สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 10
ตอนเช้า บุหงากับดวงแก้วทำท่าลับๆ ล่อๆ เข้ามาในบ้านพันกร แต่พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นก็พากันโล่งอก
“โฮ้ย ในที่สุดก็รอดมาจนได้”
“แล้ววันหลังแกก็ไม่ต้องเอาฉันไปเป็นตัวประกันอีกล่ะนังแพน”
“โอ๊ยแม่ ที่ฉันหาเงินมาช่วยได้ก็บุญแล้วนะ ยังจะบ่นอะไรอีกล่ะ รีบเข้าบ้านกันเถอะ”
บุหงาตั้งท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่ดวงแก้วรั้งตัวลูกสาวเอาไว้
“นี่แกจะใส่ชุดนี้ไปนั่งกินข้าวเช้ากับนังคุณหญิงปทุมจริงๆ เหรอ”
บุงหาก้มมองตัวเอง เพิ่งนึกขึ้นได้ ตกใจมาก
“ว้าย จริงด้วย เร็วๆ มาช่วยฉันถอดชุดออกหน่อยเร็ว”
ดวงแก้วช่วยถอดชุดหางเครื่องของบุหงาออก ปทุมวดี ปรีชาชาญ ประภาพรรณและน้ำเดินมาเห็นเข้า ทั้งสี่มองสองแม่ลูกด้วยความตกใจ
“นี่ทำอะไรกัน”
สองแม่ลูกหยุดชะงัก ต่างคนต่างมองหน้ากันจะหาคำตอบอย่างไรดี
“แล้วนี่หนูแพนแต่งตัวอะไรเนี่ย”
บุหงา ดวงแก้วเลิ่กลั่กมีพิรุธ ประภาพรรณได้โอกาสจับผิดทั้งสองคน รีบเค้นถาม
“เอ๊ะ หรือว่านี่คือชุดคอลเลคชั่นใหม่ของคุณแพนอีกคะ”
“แต่น้ำว่ามันเหมือนชุดหางเครื่องมากกว่านะคะพี่มิว”
สองแม่ลูกหน้าเสีย มองน้ำด้วยความเจ็บใจ บุหงาคิดอะไรได้ รีบหันไปยิ้มกลบเกลื่อนกับพวกปทุมวดี
“ใช่ค่ะ นี่คือชุดหางเครื่อง พอดีเมื่อคืนแพนไปงานปาร์ตี้ ธีมเป็นชุดหางเครื่องน่ะค่ะ คุณหญิงป้า มัวแต่ช่วยงานการกุศลจนเช้าเลยไม่ทันได้เปลี่ยนชุดอะค่ะ ขอโทษที่ไม่สุภาพนะคะ”
ปทุมวดีเชื่อตามนั้น
“อ้อ แบบนี้นี่เอง ไม่เป็นหรอกจ้าหนูแพน”
ปรีชาชาญชักสงสัยสองแม่ลูกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากวุ่นวายเลยเดินไป น้ำยิ้มเยาะ ไม่ได้เชื่อสิ่งที่บุหงาบอกเลยสักคำ แต่ทำเฉย ประภาพรรณมองบุหงาอย่างเจ็บใจที่เอาตัวรอดไปได้
เสี่ยเป้นั่งวางท่าอยู่ในห้องทำงาน มองบุหงาที่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งตาเป็นมัน แล้วหันมาสั่งประดิษฐ์
“ประดิษฐ์ แกพาคุณดวงแก้วไปบริหารข้อมือหน่อยสิ”
ประดิษฐ์โค้งรับคำสั่งโดยไม่พูดอะไร เสี่ยเป้เปิดลิ้นชักหยิบเงินสดขึ้นมาก้อนใหญ่ ดวงแก้วมองเงินตาวาว
“งบ 2 แสนสำหรับวันนี้ เล่นให้สนุกนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะเสี่ย”
ดวงแก้วรีบคว้าเงินมากอดไว้อย่างตื่นเต้น แล้วเดินตามประดิษฐ์ออกไป ทิ้งให้เสี่ยเป้กับบุหงาอยู่กันสองคน เสี่ยเป้ยิ้มร้ายส่งสายตาเจ้าชู้ใส่ บุหงาทำทีเขินพอเป็นพิธี
“เสี่ยเป้ จะคุยธุระกับแพนที่นี่หรือคะ”
บุหงาลุกขึ้นจะเริ่มถอดเสื้อผ้า แต่เสี่ยเป้หัวเราะ
“ใจเย็นๆ ก่อนหนู เรามีเรื่องที่ต้องตกลงกัน”
เสี่ยเป้หยิบเอกสารขึ้นมาวางบนโต๊ะ พร้อมกับกุญแจรถ กุญแจคอนโดฯ
“คอนโดติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา รถยุโรปป้ายแดงนำเข้า แล้วก็เงินสดเดือนละล้าน ทุกอย่างนี้จะเป็นของหนูทันทีถ้าตกลงจะเป็นเด็กของเสี่ย”
บุหงาอึ้ง ไม่นึกเลยว่าเสี่ยเป้จะเป็นพ่อบุญทุ่มขนาดนี้ เธอรีบส่งยิ้มหวาน ปรายตาหว่านเสน่ห์ใส่เสี่ยเป้อย่างที่ตัวเองชอบทำ
