ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ยอดขายสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะลดลง แต่สำหรับ ‘REO’s Deli’ ลาซานญาพร้อมกินฝีมือผู้ประกอบการไทยกลับสวนกระแส ยอดขายและรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยจุดเด่นเป็นเมนูหายากในท้องตลาดมาพร้อมราคาเบา แทบทุกคนสามารถควักกระเป๋าซื้อมาลิ้มลองได้สบายกระเป๋า
ชณา วสุวัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แวลูซอร์สซิ่ง จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ลาซานญา (Lasagna) พร้อมกิน แบรนด์ ‘ริโอส์เดลิ’ (REO’s deli) เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานประจำด้านการตลาด ขณะที่ส่วนตัว และภรรยา (สายชล วสุวัต) ชื่นชอบการทำอาหาร โดยเฉพาะเมนูต่างประเทศ จนเมื่อคิดจะทำธุรกิจตัวเองพบช่องว่างในตลาดอาหารตะวันตกในเมืองไทยหากินได้ค่อนข้างยาก ต้องไปกินตามร้านอาหาร และราคาค่อนข้างสูง นอกจากนั้น สินค้ามักจะเป็นอาหารแช่แข็ง (Frozen food) ซึ่งจะสูญเสียรสชาติความสดใหม่ของอาหารแบบต้นตำรับไป
“จากที่เราเห็นช่องว่างดังกล่าว เลยได้แนวคิดจะทำอาหารตะวันตกในรูปแบบ Chilled Food (อาหารแช่เย็นกึ่งสำเร็จรูปพร้อมกินที่คงรักษาความสดใหม่ใกล้เคียงกับอาหารที่ปรุงสดใหม่) โดยวางจุดขายให้เป็นอาหารคุณภาพดี แต่ราคาไม่สูง ซึ่งผมเชื่อว่าการผลิตในประเทศไทยช่วยให้ทำสินค้าได้สดใหม่กว่าคู่แข่งอาหารแช่แข็งที่ส่งมาจากต่างประเทศ”
ส่วนที่เลือกเมนูเป็น “ลาซานญา” เพราะเป็นอาหารอิตาเลียนที่หากินตามท้องตลาดทั่วไปค่อนข้างยาก ทว่า คนไทยรู้จักและนิยมอยู่แล้ว โดยก่อนวางตลาดได้ขอคำแนะนำด้านวิทยาศาสตร์อาหารในการแปรรูปให้เป็น Chilled Food จาก “สถาบันอาหาร” นอกจากนั้น มักออกบูทงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อทดสอบตลาด รับฟังความคิดเห็นจากลูกค้านำมาปรับปรุงรสชาติให้ถูกปากคนไทยมากที่สุด
ชณาเผยด้วยว่า ใช้เงินลงทุนธุรกิจนี้เบื้องต้นประมาณ 1 ล้านบาท อาศัยเวลาพัฒนาสินค้าอยู่กว่า 1 ปี ก่อนจะเปิดวางตลาดจริง ในปี พ.ศ. 2555 ภายใต้แบรนด์ ‘REO’s Deli’ โดยเป็นลาซานญาพร้อมกิน อายุเก็บรักษาในอุณหภูมิ 1-3 องศา นาน 10 วัน วิธีการนำมากิน ใส่เข้าตู้เตาอบหรือไมโครเวฟ ประมาณ 1-2 นาที ราคาขายปลีก กล่องละ 39 บาท
“กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระยะแรก ผมวางไว้ที่คุณแม่บ้านที่ต้องการซื้ออาหารที่มีคุณภาพเพื่อสมาชิกครอบครัว ซึ่งราคากล่องละ 39 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เราสำรวจตลาดแล้วว่าผู้บริโภคยอมรับได้ดี ช่องทางผมเลือกจะเข้าผ่านห้างสรรพสินค้าเพราะตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด หลังจากนั้นกระจายวางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ” เจ้าของธุรกิจระบุ
นับจากเริ่มวางตลาดถึงปัจจุบันยอดขายเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละประมาณ 20% แม้ในปีนี้ (2558) ที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่สำหรับ ‘REO’s deli’ แล้วยอดขายกลับสูงกว่าเดิมด้วยซ้ำ เฉลี่ยประมาณ 2.6 ล้านบาทต่อเดือน โดยมีจุดวางขายกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้กำลังผลิตสูงสุดกว่า 5,000 กล่องต่อวัน
“ผมคาดสาเหตุที่ยอดขายของเรายังดีเสมอมาจากราคาที่ไม่สูงเกินไปทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม อีกทั้งลูกค้ากลุ่มหลักในปัจจุบันขยายไปสู่ “วัยรุ่น” ที่รู้จักแบรนด์และชื่นชอบในอาหารตะวันตก นอกจากนั้น ยังมีการออกสินค้าตัวใหม่ๆ และเพิ่มช่องทางขายผ่านออนไลน์เสริมด้วย”
ด้วยจุดขายหลักของสินค้าที่ตั้งไว้ให้เป็นอาหารตะวันตกราคาประหยัดนั้น เบื้องหลังที่ทำให้ขายได้ในราคา 39 บาท ชณาเผยว่า เกิดจากการ “บริหารต้นทุน” อย่างละเอียดรอบคอบที่สุด โดยเฉพาะการค้นหาแหล่งวัตถุดิบต่างๆ ที่ประหยัดจากในประเทศมาทดแทนวัตถุดิบนำเข้า เพื่อจะควบคุมให้สินค้ามีต้นทุนไม่เกิน 50% ของราคาขายปลีก
“ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่มักคิดถึงแต่เรื่องยอดขาย แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องกำไร บางครั้งขายได้มากแต่กลับไม่เหลือกำไรเลยเพราะไม่ได้คำนึงถึงต้นทุนที่แท้จริง โดยเฉพาะการเข้าขายในโมเดิร์นเทรด หรือห้างสรรพสินค้า ต้องวางเครดิตยาว 3 เดือนกว่าจะเก็บเงินได้ ในขณะที่เวลาซื้อวัตถุดิบต้องใช้เงินสด เหล่านี้เป็นต้นทุนแฝงการเงินที่ผู้ประกอบการต้องระวังเรื่องเงินหมุนเวียนให้ดี”
ในตอนท้าย เขาระบุว่า แนวคิดการทำธุรกิจจะวางเป้าหมายเป็นขั้นๆ ไป แล้วพยายามทำให้ได้ตามเป้านั้น และเมื่อทำได้ตามแล้วก็จะตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไปอีก ดังนั้น เป้าหมายจะไม่มีวันสิ้นสุด เพื่อให้ตัวเองต้องเร่งพัฒนาต่อไปไม่หยุดยั้ง
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *