รัตนาวดี ตอนที่ 9
บรรยากาศยามเช้า หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีเดินเล่นอยู่บริเวณทางเดินริมแม่น้ำคนเดียว ปล่อยผมสบายๆ ผ้าคลุมไหล่มีชายครุยปลิวไปกับสายลม
ท่านชายดนัยวัฒนาเดินมาหยุดมองเหมือนภาพในฝัน สูดลมหายใจแล้วตัดสินใจเดินไปหา รัตนาวดีหันมาเห็นท่านดนัยก็ยิ้มให้
"ตื่นเช้าตามเคยนะ."
"ฝ่าบาทก็ทรงตื่นทมเช้าเช่นกันกระหม่อม"
รัตนาวดีหันไปยิ้มสดในกับสายลม
"ฉันชอบตื่นเช้า...มันสดชื่นหัวสมองโปร่งสบาย"
รัตนาวดียิ้มมีความสุข
"สนุกดีนะ...เมื่อวานเรายังอยู่ฝรั่งเศส วันนี้อยู่สวิส"
ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างหลงใหล พยายามรวบรวมความกล้า
"กระหม่อมมีเรื่องอยาก"
รัตนาวดีมองท่านดนัยตาใสแจ๋ว
"คือ..เอ้อ…พระสหายที่จะตามมาที่นี่"
"ทำไมเหรอ...ดูท่าทางนายเล็กไม่สบายใจ...เรื่องนี้เหรอ"
ท่านดนัยอยากสารภาพแต่ก็ไม่กล้า...
"คือ…คือ…"
รัตนาวดีหัวเราะ
"มีอะไรก็พูดมาเถอะ"
"กระหม่อมไม่แน่ใจว่าเค้าจะชอบเดินทางอย่างเราหรือเปล่า"
"เค้าน่าจะชอบนะ...แต่ถ้าไม่ชอบ เค้าก็คงกลับไปเอง"
"กระหม่อมคิดว่าเค้าคงไม่ชอบ เพราะพวกนักเรียนหนุ่มๆ เค้าจะชอบไปเที่ยวไม่เหมือนเรา"
"นายเล็กไม่อยากให้เค้ามาเหรอ"
ท่านดนัยนิ่งไม่ตอบ รัตนาวดีหรี่ตามองอย่างไว้ตัว
"แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พรุ่งนี้เขาก็มาแล้ว รอให้เค้ามาก่อนค่อยตัดสินว่าเขาเหมาะที่จะไปเที่ยวกับเราไหม... แล้วถ้าฉันต้องการความเห็นจากนายเล็กเรื่องนี้...ฉันจะถามนายเล็กเอง...ป่านนี้ป้าคงตื่นแล้ว...ฉันน่าจะขึ้นไปแต่งตัวซะที ทานอาหารเช้าแล้ว เรามาวางแผนกันว่าวันนี้จะไปไหนดีกว่านะ"
รัตนาวดียิ้มให้ท่านดนัยแล้วรีบเดินกลับไปทางโรงแรม สีหน้าท่านดนัยทุกข์กว่าเดิม...
ท่านดนัย พารัตนาวดี ป้าสร้อยเดินขึ้นเขาตามทางเล็กๆ ด้านหลังเป็นวิวสวยงาม ทุ่งดอกนาซีซัสเต็มภูเขา รัตนาวดีตื่นตาตื่นใจ วิ่งลงไปเก็บดอกนาซีซัส ท่านดนัยถ่ายรูปรัตนาวดี กับป้าสร้อยสวยๆ หลายรูป"ดอกอะไรเพคะ...ทำไมถึงได้ขึ้นเต็มไปหมด" สร้อยถาม
"ดอกนาซีซัสจ้ะ...กลิ่มหอมจังเลย"
"ดอกนาซีซัส เป็นอันเดียวกับ ดอกแดฟเฟอดิล ใช่ไหมกระหม่อม"
รัตนาวดีพยักหน้า
"ทั้งสวยทั้งหอมอย่างนี้นี่เล่า...ถึงได้หลงตัวเอง"
ป้าสร้อยสนใจ
"ใครหลงตัวเพคะ"
"ตำนานของดอกนาซีซัสจ้ะ...เป็นเทพเจ้าหนุ่มที่รูปงามที่สุด"
"แล้วกลายมาเป็นดอกไม้ได้ไงเพคะ"
"เพราะความรูปงามของนาซีซัส ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมาย…แต่นาซีซัสไม่สนใจใครเลย...ก็เลยโดนเทพเจ้าอะโฟรไดรฟสาปให้หลงรักตัวเอง"
ท่านดนัยฟังอย่างสนใจ
"จะหลงรักตัวเองยังไงเพคะ"
"ได้สิจ้ะ..นาซีซัสไปเห็นเงาตัวเองในน้ำ...ก็หลงรักเงาตัวเองในน้ำ…จนฟั่นเฟือนไปว่ามีคนอีกคน แต่ก็ไม่สามารถจับต้องได้ จนในที่สุดนาซีซัสก็ฆ่าตัวตายที่ริมน้ำ"
"โถ…เพ้อน่าสงสาร."
"นั่นน่ะสิ..อะโฟรไดก็เลยให้นาซีซัสกลายเป็นดอกไม้"
"แหม..ทรงเล่าสนุกจริงๆ...แล้วดอกไม้อย่างอื่นมีตำนานอย่างนี้ไหมเพคะ"
รัตนาวดีเหล่ป้าสร้อย
"ทีละอย่างสิคะ...ดีนะ...เรื่องสถานที่เที่ยวให้นายเล็กเค้าเป็นคนเล่า...เรื่องดอกไม้หญิงจะเล่าเอง."
ป้าสร้อยหัวเราะชอบใจ
"แหม…อย่างนี้คนฟังอย่างหม่อมฉันก็สบายไปเพคะ"
"อย่างนี้เอง..ถึงมีคำเรียกพวกหลงตัวเองว่านาซีซัส"
"ใช่…ส่วนชื่อแดฟเฟอดิล น่าจะมาจาก อะโฟรไดรฟ หรือเปล่า…ฉันไม่แน่ใจ...ใช่ภาษาฝรั่งเศสไหมนายเล็ก"
"กระหม่อมไม่แน่ใจ...แต่..ออกเสียงคล้ายๆ ภาษาดัช"
ป้าสร้อยมองนายเล็กอย่างทึ่ง
"นี่เธอพูดได้กี่ภาษากันจ้ะนายเล็ก"
ท่านดนัยเขิน
"คือ..เอ้อ..ผมเคย..."
