รัตนาวดี ตอนที่ 10
มุมสวยๆ ที่เห็นปราสาทและทะเลสาบงดงาม ท่านดนัยกำลังต้มน้ำกับเตาแก๊สอันเล็กๆ
ใกล้ๆ กันป้าสร้อย รัตนาวดี ประพัทธ์ นั่งอยู่บนผ้าผืนใหญ่ที่ปูบนพื้นหญ้า มีอุปกรณ์เช่น ถ้วย กระปุกใส่น้ำตาล กระปุกกาแฟ วางอยู่ มีตะกร้าปิคนิคใบใหญ่วางอยู่บนผ้านั้นด้วย
"ได้ออกมาสูดอากาศแบบนี้แล้วค่อยยังชั่ว"
"ป้าลองคิดถึงนักโทษที่ถูกขังอยู่เป็นปีๆซิคะ"
"ป้าไม่กล้าคิดหรอกเพคะ...น่ากลัวซะอย่างนั้น"
รัตนาวดีลุกขึ้นเดินไปหาท่านดนัยที่ต้มน้ำอยู่
"ถ้าเรามีเตาแบบนี้..เราน่าจะทำได้มากกว่าชงกาแฟนะ"
"เห็นจะได้กระหม่อม...ถ้ากลับไปโลซานน์กระหม่อมจะไปหาซื้อของมาเพิ่ม"
รัตนาวดีนึกสนุก ประพัทธ์คอยมองดูอย่างไม่สบอารมณ์
"ดีจ้ะ...ไปที่ไชน่าทาวน์นะ...เผื่อจะได้ข้าวมา..ไม่ได้กินข้าวมานานแล้ว…ฉันชักจะคิดถึงข้าวสวยร้อนๆ แล้วละซิ"
ท่านดนัยมองรัตนาวดีตาเป็นประกาย
"ไปเที่ยวตรงไหนเราจะได้ทำอาหารกินของเราได้...วิเศษจริงกระหม่อม"
ประพัทธ์เดินมาดูด้วยความอิจฉา
"เสร็จหรือยังล่ะ...มัวแต่โอ้เอ้เมื่อไหร่จะได้กินสักที...ท่านหญิงไปทรงรอกับคุณสร้อยเถอะกระหม่อม...เดี๋ยวให้นายเล็กทำ"
รัตนาวดียิ้ม
"ต้องช่วยๆ กันสิคะถึงจะสนุก …คุณประพัทธ์บอกป้าตักกาแฟใส่ถ้วยมาซิคะ หญิง กับ นายเล็กจะเติมน้ำร้อนให้"
ประพัทธ์เดินไปแบบไม่เต็มใจ
ท่านดนัยตะโกนตามหลัง
"คุณสร้อยครับ...ชาอยู่ในหีบปิคนิคนะครับ"
ป้าสร้อยพยักหน้าหงึกๆ เปิดหีบปิคนิคหาโถใส่ชาออกมา ประพัทธ์เขม่นท่านดนัยมาก แต่ก็ยังพูดเหน็บแนมด้วยเสียงปกติกับป้าสร้อย
"จะวุ่นวายใช้คุณป้าสร้อยทำไม...ใครๆ เค้าก็กินกาแฟทั้งนั้น"
ป้าสร้อยถอนใจ อยากจะเข้าข้างประพัทธ์แต่ก็พูดไม่ออก
"ป้าไม่ดื่มกาแฟ...นายเล็กเค้ารู้"
ท่านดนัยยกกาต้มน้ำเล็กๆ นั้น มารินใส่ถ้วยกาแฟที่ป้าสร้อยเตรียมไว้ ประพัทธ์แอบไม่พอใจป้าสร้อย
"แหม…กลิ่นกาแฟหอมจริงๆ...ขอบใจนะนายเล็ก"
รัตนาวดีรับกาแฟที่ชงแล้วมาจากท่านดนัย ท่านดนัยชงชาให้ป้าสร้อย
"ป้าคะ..ได้นั่งจิบกาแฟกับธรรมชาติสวยงามรอบๆ ตัวเราอย่างนี้...มีความสุขจังเลย"
ป้าสร้อยยิ้มสดใสที่เห็นรัตนาวดีมีความสุข ประพัทธ์รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินเลยเดินหนีไปอีกมุมหนึ่ง
"ถูกต้องที่สุดเพคะ"
รัตนาวดีชนแก้วกับป้าสร้อย
อีกมุมหนึ่ง ประพัทธ์เดินไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่อีกมุมหนึ่ง ท่านดนัยเดินมาเอากาแฟมายื่นให้
"กาแฟครับ"
