xs
xsm
sm
md
lg

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 9

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 9

เย็นลงทุกขณะ รักษ์กับขนุนร้อนอกร้อนใจ หลบมุมมาหาที่แอบคุยกัน

“พี่รักษ์ ชั้นต้องกลับไปเล่นลิเกให้ทันเย็นนี้นะ ชั้นอยู่กินข้าวกับพ่อแม่พี่ไมได้หรอก พี่รักษ์หาทางปฏิเสธให้หน่อยสิ”
“พี่เองก็อยากกลับไปเล่นลิเกเหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำอะไรขัดใจคุณพ่อไม่ได้เลย เพราะอาการจะกำเริบอยู่เรื่อย ยังไงวันนี้ขนุนอยู่กินข้าวกันก่อนนะ แล้วคืนนี้ค่อยกลับ”
“แล้วลิเกล่ะ เมื่อวานน้าเริงก็เล่นแทนพี่ไปแล้วนะ ถ้าวันนี้ต้องมาเล่นแทนชั้นอีก ชั้นว่าน้าเริงคงหอบตายคาเวที”
รักษ์กลุ้มใจ
“เอางี้สิ รีบกินให้เสร็จแล้วรีบขอตัวกลับ พี่ว่าไปทันเล่นลิเกแน่ๆ”
ขนุนยิ้มรับ เห็นดีด้วย

บนโต๊ะใหญ่ยาวหรูหราของห้องทานอาหาร มีอาหารมากมี จัดแต่งหน้าตาอย่างน่าทาน แลดูรวยมาก ธำรงนั่งหัวโต๊ะ ธัญญานั่งฝั่งหนึ่ง รักษ์ ขนุนนั่งอีกฝั่งหนึ่ง การ์ดชุดดำตักข้าวเสิร์ฟให้ทุกคนจนครบ
“อาหารวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากนะออกจะพื้นๆ ไม่รู้ว่าหนูขนุนจะทานได้รึเปล่า ขอแนะนำทีละจานนะ”
ขนุนดูนาฬิกา กลัวว่าจะสาย
“ยำถั่วพูสูตรชาววัง ถั่วพูนี่ก็ไม่ธรรมดานะ ปลูกด้วยระบบออแกนิกไร้สารพิษ ไร้แมลงรบกวน...”
รักษ์รีบบอก “คุณแม่ครับ ทานเถอะครับ หิวแล้ว”
“ตารักษ์ ถ้าเรารู้ประวัติของอาหารแต่ละจาน จะทำให้เราทานอาหารอร่อยขึ้น ต้องฟังให้หมดค่ะ”
ธัญญาตั้งหน้าตั้งตาแนะนำอาหารจานต่างๆ สองคนร้อนใจ ขนุนเหลือบดูนาฬิกาบ่อยๆ นาฬิกาเดินไป 20 นาที
“จบแล้วค่ะ เชิญรับประทานได้”
“งั้น ขออนุญาตทานเลยนะคะ”
ขนุนกินอย่างรวดเร็วและมูมมาม ธำรงกับธัญญามองตาค้าง ขนุนกินเสร็จรวดเร็ว รวบช้อน เลียปากแผลบ
“อร่อยมากเลยค่ะ พอดีหนูมีธุระ งั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ” ขนุนลุกพรวด
“อ้าวจะไปไหนล่ะ ทานของว่างก่อนสิ” ธำรงบอก
การ์ดเอาลอดช่องมาเสิร์ฟ ขนุนยกถ้วยลอดช่องซดพรวดเดียวหมด
ธัญญาเสียดาย “เอ่อ ยังไม่ได้สาธยายเรื่องรอดช่องเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเคยรู้เรื่องลอดช่องมาก่อนแล้ว ขอตัวนะคะ”
“อย่าเพิ่งไปสิหนู ยังไม่ทันได้คุยกันเลย” ธำรงรั้งอีก
“หนูมีธุระจริงๆ ค่ะคุณพ่อ เดี๋ยววันหลังหนูมาเยี่ยมใหม่นะคะ คุณพ่อหายไวๆนะคะ ลาล่ะค่ะ”
ขนุนไหว้ธำรงกับธัญญาแล้วจะออกไป
“โอ้ย...เจ็บ เจ็บเหลือเกิน”
เหมือนธำรงอาการกำเริบ ยกมือจับที่หัวใจ
ขนุนตกใจเข้าไปดู “เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณพ่อ”
“ไม่เป็นไร มันเจ็บแปล๊บๆ นิดหน่อย”
“ถ้าไม่เป็นอะไร งั้นหนูไปนะคะ” ขนุนจะออกไป
ธำรงร้อง “โอ้ย เจ็บอีกแล้ว”
“ไปโรงพยาบาลดีมั้ยคะ” ขนุนถาม
“ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้วล่ะ”
“งั้นหนูไปนะคะ”
“โอ้ยเจ็บ”
“หนูอยู่ดูก็ได้ค่ะ”
“ดีขึ้นมาทันทีเลย”
“งั้นหนูไป”
“โอ้ย จะตาย”
“โอเค อยู่ก็ได้ค่ะ”
ขนุนจำใจนั่งลงอย่างเดิม มองรักษ์ แต่ฝ่ายนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้

ธำรงกับธัญญาแอบมองหน้ากันยิ้มมีความสุข

ที่บ้านลิเก สำเริง ลูกดอก แฉะ และเพชร กำลังของร้องพริม โดยมีจริยาชักสีหน้าใส่ท่าทางไม่พอใจ ชวดบทนางเอกอีกจนได้

