รัตนาวดี ตอนที่ 7
ณ บันไดวนที่อยู่หน้าปราสาท Blois ท่านชายดนัยวัฒนา สวมบท "นายเล็ก" อธิบาย
"ปราสาทบลัวร์...ใช้เวลาสร้างถึง 4 ศตวรรษ สถาปัตยกรรมมีทั้งศิลปแบบโกธิก เรอเนสซองส์ อิตาเลี่ยน และ เฟรนซ์คลาสสิคสไตล์"
ท่านหญิงรัตนาวดีสีหน้ามีความสุขมาก
"แหม…ป้าคะ ที่บ้านเรามีบันไดอย่างนี้ก็ดีน่ะสิคะ"
"โอ้ย...ไม่ไหวเพคะ...กว่าจะปีนขึ้นไปถึงขั้นบน หม่อมฉันคงเป็นลมซะก่อน"
ป้าสร้อยหัวเราะกับรัตนาวดีอย่างสนุก ท่านดนัยแอบมองรัตนาวดีอย่างรักมาก...
"แคทเธอรีน เดอ เมดิซิ มีที่อยู่อย่างนี้ไม่น่าใจร้ายเลย... เวลาอยู่ที่นี่ คงอยู่แต่ในปราสาทผสมยาพิษนะนายเล็ก"
"เป็นช่วงเวลาที่เกิดความไม่สงบจนเป็นสงครามกลางเมือง และสงครามทางศาสนาหม่อม...ทรงไม่เข้าใจปัญหาดีพอและไม่พยายามที่จะเข้าใจ แต่ทรงใช้ไม้แข็งในการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะ
เหตุการณ์วันสังหารหมู่"
"ตายจริง...สังหารหมู่เชียวเหรอนายเล็ก" สร้อยว่า
"นักประวัติศาสตร์สันนิฐานกันว่า ในปารีสมีคนตายจากการถูกปราบปราม ประมาณ 2000 คน…และ อีก ประมาณ 5000 - 10,000 คน ที่อื่นๆ ทั่วฝรั่งเศส....พระนางจึงทรงถูกประณามในเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ การสังหารหมู่วันเซนต์บาโทโลมิว"
"โหดร้ายเหลือเกิน"
หน้ารูปสลักพระเจ้าหลุยส์ ที่ 12
"ปราสาทบลัวร์ กำเนิดเมื่อ ยุคหลุยส์แห่งออร์เลอองค์ ได้ซื้อปราสาทเก่าแก่ของเมืองนี้... โอรสของชาล์ล แห่งออร์เลออองค์ ซึ่งต่อมาคือพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ทรงสร้างปราสาทใหม่...โดยใช้วิธีต่อเติมจากปราสาทเก่า และตกแต่งให้สวยงาม...สลักพระรูปพระองค์ที่กำลังทรงม้าไว้หน้าประตูทางเข้า...ที่เรากำลังดูกันอยู่นี่กระหม่อม"
"กษัตริย์พระองค์อื่นที่ครองครองต่อมาก็ต่อเติมกันตามความชอบ จนทำให้ปราสาทแห่งนี้มีศิลปหลายอย่างมารวมกัน"
ต่อมา... ท่านดนัย รัตนาวดี ป้าสร้อย นั่งดื่มเครื่องดื่มภายในร้านอาหาร
"นายเล็ก...สั่งอาหารอะไรไปบ้าง"
"กระหม่อมสั่ง ปลาคอร์ตไวท์ไวน์ กับ เนื้อลูกวัวตุ๋นไวน์ มีกุ้ง กับหอยแมลงภู่อบชี้ส เสวยกับ ปุยญี ฟูเม่... ไวน์ขาวของเมืองบลัวร์ กระหม่อม"
"อย่างนี้จะไม่เมาไวน์แย่รึนายเล็ก" สร้อยถาม
"แหมป้าคะ...มาที่นี่ถ้าไม่ดื่มไวน์ก็เหมือนไม่ได้มานะคะ จริงไหมนายเล็ก"
ท่านชายดนัยวัฒนายิ้มอย่างเก๋
"กระหม่อม"
ท่านหญิงรัตนาวดียิ้มพอใจมาก ป้าสร้อยมองทั้งสองคนอย่างเป็นทุกข์นิดๆ
"นายเล็กนี่สมเป็นมหาดเล็กต้นเครื่องท่านดนัยจริงๆ"
ท่านดนัยยิ้ม
"ท่านดนัยทรงสอนผมครับ"
บริกรเอาอาหาร และ ไวน์มาเสิร์ฟ ท่านหญิงรัตนาวดีตักอาหารให้ป้าสร้อยและตักให้ท่านดนัย ท่านชายก้มหัวขอบคุณ รัตนาวดีสีหน้ามีความสุข จิบไวน์ด้วยความพอใจ...
ท่านดนัยขับรถไปตามทางเห็นวิวปราสาทสวยงาอีก 2 แห่ง รัตนาวดี สนิทกับ นายเล็กมากขึ้นตามลำดับ และเมื่อใกล้ค่ำ ท่านดนัยขับรถพารัตนาวดี และ ป้าสร้อย มาตามทางเปลี่ยว ไม่มีรถคันใดเลย
ท่านดนัยแอบมองท่านหญิงรัตนาวดีทางกระจกหลัง เห็นรัตนาวดีพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน กับป้าสร้อย ท่านดนัยก็เผลอยิ้มออกมา...แล้วรถก็กระตุก...ทุกคนตกใจ รถกระตุกสองสามทีก็หยุดสนิท...ป้าสร้อยตกใจมากว่าใครๆ
"รถเป็นอะไรนายเล็ก"
ท่านดนัยสีหน้ายุ่งยากใจ มองไปที่เกย์น้ำมันก็แปลกใจ
"น้ำมันหมด...เป็นไปไม่ได้"
"ถังน้ำมันรั่วหรือเปล่า"
ท่านชายดนัยวัฒนาหยิบไฟฉาย ลงจากรถไปส่องดูใต้ท้องรถ แล้วกลับมานั่งที่คนขับ
"ถังน้ำมันไม่รั่วกระหม่อม...เอ...เมื่อคืนกระหม่อมออกไปเติมน้ำมันจนเต็มถัง...เราวิ่งแค่นี้เป็นไปไม่ได้ที่น้ำมันจะหมด"
ป้าสร้อยมองไปรอบๆ อย่างน่ากลัว เสียงลมพัดต้นไม้ไหวเริ่มมึดทุกที
"แล้วจะทำยังไงดีล่ะนายเล็ก...ถนนมันก็เปลี่ยวน่ากลัว แล้วอีกไกลหรือเปล่าถึงจะถึงที่พัก"
ท่านหญิงรัตนาวดีพยายามปลอบป้าสร้อย
"ไม่ต้องกลัวค่ะป้า."