ป้าสร้อย , รัตนาวดีพูดพร้อมกัน "ตามเสด็จท่านชาย"
เล่นเอาท่านดนัยเขินมาก
"กระหม่อม"
ท่านดนัยอดที่จะมองส่งสายตาให้รัตนาวดีไม่ได้ รัตนาวดีมองแล้วก็หันไปชวนป้าสร้อยไปเก็บ
ดอกไม้....
"พรุ่งนี้หรือเปล่าเพคะ ที่คุณประพัทธ์จะมา"
"ใช่ค่ะ"
ท่านดนัยเงียบไป....รัตนาวดีแอบมองท่านดนัยนิดหนึ่ง
"เราจะไปรับเขามานี่ หรือจะให้นายเล็กไปรับเพคะ"
ท่านดนัยรีบรับอาสา...
"กระหม่อมไปรับให้เอง...ฝ่าบาทจะได้ทรงพักผ่อน"
"ฉันจะไปด้วย...หญิงอยากนั่งรถดูวิวค่ะ...ป้าจะไปกับหญิงไหมคะ"
ป้าสร้อยมองหน้าท่านหญิง
"ท่านเด็จหม่อมฉันก็ไปด้วยซิเพคะ...ดีไหมล่ะนายเล็กจะได้มีคนมาชวนเราคุยอีกคนนะ"
ท่านดนัยตอบอย่างใจคอไม่ดี
"ครับ"
ท่านหญิงรัตนาวดีมองท่านดนัยนิดหนึ่งแล้วก็มองไปทางอื่น...
ท่านดนัยนั่งเขียนจดหมายถึงท่านชายพจน์ ปรีชาด้วยสีหน้ากลุ้มใจในห้องพักของ Grand Victoria Jungfrau
"น้องหญิงมองหน้าหม่อมด้วยความสงสัย...หม่อมเผลอไป คัดค้านน้องหญิงไม่ให้อนุญาตให้นายประพัทธ์อะไรนั่นมาเที่ยวกับเรา ลืมตัวไปว่าหม่อมอยู่ในฐานะแค่คนรถ....หม่อมชักจะเริ่มน้อยใจความต่ำต้อยของตัวเองเสียแล้ว...นายประพัทธ์คนนี้ติดใจน้องหญิงอย่างหนัก...แล้วก็ไม่ค่อยชอบหน้าหม่อมด้วย แค่คิดว่าจะต้องทนเห็นนางฟ้าของหม่อมใกล้ชิดกับไอ้หน้าจืดนั่น...หม่อมก็กลุ้มแทบแย่แล้ว"
ท่านดนัยหยุดเขียน...มองเหม่อไปข้างหน้าอย่างกลุ้มใจ ขยำจดหมายที่เขียนทิ้งใส่ถังขยะ
ณ กรุงลอนดอน ประพัทธ์ถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ จะเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน กำลังรอรถ จูนรีบเดินมาหา
"พี่ประพัทธ์...พี่ประพัทธ์"
ประพัทธ์ทำหน้าเบื่อสุดขีด...พยายามเหลียวหารถแท็กซี่ แต่ก็ไม่มี..
"จะไปไหนน่ะ...นี่พี่จะไปไหน"
ประพัทธ์ไม่พอใจ
"จะกลับเมืองไทย"
"ไปทำไมคะ"
"ก็…มีเรื่องสำคัญล่ะน่า"
"พี่จะไปกี่วัน...จะเทสต์กับโปรแล้วนะ"
"ไปเดือนเดียวละน่า...กลับมาทันอยู่แล้ว."
"โกหก…จะไปหาท่านหญิงใช่ไหม"
ประพัทธ์จ้องหน้าจูนไม่พอใจมาก..
"พี่จะไปไหนมันเรื่องของพี่..จูนเป็นอะไรกับพี่ จะมายุ่งถามโน่นถามนี่"
"พูดมาได้จูนเป็นอะไร...เป็นเมียพี่ไง"
ประพัทธ์หัวเราะดูถูก
"อย่างนี้เค้าไม่เรียกเมียหรอกจูน...ถ้าแค่นี้เรียกเมีย พี่มีเป็นร้อย"
รถแท็กซี่มาพอดี ประพัทธ์รีบเรียกไว้ จูนยังตามมาเอาเรื่อง
"แล้วถ้าเป็นแม่ของลูกพี่ล่ะ"
ประพัทธ์ชะงักหันมา
"หมอยืนยันแล้ว"
ประพัทธ์ไม่สนใจ รีบขึ้นรถแท็กซี่ให้รีบไป จูนมองตามน้ำตาร่วง...