“เสี่ยจะให้แพนหมดนี่จริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ แต่หนูแพนต้องทำอะไรเพื่อเสี่ยก่อน”
เสี่ยเป้ยิ้มอย่างมีเลศนัย บุหงามองสงสัย
ที่ห้องคาราโอเกะ ภายในบ่อน ทอมนั่งอยู่บนโซฟา ไล่สายตามองรูปร่างของบุหงาอย่างหื่นกระหาย
“นี่คุณทอม หุ้นส่วนธุรกิจโมเดลลิ่งของเสี่ย รู้จักกันไว้สิ”
บุหงาได้ยินคำว่าโมเดลลิ่งก็ตาโตด้วยความโลภมาก รีบยกมือไหว้ทอมอย่างอ่อนช้อยที่สุด
“สวัสดีค่ะคุณทอม นี่เสี่ยจะให้แพนไปเป็นนางแบบในสังกัดคุณทอมเหรอคะ”
“โน่วๆ ไม่ใช่หรอกครับ สวยๆ อย่างคุณแพนเนี่ยต้องมีระดับกว่านั้น”
บุหงามองเสี่ยเป้ที มองทอมทีอย่างอึ้งๆ
“ผมอยากให้คุณแพนมาเป็นผู้จัดการคอยดูแลนางแบบ”
บุงหาอึ้ง ตกใจในข้อเสนอของทอมมาก รีบตอบรับไปด้วยความตื่นเต้น
“แค่งานดูแล เช็คคิวโชว์ ใช่มั้ยคะ ง่ายๆ แบบนี้ แพนทำได้ค่ะ”
ทอมลอบยิ้มร้ายที่เห็นบุหงาหลงกล เริ่มรุกต่อแผนสองทันที
“แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นสิครับ คุณต้องคิดโชว์ให้นางแบบของเราเพื่อที่จะเอาไปแคสงานด้วย”
“ต้องดูเซ็กซี่ มีเสน่ห์และน่าสนใจ ทำได้มั้ย” เสี่ยเป้บอก
บุหงาคิดอะไรได้ ตอบทอมและเสี่ยเป้อย่างมั่นใจ
“แพนมีไอเดียเด็ดๆ ที่จะคิดโชว์ให้นางแบบของเราได้แล้วค่ะ”
บุหงาเดินไปกดเครื่องเล่นคาราโอเกะ เลือกเพลงจังหวะเซ็กซี่ขึ้นมา เธอเริ่มเต้นไปตามจังหวะเพลงอย่างยั่วยวน ผสมผสานกับท่าเต้นของหางเครื่องที่ถนัด ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น จนเสี่ยเป้และทอมมองกันตาเป็นมัน สองเสือเฒ่าหัวเราะร่าพร้อมตบมืออย่างถูกใจในการแสดงของบุหงา
“สุดยอด”
เอกราชคุยโทรศัพท์เสร็จหันมาบอกพันกรด้วยความตื่นเต้น
“เสี่ยเป้กับทอมกลับมาแล้วครับ”
พันกรตื่นเต้นมาก
“งั้นเราต้องรีบสืบต่อว่าพวกมันไปมาเก๊าทำไม”
“ผมส่งสายไปรอแล้วครับ ผู้กอง”
“ครั้งนี้เราต้องไม่พลาดอีก ค่อยๆ เก็บข้อมูลไปเงียบๆ”
“ได้ครับ”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ประภาพรรณและน้ำมาหานิโรบลที่ร้านกาแฟ นิโรบลเสิร์ฟกาแฟให้ทั้งคู่ก่อนหันมาถามน้ำ
“แล้วน้ำเริ่มมารู้จักลุงเสริมบุญได้ยังไง”
น้ำตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องอดีตที่ขมขื่นของตัวเองให้ประภาพรรณและนิโรบลฟัง
“ตอนนั้นน้ำเก็บขวดเก็บของเก่าขายอยู่น่ะค่ะ ลุงเสริมแกเข้ามาเห็นเลยชวนน้ำไปทำงานด้วย แกบอกว่าจะเป็นงานที่ดีกว่านี้ แต่ก็”
ยิ่งฟังเรื่องเล่าของน้ำ ความรู้สึกเจ็บปวดของประภาพรรณและนิโรบลยิ่งสะท้อนใจ ทั้งสองเข้าใจและสงสารน้ำที่ต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกันเหลือเกิน ประภาพรรณจับมือน้ำให้กำลังใจ
“อย่าไปยืดติดอยู่กับอดีตเลยนะน้ำ”
“ใช่ เมื่อเราได้โอกาสเริ่มต้นใหม่แล้ว เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด พี่เอาใจช่วยนะจ๊ะ”
น้ำมองหน้าทั้งสองอย่างตื้นตัน น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างเด็กไร้เดียงสา
“ขอบคุณพี่มิว พี่นิดมากเลยนะคะที่ให้กำลังใจน้ำ”
