รัตนาวดี ตอนที่ 6
ท่านชายพจน์กับปริศนา อยู่บนเตียง
"ปริศนาเห็นด้วยนะคะ...ถ้าท่านดนัยจะทรงสารภาพความจริงกับท่านหญิง"
"ความจริงฉันไม่อยากออกความเห็นหรอก...แต่ถ้าจะสารภาพตอนนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะ"
"ทำไมล่ะมังคะ"
"ถ้ามีบางอย่างที่ฉันคิด...ถ้าท่านดนัยสารภาพความจริงว่า ตัวเองเป็นใครกับหญิงรัตน์...เค้าจะโกรธมาก มันเหมือนเค้าเป็นตัวตลก ให้ปั่นหัวเล่นสนุก"
ปริศนาทำท่าหมดแรง
"ก็ถูกของท่านชาย...ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดีเพคะ"
ท่านพจน์ยิ้มๆ
"เรื่องนี้จะแก้ปัญหากันแค่หญิงรัตน์ กับ ท่านดนัยสองคนไม่ได้หรอก…อาจจะต้องมีคนช่วย"
"ใครกันเพคะ...ที่จะช่วยได้...ป้าสร้อยเหรอเพคะ"
ท่านชายพจน์หัวเราะ
"ป้าสร้อยน่ะ...กลัวจะช่วยให้ยุ่งน่ะซิ"
"แล้วเมื่อกี้ที่ท่านชายตรัสว่ามีบางอย่างที่ทรงคิด ทรงหมายถึงอะไรเพคะ"
ท่านพจน์ยิ้ม
"เธอก็คิดเหมือนกันไม่ใช่เหรอ."
ปริศนายิ้ม
"หม่อมฉันยังไม่เคยทูลเลยว่าคิดอะไร."
ปริศนายิ้มสนุก....
พระอาทิตย์ขึ้นที่ปราสาทหลังหนึ่ง เป็นบรรยากาศยามเช้าสดใส ท่านดนัย ในบทนายเล็กกำลังเช็ดรถอยู่ที่ลานจอด รัตนาวดีเดินมายืนดู สีหน้าถือดี เดินมาหาอย่างเอาเรื่อง
"นายเล็ก"
ท่านชายสะดุ้ง รีบหันมา
"ท่านหญิงกระหม่อม....ตื่นทมแต่เช้า"
"เมื่อคืนหายไปไหนมา"
ท่านชายดนัยงง
"เมื่อคืน"
รัตนาวดีหันข้างให้
"ความจริงเธอควรจะบอกฉันก่อนว่าจะไปไหน...ไม่ใช่จู่ๆก็หายไป...ฉันจะได้ให้เงินเธอถ้าอยากจะเอาไปเที่ยว"
ท่านชายยังงง แต่ก็รู้สึกน้อยใจ
"เมื่อคืนกระหม่อมอยู่แต่ในห้อง...หม่อมมีแซนวิชไปทาน แล้วหม่อมเขียนจดหมายถึง...เอ้อ…พี่ชายหม่อมที่เมืองไทย"
"เธอมีพี่ชายอยู่เมืองไทยด้วยเหรอ"
"ก็เป็นญาติๆ กันกระหม่อม...แต่เราก็สนิทกันมากปรึกษากันได้ทุกเรื่อง....เค้าเพิ่งแต่งงานไปไม่นาน...หม่อมก็เลยเขียนไปถามข่าวคราวเขาบ้าง"
รัตนาวดีสีหน้าสงบลง
"พี่ชายฉันก็เพิ่งแต่งงานได้สองปีนี่เอง...หวังว่าเธอจะมีพี่สะใภ้ที่ดีน่ารักเหมือนฉันนะ"
ท่านดนัยอดยิ้มไม่ได้ ลังเลนิดหนึ่งก่อนตัดสินใจ
"ท่านหญิงกระหม่อม"
รัตนาวดีหันมายิ้มๆ
"คือ…กระหม่อม"
ท่านหญิงรัตนาวดีคอยฟังอย่างตั้งใจ
"กระหม่อมรู้ว่าเวลานี้ไม่เหมาะ...แต่กระหม่อมอยากจะทูล"
"ท่านหญิงเพคะ" เสียงป้าสร้อยดังขัดจังหวะ
รัตนาวดีหันไป ป้าสร้อยรีบเดินมาหา
"เด็จมาอยู่นี่เอง...หม่อมฉันตามหาแทบแย่...มีอะไรหรือเปล่าเพคะ"
สร้อยเห็นท่าทางรัตนาวดี กับ ท่านดนัยก็ถามอย่างสงสัย..
"ป้ารอหญิงอยู่ข้างในก็ได้ค่ะ...หญิงกำลังจะกลับไป"
"วันนี้คุณวิศาลเค้าอยากจะพาเราไปเที่ยวปราสาทนางชี"
รัตนาวดีงง
"ปราสาทชีนง"
"เอ้อใช่...นางชี ชีนงอะไรนี่แหล่ะ เค้าบอกเมื่อคืนป้าก็จำไม่ค่อยได้ เค้าว่าเช้านี้ "
"นายเล็กรู้จักไหม"
"รู้กระหม่อม...ห่างจากที่นี่ประมาณ 40 ไมล์ แต่วันนี้หม่อมวางแผนพาเสด็จปราสาทวิลองดรี"
"ป้าคะ...ถ้าอย่างนั้นเราไปหาของเช้าทานกันตามทางดีกว่า นายเล็กช่วยฝากโน้ตไว้ที่เคาน์เตอร์บอกคุณวิศาลทีว่าเราออกไปก่อน"
"กระหม่อม"
ท่านดนัยรีบเดินไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ ป้าสร้อยหน้าเหรอ
"คุณวิศาลเค้าจะไม่โกรธเอาเหรอเพคะ"
"ถ้าป้ากลัวเค้าโกรธป้าก็อยู่รอเค้าสิคะ"
ป้าสร้อยเก้อไป...
ตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำตรงข้ามปราสาทชินง รถท่านดนัยจอดแอบอยู่....ท่านดนัย รัตนาวดี ป้าสร้อย กำลังทานอาหารเช้าจากตะกร้าปิคนิก อย่างเอร็ดอร่อย
"ปราสาทนี้ไม่จำเป็นต้องดูภายในครับ เพราะถูกทำลายไปมาก"
"ปราสาทนี้มีความสำคัญยังไงเพคะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีบอก
"ก็เพราะที่นี่เป็นสถานที่สำคัญของ โจนส์ ออฟ อาร์ค น่ะซิคะ"
"ใครเพคะ โจนส์ ออฟ อาร์ค"
"เป็นผู้หญิงที่ลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพของอังกฤษ ที่เข้ามารุกรานฝรั่งเศสค่ะ"
ท่านดนัยชี้ให้ดู
"แต่เดิมประกอบด้วยป้อมสามหลัง...ปัจจุบันเหลือแต่คูน้ำ กับซากป้อมให้ดูกระหม่อม...แนวกำแพง และซากปล่องไฟแบบโกธิค เป็นส่วนหนึ่งของท้องพระโรง ที่โจน ออฟ อาร์คได้เข้ามาเฝ้าพระเจ้าโดแปง และได้กราบทูลต่อพระเจ้าโดแปงว่า พระเจ้าได้ส่งเธอมาช่วยพระองค์ชิงราชบัลลังค์คืน"
"จริงเหรอ...แล้วเอาคืนได้หรือเปล่านายเล็ก" สร้อยถาม
"เธอนำทัพหลวง ซึ่งมีทหารอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคน...เข้าโจมตีกองทัพอังกฤษ ที่ปิดล้อมออร์เลออง จนแตกพ่ายไป"
สร้อยทำหน้าอย่างทึ่ง
"นายเล็กนี่รู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีนะ" รัตนาวดีชม
รัตนาวดียิ้มหัวเราะพอใจ
"ก็เพราะเคยตามเสด็จท่านพี่อย่างไรล่ะเพคะ...แหม..นี่ถ้าท่านชายเสด็จมาเที่ยวกับเราด้วย...คงสนุกกว่านี้นะเพคะ"
รัตนาวดีหยุดยิ้มทันที
"อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะป้า....ท่านมีกิจธุระของท่าน อย่าให้ต้องทรงมาเสียเวลากับพวกเราเลยดีกว่าค่ะ"
ท่านดนัยสีหน้าหม่นหมอง
ท่านชายดนัยวัฒนาพารัตนาวดี ป้าสร้อย เดินเที่ยวบริเวณสวนของปราสาทเชอวินี ....บอกเล่าประวัติความเป็นมาของตัวปราสาทและสวนที่ปลูกอย่างสวยงาม
จากนั้นได้ขับรถไปบนถนนที่สวยงาม รัตนาวดีมีความสุข ชี้ขวนกับป้าสร้อยดูวิวข้างทางที่สวยงาม รถท่านดนัยขับผ่านไป อาจจะขับรถผ่านปราสาทที่สวยงาม
วิศาลนั่งกินเหล้ารอรัตนาวดีอยู่หน้าโรงแรม พุทธมองอย่างไม่สบายใจ
"นายกินเหล้าตั้งแต่บ่ายเลยนะ"
วิศาลมองพุทธตาขวาง
"ก็เพราะมึงน่ะแหล่ะ"
พุทธไม่พอใจ
"นายจะมาโทษฉันได้ไง...ใครใช้ให้นายไปนอนกับคุณตัวจนไม่ตื่นล่ะ"
"แล้วทำไมมึงไม่ขึ้นไปปลุกกูที่ห้องละ"
พุทธมองอย่างดูถูก
"ถ้าท่านหญิงรู้ว่านายเป็นคนแบบนี้...อย่าว่าแต่จะมาชอบนายเลย…คบเป็นเพื่อนท่านก็ไม่คบ"
วิศาลลุกขึ้นกระชากพุทธอย่างไม่พอใจ
"ไม่ต้องมาเสือกสั่้งสอนกู...ถ้าไม่มีกูน่ะ...มึงจะได้กินได้อยู่อย่างนี้ไม๊"
พุทธสะบัดออก
"แล้วถ้าไม่มีฉันนะ...นายจะมีปัญญามาเองไหม ภาษาอังกฤษกระด๊อกกระแด็กยังมาคุย...ภาษาฝรั่งเศสไม่ต้องพูดดีกว่าวะ"
วิศาลยังพาล
"เออ…กูมีเงินซะอย่าง...กระดิกนิ้วเรียกใครก็ได้...แค่นี้อย่ามาทำลำเลิกหน่อยเลยวะ"
พนักงานโรงแรมเดินออกมาดู ทั้งคู่จึงแยกกัน พนักงานโรงแรมมองอย่างไม่ค่อยพอใจ แล้วเดินเข้ามาพุทธพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส ก่อนเดินกลับเข้าไป
"ทำไม…มันว่าไง"
"เค้าก็บอกว่าถ้าทะเลาะกันเค้าจะเรียกตำรวจน่ะซิ"
วิศาลพูดอย่างแค้น
"เดี๋ยวเถอะมึง...เดี๋ยวกูจะเอาพ่อกูมาถล่ม"
ท่านชายดนัยวัฒนาบรถเข้ามาจอด ส่งรัตนาวดี กับ ป้าสร้อย ที่หน้าโรงแรม แล้วขับเลยไปจอดที่จอดรถ พอวิศาลเห็นรัตนาวดีก็กลายเป็นอีกคนทันที...รีบเดินไปหา
"ท่านหญิง...กระหม่อมเป็นห่วงฝ่าบาทแทบแย่"
"ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้รอ"
"กระหม่อมต่างหากที่ต้องทูลขออภัย...เมื่อคืนรู้สึกว่าไม่สบาย"
"ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะ."
รัตนาวดีเดินไป พุทธรีบประจบป้าสร้อย
"สนุกไหมครับคุณป้าสร้อย"
"สนุกจ้ะ...เสียดายไม่ได้ไปด้วยกัน...เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเที่ยวกันนะ"
"ครับ"
สร้อยรีบเดินตามรัตนาวดีไป วิศาลเดินไปทางที่จอดรถ พุทธมองตาม
ท่านดนัยเก็บของในรถอยู่ วิศาลเดินมายืนมองหน้า
"แกพาท่านหญิงไปไหนมา"
ท่านดนัยมองวิศาลนิ่ง
"อย่ามากวนนะ ฉันรู้นะ แกตั้งใจจะพาท่านหญิงไปไม่ให้เจอกับฉันนะ คนอย่างแก อย่าหวังสูงนะโว้ย"
ท่านชายดนัยวัฒนาไม่พอใจ แต่ยังใจเย็น
"เมาก็ไปนอนเถอะคุณ...อายเค้าบ้าง...คนที่นี่เค้าไม่เป็นอย่างนี้กันหรอก"
"ช่างหัวมันปะไร...กูไม่หน้าบางอย่างมึงนี่...ไม่ได้ขอข้าวใครกินโว้ย"
ท่านชายดนัยวัฒนาจะเดินหนี วิศาลคว้าแขนไว้อย่างอันธพาล
"แกจะไปไหน...ถ้ากูยังไม่ให้มึงไป...มึงก็ไปไม่ได้"
พุทธเดินมากระตุกมือวิศาลออกจากแขนท่านดนัย
"ฉันบอกนายแล้วนะ...ถ้ามีเรื่องเค้าจะเรียกตำรวจ"
ท่านชายดนัยพูดเสียงแข็งเอาเรื่อง
"ถ้าคุณโดนตำรวจที่นี่จับ...ต่อให้พ่อคุณใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางช่วยได้...ติดคุกอย่างเดียว"
ท่านดนัยรีบเดินไป วิศาลไม่พอใจ จะตามไปเอาเรื่องอีก พุทธจับไว้ วิศาลสะบัด
"อย่าวิศาล....อย่าก่อเรื่องเลยนะ"
"ทำไม…แกมันแหย...ไม่ได้เรื่อง"
"เออ…ฉันไม่อยากเดือดร้อนเพราะนายโว้ย"
พุทธเดินหนีไป วิศาลโมโหเอาเท้าเตะก้อนหินเต็มแรง แต่เพราะเมาแล้วจึงเสียหลักหกล้มหงายท้อง
ลุกไม่ขึ้น....
ปริศนาเดินเข้ามาในห้องทำงานท่านชายพจน์ ถือของว่างไปวางไว้ที่นั่งเล่น...ท่านพจน์ยิ้มปลื้ม
ปริศนาชะโงกหน้าเข้าไปดูว่าท่านชายอ่านหนังสืออะไร...ท่านชายหอมแก้ม ปริศนาตักของว่างป้อนท่านชาย...
"ขอบคุณค่ะ... วันนี้มีจดหมายหญิงรัตน์มาไหม"
"หมู่นี้ท่านหญิงไม่ค่อยเขียนจดหมายมานะคะ...พูดแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงท่านหญิงเหมือนกัน"
"ไม่มีอะไรหรอกมั้ง...ป้าสร้อยคอยดูอยู่ทั้งคน"
"ปริศนาเป็นห่วงความรู้สึกท่านหญิงเพคะ...เพราะปริศนาแน่ใจว่าท่านดนัยไม่ได้หลงรักท่านหญิงข้างเดียว"
ท่านชายพจน์กอดปริศนาไว้ สีหน้าใช้ความคิด...