ประพัทธ์นั่งสีหน้ากดดันในแท็กซี่ เห็นจูนจากกระจกด้านหลังที่ยังยืนมองรถ แต่ประพัทธ์ไม่ได้หันไปมองเลย ตัดสินใจทิ้งจูน
อ่านต่อหน้า 2
รัตนาวดี ตอนที่ 9 (ต่อ)
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี ป้าสร้อย นั่งรอประพัทธ์อยู่ที่มุมๆ หนึ่งในสนามบินเจนิวา
"เค้าจะมาแน่หรือเพคะ"
"แน่ค่ะ...นายเล็กคงไปเช็ครายชื่อแล้ว...ถ้าไม่มีชื่อคุณประพัทธ์มาเครื่องเที่ยวนี้ นายเล็กก็คงกลับมาบอกเราแล้ว...เอหรือจะคลาดกับนายเล็ก"
รัตนาวดีพูดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนเท่าไหร่นัก แต่ป้าสร้อยกลับหงุดหงิด
"ก็นั่นสิเพคะ"
"รอเค้าอีกสักหน่อย...ถ้านานจนผิดปรกติเราค่อยเข้าไป"
รัตนาวดีใช้ความคิด
ท่านชายดนัยวัฒนายืนรอประพัทธ์ในมุมสนามบินบริเวณผู้โดยสารขาเข้าด้วยสีหน้าวิตกกังวลเพราะไม่ค่อยอยากเจอ สักครู่ประพัทธ์เดินออกมา ทำหน้ายิ้มมองหารัตนาวดี ท่านดนัยเห็นก็จำได้ จึงรีบเดินเข้าไปหา
"คุณประพัทธ์"
ประพัทธ์ยังยิ้มอยู่ พอมองหน้าท่านดนัยก็กลายเป็นหน้าบึ้ง
"ท่านหญิงล่ะ"
"ท่านหญิงประทับรออยู่ที่ด้านโน้นครับ"
ประพัทธ์ส่งกระเป๋าเดินทางให้ท่านดนัย พูดกับท่านดนัยห้วนๆ
"เดินนำไปซิ...กระเป๋าน่ะแพงนะ...ถือดีๆ หน่อย"
ท่านดนัยทำหน้าไม่พอใจ ถือกระเป๋าประพัทธ์เดินไป ประพัทธ์รีบเดินตามท่านดนัย
ท่านดนัยพาประพัทธ์เดินมาหา ตนาวดี กับ ป้าสร้อย ที่คอยอยู่ ประพัทธ์เห็นรัตนาวดีก็ดีใจมาก รีบเดินเข้ามาหาเหมือนจะโอบกอด
"ท่านหญิง"
ป้าสร้อยรีบเข้าไปกอดกับประพัทธ์แทน ประพัทธ์ตกใจ
"ยินดีต้อนรับจ้ะ"
ท่านดนัยหันไปกลั้นหัวเราะ ประพัทธ์แทบทรุด รีบยกมือไหว้ป้าสร้อย
"สวัสดีครับคุณป้าสร้อย.....ท่านหญิง"
ประพัทธ์รีบหันไปหารัตนาวดี
"หม่อมคิดถึงท่านแทบแย่...พอได้ข่าวจากวิมลก็รีบมาทันที...เด็จกันแค่สองคนกับป้าสร้อยจะเที่ยวสนุกกันยังไงกัน"
"เรามีนายเล็กเป็นคนพาเที่ยวค่ะ"
ประพัทธ์หันไปมองท่านดนัยทำหน้ายิ้มๆ
"นายเล็ก...ทำตัวเป็นไกด์หรือเรา"
ท่านดนัยเฉย..
"นายเล็กเป็นมหาดเล็กของท่านดนัยค่ะ"
ประพัทธ์หันมองแค่หางตา
"อ๋อ..ที่แท้เป็นมหาดเล็ก....ท่านดนัย...ใครกันหม่อม เหมือนเคยได้ยิน"
"หม่อมเจ้าดนัย วัฒนา ข้าราชการสถานทูตไทยที่ลอนดอน ท่านเป็นพระญาติกับท่านหญิง คุณไม่รู้จักท่านได้ไง นักเรียนไทยที่อังกฤษน่าจะรู้จักท่านทั้งนั้นนะ"
"ท่านประทานรถ กับ นายเล็กมาให้พาหญิง กับ ป้าสร้อยได้ไปเที่ยวตั้งแต่อังกฤษไงคะ."
"แล้วทำไมไม่รู้จักท่านดนัยล่ะจ้ะ." สร้อยถาม
"ผมไม่ค่อยไปยุ่งกับที่สถานทูตหรอกครับ ไม่ได้สนใจพวกเค้าเท่าไหร่"
ประพัทธ์พูดอย่างหยิ่งมากกับท่านดนัยที่อยู่ในฐานะนายเล็ก... รัตนาวดีมองท่านดนัยอย่างเห็นใจ
ภายในรถ ท่านดนัยขับรถมีประพัทธ์นั่งข้างๆ รัตนาวดี และ ป้าสร้อยนั่งด้านหลัง ประพัทธ์พยายามหันหน้าไปคุยกับรัตนาวดีตลอดเวลา ทำหน้าตื่นเต้นชี้ชวนกันดูเมืองและตึกสวยๆ ข้างทาง จนท่านดนัยเซ็ง...
คณะของท่านหญิงรัตนาวดีทั้งสี่คนเดินเข้ามาใน Lobby โรงแรม Grand Victoria Jungfrau ท่านดนัยถือกระเป๋าเดินทางประพันธ์เข้ามา รัตนาวดีหันไปพูดกับประพัทธ์ที่ตกใจในความใหญ่โตของโรงแรม
"หญิงจองห้องพักให้คุณประพันธ์ไว้แล้ว...ห้องติดกับนายเล็ก มีอะไรจะได้ตามกันง่ายๆ"
"ขอบทัยมากกระหม่อม... แต่หม่อมว่าหม่อมควรจะอยู่ฟลอร์เดี่ยวกับท่านหญิงน่าจะดีกว่า"
"อย่างนี้สิจ้ะดีแล้ว...หนุ่มๆ อยู่ห้องใกล้ๆ กันจะได้คุยกัน" สร้อยบอก
ประพัทธ์มองท่านดนัยอย่างเหยียดๆ
"เย็นนี้ขอหม่อมเป็นเจ้ามือดินเนอร์นะคะ …หม่อมจะได้ไปจองโต๊ะ"
"สี่ที่นะค่ะ" รัตนาวดีบอก
ประพัทธ์หันไปมองหน้าท่านดนัยอย่างไม่ค่อยพอใจ
"เย็นนี้กระหม่อมขออนุญาตไปข้างนอก"
"ถ้าฉันไม่อนุญาตล่ะ"
ประพัทธ์บอก "หม่อมว่าดีแล้ว...เรานะไปกินสบายๆ ข้างนอกดีกว่า... เค้าจะได้ไม่ต้องมานั่งเกร็งกับเรา"
ประพัทธ์ทำท่าหยิบกระเป๋าสตางค์
"เดี๋ยวเอาเงินไปหาข้าวเย็นอร่อยๆ กินเองนะ"
"ไม่ต้องค่ะ...นายเล็กเป็นคนของหญิง...หญิงดูแลเค้าเอง" ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างซาบซึ้ง "แต่เย็นนี้ฉันขอสั่งให้นายเล็กมาร่วมโต๊ะกับเรา"
รัตนาวดีเดินขึ้นห้องไปกับป้าสร้อย...ประพัทธ์หันมามองหน้าท่านดนัย
"น้องหญิงก็ตรัสไปตามมารยาทอย่างนั้นแหล่ะ...นายควรจะรู้นะว่าต้องทำตัวอย่างไร...ตอนนี้ฉันมาแล้ว...นายไม่ต้องตามติดน้องหญิงอย่างเดิมแล้ว"
ท่านดนัยมองหน้า พยายามเก็บความไม่พอใจ
"ผมว่าคุณอย่าเรียกท่านว่าน้องหญิงเลย...มันไม่ถูก ทำให้ท่านเสียพระเกียรติ...ถ้าคุณอยากจะดูแลรับใช้ท่าน คุณก็ควรจะเริ่มที่ตัวเองให้ทำตัวให้เหมาะสมกับท่านก่อน"
ท่านดนัยหันหลังเดินไป ประพัทธ์โกรธ...