สองสาวมองท่าทางใสซื่อของน้ำอย่างเอ็นดู
ปทุมวดียืนหงอยมองบุหงาและดวงแก้วเล่นละคร ตีหน้าเศร้ากันอยู่ โดยกล้ากำลังขนข้าวของของสองแม่ลูกขึ้นรถ
“คุณดวงแก้ว หนูแพนจะไปจริงๆ เหรอคะ”
“น้องก็อยากจะอยู่นะคะคุณหญิงพี่ แต่ลูกแพนต้องเร่งเปิดร้านเสื้อให้ทันงานแฟชั่นซีซันหน้า ใช่มั้ยลูก”
“ใช่ค่ะ ไหนจะต้องเร่งเปิดร้าน เร่งดีไซน์ชุดสำหรับซีซันหน้า เผลอๆ ต้องบินไปดีลงานที่แพรีสอีกค่ะ”
ปทุมวดีฟังข้ออ้างของสองแม่ลูกอย่างชื่นชมแล้วก็จำใจต้องให้ไป
“อ๋อ เหรอจ๊ะ แล้วกลับมาเยี่ยมป้าบ่อยๆ นะหนูแพน อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ ไม่รู้นังมิวจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่ป้าบ้าง”
“ถ้าจัดการเรื่องเปิดร้านเสร็จแล้ว แพนสัญญาว่าจะมาหาคุณหญิงป้าทันทีเลยค่ะ”
ปทุมวดีดึงบุหงาเข้ามากอด ชื่นใจในน้ำคำของบุหงามาก สองแม่ลูกไหว้ลาปทุมวดี แล้วขึ้นรถให้กล้าขับออกไป ปทุมวดีมองตามรถของสองแม่ลูกตาละห้อย ความเหงากัดกินใจอย่างน่าประหลาด
เมื่อมาถึงคอนโดบุหงา ดวงแก้วและกล้าอึ้งในความหรูหราใหญ่โตของคอนโดนี้มาก
“โห ใหญ่อย่างกับวัง”
“นังแพนเอ๊ย เอ็งนี่มันดวงดีแล้วมีวาสนาแท้แท้เลย เสี่ยเป้เขาถึงได้ทุ่มทุนให้เอ็งขนาดนี้”
กล้าเอะใจคำพูดของดวงแก้วมาก หันมามองบุหงา
“นั่นสิเตง ทำไมเสี่ยเป้เขาถึงซื้อรถซื้อคอนโดหรูให้เตงแบบนี้อ้ะ เตงทำงานอะไรให้เสี่ยกันแน่”
บุหงาหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย กลัวว่ากล้าจะจับได้
“ฉันไปเป็นผู้จัดการนางแบบนานาชาติในสังกัดของเขาน่ะพี่กล้า เสี่ยก็ต้องทำทุกอย่างให้มันสมฐานะและหน้าตาของบริษัทแบบนี้แหละ”
กล้ามองบุหงาอย่างไม่เชื่อใจนัก หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีเริ่มเล่นละครอีก
“อนาคตของเราใกล้จะเป็นจริงแล้ว พี่กล้าไม่ดีใจหรือจ๊ะ”
บุหงาเดินเข้ามากอดกล้าแน่น ชายหนุ่มงงในท่าทีของหญิงสาวแต่ก็กอดตอบไปทั้งที่ใจยังว้าวุ่น
ปรีชาชาญกำลังจะล้มตัวลงนอนอ่านหนังสือในห้อง ก็เห็นปทุมวดีนั่งหน้าเมื่อย ถอนหายใจดังอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“เป็นอะไรไปเนี่ยคุณหญิง เอาแต่ถอนหายใจตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว”
“พอคุณดวงแก้วกับหนูแพนไม่อยู่ น้องว่าบ้านมันเงียบๆ เหงาๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”
ปรีชาชาญรู้สาเหตุแล้วอมยิ้มออกมา
“ถ้าคุณหญิงเหงา คุณหญิงก็ออกไปหาเพื่อนๆ สิครับ”
คำพูดของปรีชาชาญทำให้ปทุมวดีฉุกคิดอะไรบางอย่าง
“จริงด้วยค่ะคุณพี่”
ปทุมวดีรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วส่งไลน์หาราตรีและผองเพื่อน
“น้องๆ คะ พรุ่งนี้คุณพี่อยากจะไปบริหารข้อมือด้วยสักหน่อย เจอกันที่เก่าเวลาเดิมนะคะ”
ปทุมวดีหมายมั่นมาก หัวใจพองโต ในที่สุดก็จะได้เจอเพื่อน
ป้าบัวเผื่อน ป้าม้วน แต้ว น้อย สมหมายและเดชนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ในครัว แต้วและน้อยนั่งเหม่อลอย จนพาให้ทุกคนหงุดหงิด
“โฮ้ย นี่พวกเอ็งเป็นอะไรกันไปหมด หะ จะกินมั้ยข้าวเนี่ย”