ประพัทธ์มองถ้วยกาแฟที่ท่านดนัยยื่นให้อย่างไม่พอใจ พูดกับท่านดนัยด้วยเสียงเกรี้ยวกราดที่
พยายามไม่ให้ดังนัก
"ฉันไม่ตื่นเต้นกินกาแฟของแกหรอก....อยากจะเอาอกเอาใจป้าสร้อยก็เรื่องของแก...แต่อย่ามายุ่งกับฉัน..แล้วฉันก็ขอเตือนให้แกอยู่ห่างๆ ท่านหญิงเอาไว้ด้วย"
"ความจริงผมน่าจะเตือนเรื่องมารยาทคุณมากกว่า คุณไม่ควรใช้คำพูดแบบนี้ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น"
ประพัทธ์ก้าวเข้ามาหาท่านดนัยด้วยความโกรธ ท่านดนัยถือถ้วยกาแฟที่มีกาแฟเต็มถ้วยขวางไว้ประพัทธ์จึงชะงัก
"แกเป็นใคร...บังอาจมาพูดยโสกับฉัน"
ท่านดนัยหัวเราะ
"๒ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าผมเป็นใคร...ถ้านึกได้จะบอกคุณเป็นคนแรก"
ท่านดนัยหันหลังรีบเดิน ประพัทธ์แค้น...
ท่านดนัยกำลังยกตะกร้าปิคนิกเก็บท้ายรถ รัตนาวดี กับ ป้าสร้อยเดินมาดู
"แหม…ฉันชอบตะกร้าปิคนิกของนายเล็กจริง...มันใหญ่ดี ใส่ได้สารพัดอย่าง"
ท่านดนัยหันมายิ้มกับท่านหญิง
"เป็นของท่านดนัยกระหม่อม...โปรดปิคนิกมากเหมือนกัน พูดอย่างมีความสุขจนลืมตัว อย่างเวลาไปตกปลา...ก็เอากาแฟไปต้มทานริมน้ำ...บางทีก็ตกปลาไปดื่มกาแฟไป"
"แหม…ฟังแล้วน่าจะมีความสุขจริง..แล้วท่านโปรดให้เอาปลาที่ตกได้มาทำอาหารทานริมแม่น้ำด้วยหรือเปล่า"
"โดยมากจะปล่อยกลับไปกระหม่อม ท่านตกเอาสนุกอย่างเดียว อย่างคราวที่แล้วที่สก็อตแลนด์ตกได้ก็มีคนมาขอซื้อ"
"แสดงว่านายเล็กตามเสด็จท่านดนัยไปทุกๆ ที่…อย่างนี้ ต้องเดินทางมากับฉันนานๆ ไม่คิดถึงท่านแย่หรือ"
ท่านดนัยได้แต่ยิ้ม
"กระหม่อมมีอะไรให้คิดหลายอย่าง...เลยไม่ได้นึกถึงท่านเท่าไหร่กระหม่อม"
"แล้วนี่คุณประพัทธ์หายไปไหน...ไม่เห็นพักนึงแล้วนะ" สร้อยถาม
ประพัทธ์เดินถือผ้าที่ปูนั่งปิคนิกที่พับเรียบร้อยเดินมาพอดี
"มาแล้วครับคุณสร้อย"
ประพัทธ์เอาผ้าไปยื่นให้ท่านดนัยด้วยท่าทางสุภาพเป็นมิตร
"นายลืมเก็บผ้าที่ปูนั่ง...ฉันก็เลยเก็บมาให้แล้ว"
ท่านดนัยมองประพัทธ์อย่างจะมาไม้ไหนแน่ รับผ้านั้นมา
"ขอบคุณครับ...ผมไม่ได้ลืม...แต่เมื่อกี้ท่านหญิงยังประทับกับคุณสร้อยอยู่...เลยกะว่าจะไปเก็บทีหลัง"
ประพัทธ์เอามือตบบ่าท่านดนัยอย่างเป็นกันเอง ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"ไม่เป็นไร...ช่วยๆ กัน…ฉันไม่อยากเห็นนายเหนื่อยอยู่คนเดียว"
ท่านดนัยมองหน้าประพันธ์ ด้วยความแปลกใจ...ประพัทธ์เห็นเรือที่กำลังแล่นเข้าเทียบท่า"ท่านหญิง...เสด็จเที่ยวทางเรือมั้ยกระหม่อม"
รัตนาวดีสีหน้าแปลกใจ
