xs
xsm
sm
md
lg

สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 4 

ที่บ้านพักปราณบุรียามเย็น ประภาพรรณนั่งคุยกับนิโรบล
 
“นึกถึงเรื่องสมัยเก่าๆ แล้วก็แปลกนะ มิวเกลียดตัวเองที่เป็นพวกต้มตุ๋นคอยหลอกชาวบ้านเขา กลัวจะโดนตำรวจจับเข้าคุก แต่กลับมาได้สามีเป็นตำรวจซะงั้น นิดก็เหมือนใช่มั้ย”
นิโรบลเข้ามากอดเพื่อนรัก
“มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างมันดีขึ้นแล้วนะ”
“อือ คิดแล้วก็ต้องขอบคุณพี่เอกเหมือนกันนะ ที่ชวนมิวไปเป็นสายลับให้ตำรวจ และที่สำคัญที่สุด ทำให้มิวได้เจอกับคุณกร”
“เรื่องเจอคุณกรเนี่ย ดีที่สุดเลยใช่มั้ย”
ทั้งคู่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ขณะเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก
“เออนี่ แล้วมิวเจอพี่เอกราชมั่งมั้ย”
“ไม่เลย ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้พี่เอกไปอยู่ที่ไหน”
“แล้ว”
พันกร ภาณุเดินถือขนม ของว่าง เข้ามาที่ห้องรับแขก สองสาวเลยจำต้องเลิกพูดเรื่องเอกราช
“ขนมอร่อยๆ มาแล้วครับ มามะ เดี๋ยวสามีจะป้อน”
พันกรตักขนมไปป้อนประภาพรรณ หญิงสาวกินแบบเขินๆ
“คุณกรนี่ มิวอายเพื่อนนะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลย จริงมั้ย คุณณุจะป้อนขนมคุณนิดบ้างก็ได้นะครับ ผมไม่ถือ”
พันกรป้อนขนมเสร็จ ก็เข้าไปกอด หอมแก้มประภาพรรณหลายฟอด ภาณุกับนิโรบลขำๆ กับท่าทางที่พันกรหยอกล้อกับภรรยา
“มิว นิดขอกลับก่อนดีกว่า จะได้ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ ข้าวใหม่ปลามันเขามาฮันนีมูนกัน มิวกับคุณกรคงต้องมีอะไรทำกันอีกเยอะ จริงมั้ยคุณณุ”
“ก็คงอย่างนั้นมั้ง”
“งั้นเดี๋ยวนิดยิงเบอร์ของนิดไป มิวเมมเบอร์ไว้นะ”
สองสาวแลกเบอร์มือถือกัน
“เพิ่งจะเจอกันแป๊บเดียวเอง จะกลับซะละ”
นิโรบลหันไปปรึกษาบางอย่างกับภาณุ
“งั้นเอางี้ คุณกรคะ”
“ครับ”
“พรุ่งนี้นิดขออนุญาตมารับมิวไปทำสวยที่สปาในโรงแรมได้มั้ยคะ”
“ดีเลยเราจะได้คุยกันอีก ยังไม่ทันหายคิดถึงเลย นะคะคุณกร พรุ่งนี้มิวขอไปสปากับนิดนะ นะคะๆ”
“อ้อนขนาดนี้ใครจะปฏิเสธได้ล่ะ ตามสบายเลยครับคุณนิด ฝากดูแลมิวด้วยละกันครับ”
ประภาพรรณกระโดดกอด หอมแก้มพันกร ขอบคุณที่พันกรให้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน นิโรบลกับภาณุขำๆ

ตลาดหัวหิน ยามค่ำคืน ประภาพรรณกับพันกรเดินจูงมือกัน ชี้ชวนกันเลือกร้านอาหารที่ถูกใจ แล้วเดินไปนั่งในร้าน
“ร้านนี้ดูโอเค.นะ มิวอยากกินยำทะเลแซบๆ คุณกรอยากกินอะไร”
“อะไรก็จ้ะได้ตามใจมิว แถวนี้อาหารทะเลคงสดเหมือนกันหมด แต่ถ้ากลับถึงบ้าน กรจะกินมิวทั้งตัวเลยนะ”
“คุณกรบ้า”
ประภาพรรณมองออกไปแถวๆ นั้น เห็นร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย
“สร้อยคอน่ารักๆ ขายเต็มเลย คาดว่ามันรอมิวไปสอยอยู่ คุณกรสั่งอาหารรอได้เลยนะ”
“กินเสร็จแล้วก็ค่อยไปเดินด้วยกันได้นี่ ไม่เห็นต้องรีบเลย”
ประภาพรรณแกล้งงอน
“แล้วถ้ามีคนมาซื้ออันที่มิวเล็งไว้ล่ะ”
“งั้นกรไปเดินด้วย ต้องไปเป็นบอดี้การ์ดซะหน่อย”
“มิวไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะจ๊ะ เดินเล่นแถวนี้เอง เดี๋ยวก็มา น่านะ ถ้าไม่งอแง กลับมาแล้วจะให้หอมแก้ม 2 ที เอามั้ย”
พันกรลังเล แล้วก็ยิ้มออกมา
“ก็ได้ กลับมาเร็วๆ นะ”
“ค่ะ จะรีบซื้อ รีบกลับเลย”
ประภาพรรณเดินออกจากร้าน กลัวพันกรจะเปลี่ยนใจ พันกรมองตามยิ้มๆ

เอกราชนั่งอยู่ในโรงแรม มองคนเดินผ่านไปมาบริเวณล็อบบี้ เขาจิบเครื่องดื่มเบาๆ นั่งดูภาพถ่ายของพันกรและเบอร์ติดต่อที่ได้มาจากหน่วยพิเศษ เขาลองโทรหาตามเบอร์ที่ได้มา แต่ปลายสายปิดเครื่อง
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
เอกราชกดตัดสาย เก็บมือถือ ยกมือสั่งบริกรเก็บเงิน เขาออกมาเดินเล่นดูอะไรเพลินๆ หาข้าวกินที่ตลาด ถือโอกาสมองสาวๆ ที่มาเดินเล่นด้วย พลันก็เห็นประภาพรรณเดินสวนไปอีกทาง เอกราชหันไปมอง ตื่นเต้นมาก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ จึงรีบเดินตามไป แต่คนในตลาดพลุกพล่านมาก เข้าใกล้ๆ ประภาพรรณไม่ได้สักที ประภาพรรณก็เดินดูของ โดยไม่รู้ตัวว่าเอกราชพยายามตามอยู่ เธอหยุดเดินดูของ เอกราชตัดสินใจเรียก
“มิว”
เอกราชรีบขอทางคนข้างหน้า หวังจะไปให้ถึงตัวประภาพรรณ แม่ค้าหิ้วตะกร้าใส่ขนมเต็มสองแขน เดินอยู่ข้างหน้าขวางทาง แถมมีคนหยุดซื้อ เอกราชฝ่าไปไม่ได้ ประภาพรรณซื้อของเสร็จ รีบเดินกลับไปที่ร้าน เอกราชหงุดหงิดรีบเดินหา แต่ไม่เจอประภาพรรณแล้ว
เอกราชพยายามมองหา แล้วเห็นประภาพรรณยู่ไกลๆ รีบเดินอ้อมอีกทางไปดักข้างหน้า ประภาพรรณเดินไปร้านที่พันกรรออยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดูของต่างๆ ที่วางขายอยู่ข้างทาง เอกราชโผล่มาดักอยู่ข้างหน้า ประภาพรรณเงยหน้าขึ้นมาเจอเอกราช ตกใจมาก เอกราชมั่นใจว่าใช่ประภาพรรณแน่ ประภาพรรณหันหลัง รีบเดินหนีออกมา เพราะไม่อยากให้พันกรรู้ว่าเธอรู้จักกับเอกราช เอกราชรีบเดินตาม
“มิว”
ประภาพรรณรีบเดินเร็วขึ้น นึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น
“พี่เอกเหรอ ทำไมต้องมาเจอกันตอนนี้นะ”
เอกราชเดินตามติดๆ
“มิว พี่รู้ว่าเป็นมิวนะ รอพี่ก่อน อย่าเพิ่งไป”
พันกรมาเดินตามหาประภาพรรณด้วยความกังวล เพราะหายไปนาน เอกราชตะโกนเสียงดัง
“มิว มิว”
พันกรสงสัย
“ใครเรียกชื่อมิว”
พันกรรีบเดินตามเสียงที่เรียกประภาพรรณ ประภาพรรณแอบมายืนหลบอยู่ที่มุมมืดๆ มุมหนึ่ง ยังตื่นเต้นไม่หายที่เจอเอกราช
“ทำไงดีล่ะทีนี้ ไอ้มิวเอ๊ย”
มีมือมาจับแขนประภาพรรณไว้ เธอตกใจมาก พันกรก็ตกใจที่เห็นท่าทางของของหญิงสาวเหมือนจะหลบหน้าใครอยู่
“ผมเองมิว มิวมายืนทำอะไรตรงนี้”
“เอ่อ”
“หลบผู้ชายที่ตะโกนเรียกชื่อมิวใช่มั้ย แฟนเก่าเหรอ”
“ไม่ใช่นะคุณกร ใครก็ไม่รู้ มิวไม่รู้จักซะหน่อย”
“จะบอกดีๆ หรือจะเข้าห้องสืบสวนจ๊ะ กรเป็นตำรวจสืบสวนนะ หลอกกันไม่ได้หรอก”
“ก็ได้ๆ พ่อนักสืบ มิวหลบเจ้าหนี้เก่าอยู่ มันเดินตามมิวทั่วตลาด จนมิวต้องหลบอยู่นี่ไง จะหาทางกลับไปเจอคุณกรที่ร้าน ก็ยังไปไม่ได้ แต่ต้องแก้ข้อกล่าวหานะว่าไม่ใช่แฟนเก่า หึงเหรอ”
“ก็หึงสิ เมียทั้งคน สวยด้วย”
ประภาพรรณรีบกอดพันกรเอาใจ
“โอ๋ๆ งั้น เราซื้ออะไรกลับไปกินกันที่บ้านดีกว่า”
ประภาพรรณเอาหน้าไปชิดกับหน้าพันกร พูดจายั่วยวน
“สองต่อสอง ใต้แสงเทียน ที่แสนโรแมนติก แล้วมิวก็จะมีของขวัญสวยๆ ที่กรต้องชอบ ดีมั้ย”
ประภาพรรณชี้ที่ตัวเอง พันกรตาลุกวาว
“ดีซิจ๊ะ ไม่ต้องกง ไม่ต้องกินกันแล้ว กลับบ้านแกะห่อของขวัญเลยละกัน อย่างอื่นไว้ทีหลัง”
พันกรจูงแขนประภาพรรณออกไปอย่างรีบร้อน หญิงสาวอดขำไม่ได้