หม่อมเจ้าดนัยวัฒนาสีหน้าวิตก
"กระหม่อมบกพร่องเองที่ไม่ได้ดูเกย์น้ำมันเลย...มัวแต่คิดไปว่าเติมน้ำมันมาจนเต็มถังแล้ว"
ป้าสร้อยโวย
"แล้วใครมันจะมาเอาน้ำมันเราได้"
ท่านดนัยหันมามองหน้ากับรัตนาวดี ราวกับคิดขึ้นได้...
"นายวิศาล"
"นายวิศาล...เค้าจะทำทำไม"
ท่านดนัยสีหน้าครุ่นคิด
"อาจจะเป็นไปได้กระหม่อม...เพราะเมื่อคืนตอนที่กระหม่อมเอารถไปเติมน้ำมันกลับมาที่โรงแรม....เจอนายวิศาลที่ลานจอดรถ"
ป้าสร้อยโมโหมาก
"ถ้างั้นต้องเป็นมันแน่ๆ...คอยดูนะ...ถ้าเจอมันอีกละก้อ... จะเล่นงานให้พ่อจำหน้าไม่ได้เลย"
"ฝ่าบาทประทับอยู่ที่นี่กับคุณสร้อย กระหม่อมจะไปหาน้ำมันมาเติมรถ.....ทรงล็อครถซะให้ดี อย่าลงจากรถกระหม่อม"
ป้าสร้อยโวยเสียงดังจนรัตนาวดีตกใจ
"โอ๊ย…ไม่เอา..ไม่เอา เดี๋ยวเกิดมีใครมาจับป้ากับท่านหญิงไปใส่หม้อต้มจะทำยังไง"
ท่านดนัยวัฒนากลั้นหัวเราะ รัตนาวดีก็เหมือนกัน
"ป้าคะ...ที่นี่ฝรั่งเศส ไม่ใช่แอฟริกาสักหน่อยจะได้มีคนป่า มนุษย์กินคน"
"ยังไงหม่อมฉันก็ไม่ให้นายเล็กไปไหนเด็ดขาดเพคะ... จะต้องอยู่ป้องกันพวก"
"ถ้าอย่างนั้นเราลองรอดูเผื่อว่าจะมีรถผ่านมา..จะได้ขอความช่วยเหลือเขา"
ท่านดนัยสีหน้าครุ่นคิด
"ลองรอดูก็ได้กระหม่อม"
ท่านดนัยโมโหตัวเอง
"กระหม่อมไม่น่าประมาทเลย...ท่านหญิงต้องมาลำบากเพราะกระหม่อมแท้ๆ"
"อย่าโทษตัวเองเลย...ใครจะไปทันคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้....ฉันก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร แต่ถนนเส้นนี้ก็เงียบเหลือเกิน"
รัตนาวดีมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เอามือกอดอกด้วยรู้สึกได้ถึงอากาศที่เริ่มเย็นลงอีก ป้าสร้อยตัวสั่น ทั้งกลัวทั้งหนาว..ยกมือสวดมนต์
"นโมตัสสะ ภวคโต อรหโต สัมมา สัมพุทธ ตัสสะ.. ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกช้างด้วยเถิด"
เวลาผ่านไปพอสมควร ท่านชายดนัยวัฒนาเปิดประตูรถลงไป ป้าสร้อยมองตาม
"ไปไหน..นายเล็ก"
ท่านดนัยเดินไปเปิดท้ายรถ หยิบเสื้อโค้ทของป้าสร้อย กับ ท่านหญิงออกมาส่งให้
"อากาศเย็นลงทุกทีกระหม่อม"
รัตนาวดีรับเสื้อโค้ทมา
"ขอบใจจ้ะ"
รัตนาวดีใส่เสื้อโค้ทให้ป้าสร้อย และใส่ให้ตัวเอง แล้วเดินออกมาหาท่านดนัยที่ยืนมองไปรอบๆ ริมถนน มองท่านดนัยด้วยสีหน้าอุ่นใจ
"เธอก็ควรจะสวมเสื้อ jacket ซะนะ"
ท่านดนัยหันมามองรัตนาวดีด้วยสายตาอ่อนโยนทันที รัตนาวดีรีบหันหน้าหนี..
"กระหม่อมเห็นแสงไฟลิบๆ อยู่ที่โน่น...คงเป็นบ้านชาวไร่ ชาวนาเราน่าจะไปขอเค้าพักกันก่อน"
ท่านดนัยชี้มือไป รัตนาวดีมองตาม
"จริงๆ ด้วยสิ"
"คงประมาณสักครึ่งไมล์...ท่านหญิงเดินไหวไหม กระหม่อม"
"ไหวซิ...ฉันไม่ได้เป็นอะไร..... แต่ว่าหิวเท่านั้น"
ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างสงสาร
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถิด เอาแต่ของที่จำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็ก หม่อมจะล็อครถไว้ที่นี่"
อ่านต่อหน้า 2
รัตนาวดี ตอนที่ 7 (ต่อ)
รัตนาวดีมองท่านดนัยอย่างยึดเป็นที่พึ่ง...
ทั้งสามคนเดินไปตามทางเดินเปลี่ยว อากาศหนาว และ ใกล้จะค่ำ ท่านดนัยถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งก็พยุงป้าสร้อย รัตนาวดีถือกระเป๋าตัวเองที่คล้องแขนได้ และถือไฟฉาย อีกมือหนึ่ง ป้าสร้อยหนาวจนตัวสั่น
"ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่...ไม่เคยต้องตกระกำลำบากอย่างนี้เล้ย...ลูกช้างเข็ดแล้ว"
ท่านดนัยยิ้ม รู้สึกเห็นใจป้าสร้อย....รัตนาวดีมองป้าสร้อยอย่างสงสาร พยายามชวนคุย
"ถือว่าเรามาผจญภัยไงคะป้า"
"ทูลเชิญฝ่าบาทผจญภัยไปเถอะเพคะ...แก่ๆ อย่างหม่อมฉันนะหมดเวลาผจญภัยแล้ว"
"ถ้างั้นก็คิดซะว่าเราออกกำลังกายก็ได้ค่ะ...จะได้อบอุ่น"
ป้าสร้อยอยากร้องไห้
"ไม่เห็นจะอุ่นเลยเพคะ...ขาหม่อมฉันนะแข็งไปหมดแล้ว"
"ป้าสร้อยขี่หลังผมดีไหมครับ...น่าจะช่วยได้บ้าง"
ป้าสร้อยทำเสียงอ้อน
"เธอจะไหวเหรอนายเล็ก...ไหนจะแบกกระเป๋าอีก"
ท่านดนัยหัวเราะ หยุดยืนลงนั่งยองๆ ให้ป้าสร้อยขี่หลัง
"ไหวสิครับ....ตอนอยู่เมืองไทยผมยังเคยแบกเส....เอ้อ แม่ผมเลย...ท่านน่าจะอ้วนกว่าคุณสร้อยด้วยซ้ำ"
"ลองดูก็ได้...ดีๆ นา"
"ฉันถือกระเป๋าเอง."