"นายเล็ก..เรือนี่ไปไหนจ้ะ"
ท่านดนัยถอนใจเพราะรู้ว่ารัตนาวดีชอบ
"ไปท่าเรือที่โลซานน์กระหม่อม"
"ไกลจากอินเตอร์ลาเคนมากมั้ยจ๊ะ"
"เราไปกันดีกว่า...นายเล็กพาคุณป้าสร้อยไปรอที่ท่าเรือฝั่งโน้นนะ"
ป้าสร้อยโวย
"ไม่ได้...ป้าจะตามเด็จท่านหญิงด้วย"
ประพัทธ์โต้แย้งแต่ก็ด้วยท่าทางสุภาพ
"คุณป้าว่ายน้ำไม่เป็นไม่ใช่เหรอครับ...ไหนบอกว่าไม่ชอบนั่งเรือ"
ป้าสร้อยหน้าบึ้ง
"ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอก...แต่เรือมันใหญ่..ยังไงป้าก็จะไปกับท่านหญิง"
"ป้าไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ...เราจะได้ดูวิวข้างแม่น้ำ หญิงว่าจะต้องสวยมากๆ เลย"
ป้าสร้อยมองรัตนาวดีอย่างอ่อนใจ
"เพคะ"
ประพัทธ์ไม่พอใจอย่างยิ่ง
"เดี๋ยวนายเล็กก็นั่งเรือไปด้วยกัน แล้วค่อยนั่งรถรับจ้างย้อนกลับมาเอารถนะ"
"ไม่เป็นไรกระหม่อม เดี๋ยวกระหม่อมจะขับรถไปคอยรับที่ท่าเรือฝั่งโน่นเลย...ท่านหญิงจะได้ไม่เสียเวลารอที่ท่าเรือนานไป"
ประพันธ์โล่งอกที่ท่านดนัยไม่ได้ตามไปด้วย
ท่านดนัยยืนอยู่ที่ท่าเรือใกล้ปราสาท ชีลง รัตนาวดี ป้าสร้อย และ ประพัทธ์ ยืนอยู่บนเรือที่แล่นออกไป รัตนาวดีโบกมือให้ท่านดนัยที่ยืนส่งอยู่ที่ท่าเรือ...
ประพัทธ์พารัตนาวดี กับ ป้าสร้อยมาหาที่นั่งบนเรือ รัตนาวดีเป็นคนจูงป้าสร้อย ประพัทธ์คอยแต่จะประคองรัตนาวดี
"ระวังทางเดินกระหม่อม...เดี๋ยวจะสะดุด"
"ขอบใจค่ะ...ป้าคะ..เรานั่งที่นี่ดีกว่าจะได้ดูวิวให้ถนัดหน่อย"
รัตนาวดี กับ ป้าสร้อยลงนั่ง ม้านั่งนั้นนั่งได้สองคน ประพัทธ์จึงยืน
"เอ้อ..กระหม่อมจะไปหาเครื่องดื่มมาถวาย"
รัตนาวดีกับป้าสร้อยนั่งดูวิวสองฝั่งทะเลสาบ รัตนาวดีชี้มือให้ป้าสร้อยดู
"ฝั่งโน่นเป็นประเทศฝรั่งเศสคะ"
ป้าสร้อยทำหน้าแปลกใจ
"อยู่ใกล้แค่นี้เองนะเพคะ...แล้วเค้าแบ่งเขตในทะเลสาบกันยังไง"
อ่านต่อหน้า 2
รัตนาวดี ตอนที่ 10 (ต่อ)
รัตนาวดียิ้มกับป้าสร้อย ป้าสร้อยก็ยิ้มตอบ...ประพัทธ์เดินกลับมาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มสองที่ ประพัทธ์เอาแก้วเครื่องดื่มมาวาง
"ของท่านหญิง กับ คุณสร้อยครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
"แล้วของตัวเองล่ะจ้ะ"
ประพัทธ์ยิ้มแจ่มใส
"ของผมสั่งไว้เดี๋ยวค่อยไปเอาครับ...ท่านหญิง..ทางด้านโน้นมีที่มองเห็นวิวสวยๆ...พี่แน่ใจว่าท่านจะโปรด"
รัตนาวดีสนใจ
"ดีเหมือนกันค่ะ ป้ารอที่นี่นะคะ...เดี๋ยวหญิงมา"
ประพัทธ์ซ่อนสีหน้าดีใจ รีบเดินนำรัตนาวดีไป ป้าสร้อยมองตาม จิบเครื่องดื่มสบายใจ
