สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 9
ด้านหน้าสมาคมอนุรักษ์ข้างไทย พวกคุณหญิงอมราและราตรีออกมายืนต้องรับพวกปทุมวดีด้วยความตื่นเต้น
“นั่นไงๆ มากันแล้ว”
เดชและกล้าขับรถเข้ามาจอดส่งปทุมวดี ประภาพรรณ น้ำ บุหงาและดวงแก้วมองกลุ่มคุณหญิงอมรามารอรับแล้วหน้าบาน รู้สึกปลาบปลื้มที่มีคนมารอรับ
“ดู๊ ถึงขั้นต้องออกมารอรับเราเลย”
“ธรรมดา ใครๆ ก็อยากจะสนิทชิดเชื้อกับเจ้าอย่างเราทั้งนั้น ว่าแต่เสื้อผ้าหน้าผมฉันโอเคหรือยังอะแม่”
สองแม่ลูกช่วยกันเช็คเสื้อผ้าหน้าผมอย่างเร่งรีบ กล้าลอบมองทั้งสองผ่านกระจกส่งหลังอย่างระอา สองแม่ลูกจัดเสื้อผ้าหน้าผมเรียบร้อยแล้วเดินลงจากรถไปด้วยท่าทางสง่างาม
คุณหญิงอมราและราตรีนำทีมพวกคุณหญิงทั้งหลายวิ่งกรูเข้ามาด้วยความตื่นเต้น บุหงาและดวงแก้วฉีกยิ้มกว้าง ซาบซึ้งกับการต้อนรับจนน้ำตาจะไหล ยกมือขึ้นไหว้พวกอมราและกำลังจะทักทายออกไป แต่แล้วอมราและราตรีกลับเดินนำกลุ่มคุณหญิงผ่านบุหงาและดวงแก้วไป สองแม่ลูกหน้าเจื่อน หันไปมองกลุ่มคุณหญิงยืนห้อมล้อมน้ำกันอยู่ ปทุมวดีภูมิใจน้ำมาก
“น้ำ เด็กคนนี้ที่คุณพี่รับอุปการะไว้ หนูน้ำ กราบสวัสดีคุณหญิงทุกท่านสิจ๊ะ”
น้ำยกมือไหว้กลุ่มคุณหญิงตามคำสั่งของปทุมวดีอย่างนอบน้อม เธอตื่นเต้นมากไม่กล้าสบตาใคร
“กราบสวัสดีค่ะคุณหญิง”
พวกคุณหญิงมองท่าทางอ่อนน้อมและความเขินอายของน้ำอย่างเอ็นดู ต่างคนต่างกรูเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“ต๊าย ไหว้พระเถอะจ้ะ”
“กิริยามารยาท เรียบร้อย”
“หน้าตาก็สะสวย”
“ผิวพรรณก็เนี้ยนเนียน”
“พวกเราเข้าไปคุยเรื่องหนูน้ำกันด้านในดีกว่าค่ะ”
ราตรีเชื้อเชิญพวกคุณหญิงและทุกคนเข้าไปด้านใน ปทุมวดีวางท่าเป็นคุณหญิงใจบุญ โอบไหล่น้ำ แล้วพาเดินเข้าไปอย่างปลาบปลื้ม บุหงาและดวงแก้วมองตามทุกคนอย่างขัดใจ บุหงาเผลอกระทืบเท้าเร่าๆ
“โฮ้ย กับอีแค่เด็กกำพร้า ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน”
“อีพวกคุณหญิงนี่ก็แปลก อะไรที่สร้างภาพ สร้างโลกสวยเนี่ย ชอบกันจัง”
กล้าเห็นสองแม่ลูกหน้าแตก หลุดขำออกมา เดชเองก็ยังยืนอมยิ้ม บุหงาหงุดหงิดหันมาแหวใส่กล้าอย่างลืมตัว
“อีพี่กล้า แกจะมัวยืนเซ่ออยู่ทำไม”
เมื่อบุหงาเห็นว่าเดชมองอย่างสงสัยก็รีบเปลี่ยนคำพูดและท่าทางทันที
“แกเป็นแค่คนขับรถ หมดหน้าที่แล้ว กลับไปเลย ไป ไป๊”
บุหงาเดินปึงปัง เข้าไปพร้อมดวงแก้ว เดชมองอย่างสงสัย แต่ไม่กล้ายุ่ง
บุหงาและดวงแก้วเดินเข้ามาในห้องรับรองที่มีพวกปทุมวดีนั่งรายล้อมน้ำอยู่ ประภาพรรณยกน้ำเข้ามาจะเสิร์ฟให้ทุกคน น้ำชักจะเขินๆ เพราะถูกจ้อง รีบลุกขึ้นอาสามาช่วยประภาพรรณทันที
“มาค่ะ พี่มิว เดี๋ยวน้ำช่วย”
น้ำช่วยประภาพรรณเสิร์ฟน้ำพวกปทุมวดีอย่างขยันขันแข็ง อมราและผองเพื่อนประทับใจ ออกปากชมกับปทุมวดีตรงๆ
“หนูน้ำนี่ ขยันดีนะคะ คุณหญิง”
“นั่นสิคะคุณพี่ รูปร่างหน้าตาก็ดี”
“ใช่ค่ะ ผิวขาวสวยเนียนหมดจดขนาดนี้ ถ้าไม่บอกนี่นึกว่าเป็นเจ้าทางเหนือแบบหนูแพนเลยนะคะ”