ป้าสร้อยขี่หลังท่านดนัย แล้วก็พากันเดินต่อ ป้าสร้อยสีหน้าดีขึ้น
"ค่อยยังชั่วหน่อย...แม่ของเธอเป็นอะไรทำไมถึงต้องเอาเค้าขี่หลังล่ะจ้ะ"
ป้าสร้อยพูดกับนายเล็กด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง
"เอ้อ…ขาแพลงนิดหน่อยครับ...ชอบเดินไปเดินมาทำโน่นทำนี่ทั้งวัน"
ป้าสร้อยยิ้มๆ มองท่านดนัยอย่างรู้สึกดีเป็นครั้งแรก...
"เธอนี่เป็นลูกที่ดีนะ...พูดถึงแม่อย่างนี้แล้วก็คิดถึงสิ"
ท่านชายดนัยวัฒนายิ้มอ่อนโยน รัตนาวดีมอง
"คิดถึงสิครับ...คิดถึงมาก...ผมก็กะว่าจะลางานกลับไปหาตอนปลายปี"
"ดีนะที่ยังมีแม่ให้คิดถึง....ฉันสิ..ไม่เคยเห็นหน้าท่านแม่เลย"
รัตนาวดีดูเศร้า ป้าสร้อยก็ทำหน้าเศร้า....
"กระหม่อมว่า...การที่เราไม่เคยเห็นหน้ากันเสียเลย น่าจะดีกว่าเคยเห็นแล้วต้องจากกัน"
"เพราะความผูกพันยังไม่มีน่ะเหรอ...รู้แค่ว่า...เป็นแม่เรา"
"กระหม่อม…แต่ถ้าเคยอยู่ด้วยกัน...ใช้ชีวิตด้วยกันด้วยความรักความอบอุ่น ความผูกพัน และถ้าต้องจากกัน"
"ไม่อยากจะคิด"
"หรือบางคนมีแม่....แต่ไม่ดูแลลูก...เอาแต่ความสุขให้ตัวเอง เป็นแม่ที่เห็นแก่ตัว...ใครเป็นลูกก็ซวยไป" สร้อยว่า
"อย่ามีแม่อย่างนี้จะดีกว่า อย่างนี้ก็แปลว่า ผู้หญิงแบบไหนก็เป็นแม่ได้ทั้งนั้น แต่จะเหมาะสมกับคำว่ากับแม่หรือเปล่ามันก็ขึ้นอยู่กับนิสัยและ ความประพฤติ"
"ถูกต้องที่สุดกระหม่อม....เพราะถ้าคิดจะเป็นแม่แล้วละก็...ผู้หญิงคนนั้นต้องเสียสละอย่างใหญ่หลวงให้ลูกตัวเองจนกระทั่งตาย....ผู้หญิงอย่างนั้นถึงน่านับถือว่าเป็นเพศแม่"
รัตนาวดีหัวเราะ
"จะลาออกก็ไม่ได้"
ท่านดนัยหัวเราะ
"กระหม่อม….ลาออกก็ไม่ได้...ฝ่าบาทช่างตรัสจริงๆ"
ป้าสร้อยมองไปข้างหน้าอย่างดีใจ
"ถึงแล้ว...นายเล็กชวนคุยเพลินๆ เดินมาถึงแล้ว"
ท่านดนัยให้ป้าสร้อยลงจากหลัง
"ฝ่าบาท กับคุณสร้อย รอกระหม่อมตรงนี้ก่อน"
รัตนาวดี กับ ป้าสร้อย ยืนรีรออยู่ในบริเวณห่างจากตัวกระท่อมชาวนาฝรั่งเศสพอสมควร
ท่านดนัยเดินไปเคาะประตูกระท่อม สักครู่ ประตูเปิดออก มีผู้ชายท่าทางเป็นชาวบ้านท้องถิ่นเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางเป็นมิตร ป้าสร้อยแย่งจะกระเป๋าเดินทางใบเล็กจากมือรัตนาวดีไปถือไว้
"ส่งมาให้หม่อมฉันเถอะเพคะ"
"ไม่ต้องค่ะ หญิงถือเอง"
"ทูนหัว…ท่านถือเดินมาตั้งไกล หนักจะแย่ หม่อมฉันสบาย พักบนหลังนายเล็กพักใหญ่แล้ว ขอให้หม่อมฉันเพคะ"
รัตนาวดียิ้มหวาน ส่งกระเป๋าให้ป้าสร้อย...
"ก็ได้ค่ะ...หนักเหมือนกันนะคะ"
ได้ยินเสียงท่านดนัยพูดภาษาฝรั่งเศสกับชาวนาแว่วๆ ก่อนเดินกลับมาหารัตนาวดี กับป้าสร้อยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"เชิญเสด็จกระหม่อม...เจ้าของบ้านใจดีเหลือเกิน...เค้าพอจะมีอาหารให้เราทานกันด้วยกระหม่อม..เชิญครับคุณสร้อย"
ป้าสร้อยหันมายิ้มดีใจกับรัตนาวดี ท่านดนัย รับกระเป๋าเดินทางไปจากป้าสร้อย ชาวนาทำท่าเชื้อเชิญให้ทั้งสามคนเข้าไปในบ้าน...
