หอม”
“มัน…มันไม่สบายใจว่ะอ้อย”
“ไม่สบายใจอะไร”
“ถามจริง นี่แกไม่รู้สึกผิดอะไรเลยเหรอที่วางแผนบ้าๆ นั่น”
“แผนอะไร”
“เอ็งกับพี่ก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ”
อ้อยยังทำไม่รู้ไม่ชี้
“รู้อะไรก็รู้ไปคนเดียว ฉันไม่รู้เรื่อง”
หอมมองท่าทีอ้อยแล้วเซ็ง สักพักก็ทนไม่ไหว
“โอ๊ย คันปากโว้ย เป็นไงเป็นกัน”
หอมตัดสินใจจะไปบอกความจริงกับเทิด อ้อยลุกมาขวางไว้
“จะไปไหนพี่หอม”
“หลีกไปอ้อย พี่จะไปทำสิ่งที่ควรทำ!”
“พี่จะทำอะไร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“พี่จะบอกความจริงกับคุณเทิดว่าครูน้ำผึ้งไม่ได้ขโมยของ”
“ไม่ได้นะ”
อ้อยตกใจมากพยายามห้าม แต่หอมดึงดันจะไป อ้อยทั้งขวางทั้งดึงตัวไว้สุดแรง หอมดิ้นหนีสุดชีวิต ใครมาเห็นคงขำก๊าก เพราะเป็นภาพที่ทั้งตลก และทุลักทุเลสุดๆ
“ปล่อย”
“อ๊าย หยุดนะไอ้พี่หอม ถ้าฟ้องคุณเทิด คุณนันท์โดนทำโทษแน่!”
หอมชะงักกึก
อ้อยสบช่องรีบกล่อม “พี่ไม่รักคุณนันท์เหรอ คุณพริมรู้จะต้องเสียใจ พี่มันอกตัญญู คุณพริมดีกับพวกเรามากแค่ไหน พี่ลืมไปแล้วเหรอ”
หอมสะบัดตัวออกจากอ้อย
“ปล่อย! ว่าเป็นชุดเลย ฉันเปลี่ยนใจตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว ไม่บอกก็ได้ ฉันจะทนกล้ำกลืนเก็บความลับไว้เพื่อคุณนันท์”
พรโผล่มา และได้ยินตอนท้ายพอดี
“ความลับอะไรของเอ็ง นังอ้อย ไอ้หอม”
หอมกับอ้อยตกใจ หน้าซีดเป็นไข่เป็ดต้ม อุทานลั่นพร้อมกัน
“ป้า”
ถัดมาสองคนสารภาพสิ้น พรฟังความจริงจากหอมและอ้อยแล้วโกรธมาก
“มันน่าตีจริงๆ”
“ตีคุณนันท์เหรอป้า” หอมหยอก
“ตีแกสองคนนั่นแหละ ไอ้หอม นังอ้อย!”
หอมกับอ้อยสลด
“โดยเฉพาะแกนังอ้อย อย่าคิดว่าเป็นแกเป็นลูกนายผันแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ”
“โธ่ ป้าอ่ะ ว่าฉันอยู่เรื่อยเลย”
“ก็มันน่าว่ามั้ย แทนที่จะห้ามคุณนันท์ กลับช่วยกันก่อเรื่อง แกสองคนนี่มันโตแต่ตัว แต่ไม่รู้จักคิด”
“ก็คุณนันท์ไม่ชอบครูน้ำผึ้ง ฉันช่วยคุณนันท์ ฉันผิดด้วยเหรอ” อ้อยอ้าง
“แกนี่ทำผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก มีสมองไว้คั่นหูรึไง ถึงคิดไม่ได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด”
อ้อยอ้าปากจะเถียงอีก ถูกพรชี้หน้าคาดโทษ “ไม่ต้องเถียงเลยนังอ้อย พูดอีกคำเดียว ฉันจะตีแกเดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่าโตแล้วฉันจะไม่กล้าตีนะ”
อ้อยจ๋อย ไม่กล้าเถียงอีก
“ฉันจะไปบอกคุณเทิด”
หอมกับอ้อยตาเหลือก ตกใจสุดขีด รีบขวางพรไว้
“ไม่ได้นะป้า”
หอมอ้อนวอนด้วย “อย่านะป้าพร หอมไม่ได้กลัวโดนลงโทษ แต่กลัวคุณนันท์ถูกตี ถ้าคุณเทิดรู้เข้า คุณนันท์โดนหนักแน่!”