“ไม่ ไม่ แล้วก็ไม่”
“แค่รอบเดียวเอง พอแต่งหน้าแต่งตัวใส่เครื่องเข้าก็ไม่มีใครจำได้แล้ว แล้วพวกชั้นก็จะไม่ไปบอกใครด้วย” สำเริงว่า
“ช่วยหน่อยเถอะนะพริม คณะเราขาดนางเอกจริงๆ นี่ถ้าจริยามันสวยได้ครึ่งของพริม เราก็เอามันเล่นแล้ว ไม่มารบกวนพริมหรอก” แฉะกล่อมอีก
“เป็นคณะลิเกประสาอะไรไม่มีนางเอก แล้วเมื่อวานใครเล่น”
“ก็ขะ...” ลูกดอกจะหลุดปากว่าขนุน แฉะรีบปิดปากลูกดอกแทบไม่ทัน
“นางเอกใหม่จ้ะ แต่วันนี้เค้ามีธุระด่วน เราเลยต้องหาใหม่นี่แหละ”
“อ้วยอ่อยเออะอ๊ะอิม” เพชรออกโรงอ้อแอ้ๆ ตามเดิม
“พูดอะไร” พริมฟังไม่ออก
ลูกดอกแปลให้ “พี่เพชรบอกว่า ช่วยหน่อยเถอะนะพริม”
“อั๊นเอ่บอะอาดอี๊ อั๊นอังอั้งอ๊ดเอ๊นเอ้นเอย”
ลูกดอกแปลซับไตเติ้ลทันที “ชั้นเจ็บขนาดนี้ ชั้นยังนั่งรถเข็นเล่นเลย”
“ชั้นเกิดมาเคยแต่ขึ้นเวทีมวยไม่ขึ้นเวทีลิเก เคยแต่ตั้งการ์ดไม่เคยตั้งวง คำกลอนก็ไม่เคยร้องเคยร้องแต่คำราม ชั้นเป็นนางเอกลิเกให้ไม่ได้หรอก”
“เห็นมั้ย เลิกทู่ซี้ไปเอาคนอื่นมาเป็นนางเอกลิเกซะทีเถอะ โดยเฉพาะพวกนักมวย ดูซิ มือไม้แข็งอย่างกับท่อนฟืน หน้าตาก็จืดๆ แถมยังไม่มีศิลปะในหัวใจ มีแต่ความโหดร้ายทารุณ คนแบบนี้เล่นลิเกไม่ได้หรอก” จริยารอเสียบ ชี้ตัวเอง “นี่ คนเล่นลิเกได้อยู่ตรงนี้ ไปขอร้องยัยแข้งเหล็กนี่ทำไม”
พริมโกรธที่โดนจริยาด่าเอาด่าเอา
“น้าเริง ชั้นจะเล่นลิเก”
จริยาเซ็ง “อ้าว ผีอะไรเข้าสิงขึ้นมาล่ะ”
“ไม่รู้ อยู่ๆ ก็อยากเล่น อยากสวย มีไรมะ”
สำเริง เพชร ลูกดอก และแฉะ ดีใจ
“จริงๆ นะพริม ขอบใจมาก”
“แล้วจะเล่นยังไง ร้อง รำ ก็ไม่ได้สักอย่าง” จริยาปรามาส
“อย่าห่วงไปเลย ชั้นมีวิธี”

แฉะยิ้มมีแผนไว้รองรับแล้ว

อ่านต่อหน้า 2

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 9 (ต่อ)

เปิดเวทีลิเกตอนค่ำ ชาวบ้านมาดูกันแน่นขนัด แม้นมาศ กะปลัดขิก นั่งหน้าสุด ลิลลี่ มาดูด้วย บนเวทีลูกดอกแต่งตัวเสนาเข็นรถเข็นผู้ป่วยที่เพชรแต่งตัวพระเอกแต่นั่งเป็นองค์ชายง่อยออกมา