ภายในห้องพักโรงแรม เอกราชทรุดตัวลงนอนบนเตียง เอามือก่ายหน้าผากคิดว่าทำไมประภาพรรณถึงหนีและไม่อยากเจอหน้าเขา เสียงมือถือดังขึ้น เอกราชดูเบอร์ว่าเป็นของหน่วยพิเศษ รีบรับสาย
“เอกราชครับ”
เอกราชฟังที่ปลายสายพูดมา
“ครับ แต่ตอนนี้ ผมยังติดต่อผู้กองพันกรไม่ได้เลย พรุ่งนี้ผมจะแวะไปตามที่อยู่ที่ได้มา คืบหน้ายังไง ผมจะรีบรายงานกลับไปครับ”
เอกราชกดตัดมือถือ ถอนหายใจเพราะยังคิดเรื่องประภาพรรณอยู่
“ทำไมมิวต้องหนีพี่ด้วยนะ”
เอกราชตัดสินใจออกไปนอกห้อง

ภายในบ้านพักปราณบุรี พันกรกอดหอมแก้มประภาพรรณจนเธอเขิน
“คุณกรไม่เบื่อเหรอ หอมแก้มมิวทั้งวันเลย”
“ไม่เบื่อหรอก น่าหอม น่ากอดไปทั้งตัวขนาดนี้ แล้วไหนล่ะของขวัญที่มิวจะให้กร”
“ก็มิวเป็นของขวัญให้คุณกรกอดอยู่นี่ไง ยังไม่พออีกเหรอ แล้วนานๆ ไป คุณกรจะเบื่อมิวมั้ย”
“ไม่มีทาง ผมไม่มีทางที่จะเบื่อมิวแน่”
“จริงนะ”
พันกรมองหน้าประภาพรรณด้วยแววตาที่จริงจัง หอมแก้มภรรยาอีกครั้ง
“มิวไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นนะ ผมจะใช้เวลาที่เรามี ที่เราได้อยู่ด้วยกันที่นี่ ทำให้มิวมีความสุขที่สุด”
ประภาพรรณกอดและซบร่างเบียดสามี
“ค่ะ คุณกร”

เอกราชเดินออกมาจากโรงแรม เดินเล่นหาบ้านพักของพันกรไปเรื่อยๆ ตามที่อยู่ที่ได้มา จนผ่านมาถึงบริเวณหน้าบ้านพักของพันกร ที่อยู่ใกล้กับโรงแรมนั่นเอง

“อยู่ที่นี่นี่เอง”








สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 4 (ต่อ)  

ตอนเช้า ดวงแก้ว บุหงากินอาหารเช้า มองปทุมวดีเดินไปมา กดมือถือรัวๆ อยู่ที่โต๊ะอาหาร ด้วยความหงุดหงิด
 
“ไปไหนของเขานะ จนป่านนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้”
ดวงแก้วขยับจะพูด แต่บุหงาห้ามไว้
“แพนขอเสนอไอเดียได้มั้ยคะ”
“ได้ซิจ้ะ หนูแพน”
“คุณหญิงป้า ลองโทรไปที่ทำงานพี่กรดีมั้ยคะ เผื่อที่ทำงานของพี่กร อาจจะให้ไปทำงานที่ไหน แล้วพี่กรไม่บอกเรา เราก็แอบถามจากคนที่นั่นไงคะ”
“นั่นซิคะพี่หญิง ลูกแพนฉลาดจริงๆ”
“จริงด้วย หนูแพนเนี่ย ฉลาดที่สุดเลย ทำไมป้าคิดไม่ออกนะ สมแล้วที่จะมาเป็นสะใภ้ของหญิงป้า”
ปทุมวดีรีบโทรไปที่ทำงานของพันกร
“ผู้กองพันกรไม่อยู่ อะไรกัน บอกไม่ได้ว่าไปไหน”
ดวงแก้ว บุหงาหูผึ่ง แอบฟังปทุมวดีคุย
“แต่ฉันเป็นแม่นะ มีธุระด่วนจะคุยด้วย อะไรนะ เป็นแม่ก็ให้รู้ไม่ได้ว่าลูกชายอยู่ไหนเหรอ”
“ใจเย็นๆ ค่ะพี่หญิง”
“ความลับทางราชการ จะมีความลับอะไรกันนักหนา แค่นี้ละกัน”

ปทุมวดีหยิบอาหารเข้าปากอย่างเครียดๆ สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วถอนใจเบื่อๆ เพราะไม่รู้ว่าพันกรจะกลับมาเมื่อไหร่

หน้าบ้านพักปราณบุรี นิโรบลจอดรถรอรับประภาพรรณตามที่คุยกันไว้ ประภาพรรณสะพายกระเป๋าเรียบร้อยเตรียมตัวออกไปสปากับเพื่อน พันกรตามมาส่งภรรยาพร้อมบอกอ้อนๆ
“มิวจ๋า นวดหน้า นวดตัว เสร็จแล้วก็รีบกลับนะ ผมคิดถึง”
“คุณกร มิวไปแค่ครึ่งวันเอง อย่ามาอ้อนหน่อยเลย ไม่อยากให้เมียสวยเหรอ”
“มิวไม่ทำก็สวยอยู่แล้ว”
“นิดสัญญาว่าจะรีบพายัยมิวมาคืนค่ะ”
“ตามสบายครับ ผมล้อเล่น”
ประภาพรรณเกาะแขนพันกร
“ไปสปากลับมา แล้วค่อยพามิวไปหาของกินอร่อยๆ นะ”
“ได้อยู่แล้ว”
เอกราชโผล่เข้ามาหาพันกร ตามที่อยู่ที่มาดูไว้เมื่อคืน เขาตกใจที่เห็นทั้งนิโรบลและประภาพรรณอยู่ในบ้านพันกร ที่สำคัญประภาพรรณเกาะแขนพันกรอยู่ด้วยความสนิทสนม
เอกราชจำพันกรจากรูปถ่ายได้ว่าต้องเป็นผู้กองที่เขาจะต้องมาคุยงานด้วย ยิ่งเห็นว่าพันกรกับประภาพรรณใกล้ชิดกันมาก ก็ยิ่งอยากรู้ว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน
ประภาพรรณกับนิโรบลต่างก็มองหน้ากันด้วยความตกใจที่เห็นเอกราชโผล่มาหน้าบ้าน เอกราชกับประภาพรรณไม่กล้าที่จะทักทายกัน ประภาพรรณรีบขึ้นรถให้นิโรบลรีบขับออกจากบ้าน พันกรเอ่ยถาม
“คุณมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ”
“สวัสดีครับ ผู้กองพันกร”
พันกรแปลกใจที่เอกราชรู้จักเขา
“คุณคือ”
“ผมเอกราชไงครับ”
พันกรนึกออกทันทีว่าเอกราชเป็นใคร
“เชิญในบ้านก่อนครับ”
“แล้ว”
“ไม่ต้องห่วง ภรรยาผมคงไม่กลับบ้านอีกหลายชั่วโมง ผู้หญิงไปเสริมสวยไปสปากัน ก็ยาวแหละ”
เอกราชยิ้มรับรู้ ทั้งที่ใจสั่นเมื่อรู้ว่าที่แท้ประภาพรรณเป็นภรรยาของพันกรนั่นเอง
“อ๋อ ครับ”