“ใช่ ป้าไม่รักคุณนันท์เหรอ”
พรคิดหนัก
“รักสิ แต่ครั้งนี้คุณนันท์ทำไม่ถูก ปล่อยไปจะเสียคน”
“ยังไม่เสียเลย ก็ยังอยู่ตัวเป็นๆ ดีนี่” อ้อยแถ
“เลิกเถียงซักทีนังอ้อย! ไม่รู้ล่ะวะ ยังไงนายก็ต้องรู้เรื่องนี้”
หอมกับอ้อยหน้าจ๋อย ใจเสียกันทั้งคู่
ขณะเดียวกัน น้ำผึ้งเดินหิ้วกระเป๋ามาที่รถมอเตอร์ไซค์ ผันวิ่งตามมาเรียกไว้
“น้ำผึ้ง จะไปไหน”
น้ำผึ้งบอกหน้าเศร้า “กลับบ้านค่ะ”
“กลับไปทำไม น้าไปคุยกับนายให้แล้ว ตอนนี้นายยังใจร้อนอยู่ รอใจเย็นแล้วคุยกันใหม่ก็ได้”
“นายน้าผันเอาแต่โกรธ ไม่ฟังอะไรใคร พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”
“น้าไม่คิดว่านายจะเชื่อที่อ้อยมันพูดจริงๆ หรอกนะ ถ้ามีคนอธิบาย นายจะต้องเข้าใจ”
“แต่คงไม่ใช่วันนี้ จริงไหมคะ”
ผันอึกอัก ลำบากใจที่เป็นคนกลาง เข้าใจความรู้สึกของเทิดแต่ก็สงสารน้ำผึ้ง
“ฝากบอกเจ้านายของน้าผันด้วยนะคะว่าเรื่องเงิน น้ำผึ้งจะรีบหามาคืนให้เร็วที่สุดให้ครบทุกบาททุกสตางค์ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก” น้ำผึ้งโกรธอยู่มากแต่ไม่อยากมาลงที่ผัน “น้ำผึ้งลาล่ะค่ะน้าผัน”
น้ำผึ้งไหว้ลาจะเดินไปที่รถ แต่ผันรีบขวางไว้
“โธ่ น้ำผึ้ง อย่าเพิ่งไป”
“น้าผันอย่าห้ามเลยค่ะ”
“ถือซะว่าน้าขอแล้วกัน อยู่ก่อนเถอะ เราต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้สิ”
“จะต้องพิสูจน์อะไรอีกละคะ”
เสียงใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้น
“พิสูจน์ว่าที่ครูทำทั้งหมดมันไม่ผิดไงคะ”
ผัน กับ น้ำผึ้ง หันไปมอง เห็นพรเดินออกประตูบ้านตรงมาหา
ที่ร้านเวดดิ้ง ฟ้าใสเล่าเรื่องน้ำผึ้งให้ฟัง ภูฤทธิ์ตกใจมาก
“คุณเทิดไล่น้ำผึ้งออก”
“ค่ะ น้ำผึ้งบอกฟ้าเมื่อกี้นี้ แต่ไม่รู้มีเรื่องอะไรอีกเลยยังมาไม่ได้ ตอนนี้บอกให้ฟ้ารอที่นี่ก่อน”
ภูฤทธิ์ลุกพรวดขึ้น
“ไม่ต้องรอแล้วครับ เราไปไร่คุณเทิดกัน ตอนนี้เลย”
ฟ้าใสตกใจ “ตอนนี้”
“ใช่ ก็ถ้าขาไม่ต้อนรับคุณน้ำผึ้ง ผมนี่แหละที่จะไปรับคุณน้ำผึ้งกลับเอง”
“คุณภูคะ คุณไปไร่นั้นมันจะดีเหรอคะ ถ้าคุณเทิดเจอ”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ เขาจะได้รู้ว่าทำไม่ถูก สั่งให้ไปอยู่ก็ไป นึกจะไล่ก็ไล่ มันใช้ไม่ได้”
ภูฤทธิ์พูดจบก็เดินออกจากร้านไปเลย ฟ้าใสรีบตาม
เทิดอยู่ในห้องทำงาน นึกถึงสิ่งที่พรมาบอกเมื่อตอนกลางวัน
“ผมว่าเรื่องนี้มันจบไปแล้ว ป้าจะมีอะไรอีก ยัยครูนั่นไปก็จบแล้วไง”
"ป้ายอมให้มันจบไม่ได้ค่ะ”
"ทำไม” เทิดแปลกใจ
“เพราะป้ารู้ไงคะ ว่าครูน้ำผึ้งไม่ใช่คนร้าย”
“หมายความว่ายังไง”
“เพราะป้าเห็นว่าใครที่แอบเข้าห้องคุณเทิดแล้วก็ไปขโมยของมาทั้งหมดไงคะ”
“ป้าพูดอะไร ถ้าไม่ใช่ครูนั่นแล้วมันจะเป็นใคร”
“ป้าว่าถ้าพิจารณาให้ดี นายก็จะรู้ว่าเป็นใคร คนที่จะวางแผนใส่ร้ายคนอื่นเพื่อประโยชน์บางอย่าง อาจจะเป็นคนที่นายพยายามปกป้องอยู่ตลอดเวลาก็ได้นะคะ”
เทิดเริ่มหงุดหงิดแล้วก็สับสนในสิ่งที่ป้าพรพยายามพูด
“ทำไมป้าไม่พูดมาตรงๆ เลยว่ามันเป็นใคร”
“ป้าทำได้เท่านี้แหละค่ะ ป้าอยากให้คิดดูดีๆ ของที่นายเห็นตอนนั้นมันเป็นของมีค่าที่ควรจะขโมยเหรอคะ”
“ยังไง”
“ก็พวกเสื้อผ้านังอ้อย หุ่นยนต์คุณนันท์ นี่เหรอคะของที่สมควรขโมย”
เทิดคิดตามที่พรพูด