ลูกดอก ร้อง รำ แทนเพชรทุกเม็ด
“เจ้าชายมีนามว่าชายน้อย แขนขาง่อยปากเบี้ยวน่าสงสาร
เพราะเมื่อเยาว์พลัดตกม้าลงจากอาน จึงพิการพิกลเป็นต้นมา
แต่มีใจล้ำเลิศประเสริฐนัก เป็นที่รักเอ็นดูของหมู่ประชา”
เพชรอ้าปาก “อันอี๊ อ้าอากอะไปอมอะอาด”
ลูกดอกแปล “วันนี้ข้าอยากจะไปชมตลาด
“ไออูแออุ๊กอุกอ๋องอ้าดอะออน อ้วยอาอ้าไออี”
ลูกดอกแปลอีก “อ๋อ...ไปดูทุกข์สุขของราษฎร ช่วยพาข้าไปที...ได้สิพระเจ้าค่ะ”
ลูกดอกจะเข็นรถเข็นไป
อีกฝั่งหนึ่งของเวที พริมแต่งนางเอกสวยพริ้ง ตั้งวงออกมาท่าเดียวดูแข็งๆ พริมยิ้มกว้างแต่ดูประหม่า ชาวบ้านปรบมือเกรียว ปลัดปรบมืออกนอกหน้า
“นางเอกนี่คนละคนกับเมื่อวานนี่ สวย สวยไม่บันยะบันยัง” ปลัดปลื้ม
แม้นมาศค้อนควัก “จะมากไปแล้ว จะชมใคร เกรงใจเมียด้วย”
ลิลลี่ เขม้นมองพิจารณานางเอกลิเกคนใหม่
“ใครน้า... หน้าคุ้นๆ เมื่อวานก็คุ้น วันนี้ก็คุ้น”
บนเวทีจริยาในบทพี่เลี้ยงรำออกมา
“นี่คือเจ้าหญิงกรรณิการ์ ไม่พูดจาเพราะเป็นใบ้ไม่ได้แกล้ง
เร่เดินทางต่างนครจนอ่อนแรง ขาแข้งเมื่อยล้าระอาเพลีย
จึงแวะนั่งข้างตลาดสะอาดสุด รีบพักหยุดจัดไปอย่าได้เสีย”
ระนาดรับ เตร๊ง เตรง...เตร่ง....เตรง...
“องค์หญิงกรรณิการ์เพคะ ทรงพระหิวรึยังเพคะ”
พริมพยักหน้า
“เดี๋ยวกระหม่อมชั้นจะไปหาของเสวยมาถวายนะเพคะ”
พริมพยักหน้า จริยาออกฉากไป
“เอ๊ะ องค์ชายน้อย นั่นหญิงสาวที่ไหนมานั่งอยู่คนเดียว หน้าตาไม่เคยเห็นมาก่อน เราเข้าไปสอบถามดูไหมพะย่ะค่ะ”
เพชรพยักหน้า ลูกดอกเข็นรถพาเพชรเข้าไปหาพริม
“เอ้าเอ็นไออึ๊ เอาไอ้เอยเอ๊นอาอ่อน อำไออาอั้งอู่อนเอียว”
ลูกดอกแปล “องค์ชายถามว่า เจ้าเป็นใครรึ เราไม่เคยเห็นมาก่อน ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว”
พริมส่ายหน้า เพชรกับลูกดอกงง พริมชี้ที่ปากแล้วส่ายหน้าอีก
“เจ้านี่ไร้มารยาท รู้มั้ยว่าที่อยู่ตรงหน้าเจ้าคือองค์ชายน้อย ท่านพูดกับเจ้าทำไมไม่พูดด้วย”
พริมฉุน “อ้าว ก็บอกให้ชั้นเล่นเป็นองค์หญิงใบ้ จะให้ชั้นพูดยังไงล่ะ”
สำเริงกับแฉะที่แง้มดูอยู่ข้างฉาก กลุ้มใจที่พริมหลุดบท ลูกดอกกับเพชร รีบจุ๊ปาก
“ไม่ต้องพูด ในบทไม่ต้องพูด”
พริมเพิ่งรู้ตัวพยักหน้าหงึกๆ แล้วตั้วงยิ้มแฉ่งต่อไป
คนดูหัวเราะชอบใจ แม้นมาศกับปลัดชอบใจ
“น่ารักจังเลย ช่างสรรหาเรื่องมาเล่นกันเนาะ”
“อืม ช่างสรรหานางเอกด้วย” ปลัดมองพริมตาหวานเยิ้ม
“นี่ๆๆๆ ไม่ต้องตาเยิ้มขนาดนั้นก็ได้”
ลิเกเล่นกันต่อไป จริยาออกมาเจอเกิดเหตุวุ่นวาย ลิเกเล่นกันต่อไป
ที่ข้างล่าง บุญหลงเดินเข้ามา สะดุดตามองพริมไม่วางตา
“พริมนี่” บุญหลงเดินมานั่งข้างลิลลี่
“ไอ้หลง แกว่านางเอกหน้าคุ้นๆ มั้ย”
บุญหลงรีบปฏิเสธ “ไม่เห็นคุ้นเลย ไม่รู้จัก”
บุญหลงยังสงสัยว่าพริมมาเล่นลิเกได้ยังไง
บนเวที เพชรกำลังจีบพริมอ้อๆ แอ้ๆ แต่ดูน่ารัก โดยมีลูกดอกเป็นคนร้องแทน จริยาก็ร้องโต้ขัดขวางแทนพริม

คนดูฮาครืน ฟินสุดๆ

ทางฝ่าย รักษ์ ขนุน นั่งอึดอัดลำบากใจ ต่อหน้า ธำรง และ ธัญญา ที่ชวนคุย หัวเราะสนุกสนานเอิ้กอ๊ากอยู่ในห้องนั่งเล่นคฤหาสน์

“หนูขนุนนี่คุยสนุกดีนะ พ่อไม่ได้หัวเราะอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ถ้าได้คุยบ่อยๆ คงหายป่วย”
“ตายจริง นี่ 3 ทุ่มแล้วเหรอ คุยเพลินจนลืมดูเวลาเลย” ธัญญาแกล้งว่า
“จริงด้วย ที่บ้านคงเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ งั้นขนุนขอตัวกลับก่อนนะคะ” ขนุนขอตัว
“หนูขนุนมายังไงคะ”
“ขี่รถเครื่องมาค่ะ”
“ว้าย ผู้หญิงขี่รถเครื่องดึกๆ ดื่นๆ มันอันตรายนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ขนุนสามารถ”
“ไม่ได้ ไม่ได้ ยังไงก็อันตรายอยู่ดี”
รักษ์บอก “งั้นรักษ์ขับรถไปส่งนะครับ”
ธำรงทักท้วง “ไม่ต้องตารักษ์ แกอยู่ที่นี่แหละ”
ธัญญาสรุป “งั้นคืนนี้ค้างที่นี่แล้วกัน เดี๋ยวป้าให้เด็กมันเตรียมห้องแล้วก็ชุดให้เปลี่ยนนะ”
“อุ้ย ไม่เป็นไรค่ะ ขนุนกลับดีกว่า”
“อย่าปฏิเสธเลยน่า เดี๋ยวลุงโทร.บอกที่บ้านให้เอามั้ย ว่าไม่ต้องเป็นห่วง” ธำรงว่า
“โอ้ย อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวขนุนโทร.บอกเอง”
“เป็นอันว่าค้างคืนที่นี่นะ”
ขนุนยิ้มเจื่อนๆ รักษ์เซ็ง ธำรงกับธัญญาแอบยิ้มให้กัน ดูปลื้มปริ่มมีความสุข