ดวงแก้ว บุหงา จูงมือมาแอบซุบซิบกันโดยไม่ให้ปทุมวดีเห็น
“จะจับคุณพันกรเป็นผัวคงไม่ง่ายแน่ แม่ว่ามั้ย”
“ใช่ แค่จะเจอตัวยังยากเย็นขนาดนี้ ไหนจะมีนังมิว มาเป็นก้างขวางคอแกอีก มันคงไม่ยอมยกผัวมันให้แกง่ายๆ หรอก”
“นั่นซิแม่ เงินเราก็ไม่ค่อยมีแล้วด้วย”
“ตอนนี้แกก็ต้องไปหลอกเสี่ยโง่ๆ ที่มันมาชอบแกก่อนละกัน สักคนสองคน เอาเงินมันมาเยอะๆ เผื่อฉันจะเอามาทำทุนด้วย”
“แม่ก็เข้าบ่อนของเสี่ยเป้ให้มันน้อยๆ หน่อยซิ ไปเล่นทีไรก็เสียทุกที ฉันหาเงินให้ไม่ทันแล้วนะ”
“เรื่องของฉัน แกก็รีบเอาคุณพันกรมาทำผัวให้ได้ไวๆ ละกัน พวกเราจะได้สบายไปทั้งชาติ”
“รู้แล้วน่า”

ปทุมวดียังไม่ละความพยายาม กดมือถือหาพันกร สลับกับนั่งพัดตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย ดวงแก้วกระมิดกระเมี้ยนเข้ามาหา
“พี่หญิงคะ คุณน้องมีเรื่องจะปรึกษาพี่หญิงนิดหนึ่งค่ะ”
“อะไรจ๊ะ ปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง เพราะอีกหน่อยเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จริงมั้ยจ๊ะหนูแพน”
“ค่ะ คุณหญิงป้า”
“คือว่า อีกสักสองสามวัน คุณน้องอาจจะต้องขออนุญาตพี่หญิงกลับไปดูคุ้มที่กำลังซ่อมแซม ตกแต่งอยู่ค่ะ คุณน้องกลัวว่าถ้าปล่อยให้พวกคนงานทำงานกันเอง มันจะอู้งาน และก็ เอ่อ อาจจะทำไม่ถูกใจคุณน้องด้วยน่ะค่ะ”
“ก็ดีนะ ช่างสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ ตามสบายเลยค่ะคุณน้อง ให้นายเดชขับรถไปรับไปส่งก็ได้นะ จะได้สะดวก”
ดวงแก้วหน้าเสีย ความหวังดีของปทุมวดีอาจจะทำให้ความลับแตก แต่บุหงาก็ฉลาดไหวตัวรีบหาข้ออ้าง
“เอ่อ แพนกับคุณแม่คงไปกลับเครื่องน่ะค่ะ อยู่ที่เชียงรายก็มีรถ มีคนคอยบริการอยู่ ไม่รบกวนคุณหญิงป้าดีกว่าค่ะ”
“ใช่ค่ะ พี่หญิง เราสองคนคงจะไปหลายวันหน่อยนะคะ”
“แหม อย่างนี้พี่ก็เหงาแย่สิ ตากรก็ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่”
“แพนจะรีบไปรีบกลับนะคะ คุณหญิงป้าดูแลตัวเองด้วยค่ะ”
“โถ หนูแพนของป้า ทำบ้านเรียบร้อยเมื่อไหร่ก็กลับอยู่ด้วยกันอีกนะจ๊ะ”
บุหงาทรุดลงไปกราบที่ตักของปทุมวดี
“ได้ค่ะ แพนกราบขอบพระคุณคุณหญิงป้าที่เอ็นดูเราสองแม่ลูกนะคะ”
ปทุมวดีดึงบุหงาขึ้นมานั่งข้างๆ บุหงาแอบขยิบตากับดวงแก้ว ที่หลอกปทุมวดีได้สำเร็จ

ร้านสปาภายในโรงแรมหรู ประภาพรรณกับนิโรบลนอนให้คนนวดอยู่เตียงคู่กัน ทั้งคู่คุยกันสนุกสนาน
“ถามจริง แม่สามีไม่ยอมให้นิดแตะงานบ้านเลยเหรอ ชีวิตดี๊ดี สามีรัก สามีหลง พ่อแม่สามีก็ดี มิวอยากเป็นแบบนิดจัง”
“เป็นแบบมิวก็ดีอยู่แล้วนี่ มิวเพิ่งจะแต่งงานเอง ค่อยๆ ปรับตัว เดี๋ยวก็ดีเองแหละ”
“เฮ้อ”
“มิวเก่งอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ชิลๆ แม่สามีเอาอยู่”

ดวงแก้วกับบุหงาเดินออกมาที่สวนด้านนอกบ้านพันกร
“แล้วเราจะไปกันวันไหนดีล่ะแม่”
“เร็วที่สุดแหละ ฉันคันไม้คันมือ อยากเข้าบ่อนเสี่ยเป้เต็มแก่แล้ว ไม่ได้เล่นหลายวัน มันครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย”
“เป็นเอามากนะแม่ ทำอย่างกับพวกติดยา”
“แกไม่รู้หรอก เวลาเล่นได้จากบ่อน มันมีความสุขมาก แบบว่าฉันบอกไม่ถูกเลย เหมือนขึ้นสวรรค์”
“แล้วแม่เคยได้บ้างมั้ยล่ะ เห็นเสียตลอด”
“แกไม่ต้องยุ่ง จะได้ จะเสีย ก็เรื่องของฉัน”
“ใช่ซิ เรื่องของแม่ แต่มันเงินของฉันนี่”
บุหงาส่ายหน้าระอากับการเป็นผีพนันของแม่

เอกราชมาด้อมๆ มองๆ อยู่ที่ด้านหน้าของสปาเพื่อรอพบประภาพรรณกับนิโรบล สองสาวเดินออกมา สบายตัว สบายใจ คุยกันอย่างร่าเริง สนุกสนาน
“นวดเสร็จแล้วสบ๊าย สบายเนอะ พอกลับไปกรุงเทพฯ เราต้องนัดกันอีกเนอะ”
“ได้สิ กลัวแต่คุณกรของมิว จะสั่งห้ามคบนิดละไม่ว่า โทษฐานพาเมียหนีเที่ยวบ่อยๆ”
ทั้งคู่หัวเราะกัน เอกราชเดินเข้ามาหา สองสาวตกใจที่เจอเอกราชอีก
“พี่เอก”
“สวัสดีนิด”
“สวัสดีค่ะพี่เอก”
“ไม่เจอกันนานนะ สบายดีมั้ย”
“สบายดีค่ะ พี่เอกล่ะ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่”
“ก็เรื่อยๆ นิดนี่ก็ดีนะ ยังเป็นห่วงเป็นใยคนที่เคยรู้จักกัน ไม่เหมือน”
เอกราชมองประภาพรรณที่ยืนอึดอัดไม่รู้จะคุยอะไร
“ดีใจที่ได้เจอพี่นะ แต่นิดต้องไปแล้วล่ะ พอดีแฟนนิดเขารออยู่ ไว้ค่อยเจอกันนะ”
“ได้ซิ นิด”
นิโรบลเดินออกไป ประภาพรรณหน้าตาตื่น ที่นิโรบลจะทิ้งให้อยู่กับเอกราชตามลำพัง
“นิด แล้วมิวล่ะ จะกลับยังไง”
“ก็คุยกับพี่เอกไปก่อน ฝากมิวด้วยนะพี่”
“นิด นิด รอด้วย”
ประภาพรรณจะวิ่งตามนิด แต่เอกราชจับแขนไว้ ทำให้หญิงสาวต้องหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม

ปทุมวดีเดินลงมาจากบ้านชั้นสอง เดินไปเดินมา แล้วมานั่งลงที่โซฟา
“ม้วน แต้ว น้อย”
ทุกอย่างดูเงียบผิดปกติ
“นังม้วน นังแต้ว นังน้อย ไปไหนกันหมดเนี่ย”
แต้ว น้อย รีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ
“คุณหญิงเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันเห็นบ้านเงียบๆ ไปนั่งสุมหัวกันนินทาฉันกันใช่มั้ย อย่าให้ฉันจับได้นะ จะไล่ออกให้หมดเลย”
“ไม่ได้นินทาคุณหญิงเลยนะเจ้าคะ”
“พวกเราช่วยป้าบัวเผื่อนอยู่ในครัวค่ะ”
“ดีแล้ว อยู่บ้านนี้มันต้องขยันๆ”
ปทุมวดีมองไปรอบๆ บ้าน
“คุณดวงแก้วกับหนูแพนก็ไม่อยู่ เฮ้อ ไปกันหมด ทั้งลูกทั้งผัว เหลือฉันอยู่บ้านคนเดียวทุกที เบื่อจริงๆ น้อย ไปหาของว่างมาให้ฉันกินหน่อย”
“ค่ะ”
แต้วคลานเข้ามาหาปทุมวดี
“คุณหญิงก็ชวนเพื่อนๆ ไปหาที่เที่ยวกันซิคะ”
“ไปที่ไหนล่ะ”
“ก็ ที่ที่คุณหญิงกับเพื่อนไปบ่อยๆ ไงคะ”
“นังแต้ว ใบ้ต่ออีกหน่อยซิ”
“บริหารมือกับนิ้ว ต้องไปนั่งใช้สมอง คิดเลขเยอะๆ”
“รู้แล้ว ลืมไปเลย ดีมากนังแต้ว ไม่ได้ไปบ่อน เอ๊ย ไม่ได้นัดเพื่อนๆ ไปนั่งเล่น ผ่อนคลายกันนานละ แกจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“ค่ะ”
ปทุมวดีหยิบมือถือ โทรศัพท์หาราตรี
“คุณน้องราตรีเหรอคะ วันนี้คุณพี่ว่าง ว่าจะชวนคุณน้องกับเพื่อนๆ แก๊งคุณหญิงของเราไปคิดเลขกันหน่อยดีมั้ยคะ งั้นเดี๋ยวเจอกันที่เดิมนะคะ บ๊าย บาย”

