xs
xsm
sm
md
lg

เทพผดุงพรมะพร้าวเล็งแผนปักหมุด 3 ตลาดใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“เทพผดุงพรมะพร้าว” เตรียมความพร้อมนำไฮไลต์ทั้ง “ชาวเกาะ” และ “แม่พลอย” บุกทำตลาดในงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลก ANUGA 2015 วันที่ 10-14 ตุลาคมนี้ ณ ประเทศเยอรมนี รับการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดของผู้บริโภคกะทิและอาหารสุขภาพทั่วโลก พร้อมเล็งแผนปักหมุด 3 ตลาดใหม่ ย้ำเศรษฐกิจโลกผันผวนกระทบทุกประเทศ เตรียมแผนสำรองเพื่อประคองคู่ค้าโตไปด้วยกันหวังช่วยรักษาสมดุลและความสัมพันธ์ระยะยาว

นายอภิศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด กล่าวถึงงานใหญ่ระดับโลกประจำปี “งาน ANUGA” ปีนี้ว่า เป็นปีที่ยิ่งใหญ่และมีการเตรียมความพร้อมกว่าที่ผ่านๆ มา ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกจะได้พบปะและซื้อขายผลิตภัณฑ์กันอย่างคึกคัก การที่เราได้เข้าร่วมงานนี้มากว่า 20 ปี ทำให้มีประสบการณ์และเห็นการกำหนดทิศทาง รวมถึงเทรนด์อาหารทั่วโลกอย่างชัดเจน ปีนี้จึงได้เตรียมความพร้อมที่จับกลุ่มเป้าหมายตามความต้องการของแต่ละโซนประเทศคู่ค้าหลัก อาจจะไม่เน้นที่จำนวนตลาดใหม่มากนัก โดยตลาดหลักยังคงเป็นอเมริกา ถ้ามองถึงผลิตภัณฑ์หลัก แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์กะทิเป็นสินค้ายอดฮิตที่มียอดสั่งซื้อเป็นอันดับ 1 จากทุกประเทศ ตามมาด้วยน้ำมะพร้าวที่ยังคงมียอดขายดีอย่างต่อเนื่องหลังจากนำไปเปิดตลาด ถือว่าเป็นอีกไฮไลต์หนึ่งที่ผู้บริโภคอเมริกันให้ความเชื่อถือและนิยมในรสชาติของเรามาก ทำให้สัดส่วนการส่งออกสูงจนต้องเตรียมแผนงานสำหรับการไปเปิดตลาดอย่างจริงจังในอนาคตอันใกล้นี้ เช่นเดียวกับฟากคู่ค้าจากแคนาดา และออสเตรเลีย ที่น้ำมะพร้าวชาวเกาะเติบโตเร็ว

นอกจากนี้ ประเทศทางฟากตะวันออกกลางหลายประเทศก็ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์เรา ทั้งกะทิ และผักผลไม้กระป๋อง เนื่องจากสามารถใช้เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารประเทศเขา และบางผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งที่เค้าไม่สามารถปลูกหรือผลิตเองได้ ปีนี้เรายังสนใจตลาดใหม่อีก 3 แห่ง คือ อิตาลี สเปน และโปรตุเกส โดยพบว่ายอดบริโภคกะทิทั้งแบบเข้มข้นและแบบไลท์ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ยังมีช่องว่างตลาดให้เราเข้าไปทำตลาดได้

โดยภาพรวมถือว่ากะทิชาวเกาะยังเป็นสินค้าส่งออกหลักที่คู่ค้าทุกประเทศไว้วางใจ และสร้างยอดขายสูงในทุกกลุ่มประเทศที่มียอดสั่งซื้อเข้ามาทั้งในงานและภายหลังงาน สาเหตุหลักนอกจากคุณภาพและรสชาติที่ดีแล้ว แนวโน้มการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพมีมากขึ้น รวมถึงเทรนด์ความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตผลจากธรรมชาติก็เป็นปัจจัยอีกด้านที่ทำให้นอกจากกะทิแล้ว ทั้งน้ำมะพร้าว และน้ำมันมะพร้าว กลายเป็นที่ต้องการของตลาด และยังรวมถึงผลงานวิจัยทั่วโลกในปัจจุบันที่พบว่ากะทิ มีคุณค่าและประโยชน์นานัปการเหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่นซึ่งตีกลับทุกความเชื่อบิดเบือนก่อนหน้านี้ในเรื่องของไขมันที่จะได้รับจากมะพร้าวว่าเป็นตัวทำร้ายร่างกายและสุขภาพ ก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้าให้ผู้บริโภคมากขึ้น โดยเมื่อรวมกับความชื่นชอบในรสชาติและความเชื่อถือในตราสินค้าที่ชาวเกาะสร้างชื่อเสียงไว้เป็นเวลานาน ผลิตภัณฑ์หลักของทั้งชาวเกาะและแม่พลอยจึงมียอดขายสูงขึ้นในทุกครั้งที่นำออกแสดงในงานฟูดแฟร์ทั่วโลก และสำหรับงาน ANUGA 2015