ฟากพริมประคองเพชรเดินกระเผลกเข้ามาหลังเวที บนคอมีมาลัยแบงค์คล้องทั้ง 2 คน สำเริง ลูกดอก แฉะ ที่รออยู่แล้ว ปรบมือให้เพชรกับพริม
“สุดยอดพริม เธอนั่งตั้งวงแข็งทื่อเป็นชั่วโมงจนจบเรื่องไม่มีสั่นเลย” สำเริงชม
“ก็พริมเป็นนักมวยนี่ จะตั้งวงอีกซัก 2 ชั่วโมงก็ไม่สะทกสะท้าน” จริยาค้อน
“งั้นพรุ่งนี้พริมมาเล่นให้อีกนะ เป็นองค์หญิงใบ้ คนดูชอบกันใหญ่เลย เค้าบอกไม่เคยเห็นที่ไหนเล่น”
“ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว อะไรก็ไม่รู้แสงไฟแสงเพชรวูบวาบตาลายไปหมด ไหนคนดูก็คอยจะหัวเราะอีก เวียนหัว”
“แต่ได้เงินนะไม่เอาเหรอ มาลัยที่คอ ชั้นยกให้เลยนะ” สำเริงว่า
พริมรีบถอด “ไม่เอาหรอกน้าเริง ชั้นได้แต่นั่งเฉยๆ ให้พี่จริยาดีกว่า”
จริยารีบปราดมารับ “อู้ยยย ขอบใจจ๊ะ เธอนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ”
แฉะรีบฉกมาจากมือจริยา “เอาเข้ากองกลาง”
แม้นมาศเข้ามา พุ่งไปหาเพชรทันที
“น้องเพชร เก่งมากลูก น่ารักจริงๆ” แม่ยกเมียปลัดจับหอมแก้มซ้ายขวา “ขนาดทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวก็ยังหล่อเลย” พลางควักมาลัยแบงค์คล้องคอ “นี่จ้ะ ขอโทษทีนะที่ไม่ได้ให้หน้าเวที กลัวอีตาปลัดมันเห็น อีตานี่มันยิ่งขี้หึงอยู่”
ไม่ทันขาดคำ ปลัดกฌโผล่เข้ามา มองเหล่เมีย
“แม้นมาศ มายุ่งอะไรกับเค้าหลังเวที”
แม้นมาศอึกอัก “ชั้นมาถามเรื่องที่จะเล่นพรุ่งนี้ เพราะคืนสุดท้ายแล้ว เอาให้สนุกๆ แหม คิดว่าชั้นมาทำอะไรล่ะ”
“นึกว่าจะมาก้อร่อก้อติกพระเอกลิเก” ปลัดหันมายิ้มตาเยิ้มกับพริม “ว่าแต่ เจ้าหญิงกรรณิการ์ก็สวยมากเลยนะครับ บนเวทีว่าสวยแล้ว ดูใกล้ๆยิ่งสวย”
“นี่! คุณนี่ไม่ก้อร่อก้อติกเลยเนอะ ออกไป ออกไปเลย”
แม้นมาศลากปลัดออกไป พริมทำท่าขนลุกที่โดนปลัดจีบ บุญหลงโผล่เข้ามา
“พริม”

พริมตกใจกว่าเก่า “หลง”

อ่านต่อหน้า 3

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 9 (ต่อ)

พริมลากบุญหลงออกมาคุยกัน

“อย่าไปบอกใครเด็ดขาดนะหลง ถ้าใครรู้เข้าชั้นตายแน่”
“ชั้นไม่บอกหรอกพริม ว่าแต่พริมมาเล่นลิเกให้เค้าได้ยังไง”
“เรื่องมันยาว เดี๋ยวเล่าให้ฟังแล้วกัน แต่ต้องสัญญานะ ว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง”
“สัญญา”
บุญหลงชูนิ้วก้อยหวังจะเกี่ยวก้อยสัญญากับพริม
แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจเลย รีบร้อนเดินออกไป บุญหลงชูนิ้วเก้ออยู่คนเดียว