อ่านต่อหน้า 2
รัตนาวดี ตอนที่ 6 (ต่อ)
วิมลมาหานพที่มหาวิทยาลัย และ นั่งคุยกันที่มุมนั่งเล่นบริเวณสวยๆ นพอ่านจดหมายรัตนาวดี
"ท่านดนัยส่งนายเล็กไปขับรถให้ท่านหญิงเหรอ แล้วนายเล็กจะรู้ทางดียังไง ไม่เห็นจะเคยไปไหนไกลๆ"
"แต่ท่านหญิงเล่ามาว่านายเล็กเก่งมาก...พาไปเที่ยวแต่ที่สวยๆ แล้วก็ยังรู้เรื่องประวัติศาสตร์ยุโรป"
นพทำหน้าแปลกใจ หัวเราะ ส่งจดหมายคืนวิมล
"นายเล็กน่ะนะ....นึกว่าเก่งแต่ทำกับข้าวซะอีก"
วิมลบอก
"อยู่กับท่านดนัยมาตั้งนาน...ก็คงเก่งแล้วละ...ไม่อย่างนั้นท่านดนัยจะไว้ใจให้พาท่านหญิงเที่ยวได้ไง...ตกลงคุณนพจะว่างเมื่อไหร่..ท่านหญิงเร่งให้เราไปเที่ยวกับท่าน"
"ยังไม่รู้เลย...ต้องหาข้อมูลทำทีสิตให้ครบก่อน..วิมลไปก่อนสิ"
วิมลทำหน้ายุ่ง
"เดือนนี้มีโปรเฟสเซอร์จากซีดาร์มาเลคเชอร์...ขาดไม่ได้เลย"
วิมลมองไปเห็นประพัทธ์ เดินคุยจู๋จี๋กับจูน
"พี่ประพัทธ์"
นพหันไปมองตาม
"แหม…คบกันเปิดเผยแล้วเหรอ"
"แฟนพี่ประพัทธ์เหรอคุณนพ"
นพพยักหน้า
"เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน...เดี๋ยวก็ดีกัน"
วิมลนิ่วหน้า
"พี่ประพัทธ์นี่เจ้าชู้นะ...กับท่านหญิงก็ทำท่าจะจีบท่าน... นี่ท่านหญิงก็ให้บอกพี่ประพัทธ์นะว่า ถ้าอยากจะตามไปเที่ยวด้วยกันก็ได้...เห็นอย่างนี้แล้วไม่บอกดีกว่า"
"ไม่เห็นเป็นไรนี่...ก็ให้เค้าเอาแฟนไปด้วย ท่านหญิงคงไม่ว่าหรอก…ดีซะอีกหลายๆ คน สนุกดี...ผมว่าท่านหญิงท่านเห็นคุณประพัทธ์เป็นเพื่อนรุ่นพี่เท่านั้น"
"ใช่…ท่านหญิงไม่โปรดพี่ประพัทธ์เลย...แต่เค้าคงไม่รู้ตัวหรอก….มีแฟนก็ดีแล้ว...จะได้คบกันสบายใจ"
อีกมุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย ประพัทธ์ตาโต เมื่อได้ยินข่าวจากรัตนาวดี
"ท่านหญิง...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง...ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว"
"ตอนนี้ประทับอยู่ฝรั่งเศสค่ะ...อีกสองอาทิตย์ท่านจะเสด็จสวิส"
"ท่านทรงเขียนจดหมายมาชวนพวกเราไปเที่ยว...คุณประพัทธ์ชวนเพื่อนไปเที่ยวกับท่านสิครับW
จูนมองหน้านพด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ประพัทธ์ดีใจ
"เราคงไปไม่ได้หรอกค่ะ...พี่ประพัทธ์ต้องเตรียมตัวเทสท์ สำหรับเตรียมขอทุน" จูนบอก
นพ กับวิมลมองหน้ากัน ประพัทธ์รีบออกตัว
"ก็ไม่ยุ่งมากขนาดนั้นหรอกจูน...อีกสองอาทิตย์ก็น่าจะไม่มีอะไร … ท่านหญิงทรงชวนพี่ให้ตามไปหาท่านเหรอวิมล"
จูนหันขวับมองหน้าประพัทธ์
"จะไปใช่ไหม....พอเค้าเรียกมาหน่อยก็จะรีบวิ่งไปหาเลย"
จูนสะบัดเดินหนีไป วิมลหน้าเสีย
"นี่เราทำให้คุณสองคนมีปัญหาหรือเปล่าครับ" นพถาม
ประพัทธ์ยิ้มๆ
"ไม่มีหรอกครับ...จูนเค้ายังเป็นเด็กก็เลยเป็นแบบนี้...อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนผมล่ะ...เราสนิทกันแบบพี่น้องนะครับ"
วิมลไม่ค่อยเชื่อ
"เหรอคะ...วิมลคิดว่าเค้าเป็นแฟนพี่ประพัทธ์ แล้วก็หึงท่านหญิงซะอีก...เพราะเมื่อกี้เค้าเอ่ยถึงท่านหญิงไม่ค่อยเหมาะสม"
ประพัทธ์โบกมือไม่สนใจ
"พี่ก็ไม่รู้นะว่าเค้าจะคิดกับพี่แบบไหน...แต่พี่ก็เทคแคร์เค้าอย่างน้องสาวคนนึงเท่านั้นจ้ะ...ขอที่อยู่ท่านหญิงให้พี่ได้ไหม พี่จะได้เขียนไปทูลท่าน"
"รอให้ท่านถึงสวิสก่อนนะคะ...เพราะท่านจะประทับที่นั่นนาน ตอนนี้ท่านยังประทับอยู่ฝรั่งเศสยังเปลี่ยนที่เสด็จไปเที่ยวตลอด"
"โอเคจ้ะ...วิมลส่งข่าวพี่ด้วยก็แล้วกัน...ดีแล้ว พี่จะได้รีบเตรียมเทสท์ให้เสร็จเร็วๆ ขอบใจคุณนพ กับ วิมลมากนะครับ"
ประพัทธ์โบกมือแล้ววิ่งกลับไป วิมลหันไปถามนพ
"คุณนพเชื่อที่พี่ประพัทธ์พูดไหมคะ"
นพยิ้มๆ....
อีกมุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย จูนนั่งร้องไห้เงียบๆ ประพัทธ์เดินเข้ามา
"จูน"
จูนปาดน้ำตาทำท่าจะเดินหนี ประพัทธ์จับไว้
"ร้องไห้เหรอ...เป็นอะไร"
จูนหันมามองหน้าประพัทธ์ตาเขียว
"ยังจะมาถามจูนอีก...พี่ประพัทธฺ์ยังตัดใจจากท่านหญิงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ...แล้วมายุ่งกับจูนทำไม"
"จูนเข้าใจผิดนะ...พี่เคยบอกแล้วไงว่าท่านเป็นรุ่นน้อง"
"ถ้าอย่างนั่นจูนขอห้ามไม่ให้พี่ประพัทธ์ไปหาท่านหญิงเด็ดขาด"
ประพัทธ์เริ่มไม่พอใจ
"จูนอย่าคิดว่าจูนทำดีกับพี่แล้วจะมาสั่งพี่นะ"
จูนมองประพัทธ์อย่างผิดหวัง
"ก็ได้…ถ้าอย่างงั้นเราเลิกกัน"
ประพัทธ์กระชากจูนเข้ามา
"จะบ้าหรือไง...พี่ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย...จูนไม่รู้หรือไงว่าจูนนะ...มีความหมายกับพี่มากที่สุด"
"พี่ประพัทธ์ก็ต้องพิสูจน์ให้จูนเห็นสิ...ทุกวันนี้จูนทุ่มเทให้พี่ทุกสิ่งทุกอย่าง....ถ้าเห็นคนอื่นดีกว่า..จูนไม่ยอม"
ประพัทธ์โมโหแล้วพูดเสียงดัง
"พูดไม่รู้เรื่อง...อย่าพูดกันดีกว่า...หายบ้าแล้วค่อยมาคุยกัน"
ประพัทธ์จะเดินไป จูนดึงแขนไว้
"อย่าไปนะ"
ประพัทธ์สะบัดแขนอย่างแรงแล้วเดินไป จูนมองตามร้องไห้...
ท่านหญิงรัตนาวดีกำลังนั่งอ่านจดหมายจากวิมล ป้าสร้อยจัดเสื้อผ้าของเก็บในตู้ เมื่ออ่านจดหมายจบ ท่านหญิงรัตน์เก็บใส่ซอง หันมามองป้าสร้อย
"แม่วิมลจะมาเที่ยวกับเราได้ไหมเพคะ"
รัตนาวดีทำหน้าผิดหวังหน่อยๆ
"เค้าบอกว่า เค้า กับ คุณนพยังติดเรื่องเรียนค่ะ.. หญิงช่วยเก็บเองจ้ะ"
ป้าสร้อยยิ้ม
"มันเป็นหน้าที่หม่อมฉันเพคะ"
รัตนาวดีมองป้าสร้อยอย่างรัก
"แล้วอย่างนี้หญิงจะทำอะไรเป็นได้ไง...ป้าคอยทำให้ทุกอย่าง ถ้าหญิงแต่งงาน...ป้าจะยังทำให้หญิงไหม"
สร้อยชะงัก
"เอ…วันนี้ตรัสแปลกๆ....ไม่เคยได้ยินท่านหญิงตรัสเรื่องแต่งงาน"
รัตนาวดีหันไปแกล้งทำอย่างอื่น
"ก็พูดไปอย่างนั้นเองจ้ะ...หญิงอาจจะอยู่เป็นสาวแก่ก็ได้"
"หม่อมฉันภาวนา...ขอให้ฝ่าบาทได้พบกับผู้ที่เหมาะสมกับฝ่าบาท....ท่านจะได้มาดูแลฝ่าบาทแทนป้า"
"พูดอย่างนี้แปลว่าเบื่อหญิงแล้วซิ"
ป้าสร้อยเดินมาหา
"หม่อมฉันไม่เคยเบื่อฝ่าบาทเลยเพคะ...ทูนหัวของป้าสร้อย"
รัตนาวดีหัวเราะ
"ถ้าอย่างนั้นเราก็จะอยู่ด้วยกันไปอีกนาน"
รัตนาวดีลากเสียงล้อเลียน ป้าสร้อยลังเลนิดหน่อย
"เอ้อ…ท่านหญิงว่าคุณวิศาลดูเป็นยังไงเพคะ"
รัตนาวดีหันมาหรี่ตามองป้าสร้อย
"ไหนว่าไม่ชอบเค้าไง...อย่ามาเชียร์ให้หญิงนะ"
"ดูๆ ไปเค้าก็ใช้ได้เพคะ...เรื่องทำห่ามขับรถมันก็เป็นไปตามวัย ต่อไปเป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบก็น่าจะดีขึ้น"
"แล้วที่เค้าชอบอวดเบ่งไปทั่ว ชอบเอาพ่อมาขู่คนอื่นล่ะคะ"
สร้อยทำหน้าเบื่อ
"แหม…อันนี้ก็เหลือรับ แต่นิสัยนี้น่าจะแก้ได้นะเพคะ"
"ป้าคะ...แล้วถ้าแก้ไม่ได้..แต่เป็นมากขึ้นล่ะคะ"
รัตนาวดีเดินไปมองออกไปข้างนอก มองไปรอบๆ สีหน้ายิ้มอยู่ในความฝัน
"ถ้าหญิงจะแต่งงานกับใครซักคน....มันจะต้องเกิดจากความรัก เค้าจะต้องเป็นผู้นำพาชีวิตหญิงได้ แล้วก็อุ่นใจเสมอ"
"แต่เค้าก็ต้องมีคุณสมบัติคู่ควรกับฝ่าบาทนะเพคะ"
รัตนาวดีเดินกลับมาฝืนยิ้มกับป้าสร้อย
"หญิงรู้ค่ะ...แต่ถ้า...คนๆ นั้นเค้าเป็นคนธรรมดาล่ะคะ"
"เค้าก็ต้องมีค่ามากพอที่ท่านหญิงของหม่อมฉันจะต้องลาออกจากฐานันดร"
รัตนาวดีหน้าเจื่อนไป แต่ก็หันกลับมาหัวเราะร่าเริง
"ยังไม่ถึงเวลาอะไรทั้งนั้นค่ะ...นอนดีกว่า..พรุ่งนี้จะได้มีแรงเที่ยว"
ทุกคนมายืนอยู่หน้าปราสาทวิลองดรี (Villandry) ด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจกับสวนสวย
"ปราสาทนี้อาจจะไม่ใช่ปราสาทที่หรูหราที่สุดในแถบนี้ แต่เป็นปราสาทที่น่าทึ่งที่สุด ที่ไม่มีปราสาทใดจะเทียบเคียงได้" ท่านดนัยบอก
"สวนที่นี่สวยจริงๆ นายเล็ก"
"กระหม่อม…ที่นี่จัดสวนไว้สามระดับ ระดับล่างสุดจะเป็นสวนครัว ระดับกลางจะเป็นสวนประดับกับสวนสมุนไพร และระดับสูงสุดจัดเป็นสวนน้ำ...เดี๋ยวฝ่าบาทจะได้ทอดเนตรหม่อม"
ท่านหญิงรัตนาวดีสีหน้ามีความสุข
"น่าสนใจจริง"
วิศาลเหล่ท่านดนัย ป้าสร้อยก็เหมือนกัน
"คุณวิศาล...พาท่านหญิงเสด็จไปกันก่อน...ป้าขอทานยาหอมแล้วจะตามไป"
รัตนาวดีมองอย่างเป็นห่วง
"ป้าไม่สบายหรือคะ...เมื่อเช้าก็ยังดีๆ"
สร้อยยิ้มอ่อนโยน
"ไม่เป็นไรเพคะ...ทานยาหอมซะก็สบาย...นายเล็กแน่ะขอน้ำอุ่นๆ ป้าสักหน่อย...ท่านหญิงเด็จไปก่อนเพคะ เดี๋ยวป้า กับ นายเล็ก จะตามไป"
"คุณป้าสร้อยพักผ่อนดีกว่าครับ แดดค่อนข้างร้อน...ผมจะดูแลท่านหญิงเอง...ไม่ต้องห่วง..เด็จดีกว่าฝ่าบาท..นายเล็กคอยดูแลคุณป้าให้ดีนะ" วิศาลบอก
วิศาลออกคำสั่งกับท่านดนัย.....