บริเวณโต๊ะอาหารในบ้านชาวนา มีอาหารวางอยู่บนโต๊ะ มีชามซุปของทุกคน เนยแข็ง เหยือกไวน์ ขนมปังบาร์เก็ต เมียชาวนาเอาไข่เจียวเห็ดแบบฝรั่ง (Scramble) จานใหญ่ มาวางตรงหน้า ป้าสร้อยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น ป้าสร้อยเผลอกลืนน้ำลาย...ชาวนาพูดเชื้อเชิญเป็นภาษาฝรั่งเศสให้ทุกคนทานอาหาร
"แมร์กซี่ โบกูร์..." ท่านหญิงตรัสภาษาฝรั่งเศสแปลว่าขอบคุณมาก
"เห็นไข่เจียวแล้วคิดถึงข้าวสวยร้อนๆ กับน้ำปลาพริกขี้หนู"
ท่านดนัยมองป้าสร้อยอย่างเห็นด้วย... รัตนาวดีกับป้าสร้อยลงมือทานอาหาร
การสนทนาดำเนินไปเป็นภาษาฝรั่งเศส แปลความว่า
"ขอบคุณท่านมาก เราต้องขอโทษอย่างมากที่มารบกวนในเวลาอย่างนี้"
เมียชาวนาบอก
"ไม่เป็นไร...เรายินดีให้ความช่วยเหลือท่าน ทานให้เยอะๆ ….แต่เรามีเพียงอาหารธรรมดาๆ"
ท่านหญิงรัตนาวดี กับ ป้าสร้อย ทานอาหารอย่างหิว
"แค่นี้ก็ดีมากแล้ว...อาหารอร่อยมาก ฉันรู้สึกประทับใจความใจดีของคุณอย่างมาก"
เมียชาวนาหน้าตายิ้มแย้มใจดี ท่านดนัยเริ่มทานอาหาร จะทั้งสามกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย......เมียชาวนาเดินกลับเข้ามา
"ฉันมีพายเชอรี่ไว้จะให้พวกท่าน ทานเป็นของหวาน พายของฉันอร่อยมากนะ"
"ถ้าอย่างนั้น …ฉันจะพยายามเก็บที่ว่างในท้องสำหรับพายของท่าน...แต่...ฉันไม่สามารถหยุดทานScamble egg นี่ได้เลย"
เมียชาวนา หัวเราะกับท่านดนัยวัฒนาสนุก รัตนาวดีมองท่านดนัยอย่างชื่นชม ป้าสร้อยยิ้มมองคนโน้นคนนี้ฟังไม่รู้เรื่อง ได้แต่ชำเลืองมองท่านดนัย กับ รัตนาวดี...
ตลอดการทานอาหารจะมีเสียงไอของคนแก่ดังออกมาจากห้องตลอดเวลา...บางครั้งเราให้ทั้งสามคนมองหาที่มาของเสียง....หรือมองหน้ากันเหมือนรับรู้ว่ามีคนไม่สบายอยู่ในบ้าน
เวลาที่ผ่านไป ท่านหญิงรัตนาวดีนั่งทานขนมอยู่กับป้าสร้อย ที่มุมหนึ่งของบ้าน เมียชาวนากำลังเดินเก็บของเข้าออกห้องโน้นห้องนี้ ป้าสร้อยหาวนอน
"หนังท้องตึง หนังตาก็ชักหย่อนเพคะ..รู้สึกเพลียจริงๆ.. ทูนหัว…วันนี้ทรงเหนื่อยแย่ แบกกระเป๋าตั้งไกล"
"นายเล็กบอกว่าจะเจรจาขอเค้าค้างคืนที่นี่ซักคืน หญิงก็เลยให้เค้าไปเจรจาขอให้ค่าใช้จ่ายเจ้าของบ้านบ้าง"
ป้าสร้อยทำหน้าไม่ค่อยแน่ใจ
"เราจะนอนกันตรงไหนดี...บ้านก็หลังนิดเดียว."
จะได้ยินเสียงไอติดต่อกันอย่างรุนแรงออกมาจากในห้อง
"ท่าจะไม่ค่อยดี....หากต้องนอนห้องเดียวกับคนแก่นั่น"
รัตนาวดีนิ่งไป
อ่านต่อหน้า 3
รัตนาวดี ตอนที่ 7 (ต่อ)
ด้านนอกบ้านชาวนาตอนค่ำ ท่านหญิงรัตนาวดีใส่เสื้อโค้ทเดินออกมา ท่านดนัยยืนอยู่นอกบ้านหันหลังให้ รัตนาวดีหยุดมองท่านดนัยนิดหนึ่ง
"นายเล็ก"
ท่านดนัยรีบหันมา และเดินมาหา
"ท่านหญิง...ออกมาทำไมกระหม่อม...อากาศข้างนอกเย็นมาก"
"แล้วนายเล็กออกมาทำไมล่ะ."
"กระหม่อมออกมาเดินย่อยอาหารหน่อย...แล้วก็มาคอยลูกชายเจ้าของบ้าน....เค้าเอามอเตอร์ไซด์ออกไป กระหม่อมจะรอให้เค้ากลับมาจะได้ขอยืมรถเขาไปซื้อน้ำมันในเมืองกระหม่อม."
"ต้องไปซื้อน้ำมันในเมืองเชียวเหรอ...ไม่ใช่ใกล้ๆ เลยนะ แล้วเค้าจะกลับมาเมื่อไหร่กัน ถ้าเค้ากลับดึกนายเล็กก็คอยแย่น่ะสิ"
ท่านดนัยยิ้ม
"แม่เค้าก็ไม่รู้กระหม่อม...แต่คงอีกไม่นาน...ท่านหญิงทรงกลับเข้าไปในบ้านดีกว่ากระหม่อม...น้ำค้างแรง เดี๋ยวจะทรงไม่สบาย จะเที่ยวไม่สนุกนะกระหม่อม"
ท่านหญิงรัตนาวดีสีหน้ายุ่งยากใจ
"คืนนี้เราจะค้างที่นี่กันใช่ไหม"
"อาจจะกระหม่อม"
รัตนาวดีรีรอตัดสินใจ...