“นั่นน่ะสิ นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ”
“ก็พี่กล้าย้ายออกไปแบบนี้”
งานนี้น้อยไม่ทะเลาะกับแต้ว รีบเสริม
“ใช่ จะไม่ให้พวกฉันนั่งซึมได้ยังไงล่ะป้า”
สมหมายและเดช หมั่นไส้ท่าทางของสองสาวมาก
“โอ๊ย เว่อร์กันจริงจริ๊ง ผู้ชายทั้งโลกนี่มันมีคนเดียวหรือไงวะ”
“นั่นน่ะสิ มัวแต่พร่ำเพ้อ มโนเรื่อยเปื่อยแบบนี้ เอาข้าวมาให้พวกข้าดีกว่า”
สมหมายแย่งจานข้าวจากแต้วและน้อยมาแบ่งกับเดช แล้วจ้วงกินกันอย่างเอร็ดอร่อย สองสาวมองค้อนอย่างเซ็งๆ
ปทุมวดีเปิดประตูเข้าไปในห้องวีไอพี.บ่อนเสี่ยเป้ ราตรีและผองเพื่อนยืนรอรับอยู่แล้ว
“สวัสค่ะ พี่หญิงปทุม แหมวันนี้มาช้านะคะ”
“รถติดน่ะค่ะคุณน้อง ขอโทษที่ให้รอ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่า ว่าแต่ทำไมวันนี้ถึงว่างนัดพวกดิฉันได้ล่ะคะเนี่ย”
ปทุมวดีทำหน้าเซ็งๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ อยู่ที่บ้านคนเดียวมันเบื่อๆ เหงาๆ ไม่มีอะไรทำน่ะค่ะ”
“ถ้าคุณหญิงเหงาก็มาบ่อยๆ สิคะ พวกดิฉันอยู่เสมอเลยล่ะค่ะ”
รัตนาคันมือมากจนทนไม่ไหว รีบชวน
“อย่ามัวพูดกันอยู่เลยค่ะคุณพี่ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
ปทุมวดีและผองเพื่อนพากันนั่งประจำที่ พนักงานเริ่มแจกไพ่ทันที ประดิษฐ์และลูกน้องตามมาดูแลเหมือนเคย
ภายในห้องของเสี่ยเป้ บุหงากำลังนั่งบีบนวดเสี่ยอย่างเอาอกเอาใจ เธอเหลือบไปเห็นกล้องวงจรปิดตัวหนึ่ง ถ่ายภาพพวกปทุมวดีไว้ได้ก็มองสนใจมาก ยิ้มมีแผน แล้วหันไปออดอ้อนเสี่ยเป้ทันที
“เสี่ยคะ เสี่ยจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าแพนจะขอให้เสี่ยหลอกเงินนังพวกคุณหญิงปทุมวดีนี่ให้หมดคลังไปเลย”
“หนูแพนรู้จักคุณหญิงพวกนี้ด้วยเหรอ”
“รู้จักสิคะ รู้จักดีจนอยากจะเห็นแก๊งนี้เสียเงินเยอะๆ เลยแหละค่ะ”
“แหม เสี่ยก็ตั้งใจทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
เสี่ยเป้ยิ้มร้ายแล้วหันไปยกหูโทรสั่งประดิษฐ์
“ประดิษฐ์ หมูมาให้ตุ๋นถึงที่ รีดให้หมดเลยนะ”
ประดิษฐ์รับสายเสี่ยเป้แล้วยิ้มร้ายแทนคำตอบ ในขณะที่บุหงาโผเข้ากอดเสี่ยเป้ด้วยความดีใจมาก เฝ้ารอวินาทีที่พวกปทุมวดีเสียเงินจนหมดตัว
พวกปทุมวดีนั่งเล่นไพ่มีได้ มีเสีย สลับกันไป แต่มาช่วงหลังเริ่มเสียกันตลอด จนเครียด แต่ปทุมวดียังไม่ยอมแพ้ เล่นต่อไปจนครบเวลา พวกปทุมวดีวางไพ่ตาสุดท้ายอย่างหงุดหงิด ทุกคนหมดเงินกันไปคนละสิบล้าน
“โอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย พวกฉันเสียกันไปคนละสิบล้านแล้วนะ”
“นั่นน่ะสิ นี่พวกแกโกงฉันหรือเปล่าเนี่ย”
“บ่อนของเราไม่มีนโยบายโกงเงินครับ พวกคุณหญิงก็รู้ครับ”
“ไม่มีนโยบาย แต่พวกฉันเสียเงินไปรวดเดียวคนละสิบล้านแบบนี้ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”
ปทุมวดีและผองเพื่อนพากันท้วงประดิษฐ์อย่างหัวเสีย แต่ประดิษฐ์ยังคงนิ่งไม่สนใจ
“ไม่รู้แหละ ไหนๆ พวกฉันก็เสียเงินไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นตานี้ฉันไม่จ่าย”