ที่โต๊ะอาหารในห้องอาหารหรู รัตนาวดี ป้าสร้อย และ ประพัทธ์ กำลังนั่งทานอาหารกัน อาหารจานหลักกำลังจะหมด ทุกคนแต่งตัวดี ประพัทธ์ใส่สูทโก้.... แต่ไม่มีท่านดนัยมานั่งทานด้วย รัตนาวดีคอยหันไปมองหาท่านดนัย ป้าสร้อยสังเกตเห็น
"นายเล็กเค้าคงไปหาข้าวเย็นกินแล้วเพคะ"
"แต่หญิงบอกเค้าแล้วว่าให้มาทานกับเรา...เค้าบอกอะไร คุณประพัทธ์ไว้หรือเปล่าค่ะ"
"เค้าบอกว่าจะไปหากินเองหม่อม...หม่อมก็เลยให้เงินเค้าไป"
ท่านหญิงรัตนาวดีคอแข็ง พยายามจะไม่โกรธ
"ก็หญิงบอกแล้วว่าหญิงดูแลเขาเอง"
ประพัทธ์หัวเราะเป็นเชิงว่าเรื่องเล็กๆ
"โธ่…ท่านหญิง...เล็กๆ น้อยๆ หรอกหม่อม เค้าก็รับไปโดยดี..หม่อมว่าเค้าคงรู้ตัวว่าตัวเองไม่เหมาะกับที่นี่ คนละคลาส"
รัตนาวดีขมวดคิ้ว
"เค้ารับเงินคุณประพัทธ์เหรอคะ"
ประพัทธ์พยักหน้าหน้าตาเฉย ท่านดนัยเดินเข้ามาในห้องอาหาร รัตนาวดีแอบดีใจ ประพัทธ์มองด้วยความไม่พอใจ รัตนาวดีพูดเสียงเรียบๆ
"ไปไหนมา...ฉันบอกแล้วไงว่าให้มาดินเนอร์ด้วยกัน"
"กระหม่อมต้องขอประทานโทษ...กระหม่อมเอารถไปเติมน้ำมัน แล้วเลยไปอู่ให้เขาตรวจเครื่องด้วย พอดีช่างเขาให้สลับยาง...เลยเสียเวลากระหม่อม"
"ถ้างั้นก็รีบสั่งอาหารเลยสิ...นึกว่าจะไม่มา" สร้อยบอก
"เรียบร้อยมาแล้วครับคุณสร้อย...ระหว่างรอช่างทำรถ ผมเลยหาของกินแถวๆ นั้นรองท้องมาแล้ว"
"ถ้างั้นก็ทานของหวานเลยแล้วกัน...ฉันกำลังจะสั่งของหวานพอดี"
ท่านดนัยยิ้ม ก้มหัวนิดหนึ่ง หันไปเรียกบ๋อย
ต่อมา บ๋อยเอาของหวานมาสิร์ฟ ประพัทธ์มองท่านดนัยอย่างเกลียด รัตนาวดียิ้มพูดคุยอย่างอารมณ์ดี
ท่านดนัยลุกหายไป รัตนาวดีคุยกับ ป้าสร้อย และ ประพัทธ์ สักครู่ ท่านดนัยก็กลับมานั่ง
"เรียบร้อยแล้วใช่ไหม"
"กระหม่อม"
ประพัทธ์ทำเป็นโวยวาย...รู้ได้เลยว่าท่านดนัยได้ไปจ่ายค่าอาหารมาแล้ว...
"ได้ไงกันท่านหญิง...หม่อมทูลแล้วว่ามือนี้ของหม่อม นายนี่ก็ไม่เข้าใจอะไรเลยนะ"
"หญิงบอกนายเล็กเค้าไว้เองค่ะ...ถือว่าเลี้ยงต้อนรับคุณประพัทธ์"
ประพัทธ์หัวเราะสบายๆ
"แหม…ไม่เป็นไรพรุ่งนี้กระหม่อมขอดูแลท่านหญิงบ้างก็แล้วกัน"
ประพัทธ์มองรัตนาวดีอย่างมีความหมาย ท่านดนัยหึงมาก แต่ต้องข่มไว้ ป้าสร้อยยิ้มๆ
อ่านต่อหน้า 3
รัตนาวดี ตอนที่ 9 (ต่อ)
ท่านดนัยเดินมาส่งรัตนาวดี กับ ป้าสร้อย ที่หัวบันไดตามเคย..ประพัทธ์รีบเดินตามมาด้วย รัตนาวดีจะก้าวขึ้นบันไดของ หันมาพูดกับประพัทธ์
"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...ขอให้นอนหลับสบายนะคะคุณประพัทธ์"
ประพัทธ์ยิ้มทำตาหวาน
"ราตรีสวัสดิ์กระหม่อม...คืนนี้กระหม่อมนอนหลับสบาย ฝันดีแน่ๆ"
รัตนาวดีหันไปมองท่านดนัย แต่ไม่ได้พูดอะไร เดินขึ้นบันไดไปกับป้าสร้อย... ท่านดนัยโค้งคำนับ ประพัทธ์เห็นก็ทำตาม... ท่านดนัยจะหันหลังเดินกลับไป ประพัทธ์หันมามองด้วยสายตาเกลียดชัง ประพัทธ์เดินมาจ้องหน้าท่านดนัยอย่างดูถูก...
"นายอย่ามาทำตัวเกินฐานะดีกว่า...เคยได้ยินไหมคางคกนะยังไงๆ มันก็เป็นคางคก"
ท่านดนัยหัวเราะและเดินไป ประพัทธ์มองอย่างไม่พอใจมาก...