บุหงาและดวงแก้วถูกพาดพิง ตกใจ นึกเคืองที่ถูกเอาไปเปรียบกับน้ำ
“ว้าย พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะคุณพี่รัตนา หนูแพนออกจะมีออร่า มีราศีขนาดนี้ ต่อให้หนูน้ำ จะขาวเนียนสักแค่ไหน ก็คงไม่เท่า เจ้าตัวจริงหรอกนะคะ
“แบบที่เขาเรียกว่า แข่งเรือแข่งพายน่ะแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ใช่มั้ยคะ คุณดวงแก้ว”
คำพูดของสายสมรทำให้ทุกคนขำคิกคักกันออกมา โดยเฉพาะบุหงาและดวงแก้วที่ได้โอกาสแขวะน้ำอย่างสะใจว่าเป็นของเทียม น้ำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยที่ถูกหัวเราะเยาะ ประภาพรรณเห็นแล้วสงสารน้ำมาก ตัวเองก็มีปมอยู่ จึงออกปากช่วยเหลือน้ำ
“แต่ดิฉันไม่คิดอย่างนั้นนะคะ”
พวกคุณหญิง บุหงา ดวงแก้ว หยุดหัวเราะแล้วหันกลับมามองประภาพรรณเป็นตาเดียว เธอก็มองตอบทุกคนอย่างมุ่งมั่น
“ถึงแม้ว่าน้ำจะเป็นแค่เด็กกำพร้า แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาและมารยาท ควรเทียบว่าเป็นเพชรในตมมากกว่าค่ะ เพราะเพชรไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เพชรก็ยังเป็นเพชร ไม่ใช่แค่ลูกปัดสำเพ็งราคาถูกๆ ที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไป”
ประภาพรรณปรายตามองบุหงาและดวงแก้ว สองแม่ลูกมองหน้ากันอึ้ง พูดไม่ออก ไม่คิดว่าประภาพรรณจะตอกกลับมาแรงขนาดนี้ ปทุมวดีเห็นท่าไม่ดี กลัวมีเรื่อง รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“จะเพชรจะลูกปัดอะไรก็ช่างมันเถอะ ว่าไงคะคุณหญิงอมรา อย่างหนูน้ำนี่ พอจะมีงานที่สมาคมให้ทำมั้ยคะ”
“มีสิคะ คุณหญิงปทุม ไว้ดิฉันจะจัดการให้ แล้วแจ้งไปนะคะ”
น้ำซาบซึ้งในความเมตตาของคุณหญิงอมราและปทุมวดีมาก รีบลงไปกราบที่ตักของทั้งสองคน
“น้ำกราบขอบพระคุณคุณหญิงอมรา แล้วก็คุณหญิงปทุมวดีมากนะคะ ที่ให้โอกาสเด็กไร้บ้าน”
ประภาพรรณและพวกปทุมวดีมองท่าทางอ่อนน้อมของน้ำด้วยความเอ็นดู ตรงข้ามกับบุหงาและดวงแก้วที่มองน้ำด้วยความหมั่นไส้
บุหงาและดวงแก้วเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องน้ำ บุหงาพูดล้อเลียนน้ำ
“น้ำกราบขอบพระคุณคุณหญิงอมรา แล้วก็คุณหญิงปทุมวดีมากนะคะ ที่ให้โอกาส เด็กไร้บ้าน โอ๊ย นังน้ำเนี่ยสตรอเบอรี่ใช่เล่น เห็นแล้วหงุดหงิด”
“นั่นน่ะสิ กะอีแค่เด็กเหลือขอคนเดียว เห่ออะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้”
สองแม่ลูกเซ็งมากที่ตัวเองไม่ได้เป็นจุดสนใจเหมือนเดิม สักพักดวงแก้วคิดอะไรได้ หันไปถามบุหงาอ้อมๆ แอ้มๆ
“นี่นังแพน ไหนๆ วันนี้ นังพวกแก๊งคุณหญิงก็ไม่ได้สนใจอะไรเราแล้ว เราไปหาอะไรทำแก้เซ็งกันดีกว่า”
“จะไปช็อปปิ้งได้ไงล่ะแม่ เงินไม่มีสักบาท”
“ฉันไม่ได้จะชวนแกไปช็อปปิ้ง ฉันจะชวนแกไปหาเงินต่างหาก”
ดวงแก้วทำคันไม้คันมืออยากเล่นไพ่ บุหงาเห็นท่าทางของแม่แล้วเข้าใจทันที เซ็งหนักกว่าเดิม
“ถามจริง ตั้งแต่มันขู่ฆ่าครั้งก่อน แม่ยังไม่เข็ดอีกเหรอ”
“ฉันมีแกซะอย่าง จะไปกลัวทำไมล่ะ น่านะ เผื่อว่าเสี่ยจะให้เงินติดกระเป๋าแกสักก้อนด้วยไง”