ประดิษฐ์เห็นพวกราตรีทำท่าจะเบี้ยว จึงหันไปเปิดภาพหน้าจอกล่องวงจรปิด เห็นภาพที่คุณหญิงทุกคนกำลังเล่นไพ่หน้าดำคร่ำเครียด และเห็นหน้าคุณหญิงชัดเจนทุกคน
“ถ้าไม่จ่าย คลิปนี้หลุดแน่คุณหญิง”
ปทุมวดีและผองเพื่อนมองท่าทางเอาจริงของพวกประดิษฐ์แล้วกลัวมาก รีบสารภาพออกมาเสียงอ่อยๆ
“ก็วันนี้ฉันหมดตัวแล้วนี่ จะให้ทำไง”
ประดิษฐ์ลอบมองแหวนเพชรที่นิ้วของปทุมวดี
“ไม่มีเงินจ่ายก็เอาของอย่างอื่นจ่ายสิครับคุณหญิง”
ปทุมวดีเห็นประดิษฐ์มองแหวนเพชรก็ตกใจมาก รีบยกมือขึ้นมากอดแหวนไว้ด้วยความหวงแหน
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ตอนเย็น ปทุมวดีเดินหน้ามุ่ยกลับมาบ้าน ทิ้งตัวลงโซฟา ถอนหายใจหนัก มองไปรอบบ้านไม่เห็นคนใช้มาเอาใจ ยิ่งหงุดหงิด ตะโกนเรียกหาให้ลั่นบ้าน
“นังแต้ว นังน้อย หายหัวไปไหนหมด มานวดให้ฉันหน่อยซิ”
แต้ววิ่งเข้ามา น้อยถือถาดใส่น้ำตามมา น้ำเดินตามมาอีกคน
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”
“น้ำเย็นๆ ค่ะคุณหญิง”
แต้วแถไปนั่งพับเพียบข้างปทุมวดีจะนวดให้ น้ำรีบตามไปนั่งติดกับแต้ว
“ให้น้ำนวดให้ไหมคะ น้ำเคยเรียนนวดที่วัดโพธิ์มา”
แต้วมองค้อนน้ำ แล้วทำหน้าขอความเห็นจากปทุมวดี ปทุมวดีพยักหน้าเห็นด้วยกับน้ำ น้ำรีบเข้าไปนวดเพื่อเอาใจ แต้วเลยหยิบพัดที่วางอยู่มาพัดให้ปทุมวดีแทน
ปทุมวดีดื่มน้ำรวดเดียวหมดด้วยความกระหาย วางแก้วแล้วถอนหายใจอย่างแรง แต้ว น้อยมองหน้ากันเพราะปทุมวดีดูแปลกๆ ทั้งคู่จ้องหน้าปทุมวดีต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปทุมวดีรู้ตัวว่าโดนมอง ก็เลยแหวขึ้นมาเพราะอารมณ์เสียเป็นทุนอยู่แล้ว
“ทำไม หน้าฉันเหมือนบุพการีพวกแกรึไง”
“แฮ่ะๆ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงค่ะ คุณหญิงอย่าเครียดมาก เดี๋ยวหน้าจะแก่นะคะ”
แต้วเห็นปทุมวดีดูเครียดผิดปกติ รีบพัดให้แรงขึ้นเพื่อเอาใจ ปทุมวดีเงื้อมือจะตีแต้ว
“ปากดีนะ นังแต้ว”
แต้วสังเกตที่มือปทุมวดีไม่มีแหวนเหลือที่นิ้วเลยสักวง นิสัยปากไวเลยถามขึ้น
“อุตะ คุณหญิงคะ แหวนที่นิ้วคุณหญิงหายไปไหนหมดคะ”
ปทุมวดีตกใจที่แต้วทักเรื่องแหวนขึ้นมา น้ำหูผึ่ง นวดปทุมวดีไปเรื่อยๆ แต่ก็แอบฟังไป น้อยมองมือปทุมวดีแล้วทักอย่างแปลกใจ
“จริงด้วย หรือไม่ได้ใส่ตั้งแต่เช้าคะ”
“เออ ฉันใส่บ่อยๆ ก็เบื่อมั่งซิยะ พวกแกอย่าสาระแนให้มาก จะไปไหนก็ไปไป๊”
แต้วสงสัยมาก น้ำแอบเหลียวมอง ปทุมวดียกมือตัวเองขึ้นมาดูแล้วถอนหายใจ
ป้าบัวเผื่อน ป้าม้วน นั่งเตรียมอาหารกันอยู่ในครัว น้อย แต้ว น้ำ เดินเข้ามา ป้าม้วนเปิดฉากถาม
“คุณหญิงเป็นอะไรวะ นังแต้ว”
แต้วมานั่งข้างป้าม้วนแล้วตั้งท่านินทา
“จะเป็นไร ป้า เล่นไพ่เสีย อารมณ์ก็เลยเสียน่ะสิ”
“โอ๊ย แค่ไม่กี่แสนขนหน้าแข้งท่านไม่ร่วงหรอก”
น้ำทำตาโต
“คุณหญิงท่านเล่นไพ่เสียทีเป็นแสนๆ เลยเหรอจ๊ะป้าม้วน”
“น้อยไปซิ งานนี้ฉันว่าเป็นล้าน เผลอๆ นะป้า เอาแหวนแต่งงานไปใช้หนี้ในบ่อนแน่ มือโล่งเชียว ไม่เชื่อไปดูสิ”
ป้าบัวเผื่อนชะงักจากงานในมือ
“อีนี่ปากเสียซะแล้ว คุณหญิงไม่ทำแบบนั้นหรอกโว้ย”