ประพัทธ์พารัตนาวดีเดินออกมาชมวิวนอกเรือ….ประพัทธ์พยายามทำท่าซึ้ง
"ท่านหญิง...คืนนี้พี่ขอพาท่านหญิงไปดินเนอร์ได้ไหม"
"เราก็ต้องไปทานกันอยู่แล้วนี่คะ"
"เฉพาะพี่กับท่านหญิงเท่านั้นค่ะ"
"แล้วป้าสร้อย กับ นายเล็กล่ะคะ...เราจะทิ้งเขาไปได้ไง"
ประพัทธ์พยายามขยับเข้าใกล้ รัตนาวดีถอยหนี
"เราไม่ได้ทิ้งค่ะ...เราแค่แยกไปทานกันสองคนบ้าง"
รัตนาวดีทำท่าคิด
"เอ่อ…หญิงว่าเราหาอะไรทานง่ายๆ ดีกว่าคะ...วันนี้ก็เหนื่อยกันทั้งวันแล้ว"
"กระหม่อม"
ประพัทธ์แสดงอาการผิดหวัง
ห้องทำงาน ตำหนักศิลาขาว หม่อมเจ้าพจน์ปรีชานั่งอ่านจดหมายท่านดนัย
"ปริศนาเขียนมาแนะนำหม่อมว่าให้สารภาพความจริงต่อชน้องหญิงนั้น หม่อมลองคิดดูเห็นว่ายังไม่ได้...เราทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า น้องหญิงเป็นคนที่เฮี้ยว อวดดี แสนงอนเพียงไร ถ้าเธอรู้ว่าหม่อมปลอมตัวมา คงโกรธหม่อมมาก...หม่อมกลัวเธอจะไม่ยอมยกโทษให้หม่อม...หม่อมคงตายแน่...เวลานี้นายประพัทธ์คอยจะหาโอกาสกะหนุง กะหนิงและอยู่ตามลำพังกับน้องหญิงอยู่เรื่อย แต่ท่านไม่ต้องทรงเป็นห่วงน้องสาวของท่านดอก...ป้าสร้อยนี่เป็นแชปเปอโรนที่วิเศษที่สุดเท่าที่หม่อมเคยเห็นมา"
ปริศนาเดินมาหาท่านพจน์ ท่านพจน์พับจดหมายเก็บหันมาหาปริศนายิ้มๆ
"จดหมายท่านหญิงหรือเพคะ"
"ของท่านดนัย...นายประพัทธ์นี่ใครกัน"
"เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับท่านหญิงเพคะ... ไปเรียนอยู่ที่อังกฤษ"
ท่านพจน์ยื่นจดหมายท่านดนัยให้ปริศนา
"ท่านดนัยเล่าว่าพริสแนะนำให้ท่านไปสารภาพความจริงกับน้องหญิง"
ปริศนาเงยหน้าจากจดหมายยิ้มหวาน
"ก็ปริศนาสงสารท่าน...ดูซิ...เป็นเจ้าชายแท้ๆ แต่ต้องโดนนายประพัทธ์น่ะเบ่งทับซะจ๋อยไปเลย."
ท่านพจน์หัวเราะเบาๆ
"คิดดูก็สมน้ำหน้าท่านดนัย...อยากเล่นพิเรนเอง... แค่ถ้าท่านดนัยทำอย่างที่พริสแนะนำ...น้องหญิงจะไม่โกรธแย่เหรอจ้ะ"
ปริศนาทำท่าคิด
"ถ้าเป็นปริศนา....ปริศนาไม่โกรธ...กลับเห็นตลกเพคะ"
"แต่เธอกับน้องหญิงต่างกัน...ถ้าจะออกความเห็นในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรานัก...ต้องระวัง"
ปริศนาหน้าเสีย
"ปริศนาพูดผิดเหรอเพคะ"
ท่านพจน์คิดจะเรียบเรียงคำพูด
"ไม่เรียกว่าผิดหรอก....อาจจรอบคอบน้อยไปนิดนึง"
"ก็แปลว่าไม่ถูก...ก็ผิดน่ะแหล่ะ"
"ฉันคิดว่าจะดูๆ ไปสักหน่อย...เพราะบอกตรงๆ ว่ายังไม่แน่ใจ ดูมันจะหวือหวาไปหน่อย...มันไม่นิ่ง"
"ไม่นิ่งยังไงเพคะ."