ดวงแก้วมองอ้อนขอบุหงา
“เออๆ ไปก็ไป เผื่ออ้อนขอเสี่ยมาใช้สักแสนสองแสน”
“มันต้องอย่างสิ ลูกสาวแม่”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ดวงแก้วยิ้มร่าสมใจ ตั้งท่าจะจูงมือลูกสาวออกจากสมาคม แต่บุหงาคิดอะไรได้รีบรั้งเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนแม่”
“อะไรอีกเล่า”
บุหงาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“ต้องหาข้ออ้างบอกนังคุณหญิงนั่นก่อน หายไปดื้อๆ แบบนี้ เดี๋ยวความจะแตก”
ดวงแก้วเห็นด้วย บุหงาพูดแทนการพิมพ์ในการส่งไลน์
“คุณหญิงป้าคะ แพนกับคุณแม่ขอตัวออกไปทำธุระเรื่องร้านเสื้อก่อนนะคะ ยังไงเจอกันที่บ้านค่ะ”
บุหงายิ้มอารมณ์ดี
“เสร็จแล้วแม่ ไป”
สองแม่ลูกรีบออกจากสมาคมไป
ป้าม้วนและแต้วเดินถือถาดสำรับที่พวกเจ้านายกินเสร็จเข้ามาในครัวอย่างเซ็งๆ ป้าบัวเผื่อนและน้อยมองทั้งสองคนอย่างสงสัย
“นี่พวกแกเป็นอะไรกันเนี่ย ซึมเป็นหมาหงอยเลย”
“ก็น่าจะหงอยอยู่หรอกจ้ะ แล้วก็ไม่ได้หงอยธรรมดาๆ ด้วยน้า อีกนิดหนึ่งก็จะหัวเน่าละ”
น้อยหัวเราะคิกคักกับป้าบัวเผื่อน แต้วและป้าม้วนถูกน้อยจี้ใจดำ หันไปแหวใส่
“นี่นังน้อย เดี๋ยวนี้แกไม่รู้จักหัวหงอกหัวดำ กล้าว่าข้าเป็นหมาหัวเน่าเรอะ”
“ก็หรือไม่จริงล่ะจ๊ะป้าม้วน แค่เด็กน้ำเน่านั่นเข้าบ้านมาวันเดียว คุณหญิงยังเห่อขนาดพาไปสมาคมฯไฮโซด้วย ต่อไปอาจจะยกย่องให้เป็นลูกเป็นหลานก็ได้นะ”
“โอ๊ย นังแต้ว นี่แกโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่วะเนี่ย”
ป้าม้วนเซ็งกับความซื่อบื้อของแต้วมาก น้อยและป้าบัวเผื่อนเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันเอง หลุดขำออกมา
“โธ่เอ๊ย ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็แค่หวงถิ่น”
“อีบัวเน่า นี่เอ็งด่าข้าเป็นหมาอีกแล้วนะ คอยดู เดี๋ยวข้าจะกัดให้จมเขี้ยวเลย”
ป้าม้วนวิ่งถลาเข้าไปเปิดศึกกับป้าบัวเผื่อน น้อยกับแต้วก็ไม่รอช้าพุ่งเข้าใส่กันทันที ป้าบัวเผื่อนทนไม่ไหว เขวี้ยงไม้ตีพริกออกไป
“ไม่ไหวแล้วโว้ย งานนี้ขอปาหัวหมาซะทีเถอะวะ”
ไม้ตีพำริกของป้าบัวเผื่อนลอยข้ามห้องไป เป็นจังหวะเดียวกับที่กล้าเดินเปิดประตูเข้ามาพอดี ไม้ตีพริกโดนหัวของกล้าเต็มๆ กล้าสลบไปทันที สาวใช้ทั้งสี่ยืนอึ้ง ตกใจ
ในห้องทำงานที่กองปราบปราม เอกราชนั่งคุยกับพันกรอย่างเคร่งเครียด
“เสี่ยเป้กับทอมไปมาเก๊าเมื่อเช้านี้ครับ”
“งั้นก็ชัวร์ว่าสองคนนี้ต้องทำธุรกิจค้ากามด้วยกันแน่ๆ แล้วคุณหานางนกต่อให้ผมได้ยัง”
เอกราชอึกอักเพราะในหัวมีแต่ประภาพรรณเท่านั้น จึงเลือกที่จะบอกปัดไป
“ยังครับ ยังไม่มีใครเข้าตาเลย”
“เร่งมือหน่อยนะ นี่เป็นโอกาสของเราแล้ว”
เอกราชพยักหน้าให้พันกรอย่างเครียดๆ
บุหงาและดวงแก้วยืนหน้าซีดอยู่ท่ามกลางวงล้อมลูกน้องชายร่างยักษ์ของเสี่ยเป้ภายในบ่อน ดวง ตกใจ
“อะไรนะ”
“เสี่ยเป้ไปมาเก๊า”
ประดิษฐ์ยิ้มเยาะ
“เสียใจด้วยนะครับที่วันนี้ไม่มีใครจ่ายหนี้แทน”
สองแม่ลูกมองหน้ากันเครียด ประดิษฐ์ลอบมองบุหงาที่ใส่ชุดเซ็กซี่อย่างหื่นๆ แล้วหันไปทำตาเจ้าชู้พร้อมยื่นข้อเสนอให้