“นั่นซิ คุณหญิงคงเครียดเรื่องอื่นมากกว่า”
“ก็เครียดเรื่องนังคุณมิวล่ะมั้ง” ป้าม้วนสงสัย
น้ำกลอกตาไปมา คิดตามไปว่าคุณหญิงต้องรวยมาก เผลอแสดงสายตาละโมบโลภ อยากได้เงินจากคุณหญิงอย่างไม่รู้ตัว
น้ำยืนอยู่หน้าห้องประภาพรรณ ปรับสีหน้าท่าทางให้ดูวิตกกังวล แล้วเคาะประตูห้อง
“พี่มิวคะ พี่มิวช่วยลงไปดูคุณหญิงได้มั้ยคะ”
“คุณแม่สามีเป็นอะไร”
“พี่แต้วบอกว่าคุณหญิงเสียเงินล้าน กับแหวนแต่งงานในบ่อนค่ะ ตอนนี้คุณหญิงดูเครียดสุดๆ เลยค่ะพี่มิว”
ประภาพรรณรีบเดินลงไปด้านล่าง น้ำเดินตามไป มองประภาพรรณด้วยสายตาเย็นชา ประภาพรรณรีบเดินมาหาปทุมวดีด้วยความเป็นห่วง เห็นปทุมวดีดูหน้าตาซึมๆ เอาแต่ลูบนิ้วนางข้างซ้ายอย่างเศร้าๆ
“เพิ่งกลับมาเหรอคะ คุณแม่สามี”
ปทุมวดีขยับตัวปรับท่าทางให้เป็นปกติ
“ฉันจะไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ เป็นกงการอะไรของหล่อนด้วยหรือยะ เธอมันก็แค่สะใภ้นอกคอก อย่าสะเออะมายุ่งเรื่องของฉัน เข้าใจมั้ย”
น้ำแอบแสยะยิ้มสะใจ
“คุณแม่สามีขา ด่ามิวแล้วหายเครียดใช่มั้ยคะ งั้นด่าเลยค่ะ”
ประภาพรรณนั่งลงตั้งใจให้ปทุมวดีด่าระบายเต็มที่ ปทุมวดีเห็นหน้าลูกสะใภ้ยิ่งอารมณ์เสีย เลยพาลใส่
“โอ๊ย ประสาทเสียรึเปล่าหล่อน ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันอยากอยู่คนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเบื่อบ้าน ไม่อยากเห็นขี้หน้าหล่อน ฉันก็คงไม่ต้องไปเสียแหวนแต่งงานที่บ่อนหรอก ออกไป๊”
ปทุมวดีคว้าหมอนอิงปาใส่ประภาพรรณ
“ก็ได้ค่ะ เพราะมิวไม่ดีเอง เอาที่คุณแม่สามีสบายใจเลยค่ะ”
ประภาพรรณฝืนยิ้ม แล้วเดินออกมา น้ำยิ้มร้ายสมใจ ก่อนตามประภาพรรณเข้าไปในครัว ประภาพรรณเดินเข้ามาหาน้อย
“น้อย ในตู้เย็นเราพอจะมีของทำซุปไก่ สลัดผักรวม ได้มั้ย”
“มีเยอะแยะเลยค่ะคุณมิว”
“ช่วยมิวทำอาหารว่างให้คุณแม่สามีหน่อยละกัน”
“น้ำช่วยด้วยค่ะ”
“งั้นเรามาลุยกันเลย”
น้อยหั่นไก่ น้ำหั่นผัก ประภาพรรณเตรียมน้ำซุป น้ำสลัด น้ำแอบมองประภาพรรณปรุงซุป ทำสลัดด้วยความหมั่นไส้ที่ดูคล่องแคล่วไปหมด แต่ทำปากหวานชม
“น้ำอยากเป็นอย่างพี่มิวจังค่ะ”
น้อยรู้สึกผิดหู
“ว่าไงนะ น้ำ อย่างเธอเหรอ จะมาเป็นอย่างคุณมิว”
น้ำรีบแก้ตัว
“เอ่อ น้ำ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะพี่น้อย น้ำหมายถึงน้ำอยากเก่งอย่างพี่มิวค่ะ พี่มิวทำโน่นทำนี่เป็นตั้งหลายอย่าง”
“แล้วไป นึกว่าจะเทียบรุ่น”
ประภาพรรณหัวเราะขำๆ ที่น้อยแหวใส่น้ำ
“ก็ ถ้าอยากทำเป็น ไว้พี่สอนให้ก็ได้”
“พี่มิวใจดีที่สุดเลยค่ะ พี่มิวขา คุณหญิงกับคุณกรชอบกินอะไรเหรอคะ เผื่อวันหลังน้ำจะได้ทำไปเสิร์ฟบ้าง”
น้ำแกล้งถามมิว ประภาพรรณยิ้มให้น้ำ ที่แสดงความมีน้ำใจให้คนในบ้าน
“ก็หลายอย่างนะ คุณแม่สามีรสอ่อน คุณกรรสเผ็ด แล้วแต่อารมณ์น่ะ น้ำก็ลองสังเกตดูแล้วกัน”
“ค่ะ”
ประภาพรรณชิมอาหารที่เตรียมเสิร์ฟให้ปทุมวดี
“โอเค.ละ ได้กินของอร่อยๆ น่าจะอารมณ์ดีขึ้น น้อยกับน้ำเอาไปเสิร์ฟให้คุณแม่สามีด้วยนะ”
“ค่ะคุณมิว”
