CHOW GROUP บริษัทในเครือ เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ เดินหน้าขยายฐานธุรกิจพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ ล่าสุด หันลุย Solar Rooftop ในประเทศ หลังพบตลาดมีศักยภาพ ภาครัฐให้การสนับสนุน ประเดิมโครงการแรกขนาด 23.66 kW ร้านอาหารชายทะเลบางพระ ใน Chill Chill Community Mall “อนาวิล จิรธรรมศิริ” CEO เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ เผยพร้อมพัฒนาธุรกิจในรูปแบบเทิร์นคีย์ให้แก่ลูกค้าทั้งขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (CE) บริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจพลังงานในเครือบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ขยายฐานธุรกิจพลังงานทดแทนเข้าสู่กลุ่ม Solar Rooftop ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น จากที่มุ่งขยาย Solar Farm ในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯ มีความพร้อมเป็นอย่างดีสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ทั้ง Solar Rooftop และ Solar Farm ประกอบกับรัฐบาลให้การสนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Very Small Power Producer: VSPP) อย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นโอกาสที่ CE จะขยายเข้าสู่กลุ่ม Solar Rooftop อย่างเต็มตัว
“สำหรับตลาดในประเทศไทย กลุ่ม Solar Rooftop เราจะพัฒนาในลักษณะเทิร์นคีย์ (Turnkey-โครงการที่พัฒนาจนแล้วเสร็จในสภาพพร้อมใช้งานแล้วจึงส่งมอบแก่ผู้ซื้อ) ผ่านบริษัท พรีเมียร์ โซลูชั่น จำกัด (PSCL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด โดยขณะนี้มีโครงการแรกที่ก่อสร้าง และส่งมอบเรียบร้อยแล้ว คือ โครงการ Solar Rooftop ของร้านอาหารชายทะเลบางพระ ใน Chill Chill Community Mall ลาดพร้าว 94 ขนาด 23.66 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งถือว่าเป็นโครงการขนาดกลางที่ใช้สำหรับอาคารในเชิงพาณิชย์”
นายอนาวิล กล่าวอีกว่า สำหรับการขยาย Solar Rooftop ในประเทศไทย จะทำครบวงจรทั้งโครงการขนาดเล็ก สำหรับบ้านเรือนทั่วไป โครงการขนาดกลาง สำหรับอาคารในเชิงพาณิชย์ หรืออาคารสำนักงาน และโครงการขนาดใหญ่ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้ได้เซ็นสัญญาก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นในงานมือ (Backlog) แล้วประมาณ 250 kW ซึ่งจะส่งมอบได้ภายในปีนี้
ปัจจุบัน บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ได้ลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว 58 เมกะวัตต์ เป็นโครงการที่ลงทุนด้วยตัวเองผ่านบริษัทย่อย จำนวน 18 เมกะวัตต์ ลงทุนร่วมกันพันธมิตร จำนวน 40 เมกะวัตต์ และพัฒนาเพื่อจำหน่ายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจอีก 87 เมกะวัตต์ และในปีนี้มีนโยบายจะขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 จะเป็นปีที่บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด รับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานอย่างเต็มตัว