"ช่างเถอะนายเล็ก...ฉันไม่นอนเห็นจะดีกว่า"
ท่านชายดนัยวัฒนามองหน้ารัตนาวดีอย่างเป็นห่วง
"แต่ท่านหญิงทรงเหนื่อย และ เพลียมาก ควรจะได้พัก...คุณสร้อยยิ่งแย่ใหญ่...เดี๋ยวจะไม่สบาย...ทำไมล่ะกระหม่อม..ทำไมถึงไม่ยอมบรรทม"
รัตนาวดีอึดอัดใจ เดินไปมาไม่รู้จะทำยังไงดี
"มีหญิงแก่ๆ อยู่ในห้องนั้น…ท่าทางแก... ถ้าต้องนอนกับแก ฉันไม่สู้หรอก.W
ท่านดนัยเข้าใจทันที เห็นท่าทางรัตนาวดีก็หัวเราะ
"พุทโธ่…ใครจะให้ฝ่าบาทไปบรรทมกับคนแก่นั่น...หม่อมได้ยินเสียงไอแกแล้ว...สุขภาพคงไม่ค่อยดี...หม่อมคุยกับเจ้าของบ้านแล้ว...ได้เตรียมที่สำหรับบรรทมไว้แล้วกระหม่อม...เดี๋ยวหม่อมจะไปขนผ้าห่มจากที่รถแล้วจะมาพาเสด็จไป"
ท่านดนัยโผล่ศรีษะขึ้นมาจากด้านล่าง พร้อมตะเกียง ท่านดนัยกวาดตามองที่จะต้องนอนคืนนี้ ท่านดนัยฝืนยิ้มและหันกลับมาพยักหน้าเรียกรัตนาวดีกับป้าสร้อยที่คอยอยู่ด้านล่าง
เช้ามืด แสงอาทิตย์กำลังจะขึ้น ท่านดนัยขับรถเข้ามาจอดหน้าโรงนา สีหน้าอิดโรยเพราะอดนอน ลงจากรถยืนสูดอากาศ แล้วเดินไปเปิดประตูโรงนาอย่างเบาๆ เดินเข้าไป...
ท่านดนัยปีนขึ้นไปบนโรงนา หยุดชะงักกับภาพตรงหน้า รัตนาวดีนอนหลับอยู่บนกองฟาง มี
ผ้าห่มคลุมไว้ ป้าสร้อยนอนหันหลังให้ แสงจากตะเกียงริบหรี่สะท้อนใบหน้าดูงดงาม รัตนาวดีนอนหลับ ท่านดนัยยืนมองถอนใจอย่างพอใจมาก แล้วเดินออกไปปิดประตูโรงนาไว้ตามเดิม
ท่านดนัยเดินกลับมาที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งที่คนขับ กระชับ Jacket เอาผ้าพันคอมาพันคอ แล้วเอนเบาะพิงนอนหลับตาสีหน้ายิ้มมีความสุข.....
เวลาต่อมา ท่านหญิงรัตนาวดีกอดลาเมียชาวนา และลูกชาย ป้าสร้อยพยายามยิ้มแต่ทำหน้าเขินๆ ท่านดนัยจับมือล่ำลากับชาวนา รัตนาวดี ท่านดนัย และ ป้าสร้อยขึ้นรถ ท่านดนัยขับรถออกไป รัตนาวดียื่นหน้าออกมาโบกมือชาวนาสองคน ยืนโบกมือให้รถท่านดนัยที่ขับออกไป.....
รถท่านดนัยขับไปบนถนนมีวิวสวยงาม รัตนาวดีนั่งมองวิวข้างทางด้วยสีหน้ามีความสุข หันมาดูป้าสร้อย เห็นป้าสร้อยก้มหน้าก้มตาดึงฟางออกจากเสื้อโค้ททีละเส้น ไม่สนใจกับอะไร รัตนาวดียิ้มๆ อยากจะแหย่ป้าสร้อย
"เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมคะ"
ป้าสร้อยเงยหน้าขึ้นมาทำตาเขียว
"สบาย…ฮึ"
"อ้าว…นอนไม่สบายหรอกเหรอคะ"
ป้าสร้อยค้อนลมไปเรื่อย
"จะสบายเสบยอะไรกันเพคะ...หลับซะที่ไหน"
รัตนาวดีอมยิ้มแกล้งแหย่ต่อ ท่านดนัยมองกระจกหลังพยายามกลั้นยิ้ม
"เอ๊ะ…นอนไม่หลับทำไมกรนล่ะคะป้า"
ป้าสร้อยคอแข็งชักจะเคือง
"จะไม่กรนได้ยังไงเพคะ...เหนื่อยแทบสิ้นชีวิต..อยู่ดีๆ ต้องลุกขึ้นมาเดินบุกป่าฝ่าดง...หนาวซะชาไปทั้งตัว...แล้วยังมานอนฟางอย่างกับวัว กับ ควาย…โรงนาเมืองไทยยังไม่เคยอยู่ ต้องมาระหกระเหินน่าสงสารที่
โรงนาฝรั่ง...ฮึ!"
ป้าสร้อยค้อนรัตนาวดีซะวงใหญ่ รัตนาวดีเห็นท่าทางป้าสร้อยแล้วกลั้นหัวเราะไม่ไหว หัวเราะออกมาดังๆ ท่านดนัยก็พยายามกลั้นหัวเราะเสียแทบแย่....
ที่นั่งเล่นท่าน้ำวังศิลาขาว ปริศนา ประวิช กับ อนงค์นั่งพูดคุยกันอยู่
"ท่านหญิงรัตน์กับเรื่องวุ่นๆ เป็นยังไงบ้าง"
ปริศนายิ้มอารมณ์ดีกับประวิช และ อนงค์
"ปริศนาลุ้นท่านหญิง กับ ท่านดนัยว่าจะอินเลิฟกันยังไง เพราะมีป้าสร้อยขวางคลองอย่างนั้น"
"ท่านดนัยนี่งามไหมปริศนา....ที่ถามนี่เพราะท่านหญิงรัตน์ของเราท่านทรงงามมากนะ" อนงค์ถาม
ปริศนายิ้ม
"ปริศนาได้พบท่านตอนไปฮันนิมูนที่ยุโรปกับท่านพจน์... บอกได้เลยว่าทรงหล่อมาก"
"แล้วอยู่มาป่านนี้ทำไมยังไม่ทรงแต่งงาน หรือ จะทรงมีคู่หมายอยู่หรือเปล่า"
"นั่นสิ" ประวิชว่า
"เท่าที่เห็นนะ...ท่านทรงชอบคนยาก...แหม่มท่านก็ไม่โปรด มีพระญาติที่ทรงทาบทามมาให้ทรงเลือกเหมือนกัน แต่ก็ไม่โปรดผู้หญิงที่เรียบร้อยเกินไป"
ประวิชหันหน้าหนี
"สมละที่อยู่ป่านนี้...ทรงช่างเลือกเหลือเกิน"
"แล้วทำไมท่านหญิงถึงทรงไม่เคยรู้จักท่านดนัยเลยล่ะ" อนงค์ถาม
"คงเป็นเพราะท่านทำงานที่เมืองนอกตลอด...พอท่านเรียนจบกลับมาได้ไม่เท่าไหร่...ก็ต้องไปประจำอยู่สถานทูตอังกฤษ...เมื่อวันก่อนท่านพจน์รับสั่งว่า..ท่านอาจจะต้องย้ายไปประเทศอื่นอีก"
"ปริศนาว่าท่านชายจะโปรดให้ท่านหญิงของเราชอบกับท่านดนัยไหม" ประวิชถาม
ปริศนาถอนใจ
"ท่านทรงกลัวว่า ท่านหญิง กับ ท่านดนัย จะทรงหวือหวาไปเพราะบรรยากาศพาไป....ยังไม่ได้เรียนรู้กันและกันดีพอ"