ยามเช้าที่อินเตอร์ลาเคน ในบรรยากาศสวยงาม
ในห้องพัก ป้าสร้อยจัดชุดไปวางให้ท่านหญิง รัตนาวดีนั่งแปรงผมอยู่ ใส่เสื้อคลุมสวยๆ สบายๆ
"ป้าตามนายเล็กหรือยังคะ"
"ตามแล้วเพคะ...จะมีรับสั่งให้นายเล็กทำอะไร ถึงต้องเรียกขึ้นมาบนนี้"
รัตนาวดีหันมายิ้ม
"ก็เป็นเรื่องที่หญิงไม่อยากเอิกเกริกนะสิคะ"
มีเสียงเคาะประตู ป้าสร้อยเดินไปเปิด ท่านดนัยเข้ามายืนอยู่บริเวณห้องกลางที่เป็นห้องนั่งเล่น
รัตนาวดีเดินออกมาจากห้องนอน ท่านดนัยมองรัตนาวดีด้วยสีหน้าถูกใจอย่างปิดไม่มิด
รัตนาวดีพยายามไม่รับรู้ ท่านดนัยโค้งคำนับ รัตนาวดีเลยแสร้งทำดุเพื่อเรียกตัวเองไว้
"บอกแล้วว่าไม่ต้องโค้งคำนับ"
"ทรงรับสั่งไม่ให้ทำต่อหน้าคนอื่นๆ...แต่ณ.ที่นี้กระหม่อมควรทำแล้ว"
รัตนาวดีทำหน้าไม่เห็นด้วย ป้าสร้อยที่คอยดูอยู่ตลอดเวลารีบบอก
"นายเล็กเค้าทำถูกแล้วเพคะ...นายเล็ก...ท่านหญิงทรงมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย"
"กระหม่อม"
รัตนาวดีลงนั่งพยายามพูดอย่างสบายๆ ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญ
"ฉันมีเรื่องจะขอรบกวนนายเล็กหน่อย...ฉันอยากให้นายเล็กเป็นคนถือเงินเอาไว้มากหน่อย."
"แต่เงินที่ฝ่าบาทประทานไว้คราวที่แล้วยังไม่หมด กระหม่อม"
"อะไรกัน...ให้ตั้งแต่ฝรั่งเศสนะยังไม่หมดอีกเหรอ."
"ยังเหลืออีกกระหม่อม"
รัตนาวดีมองท่านดนัยนิ่ง
"เธอเป็นคนไปออกเงินเวลาทานอาหารแทบทุกมื้อ...แล้วยังมาจ่ายเวลาป้าสร้อย กับฉันซื้อของอีก...ยังเหลือได้ไง"
ป้าสร้อยหันไปมองท่านดนัยด้วยความสงสัยบ้าง ท่านดนัยพยายามไม่สบตาใคร
"ยังพอมีเหลือกระหม่อม...กระหม่อมจะทำบัญชีถวายก็ยังไม่ค่อยมีเวลา"
รัตนาวดีเดินไปหยิบเงินมาส่งให้ท่านดนัยอีกปึกหนึ่ง
"เอาเก็บไว้อีกก็แล้วกัน...คุณประพัทธ์เค้ามาอยู่มากินกับเรา ค่าใช้จ่ายก็คงเพิ่มขึ้น"
ท่านดนัยไม่อยากรับเงิน แต่พอเห็นแววตารัตนาวดี ท่านดนัยก็รับเงินมา
"เขาตามเรามาเองแล้วไม่ออกของตัวบ้างเหรอเพคะ"
รัตนาวดียิ้ม
"เค้าอาจจะจ่ายทีหลังก่อนกลับก็ได้ค่ะ...เค้าก็อยากจะเลี้ยงอาหารเรานี่คะ...ยังไงๆ เค้าก็เป็นรุ่นพี่...หญิงพูดเรื่องเงินกับเค้าไม่ออกหรอกค่ะ อีกอย่างพวกเราก็หลายคนถ้าจะให้เค้ามาเลี้ยงเราบ่อยๆ มันก็ไม่ดี"
"ถ้าอย่างนั้นค่าโรงแรมนี่กระหม่อมจะให้เค้าแยกบิลคุณประพัทธ์....ให้เค้าไปเรียกเก็บที่คุณประพัทธ์ก่อน Check out ไปเลยกระหม่อม"
รัตนาวดีนิ่งคิด
"ถูกแล้ว...ค่ากินก็ยังพอว่า...แต่ค่าโรงแรมนี่นายเล็กจัดการเลยก็แล้วกัน...เค้าก็คงอยากจ่ายเองนะ...คงไม่ได้อยากมารบกวนเราหรอก" ป้าสร้อยบอก
"ครับ…แล้ววันนี้จะโปรดเสด็จที่ไหนกระหม่อม"
รัตนาวดียิ้มสนุก
"มีหลายที่ที่ฉันอยากไป ...แต่เมื่อคืนฉันอ่านโบว์ชัวร์เห็นว่ามียอดเขากลางเมืองที่เป็นจุดชมวิวที่สวยมาก"
ท่านดนัยยิ้มรับในระหว่างที่รัตนาวดีกล่าวถึงสถานที่นั้น...