“แต่ถ้าคุณหนูยอมไปคุยกับผมเป็นการส่วนตัว ผมจะช่วยต่อรองประนอมหนี้กับเสี่ยให้”
บุหงาปรายตามองประดิษฐ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรังเกียจ
“เงินแค่สองแสน แกเองก็เป็นแค่แมงดาคุมบ่อน คิดเหรอว่าฉันจะยอม”
ประดิษฐ์โกรธที่ถูกบุหงาด่า สายตาเจ้าชู้เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที
“งั้นก็จ่ายมาเดี๋ยวนี้”
ประดิษฐ์ยกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องเริ่มตีล้อมวงเข้ามาใกล้สองแม่ลูกมากขึ้น สองแม่ลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“อะไรกันครับคุณหนู เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย”
“ขอเวลาฉันถึงพรุ่งนี้เช้า ฉันจะหาเงินมาคืนให้”
ประดิษฐ์หรี่ตามองบุหงาอย่างไม่ไว้ใจ แต่ไม่ยอมตอบว่าตกลงหรือไม่ เล่นสงครามประสาทกับบุหงา
“แกจับแม่ฉันเป็นตัวประกันก็ได้ ถ้าฉันไม่มาแกฆ่าแม่ฉันได้เลย”
“นังแพน”
ประดิษฐ์เห็นท่าทางร้อนรนของบุหงาแล้วนึกสนุก
“นังแก่หนังเหนียวเนี่ยตายไป ก็ไม่มีประโยชน์กับใคร เอางี้ดีกว่า ถ้าคุณหนูมาสายวินาทีเดียว นอกจากนังนี่จะเดี้ยงเป็นศพไร้ญาติแล้ว”
ประดิษฐ์หยิบมีดที่เหน็บไว้ขึ้นมาควงเล่น ข่มขวัญบุหงาและดวงแก้ว
“แล้วอะไร”
“คุณหนูก็ต้องยอมให้ผมเก็บดอกเบี้ยจากความสาวที่แตกดังเปรี๊ยะๆ จนพอใจด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า”
บุหงาเครียด
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เดชขับรถมาส่งประภาพรรณและน้ำหน้าบ้าน แล้วขับรถไปเก็บที่โรงจอดตามหน้าที่
“น้ำขอบคุณพี่มิวมากนะคะ ที่ไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
“กว่าคุณหญิงจะสังสรรค์กับเพื่อนเสร็จก็อีกหลายชั่วโมง งั้นเดี๋ยวน้ำไปหาน้ำหาขนมมานั่งคุยเล่นกับพี่มิวดีกว่า น้ำมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่มิวเยอะเลยล่ะค่ะ”
น้ำวิ่งตื๋อเข้าบ้านไปเตรียมน้ำเตรียมขนมอย่างร่าเริง ประภาพรรณมองท่าทางกระตือรือร้นของน้ำแล้วยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
กล้านั่งเอาน้ำแข็งประคบหัวโนของตัวเองอยู่ข้างๆ ตู้เย็น พลางบ่น
“เฮ้อ ไอ้กล้าน้อไอ้กล้า เจ็บตัวตลอด”
น้ำเปิดประตูเข้ามาเห็น ตกใจสภาพของกล้ามาก
“พี่กล้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นจ๊ะ หัวพี่ไปโดนอะไรมา”
“ก็พวกป้าม้วนกับป้าบัวเผื่อนตีกันอีกแล้วน่ะสิ เฮ้อ พอตีกันทีไร ฉันนี่ซวยทุกที”
น้ำเห็นใจกล้ามาก รีบเข้าไปนั่งข้างๆ
“เดี๋ยวฉันช่วยทำแผลให้นะจ๊ะ”
กล้าอึ้งกับความมีน้ำใจของน้ำมาก ยอมนั่งนิ่งให้น้ำช่วยทำแผลให้อย่างประทับใจ บุหงาเดินพรวดพราดเข้ามาในครัว
“พี่กล้า พี่”
บุหงาเห็นกล้าและน้ำนั่งทำแผลให้กันกระหนุงกระหนิง เธอมองหน้าทั้งสองคนอึ้งๆ แล้วเดินสะบัดออกไปอย่างโกรธเคือง กล้าเห็นท่าไม่ดี กลัวบุหงาเข้าใจผิด รีบวิ่งตามออกไป
“คุณหนูครับ เดี๋ยวก่อนครับ”
น้ำมองบุหงาและกล้าวิ่งตามกันออกไปอย่างอึ้งๆ นึกเอะใจกับท่าทางแปลกๆ ของทั้งสองคน