น้ำเบะปากให้ประภาพรรณอย่างหมั่นไส้อีกครั้ง โดยประภาพรรณกับน้อยไม่ทันเห็น
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 10 (ต่อ)
น้อย น้ำเอาอาหารไปเสิร์ฟให้ปทุมวดีในห้องนั่งเล่น ปทุมวดีมองดูอาหารบนโต๊ะ
“น่ากินดีนี่”
ปทุมวดีกำลังหิวเลยกินอาหารที่ประภาพรรณทำอย่างเอร็ดอร่อย
“แกก็ทำอาหารอร่อยใช้ได้นี่”
“เอ่อ น้อยไม่ได้ทำค่ะ”
“แล้วใครทำ บัวเผื่อนหรือม้วน”
น้ำทำหน้าซื่อรีบบอกปทุมวดี
“พี่มิวค่ะ พี่มิวเป็นคนทำ บอกว่าเห็นคุณหญิงดูเครียด เลยอยากเอาใจค่ะ”
ปทุมวดีวางช้อนด้วยความโมโห
“ไม่ต้องมาเอาใจฉัน ใส่ยาพิษให้ฉันกินรึเปล่าเนี่ย น้อย เอาไปทิ้งให้หมดเลย ไม่กงไม่กินมันแล้ว”
ปทุมวดีลุกออกไปจากโต๊ะ น้ำแอบสะใจที่เห็นปทุมวดีเกลียดประภาพรรณแรงขนาดนี้ น้อย น้ำช่วยกันถืออาหารกลับมาในครัว
“คุณหญิงนี่ก็แปลก กินไปตั้งเยอะยังจะมากลัวคุณมิวใส่ยาพิษ”
“งั้นก็ลาภปากพวกเรา นังน้อย นังน้ำ มากินกัน” ป้าบัวเผื่อนชวน
“ดีเหมือนกัน หิวพอดี”
ป้าบัวเผื่อนและน้อยกำลังจะกินอาหารที่เหลือ แต่เห็นประภาพรรณเดินมาเลยชะงัก ประภาพรรณมองอาหารที่ตั้งใจทำให้ปทุมวดี กลับมาอยู่ที่ในครัว
“คุณแม่สามีไม่กินเหรอ”
น้ำเดินเข้ามาจับแขนประภาพรรณ ตีหน้าซื่ออีกครั้ง
“กินนะคะ แต่พอรู้ว่าพี่มิวทำ คุณหญิงก็ให้เอาไปทิ้ง”
น้อยทำท่าให้น้ำเงียบ เพราะกลัวประภาพรรณเสียใจ
“พี่มิวไม่ต้องเสียใจนะ คุณหญิงอาจจะไม่หิวก็ได้ค่ะ คุณหญิงไม่กิน เดี๋ยวพวกเรากินเองก็ได้ค่ะ ไม่ทิ้งแน่นอน”
“พี่เข้าใจ ไม่คิดมากอยู่แล้ว ขอบคุณที่ปลอบใจนะ”
ประภาพรรณยิ้มให้น้ำด้วยความเอ็นดู
ที่โต๊ะอาหาร ปทุมวดีกินอาหารเช้าอยู่ แล้วเรียกแต้วเข้ามาหา
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวออกไปลับสมองข้างนอกซะหน่อย แกดูแลบ้านให้เรียบร้อยนะนังแต้ว”
“ค่ะคุณหญิง”
ประภาพรรณนั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยินที่ปทุมวดีพูด คิดหาทางจะไม่ไห้ปทุมวดีออกไปเข้าบ่อน จึงเรียกน้ำมากระซิบแผน น้ำแอบยิ้มร้ายเมื่อฟังแผนจากประภาพรรณ
ประภาพรรณเดินมามองลาดเลา แล้วแอบเข้าไปในห้องนอนปทุมวดี ย่องมาที่ประตูห้องน้ำ
“เสียงใคร ไหนกัน เสียงนั่น”
ประภาพรรณสะดุ้ง หยุดฟังสักพัก ถึงรู้ว่าปทุมวดีฮัมเพลงนกเขาคูรัก
“อ๋อ นกมันพรอดคำรำพัน ฝากชีวันรักกันไงเล่า”
ประภาพรรณย่องกลับมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วแอบเอาน้ำยาปลูกหนวดใส่ในขวดเซรั่มของปทุมวดี เขย่าๆ แล้วรีบย่องออกมา
ขณะที่เดชเดินผิวปากตรวจดูความเรียบร้อยของรถปทุมวดีตามปกติ แล้วทำหน้าตกใจที่เห็นยางรถยนต์แบนหมด
“อะไรวะเนี่ย งานเข้าแล้วไอ้เดช”
ประภาพรรณแอบยืนยิ้มอยู่
-
ปทุมวดีอาบน้ำเสร็จออกมา กดขวดเซรั่มที่ประภาพรรณใส่น้ำยาปลูกหนวดมาทาหน้าเพลินๆ ไม่ได้สังเกต แต่พอมองกระจกอีกทีเห็นหน้าตัวเองดำไปหมดเหมือนมีปื้นหนวดก็ตกใจ ร้องโวยวาย
“ว้าย อะไรเนี่ย ทำไมหน้าฉันมันมีหนวดดำๆ ว้าย”
ประภาพรรณรีบวิ่งเข้ามาหาปทุมวดี เห็นหน้าแล้วก็ขำ
“ทำไมหน้าคุณแม่สามีเป็นแบบนี้คะ แฟชั่นใหม่เหรอ”
ปทุมวดีเห็นประภาพรรณก็รีบเอามือปิดหน้า แล้วด่ากลับ