อีกฟาก รักษ์มาเคาะประตูห้องน้ำในห้องนอนขนุน
“ออกมาได้แล้วขนุน เปลี่ยนชุดนอนแค่นี้ทำไมต้องนานด้วย”
“ชั้นเขินนี่พี่รักษ์ เกิดมาไม่เคยใส่ชุดแบบนี้ซะที”
“ไม่ต้องเขินหรอก ชุดนอนแบบนี้พี่เห็นแม่พี่ใส่ประจำ ออกมาเถอะW
ขนุนเปิดประตูออกมากระมิดกระเมี้ยน ในชุดนอนบางเบาเซ็กซี่ รักษ์มองตาค้าง
“พี่รักษ์”
รักษ์อึ้งอยู่อยู่อย่างนั้น
“พี่รักษ์ มองอะไร”
“เปล่าๆ ขนุน เรื่องวันนี้ พี่ขอโทษแทนคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่รักษ์ ท่านน่ารักดีออก”
รักษ์ถอนใจ “เฮ้อ จะน่ารักกว่านี้ ถ้าท่านไม่คอยเจ้ากี้เจ้าการคนอื่นอยู่เรื่อย ขนุนนอนเถอะ มีอะไรเรียกพี่ได้นะ ห้องอยู่ตรงข้ามนี่เอง”
“จ้ะ”
รักษ์จะออกไป
ขนุนเรียกไว้ “พี่รักษ์”
รักษ์หันมา “ห๊ะ”
“เมื่อกลางวันที่พี่รักษ์บอกว่า อยากแต่งงานกับขนุน”
“อ๋อ แค่หลอกคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นเอง ท่านจะได้เลิกยัดเยียดลูกสาวผู้ว่าให้ซักที ขนุนสบายใจได้ไม่มีอะไรหรอก”
ขนุนพยักหน้า “อืม”
“พี่ไปนอนนะ ฝันดีนะขนุน”
“ฝันดีจ้ะพี่รักษ์”
รักษ์ออกไป
ขนุนเศร้าๆ เพราะรู้สึกแอบชอบรักษ์อยู่ อยากให้ที่รักษ์พูดเป็นจริง

ด้านเพชรเดินง่อยๆ มาส่งพริมที่หน้าบ้านลิเก บุญหลงจอดรถเครื่องรออยู่ริมรั้ว
“รีบนอนนะ พักผ่อนมากๆ ร่างกายจะได้ฟื้นเร็วๆ”
เพชรพยักหน้า “อือ”
“ถ้าหายแล้ว ชั้นกับน้าชาติน้าแชมป์จะเคี่ยวให้หนักกว่าเดิม นายจะหนีมาเล่นลิเกอีกไม่ได้แล้วนะ บอกน้าเริงเลยว่าไปหาคนอื่นเล่นแทน”
เพชรพยักหน้า “อือ”
“แล้วก็อย่าบอกใครเรื่องชั้นมาเล่นลิเกด้วย โดยเฉพาะน้าอร”
เพชรพยักหน้า “อือ”
“ไปละ” พริมเดินไป
เพชรร้องเรียก อื้อๆ อ้าๆ “อื๊อๆๆ”
“อะไรอีก”
เพชรจับมือพริมขึ้นมาเขียน “ขอบใจนะ”
บุญหลงเห็นก็หวง
“ขอบใจ”
เพชรพยักหน้า
“ขอบใจเรื่องอะไร”
เพชรเขียนอีก ยาวมาก เขียนจากฝ่ามือเลยไปถึงข้อพับเลยไปถึงหัวไหล่
เพชรเขียนว่า “ขอบใจที่มาช่วยเป็นนางเอกให้ เธอสวยมาก”
พริมจั๊กจี้สะบัดออก
“โว้ย จะเขียนอะไรนักหนา เอาสั้นๆ ได้ใจความเป็นมั้ย”
เพชรเขียนใหม่ “ลิเก”
“ขอบใจที่ชั้นเล่นลิเกให้”
เพชรพยักหน้า
“ก็เล่นไปงั้นแหละ ขี้เกียจรำคาญตื๊อ หมดแล้วนะ”
เพชรพยักหน้าอีก พริมเดินออกไปจะขึ้นซ้อนท้ายรถบุญหลง
เพชรเดินกลับเข้าบ้าน แต่ดันเดินไปเตะอิฐก้อนหนึ่งเข้า
“โอ้ย! ใครเอามาวางเกะกะวะ”
พริมตกใจระคนแปลกใจ “เพชร พูดได้แล้วนี่”

เพชรหน้าเหวอที่เผลอหลุดปาก

ธำรงตื่นเช้ากำลังรำมวยจีนอยู่ในสวนไม่มีท่าทีเจ็บป่วยสักน้อย บอดี้การ์ดเอาอิฐมาตั้งเรียงซ้อนกันหลายก้อน ธำรงฟันโชะอิฐหักทั้งหมด ธำรงร้องสะใจ ธัญญารีบร้อนเข้ามา

“เบาๆสิคุณ เดี๋ยวลูกก็ได้ยินหรอก”
“อุ้ย จริงด้วย ถ้าลูกมาเห็นล่ะแผนแตกเลย ต้องยกความดีให้คุณนะ ลูกไม่ได้กลับบ้านมาตั้งหลายปี แต่พอบอกว่าผมป่วยเท่านั้นแหละ รีบกลับมาทันทีเลย
“ก็ชั้นรู้จักลูกดีน่ะสิคะ รู้ว่าลูกเป็นห่วงคุณยิ่งกว่าใคร แล้วถ้าคุณแกล้งป่วย ลูกก็จะไม่กล้าขัดใจแล้วก็ยอมทำตามทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“คราวนี้กิจการ โอ่งมังกรเฮียธำรง ก็จะมีผู้สืบทอดแล้วนะ”
ธำรงกับธัญญาหัวเราะคิกคัก โดยไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่งขนุนแอบฟังอยู่