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี มีจดหมายมาถึงพี่ชาย
"ทูลเจ้าพี่...ตอนนี้น้องหญิงของเจ้าพี่เป็นผู้ที่คลั่งปราสาทโบราณเป็นการใหญ่ นายเล็กก็แสนจะตามใจหญิง พาหญิงกับป้าสร้อยไปเที่ยวดูปราสาทเมืองต่างๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำลัวร์เสียหลายแห่ง"
ท่านดนัย พารัตนาวดี กับ ป้าสร้อย ไปดูปราสาทที่ต่างๆ พลางพูดคุย อธิบายให้ฟัง บางครั้ง รัตนาวดีฟังด้วยความตื่นเต้น
"นายเล็กนี่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสนับว่าดีมาก หญิงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาจึงรู้ดีได้ขนาดนี้...มิหนำซ้ำภาษาฝรั่งเศสของเขานับว่าดีกว่าหญิงซะด้วยซ้ำ
หญิงจึงคิดว่าโชคดีจริงๆ ที่ท่านดนัยประทานนายเล็กมาดูแลหญิงกับป้าสร้อย เพราะถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่ทำให้หญิงสนุกอย่างนี้"
ท่านดนัยทำท่าพูดเล่าเรื่องปราสาทให้ฟัง รัตนาวดีหัวเราะชอบใจแจ่มใส ป้าสร้อยก็อดหัวเราะด้วยไม่ได้
"หญิงจำได้ว่าคุณปริศนาเคยเล่าว่า Balzac เขียนเรื่องเกี่ยวกับปราสาทลองเซ่ยส์ เรื่อง Duchesse de Langeais เอาไว้ว่าสนุกมาก พอนายเล็กพาไปเที่ยวที่นี่ หญิงก็เลยหามาอ่าน แต่…ภาษาฝรั่งเศสหญิงคงยังไม่แตกฉานพอ เลยอ่านหนังสือเล่มนี้ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสไม่ค่อยรู้เรื่อง"
บริเวณปราสาท Langeais (ลองเซ่ยส์) ที่เมือง Tours(ตูร์) ท่านดนัยวัฒนาพารัตนาวดี เดินดูรอบๆ ปราสาท รัตนาวดีเปิดหนังสือ Duchesse de Langeais ของ Balzac ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสดูไปด้วย แต่ทำสีหน้ายุ่งยากใจ ท่านดนัยคอยสังเกตแอบมองห่างๆ สีหน้ายิ้มๆ รัตนาวดีเก็บหนังสือ
"ทูนหัว…หนังสือเล่มนี้ไม่ดีเหรอมังคะ...ทำไมทรงอ่านแล้วต้องขมวดขนงค์ตลอดเวลา" สร้อยว่า
รัตนาวดีสีหน้าไม่ได้ดังใจ
"หญิงเพิ่งรู้ว่า หญิงหลงคิดว่าภาษาฝรั่งเศสตัวเองดีพอใช้ แต่พอมาเจอของจริงที่นี่...ถึงได้รู้ว่าไม่ได้เรื่องเลย...คุณปริศนาบอกหญิงว่าต้องหาหนังสือเล่มนี้อ่านให้ได้ถ้ามาที่นี่...แต่หญิงอ่านแล้วต้องมีคำที่ไม่เข้าใจแทบทุกหน้า"
รัตนาวดีสีหน้ายุ่งยากใจ
"โถ..นึกว่าเรื่องอะไร...ฝ่าบาทก็ทรงถ่ายรูปที่นี่ไปอวดหม่อมสิมังคะ...จะได้รู้ว่าเราก็มาที่นี่แล้ว...แล้วที่นี่
มันน่าสนใจยังไงมังคะ ท่านหญิงถึงอยากรู้เรื่องมากขนาดต้องทรงอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับปราสาทนี้ด้วย"
รัตนาวดีทำหน้าเศร้า
"ก็หญิงยังอ่านไม่รู้เรื่องไงคะ...ภาษาฝรั่งเศสที่ใช้ยากมาก"
อ่านต่อหน้า 4
รัตนาวดี ตอนที่ 7 (ต่อ)
ท่านดนัยเดินเข้ามาหา
"เหตุการณ์สำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับปราสาทลองเซ่ยส์ คือ ที่นี่เป็นสถานที่จัดพิธีอภิเสกสมรสระหว่าง พระเจ้าชาลล์ที่ 8 กับ พระนาง อาน เดอ เบรอตาญ ทำให้ราชวงศ์ฝรั่งเศส และ แคว้นเบรอตาญ มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น หลังจากก่อนหน้านี้มีปัญหาขัดแย้งกัน... แต่การแต่งงานครั้งนี้ ยังได้มีสัญญาระบุไว้ว่า... พระนาง อานเดอ เบรอตาญ จะต้องยินยอมเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสใหม่หากพระเจ้าชาลล์เสด็จสวรรคตไปก่อนโดยมิได้มีรัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์"
ป้าสร้อยตบอกตกใจ
"ตายจริง...แปลก...จะให้มีสามีอีกยังไง...แล้วเรื่องนี้มีเขียนไว้ในหนังสือเล่มของท่านหญิงหรือเปล่ามังคะ...ป้าว่าอย่าอ่านเลยมังคะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ก็หญิงยังอ่านไม่ถึงเลยค่ะ...อ่านไม่รู้เรื่องซะก่อน."
"ดูจะหวาดเสียวนะมังคะ...แล้วพระเจ้าอะไรนั่นตายไหมนายเล็ก."
"พระเจ้าชาลล์เสด็จสวรรคตกระทันหันที่ปราสาท อองบวสก์ พระนาง อาน เดอ เบรอตาญ จึงต้องอภิเสกสมรสใหม่ กับพระญาติของสามี คือ หลุยส์ แห่ง ออร์เลอองค์ โดยเถลิงราชสมบัติเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ครับ"
"โถ..น่าสงสารพระนางเบลอนั่น อานไปเลยนะมังคะ"
ท่านดนัยกลั้นหัวเราะ รัตนาวดีหัวเราะสดใส
"แหม…ป้านี่จำชื่อไม่ได้ แล้วพูดเล่น หรือจำได้ แล้วแกล้งพูดให้ตลกกันแน่"
"อย่าทรงถือสาหาความคนแก่เลยมังคะ"
ป้าสร้อยยิ้ม...