“หล่อนไม่ต้องมายุ่งกับหน้าฉันหรอก”
“ไม่ต้องปิดหรอกค่ะ เห็นหมดแล้ว สงสัยวันนี้คงฤกษ์ไม่ดีแน่ๆ โบราณเขาว่า ถ้าวันไหนหน้าดำ ไม่ควรออกจากบ้านนะคะคุณแม่สามี”
“ออกไป ใครอนุญาตให้หล่อนเข้ามาในห้องฉัน ไป”
ประภาพรรณเดินกลับออกมา หัวเราะขำ ไม่ถือสาที่ปทุมวดีไล่ ปทุมวดีมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วกรีดร้องอีกรอบ วิ่งหายไปในห้องน้ำ
ปทุมวดีลงมารอที่หน้าบ้าน แต้วหยิบรองเท้ามาให้ ปทุมวดีใส่แล้วเสียหลักเพราะส้นพัง แต้วตกใจ
ปทุมวดีเท้าเอวตั้งท่าด่า แต้ววิ่งไปวิ่งมา เอารองเท้ามาเปลี่ยนให้ ไปเอาคู่ใหม่มากี่คู่ๆ ก็พัง จนแต้วนั่งลิ้นห้อย ปทุมวดีโมโห โวยวาย
“นังแต้ว ทำไมรองเท้าฉันมันพังหมดเลย แกดูแลยังไง หา”
“ก็ดูแลอย่างดีเลยค่ะ ทำไมถึงพังหมดก็ไม่รู้ สงสัยต้องมีคนแกล้งแต้วแน่ๆ”
แต้วเห็นน้ำยืนลับๆ ล่อๆ สงสัยท่าทางมีพิรุธ ตะโกนเรียกน้ำ
“น้ำ มานี่ซิ ทำไมท่าทางแปลกๆ คุณหญิงถามน้ำซิคะเผื่อรู้อะไร”
น้ำค่อยๆ เดินมาหาปทุมวดี
“รู้อะไรก็พูดมา”
น้ำแกล้งทำท่ากลัวปทุมวดีจนตัวสั่น รีบสารภาพ
“พี่มิวค่ะ พี่มิวสั่งให้น้ำหักส้นรองเท้าให้หมด คุณหญิงจะได้ไม่มีรองเท้าใส่ออกไปข้างนอก พี่มิวไม่อยากให้คุณหญิงไป ไปบ่อนค่ะ”
“มันจะมากเกินไปแล้ว นังสะใภ้ตัวแสบ นังมิว มาหาฉันเดี๋ยวนี้”
ปทุมวดีโกรธมาก ตะโกนเรียกให้ประภาพรรณเข้ามาหา
“มีอะไรคะคุณแม่สามี”
“หล่อนมีสิทธิ์อะไรมาทำลายข้าวของของฉัน หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นใคร จะมาห้ามฉันไม่ให้ออกไปข้างนอก”
น้ำแอบสะใจที่ประภาพรรณถูกปทุมวดีเรียกมาด่า ประภาพรรณทำไม่รู้ไม่ชี้
“จิ้งจกทักยังต้องระวัง นี่รองเท้าส้นหัก เขาว่าโชคลาภจะสะดุดนะคะ คุณแม่สามี”
ปทุมวดีเต้น กรีดร้องด้วยความโมโหที่ทำอะไรไม่ได้
“นี่หล่อนแช่งฉันเหรอ ฝากไว้ก่อนเถอะ นังแต้ว ไปหารองเท้ามาให้ฉัน คู่ไหนก็ได้ จะส้นเตี้ย ส้นแบน ไม่มีส้น ฉันใส่หมด เร็ว”
แต้วรีบวิ่งไปคว้ารองเท้าส้นเตี้ยมาให้ปทุมวดีใส่ ปทุมวดียิ้มเยาะประภาพรรณ
“หล่อนห้ามฉันไม่ได้หรอก”
ประภาพรรณมองระอาที่ไม่สามารถล้มความตั้งใจของปทุมวดีได้ ปทุมวดีมาที่บ่อนหน้าตาเซ็งสุดๆ นั่งคุยกับราตรีเรื่องของประภาพรรณ
“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะคุณพี่”
“พี่ทนไม่ไหวแล้วค่ะคุณน้อง นับวันนังมิวมันยิ่งเหิมเกริม นึกจะทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นหัวคุณพี่มากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะจับมันใส่หม้อถ่วงน้ำ ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดซะจริงๆ”
ราตรีคิดๆ
“เอาอย่างนี้ดีมั้ยคะ เราก็พามันไปเชือดไงค่ะ”
“แล้วจะให้ใครเชือดดีล่ะคะ”
ราตรีหัวเราะให้กับความฉลาดของตัวเอง
“พวกเราทุกคนค่ะ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน”
“ยังไงคะ”
“คุณพี่ต้องพานังสะใภ้ตัวแสบไปที่สมาคมอนุรักษ์ช้างค่ะ”
“แล้วเราก็ช่วยกันกระทืบมันให้ตาย จนกว่ามันจะร้องขอชีวิต”
ปทุมวดี ราตรีหัวเราะด้วยความสะใจ
จบตอนที่ 10