รักษ์กับขนุนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
รักษ์ตกใจและไม่พอใจนิดๆ “ขนุนเอาอะไรมาพูด พ่อพี่เนี่ยนะแกล้งป่วย”
“ใช่ ถ้าไม่เชื่อพี่ลองสังเกตดูก็ได้”
สักครู่ธัญญาประคองธำรงเดินกระย่องกระแย่งเข้ามา รักษ์มองอย่างจับสังเกต
“อาการพ่อเป็นยังไงบ้างครับ”
“เหมือนเดิม เจ็บหัวใจ ขาไม่มีแรง หลังแดงเป็นผื่น กลืนน้ำไม่ลง ทรงตัวไม่ได้ คงต้องตายแล้วล่ะคราวนี้”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณ ลูกก็กลับมาสืบทอดกิจการของคุณแล้ว คุณต้องอยู่ดูความรุ่งเรืองของกิจการเราก่อนสิคะ แล้วก็ อยู่รอดูหน้าหลานด้วย”
รักษ์ไอค่อกแค่กทีหนึ่ง
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ จริงๆ แล้ว ขนุนท้องได้ 2 เดือนแล้วครับ”
ธำรง ธัญญาตกใจ ขนุนเองก็แปลกใจว่าทำไมรักษ์พูดอย่างนั้น
“จริงเหรอ งั้นก็แปลว่าชั้นก็จะได้เห็นหน้าหลานก่อนตายแล้วล่ะสิ”
“ใช่ครับ เรื่องหลานผมทำให้พ่อได้แล้ว แต่เรื่องสืบทอดกิจการ” รักษ์ไอค่อกแค่กอีกที “ผมคงทำให้ไม่ได้”
“อ้าว ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะลูก”
“ผมป่วยเป็นลูคีเมียระยะสุดท้ายครับ หมอบอกว่าผมจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ผมอาจจะจากโลกนี้ไปก่อนพ่อก็ได้”
รักษ์ลุกขึ้นแล้วหน้ามืดล้มลง ทุกคนรีบเข้าไปดูร้องกันเสียงหลง
รักษ์พูดอย่างกระท่อนกระแท่น “ผม...ขอโทษ...นะครับ ที่วิชา...ปั้นโอ่ง...ของตระกูลเราจะไร้คนสืบทอด เพราะ...ผม...จะไม่ได้อยู่สอนลูกผมแล้ว”
“ไม่เป็นไรลูก พ่อเนี่ยแหละจะเป็นคนสอนหลานปั้นโอ่งเอง” ธำรงหลุดปาก
รักษ์ท้วง “แต่คุณพ่อกำลังจะ...”
“พ่อยังไม่ตายง่ายๆหรอก พ่อยังแข็งแรงอยู่ ใช้มือยกโอ่งข้างละใบยังได้เลย พ่อแค่แกล้งป่วยเพราะอยากให้ลูกกลับบ้านเท่านั้นแหละ ลูกสบายใจได้”
รักษ์อึ้ง จริงดังที่ขนุนมาบอก
“คุณพ่อครับ ผมก็แค่แกล้งป่วย เพื่อให้พ่อสารภาพความจริงเหมือนกัน”
รักษ์ลุกขึ้นยืนปกติ ธำรง กะ ธัญญาเหวอ
“ขนุน กลับคณะลิเก”

รักษ์จูงมือขนุนออกมาจากบ้านด้วยความโกรธ ธำรงกับธัญญาวิ่งตามออกมา การ์ด 1 การ์ด 2 ตาม
“ตารักษ์ ตารักษ์ ฟังแม่ก่อน”
รักษ์หยุด
“ที่พ่อแม่ทำไปก็เพราะคิดถึงลูกนะ อยากให้ลูกกลับมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
“คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้คิดถึงผม แต่คิดถึงกิจการของตัวเอง แล้วก็อยากได้หน้าได้ตาเลยให้ผมแต่งกับลูกสาวผู้ว่า”
ธำรงโกรธ “ก็นั่นไม่ใช่เพราะทำเพื่อแกหรอกเหรอ ให้แกมาดูแลกิจการจะได้มีกินมีใช้ ไปอยู่คณะลิเกจะเอาอะไรกินเข้าไป อย่านึกนะว่าชั้นไม่รู้ว่าไอ้คณะลิเกนั่นกำลังถังแตก แล้วที่ให้แต่งกับลูกผู้ว่า แกจะได้มีคนนับหน้าถือตา เป็นลิเกมีแต่คนดูถูก”
“ผมไม่สนเรื่องจะมีกินหรืออดตาย ผมไม่สนว่าใครจะนับถือหรือดูถูก ผมสนแค่ว่าผมรักลิเก ผมจะเป็นลิเก ผมจะร้องจะรำลิเกไปตลอดชีวิตของผม คุณพ่อคุณแม่เลิกยุ่งกับผมซะที ปล่อยให้ผมได้มีชีวิตของตัวเองเถอะ”
รักษ์จูงมือขนุนออกไป ธัญญาร้องไห้เสียใจ ส่วนธำรงโกรธมาก
“จับตัวมันไว้”
การ์ด1การ์ด 2 เข้าไปจะจับตัวรักษ์ ขนุนออกหมัด เท้า จัดการการ์ดทั้ง 2 ล้มลุกคลุกคลาน รักษ์กับขนุนพากันออกไป
“ตารักษ์ อย่าไปเลยลูก”

ธำรงคุมแค้น “ไอ้รักษ์”

อ่านต่อตอนต่อไป

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 9 (ต่อ)

เวลาเดียวกันนั้น นางเอกลิเกคนสวย ยอดสร้อย เดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาถึงหน้าบ้าน หยุดมองดูบ้านลิเก แล้วเปิดประตูรั้วสืบเท้าเดินเข้าบ้านไปช้าๆ