ท่านดนัย พา รัตนาวดี กับ ป้าสร้อย ไปถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ของปราสาท หลายๆ รูป รัตนาวดีเดินดู
ปราสาทอย่างสนใจ สีหน้ามีความสุขมาก ให้รัตนาวดีขึ้นไปยืนบนปราสาทมองลงมา สีหน้ามีความสุขมาก เมื่ออยู่ในปราสาทในมุมต่างๆ
"ตอนนี้น้องของเจ้าพี่หลงใหลในปราสาทขนาดหนัก...หญิงสงสัยว่า เมื่อชาติก่อนคงเป็นลูกสาวเจ้าผู้ครองนครแคว้นใดแคว้นหนึ่งในยุโรปเป็นแน่...คงเคยอยู่ปราสาทมาตลอดชีวิต..ชาตินี้เห็นปราสาทจึงเนื้อเต้นอยากอยู่นัก...คนอื่นๆ ที่เขาดูกัน ก็ไม่เห็นมีใครเค้าคลั่งเหมือนหญิงสักคน...จากน้องหญิงของเจ้าพี่ รัตนาวดี"
รัตนาวดีนั่งทานอาหารกับป้าสร้อย ท่านดนัยยังไม่มา รัตนาวดีเงยหน้ามองหา
"นายเล็กเค้าบอกว่าจะไปไหนนะคะป้า"
"เห็นว่าจะขอไปซื้ออะไรของเขานี่แหล่ะมังคะ...อย่าทรงกังวลเลยมังคะ...เรานั่งทานห้องอาหารในโฮเต็ลอย่างนี้ คงไม่มีใครมาทำห่ามหรอกมังคะ"
รัตนาวดีสีหน้าเป็นห่วงนิดหน่อย
"หญิงไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอกค่ะ...หญิงเป็นห่วงว่าป่านนี้เขายังไม่ได้กินอาหารเย็น"
ป้าสร้อยนิ่งไปนิดหนึ่ง
"เค้าอาจจะคิดว่าไม่ต้องห่วงเรา เลยไปหากินตามประสาเค้าก็ได้นะมังคะ อาจจะอยากไปกินเหล้ากินเบียร์ตามประสา"
หนุ่มๆ บ้าง…ก็ปล่อยๆ เค้าบ้างก็ดีแล้ว...
รัตนาวดีนิ่งไป ทานอาหารอย่างเงียบๆ ป้าสร้อยแอบมองสีหน้าเห็นแต่สีหน้าเรียบเฉย
ท่านดนัยเดินเข้ามา ยังใส่ jacket อยู่ เดินมาโค้งรัตนาวดี
"ขอประทานอภัยที่กระหม่อมมาช้า"
รัตนาวดีสีหน้าเฉยๆ
"รีบนั่งลงเถอะ...บอกหลายหนแล้วนะว่าไม่ต้องโค้งคำนับ"
ท่านดนัยลงนั่ง รัตนาวดีมองนิ่งอย่างอดห่วงไม่ได้
"สั่งอาหารเลยสิ"
"กระหม่อมเรียบร้อยมาแล้ว"
รัตนาวดีงอนนิดๆ
"คราวหน้าถ้าจะไม่มาทานอาหารด้วยกันก็ช่วยบอกล่วงหน้าด้วยก็แล้วกัน"
"กระหม่อมไปหาซื้อของ...ไม่นึกว่าจะหายาก...กว่าคนขายจะหามาให้ได้ก็ต้องใช้เวลา กระหม่อมเลยทานขนมแถวนั้นรองท้องไปแล้ว"
"ของอะไรจ้ะ...สำคัญมากเหรอ"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"ก็..สำคัญครับ"
"แหม…จะซื้อไปฝากใครกันจ้ะ...บอกได้ไหมว่าไปซื้ออะไรให้ใคร"
ท่านดนัยทำหน้ายิ้มๆ ตอบไม่ได้ รัตนาวดีเห็นท่าทางท่านดนัยก็งอนเพิ่มขึ้น
"ป้าคะ...มันเรื่องส่วนตัวของนายเล็กเขานะคะ...นายเล็ก...ช่วยสั่งแชมเปญให้หน่อยสิ"
ท่านดนัยรีบลุกขึ้นเดินไปสั่ง ป้าสร้อยตาโต
"เอาใหญ่แล้วท่าน...เป็นองค์หญิงจะเหวยเหล้าได้รึ."
ท่านดนัยเดินกลับมานั่ง
"ทำไมจะไม่ได้...ก็ไอ้ที่ดื่มกันอยู่ทุกวัน สีแดง สีชมพู สีขาวน่ะ อะไรล่ะคะป้า"
"ไวน์มังคะ...น้ำองุ่น"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"เรียกเหล้าองุ่นถึงจะถูกค่ะ...แชมเปญนี่มันก็คล้ายๆ กัน ชั่วแต่แรงกว่าหน่อย...แล้วมีปุดๆ เท่านั้นเอง..อร่อยดีออกค่ะ นายเล็กสั่งแล้วรึ"
"สั่งแล้วกระหม่อม"
บ๋อยเข็นรถที่มีแชมเปญแช่ในถึงน้ำแข็ง มีแก้วแชมเปญสามใบวางมาในรถนั้น มาที่โต๊ะรัตนาวดี
บ๋อยเปิดแชมเปญ แล้วรินใส่แก้ว เสริฟให้ทั้งสามคน
"แมกส์ซี"
รัตนาวดียกแก้วแชมเปญชูขึ้น
"ขอดื่มให้กับการเดินทางที่แสนสนุกครั้งนี้ของเรา"
รัตนาวดี กับ ท่านดนัยดื่มทีเดียวหมด ป้าสร้อยค่อยๆ จิบแบบกลัวๆ กล้าๆ โดนรัตนาวดีทำตาเขียว
เลยจำใจดื่มไปหน่อยนึง แต่ก็ติดใจเลยดื่มหมด รัตนาวดีมองยิ้ม
"อร่อยใช่ไหมล่ะคะ...นายเล็กรินเติมอีกซิ"
ท่านดนัยรินแชมเปญเติมในแก้วทุกคน รัตนาวดียกแก้วขึ้นชูอีก
"คราวนี้ขอดื่มให้ป้าสร้อย....ที่คอยดูแลหญิงอย่างดีมาตลอด"
ป้าสร้อยปลื้มมาก ลุกขึ้นยืนโค้ง ท่านดนัย กับ รัตนาวดี ชูแก้วให้ป้าสร้อย ทั้งสามคนดื่มแชมเปญ
ทีเดียวหมดแก้ว
"หม่อมฉันว่าเหมือนจะมึนนิดๆ แล้วมังคะ"
"ยังค่ะ...อย่าเพิ่งมึน คราวนี้หญิงขอดื่มให้มาตุลีเทพบุตร"
"มาตุลีเทพบุตรอะไรกันเล่ามังคะท่านหญิง"
"มาตุลีเทพบุครของเรายังไงล่ะคะ...นายเล็กนี่ละ"
ป้าสร้อยวางแก้วหน้าบึ้ง รัตนาวดีจึงชนแก้วแชมเปญ กับ ท่านดนัย....
