กรมสุขภาพจิต ส่งทีมแพทย์ดูแลจิตใจเด็กเห็นพ่อฆ่าแม่ตัวเอง เฝ้าระวัง 3 เรื่อง การใช้ชีวิตประจำวัน อารมณ์ สภาพจิตใจ พร้อมเยียวยาร่วมกับญาติ
วันนี้ (8 ธ.ค.) พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเหตุสามีฆ่าภรรยา และฆ่าตัวตายตามต่อหน้าลูกชายและลูกสาวสองคน เนื่องจากความหึงหวง ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่า ขณะนี้ กรมฯ ได้ส่งทีมจิตแพทย์ในพื้นที่ลงไปดูแลสภาพจิตใจของเด็กทั้ง 2 คนแล้ว เบื้องต้นแบ่งการดูแลออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. การดูแลจากญาติที่จะรับหน้าที่ดูแลเด็กต่อไป ซึ่งจะมีการประสานความร่วมมือกับทีมของกรมฯ และ 2. เจ้าที่หน้าของกรมฯ ที่จะต้องมีการดูแล เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยแบ่งการดูแลเป็นรายสัปดาห์ 3 เดือน และ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ความถี่ของการเข้าไปดูแลและให้คำปรึกษานั้น จะขึ้นอยู่จะสภาพจิตใจและร่างกายของเด็ก
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า การเฝ้าดูอาการของเด็กทั้ง 2 คน จะแบ่งเป็น 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การดูแลและเฝ้าระวัง โดยการสังเกตจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประชีวิตประจำวัน เช่น การนั่ง นอน กิน ว่า มีอะไรที่ต่างไปจากเดิมหรือไม่ เช่น ลุกลี้ลุกลน หรือซึมผิดปกติหรือไม่ 2. สังเกตอารมณ์ ว่า มีอะไรผิดปกติไม่จากเดิมหรือไม่ เช่น อารมณ์ขึ้นลงเร็วผิดปกติ เป็นต้น และ 3. ดูอาการทางสภาพจิตใจ ว่า เด็กมีอาการหวาดระแวง หรือวิตกกังวลหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ต้องรีบให้ญาติเข้าไปดูแลและให้คำปรึกษากับเด็กและแจ้งให้ทางกรมสุขภาพจิตรับทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าวทันที
“สำหรับเด็กที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตนั้น จะพบได้บ่อยสุด คือ กรณีเด็กพบเห็นการประสบอุบัติเหตุ และสูญเสียคนที่ตัวเองรัก ซึ่งส่งผลให้เด็กจดจำภาพเหล่านั้น จนเป็นส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ส่วนกรณีการพบเห็นพ่อฆ่าแม่ตัวเองจะพบน้อย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นก็ย่อมมีผลกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแน่นนอน ดังนั้น ผู้ที่ช่วยดูและเยียวยาจิตใจเด็กได้ดีที่สุด ก็คือ ญาติ หรือคนในครอบครัวที่เด็กมีความสนิทสนม เพราะเด็กจะรู้สึกมีที่พึ่งจนสามารถก้าวข้ามปัญหาไปได้ ซึ่งเด็กทั้ง 2 คนนี้ เบื้องต้นทีมสุขภาพจิตต้องดูแลและเยียวยาสภาพจิตใจร่วมกับญาติอย่างใกล้ชิด” พญ.พรรณพิมล กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่