บุหงาเดินปึงปังมาถึงหน้าห้องนอนและกำลังจะเข้าไป กล้าวิ่งตามมารีบรั้งตัวหญิงสาวไว้
“เดี๋ยวสิเตง เตงฟังเค้าก่อน”
บุหงาสะบัดตัวหลุดหันมาประจันหน้ากล้า สายตาดุดัน เอาจริง
“ไม่ฟัง ของมันเห็นอยู่ตำตาขนาดนี้ ยังจะมาแก้ตัวอะไรอี”
บุหงายิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ทุบกล้ารัวๆ ด้วยความหึงหวง
“ฉันไม่อยู่แค่ครึ่งวัน พี่ยังกล้าไปอี๋อ๋อกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ ไม่ห่วงเลยใช่มั้ยว่าฉันกับแม่จะเดือดร้อนกันขนาดไหนน่ะ หะ”
กล้าถูกบุหงาทุบตีจนเจ็บ ชักจะเคืองๆ ขึ้นมาบ้าง
“โอ๊ย ก็ที่เดือดร้อนกันอยู่เนี่ย ไม่ใช่เพราะเตงกับน้าดวงแก้วก่อเรื่องไม่หยุดเองเหรอ”
บุหงาอึ้ง ตกใจกับคำพูดตรงๆ ของกล้า
“พี่กล้า”
“เตงรู้มั้ย เค้าไม่มีความสุขเลยที่ต้องมาหลบซ่อน ต้องหาสารพัดพิธีมาโกหกหลอกลวงคุณหญิงแบบนี้ ต่อจากนี้ไอ้กล้าจะไม่ทน จะไปบอกความจริงกับคุณหญิงให้รู้เรื่อง”
กล้าตั้งท่าจะเดินออกไปอย่างมุ่งมั่น เอาจริง บุหงาหน้าซีด กลัวแผนจะเสียเลยงัดไม้ตายขึ้นมาพูด
“เอาซี้ เอาเลย ถ้าพี่เอาเรื่องของฉันกับแม่ไปพูด เรื่องของเราก็จบกัน”
กล้าอึ้งตกใจมาก ไม่คิดว่าจะถูกบุหงาบอกเลิก
“ไหนๆ พี่ก็อยากจะให้ฉันพังอยู่แล้วนี่ งั้นเรามาพังไปพร้อมๆ กัน”
บุหงาจะเดินเข้าห้อง กล้ารีบเข้ามารั้งไว้
“เดี๋ยวสิเตง เค้าขอโทษ เค้าไม่ได้ตั้งใจ ต่อไปนี้เตงจะให้เค้าทำอะไร เค้าจะทำทุกอย่างเลย เตงอย่าเลิกกับเค้านะ นะๆ”
กล้างอนง้ออ้อนวอน บุหงาลอบยิ้มร้าย สะใจที่กล้ายอมศิโรราบให้ตัวเอง ประภาพรรณยืนมองท่าทางงอนง้อของทั้งสองคนที่หน้าบันได รู้สึกตงิดใจกับความสัมพันธ์ของทั้งสองมาก
แต้วนุ่งกระโจมอกในมือมีขันสบู่ เตรียมพร้อมจะไปอาบน้ำ
“โอ๊ย ร้อน ทำไมวันนี้มันร้อนอย่างนี้วะเนี่ย แค่ทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องอาบน้ำใหม่อีกแล้ว”
แต้วเดินบ่นออกจากห้องไป โดยที่ประตูยังแง้มไว้อย่างนั้น กล้าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เข้ามาในห้องของแต้ว แล้วรีบล็อกประตู รื้อค้นข้าวของในห้องกระจุยกระจาย สอดส่องทุกซอกทุกมุมที่คิดว่าแต้วจะซ่อนเงินเอาไว้ แล้วก็เห็นกระป๋องเงินวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เขาหยิบมาดูมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง กล้าเครียด รู้สึกผิดกับแต้วมาก
“เค้าจะพิสูจน์ให้เตงรู้ว่า เค้ารักเตงมากขนาดไหน”
กล้าตัดสินใจขโมยกระป๋องเงินของแต้วแล้วรีบหนีออกจากห้องไปทันที แต้วอาบน้ำเสร็จเดินฮัมเพลงเข้ามาในห้องอย่างสบายตัว แล้วตกใจที่เห็นสภาพห้องถูกรื้อค้น แต้วช็อก เมื่อพบว่ากระป๋องเงินบนโต๊ะเครื่องแป้งหายไปแล้ว
“อ้าย ไม่จริง เงินเก็บของฉัน”
แต้วรีบควานหากระป๋องตังค์ไปตามมุมห้องที่ถูกรื้อค้นอย่างร้อนรน สมหมายและเดชเดินผ่านมาเห็นสภาพห้องของแต้วก็ตกใจมาก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ นังแต้ว ทำไมห้องแกเป็นแบบนี้”
“มีคนแอบเข้ามาขโมยเงินของฉัน ตอนที่ฉันไม่อยู่”