ปทุมวดียิ้มกริ่ม รีบลุกขึ้นไปแต่งตัว








สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 4 (ต่อ)  

เอกราชนั่งมองประภาพรรณตาละห้อย อยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
 
“รีบพูดธุระของพี่เอกเถอะ มิวต้องรีบไป”
“ทำไมมิวต้องหนีพี่ด้วย รู้มั้ยว่าพี่อยากเจอมิวมากแค่ไหน หลายปีที่ผ่านมา พี่ตามหามิวตลอดก็ไม่เคยเจอ พอพี่มาเจอที่นี่ มิวก็ทำเหมือนไม่อยากเจอพี่”
“แล้วพี่เอกอยากเจอมิวทำไม”
“มิว มิวก็รู้ว่าพี่รักมิวมาตั้งนานแล้ว รักมาตลอด ตอนนี้ก็ยังรักมิวเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนใจไปรักใครเลย”
เอกราชเอื้อมมือมากุมมือประภาพรรณไว้ หญิงสาวค่อยๆ หดมือกลับ เอกราชหน้าเสียเล็กน้อย
“พอเถอะพี่ พี่เอกเลิกพูดเป็นลิเกกับมิวได้แล้ว แล้วเลิกคิดแบบนั้นกับมิวซะที มิวแต่งงานแล้ว”
“แต่งงานแล้ว มิวแต่งเมื่อไหร่ แต่งกับใคร”
“กับคุณพันกร คนที่เจอเมื่อเช้าไง จำได้มั้ย”
เอกราชหน้าเศร้า เมื่อจำต้องยอมรับว่าประภาพรรณกับพันกรเป็นสามีภรรยากันจริง
“เพราะพี่มันจน ไม่มีชีวิตหรูหรา มิวเลยไม่รักพี่ ใช่มั้ย”
“พี่เอกราช ฟังมิวพูดนะ ดูปากมิวดีๆ มิวไม่ได้รักคุณพันกร ที่เขาเป็นคนร่ำรวยอะไรหรอก มิวกับคุณพันกร เรารักกันจริงๆ เขาเข้าใจมิว ให้เกียรติมิว ไม่สนว่าจะเคยเป็นแก๊งต้มตุ๋น หรือพวกสิบแปดมงกุฎ ทีนี้เข้าใจรึยัง”
“พี่ก๊อกหักอ่ะซิ”
“ก็คงงั้นแหละ”
เอกราชปรับหน้าตายิ้มแย้ม พยายามจะทำใจให้ได้
“แล้ว ถ้าพี่จะขออยู่ในฐานะพี่ชายล่ะได้มั้ย พี่เอง ก็ไม่อยากให้มิวต้องคอยหลบหน้าพี่ เวลาเราต้องเจอกัน”
ประภาพรรณมองหน้าเอกราชอย่างชั่งใจ
“พี่เอกต้องสัญญากับมิวนะ ว่าจะคิดกับมิวแค่น้องสาว ห้ามคิดมากกว่านั้น”
“สัญญา”
“ค่อยคุยกันได้หน่อย มิวต้องไปแล้วละ เราแลกเบอร์กันไว้ก่อน แล้วค่อยโทรคุยกัน”
ทั้งสองแลกเบอร์ติดต่อกันไว้ ประภาพรรณลุกจากโต๊ะกาแฟ รีบเดินออกจากร้านไป เอกราชถอนหายใจหนักๆ พยายามจะตัดใจจากหญิงสาวแต่ก็ยังทำไม่ได้
ภายในบ่อนหรูหราของเสี่ยเป้ มีนักพนันชายหญิงกำลังเล่นพนัน ประดิษฐ์มองไปรอบๆ บ่อน คอยสังเกตดูนักพนันว่าจะมีใครโกงหรือไม่ ปทุมวดีเดินเข้ามาในบ่อนพร้อมกรีดพัดคู่ใจ ตามประสาคุณหญิงอวดรวย ประดิษฐ์เห็นปทุมวดี ก็รีบเข้าไปพนมมือต้อนรับอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณหญิง เป็นเกียรติอย่างสูงเลยครับ ที่ได้ต้อนรับคุณหญิงอีกครั้งครับ”
ปทุมวดียิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ขอบใจจ้ะ แล้วเพื่อนๆ คุณหญิงของฉันมากันครบรึยัง”
“มาครบแล้วครับ กำลังรอคุณหญิงในห้อง VIP ครับ เชิญครับ”
ประดิษฐ์เดินนำปทุมวดีไปหาแก๊งคุณหญิงที่ยืนเม้าท์กันอยู่ที่หน้าห้อง VIP พอแก๊งคุณหญิงเห็นปทุมวดี ก็วี้ดว้ายกันเสียงดัง
“ที่เก่าเวลาเดิมนะคะ คุณพี่”
รัตนา มารศรี เข้าไปบีบนวดแขนปทุมวดี เพื่อประจบเอาใจ
“คิดถึงคุณพี่หญิงมากมายนะคะ”
ปทุมวดียิ้มแก้มปริที่ถูกเอาใจจากบรรดาคุณหญิงทั้งหลาย
“แล้ววันนี้จะแลกชิปกันเท่าไหร่ดีล่ะคะ คุณน้อง”
“สองแสนเหมือนเดิมค่ะ”
“ของคุณน้อง วันนี้สามแสนค่ะ” สายสมรบอก
“งั้นน้องเอาสักสามแสนห้า คุณพี่หญิงปทุมล่ะคะ” ราตรีรีบถาม
“เบาๆ วันนี้ ห้าแสนพอ ฝากด้วยนะ เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำแป๊บ”
ปทุมวดียิ้มอย่างภูมิใจที่ตัวเองแลกเงินเยอะกว่าคุณหญิงคนอื่นๆ เดินไปเข้าห้องน้ำ ประดิษฐ์รีบเรียกลูกน้องให้เข้ามาบริการแก๊งคุณหญิง
“ครับคุณหญิง ช่วยแลกชิปให้คุณหญิงทุกท่านด้วย แล้วดูแลคุณหญิงให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง เข้าใจมั้ย”
ลูกน้องในบ่อนพยักหน้ารับคำสั่งแล้วรีบเข้าไปประจบแก๊งคุณหญิงทันที ดวงแก้วกำลังจะเดินมาหาประดิษฐ์แต่เห็นแก๊งปทุมวดีอยู่แถวนั้น เธอตกใจมาก ถอยหลบหลังเสา เพื่อตั้งสติ
“ตายละวา ถ้าอีคุณหญิงปทุมเห็นก็รู้หมดสิว่า ฉันไม่ได้ไปเชียงราย”
ดวงแก้วชะโงกหน้าดู ราตรีหัวเราะต่อกระซิกหันมาทางดวงแก้วที่ชะโงกหน้าอยู่ ดวงแก้วหลบทัน ปทุมวดีเดินกรีดพัดกำลังจะไปห้องน้ำและผ่านมาพอดี ดวงแก้วหันหลังแล้วเดินเร็วๆ หนีได้หวุดหวิด ตื่นเต้นหัวใจจะวาย
“ทำไมจะต้องมาเจอกันวันนี้ด้วยวะ เสียฤกษ์หมด”

ปทุมวดีเล่นไพ่กับแก๊งคุณหญิง ทุกคนดูไพ่ในมือ ต่างก็บวกลบคูณหารตัวเลขของไพ่ตัวเองและต่างก็แอบมองซึ่งกันและกันอยู่
“คิดแต่เรื่องจะกำจัดนังลูกสะใภ้ตัวแสบอยู่เนี่ย เล่นเสียตลอดเลย จะทำยังไงกับนังมิวมันดีถึงจะสาสม”
แก๊งคุณหญิงวางไพ่ลงทุกคน แล้วหันหน้าไปปรึกษากันว่าจะช่วยปทุมวดีอย่างไรดี ราตรีเหมือนจะคิดอะไรดีๆ ออก
“เอาอย่างนี้ดีมั้ยคะ ถ้าตอนนี้ คุณดวงแก้วกับหนูแพนยังทำอะไรนังมิวมันไม่ได้ คุณพี่ก็หาทางพามันมาที่สมาคมอนุรักษ์ช้างของเราซิคะ”
“คุณน้องขา จะพามันไปทำไมให้เป็นเสนียดสมาคมล่ะคะ”
ทุกคนจ้องราตรีด้วยความสงสัย แต่ราตรีกลับยิ้มอย่างสะใจ หัวเราะเบาๆ
“ก็เพราะมันเป็นเสนียดนี่แหละค่ะ เราถึงต้องเหยียบย่ำให้มันจมดิน เรียกมันมาจิกหัวใช้ โขกๆๆๆ สับๆๆๆ ให้หนำใจ”
สายสมร รัตนา มารศรี ตาลุกวาว เริ่มจะเข้าใจที่ราตรีพูด ทุกคนหัวเราะสะใจ
“แล้วมันก็จะทนไม่ได้ เก็บข้าวของ วิ่งแจ้นเป็นหมาจุกตูดออกจากบ้านคุณพี่ปทุมอย่างไวแน่ๆ เลยค่ะ จริงมั้ยคะ”
ราตรีหันไปหาสายสมร รัตนา มารศรี ให้เป็นแนวร่วมในความคิดของตัวเอง ทุกคนเห็นดีเห็นงามกันใหญ่
“ถูกต้องแล้วค่ะ”
ปทุมวดีกระหยิ่มยิ้มย่อง คิดว่าแผนของราตรีจะต้องได้ผลแน่
“ค่อยอารมณ์ดีหน่อย เล่นต่อเถอะค่ะ คุณน้อง”
ทุกคนเล่นไพ่กันต่อ ชิปค่อยๆ หมดหน้าตักกันทุกคน ปทุมวดีหงุดหงิดที่เล่นเสียมากกว่าคนอื่นเริ่มจะโวยวาย
“โอ๊ย ยิ่งเล่นยิ่งเสีย ไม่น่าพูดถึงนังมิวขึ้นมาเลย แค่พูดชื่อมันยังซวย วันนี้พอแค่นี้ละกันนะคุณน้อง พี่กลับดีกว่า”
ปทุมวดีลุกจากโต๊ะ แก๊งคุณหญิงก็ลุกตามเป็นพรวน
“คุณน้องกลับด้วยค่ะคุณพี่”
“แล้วเรื่อง”
ปทุมวดีสบตากับราตรี
“รอให้มันกลับบ้านมาก่อน พี่จะรีบพามันไปเชือดที่สมาคมให้เร็วที่สุดค่ะ”