"นิ่งที่จะศึกษากันและกันให้แน่ๆ"
"แต่ปริศนากลับคิดว่า...ท่านดนัยปลอมองค์แบบนี้ ทำให้ท่าน กับท่านหญิง ได้เรียนรู้กันดีกว่าซะอีก"
"ดีกว่ายังไง..."
"สำหรับท่านดนัย...ท่านเคยองค์ฐานะหนุ่มโสดเนื้อหอมเคยแต่ต้องวิ่งหนีผู้หญิงที่ตื่นเต้นกับยศศักดิ์ของท่าน แต่คราวนี้ต้องวิ่งตามท่านหญิง และต้องพิสูจน์คุณค่าองค์เอง ให้ผู้หญิงที่ท่านรักยอมรับ"
"แล้วเธอคิดว่าน้องหญิงจะรับได้เหรอ...ฉันไม่แน่ใจซะด้วยซ้ำว่าน้องหญิงจะสนใจท่านดนัยในฐานะนายเล็กหรือเปล่า"
ปริศนายิ้มเจ้าเล่ห์
"แต่หม่อมฉันออกจะแน่ใจว่าท่านหญิงสนใจนายเล็กแล้วละเพคะ"
"แต่ฉันรู้จักน้องหญิงดี....เค้าจะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หรอกนอกจาก…."
"นอกจากอะไรเพคะ"
"นอกจากจะมีแรงกระตุ้นที่มากพอ" ท่านชายพจน์ว่า
ท่านดนัยพารัตนาวดี ป้าสร้อย ประพันธ์ เข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม Grand Victoria Jungfrau ป้าสร้อยจาม..
"เอ…สงสัยหวัดจะมาซะแล้ว"
รัตนาวดีเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง
"รู้สึกไม่สบายหรือเปล่าคะ"
"นอนพักซะก็หายเพคะ...ไม่ได้เป็นอะไรมาก"
ทั้งหมดนั่งรอท่านดนัยที่เก้าอี้รับแขกในล็อบบี้ ท่านดนัยกำลังพูดกับพนักงานที่เคาน์เตอร์….ป้าสร้อยจามอีกครั้ง
"เอ…ท่าจะเอาจริง"
ประพัทธ์ทำท่าร้อนรนจนเว่อร์
"ผมว่าไม่ได้การแล้วละครับ...แถวนี้มีโรงพยาบาลที่ไหนบ้างล่ะ จะปล่อยให้คุณสร้อยจามสนั่นโรงแรมอย่างนี้ไม่ได้แน่...ฝรั่งยิ่งปอดแหกกลัวเชื้อโรคอยู่ด้วย...เดี๋ยวมันไม่ให้เราพักละก็แย่เลย."
รัตนาวดีกับป้าสร้อยมองหน้าประพัทธ์นิ่งอย่างนึกไม่ถึง ท่านดนัยเดินมาฟัง
"มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ" สร้อยว่า
"ต้องกันไว้ก่อนครับ"
"ท่านพจน์ทรงให้ยามาหรือเปล่ากระหม่อม"
รัตนาวดีนึกได้
"ให้มาซิ...เจ้าพี่จัดยามาเผื่อทุกอย่างเลย"
"ดีเลย...ถ้าอย่างนั้นให้คุณสร้อยทานยาแล้วรีบนอนดีกว่า คืนนี้พี่จะพาท่านหญิงออกไปเสวยอาหารอร่อยๆ แถวนี้ดีไหมกระหม่อม"
รัตนาวดียิ้มๆ
"หญิงว่าจะอยู่เป็นเพื่อนป้าดีกว่าค่ะ...เชิญคุณประพัทธ์ไปเที่ยวตามสบายดีกว่า"
ประพัทธ์ทำสีหน้าเป็นห่วง
"ท่านหญิงไม่เสด็จ พี่จะสนุกได้ยังไง...เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าเปลี่ยนทัย พี่จะมาคอยท่านหญิงที่นี่ตอนสองทุ่ม"
"สองทุ่มดึกไปแล้ว...ถ้าท่านหญิงอยากเด็จก็ได้เพคะ หม่อมฉันไม่ได้ป่วยไข้อะไรมาก...ทานยาท่านชายแล้วนอนซะก็หาย"
"ไม่เป็นไรค่ะ หญิงก็อยากพักเหมือนกัน"
ในห้องพัก ป้าสร้อยทานยาแล้วเดินไปลงนอน
"ป้าหิวไหมคะ...หญิงจะสั่งอาหารขึ้นมาให้ทาน"
"ยังอิ่มขนมเมื่อตอนบ่ายอยู่เลยเพคะ...ฝาบาทเลยต้องมาเฝ้าคนแก่...เด็จไปเหวยอาหารเย็นกับคุณประพัทธ์ดีไหมเพคะ"
รัตนาวดีมองอย่างแปลกใจ
"ป้ายอมให้หญิงไปกับประพัทธ์สองคนเหรอคะ."