แต้วร้องไห้ฟูมฟาย มองสมหมายกับเดช
“พวกแกสองคนขโมยเงินฉันไปใช่มั้ย หะ เอาคืนมา”
สมหมายกับเดชตกใจ ที่จู่ๆ ก็ถูกโบ้ยความผิด
“แกจะบ้าเหรอวะ นังแต้ว พวกฉันเพิ่งเดินเข้ามาเดี๋ยวนี้เองนะ”
“เพิ่งเดินเข้ามาใช่มั้ย ได้ งั้นขอค้นตัวหน่อยดิ”
เดชและสมหมายอึ้งกับความบ้าเลือดของแต้วมาก รีบกุมผ้าขาวม้าของตัวเองไว้แน่น
“มีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียวเนี่ย ยังจะต้องค้นอะไรอีก”
แต้วไม่ฟัง ปรี่เข้าไป เตรียมจะกระชากผ้าขาวม้าของสองหนุ่มให้ได้ ทั้งสองกลัวแต้วมาก วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง
คณะลูกทุ่งของลุงเกิดเข้ามาแสดงในผับแห่งหนึ่ง ทีมหางเครื่องกำลังเตรียมตัวกันวุ่นวายมาก บุหงาอยู่ในชุดหางเครื่อง กำลังเต้นโชว์อยู่กับทีมอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อโชว์เสร็จเดินลงมานั่งหมดแรงอยู่หลังเวที ลุงเกิดรีบเดินเข้ามาหา สั่งให้บุหงาเตรียมโชว์ชุดต่อไป
“นี่นังแพน อีก 5 นาทีก็ขึ้นเพลงใหม่แล้ว รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ เข้า”
“โหยลุง เอาคนอื่นขึ้นบ้างไม่ได้เหรอจ๊ะ นี่ฉันเต้นมา 5 เพลงติดกันแล้วนะ”
“แล้วจะไม่เอาใช่มั้ย ตังค์อะ เบิกล่วงหน้าตั้งเป็นหมื่นขนาดนี้ จะเบี้ยวไม่ทำงานใช้ข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”
บุหงาหน้าเสียที่ถูกลุงเกิดแขวะต่อหน้าทีมงานคนอื่นๆ แต่ก็ทำอะไรไมได้ ต้องลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมโชว์ชุดต่อไปอย่างเซ็งๆ
“เออๆ เต้นก็เต้นวะ”
ลุงเกิดมองบุหงาแล้วยิ้มเยาะ
“คอยดูเถอะ นังแพน ข้าจะใช้งานเอ็งให้อ่วมไปเลย”
บุหงาขึ้นไปเต้นโชว์บนเวทีอย่างสนุกสนาน แล้วรีบเดินเข้ามาเปลี่ยนชุดหางเครื่องอีกหลายชุดแล้วเดินขึ้นไปใหม่ เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ หลายรอบ เมื่อเต้นเสร็จ เธอลงเวทีมาอย่างหมดแรง ลุงเกิดรีบปรี่เข้ามาสั่งให้ไปเปลี่ยนชุด
บุหงาหน้าเมื่อยแทบลากสังขารเข้าไปตามคำสั่ง ลุงเกิดหัวเราะสะใจ
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เอกราชเดินคุยโทรศัพท์มาบริเวณด้านนอกผับ สายตาสอดส่องหาเพื่อนสายลับที่นัดไว้
“ฉันอยู่หน้าผับแล้ว นายอยู่ไหน โอเคๆ เดี๋ยวฉันเข้าไป”
เอกราชวางสาย แล้วเดินเข้าไปด้านในผับ จังหวะที่เขาสอดส่ายสายตาหาเพื่อนสายลับอยู่นั้น ไม่ทันมอง บุหงาวิ่งลงมาหอบหน้าเวทีรีบร้อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วก็เดินมาชนเอกราช
“ว้าย”
บุหงาทำท่าจะล้ม เอกราชรีบคว้าตัวเอาไว้ทัน
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
บุหงามองสบตากับเอกราชแล้วส่ายหน้า รีบวิ่งไปหลังเวทีทางห้องแต่งตัว เอกราชกับเพื่อนสายลับชายนั่งแลกข้อมูลกันที่โต๊ะมุมลับตา
บนเวที บุหงาเต้นกระจายไม่หวงเนื้อหวงตัว เพื่อนสายลับชี้ให้เอกราชดู พร้อมปรบมือ โยกตัว เป่าปากแซวไปตามจังวะสนุก เอกราชนึกสนุกเลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอัดคลิปภาพที่บุหงาเต้นไว้ตามประสาผู้ชาย