ค่ำต่อเนื่องมา ท่านชายดนัยวัฒนาเดินมาส่งทั้งคู่ที่บันไดทางขึ้นห้องพัก ป้าสร้อยรีบเดินฉับๆ ขึ้นไปด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ รัตนาวดีจะเดินตามไป หันกลับมาพูดกับท่านดนัย
"Good night นะ นายเล็ก"
ท่านดนัยหยิบห่อของผูกโบว์สีชมพูที่ซ่อนไว้ในเสื้อ jacket ออกมาส่งให้รัตนาวดี แล้วรีบเดินกลับไป
รัตนาวดีมองของขวัญผูกโบว์สีชมพูที่รับไว้ด้วยสีหน้างงๆ ....รีบเก็บซ่อนไม่ให้ป้าสร้อยเห็น
รัตนาวดีเปิดประตูเข้ามา แล้วล็อคประตูห้อง เอาของขวัญที่ท่านดนัยให้แอบซ่อนไว้ในเสื้อโค้ท ป้าสร้อยนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่เก้าอี้นั่งเล่น
"เอาใหญ่แล้วท่านหญิงนี่...มันเรื่องอะไรถึงทรงเรียกนายเล็กว่ามาตุลีเทพบุตร"
"หญิงรู้นะว่าป้าจะพูดอะไร..เราพูดเรื่องนี้กันอีกแล้วเหรอคะ"
"ไม่ควรรับสั่งเล่นกับนายเล็ก...ท่านหญิงก็ทรงรู้นี่"
"ป้าน่ะ...บางครั้งก็ถือสาไม่เข้าเรื่องนะคะ...ตั้งแต่ลอนดอนจนมาที่นี่...นายเล็กเคยทำท่าเหลิงลามปามหรือเปล่าคะ"
ป้าสร้อยนิ่ง เถียงไม่ออก
"ถ้าเค้าคิดเกินตัวมันจะไม่ดี"
"เอาไว้ให้เค้าเป็นอย่างนั้นก่อนป้าค่อยเอ็ดหญิงได้ไหมคะ"
ป้าสร้อยถอนใจอย่างหนักใจ แล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเองไป
ป้าสร้อยนอนหลับที่เตียง....รัตนาวดีหยิบของขวัญที่ท่านดนัยออกมาจากเสื้อโค้ทที่ซ่อนไว้ มองห่อของขวัญนั้นด้วยสีหน้ามีความสุข
ย้อนเรื่องราวกลับไปที่โต๊ะอาหาร
"กระหม่อมไปหาซื้อของ...ไม่นึกว่าจะหายาก...กว่าคนขายจะหาได้ก็ต้องใช้เวลา"
"ของอะไรจ้ะ...สำคัญมากเหรอ"
"สำคัญมากครับ"
รัตนาวดียิ้มกับห่อของขวัญนั้น ค่อยๆ แกะของขวัญ เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง เมื่อรัตนาวดีเห็นหนังสือเล่มนั้นก็ดีใจมาก... มันคือ หนังสือ "ดัชเชส เดอ ลองเซยส์" ฉบับแปลภาษาอังกฤษ...
รัตนาวดียิ้มดีใจตาเป็นประกาย
บริเวณมุมรับแขกโรงพยาบาลที่วิมลทำงานที่ลอนดอน วิมลใส่เครื่องแบบพยาบาล สีหน้ายุ่งเหยิง เดินมาหาประพัทธ์ที่นั่งคอยอยู่ พอประพัทธ์เห็นวิมลเดินมาหาก็ดีใจ รีบลุกขึ้นด้วยท่าสุภาพบุรุษ
"วิมล"
วิมลเดินมานั่งที่เก้าอี้ชุดรับแขกนั้น
"พี่ประพัทธ์มีธุระสำคัญอะไรเหรอคะถึงมาหาวิมลถึงที่นี่....หรือว่าไม่สบายจะให้วิมลพาหาหมอ"
ประพัทธ์ยิ้มอย่างเท่
"เปล่าจ้ะ พี่ไม่ได้เจ็บไข้อะไร มีธุระสำคัญจะมาปรึกษา"
"ธุระสำคัญเหรอคะ"
ประพัทธ์สีหน้าดีใจ
"พี่เคลียร์เรื่องเทสต์ได้แล้ว"
วิมลงง...
"แล้วยังไงคะ"
"พี่ก็ไปเที่ยวกับท่านหญิงได้แล้วไง"
"อ๋อ…"
"พี่เลยรีบมาหาวิมลเพราะจะขอที่อยู่ท่านหญิง...พี่จะเขียนไปหาท่าน…จะรีบนัดไปเจอกับท่าน"
"ช่วงนี้ท่านทรงเงียบๆ ไม่มีจดหมายมาค่ะ..เลยแต่ตอนนี้ไม่รู้ท่านประทับที่ไหนค่ะ....แต่ก็คงยังไม่เข้าที่สวิส"
ประพัทธ์สีหน้าวิตก
"แล้วถ้าท่านไม่ส่งข่าวมาล่ะ...เราก็ตามไปหาท่านไม่ถูกใช่ไหม"
วิมลพยักหน้า
"ก็คงจะอย่างนั้นค่ะ...ถ้าได้ข่าวท่านหญิงวิมลจะบอกไปกับคุณนพก็ได้ค่ะ...พี่ประพัทธ์จะได้ไม่ต้องเสียเวลามา"
"อย่าไปกวนคุณนพเค้าเลย...เค้าเรียนหนัก พี่มาหาวิมลเองก็ได้…ถือว่าได้มาเที่ยวแถวๆ นี้ด้วย"
วิมลยิ้มๆ
"อาทิตย์หน้าพี่มาหาวิมลใหม่นะจ้ะ"
ประพัทธ์เดินกลับไป วิมลมองตามขำๆ
อ่านต่อตอนที่ 8