รถไฟค่อยๆ เลื่อนขึ้นสู่ยอดเขา Harder Kulm ท่านท่านดนัยพารัตนาวดี ป้าสร้อย ประพันธ์ เดินมาตามทางริมหน้าผา วิวด้านล่างสวยมาก ป้าสร้อยตื่นเต้นชี้ให้รัตนาวดีดูตลอดเวลา
รัตนาวดีมองวิวที่สวยงามนั้นอย่างมีความสุขมาก
อีกมุมหนึ่ง....ทั้งหมดกำลังยืนมองวิวด้านล่าง
"สวยราวกับภาพวาดมังคะ"
"ใช่ค่ะ...สวยเหลือเกิน....ยอดเขานั่นชื่ออะไรนายเล็กพอรู้มั้ยจ๊ะ"
ท่านดนัยมองหน้าประพันธ์ที่ส่งสายตาดูถูกมา ก่อนหันไปตอบ
"ยอดเขาที่เห็นพวกนั้น อยู่ในเขตเทือกเขาแอลป์กระหม่อม ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจะเป็นยอดเขาสามเกลอ"
"ท่านหญิง....ทอดเนตรหิมะบนนั้นสิเพคะ..แค่เห็นป้าก็หนาวแล้ว" สร้อยบอก
"ท่านหญิงอยากเสด็จขึ้นไปเล่นหิมะมั้ย กระหม่อมจะพาขึ้นไป"
รัตนาวดียิ้มมองหน้าป้าสร้อย
"คิดดูก่อนก็แล้วกันค่ะ...ถ้าจะขึ้นไป..ก็ต้องทิ้งป้าไว้ข้างล่างคนเดียว"
"พอขึ้นไปอยู่บนหิมะจริงๆ ก็ไม่หนาวมากอย่างที่คิดกระหม่อม...ยกเว้นลมแรงหรืออากาศไม่ดี แต่ถ้าอากาศดีจะไม่ค่อยหนาวเลย"
ป้าสร้อยหันไปยิ้มหวานกับรัตนาวดี
"แต่ถ้ามาแล้วไม่ได้ขึ้นไปก็เสียดายนะกระหม่อม"
ทั้งหมดนั่งรับประทานอาหารกันที่ชั้นสองของอาคารร้านอาหารบนยอดเขา Harder Kulm มองเห็นวิวสวยงาม ท่านดนัยเล่าประวัติเพิ่มเติม และพูดถึงโรงแรมที่จะพักตอนที่เที่ยวที่อินเตอร์ลาเค่น ป้าสร้อยดีใจที่ได้พักโรงแรมที่รัชกาลที่ 5 เคยพัก
ที่บริเวณทะเลสาบ ท่านหญิงรัตนาวดีเดินเล่นดูทิวทัศน์รอบๆ อย่างสบายใจ ประพัทธ์แต่งตัวเท่คอยอยู่ใกล้ๆชี้ชวนดูรอบๆ ป้าสร้อยทำยิ้มแย้มเข้าไปแทรกกลาง ทำให้ประพัทธ์ต้องทำทีเป็นหยุดดูแล้วหาโอกาสเดินมาใกล้ๆ รัตนาวดีอีก ท่านดนัยอดขำป้าสร้อยไม่ได้ แต่ก็หงุดหงิดที่ประพัทธ์คอยหาโอกาสถูกตัวรัตนาวดีนิดๆ หน่อยๆ ทั้งหมดเดินมาที่ริมทะเลสาบที่มีหงส์เล่นน้ำอยู่
รัตนาวดีกับป้าสร้อยอยากให้อาหารหงส์และเป็ดที่อยู่บริเวณนั้น ...แต่จนปัญญาเพราะไม่มีขนมปังหรืออาหารติดตัวมา ประพัทธ์พยายามหาทางช่วยแต่หมดปัญญา...ท่านดนัยเอาขนมปังออกมาจากถุงส่งให้รัตนาวดีกับป้าสร้อย...ทั้งสองมองท่านดนัยแบบขอบคุณ โดยเฉพาะรัตนาวดี....ประพัทธ์มองแบบอิจฉาและเข้าแย่งถุงขนมปังจากท่านดนัยเพื่อไปให้อาหารหงส์ใกล้ๆรัตนาวดี......ท่านดนัยยืนมองอย่างขำๆ
ทั้งหมดกำลังให้อาหารหงส์หรือเป็ด ท่านดนัยหันมาหาป้าสร้อย
"ป้าสร้อยสนใจไอศกรีมสวิสมั้ยครับ"
"ดีซิจ๊ะ...แต่แถวนี้มีขายด้วยเหรอ"
ป้าสร้อยมองไปรอบๆ
"ไม่เห็นมีอะไรขายสักอย่าง"
"ตอนเดินมาผมเห็นตั้งอยู่ฝั่งด้านโน่นครับ"
"ซื้อเผื่อหญิงด้วยนะ"
ประพันธ์มองแบบดูถูก
"นายแน่ใจหรือว่าจะพูดกับเค้ารู้เรื่อง…เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้น้องหญิงเองดีกว่า"
ป้าสร้อยรีบชวนท่านดนัยไปซื้อไอศกรีม
"ไป...ป้าไปช่วยถือด้วย...ท่านหญิงรออยู่ตรงนี้นะเพคะ"
"จ๊ะ"
ป้าสร้อยกับท่านดนัยเดินออกไป... พอเดินมาได้ซักระยะ
"นี่นายเล็ก...ตาประพัทธ์เค้าเรียกแทนตัวเองว่าพี่กับท่านหญิงเมื่อไหร่"
"ผมเพิ่งได้ยินวันนี้ละครับ"
"เออ…แปลกจริงๆ"
ผ่านเวลา ท่านดนัย กับ ป้าสร้อย เดินมาหารัตนาวดี กับ ประพัทธ์ที่ริมทะเลสาบ ท่านดนัย กับ ป้าสร้อย ถือไอติมมาคนละสองอัน แต่พอมาถึงก็ไม่เห็นรัตนาวดี กับ ประพัทธ์ ป้าสร้อยโวย
"อ้าว…ท่านหญิงหายไปไหนล่ะนี่... ท่านหญิง ท่านหญิง"
ท่านดนัย กับ ป้าสร้อย มองหารัตนาวดีก็ไม่เห็น ท่านดนัยมองไปในทะเลสาบ เห็นรัตนาวดี พายเรือเล่นกับประพัทธ์อยู่ในทะเลสาบ
"อยู่โน่นครับ"
ป้าสร้อยเหลียวหารอบๆ
"ไหน…อยู่ไหน."
"พายเรืออยู่ในทะเลสาบโน่นครับ"
ป้าสร้อยตกใจมาก
"อะไรนะ...ไห"
ป้าสร้อยมองไปในทะเลสาบ พยายามมองไป เห็นท่านหญิงรัตนาวดีนั่งเรือพายอยู่กับประพัทธ์ ประพัทธ์เป็นคนพาย
"ใช่จริงๆ ด้วย… ท่านหญิง...เด็จกลับมาเดี๋ยวนี้เลย...ทำไมทรงซนอย่างนี้"
ท่านดนัยมองไปที่รัตนาวดีอย่างยุ่งยากใจ...