“นายไม่ต้องเชื่อป้าก็ได้นะคะ แต่อีกไม่นาน คนร้ายตัวจริงจะต้องสารภาพกับนายเองแน่ๆ เขาจะไม่ทนแบกรับความรู้สึกผิดนี้ไปตลอดหรอกค่ะ ส่วนครูน้ำผึ้ง ทีแรกป้าอาจจะไม่ได้ถูกใจเธอนัก แต่เธอไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะคะ”
พรพูดแค่นั้น ก็ออกจากห้องไป
เทิดทิ้งตัวลงนั่งด้วยสีหน้าสับสนว่าความจริงที่แม่ครัวสูงวัยบอกคืออะไร
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 9 (ต่อ)
เทิดเรียกทุกคนมารวมตัวในห้องรับแขก หอมกับอ้อยนั่งหน้าเครียด กลัวเทิดจะจับได้ นันท์ทำนิ่งใส่เทิดกวาดสายตาคมกริบมองทุกคนในห้องนั้น
“มีใครจะสารภาพความจริงอะไรกับฉันไหม”
อ้อยทำตีมึน “ความจริงอะไรคะนาย”
เทิดพยักหน้า “โอเค จะไม่เล่าก็ได้ แต่ทุกคนต้องตอบคำถามฉันมา และต้องตอบเป็นความจริงทั้งหมด”
อ้อยหน้าซีด หอมก็เริ่มกระสับกระส่าย ดึงเสื้ออ้อยยิกๆ จนอ้อยต้องตีให้อยู่เฉยๆ
“อ้อย”
“คะนาย”
“วันที่น้ำผึ้งขึ้นไปห้องฉัน แกอยู่ที่ไหน”
“อยู่กับคุณนันท์ที่ห้องเรียนค่ะ ไม่ได้ไปไหน”
เทิดหันมาทางลูกชาย “คุณนันท์ อ้อยอยู่ด้วยจริงไหม”
“จริงครับ…พี่อ้อยอยู่ช่วยนันท์ทำการบ้าน”
“หอม ตอนที่น้ำผึ้งออกไปเป็นเวลากี่โมง”
หอมเริ่มแสดงพิรุธหนักขึ้น ตอบแบบตะกุกตะกัก
“เอ่อ…เอ่อ…ก่อนนายกลับมาน่ะจ้ะ”
“กี่โมง” เทิดคาดคั้นเสียงดุ
“หอม…จำไม่ได้จ้ะนาย นาฬิกามันเสีย”
“นาฬิกาเสีย? แล้วที่ใส่อยู่นั่นอะไร”
หอมมองข้อมือตัวเองพบว่าใส่นาฬิกาอยู่ ถึงกับสะดุ้ง แทบไปไม่เป็น
“นาฬิกาของเล่นจ้ะ…โอ๊ย”
อ้อยแอบหยิกหอมที่ตอบอะไรงี่เง่าแบบนั้นไป
“อ้อย ตอบมาว่าตอนไหนที่เห็นเขาออกไป”
“บ่ายโมง…มั้งคะ”
“แล้วรู้ได้ยังไง ว่าเขาจะขึ้นไปห้องฉัน”
“ก็…ครูเขาบอกว่าอยากได้สมุดพกคุณนันท์” อ้อยบอก
เทิดรุกจี้หนักขึ้น
“ถ้าไม่มีคนบอกมันก็ไม่รู้ใช่ไหมว่ามันอยู่ที่นั่น แสดงว่าต้องมีคนให้ข้อมูลนี้กับน้ำผึ้ง แล้ว ใครเป็นคนบอก”
หอมพาซื่อ “ต้องเป็นคนในบ้านเราไงนาย ครูเขาคนนอกจะมารู้อะไร”
อ้อยสะดุ้งโหยง ตีหอมแรงกว่าเดิม
“อีพี่หอม”
“อะไรเล่า” หอมเบลอ เกาหัวงงๆ
“ใช่ คนอย่างน้ำผึ้งไม่มีทางรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนถ้าคนในไม่บอก แสดงว่ามีคนจงใจบอกเขาว่ามันอยู่ที่ห้องฉัน” เทิดมองจ้องอ้อยก่อนจะหันไปทางลูกชายช้าๆ “จริงไหม คุณนันท์”
อ้อยยิ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นันท์ก้มหน้างุด “ครับ”
“ผันไปทำงานกับฉัน ป้าพรกับชมพู่มีหลักฐานว่าอยู่ในครัวทั้งบ่าย ส่วนคนที่ไม่มีพยานยืนยันว่าอยู่ที่ไหนแน่มีแค่สามคน คือแก ไอ้หอม อ้อย แล้วก็นันท์ เป็นไปได้ว่า มีคนนึงในนี้จงใจวางแผนให้ฉันเข้าใจผิดเรื่องครูน้ำผึ้ง”
อ้อยหันไปกระซิบกับหอม
“พี่หอม นายรู้ความจริงแล้วเหรอ”
“ข้าไม่รู้ เอ็งก็ฟังนายสิ”
เทิดย้ำถามเสียงดัง “ว่าไง! จะมีใครพูดออกมาเองไหมว่าใครเป็นตัวการในเรื่องนี้”
สามคนเอาแต่เงียบไม่กล้าพูด
“ดี ถ้าไม่มี ก็โดนกันหมดนี่เลย นันท์ ลุกขึ้น”
เทิดเดินไปดึงนันท์ทำท่าจะตี อ้อยตกใจรีบสารภาพออกมา
“อ้อยเองค่ะที่วางแผนใส่ร้ายครูน้ำผึ้งว่าเป็นขโมย”
หอมหน้าเหวอ เทิดยอมปล่อยนันท์แล้วหันมาทางอ้อยจ้องเขม็ง อ้อยละล่ำละลักพูด
“อ้อยได้ยินว่าครูนั่นอยากได้สมุดพกคุณนันท์ ฉันก็เลยหลอกให้เข้าไปห้องนาย แล้วเอาพวกของมีค่ามาใส่กระเป๋าครูเขา”
“แล้วที่หลอกให้ฉันไปที่ห้องก็เพราะจะได้เห็นตอนน้ำผึ้งจะขโมยของ”
อ้อยกลัวจนหัวหด “ค่ะนาย”
เทิดโมโหตัวเองที่โดนแผนตื้นๆ ของอ้อยหลอกเอา ตะคอกเอา