รัตนาวดีจึเดินไปมีวิศาล และ พุทธ เดินตามไปในปราสาท วิศาลพยักเพยิดกระซิบกระซาบกับพุทธสีหน้ายิ้มมีเลศนัย รัตนาวดีไม่รู้เรื่องเพราะเดินอยู่ข้างหน้า
"วันนี้วันเผด็จศึกของกันละ...คอยดูนะ"
"นายจะทำอะไร"
อ่านต่อหน้า 3
รัตนาวดี ตอนที่ 6 (ต่อ)
วิศาลหยิบแหวนโผล่มาจากกระเป๋าเสื้อหน่อยๆ มาอวด
"นายแน่ใจเหรอ"
วิศาลสีหน้ามาดมั่น
"คนอย่างกัน...อยากได้อะไรต้องได้...ไม่เคยมีใครปฏิเสธกันได้หรอก"
"นายจะขอท่านหญิงที่นี่เหรอ"
"บ้า…คนเยอะไปโว้ย...จำริมแม่น้ำข้างๆ โรงแรมที่เราพักได้ไหม"
พุทธพยักหน้า วิศาลยิ้มอย่างหมายมั่น แล้วรีบเดินไปใกล้ๆ รัตนาวดี ท่านดนัยมองตามรัตนาวดี หยิบกระติกน้ำร้อนมารินใส่แก้วมาให้ป้าสร้อย
"น้ำร้อนครับคุณสร้อย...ต้องเป่าสักหน่อยให้หายร้อนก่อน"
สร้อยรับมา
"ขอบใจมากนะ...เออนี่..นายเล็ก...ป้าอยากจะขอถามอะไรสักหน่อย"
ท่านดนัยใจคอไม่ค่อยดี
"ได้ครับ"
"นายเล็กมีแฟนกับเค้าหรือยัง...อย่าบอกนะว่าไม่มีเราไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่...ต้องมีสาวๆ มาสนใจบ้างแน่"
ท่านดนัยพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน
"ผมคงมัวแต่ถวายงานรับใช้ท่านดนัยนะครับ..เลยยังหาไม่ได้"
สร้อยไม่ค่อยเชื่อ
"ไม่น่าเชื่อ...แล้วมีใครที่มองๆ อยู่หรือเปล่าจ้ะ"
ท่านดนัยแอบยิ้ม
"ก็พอมีครับ"
"นั่นไง...ยังไงก็ต้องมี...แล้วเป็นคนไทยหรือแหม่มล่ะ"
"คนไทยครับ...แม่ผมไม่ชอบสะใภ้ฝรั่ง."
สร้อยมองท่านดนัยอย่างพิจารณา
"ดีนะที่เชื่อฟังพ่อแม่...ป้าจะสอนให้นะ หาแฟนที่ดีๆ ซักคน เอาที่เค้ามีฐานะเหมาะสมกับเรานะดีที่สุด....อะไรที่มากไปหรือน้อยไป มันก็ เป็นไปไม่ได้ เข้าใจไหม"
"ครับ"
"ดีมาก...ไป...ไปหาท่านหญิงกันดีกว่า"
ป้าสร้อยดื่มน้ำในถ้วย แล้วส่งให้ท่านดนัย ออกเดินไป ท่านดนัยมองตามป้าสร้อยยิ้มๆ
ที่ Chateau Angers ท่านดนัยถ่ายรูปรัตนาวดี วิศาล พยายามมาแทรกในเฟรมกล้องถ่ายรูป
ท่านดนัยจงใจถ่ายรูปวิศาลหัวขาด…..วิศาล กับ พุธ ทำท่าคึกคะนอง ท่านหญิงถ่ายรูปป้าสร้อย…..มุมสวนสวยๆ กับ ปราสาท.....
รัตนาวดีกับ ป้าสร้อย ที่สวนครัว วิศาลทำท่ากินผักที่สวนครัว ป้าสร้อยเมินหน้าหนี
วิศาลพยายามถ่ายรูปกับรัตนาวดีให้ได้ ให้พุทธมาถ่าย ท่านดนัยเดินมาดู
รัตนาวดีชวนให้ท่านดนัยมาถ่ายด้วยกันกับตัวเอง และ วิศาล วิศาลแอบทำท่าไม่พอใจ ในเฟรมกล้องถ่ายรูป พุทธจงใจถ่ายให้เห็นแค่รัตนาวดี กับ ท่านดนัย....
“ การปลูกสวนครัวของที่นี้จะแบ่งเป็นแปลงๆ แต่ละแปลงจะจัดปลูกเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ไม่เหมือนกัน
การปลูกไม้ประดับในแต่ละแปลงก็จะมีความหมายแตกต่างกันไป เช่นการปลูกต้นกุหลาบไว้ตรงกลางแปลงผัก เป็นการเตือนให้ระลึกขนมธรรมเนียมเก่าที่ปฏิบัติกันมาตามวัดและวิหาร
ส่วนไม้ประดับที่ปลูกใกล้ปราสาทมากที่สุด มีชื่อเรียกว่า สวนแห่งความรัก เป็นการปลูกที่มีลวดลายและความหมายตามที่เจ้าของต้องการ
แปลงที่หนึ่ง เรียกชื่อว่า L'Amour passionné สื่อความรักแบบหลงใหลรุนแรงและจริงจัง ลวดลายของต้นบ๊อกส์ (box tree) ที่วนล้อมไปมา เป็นภาพลักษณ์ของหัวใจ แต่หัวใจที่หักเพราะความรักความหลงใหล ที่ทำให้คนมึนหมดสติยั้งคิด เส้นทางที่วนไปมายังทำให้นึกถึงการเริงระบำเพลิดเพลินในโลกแห่งความฝัน.
