“บขส.” เตรียมเสนอ กก.ขนส่งทางบกกลาง แก้ระเบียบค่าโดยสารใหม่ จากกำหนดตายตัวต่อ กม. เป็นคุมเพดาขั้นสูง หวังจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถมแข่งโลว์คอสต์ได้คล่องตัว พร้อมเร่งเจรจา ปตท.ขอลดราคาน้ำมันลงอีก 1.50-2 บาท/ลิตร ขู่ไม่ยอมเตรียมเปิดประมูลซื้อจากรายอื่นถูกกว่าแน่นอน ขณะที่แผนย้ายสถานีหมอชิตใหม่ยังไม่สรุป ส่อลากยาวถึงปี 65 เตรียมเจรจา ร.ฟ.ท.ขอใช้ที่ต่อ
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและให้นโยบายการดำเนินงาน บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) วันนี้ (8 ต.ค.) ว่าขณะนี้ บขส.ประสบปัญหา เนื่องจากมีคู่แข่งในการขนส่ง โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) ซึ่งมีการลดค่าโดยสารลงมาใกล้เคียงกับรถ บขส. ในขณะที่ บขส.ไม่สามารถลดราคาลงเพื่อแข่งขันในรูปแบบลดแลกแจกแถมได้เนื่องจากติดระเบียบข้อกำหนด ทำให้จำนวนผู้โดยสารของ บขส.ในปี 2558 ลดลง และคาดว่าในปี 2559 มีแนวโน้มจะลดลงอีก ดังนั้น บขส.จะต้องเร่งปรับตัว เน้นการทำธุรกิจเพื่อแข่งขันให้มากขึ้นและต้องไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน ซึ่งจะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางเพื่อขออนุมัติกรอบอัตราค่าโดยสารใหม่ จากปัจจุบันกำหนดอัตรา สต./กม. เป็นแบบคุมเพดานขั้นสูงเท่านั้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำราคาโปรโมชันแข่งขันได้ตามกลไกลตลาด ซึ่ง บขส.จะต้องกำหนดผู้โดยสารเป็นรายกลุ่ม และกำหนดแพกเกจให้ส่วนลดให้เหมาะสมเพื่อจูงใจ เช่น กลุ่มลูกค้าซื้อล่วงหน้า, ลูกค้าเดินทางเป็นกลุ่ม
นอกจากการปรับตัวเพื่อแข่งขันทางธุรกิจแล้ว บขส.จะต้องเร่งแผนพัฒนาพื้นที่สถานีเอกมัย สายใต้เก่า ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วแต่อยู่ในทำเลที่ดีเพื่อหารายได้เพิ่ม ในขณะเดียวกันจะต้องเร่งลดรายจ่ายลง โดยเฉพาะค่าน้ำมันซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อขอลดราคาลง หากทาง ปตท.ไม่ยอมลดราคา บขส.อาจจะต้องเปิดเสรีในการจัดซื้อน้ำมัน โดยเปิดประมูลเพื่อซื้อน้ำมันจากที่อื่นที่ราคาต่ำกว่าของ ปตท. โดยผลประกอบการปี 2558 มีกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 342 ล้านบาท
ส่วนการย้ายสถานีขนส่งกรุงเทพ (จตุจักร) ไปยังที่แห่งใหม่นั้น บขส.รายงานยังไม่ได้ข้อสรุป โดยอยู่ระหว่างพิจารณาที่ตั้งแห่งใหม่ คาดว่าการย้าย บขส.ไปยังที่ใหม่จะแล้วเสร็จในปี 2565 ดังนั้น ในระหว่างนี้จะต้องเจรจากับทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อขอใช้พื้นที่เดิมไปอีกระยะ ซึ่งจะต้องพิจารณาเพื่อไม่ให้กระทบต่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อของรถไฟสายสีแดงและโครงการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ ด้วย
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานกรรมการ บขส.กล่าวว่า ปัจจุบันที่ ปตท.ขายน้ำมันให้ บขส.ในราคาต่ำกว่าหน้าปั๊ม 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น ซึ่ง บขส.เสนอขอให้ ปตท.ลดลงจากราคาหน้าปั๊ม 1.50-2 บาทต่อลิตร แต่ ปตท.ยังไม่ยอม ในขณะนี้น้ำมันดีเซลในประเทศมีจำนวนมาก โรงกลั่นต้องส่งออกในราคาต่ำกว่าหน้าปั๊ม 2.50-3 บาทต่อลิตร จึงมองว่า หาก บขส.ซื้อจากรายอื่นจะได้ต่ำกว่าที่ ปตท.ขาย โดยปัจจุบัน บขส.ใช้น้ำมันปีละประมาณ 40 ล้านลิตร คิดเป็นเงินเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนถึง 25% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดหากประหยัดลง1 บาทต่อลิตรเท่ากับลดรายจ่ายได้ถึงปีละ 40 ล้านบาท ในขณะที่ ปตท.มีรายได้ปีละหลายแสนล้านบาท ลดราคาตรงนี้ไม่กระทบกระเทือนแน่นอน และยังเป็นการช่วยเหลือรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณะอีกด้วย
ทั้งนี้ ตามหลักระเบียบรัฐวิสาหกิจกรณีซื้อน้ำมันเกิน 10,000 ลิตรจะต้องซื้อจาก ปตท. ล่าสุด มติคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติให้กระทรวงพลังงานหารือกระทรวงการคลังเพื่อแก้ไขระเบียบดังกล่าว ซึ่งได้เริ่มที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้วที่อนุมัติให้ซื้อน้ำมันจากบริษัทใดก็ได้ ส่วนรัฐวิสาหกิจอื่นๆ คลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อปลดล็อก
ส่วนการย้ายสถานี บขส.นั้น ต้องการพื้นที่ 80 ไร่ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ 5 จุด คือ 1. บริเวณติดกับสนามบินดอนเมือง (ขาเข้ากรุงเทพ) 2. บริเวณติดถนนพหลโยธินด้านเหนือจาก ถ.รังสิต-ปทุมธานีก่อนถึงม.ธรรมศาสตร์ (ขาออกกรุงเทพฯ) ซึ่งถือเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุด 3. บริเวณติดถนนพหลโยธินด้านเหนือจากถนนรังสิต-ปทุมธานี ก่อนถึง ม.ธรรมศาสตร์ (ขาเข้ากรุงเทพฯ) 4. ติดถนนรังสิต-ปทุมธานี ก่อนถึงทางพิเศษอุดรรัถยา 5. ติดถนนรามอินทรา พ้นจากมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ด้านตะวันออก
โดยในวันที่ 16 ต.ค.นี้จะเปิดรับข้อเสนอครั้งสุดท้าย และเลือกพื้นที่ที่ดีที่สุดนำเสนอบอร์ด บขส.พิจารณา เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการภายในปลายปี 2558 นี้ จากนั้นจะเร่งการออกแบบและใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บขส.มีเงินสดในมือ 3,000 ล้านบาท สามารถนำมาใช้ลงทุนได้ อย่างไรก็ตามจะเร่งแผนงานเพื่อให้แล้วเสร็จและย้ายออกจากที่เดิมในปี 2563 โดยคาดว่าในอนาคตจะมีผู้โดยสารใช้บริการ บขส.ประมาณ 28 ล้านคนต่อปี