“ทุเรศ ฉันไม่คิดเลยว่าในบ้านจะเล่นวิธีสกปรกแบบนี้ รู้ถึงไหน อายถึงนั่น”
“อ้อย…ขอโทษค่ะนาย”
“ไม่ต้องมาขอโทษ เพราะยังไงฉันจะลงโทษให้สมกับที่ทำเรื่องขายหน้าในบ้าน ทุกคน” เทิดเน้นคำตอนท้าย
นันท์จะร้องไห้รอมร่อ พยายามกลั้นไว้สุดขีด
“นันท์ก็เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน พ่อจะลงโทษนันท์ก็ได้”
หอมกับอ้อยสงสารคุณหนูจับใจ สองคนอ้อนวอนเทิดไม่ให้ลงโทษนันท์
“อย่าตีคุณนันท์เลยครับ ถ้าจะลงโทษก็ลงโทษหอมที่ไม่ห้ามคุณนันท์เถอะ”
“ใช่ค่ะ คุณนันท์ไม่ผิด ไอ้พี่หอมผิดที่ไม่รู้จักห้ามคุณนันท์”
“แกสองคนหุบปากไปเลย”
หอมกับอ้อยยิ่งจ๋อยหนักกว่าเดิม อ้อยเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้
“นี่ฟังนะ ฉันไม่ได้จะฆ่าจะแกงพวกแกให้ตาย แต่อยากให้รู้ไว้ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูก การร่วมมือกันใส่ร้ายเขามันเหมือนไปรุมรังแกเขาฝ่ายเดียว เขาจะว่าเอาได้ว่าเราใช้วิธีสกปรก ถึงฉันจะไม่ชอบน้ำผึ้งฉันก็แฟร์พอที่จะวัดกันตามผลงาน เข้าใจไหม”
อ้อยกับหอมพยักหน้ารับปาก นันท์ด้วย เทิดนั่งลงจับไหล่ลูกชาย
“นันท์เองก็จำไว้ ลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องกล้ายอมรับผิด ครั้งนี้พ่อจะไม่ลงโทษนันท์ แต่ถ้ามีครั้งหน้า พ่อจะไม่ใจดีเหมือนครั้งนี้”
ทุกคนโล่งอกที่เทิดไม่ลงโทษนันท์ ส่วนนันท์นี่เป็นครั้งที่เด็กชายวัย 7 ขวบ รู้สึกผิดมาก
ฟากพรพาน้ำผึ้งออกมานั่งคุยกันที่หลังบ้าน น้ำผึ้งยังคงงงอยู่มากว่าเกิดอะไรขึ้นที่จู่ๆ ตนก็กลายเป็นขโมย
“ป้าพรรู้เหรอคะว่าฉันไม่ได้ขโมยของคุณเทิด”
“รู้ค่ะ ป้าเองนี่แหละที่เห็นตอนอ้อยมันแอบเข้าไปห้องทุกคนเพื่อเอาของมาแกล้งใส่ความครู”
“ยังไงคะ”
พรเล่า เริ่มจาก
“ตอนนั้นป้าขึ้นไปจะไปทำความสะอาด แล้วก็เห็นนังอ้อยเข้า”
อ้อยเดินเข้าออกห้องคนนั้นคนนี้ แล้วก็หยิบของออกมาด้วย พรผ่านมาเห็นอ้อยทำท่าลับๆ ล่อๆ มีพิรุธ จึงแอบตามไป และเห็นอ้อยเอาข้าวของพวกนั้นที่หยิบมาแอบใส่ลงกระเป๋าน้ำผึ้ง
จนเมื่อเทิดเดินมา อ้อยก็พูดให้เทิดไปที่ห้อง โดยไม่รู้ว่าพรแอบฟังอยู่ตลอด
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ”
พอน้ำผึ้งรู้เรื่องว่าเป็นฝีมืออ้อยก็หน้าเศร้าลง
“ฉันรู้นะคะว่าอ้อยเขาไม่ค่อยชอบฉัน แล้วก็พยายามจะกันฉันไปห่างๆคุณนันท์ จริงๆฉันก็น่าจะชินได้แล้ว แต่ก็ไม่เลย”
“ใครจะชินที่ต้องโดนรังแกอยู่เรื่อยๆ จริงไหมคะ โชคดีว่านังอ้อยน่ะมันไม่ใช่คนคิดซับซ้อนอะไร มันก็เลยจับได้ง่ายๆ”
น้ำผึ้งถอนใจเฮือก “อ้อยน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ นายของป้าต่างหาก ถ้าเขายังมองฉันด้วยอคติแบบนี้ ถึงฉันอยู่ต่อมันก็ต้องมีเรื่องอีกจนได้”
“ป้าถึงไม่อยากให้ครูใจร้อนไงคะ นายเองก็ร้อน ครูยิ่งไปร้อนใส่มันก็ยิ่งแย่ ถ้ามีคนนึงทำเย็นใส่ซะ อะไรๆมันก็น่าจะง่ายขึ้น
“ตอนนี้มันไม่ง่ายสิคะ เขาออกปากไล่ฉันซะขนาดนั้นแล้ว”
“ครูอยู่ที่นี่แหละค่ะ ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวอะไรมันจะเข้าที่เอง เชื่อป้าสิคะ”
น้ำผึ้งยกมือไหว้พร “ขอบคุณป้าพรมากนะคะ ทีแรกฉันคิดว่าป้าไม่ค่อยชอบฉันซะอีก
พรยิ้มให้กำลังใจ “ป้าไม่ได้ไม่ชอบใครค่ะ ป้ารักคุณนันท์กับนายมาก ป้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้สองคนนี้อยู่กันได้อย่างสงบสุข เพราะฉะนั้นถ้าวันใดวันหนึ่งครูหรือใครก็ตามคิดจะทำร้ายนายทั้งสองของป้า ป้าก็จะไม่ใจดีอย่างนี้อีก”