“เด้งได้ใจจริงๆ”
พันกรเดินเข้ามาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนล้าจากการทำงาน กุมขมับอย่างเครียดๆ รู้สึกแย่ที่งานตามหาเบาะแสเรื่องเสี่ยเป้ไม่คืบหน้า มือใครคนหนึ่งยื่นผ้าเย็นมาให้ พันกรมองมือนั้นแล้วเข้าใจผิด คิดว่าเป็นประภาพรรณ เขาทำท่าจะหยิบผ้าเย็นแต่แล้วก็คว้าตัวของใครคนนั้นร่วงลงมาสู่อ้อมกอด
“เมียใครน้อ ช่างรู้ใจ”
“ว้าย”
พันกรเพิ่งรู้ตัวว่าผู้หญิงในอ้อมกอดคือน้ำ ไม่ใช่ประภาพรรณ เขาตกใจมาก รีบปล่อยมือ
“คุณน้ำ ผมขอโทษครับ”
น้ำลุกตั้งตัวได้ รีบถอยไปยืนห่างๆ อย่างเขินๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกร น้ำผิดเองที่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง น้ำขอตัวนะคะ”
น้ำแสร้งเขินมากจนทนไม่ไหว รีบเดินหนีไป พันกรรู้สึกละอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำยังหลบมุมแอบมองพันกรฝันหวาน
ใกล้สว่าง ด้านในผับ หลังเวทีแสดง ทีมงานหางเครื่องทุกคนเปลี่ยนชุดเตรียมกลับ ต่างมายืนเข้าแถวรอรับเงินค่าเต้นจากลุงเกิด บุหงายังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า วิ่งพรวดเข้ามาแซงหน้าทุกคนอย่างเร่งรีบ ทีมงานทุกคนด่าบุหงาอย่างไม่พอใจ
“เฮ้ย อย่าแซงคิวดิ”
“คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนวะ”
“เอาของฉันมาก่อนเลยลุง เร็วๆ เข้า”
“ไม่ จนกว่าเอ็งจะเปลี่ยนชุดมาเข้าแถวเหมือนคนอื่น”
“ถ้าลุงไม่ให้ ฉันก็จะยืนขวางมันอย่างงี้แหละ”
บุหงาตั้งท่ายืนขวางทุกคน กวนประสาท ทีมงานไม่พอใจมากแข่งกันด่าบุหงาอีกรอบ
“โฮ้ย อีหน้าด้าน อีไม่มียางอาย อีคนเห็นแก่ตัว”
ลุงเกิดทนไม่ไหว ต้องควักเงินจ่ายบุหงาไปเพื่อตัดความรำคาญ
“เออๆ รีบๆ เอาเงินของเอ็งไป แล้วไปให้พ้นหน้าข้าได้แล้ว”
บุหงารับเงินมาด้วยความดีใจ กล้ารีบวิ่งพรวดพราวเข้ามาหาล กำเงินของแต้วไว้
“เตง เค้าหามาได้เท่านี้”
บุหงารีบรับเงินไว้ แล้วหันไปปรึกษากับกล้าอย่างร้อนรนปนเครียด
“จะไม่ทันเวลาแล้ว ทำยังไงดีล่ะพี่กล้า”
กล้าเครียด พยายามช่วยหาทางออก แล้วเหลือบเห็นมอเตอร์ไซค์ของลุงเกิดจอดอยู่ เขารีบจูงมือบุหงาไปที่มอเตอร์ไซค์
“ลุง ฉันยืมมอไซค์ แป๊บนะ”
ลุงเกิดยังไม่ทันจะตอบอะไร กล้าและบุหงาก็พากันซ้อนมอเตอร์ไซค์ขับออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิโว้ย ไอ้กล้า ปั๊ดโธ่เว้ย หมดกัน รถกู ชุดหางเครื่องกู”
ลุงเกิดโกรธในการกระทำของบุหงาและกล้ามาก ตะโกนด่าไล่หลังอย่างเจ็บใจ
“อีเนรคุณ ช่วยแล้ว ซวยกูทุกที”
กล้าและบุหงาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ่อน
“พี่ส่งแค่นี้แหละ เดี๋ยวฉันพาแม่กลับบ้านเอง”
บุหงาโดดลงจากมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งตื๋อเข้าไป กล้ามองตามด้วยความเป็นห่วง ประดิษฐ์จ้องมองเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ อย่างลุ้นๆ ดวงแก้วหวาดกลัวจนหน้าซีด ยิ่งเวลาเดินไปเท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งบีบคั้นขึ้นทุกที บุหงาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทันเวลา แล้วรีบวิ่งเข้าไปกอดดวงแก้วอย่างโล่งใจ