ตอนเย็น พันกรกินข้าวด้วยความหิวบวกความอร่อย
“กินกับข้าวฝีมือเมียมันอร่อยชื่นใจจริงจริง”
ประภาพรรณนั่งกินข้าวเงียบๆ พันกรสังเกตว่าภรรยาดูเงียบไป
“มิวไม่สบายรึเปล่า ไม่มีความสุขเหรอ ทำไมดูเงียบๆ”
ประภาพรรณมองพันกร แล้วฝืนยิ้มให้
“มิวมีความสุขที่สุด ที่ได้มาเที่ยวกับคุณกรนะคะ แต่ถ้ากลับบ้านไป ไม่รู้ว่ามิวต้องเจออะไรอีก”
พันกรจ้องมองใบหน้าของภรรยา ด้วยความรู้สึกสงสารและเป็นห่วงที่สุด
“ใครๆ ก็ไม่รัก มิวรู้สึกต่ำต้อยที่สุดในบ้าน มิวตายดีกว่า ลาก่อนนะ คุณกร”
ประภาพรรณหยิบส้อมขึ้นมาทำท่าจี้ที่คอตัวเอง มองไปที่พันกร พันกรยิ้มให้ รู้มุกว่าแกล้งทำ เลยไม่พูดอะไร
“คุณกร ไม่ห้ามเหรอ”
พันกรลุกไปกอดภรรยา เอาส้อมออกจากมือของหญิงสาว หอมแก้มทั้งซ้ายทั้งขวา
“ถ้าตายเราก็ตายด้วยกัน ผมรักมิวที่สุดในโลก ไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดยังไงนะที่รัก”
ประภาพรรณยังทำหน้าน้อยใจไม่เลิก พันกรกระชับอ้อมกอดเข้าไปอีก
“มิวอดทนเพื่อผมได้มั้ย ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของผมว่า เราจะต้องผ่านอุปสรรคเรื่องนี้ไปด้วยกัน และผมก็ไม่ยอมให้ใครมาแกล้งมิว ภรรยาที่รักของผมแน่ๆ โอเคมั้ย”
ประภาพรรณเริ่มจะยิ้มออก เลยโดนพันกรหอมแก้มอีก
“แต่คุณกรต้องสัญญากับมิวนะ ว่าเราสองคนจะไม่มีความลับต่อกัน”
พันกรชูสามนิ้ว
“ด้วยเกียรติของลูกเสือครับ ผมจะไม่มีความลับใดๆ แต่ตอนนี้ มีแต่ความรักให้มิวคนเดียว”
พันกรรวบตัวและอุ้มประภาพรรณขึ้นมา กำลังจะพาเดินไปที่ห้องนอน ประภาพรรณนึกขึ้นได้ว่าเอกราชมาที่บ้าน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ว่าแต่เมื่อเช้านี้มีผู้ชายมาหาคุณกร ใครคะ”
“อ๋อ เขามาผิดบ้านน่ะ”
พันกรตัดบทแล้วรีบอุ้มเดินไป ประภาพรรณแกล้งทำเป็นทุบอกพันกรพอเป็นพิธีแต่ก็ยิ้มให้สามีอย่างมีความสุข

ด้านในบ่อน ลูกน้องบ่อนมากระซิบประดิษฐ์ ประดิษฐ์เดินไปหาดวงแก้วซึ่งเล่นจนหมดตัว ดวงแก้วตกใจที่เห็นประดิษฐ์มายืนอยู่ข้างๆ
“ดวงไม่ดีอีกแล้วเหรอครับ คุณดวงแก้ว”
“เอ่อ พี่ว่าจะขอคุยกับเสี่ยเป้หน่อย ได้มั้ยจ๊ะ คุณประดิษฐ์”
ประดิษฐ์มองหน้าดวงแก้วอย่างดูถูก ดวงแก้วเริ่มร้องไห้และร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ
“มีปัญหาอะไร ก็บอกผมได้ครับ”
ดวงแก้วแกล้งสะอึกสะอื้นอย่างหนัก เพื่อให้ประดิษฐ์เห็นใจ
“พี่จะขอยืมเงินเพิ่มอีก ถ้าพี่เล่นได้จะรีบคืนทันทีเลยนะคะ”
ประดิษฐ์ยิ้มเจ้าเล่ห์มองดวงแก้วที่มาอ้อนวอนขอยืมเงินกับเสี่ยเป้ตามประสาผีพนันเข้าสิง
“แต่ยอดหนี้ของคุณดวงแก้วตอนนี้เกินวงเงินไปมากแล้วนะครับ”
“ขอร้องนะคะ ถามเสี่ยเป้ให้หน่อย”
“คุณดวงแก้วไปถามเสี่ยด้วยตัวเองดีกว่าครับ”
ประดิษฐ์เดินนำดวงแก้วพาไปหาเสี่ยเป้ในห้องส่วนตัว ดวงแก้วตามประดิษฐ์ไปด้วยความหวังว่าจะได้ต่อทุน
เสี่ยเป้นั่งจิบไวน์อยู่ในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา สายตาก็มองกล้องวงจรปิดหลายๆ มุมไปด้วย มีลูกน้องชายหน้าเหี้ยมยืนอยู่ 2 คน ประดิษฐ์เดินนำดวงแก้วเข้ามาในห้อง แล้วเข้าไปกระซิบบอก เสี่ยเป้พยักหน้า หรี่ตามองดวงแก้วแบบเหยียดๆ แล้วประดิษฐ์ก็ถามเสี่ยเป้ต่อหน้าดวงแก้ว
“เอาไงดีครับเสี่ย”
เสี่ยเป้หัวเราะเบาๆ อย่างคนมีอำนาจ
“มาเล่นในบ่อน แล้วไม่มีปัญญาจ่าย ก็ตายอย่างเดียว”
เสี่ยเป้มองไปที่ลูกน้องหน้าเหี้ยมสองคน แกล้งเอาปืนออกมาลูบคลำไปมา ดวงแก้วหน้าซีด กลัวตาย
“อย่านะจ๊ะ อย่าฆ่าฉันเลย”

ในห้างสรรพสินค้าหรูหราแห่งหนึ่ง บุหงาเดินเล่น ช็อปปิ้งอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอเห็นเป็นเบอร์ของดวงแก้ว ก็รีบรับ
“ว่าไงแม่”
ดวงแก้วท่าทางหวาดกลัว ถูกกักตัวอยู่ในห้องห้องหนึ่งในบ่อนของเสี่ยเป้ รีบพูดโทรศัพท์
“แพน ช่วยแม่ด้วย เสี่ยเป้มันจะฆ่าแม่”
“เดี๋ยวๆ แม่ อะไรของแม่เนี่ย ใครจะฆ่าใคร”
“เสี่ยเป้ เสี่ยเป้มันจะฆ่าแม่ ถ้าไม่เอาเงินห้าแสนมาใช้มันตอนนี้”
“โอ๊ย แล้วฉันจะไปหาที่ไหนให้แม่ตั้งห้าแสน ตอนนี้ห้าพันยังยากเลย”
“แกต้องรีบหาเงินมาใช้ให้มันภายในวันนี้ ไม่งั้นมันฆ่าแม่แน่ มันบอกมันฆ่าจริง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้สตั้นด้วย”
บุหงาถอนหายใจ เพราะยังคิดไม่ออกว่าจะไปหาเงินจากที่ไหน
“เออๆ รู้แล้ว บอกมันว่าฉันจะรีบเอาเงินไปใช้ให้เร็วที่สุด”
“รีบๆ นะแพน แม่ยังไม่อยากตาย”
บุหงากดสายของดวงแก้วทิ้ง ถอนหายใจหนักๆ พยายามตั้งสติ นึกหาวิธีช่วยดวงแก้ว แล้วก็คิดอะไรบางอย่างออก เธอเปิดมือถือขึ้นมาดูภาพที่ถ่ายเล่นๆ ที่บ้านของปทุมวดี เป็นภาพในห้องรับแขก และอีกหลายๆ มุม ที่สำคัญ ห้องพระ บุหงาตาลุกวาว คิดแผนออกทันที กดมือถือหาใครบางคน พร้อมหยอดเสียงหวานเจี๊ยบใส่ทันที
“พี่กล้าจ๋า พี่กล้าสุดที่รักของแพน”