น้ำผึ้งพยักหน้ารับรู้พร้อมกับยิ้มตอบพร
ผันเดินผ่านมาเจอเทิดทำท่าเก้ๆ กังๆ ลังเลอยู่หน้าห้องน้ำผึ้งก็แปลกใจ
“นาย ทำอะไรครับ”
เทิดตกใจ หันไปหาผันทำวางฟอร์มนิ่งใส่
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่เดินมาดูเฉยๆ”
ผันแอบยิ้ม
“อ้อ ครับๆ แค่ดูเฉยๆ”
“แล้วนี่ แกเห็นครูน้ำผึ้งไหม”
ผันแปลกใจมาก แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“นายถามหาครูน้ำผึ้งเหรอครับ”
“เออสิวะ เห็นไหม”
“ก็พอเห็นอยู่หรอกครับ แต่ตอนนี้น้ำผึ้งน่าจะไม่อยู่แล้ว”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมจะบอกนายเรื่องนี้อยู่ เมื่อกี้คนงานโทร.มารายงานว่าเห็นคุณภูฤทธิ์ขับรถเข้ามาในไร่”
เทิดได้ยินชื่อภูฤทธิ์ ก็โมโหจนของขึ้น
“ไอ้ภูฤทธิ์ มันจะมาที่นี่ทำไม”
“ผมก็ไม่ทราบ แต่ถ้าให้เดาผมว่า…เขาคงจะมารับน้ำผึ้งกลับไปล่ะมั้งครับ”
ผันยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เทิดก็ผลุนผลันรีบร้อนออกจากบ้านไปทันที
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภูฤทธิ์กับฟ้าใสลงรถ เดินเร็วรี่ตรงเข้ามาในบ้านเทิด แต่เทิดออกมาขวางภูฤทธิ์ไว้
“ไอ้ภูฤทธิ์ แกมาทำอะไรที่นี่”
ภูฤทธิ์จ้องตาสู้ไม่กลัวเทิด สวนกลับไป
“ผมมารับครูน้ำผึ้งกลับ”
“รับครูน้ำผึ้ง”
“ใช่ ก็คุณฟ้าใสเพื่อนคุณน้ำผึ้งบอกเองว่าคุณไล่เขาออกแล้ว ผมก็จะพาเขากลับบ้าน”
เทิดมองไปยังฟ้าใสนัยน์ตาแข็งกร้าว จนฟ้าใสกลัวไม่กล้าสบตาด้วย
เทิดหันมายิ้มเยาะภูฤทธิ์ “ใครบอกแกไม่ทราบว่าฉันไล่น้ำผึ้งออก”
“คุณอย่ามาทำไม่รู้เรื่องหน่อยเลย อยากเป็นคนกลับกลอกพูดอีกอย่าง ทำอีกอย่างหรือไง”
“นี่ ฉันน่ะอาจจะเป็นคนกลับกลอก แต่ก็ไม่ใช่คนไร้มารยาทที่จู่ๆ จะบุกเข้ามาบ้านคนอื่นโดยพลการ เหมือนบางคน”
ฟ้าใสพยายามคลี่คลายสถานการณ์
“ใจเย็นก่อนนะคะทุกคน” หญิงสาวบอกกับเทิดว่า “คุณเทิดคะ ฟ้าเป็นคนให้คุณภูมาที่นี่เองล่ะค่ะ พอดีฟ้าคุยกับน้ำผึ้ง แล้วฟ้าก็รู้มาว่า…คุณไล่น้ำผึ้งออก”
เทิดตอบกลับไปกวนๆ ตีรวนเล่น
“เมื่อกี้ไล่ ตอนนี้ไม่ไล่แล้ว มีปัญหาอะไรไหม”
ภูฤทธิ์กัดฟันมองเทิด ไม่พอใจมาก ฟ้าใสซักต่อ
“ไม่ไล่แล้ว…หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็ตามนั้น ผมไม่ไล่น้ำผึ้งออก ทีนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่ใครต้องมายุ่ง น้ำผึ้งเป็นคนในปกครองของผม ผมมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ จะให้อยู่ ให้ไป หรือให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นที่ผมต้องการ”
“แก”
ภูฤทธิ์โมโหพุ่งเข้าใส่จะต่อยเทิด ฟ้าใสตกใจถลันเข้าไปห้ามไว้ ก่อนเหตุการณ์จะวุ่นวายมากกว่านี้
คนงานไร่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในบ้าน ชมพู่เห็นเข้าก็เดินมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“นี่ ฉันเห็นคนเอะอะตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว มีเรื่องอะไรกัน”
“ก็มีน่ะสิ นายน่ะมีเรื่องแล้ว”
“อะไร มีกับใคร”
“คุณภูฤทธิ์ไร่โน้นน่ะสิ”
ชมพู่ตกใจพอๆ กับแปลกใจ “คุณภูฤทธิ์”
“คุณภูงั้นเหรอ”
พรอุทานออกมาขณะเดินเข้ามากับน้ำผึ้ง และได้ยินตอนท้ายๆ น้ำผึ้งเองก็ตกใจ