อ่านต่อหน้า 4
รัตนาวดี ตอนที่ 9 (ต่อ)
ประพัทธ์พายเรือพารัตนาวดีห่างออกไปจากฝั่ง...มองส่งตาหวานกับรัตนาวดี
"ท่านหญิง...รู้องค์หรือเปล่าว่าทรงสิริโฉมแค่ไหน"
รัตนาวดียิ้มๆ ไม่เขิน ทำเป็นไม่สนใจฟัง
"แหมน้ำในทะเลสาบนี่ใสดีจริง"
"แต่ใสน้อยกว่าความจริงใจที่พี่มีให้ท่านหญิงนะ"
รัตนาวดีหัวเราะ
"แหม…เข้าใจเปรียบเทียบนะคะ"
"พี่มีบางอย่างอยากจะทูลมานานแล้ว"
ท่านหญิงรัตนาวดีมองหน้าประพัทธ์
"เหรอคะ...เรื่องอะไร"
น้ำเสียงไม่ตื่นเต้นของรัตนาวดีทำให้ประพัทธ์ไม่กล้า แต่ยังไงก็แล้วแต่..ประพัทธ์ก็ไม่ละความพยายาม
"ท่านหญิง"
เสียงป้าสร้อยตะโกนมา รัตนาวดีหันไปดู เห็นท่านดนัยพายเรือพาป้าสร้อยมาก็ทำหน้าเบื่อ แต่ประพัทธ์ทำหน้าไม่พอใจอย่างมาก...
"ท่านหญิง...ท่านหญิงเพคะ...ว้ายยย..พายดีๆ นายเล็ก ฉันว่ายน้ำไม่เป็นนะ"
ป้าสร้อยจะลุกขึ้นเรียกท่านหญิง เรือจึงโคลง ท่านดนัยหน้าเครียด เพราะไม่พอใจประพัทธ์ และ ไม่รู้จะทำยังไงกับป้าสร้อยดี..
"คุณสร้อยนั่งนิ่งๆ สิครับ...อย่าขยับตัวมากเรือมันจะโคลง"
ป้าสร้อยนั่งนิ่ง แต่ปากยังตะโกน ประพัทธ์พายเรือเข้ามาใกล้ๆ เรือท่านดนัย..ป้าสร้อยทำหน้าไม่พอใจมาก ต่อว่ารัตนาวดี...
"ท่านหญิงนะ...ท่านหญิง...ทำไมทรงซนอย่างนี้เพคะ ตกน้ำตกท่าขึ้นมาจะว่ายังไง...กลับเข้าฝั่งเดี๋ยวนี้เลย"
รัตนาวดีทำหน้าบึ้งกับท่านดนัย
"หญิงอยากพายเรือเล่น...นายเล็ก...พาป้ากลับไปก่อน ป้าก็...รู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็นแล้วมาทำไมคะ"
ประพัทธ์มองท่านดนัยอย่างไม่พอใจมากที่มาขัดคอ...
"อย่าไปว่าคุณป้าสร้อยเลยท่านหญิง...นายเล็กน่ะแหล่ะ มันยุ่งไม่เข้าเรื่อง...ไป...พาคุณป้ากลับไป...ไม่รู้จักใช้สมองซะบ้างเลย...ท่าดีละ..ไม่มีความคิด"
ท่านดนัยโกรธจนหน้าแดง หันหน้าหนีไม่พูดอะไร รัตนาวดีรู้สึกได้ว่าท่านดนัยโมโหมาก
"เอาเถอะ...จอดเรืออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ฉันจะไปพายรอบๆ นี่ซักหน่อย...แล้วเดี๋ยวเราค่อยกลับเข้าฝั่งพร้อมกัน..นะคะป้า"
"อย่าทรงไปไกลนะเพคะ"
"ไม่ไกลหรอกค่ะ...ป้าดูน้ำในทะเลสาบสิคะ...สวยจริงๆ"
ประพัทธ์พายเรือพารัตนาวดีออกไป ป้าสร้อยพยายามนั่งนิ่งๆ ไม่ให้เรือโคลง ท่านดนัยมองตามรัตนาวดีด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ...
เวลาต่อมา ที่ปราสาทชิลอง( Castle Chillon) ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบสวยงาม ป้าสร้อยสีหน้าเบื่อๆ
"ปราสาทอีกแล้วเหรอเพคะ...สวิสก็มีปราสาทหรือนายเล็ก"
"มีครับ...แต่ไม่มีมากอย่างที่ฝรั่งเศส" ท่านดนัยบอก
"ป้าเบื่อปราสาทแล้วเหรอคะ...แต่หญิงชอบปราสาทมาก"
"ปราสาทหลังนี้ถือว่าเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในจุดที่สวยที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์เชียวนะครับ"
ประพัทธ์หัวเราะอารมณ์ดี อยากอวดความรู้ให้รัตนาวดีฟังด้วย
"ที่อังกฤษปราสาทเยอะพอๆกับฝรั่งเศสเลยนะกระหม่อม แต่พี่ยังดูไม่ทั่วเลย...ต้องหาเวลาไปดูให้ได้"
ป้าสร้อยมองอย่างทึ่ง
"คุณประพัทธ์ก็ชอบเดินชมประสาทด้วยเหรอจ้ะ"
"ก็…นิดหน่อยครับ เราเดินไปดูด้านโน้นกันดีกว่าครับ"
ทั้งหมดพากันเดินไป
ประพัทธ์เดินคู่มากับรัตนาวดีเดินดูปราสาท เห็นวิวสวยงาม ท่านดนัย กับ ป้าสร้อยเดินตาม
"ท่านหญิงจะเสด็จอังกฤษอีกไหม...พี่อยากพาเสด็จปราสาทอังกฤษอีก...เพราะคราวที่แล้วยังเสด็จไม่ทั่วนี่กระหม่อม"
"ยังไม่แน่ค่ะ...หญิงอยากไปต่อที่เยอรมัน...เพราะนายเล็กบอกว่ามีปราสาทสวยๆ หลายแห่ง"
ประพัทธ์พยายามข่มความไม่พอใจ สีหน้ายังยิ้มๆ
"จริงของฝ่าบาท...เราต้องเชื่อไกด์ของเรา...จริงไหมนายเล็ก"
ท่านดนัยพยายามฝืนยิ้ม รัตนาวดีหันไปคุยด้วย
"นายเล็ก...ฉันคุ้นๆ กับชื่อปราสาทชีลอง..แต่นึกไม่ออกว่าเกี่ยวกับอะไร"
"โคลงของลอร์ด ไบรอนหรือเปล่ากระหม่อม"
รัตนาวดีนึกได้...