กล้าด้อมๆ มองๆ ที่บ้านลุงเกิด เห็นลุงเกิดนั่งส่องพระอยู่ เดินวนไปวนมา จนลุงเกิดมองหน้า กล้าเลยเข้าไปนั่งคุยด้วย
“ทำอะไรอะ ลุง”
ลุงเกิดส่ายหน้าเซ็งๆ ยื่นพระที่ดูอยู่ ไปจนเกือบโดนหน้าของกล้า
“ดูหนังโป๊อยู่มั้ง ถามโง่ๆ”
กล้าหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วเข้าไปถามลุงเกิดใกล้ๆ
“ลุงอยากได้สมเด็จแท้ๆ สักองค์มั้ยล่ะ”
“เอ็งอย่ามาทะลึ่ง ตอนนี้จะไปหาที่ไหน ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกโว้ย แล้วก็โคตะระ แพง อย่างพวกเราหมดสิทธิ์ ต้องพวกเศรษฐีร้อยล้านนู่น”
กล้ามองลุงเกิดแล้วรวบรวมความกล้า
“แล้ว ถ้าฉันทำให้ลุงมีสิทธิ์อย่างพวกเศรษฐีมั่งอะ สนมะ”
ลุงเกิดมองหน้ากล้า
“บ๊ะ ตักบาตรอย่าถามพระสิวะไอ้นี่ แล้วเอ็ง”
ลุงเกิดขยับปากเหมือนจะถามอะไร กล้ายกมือห้าม รีบพูดตัดบท
“หยุด ลุงยังไม่ต้องถามมาก ลุงต้องหาพระปลอม เอาแบบก๊อปเกรดเอเลยนะ เอามาให้ฉันสัก 2-3 องค์ ที่เหลือกล้าจัดการเอง”
“เออ เข้าใจแล้ว”
“แล้วลุงต้องรีบหาคนมาเช่าพระให้ได้ ด่วนที่สุดนะ แล้วจะแบ่งเงินให้”
“ได้ๆ ไม่รู้จักกูรูเกิด เจ้าแห่งพระเก๊ซะแล้ว ไอ้กล้า”
ลุงเกิดยิ้มเจ้าเล่ห์ รีบเดินไปหยิบพระที่กล้าอยากได้ออกมาทันที แล้วยื่นพระปลอมให้
“มีของอยู่พอดี ปลอมเกรดเอ จัดไป”
กล้ารับพระปลอมมา แล้วเดินหลบออกมา กดมือถือหาบุหงาด้วยความดีใจ
“เตง เค้าได้ของที่เตงอยากได้แล้ว เดี๋ยวเค้าเอาเข้าไปให้นะ เดี๋ยวเจอกันนะ รักนะเตง”
กล้าจุ๊บๆ โทรศัพท์ แล้วกดวางสาย ก่อนจะตกใจที่ลุงเกิดโผล่เข้ามา หรี่ตามองหน้ากล้า ทำท่าว่ารู้ทัน
“ถ้าได้สมเด็จแท้มา ข้าจะไม่เอาเรื่องเอ็งที่ชอบขโมยรถไปซิ่งรับสาว อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ ข้ารู้ทันเอ็งทุกเรื่องโว้ย”

กล้ายิ้มแหยๆ ให้ลุงเกิด ก้มมองพระปลอม นึกได้ว่าต้องรีบเอาไปให้บุหงา รีบวิ่งแจ้นออกไป








สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 4 (ต่อ)  

บุหงาเข้ามาที่บ้านพันกร ทำทีเป็นเดินเล่นอยู่ในบ้าน ปทุมวดีเดินออกมาเจอเข้า ดีใจมากที่เห็นบุหงากลับมา
 
“หนูแพน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมป้าไม่รู้เรื่องเลย ทำไมไม่มีใครบอกป้าเลย”
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงป้า แพนกับคุณแม่เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี่เองค่ะ ว่าจะไปกราบคุณหญิงป้าอยู่พอดี”
ปทุมวดีสวมกอดบุหงาด้วยความยินดี
“แม่คุณ ป้าดีใจที่สุดเลยที่หนูแพนรีบกลับมาหาป้า คิดทึ้ง คิดถึง รู้มั้ย”
บุหงากอดแขนปทุมวดี
“แพนก็คิดถึงคุณหญิงป้า มากที่สุดเลยค่ะ”
ปทุมวดีมองไปรอบๆ บ้านแต่ไม่เห็นดวงแก้ว
“แล้วคุณดวงแก้วล่ะ ไม่กลับมาด้วยกันเหรอ”
“เอ่อ คุณแม่”
บุหงาคิดหาข้อแก้ตัว เหลือบมองไปยังบ้านชั้นบน
“อ๋อ คุณแม่ไม่ค่อยสบายค่ะ นอนพักอยู่บนห้อง พอดีว่าอากาศเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ทางเหนืออากาศมันเย็นสบาย แต่กรุงเทพฯมัน แบบว่า ร้อนมาก”
ปทุมวดีหัวเราะร่า
“ป้าเข้าใจจ้ะ งั้นหนูแพนก็ตามสบายนะจ๊ะ คิดซะว่ากลับมาอยู่บ้านตัวเอง อยากได้อะไรก็เรียกแต้วกับน้อยมัน”
“ขอบพระคุณมากค่ะ คุณหญิงป้า”
ปทุมวดีเดินออกไป บุหงาถอนหายใจโล่งอก

ตอนค่ำ น้อยยืนรดน้ำต้นไม้ที่สนาม ฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี เห็นกล้ายืนอยู่ที่ทางเดินไกลๆ น้อยแอบชอบกล้าอยู่ ยิ้มเขินๆ อย่างไม่รู้ตัว จะเดินไปทัก แต่ดูกล้าแปลกๆ เพราะหันหน้ามองทางนั้นที ทางนี้ทีเหมือนจะกลัวใครเห็น
กล้ามองไปมารอบบ้าน คลำกระเป๋าเสื้อด้านที่มีพระปลอมอยู่ คิดไม่ตกว่าจะเอาพระให้บุหงาอย่างไรดี เพราะกลัวว่าคนในบ้านจะเห็น น้อยเดินไปหากล้า ตั้งใจว่าจะเดินไปทักด้วยความคิดถึง แต่แต้วกระโดดมาจากด้านหลัง เข้ากอดกล้า
“ต๊ะเอ๋ ตัวเอง”
กล้าตกใจสะดุ้งโหยง หันกลับมาเจอแต้ว
“จ้า จ้า จ้า อะไรจ๊ะ”
“แต้วเองจ้ะ พี่กล้า หายไปไหนมาเนี่ย”
แต้วฉวยโอกาสลวนลามกล้า ลูบไล้ด้านนอกเสื้อ ไหล่ หน้าอก ที่กระเป๋าเสื้อที่กล้าซ่อนพระเอาไว้
“เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ นะจ๊ะน้องแต้ว”
กล้ารีบคลำที่กระเป๋าเสื้อ ดูว่าพระยังอยู่หรือไม่
“แหม ก็คนมันคิดถึง ไม่เจอกันตั้งนาน ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะ นะๆๆ”
“แต่พี่ว่า ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ”
น้อยกำลังจะเข้าเดินเข้าไปหากล้า เจ็บใจมากที่โดนแต้วตัดหน้า ยืนกัดฟันกรอดๆ โกรธที่เห็นภาพบาดตาของกล้ากับแต้ว แต้วหัวเราะกลบเกลื่อน
“แต้ว ไม่สน”
น้อยเดินไปหยิบสายยางรดน้ำต้นไม้ ปรับน้ำแรงสุดแล้วแกล้งฉีดไปทางกล้ากับแต้ว
“เฮ้ยๆๆ อะไรเนี่ย”
“ว้าย”
น้อยหัวเราะสะใจ แต่แต้วปรี๊ดแตก
“อ๊ายๆๆ นังน้อย แกแกล้งฉีดน้ำใส่ฉันเหรอ แก แกมันต้องโดนฉันตบสั่งสอนซะหน่อยแล้ว”
“มาเลยๆ ถ้าแกกล้าตบฉัน ฉันจะฟ้องคุณหญิงนะนังแต้ว ว่าแกลวนลามผู้ชายในบ้าน หน้าด้านสุดๆ”
แต้วไม่สนใจ เดินไปหาน้อยด้วยความโกรธที่มาขัดจังหวะความสุข
“เชิญเสนอหน้าไปฟ้อง ระหว่างแกกับฉัน คุณหญิงจะถือหางใครมากกว่ากัน”
น้อยตั้งการ์ด รับการบุกของแต้วอย่างระมัดระวัง
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันสู้ด้วย”
กล้าเห็นแต้วกับน้อยทะเลาะกัน เขามองไปที่บ้านใหญ่แล้วคลำที่กระเป๋าเสื้ออีกครั้ง ฉวยจังหวะนั้นรีบชิ่งหนีออกไป เพราะต้องรีบเอาพระปลอมไปให้บุหงา แต้วจะตบน้อย แต่พอเห็นกล้าชิ่งหนีเลยเปลี่ยนใจ
“อ้าว พี่กล้า หนีไปไหนซะล่ะ”
น้อยแลบลิ้นให้แต้วแล้วรีบหนีไปอีกคน แต้วเลยได้แต่ยืนเปียกเซ็งอยู่ตรงนั้น