“คุณภูมาที่นี่เหรอ”
“จ้ะ เสียงดังใหญ่เลย ไม่รู้เป็นไงบ้าง” คนงานว่า
“ฉันขอออกไปดูหน่อยนะคะป้า”
น้ำผึ้งรีบร้อนออกไปหน้าบ้านอีกคน พรมองตาม งงว่ามีเรื่องอะไรกันอีก
น้ำผึ้งวิ่งออกมาเห็นเทิดกับภูฤทธิ์ฮึ่มฮ่ำใส่กันจะต่อยกันอีก จึงรีบเข้าไปห้าม
“คุณเทิด จะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ฟ้าใสดึงภูฤทธิ์ไปอีกทาง น้ำผึ้งเข้าไปห้ามเทิด แต่ถูกผลักจนล้มลง ภูฤทธิ์เห็นก็ตกใจผละจากฟ้าใสเข้าไปดูน้ำผึ้ง
“คุณน้ำผึ้ง”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณภู ฉันโอเค”
เทิดมองภาพน้ำผึ้งกับภูฤทธิ์แล้วก็ให้นึกหมั่นไส้
“งี้นี่เอง”
ภูฤทธิ์พยุงน้ำผึ้งให้ลุกขึ้น น้ำผึ้งมองเทิดไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร
“อะไรของคุณ”
“ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมไอ้เจ้าของไร่ดอกไม้นี่ ถึงรีบแจ้นมารับเธอทันทีที่รู้ว่าฉันไล่เธอออก”
น้ำผึ้งหันมาถามภูฤทธิ์ “จริงเหรอคะคุณภู”
ภูฤทธิ์พยักหน้า “ครับ ผมรู้จากคุณฟ้าใส ก็เลยรีบมา”
“โธ่…คุณภู” น้ำผึ้งหันไปทางฟ้าใส “ฟ้า ฉันจะไปหาแกอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องลำบากมาเลย”
“ฉันก็บอกคุณภูแล้ว แต่…”
ภูฤทธิ์สวนออกมา “ผมใจร้อนมาที่นี่เองแหละครับ ผมเป็นห่วงคุณน้ำผึ้ง”
จู่ๆ เทิดก็ปรบมือ ทุกคนหันไปมอง
“น่าประทับใจเป็นบ้า ซาบซึ้งกันพอรึยัง ฉันจะได้บอกว่าควรทำยังไงกับครูนี่”
น้ำผึ้งชักโมโห “คุณ เป็นอะไรขึ้นมาอีก ไล่ฉันออกแล้วไม่ใช่รึไง จะอะไรอีก”
“ใช่ ไล่แล้ว แต่พอดีฉันรู้ความจริงว่าเธอไม่ได้ขโมยของ ก็เลยจะยกเลิก แต่ทำไงได้ มีคนมารอรับเธอกลับแล้วนี่”
น้ำผึ้งงง “อะไรนะ”
“ฉันจะให้เวลาเธอตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไป คิดให้ดีๆ ล่ะ เดี๋ยวจะมีใครหาว่าฉันบังคับขู่เข็ญลูกน้องใต้บังคับบัญชาอีก”
น้ำผึ้งอึ้งนิ่งงันไป ฟ้าใสรีบแทรก
“ฉันกับคุณภูขอคุยกับน้ำผึ้งก่อนได้ไหมคะเรื่องนี้”
เทิดนิ่งไปสักพัก แล้วจึงพยักหน้าให้
“ตามสบาย อยากบอกเมื่อไหร่ก็บอก เอาที่พวกคุณสบายใจนั่นแหละ”
เทิดเดินหนีเข้าไปในบ้าน ฟ้าใสโล่งอก ส่วนน้ำผึ้งกลุ้มหนัก
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 9 (ต่อ)
น้ำผึ้งพาฟ้าใสและภูฤทธิ์ ออกมาคุยกันในสวนสวยข้างบ้าน เธอลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“ฟ้า คุณภูคะ กลับไปก่อนเถอะค่ะ น้ำผึ้งคิดแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ”
“จริงเหรอคุณน้ำผึ้ง”
“จริงค่ะ ฉันไปคุยกับป้าพรแม่บ้านที่นี่มา แกบอกให้ฉันลองสู้ต่อ แล้วก็พิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วนี่ คุณเทิดก็คงรู้แล้วถึงได้พูดแบบนั้น”
“ฉันเองเคยได้ยินเรื่องคุณเทิดมาเหมือนกันนะ ไม่คิดว่าเจอตัวจริงแล้วเขาจะร้ายกว่าที่คิดไว้มากๆ แกทนไหวจริงเหรอผึ้ง”
“ไหวสิ ทำงานแทบตายหาเงินใช้หนี้ก็ทำมาแล้ว แค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้”
“แต่คุณก็เห็นว่าเขาเป็นพวกใช้แต่อารมณ์ตัดสินปัญหา ดูถูกคนแล้วก็เอาแต่ใจตัว ผมไม่อยากเห็นคุณถูกเขาโขกสับไปเรื่อยๆ แบบนี้นะครับ”
“มันยังไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะคุณภู ฉันเองก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากมายเลย ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา”