พวก เพชร สำเริง ลูกดอก แฉะ และ จริยา กำลังปรึกษาหารือกันอยู่เรื่องงานคืนนี้ เพชรอาการดีขึ้นมากแล้ว
“ถ้าวันนี้ขนุนยังไม่กลับมา ชั้นจะลองไปขอร้องพริมอีกทีนึงก็แล้วกัน”
จริยาเสนอหน้าเต็มที่ “แล้วถ้าพริมก็ไม่ยอมเล่นล่ะ”
“เราก็คงต้องเล่นเรื่อง ชายงามกับเจ้าหญิงอสูร ไหนลองแยกเขี้ยวซิ” แฉะว่า
จริยาแยกเขี้ยว “แฮ่ เฮ้ย! ชั้นแต่งขึ้นมาชั้นก็สวยเหมือนกันนะ”
เสียงยอดสร้อยร้องลิเก “สวัสดีจ้ะพี่น้อง มาฟังฉันร้องลิเก”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วรีบลุกออกไปดูหน้าบ้าน

ทุกคนออกมาเห็นยอดสร้อยนั่งพับเพียงอยู่ตีนบันไดเรือน
“นางเอกสาวพราวเสน่ห์ อย่าเพิ่งหันเหเบ้หน้า
ขอฝากตัวด้วยนะจ๊ะ แล้วแต่ท่านจะกรุณา”
ยอดสร้อยมองมาด้วยสายตาเว้าวอน
สำเริงตะลึง “ยอดสร้อย”
แฉะอึ้ง “ยอดสร้อย”
เพชรไม่เชื่อตา “พี่ยอดสร้อย”
ลูกดอกก็ด้วย “พี่ยอดสร้อย”
จริยาคำราม “อียอดสร้อย”
ยอดสร้อยยิ้มให้ทุกคน “จ้ะ ชั้นเอง”
ยอดสร้อยวางกระเป๋าตีหน้าเศร้า ค่อยๆ เดินเข้าไปหาแล้วก้มกราบแทบเท้าขอขมาสำเริง
“ชั้นขอโทษจ้ะน้าเริง ชั้นผิดไปแล้ว น้าเริงให้อภัยชั้นเถิดนะจ๊ะ”
ยอดสร้อยส่งสายตาสำนึกผิดและน่าสงสารมาอ้อนวอน

ที่ค่ายมวย ศ.อรชร พริมกำลังต้มซุปไก่ดำในหม้อ บุญหลงกำลังมัดสมุนไพรใส่ห่อผ้าขาวบาง
“ใส่ได้รึยังพริม”
“เดี๋ยวก่อน เคี่ยวอีกแป๊บนึง น้าอร บอกว่ายาสูตรนี้สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่ของปู่ ส่วนผสมแล้วก็วิธีทำต้องเป๊ะมาก ไม่งั้นยาจะไม่มีฤทธิ์ อ่ะ ใส่ลงมาได้แล้ว”
บุญหลงใส่ห่อสมุนไพรลงไปในหม้อ
“คนที่บาดเจ็บ ได้กินเข้าไปแค่หม้อเดียว เพียงข้ามคืนก็จะอาการดีขึ้น ดูอย่างเพชรสิ กินไปตอนกลางวัน ตกกลางคืนก็เริ่มพูดได้แล้ว ถ้ากินหม้อนี้เข้าไปคงหายดี”
“พริมดูเป็นห่วงเพชรดีเนอะ”
“บ้าเหรอ ชั้นก็แค่ทำตามน้าอรสั่ง”
“ถ้าวันหลังหลงเจ็บตัวมา พริมต้มให้หลงกินบ้างสิ”
“อืม...”

บุญหลงได้ยินแค่นี้ก็ดีใจเหลือล้นแล้ว

ส่วนที่บ้านลิเก ทุกคนกำลังนั่งฟังยอดสร้อยตีหน้าเศร้าน้ำตาคลอเล่าเรื่องวิบากกรรมรัก บางจังหวะถึงกับสะอึกสะอื้น ร่ำไห้กระซิกๆ เป็นที่น่าเวทนา

“ไอ้บ้านั่นมันหลอกชั้น มันบอกว่าจะเลี้ยงดูชั้นอย่างดี ที่ไหนได้ ชั้นต้องไปคอยรับใช้ครอบครัวของมันอย่างกับทาส ทุกคืนชั้นนอนร้องไห้ คิดถึงลิเกทุกลมหายใจ ชั้นรู้แล้วว่าชีวิตชั้นขาดลิเกไม่ได้ ทุกคนให้อภัยชั้นนะ รับชั้นกลับเข้าคณะด้วยนะ”
สำเริงฮึดฮัด “ไอ้ตอนจะไปก็ปุ๊บปั๊บไป ไอ้ตอนจะมาก็ปุ๊บปั๊บมา”
“ตอนไปก็เพราะคงเห็นว่าคณะเรามันกำลังตกอับ พอตอนนี้เห็นว่าพอมีงานก็ตามกลิ่นเงินมาเชียว” จริยาโมโห
ยอดสร้อยหน้าเศร้า “ไม่จริงเลยพี่จริยา ชั้นไม่รู้เรื่องเงินทองอะไรทั้งนั้น ชั้นจากไปเพราะหลงผิด ชั้นกลับมาเพราะคิดถึง จริงๆ นะจ๊ะ”
แฉะกระซิบข้างหู “พี่เริงรับไว้เถอะ คืนนี้เราจะได้มีนางเอก”
จริยากระซิบด้วย “อย่าเลย เดี๋ยวอยู่ๆ มาหายหัวไปอีก จะยิ่งยุ่งเหมือนคราวที่แล้ว”
เพชรกระซิบมั่ง “แต่ดูๆไปก็น่าสงสารนะพ่อ ให้โอกาสพี่ยอดสร้อยเถอะ”
ลูกดอกกระซิบ “แฟนลิเกก็ยังอยากดูพี่ยอดสร้อยอยู่นะ”
จริยากระซิบ “อย่ารับมันกลับมาเชียวนะพี่เริง”
“โว้ย! กระซิบอะไรกันนักกันหนา หูกูเปียกหมดแล้ว ยอดสร้อย ถ้าชั้นรับกลับเข้าคณะแล้ว ต้องให้สัญญานะ ว่าจะไม่ทำตัวเหลวไหล หนีตามผู้ชายไปอย่างคราวที่แล้วอีก”
“ชั้นให้สัญญาจ้ะ ถ้าชั้นทำตัวไม่ดีอีก ชั้นยอมให้พี่จริยาเอาเท้าอวบๆ เหยียบหน้าเลยจ้ะ”
“ฮึ่ม แกพูดแล้วนะ”
“ในเมื่อให้สัญญาขนาดนี้แล้ว ก็เอาข้าวของไปเก็บ แล้วเดี๋ยวออกมาซ้อมเรื่องที่จะเล่นคืนนี้”
ยอดสร้อยดีใจร้องกรี๊ด “อร๊าย ขอบใจจ้ะน้าเริง” ถลาเข้าไปกอด
จริยามองค้อน หมั่นไส้เหลือคณา