แปลงที่สอง เรียกชื่อว่า L'Amour volage สื่อความรักอันฉาบฉวยชั่วครู่ชั่วยามไม่จริงจัง เปรียบได้กับความหอมที่ล่องลอยหายไปในเวลาอันรวดเร็ว ภาพลักษณ์ของต้นไม้เป็นรูปพัดที่ปลูกในสี่มุมสื่อความรักแบบนี้ ระหว่างลวดลายรูปพัด มีลายที่แยกออกเป็นมุมแหลมสองข้างคั่นไว้ เน้นนัยของความรักที่ถูกทรยศหักหลัง เหมือนสองเขาที่ปรากฏใช้ในสำนวนทั้งฝรั่งเศสและไทยในความหมายว่าคู่รักมีชู้ ถูกสวมเขา เป็นต้น
แปลงที่สาม เรียกว่า L'Amour tendre สื่อความรักอันบริสุทธิ์อ่อนโยน มีเปลวไฟขนาบสองข้างลายหัวใจตรงกลางแปลงสื่อหน้ากากที่ชาววังใช้ปิดหน้าเมื่อออกงานเต้นรำ และทำให้สามารถพูดคุยได้ทุกอย่างในเมื่อปิดบัง "ความเป็นตนหรือฐานะที่แท้จริงของตน"แล้ว การสนทนาหรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น จึงมีทั้งเรื่องคอขาดบาดตายหรือเรื่องฉาบฉวย
แปลงที่สี่ เรียกว่า L'Amour tragique สื่อความรักรันทดอันแสนสลดใจ ลวดลายเป็นรูปลักษณ์ของมีดสองคมของดาบที่ใช้ต่อสู้กันยามที่ต้องชิงตัวนางผู้เป็นที่รักกับคู่แข่งคนอื่นๆ ระหว่างฤดูร้อนดอกไม้ในแปลงนี้จะเป็นสีแดง สื่อเลือดที่แผ่กระจายหลังการดวลดาบ
รถของวิศาลกับรถของท่านดนัย จอดอยู่ลานจอดรถของปราสาทวิลองดรี
"ท่านหญิงทรงแน่ใจเหรอเพคะ...ที่จะขับเจ้ารถม้าคะนองคันนี้อีก" สร้อยถาม
"คุณป้าสร้อยครับ...ผมน่ะหวังดีนะครับ...อยากให้ท่านหญิงขับรถเป็นเร็วๆ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า หญิงจะขับช้าๆ ถนนก็ออกจะโล่งอย่างนี้...ไม่มีอันตรายหรอกค่ะ"
"พุทธ…นายไปนั่งกับคุณป้าสร้อย...เกะกะ"
พุทธทำหน้ารู้ทัน
"ไม่ต้อง...ให้พุทธนั่งไปด้วยนะดีแล้ว...จะได้ช่วยท่านหญิงดูทางอีกคนไง"
วิศาลโบกมือทำท่าโอ่
"ไม่ต้องครับ...ไม่ต้อง..แค่ผมคนเดียวก็ควบคุมได้ทุกอย่าง"
วิศาลตัดบท
"ทูลเชิญท่านหญิงกระหม่อม"
วิศาลโค้งให้รัตนาวดีอย่างเท่ ส่งกุญแจรถให้ ท่านดนัยมองตามไม่ค่อยพอใจ รัตนาวดีเดินไปขึ้นรถวิศาลทำท่างอธิบาย รัตนาวดีสตาร์ทรถขับออกไป ท่านดนัยรีบเดินไปขึ้นรถ ป้าสร้อย กับ พุทธ จึงรีบตามขึ้นรถไปด้วย รัตนาวดีขับออกไป ให้เห็นวิศาลวางมือไว้ที่เบาะเก้าอี้ของรัตนาวดี ทำให้ดูเหมือนวิศาลกำลังเอาแขนโอบรัตนาวดีไว้
สีหน้าพุทธไม่สบายใจ
ท่านดนัยขับรถตามรัตนาวดีที่ขับรถของวิศาล ไปตามถนนที่สวยงาม เห็นวิศาลที่เอามือวางไว้บนเบาะเก้าอี้คนขับ ที่รัตนาวดีขับอยู่ จนดูเหมือนโอบรัตนาวดีไว้ พุทธเหลือบมองท่านดนัย เห็นสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
"แหม…ทำไมคุณวิศาลต้องเอามือมาวางอย่างนั้นด้วยนะ" สร้อยว่า
"เค้าเอาวางไว้บนเบาะครับคุณป้า"
"ก็นั่นแหล่ะ...ไม่เหมาะสมเลย...ท่านไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่จะมาทำกิริยาอย่างนั้นกับท่านนะ...นายเล็ก...ขับแซงไปสิ ป้าจะให้ท่านหญิงทรงหยุดรถ"
ท่านดนัยวัฒนาเร่งเครื่องขึ้นไป ป้าสร้อยหมุนกระจกลงพยายามยื่นหน้าโบกมือให้รัตนาวดีหยุดรถ
วิศาลมองกระจกช้าง เห็นรถท่านดนัยขับเร่งขึ้นมาจะแซง ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
"ท่านหญิงกระหม่อม....พวกนั้นคิดจะท้าทายเรา...อย่าปล่อยให้เค้าแซงนะกระหม่อม"
วิศาลแกล้งเอนตัวไปใกล้ รัตนาวดีนึกสนุกไม่ได้สนใจวิศาล แต่เร่งเครื่องออกไปไม่ให้ท่านดนัยแซง...รัตนาวดีหัวเราะขำป้าสร้อยที่ยื่นหน้าโวยวายออกมานอกรถ...
ท่านดนัยสีหน้าเครียด ป้าสร้อยโวย
"ดู…ดู…ท่านหญิงทรงขับไปโน่นแล้ว...ทำไมถึงทรงซนอย่างนี้…นายเล็ก...ขับเร็วๆ หน่อย"
"รถคันนี้ไม่มีทางขับตามรถวิศาลทันหรอกครับ" พุทธว่า
"ท่านหญิงเพิ่งทรงหัดขับ..ถ้าทรงขับเร็วอย่างนี้จะมีอันตรายได้"
สร้อยสีหน้าเป็นห่วง
"ก็นั่นนะซิ...เร่งให้มันเร็วกว่านี้หน่อยซินายเล็ก...ท่านหญิง นะ ท่านหญิง"
ท่านดนัยต้องจำใจมองวิศาลนั่งโอบรัตนาวดีในรถที่ขับไกลออกไป....
พุทธไม่สบายใจ....
ท่านหญิงรัตนาวดีขับรถวิศาล มาถึงทางเลี้ยวเข้าโรงแรมริมแม่น้ำลัวร์ วิศาลพยายามคิดแผนการ พูดเสียงดัง
"หยุดก่อน"
รัตนาวดีเบรคโดยเร็วจนหัวทิ่ม หันมามองวิศาล
"อะไร…มีอะไร"
"เอ้อ…กระหม่อมมีที่ๆ หนึ่ง ที่อยากให้ทอดเนตร"
รัตนาวดีถอนใจ
"เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า...จะได้ชวนคนอื่นๆ ไปดูด้วยกัน"
วิศาลคิดหาคำพูดหลอกรัตนาวดี
"เอ้อ…แต่กระหม่อมอยากให้ท่านหญิงทอดเนตรก่อนคนอื่น จะได้ทรงช่วยตัดสินใจบางอย่าง...เลยไปนิดเดียวกระหม่อมไม่นานหรอกกระหม่อม...เดี๋ยวเราก็กลับมา"
รัตนาวดีตัดสินใจ
"ก็ได้…คุณบอกทางก็แล้วกัน"
"กระหม่อมขับเองดีกว่า...เพราะทางเล็กเกรงว่าท่านหญิงจะทรงไม่ถนัด"
"แน่ใจนะว่าไปไม่นาน"
"ไม่นานกระหม่อม"
รัตนาวดี และ วิศาลลงจากรถ สลับที่กันขับ วิศาลขับรถออกไปโดยเร็ว...