กลางดึก เงาตะคุ่มๆ ของบุหงาเดินเข้ามาที่ห้องโถงบ้านพันกรและยืนแอบอยู่เงียบๆ ไม่มีใคร บุหงารีบเดินไปทางห้องพระ กวาดสายตามองที่โต๊ะหมู่บูชา เห็นพระที่หมายตาไว้ตั้งอยู่ในครอบแก้วเจียระไนอย่างดี เธอหยิบพระออกมาใส่กระเป๋าตัวเอง แล้วเปลี่ยนเอาพระปลอมไปวางแทนที่ มองดูพระอีกหลายองค์ด้วยความโลภ แล้วหยิบพระที่เหมือนกับพระองค์แรก ติดมือออกมาอีก 2 องค์ เอาพระปลอมวางไว้ แล้วค่อยๆ ย่องออกมา
น้อยตื่นขึ้นมากลางดึก เดินงัวเงียมากลางบ้าน เห็นเงาคนกำลังเดินย่องๆ ออกไปทางหน้าบ้าน คิดว่าเป็นขโมย จะตะโกนให้คนช่วย
“ขะ โม”
น้อยรีบปิดปาก แล้วขยี้ตาให้หายงัวเงีย เพราะคุ้นๆ ว่าเหมือนจะเป็นคนในบ้าน
“ตั้งสติดีๆ ไม่ใช่ขโมยหรอกน่า ท่าทาง ดูเหมือนคุณ”
น้อยขยี้ตาอีกที ก็เห็นว่าเป็นบุหงา กำลังจะเดินไปที่ประตูบ้าน
“คุณแพนเหรอ ลงมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย”
น้อยปิดปากตัวเองทั้งสองมือ สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม และความสงสัยอย่างที่สุด
“คุณแพนไม่น่าจะใช่ขโมย แต่มันน่าสงสัยจริงๆ ฮึ”
บุหงายังคงย่องไปที่ประตูบ้าน โดยไม่รู้เลยว่าน้อยเห็นเธอแล้ว บุหงาเปิดประตูบ้านเบาๆ แทรกตัวออกไป แล้วปิดประตูอย่างเงียบที่สุด
กล้ายืนแอบอยู่ในพุ่มไม้ข้างๆ บ้านด้วยความกระวนกระวาย รอบุหงาออกมาหา บุหงาค่อยๆ ย่องออกมาที่ข้างบ้าน มองหากล้า กล้าเห็นหญิงสาวเดินออกมา รีบออกมาจากพุ่มไม้กวักมือไวๆ ให้รีบเดินมาหา บุหงาหันซ้าย หันขวาดูลาดเลา แล้วรีบเดินเข้าไปหา ยื่นพระที่ขโมยมาให้กล้า
“รีบขายเลยนะพี่”
“จ้ะ เตง เค้าจะให้ลุงเกิดรีบขายเลย”
“จะมีคนซื้อมั้ยเนี่ย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก มีคนรอซื้อเพียบ ของแท้อย่างนี้นะ มีคนอยากได้เยอะแยะ ไม่สนด้วยน้า ว่าเป็นของขโมยรึเปล่าอะ มีเท่าไหร่ก็หมดจ้ะ แต่ว่าตอนนี้”
กล้าทำสายตาหวานหยดย้อย แล้วดึงบุหงากลับเข้าไปในพุ่มไม้
“ว้าย”
กล้าหอมและกอดนัวเนียกับบุหงาราวกับตายอดตายอยากมาจากไหน
“เตงต้องให้รางวัลเค้าก่อน นะจ๊ะ”
“พี่กล้า”
บุหงาพยายามผลักกล้าออกจากตัว
“เดี๋ยวมีคนเห็น รอเสร็จงานก่อน ฉันจะให้พี่กอดให้สมใจเลย”
“จริงนะ”
“แต่ตอนนี้ พี่ต้องรีบเอาพระไปปล่อย ได้เงินแล้วรีบเอาเงินมาให้ฉันด่วนที่สุด ไปได้แล้ว ฉันต้องรีบเข้าบ้านก่อน”
กล้ายังอาลัยอาวรณ์อยากกอดต่อ บุหงาต้องดันตัวกล้าออก แล้วรีบเดินกลับเข้าบ้านไป น้อยย่องๆ ตามบุหงามาเพราะสงสัย เห็นบุหงาเดินออกมาจากพุ่มไม้ แล้วรีบกลับเข้าบ้านพอดี น้อยยิ่งสงสัยหนักว่าบุหงาออกมาที่สนามทำไม

ตอนเช้า ดวงแก้วสีหน้าอ่อนล้านั่งคอตกอยู่ในห้องที่บ่อนเสี่ยเป้ ไม่ได้นอนทั้งคืน เสี่ยเป้เดินเข้าไปหาดวงแก้ว จ้องหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“อั๊วให้เวลาลื้ออีกครึ่งชั่วโมง ถ้ายังไม่มีใครเอาเงินมาให้ล่ะก็ ลื้อตาย”
ดวงแก้วหวาดกลัวมาก ยกมือไหว้ท่วมหัว
“อย่าทำฉันเลยนะ ฉันตายไปเสี่ยก็เสียลูกค้ารายใหญ่ไปนะ”
เสียงบุหงาโวยวาย
“ไหนล่ะแม่ฉัน พาเดินตั้งไกลแล้วเนี่ย”
ประดิษฐ์เดินนำบุหงาเข้ามาในห้อง
“เสี่ยครับ ผู้หญิงคนนี้”
เสี่ยเป้มองความสวยเซ็กซี่ของบุหงาอย่างพอใจ ดวงแก้วดีใจที่เห็นลูกสาวมา รีบแนะนำให้เสี่ยเป้รู้จัก
“นี่ไงแพน ลูกสาวฉัน เอาเงินมาด้วยใช่มั้ยลูก”
บุหงายื่นซองสีน้ำตาลบรรจุเงินห้าแสนไว้ข้างในให้เสี่ยเป้ ไม่ได้สนใจสายตาของเสี่ยเป้เลย
“ห้าแสน ฉันนับมาดีแล้ว แต่จะนับอีก ก็ตามใจ ให้ไวด้วย”
เสี่ยเป้ยังจ้องบุหงาอย่างหลงใหล เอื้อมมือรับซองเงินแล้วถือโอกาสจับมือหญิงสาวด้วย บุหงาดึงมือออกทันทีที่เสี่ยเป้รับซองไปแล้ว
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ชื่อหนูแพนใช่มั้ย หนูแพนบอกว่านับมาดีแล้ว เสี่ยก็เชื่อใจ”
“นับซะหน่อยก็ดีนะเสี่ย”
เสี่ยเป้รำคาญประดิษฐ์ที่อาจทำให้บุหงาไม่พอใจ
“เงินอั๊ว ลื้อไม่ต้องยุ่ง จะไปไหนก็ไป”
ประดิษฐ์มองเสี่ยเป้อย่างปลงๆ รู้นิสัย แล้วเดินออกไป ดวงแก้วเดินไปจูงมือบุหงาไว้ แล้วเปลี่ยนทีท่าเป็นเสียงแข็ง ชูคอทันที
“จ่ายหนี้เรียบร้อย งั้นฉันกับลูกก็ไปได้แล้วใช่มั้ย”
“วันนี้ไปได้แล้ว แต่อย่าลืมมาใหม่นะ บ่อนเสี่ยเป้ยินดีต้อนรับคุณดวงแก้วกับหนูแพนเสมอ”
เสี่ยเป้ยักคิ้วเจ้าชู้ให้ บุหงารู้ทันทีว่าเสี่ยเป้หลงเสน่ห์ตนเข้าแล้ว จึงยิ้มยั่วยวน แล้วเดินเข้าไปใกล้เสี่ยเป้ ก้มตัวลงคุยกับเสี่ยเป้พอให้เห็นวับๆ แวมๆ
“งั้นคราวหน้า ถ้าแพนไม่มีเงินมาไถ่ตัวแม่ แพนขอใช้ตัวเองเป็นค่าไถ่ได้มั้ยคะ เสี่ยขา”
เสี่ยเป้มองหน้าอกบุหงาตาแทบถลน กลืนน้ำลายเอื๊อก
“จะวันนี้เลยก็ได้นะ เสี่ยพร้อม”
บุหงาทำเป็นหัวเราะเขินๆ แล้วเดินจากไป ทิ้งความหวังไว้ให้เสี่ยเป้