ถัดมา พริม เดินนำบุญหลงที่ถือกระติกซุปเข้ามา เพชรจะมาเอาของข้างล่าง วิ่งลงบันได้มาคล่องๆ มาเจอพริมพอดี
“อ้าวพริม เอาซุปมาให้เหรอ”
“อือ วิ่งได้แล้วนี่ ไม่ต้องกินแล้วมั้ง”
เพชรรีบแกล้งเจ็บขากะเผลกทันที
“โอ้ย ก็ยังไม่สนิทดีหรอก ยังเคล็ดๆ อยู่เลย”
พริมหมั่นไส้ “หลง เอาวางไว้ที่โต๊ะ วันนี้คงกินเองได้แล้ว”
“แต่ที่ชั้นหายเร็ว ก็เพราะพริมป้อนเลยนะ ถึงแขนชั้นจะหายแล้วพริมป้อนชั้นอีกก็ได้” เพชรปากหวาน
บุญหลงอึ้ง “พริมป้อนซุปให้เพชรด้วยเหรอ”
“ก็ เมื่อวานมือเพชรมันเดี้ยง ชั้นก็ต้องป้อน เพชร อย่าสำออยไปหน่อยเลย รีบๆ กิน รีบๆ หาย แล้วคืนนี้เล่นลิเกคืนสุดท้ายแล้วใช่มั้ย”
เพชรพยักหน้า “ใช่”
“งั้นพรุ่งนี้ก็กลับไปซ้อมได้แล้ว ตอนเช้าตื่นไปวิ่งด้วย”
“วิญญาณคุณแม่เข้าสิงอีกแล้ว” เพชรเซ็ง
พริมเงื้อมือจะตบ
เพชรยกมือกัน “อย่าๆๆ จะทำร้ายคนเจ็บได้ลงคอเหรอ”
“ตกลงพรุ่งนี้จะตื่นไปวิ่งมั้ย”
เพชรยกนิ้วก้อยมา “ไปคราบ”
“แน่ใจ”
“สัญญาก็ได้คราบ”
พริมยกนิ้วก้อยมาเกี่ยว
“ถ้าเบี้ยวล่ะก็ ชั้นจะซัดให้ปากเบี้ยวเลย”
บุญหลงมองนิ้วก้อยของเพชรกับพริมเกี่ยวกันแล้วใจแป้ว นึกถึงเมื่อคืนที่พริมไม่เห็นยอมเกี่ยวก้อยกับตนเลย

ทางฝ่ายรักษ์มาถึงบ้านทุ่งไก่หลงแล้ว แต่หลบมาตั้งหลักที่ศาลาหลังวัด นั่งหน้าเศร้าอมทุกข์เรื่องพ่อแม่เศรษฐี มีขนุนเป็นห่วงอยู่ข้างๆ
“ขนุน อย่าบอกเรื่องที่บ้านพี่ให้ใครรู้นะ พี่ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง”
“แล้วที่พี่ออกจากบ้านมา พี่ไม่กลัวพ่อ แม่ พี่เป็นห่วงเหรอ”
“ท่านไม่เคยเป็นห่วงพี่หรอก ท่านคิดแต่จะให้พี่ไปสืบทอดกิจการ แต่จริงๆแล้วพี่ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงสักหน่อย ขนุนก็เห็นว่าอยู่กับน้าเริงมีความสุขออกจะตาย ถึงจะอดมื้อกินมื้อ แต่ถ้าได้ทำในสิ่งที่เรารัก มันก็อิ่มใจแล้วนะ”
“อิ่มใจ ใช่ คำนี้แหละ อิ่มใจ หลังจากเล่นลิเกเสร็จคืนนั้น ขนุนรู้สึกอิ่มใจเหมือนกัน”
“แล้วชกมวยล่ะ ขนุนไม่ชอบเหรอ”
“มันเหมือนเป็นหน้าที่มากกว่า ขนุนเกิดมาเป็นลูกนักมวยแชมป์โลก ใครๆก็คาดหวังว่าขนุนจะต้องชกมวยเก่งเหมือนพ่อ ขนุนก็เลยถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ จนไม่รู้ตัวว่าเราชอบหรือไม่ชอบมันกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ขนุนชอบร้องเพลง”

รักษ์กับขนุนมองหน้ากันอย่างรู้ซึ้ง และเข้าใจหัวอกกันและกันเป็นอย่างดี

อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น