"จริงซิ... นักโทษแห่งชีลอง....A sunbeam which hath lost its way"
ประพัทธ์หมั่นไส้ท่านดนัย
"แม้แสงตะวันก็หลงทางไป ไม่อาจมาถึง..."
ประพัทธ์ตบมือสีหน้าชื่นชม
"เพราะจริงท่านหญิง...นายเล็กนี่รู้จักลอร์ด ไบรอน กับเค้าด้วยเหรอ"
"นายเล็กเรียนที่อังกฤษค่ะ"
ประพัทธ์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หมั่นไส้
"แล้วทำไมพระอาทิตย์ถึงหลงมาไม่ถึงเพคะ" สร้อยว่า
รัตนาวดีหัวเราะ
"เป็นคำเปรียบเทียบที่กวีพูดถึงคนที่โดนขังไว้ครับ"
"ปราสาทนี้เป็นคุกเหรอนายเล็ก"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"ใช้จองจำนักโทษทางการเมืองนะครับ...เป็นนักบวชชื่อฟรังซัวส์ โบนิวาร์ด ที่ไปแสดงความเห็นทางการเมืองต่อต้านพวกโกงกิน"
"ไอ้พวกโกงกินนี่อยู่ที่ไหนก็ล่มจมที่นั่น"
ประพัทธ์ค้อน
"แต่จริงๆ แล้ว ในสมัยโบราณปราสาทนี้เป็นจุดที่เก็บค่าผ่านทางของคนที่ใช้เรือผ่านไปมา หรือ บรรทุกของไปค้าขาย...เพราะถ้าจะผ่านไปอีกด้านหนึ่งของสวิสจะต้องผ่านจุดนี้"
ในห้องโถงใหญ่ในปราสาทชีลง รัตนาวดีเดินเข้ามาอย่างสนใจ
"ห้องนี้เห็นวิวทะเลสาบเจนีวาสวยจริงๆ"
"ในอดีต ราชวงศ์ ซาวอย น่าจะใช้ห้องนี้สำหรับจัดงานเลี้ยงที่หรูหรา"
ป้าสร้อยถาม
"นายเล็ก...ปราสาทนี้อายุซักเท่าไหร่กันนะ"
"น่าจะมากกว่าหนึ่งพันปีนะครับ"
ป้าสร้อยตกใจ
"พันปี…ไม่น่าเชื่อว่ายังอยู่ในสภาพดีอย่างนี้"
ประพัทธ์บอก "ฝรั่งเค้าเก่งครับ"
"คนไทยที่เก่งๆ ก็มีหลายคนนะคะ"
รัตนาวดีเดินดูปราสาทไปด้วยสีหน้ามีความสุข
"ท่านหญิงโปรดปราสาทมากนะหม่อม"ประพัทธ์ว่า
รัตนาวดีหัวเราะ
"ใช่ค่ะ...นายเล็กพาหญิงไปนอนปราสาทที่ฝรั่งเศสมาแล้ว ตื่นเต้นมาก"
"ปราสาทอะไรหม่อม"
"Segur le Chateau เจ้าของปราสาทรู้จักกับท่านดนัย"
ประพัทธ์ทำเป็นหัวเราะอะไรก็ไม่รู้
"แหม…นายเล็กนี่โชคดีจริงที่เป็นมหาดเล็กท่านดนัย...ก็เลยพลอยเก่งเหมือนเจ้านาย"
รัตนาวดีไม่ได้สนใจคำพูดประพัทธ์ ท่านดนัยข่มความรู้สึก ป้าสร้อยคอยชำเลืองดูท่าทางท่าน
ดนัย
"แหม…ปราสาทหินชีลงนี่..ให้ความรู้สึกทั้งน่ากลัว..ทั้งอบอุ่นนะ"
"มีนักประพันธ์อีกหลายคนที่ใช้บรรยากาศของปราสาทนี้กับผลงานของเขา"
รัตนาวดีหันมายิ้ม
"ปราสาทชีลองนี่...พระพุทธเจ้าหลวงเคยเสด็จมาเพคะ ทูนหัว"
รัตนาวดีพลอยตื่นเต้น
"เหรอคะ"
"ใช่ครับ...ท่านเคยเสด็จประพาสที่นี่ส่วนพระองค์...คุณสร้อยจำได้ใช่ไหมครับ"
ป้าสร้อยสีหน้าปลื้มปิติ
"ใช่แล้วนายเล็ก...ขอบใจนะที่พามา"
ป้าสร้อยหัวเราะสนุกกับนายเล็ก ประพัทธ์หันหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ
ในห้องใต้ดินปราสาท บริเวณที่จองจำ เห็นลายมือของ ลอร์ด ไบรอนที่เขียนไว้
"เสาต้นที่สามที่ลอร์ดไบรอนเขียนชื่อตัวเองไว้ โบนิวาร์ดถูกจับล่ามโซ่ตรึงไว้กับเสาต้นที่ห้า"
"ที่ใต้ดินนี่เป็นคุกที่หดหู่โหดร้าย ผิดกับด้านบนที่สวยงาม สะดวกสบายท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามขนาดนี้"
"เหมือนที่ลอร์ด ไบรอนบรรยายไว้ในกลอนกระหม่อม"
ประพัทธ์หมั่นไส้
"พี่ว่ามันเหม็นอับๆ เรากลับขึ้นไปข้างบนดีกว่า"
ป้าสร้อยมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ
"นั่นสิเพคะ...ป้าก็รู้สึกหวาดๆ"
"ที่นี่ก็มีเรื่อเล่าตำนานมากมายครับ" ท่านดนัยบอก
"ตำนานผีหรือเปล่านายเล็ก"
ประพัทธ์สะดุ้ง
"อย่าพูดถึงสิครับป้า"
รัตนาวดีมองไปรอบๆ อย่างสนใจ
"มีเสาแบบโกธิกใช่ไหมนายเล็ก"
"กระหม่อม…เป็นหลักฐานให้นักประวัติศาสตร์ศึกษาได้ว่าปราสาทนี้สร้างตั้งแต่ยุค บรอนซ์ เอจ….คุณสร้อย กับ คุณประพัทธ์คงเบื่อแล้ว...กลับขึ้นไปก็ดีกระหม่อม ที่นี่อับเหมือนที่คุณประพัทธ์บอกจริงๆ"
อ่านต่อตอนที่ 10