นายอภิศักดิ์กล่าวถึงการนำผลิตภัณฑ์ไปทำตลาดว่า “สินค้าทุกตัวที่นำไปร่วมงานในปีนี้สามารถเรียกว่าเป็นแม่ทัพของทั้งชาวเกาะและแม่พลอย ที่เชื่อว่าคู่ค้าทุกประเทศจะให้การยอมรับและมียอดสั่งซื้อสูง ทั้ง กะทิ น้ำจิ้มไก่ น้ำมะพร้าว พริกแกง และน้ำมันมะพร้าว เรียงตามลำดับความนิยม ยังไม่รวมมะพร้าวอบกรอบ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะนำไปลองตลาด คาดว่าปีนี้เฉพาะภายในงานเราจะปิดยอดสั่งซื้อได้กว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ”

โดย ANUGA 2015 เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ของโลก จัดเป็นประจำทุก 2 ปี เปรียบเป็นเวทีการค้าสำคัญที่ผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลกมาแสดงศักยภาพและนวัตกรรมการผลิตล้ำสมัย และยังเป็นงานที่จะสามารถกำหนดทิศทางเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารของโลกได้เป็นอย่างดี มีแนวคิดการจัดงาน คือ “แสดงสินค้า 10 ประเภทภายใต้ชายคาเดียว” นั่นคือแบ่งออกเป็น 10 หมวดหมู่ได้แก่ Fine Food (อาหาร), Drinks (เครื่องดื่ม), Meat (เนื้อสัตว์), Frozen Food (อาหารแช่แข็ง), Chilled & Fresh Food (อาหารแช่เย็นและอาหารสด), Dairy (ผลิตภัณฑ์จากนม), Bread & Bakery, Hot Beverages (ขนมปังและขนมอบ, เครื่องดื่มร้อน), Organic (ผลิตภัณฑ์อินทรีย์), Food Service, RetailTec (เทคโนโลยีค้าปลีก) ที่คาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าประมาณ 6,800 รายจาก 100 ประเทศ ผู้เข้าชมงานกว่า 160,000 คนจาก 187 ประเทศทั่วโลก บนเนื้อที่กว่า 284,000 ตารางเมตรใน 11 อาคารจัดแสดง

นอกจากนี้ นายอภิศักดิ์ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวด้านตลาดส่งออก รวมถึงทิศทางและแผนการตลาดที่วางไว้ จนถึงตอนนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของปี “ต้องปรับตัวเช่นเดียวกับตลาดทั่วโลก ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถวัดสัดส่วนยอดขายเป็นตัวเลขที่ชัดเจนได้เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แต่บอกได้ว่า 2 ปัจจัยหลักที่เกิดขึ้น คือ สภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจนส่งผลกระทบทั่วทุกตลาด และปัจจัยเรื่องวัตถุดิบ ที่ตลอดปีมีราคาลดลงเรื่อยๆอันเกิดจากปริมาณมะพร้าวในตลาดที่มีมากขึ้นจากการนำเข้าสูง จนทำให้ราคาสินค้าต้องลดลงตามไปด้วยเกือบ 20% นั้น หากมองตามหลักก็คงจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราได้ติดตามสถานการณ์โลกและเตรียมพร้อมรับมือพอสมควร จึงไม่กังวลนักในเรื่องยอดขายเพราะเข้าใจในปัจจัยผันแปรต่างๆ อีกอย่างหนึ่งคือ หากดูที่ยอดการผลิตและยอดสั่งซื้อที่ไม่ได้ลดลง ก็ทำให้เรายังเป็นอันดับ 1 ของการส่งออกทั้งตลาดต่างประเทศ ที่คงส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 30% จากมูลค่าการบริโภคทั่วโลกประมาณ 7,500 ล้านบาท และตลาดในประเทศมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 70%”

“เมื่อทุกส่วนของตลาดทั้งผู้ประกอบการใหญ่และเล็ก ต่างได้รับผลกระทบหมด นอกเหนือจากแผนการทำตลาดที่เน้นการขายสินค้าแล้ว เรายังดำเนินงานในส่วนของการช่วยเหลือและพยุงให้ทุกภาคส่วนของตลาดผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากมะพร้าวเกิดความคล่องตัวขึ้นในหลายรูปแบบ เช่น การคงราคาวัตถุดิบ หรือการปรับลดราคาในช่วงที่ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ เป็นต้น เพราะเราต้องการรักษาสมดุลของธุรกิจนี้และความสัมพันธ์ทางการค้าให้เกิดขึ้นในระยะยาว ไม่ได้มองแค่เม็ดเงินเฉพาะหน้า จึงถือเป็นแนวทางช่วยแก้ปัญหาตลาดที่เราเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา และเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจร่วมกันให้แก่ลูกค้าของเราด้วย” นายอภิศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น