“แกเลยจะอยู่ที่นี่ต่องั้นเหรอ”
“ใช่ ถ้ามีเรื่องอะไรอีกฉันจะโทร.บอกแกก่อนเหมือนวันนี้ แกไม่ต้องห่วงนะฟ้า”
น้ำผึ้งจับมือเพื่อน ฟ้าใสพยักหน้ารับ ภูฤทธิ์ขัดใจแต่ต้องจำยอม
น้ำผึ้งเดินมาส่งฟ้าใสกับภูฤทธิที่รถ
“อย่าลืมนะ มีอะไรต้องโทร.มา”
“ได้ ฉันจะบอก” ฟ้าใสบอกกับภูฤทธิ์ว่า “ขอบคุณคุณภูด้วยนะคะ”
“ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
“ค่ะ”
ภูฤทธิ์ออกไปรถไป ฟ้าใสยืนส่งจะรถลับตาจึงหันกลับ เจอเทิดเดินตามออกมา
“ว่าไง ได้คำตอบรึยัง”
น้ำผึ้งหันไปเผชิญหน้าเทิด
“ค่ะ แล้วฉันก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณด้วย”
เทิดกับน้ำผึ้งมองหน้ากัน ชนิดไม่มีใครยอมใคร
สองคนต่างไว้เชิง จ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ น้ำผึ้งเป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน
“เรื่องที่คุณถาม ฉันตัดสินใจแล้วค่ะว่ายังไงก็จะอยู่ที่นี่”
“เธอแน่ใจรึไง ว่าจะอยู่ที่นี่ได้”
“ฉันก็ไม่ได้มั่นใจนักหรอกค่ะ วันนึงฉันจะอาจจะโดนแกล้งสาดสี สาดแป้งหรือ ถูกบอกว่าเป็นขโมยขึ้นมาอีก แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะท้ายที่สุดความจริงก็คือความจริง คุณเลยเปลี่ยนใจไม่ให้ฉันออก”
เหมือนโดนจี้จุดเรื่องใจร้อนไล่น้ำผึ้งออก เทิดจึงยังนิ่งอยู่
“ใช่ ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่ได้ทำ”
“เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปจากที่นี่ ใช่ไหมคะ”
“อือ ใช่”
“งั้นฉันก็จะอยู่สอนคุณนันท์ต่อ ฉันเองก็จะพยายามใจเย็นลง แล้วก็หวังว่าคุณเองก็จะใช้เหตุผลมากขึ้นเหมือนกัน”
เทิดยัวะ โวยวายลั่น “เธอว่าฉันไม่มีเหตุผลเหรอ”
“อย่าเพิ่งขึ้นเสียงค่ะ มันอาจจะยากสำหรับคุณหน่อย แต่ฉันอยากให้คุณนึกถึงคุณนันท์มาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะที่ฉันคิดและทำไปทั้งหมดมันเพื่อคุณนันท์คนเดียวเหมือนกัน”
เทิดมองน้ำผึ้งอย่างพิจารณา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอไปเก็บของก่อนนะคะ”
น้ำผึ้งเดินกลับเข้าบ้านไป เทิดเซ็งที่รอบนี้แพ้น้ำผึ้งเพราะความหูเบาของตัวเอง
ภูฤทธิ์ลงรถเดินมาส่งฟ้าใสที่หน้าบ้าน ฟ้าใสเห็นภูฤทธิ์ดูกังวลอยู่ เลยพยายามพูดปลอบ
“คุณภูคะ คิดมากเรื่องน้ำผึ้งอยู่เหรอคะ”
“ถ้าบอกว่าไม่ผมคงโกหกใช่ไหม”
“ค่ะ”
“วันนี้ผมก็ใจร้อนไปเองที่บุกไปบ้านเขา ไม่คิดว่ายิ่งไปจะยิ่งแย่”
“คุณเทิดแกเป็นแบบนั้นแหละค่ะ ยิ่งเราไปยุ่ง น้ำผึ้งเองก็จะโดนไปด้วย”
“แต่ผมก็ยังเป็นห่วงคุณน้ำผึ้งอยู่ดี”
“น้ำผึ้งยังมีเราสองคนอยู่นะคะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาจะต้องบอกแน่ คุณภูอย่าห่วงเลย”
“ผมจะพยายาม”
ภูฤทธิ์ยังเป็นห่วงน้ำผึ้งอยู่ไม่คลาย ฟ้าใสเข้าใจ
“คุณภูคะ”
“ครับ”
“ถ้า…ฟ้าเจอเรื่องแบบน้ำผึ้ง คุณภูจะไปช่วยฟ้าแบบนี้ไหมคะ”
ภูฤทธิ์แปลกใจที่ฟ้าใสถามแบบนั้น
“ช่วยสิครับ เราเป็นเพื่อนกันนี่นา”
ฟ้าใสฟังแล้วเศร้า แต่ฝืนยิ้มไปให้ภูฤทธิ์เหมือนไม่เป็นอะไร
ขณะภูฤทธิ์กำลังจะกลับ เสี่ยทรงยศก็เดินออกมาพอดี
“อ้าว คุณภูฤทธิ์นี่เอง มาส่งน้องสาวผมเหรอ”
ภูฤทธิ์หันไปไหว้ทรงยศ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดี นี่ไปไหนกันมาล่ะ”
“ไปที่ไร่คุณเทิดค่ะ”
“ไปทำอะไรที่นั่น”
ทรงยศไล่สายตาจ้องฟ้าใสที ภูฤทธิ์ที ฟ้าใสตอบเลี่ยงไปว่า
“ไปธุระให้น้ำผึ้งเพื่อนฟ้าน่ะค่ะ แต่มันไม่มีอะไรแล้ว”
“ไม่มี จริงเหรอ” ทรงยศหันมาทางภูฤทธิ์ “ผมได้ข่าวว่านายเทิดเขาไม่ชอบคุณอยู่ ไม่ใช่รึไง”
“ผมไปเพราะเรื่องคุณน้ำผึ้ง ไม่ได้เพราะหวังร้ายกับเขา เขาก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ”
“อืม จริงสินะ ยังไงขอบคุณคุณมากที่มาส่งยัยฟ้า คุณกลับไปได้แล้ว เชิญ”
ทรงยศผายมือไปยังรถ ภูฤทธิ์เลยเดินไปที่รถ
รอจนภูฤทธิ์ขึ้นรถขับออกไปแล้ว ทรงยศจึงเอ่ยขึ้น
“ฟ้าใส”
ฟ้าใสมีท่าทีหวาดหวั่น “คะพี่ยศ”
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
ทรงยศเดินนำเข้าไปในบ้าน ฟ้าใสเครียด
ทรงยศนั่งลงที่ห้องรับแขก ฟ้าใสตามเข้ามานั่งตรงข้ามพี่ชาย
“พี่ยศจะคุยเรื่องอะไรคะ”
“ก็ไม่มีอะไร เรื่องเพื่อนเรานั่นไง”
“น้ำผึ้งเหรอคะ”
“ใช่ ทำไมเรากับนายภูฤทธิ์ต้องไปหาน้ำผึ้งนั่นที่ไร่ของเทิด”
ทรงยศมองจ้องหน้าน้องสาวเหมือนจะคาดคั้นในที
“ก็…น้ำผึ้งเขาไปทำงานที่นั่น เราก็เลยแวะไปหา”
“ทำงาน งานอะไร ต้องถึงขนาดย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยงั้นเรอะ”
ฟ้าใสตกใจ “พี่ยศรู้ได้ยังไงคะว่าน้ำผึ้งอยู่ที่นั่น”
“มันจะยากอะไร ก็แค่ส่งลูกน้องไปจัดการเรื่องหนี้ที่บ้านน้ำผึ้ง แต่ปรากฏว่ามันไม่มีใครอยู่ แล้วจู่ๆ ทั้งหนี้ทั้งดอกเบี้ยก็ถูกใช้จดหมด วันนี้ฟ้าก็ไปบ้านนั้นเรื่องน้ำผึ้ง ทุกอย่างพอดีกันหมด ฟ้าว่ายังไงล่ะ”
ฟ้าใสอึกอัก “ไม่ว่ายังไงค่ะ”
“มันต้องว่าอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็เล่นจัดการกันเองซะหมดแบบนี้”
“มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ หนี้ของน้ำผึ้งถูกใช้หมดแล้ว ตอนนี้เขาก็แค่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว พี่ยศจะอะไรกับเขาอีก”
ถูกน้องสาวย้อนแย้ง ทรงยศชักเริ่มโมโหมากขึ้น
“มันจะไม่อะไร ถ้าไอ้คนที่ยื่นมือเข้ามาแส่ มันไม่ใช่ไอ้เทิด! คราวก่อนลูกน้องมันชื่อไอ้ผันก็มายุ่งเรื่องลูกน้องพี่ไปทวงหนี้บ้านน้ำผึ้งทีนึงแล้ว นี่ยังจะใช้เงินมันจัดการหนี้ทุกอย่างให้อีก มันไม่หยามกันไปหน่อยรึไง”
“ไม่เห็นจะมีใครหยามใครเลยนี่คะ พี่ยศคิดจะหาเรื่องเขาอยู่แล้วมากกว่า”
ทรงยศตะคอก “ฟ้าใส”
“ฟ้าก็ไม่อยากยุ่งนะคะ แต่พี่ยศเองก็ควรพอได้แล้ว ที่ฟ้าต้องทนเห็นพี่ตัวเองคอยจี้เรื่องเงินทองกับเพื่อนตัวเอง ฟ้าก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ไม่อยากยุ่งก็ไม่ต้องยุ่ง เป็นแค่น้องสาวก็ควรอยู่เฉยๆ ฉันจะทำอะไรไม่ทำอะไรไม่ใช่เรื่องของเธอ หัดเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะบ้างถ้าไม่อยากจะเดือดร้อนเองล่ะก็”
ฟ้าใสทั้งเสียใจทั้งน้อยใจเดินน้ำตาคลอขึ้นห้องไป ทรงยศถอนหายใจ ท่าทางหงุดหงิดเอาการ
ฟากน้ำผึ้งกลับเข้าห้อง เก็บข้าวของกลับเข้าที่เหมือนเดิม ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียงอย่างเหนื่อยล้าอยู่พักเดียวก็หยิบมือถือมาเปิดไลน์ ดูรูปที่กานดาส่งมาตอนพาวันไปตรวจ หญิงสาวจึงยิ้มออกมาได้
“แม่ ลูกสาวแม่จะอดทนมากๆนะจ๊ะ น้ำผึ้งได้โอกาสมาหลายครั้งแล้ว แล้วน้ำผึ้งก็จะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว”
น้ำผึ้งเอารูปพ่อแม่ในมือถือมาแนบอก ในใจคิดสู้อีกกับทุกอุปสรรคในไร่นี้อีกคำรบ
อ่านต่อตอนที่ 10