อ่านต่อหน้า 4
รัตนาวดี ตอนที่ 6 (ต่อ)
วิศาลขับรถมาจอด เป็นสถานที่สวยงามริมแม่น้ำลัวร์ในมุมที่เห็นปราสาทหลายๆ แห่งเป็นทางยาว รัตนาวดีลงมาจากรถมองวิวที่สวยงามนั้นอย่างพอใจ
"แหม…สวยจริงๆ คุณวิศาล"
วิศาลเดินมาใกล้ๆ มองรัตนาวดีอย่างมีความหมาย
"กระหม่อมดีใจที่ท่านหญิงทรงโปรด....กระหม่อมอยากให้ทรงมีความสุขทุกๆ วัน…อย่างที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอแต่สิ่งที่สวยๆ"
รัตนาวดีมองวิศาลอย่างทึ่ง
"ขอบใจนะ...ถือเป็นคำอวยพรที่ดีมาก"
"กระหม่อมไม่ได้อวยพร...แต่ท่านหญิงทรงเป็นอย่างนั้นได้ ถ้า…ถ้า…"
รัตนาวดีมองวิศาล
"อะไร"
ท่านดนัยขับรถเข้ามาจอดในที่จอดรถโรงแรม ป้าสร้อยรีบลงมามองหารถวิศาล
"ไม่เห็นมีรถคุณวิศาลนี่"
ท่านดนัย กับพุทธลงมา
"หรือเค้ามาส่งท่านหญิงแล้วออกไปข้างนอก"
ท่านดนัยมองหน้าพุทธ
"คงไม่ใช่" พุทธบอก
ท่านดนัยมองดูพุทธที่มีสีหน้าพิรุธ
"เค้าควรจะมาถึงก่อนเรานานแล้ว...ถ้าเค้าไม่อยู่ที่นี่..คุณพอจะรู้ไหมว่าเค้าพาท่านหญิงไปไหน"
ท่านดนัย กับ ป้าสร้อย มองหน้าพุทธ
วิศาลลงนั่งคุกเข่าต่อหน้ารัตนาวดี เอาแหวนยื่นมาให้
"แต่งงานกับกระหม่อมนะท่านหญิง"
รัตนาวดีตกใจ
"อะไรนะ"
วิศาลพยายามจะจับมือท่านหญิงรัตนาวดีใส่แหวน รัตนาวดีถอยหนี
"กระหม่อมหลงรักท่านหญิงตั้งแต่แรก...ท่านหญิงจะสุขสบายทุกอย่าง"
รัตนาวดีพยามยามหาทางปฏิเสธดีๆ ไม่อยากให้วิศาลเสียใจ
"ฉันถือเป็นเกียรติมาก...แต่ฉันเห็นคุณเป็นเพื่อนที่ดี"
รัตนาวดีพยายามถอยหนี เริ่มใจไม่ดี วิศาลก็รุกหนักเริ่มไม่พอใจ
"ท่านตอบรับกระหม่อมเถอะนะ...กระหม่อมไม่อยากให้พ่อต้องใช้ power มาบีบ"
รัตนาวดีตาโต รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา หยุดจ้องหน้าวิศาล
"นี่คุณเอาพ่อคุณมาขู่ฉันเหรอ"
"ท่านหญิงคงไม่รู่ว่าพ่อกระหม่อมสั่งได้ทุกอย่าง...แต่กระหม่อมอยากให้ท่านตอบรับกระหม่อมเอง"
"คำตอบของฉันคือ ไม่…"
วิศาลตกใจ
"ท่านหญิงกล้าปฎิเสธกระหม่อม"
รัตนาวดีหันหลังเดินไปที่รถ
"พาฉันกลับโรงแรม...เราจะไปคุยเรื่องนี้กันกับป้าสร้อย"
วิศาลทำสีหน้าดุดัน
"ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมคงให้ท่านกลับโรงแรมไม่ได้"
รัตนาวดีหันขวับมาจ้องหน้า
"อะไรนะ...ฉันดูคุณผิดไปนะ.ไม่นึกเลยว่าจะเลวขนาดนี้"
รัตนาวดีหันหลังจะเดินหนีไปทางถนน วิศาลวิ่งตามมาดัก
"จะไปไหน...เด็จขึ้นรถดีๆ อย่าให้หม่อมต้องใช้กำลัง"
รัตนาวดีจ้องหน้าวิศาลอย่างโกรธมาก วิศาลก็สีหน้าดุดันน่ากลัว ท่านดนัยขับรถเลี้ยวเข้ามาพอดี
ป้าสร้อยตะโกนมาแต่ไกล
"ท่านหญิง...ท่านหญิง."
รัตนาวดีดีใจมาก พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ท่านดนัยจอดรถใกล้ๆ ป้าสร้อยรีบถลา
ลงมา วิศาลตกใจเห็นท่าไม่ดีเดินถอยหนี แต่หน้ายังโกรธแค้น
"จะเด็จมาก็ไม่บอกหม่อมฉัน"
รัตนาวดีคว้ามือป้าสร้อย รีบเดินไปขึ้นรถ
"กลับกันเถอะค่ะ"
ป้าสร้อยจับมือรัตนาวดีไว้ตกใจ
"ทำไมองค์สั่นอย่างนี้เพคะ"
รัตนาวดีรีบขึ้นรถ ป้าสร้อยรีบขึ้นตามไป ท่านดนัยมองหน้าวิศาลอย่างไม่พอใจ วิศาลก็มองหน้าท่านดนัยด้วยสายตาเคียดแค้นเหมือนกัน แล้วหันไปมองพุทธที่ยืนมองวิศาลด้วยสีหน้าสมเพช
"แกพาพวกมันมาใช่ไหม"
พุทธไม่ตอบ รีบขึ้นรถท่านดนัย ท่านดนัยขับรถออกไป วิศาลแค้น...
ภายในรถ ป้าสร้อยสีหน้าโกรธแค้น ชูกำปั้น
"เลวมาก....ไม่นึกเลยว่าลูกคนใหญ่คนโต...จะต่ำทรามได้ขนาดนี้...โธ่..ทูนหัว...องค์ยังสั่นอยู่เลย...ขวัญเอ๋ย..ขวัญมา"
ป้าสร้อยกอดรัตนาวดีไว้...ท่านดนัยมองผ่านกระจกหลัง อย่างเป็นห่วง หันมาเอาเรื่องกับพุธ
"แล้วคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า"
พุทธพยักหน้าอย่างสำนึกผิด
"แต่ผมไม่นึกว่าเขาจะกล้าทำขนาดนี้"
"จะรักจะชอบก็ต้องทำให้มันถูกต้อง...ไม่ใช่สวมวิญญานโจรมาทำเลวข่มขู่กันแบบนี้" สร้อยบอก
"เอ้อ…อันที่จริงผมว่าวิศาลไม่ได้รักท่านหญิงจริงจังหรอกครับ"
ป้าสร้อยตาโต
"แปลว่าอะไร...นี่เค้าจงใจหมิ่นพระเกียรติเล่นสนุกๆ อย่างนั้นเหรอไง"
"เค้าคงเคยชินกับพวกผู้หญิงที่ตื่นเต้นที่เขารวย...มีพ่อใหญ่โต เค้าใช้เงินซื้อทุกอย่าง....แม้แต่ซื้อใจคน"
"มันก็มีแต่พวกอยากได้ใคร่ดีเกินตัวที่จะยอมมัน"
"คนเรา...บางครั้งเห็นคนอื่นเค้ามี...มันก็อยากจะมีบ้าง.."
"อยากมีบ้าง...ทำได้ทุกอย่างซินะ...น่าสมเพช"
"คนเรา...ใครๆ ก็อยากได้อยากดีกันทุกคน...แต่ถ้าได้มาบนความทุกข์ของคนอื่น...มันก็ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง" ท่านหญิงรัตน์ว่า
"หม่อมต้องกราบขอโทษท่านหญิงด้วย"
"นับว่าเธอยังมีความดีอยู่ในตัว…ไม่ปล่อยให้ตัวเองดันทุรังไปกับคนเลว" สร้อยบอก
รัตนาวดีถอนใจ
"ขอให้เรื่องนี้มันจบๆ ไปก็แล้วกัน...เราก็อย่าไปยุ่งกับคนอย่างนี้อีกเลย"
เวลาต่อมา รัตนาวดีจะเดินขึ้นบันได หันมาหาท่านดนัย
"ขอบใจนายเล็กมากนะ"
ท่านดนัยก้มหัวรับ
"กระหม่อม…ทรงอย่าไปคิดถึงมันอีกกระหม่อม"
รัตนาวดียิ้มเพลียๆ พยักหน้า
"ขอบใจคุณพุทธมากด้วยค่ะ"
พุทธโค้งให้รัตนาวดี
"กระหม่อม"
รัตนาวดี กับสร้อย เดินขึ้นบันไดไป ท่านดนัยหันมาพูดกับพุทธ
"คุณต้องระวังตัวไว้ด้วยนะ"
พุทธสีหน้าเป็นทุกข์
"กระหม่อม"
ท่านชายดนัยวัฒนาตกใจ พุทธมองหน้าท่านดนัยยิ้มๆ
"คุณรู้ได้ยังไง"
"เมื่อวันก่อนวิศาลให้กระหม่อมเช็คว่าท่านหญิงอยู่ห้องไหน กระหม่อมมาอ้างที่ Front ว่าเป็นญาตินายเล็ก เค้าบอกว่า ไม่มีชื่อนายเล็ก...มีแต่ท่านดนัยวัฒนา"
"แล้ววิศาลรู้ไหม"
"กระหม่อมไม่ได้บอกใครกระหม่อม"
ท่านดนัยมองพุทธนิ่ง...