“แม่”
ประดิษฐ์และลูกน้องชายหน้าเหี้ยมมองบุหงาใส่ชุดหางเครื่องอย่างตกใจ สงสัยว่าเธอไปทำอะไรมา
“นี่คุณหนูไปหาเงินด้วยวิธีไหนมาครับเนี่ย”
“จะวิธีไหนมันก็เรื่องของฉัน เอาเงินของแกไป”
บุหงารีบโยนเงินให้ประดิษฐ์ด้วยความรังเกียจ ประดิษฐ์หมั่นไส้ท่าทางเย่อหยิ่งของบุหงามาก เอาเงินออกมานับแล้วยิ้มเยาะ
“นี่มันแค่สองหมื่น ยังไม่ครบสองแสนเลยนี่”
ประดิษฐ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ เอามีดออกมาโบกไปมา ดวงแก้วกลัวตายจนตัวสั่น
“แพน ช่วยแม่ด้วย”
ประดิษฐ์ตาเยิ้มมองบุหงา บุหงาหลังชนฝาแล้ว ตัดสินใจวัดใจกับประดิษฐ์
“ตอนนี้ฉันหาได้เท่านี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะหามาเพิ่มให้ ไปกันเหอะแม่”
ลูกน้องของประดิษฐ์ 2-3 คนโผล่เข้ามายืนขวางไว้ หน้าเหี้ยมเกรียม
“ไม่ง่ายอย่างนั้นมั้งคุณหนู ถ้าไม่จ่ายก็ตายมันตรงนี้แหละ”
ประดิษฐ์หยิบมีดออกมา ก้าวเข้าไปหาสองแม่ลูกช้าๆ นักเลงลูกน้องล้อมกรอบเข้ามา สองแม่ลูกหวาดกลัวมาก กอดคอกันแน่น เสี่ยเป้เฟสไทม์เข้ามาขัดจังหวะพอดี ประดิษฐ์จำต้องกดตอบรับอย่างจำใจ
“ครับเสี่ย”
บุหงาเห็นประดิษฐ์คุยเฟสไทม์กับเสี่ยเป้ รีบถลาเข้ามาแย่งมือถือประดิษฐ์ไป แล้วคุยติดต่อกับเสี่ยเป้ทันที
“เสี่ยคะ ช่วยแพนด้วยค่ะ ลูกน้องของเสี่ยมันจะฆ่าแพนกับแม่”
เสี่ยเป้ยิ้มร้าย
“แพนสัญญาณนะคะว่าจะหาเงินมาคืนเสี่ยให้ได้ ขอร้องล่ะค่ะ เสี่ยฆ่าพวกเรา เสี่ยก็ไม่ได้เงินคืนนะคะ ปล่อยพวกเราไปเถอะ”
“เสี่ยจะบอกลูกน้องให้ปล่อยหนูแพนกับแม่ก็ได้ ถ้าหนูแพนสัญญาว่าพรุ่งนี้จะมาคุยธุระกับเสี่ย”
บุหงาไม่มีทางเลือก รีบตอบตกลงเสี่ยเป้ทันที
“ได้ค่ะ จะวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือจะให้แพนหามาเสี่ยทุกวันก็ยังได้ค่ะ”
เสี่ยเป้หัวเราะชอบใจ ออกคำสั่งกับประดิษฐ์และลูกน้องคนอื่นอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้ย ปล่อยสองคนนี่ไป”
บุหงาและดวงแก้วรอดตายมองประดิษฐ์และลูกน้องแล้วยิ้มเยาะ ประดิษฐ์เจ็บใจมาก แต่ทำอะไรไม่ได้
“ครับ เสี่ย”
“หลีก”
บุหงาและดวงแก้วเดินเชิดออกจากบ่อนอย่างดีใจ ในขณะที่เสี่ยเป้วางสายไปอย่างอารมณ์ดี ทอมเดินถือแก้วไวน์เข้ามายื่นให้
“ยังเช้าอยู่เลย ตามสบายเลยทอม”
ทอมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น เริ่มสนใจบุหงา
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี่น่าสนใจดีนะ”
เสี่ยเป้หันไปมองทอมอึ้งๆ ไม่นึกว่าทอมจะเห็นบุหงา
“คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมอยากจะได้ผู้หญิงคนนี้มาทำธุรกิจด้วย”
เสี่ยเป้เครียดไปสักพัก แล้วฉีกยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ว่าบุหงาจะทำกำไรให้มากมายขนาดไหน
“ถ้าคุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ธุรกิจเรามีกำไรมาก ผมก็ยินดี”
ทอมและเสี่ยเป้ยิ้มร้ายให้กันอย่างมีแผน