ตอนสายๆ บุหงากับดวงแก้วกำลังเดินถอยหลังไปที่ห้องตัวเอง ภายในบ้านพันกร ดวงแก้วเดินไม่ถนัดเลยบ่น
“นังแพน ทำไมแกต้องให้ฉันเดินถอยหลังด้วยวะ”
“เผื่อใครมาเห็น จะได้นึกว่าเรากำลังจะออกไปข้างนอก ไม่ใช่เพิ่งกลับมาตอนนี้”
“เรื่องมากจริง ไม่มีใครมาเห็นหรอก”
ดวงแก้วหันหลังกลับ บุหงาหยุดเดิน จึงดูเหมือนยืนคุยกันปกติ ปทุมวดีเดินสีหน้าสดชื่นออกมาในชุดจ็อกกิ้ง
“คุณดวงแก้ว หนูแพน จะไปไหนแต่เช้าจ๊ะ”
ดวงแก้วท่าทางมีพิรุธ บุหงารีบเบี่ยงเบนความสนใจ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหญิงป้า คือแพนว่าแพนจะออกไป ไปซื้อของหน้าปากซอยนิดหน่อยค่ะ”
“จ้ะ แล้วเมื่อคืนเป็นไง หลับสบายดีกันมั้ย อ้อ แล้วคุณดวงแก้วหายป่วยแล้วเหรอคะ”
ดวงแก้วไม่รู้เรื่องที่บุหงาโกหกเอาไว้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไร
“เอ่อ คือฉัน”
บุหงาเห็นท่าไม่ดีรีบแก้สถานการณ์
“เมื่อคืนคุณแม่ได้พักเต็มที่ วันนี้หายดีแล้วค่ะ”
“หายก็ดีแล้ว ป้าขอตัวไปจ็อกกิ้งก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
ปทุมวดีวิ่งเหยาะๆ ออกไป สองแม่ลูกถอนหายใจโล่งอก แล้วรีบพากันกลับเข้าไปในห้อง ดวงแก้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงอย่างอ่อนระโหยโรยแรง บุหงานั่งลงบนที่นอนอย่างเหนื่อยอ่อนเช่นกัน
“โอ๊ย เกือบไม่รอด แม่ขอบใจแกมากนะแพน เออนี่ แกไปหาเงินมาจากไหน เร็วขนาดนี้ แกกู้เงินด่วนเหรอ”
“เครดิตติดลบอย่างฉัน ใครเขาจะให้กู้”
บุหงามองไปที่ประตูและรอบๆ ให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ยิน แล้วลดเสียงพูดลง
“ฉันขโมยพระสมเด็จของยายคุณหญิงไปให้ไอ้พี่กล้าปล่อยให้”
ดวงแก้วดีดตัวขึ้นนั่งอย่างตื่นเต้น พูดเสียงดังอย่างลืมตัว
“ขโมยพระสมเด็จไปขาย”
ดวงแก้วหัวเราะชอบใจ
“สวย ฉลาด อัจฉริยะ สมเป็นลูกแม่นะแกเนี่ย”
“ดีนะที่ไอ้พี่กล้ามันปล่อยของได้เร็ว”
“ที่จริงแกร้อยไอ้กล้าไว้ใช้ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่ออีกหน่อยเรามีอะไรเดือดร้อนจะได้เรียกใช้มันอีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันเรียกให้ไอ้พี่กล้าไปตาย มันยังไปเล้ย”
“ฮึ สมน้ำหน้านังคุณหญิงมัน อยากรวยดีนัก คอยดูเถอะ ฉันกับลูกจะสูบแกให้หมดตัวเลย”
ดวงแก้วหัวเราะสะใจ

รถของพันกรขับมาในบ้าน พันกร ประภาพรรณลงจากรถ หน้าตาเบิกบาน แจ่มใส มีความสุขที่สุด ประภาพรรณเดินเข้าไปกอดและจูบแก้มสามี
“คุณกรจ๋า ขอบคุณที่พามิวไปเที่ยว ไปฮันนีมูนนะ”
พันกรยิ้มแก้มแทบปริ กอดและหอมแก้มภรรยากลับ
“ก็เพื่อคุณมิว คุณเมียที่รัก จะได้มีความสุขไงจ๊ะ”
“เหมือนมิวได้ไปชาร์จพลังมาเต็มที่เลยค่ะ ไม่ว่าต่อไปนี้ จะเกิดอะไรขึ้น มิวก็จะพยายามเอาชนะใจคุณแม่สามีให้ได้เลยค่ะ”
พันกรยิ้มอารมณ์ดี ลูบหัวหญิงสาวเบาๆ
“ผมเอาใจช่วยนะ ผมก็ต้องขอบคุณมิวด้วยเหมือนกัน ที่จะพยายามพิชิตใจคุณแม่ผมให้ได้ สู้ สู้”
ทั้งสองเดินควงแขนกัน อย่างมีความสุขกลับเข้าบ้าน เสียงมือถือของพันกรดังขึ้น เขาหยิบออกมาดูเบอร์เรียกเข้า
“ที่ทำงานโทรมา มิวเข้าบ้านก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป”
ประภาพรรณทำมือโอเค.ให้พันกรแล้วฮัมเพลงเดินเข้าบ้านอย่างมีความสุข

ใบหน้าของประภาพรรณเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แล้วค่อยๆ เปลี่ยนไป เป็นสีหน้าที่เคร่งเครียด ตาเบิกโพลง หายใจถี่ๆ เหมือนคนที่กำลังตกใจสุดขีด ปทุมวดี ดวงแก้ว บุหงา ราตรีและแก๊งคุณหญิงทั้งสี่ จ้องมาที่เธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ประภาพรรณตั้งสติ แล้วรีบทำตัวปกติ
“โอ้โห สงสัยคิดถึงมิวมาก มารอรับมิวกันครบแก๊งเลย แสนรู้จัง รู้ด้วยว่ามิวจะกลับวันนี้”
ปทุมวดีได้ยินประภาพรรณเปรียบเทียบอย่างนั้นก็เริ่มเคือง อ้าปากจะว่าพร้อมเดินเข้ามาหา จะเอาเรื่อง
“นี่หล่อนหาว่าพวกฉันเป็น”
ราตรีรีบมาดึงแขนปทุมวดีไว้พร้อมกระซิบ
“เย็นไว้คุณพี่ เราต้องคุมอารมณ์ได้ จะได้เหนือกว่ามัน”
ปทุมวดีหันไปยิ้มเชิดหน้าพร้อมกับประกาศด้วยเสียงดุจนางพญา
“หล่อนไม่ต้องมาทำปากดี หล่อนพาตากรหายไปไหนมา ฉันจะแจ้งความตำรวจว่าหล่อนกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกชายของฉันให้ขาดอิสรภาพ”
ประภาพรรณแกล้งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ปทุมวดี
“เดี๋ยวๆๆ คุณแม่สามีเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าคะ คนเขาเป็นซะมี พาภรรยาไปฮันนีมูน มันผิดตรงไหนเอ่ย”
“ไม่รู้ล่ะ ฉันจะแจ้งความ”
“เชิญคุณแม่สามี ไปแจ้งความที่คุณกรได้เลยค่ะ คุณกรก็เป็นตำรวจ ลืมแล้วหรือคะ”
ปทุมวดีฟังแล้วยิ่งเจ็บใจของขึ้น ราตรี แก๊งคุณหญิงก็พลอยโมโหไปด้วย ราตรีเดินเข้ามากระซิบบางอย่างกับปทุมวดีและแก๊งคุณหญิง ทำให้ทุกคนยิ้มออกมาได้ ประภาพรรณจะเดินกลับไปที่ห้องนอน แต่สายสมร รัตนา มารศรี เดินมากางมือขวางทางเอาไว้
“หยุด”
“หล่อนยังไปไหนไม่ได้”
ประภาพรรณหันกลับมาเผชิญหน้ากับปทุมวดีและแก๊งคุณหญิง
“หล่อนไปฮันนีมูนกันมาคงสกปรก ทั้งคน ทั้งรถคงเขรอะไม่แพ้กัน ไปมุดที่ไหนกันมาบ้างก็ไม่รู้”
ปทุมวดีกรีดพัดออกมา แล้วชี้นิ้วไปทางโรงรถ
“หล่อนต้องไปล้างรถให้สะอาด ได้ยินมั้ย”
ประภาพรรณทำหน้างงๆ ว่าทำไมไม่ให้นายเดชคนขับรถเป็นคนล้าง
“แล้วนายเดช”
“วันนี้ ฉันให้นายเดชหยุด”
ราตรี แก๊งคุณหญิง และดวงแก้ว ต่างพากันหัวเราะเยาะประภาพรรณอย่างสะใจ
“ได้ยินชัดมั้ยคะ ให้ไว ไปล้างรถ Now เดี๋ยวนี้”
บุหงาชี้นิ้วสั่งประภาพรรณอีกรอบด้วยมาดของเจ้านาย หันไปมองหน้าปทุมวดีที่ยิ้มพอใจ ประภาพรรณเชิดหน้าเดินไปที่โรงรถอย่างทระนง โดยมีปทุมวดีและแก๊งเดินตามมาเป็นขบวน พันกรมองภรรยา และทุกคนอย่างงงๆ ว่าออกมาทำอะไรกันมากมาย เลยรีบวางสายโทรศัพท์ที่กำลังคุยอยู่แล้วเดินไปหาปทุมวดี
“มีอะไรกันเหรอครับ คุณแม่”
ปทุมวดีแกล้งไม่สนใจพันกร ผิดกับบุหงาที่พอเห็นหน้าพันกร ก็คิดแผนอะไรบางอย่างออก รีบเดินเข้าไปประจบปทุมวดี
“คุณหญิงป้าคะ แพนขออาสาล้างรถให้พี่กรเองนะคะ”

ปทุมวดีและทุกคนงงๆ ตามไม่ทัน
 
จบตอนที่ 4 






กำลังโหลดความคิดเห็น