ท่านดนัยเดินคุยกับพุทธมาที่จอดรถ
"เรื่องงานที่มหาวิทยาลัยไม่ต้องห่วง...ผมจัดการให้ได้ถ้านายวิศาลจะมาแกล้งคุณ"
"ฝ่าบาทก็ต้องระวังองค์นะกระหม่อม..วิศาลมันหึงฝ่าบาทมาก"
ท่านชายดนัยวัฒนาหัวเราะ
"จะมาหึงผมทำไม...เป็นแค่คนขับรถ"
"เอ้อ…มันว่าฝ่าบาทเองก็แอบหลงรักท่านหญิงเหมือนกัน แล้ว…เอ้อ…ท่านหญิงก็สนใจนายเล็กไม่น้อย"
ท่านดนัยนิ่งอึ้งไป
"อย่าไปดึงองค์ท่านลงมาเลย...คุณจะค้างที่นี่ไหม... ผมว่าคุณต้องเปลี่ยนห้องใหม่แล้วละ"
"กระหม่อมว่าจะไปหา Inn ใกล้ๆ สถานีรถไฟ...พรุ่งนี้ กระหม่อมจะกลับปารีสแต่เช้า...แล้วก็จะข้ามไปลอนดอน"
ท่านดนัยหยิบกระเป๋าเงิน ส่งเงินให้พุทธจำนวนหนึ่ง
"เอาเก็บไว้ใช้เป็นค่าเดินทาง...เพราะนายวิศาลคงไม่จ่ายค่าจ้างให้คุณแล้วละ"
พุทธมองท่านดนัยอย่างนับถือ คิดนิดหนึ่งยกมือไหว้รับเงินมา
"ขอบพระทัยกระหม่อม...กระหม่อมจะไม่ลืมบุญคุณฝ่าบาทเลย ถ้าฝ่าบาทมีพระประสงค์ใช้กระหม่อม...กระหม่อมยินดีเสมอ"
ท่านดนัยหัวเราะ
"บุญคุณอะไรกัน...ผมซิต้องขอบใจคุณ ถ้าไม่ได้คุณพาไปจนพบท่านหญิง ท่านจะเป็นยังไงก็ไม่รู้
ถ้ามีปัญหาก็มาหาผมที่สถานทูตได้ตลอดเหมือนกัน"
"แต่ผมรู้นิสัยวิศาล...พอมันเจอคนจริงมันก็ไม่กล้า...ดีแต่ไปฟ้องพ่อมัน."
ท่านดนัยยิ้มๆ
"ไป…ผมจะไปส่งที่ Inn จะเอารถไปเติมน้ำมันด้วย"
ท่านดนัย กับ พุทธ พากันเดินไปขึ้นรถ...
คืนนั้น วิศาลนั่งกินเหล้าอยู่ในผับ สีหน้าขุ่นแค้น... กินเหล้าอย่างบ้าคลั่ง...
"กูต้องแก้แค้นพวกมันให้ได้"
วิศาลตาขวาง...
ท่านดนัยขับรถเข้ามาจอด ปิดประตูล็อครถแล้ว จะเดินไปที่โรงแรม วิศาลแอบอยู่วิ่งโซเซด้วยความเมามาที่ท่านดนัย ในมือถือไม้ท่อนหนึ่ง...วิ่งเสียงดังเงื้อไม้จะมาตี ท่านดนัยได้ยินเสียงคนวิ่งหันกลับไปเห็น จึงเบี่ยงตัวหลบทัน วิศาลเสียหลักหกคะเมนลงไปที่พื้น กระเสือกกระสนจะลุกขึ้น
ท่านดนัยลากคอเสื้อวิศาลขึ้นมา ต่อยโครมให้ที่หน้า วิศาลพยายามต่อสู้ ต่อยท่านดนัยที่หน้า แต่เพราะเมา หมัดจึงไม่ค่อยมีแรง โดนท่านดนัยต่อยไปหลายหมัดจนลุกไม่ขึ้น...ลงไปนอนกอง ท่านดนัยหอบ เดินกลับเข้าโรงแรมไป วิศาลพยายามลุกขึ้นอย่างยากเย็น หันไปมองรถท่านดนัยที่จอดอยู่
ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ในห้องอาหารเช้าโรงแรมริมแม่น้ำลัวร์ ท่านดนัยนั่งทานกาแฟ กับ ครัวซองค์อยู่ที่โต๊ะอาหาร ท่านหญิงรัตนาวดีแต่งชุดสวยเดินเข้ามาในห้องอาหาร รีบเดินมาหา รัตนาวดีท่าทางสดชื่น ไม่เหลือเค้าความตกใจจากเมื่อวานอีกแล้ว ท่านดนัยจะยืนให้ แต่รัตนาวดีรีบโบกมือให้นั่งลง
"นี่นายเล็ก...รีบรับประทานเร็วๆ เข้า แล้วไปเตรียมตัวเถอะเราจะไปกันเดี๋ยวนี้แหล่ะ"
รัตนาวดีพูดอย่างยิ้มแย้ม ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างงงๆ
"ป้าสร้อยกับฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว...เราไม่อยากอยู่โรงแรมเดียวกับมนุษย์คนนั้นอีก...อ้อ..แล้วช่วยสั่งกาแฟ ครัวซองค์ กับ เนยแยมอย่างนี้เผื่อสักสองที่เถอะ...ฉันจะไปตามตัวป้ามากินเดี๋ยวนี้"
รัตนาวดีรีบเดินกลับไป ท่านดนัยมองตามยิ้มอย่างมีความสุข
ท่านดนัยจอดรถที่หน้าตัวโรงแรม พนักงานช่วยขนกระเป๋ามาขึ้นรถ พอเสร็จแล้วท่านดนัยก็ขับรถพารัตนาวดี กับ ป้าสร้อยออกไป....
ท่านดนัยมองรัตนาวดีทางกระจกหลัง เห็นรัตนาวดีสีหน้าสดชื่นมองข้างทางที่สวยงาม
"ฝ่าบาทจะโปรดเสด็จที่ไหนดีกระหม่อม"
"ฉันยังเที่ยวดูปราสาทไม่ทั่วเลย...ป้าอยากไปไหนคะ"
"โปรดเด็จไหน..หม่อมฉันก็ไปด้วยเพคะ"
รัตนาวดียิ้มสดชื่น และยิ้มนั่นเลยมาให้ท่านดนัยด้วย..ทั้งสองสบตากันที่กระจกส่องหลัง
"นายเล็กจะพาฉันไปเที่ยวไหนดีล่ะ"
"กระหม่อมจะพาเสด็จปราสาท Blois ก็แล้วกันกระหม่อม จะได้ไปดูเรื่องของพระนาง แคทลีน เมดิซี ที่ฝ่าบาทสนพระทัย...อยู่ไม่ไกลจากที่นี่กระหม่อม"
รัตนาวดีส่งยิ้มหวานมา
"ดีจริงจ้ะนายเล็ก"
ท่านดนัยยิ้มมีความสุข....เกย์น้ำมันที่มีไม่ถึงครึ่งถัง แต่ท่านดนัยไม่ได้สังเกต
บนถนนที่ไปทางปราสาท Blois รถท่านดนัยขับไปตามทางที่สวยงามนั้น....
อ่านต่อตอนที่ 7