"ก็ให้นายเล็กตามไปด้วยก็ได้นี่เพคะ"
รัตนาวดีหัวเราะ
"อย่าห่วงเลยค่ะ...หญิงอาจจะลงไปนั่งทานที่ห้องอาหารฃโรงแรมที่นี่ค่ะ...แต่ก็อยากนอนพักเหมือนกัน อาจจะเปลี่ยนใจนอนเลยก็ได้"
รัตนาวดีดึงผ้าห่ม ห่มให้ป้าสร้อย แล้วเดินออกไปจากห้องนอนป้าสร้อย ปิดประตู
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินมาที่ห้องนั่งเล่นตรงกลาง เปิดประตูระเบียงออกไปยืนดูวิวที่สวยงามของยอดเขาจุงเฟรา มองภาพที่สวยงามนั้นด้วยสีหน้าที่มีความสุข แต่พอมองลงไปด้านล่างก็เห็นประพัทธ์ แต่งตังโก้ ท่าทางรีบเดินไปทางคาสิโน
รัตนาวดีอดยิ้มไม่ได้
อ่านต่อหน้า 3
รัตนาวดี ตอนที่ 10 (ต่อ)
ท่านดนัยเดินกำลังก้มหน้าเดินขึ้นบันได จนเดินไปชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินสวนลงไป ท่านดนัยอุทานออกมาเป็นภาษาเยอรมันโดยยังไม่ได้มองหน้า
"แฟดไซฮุง"
รัตนาวดีที่โดนชนเงยหน้ามองเห็นท่านดนัย
"นายเล็ก"
ท่านดนัยพอเห็นเป็นรัตนาวดีก็ดีใจมาก
"ท่านหญิง"
ท่านดนัยรู้สึกตัว รีบโค้งให้รัตนาวดีนิดหนึ่ง
"ฉันว่าจะนอนพัก...แต่เห็นธรรมชาติที่นี่สวยเหลือเกิน เลยอดที่จะลงมาเดินเล่นไม่ไหว …ขอบใจมากนะ ที่พามาที่สวยๆ อย่างนี้"
ท่านดนัยยิ้ม อดไม่ได้ที่จะมองหน้ารัตนาวดีอย่างรักมาก
"ฝ่าบาททรงโปรด...กระหม่อมก็ดีใจที่สุดแล้ว"
รัตนาวดีอายจนต้องหลบตา
"บ้านฉันอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา...พอเห็นทะเลสาบที่นี่ทำให้ฉันฝันไปว่าได้มีบ้านริมทะเลสาบก็คงจะดี...จะได้ขับเรือสนุกไปเลย"
ท่านดนัยทำท่าแปลกใจ อดขำไม่ได้
"ทรงขับเรือเป็นด้วยหรือกระหม่อม"
รัตนาวดีเดินไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงท่านดนัยขำก็หยุดหันมา
"เธอขำเรื่องอะไร เรื่องฉันขับเรือน่ะเหรอ ตลกตรงไหน"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"กระหม่อมไม่ได้ขำ...กระหม่อมแปลกใจว่าผู้หญิงเค้าขับเรือกันที่ไหนกันกระหม่อม.."
รัตนาวดีหัวเราะบ้าง
"เค้ามีข้อห้ามเหรอ...ไม่เห็นตลกซักหน่อย...ฉันว่าขับเรือน่ะง่ายกว่าขับรถซะด้วยซ้ำ...ฉันขับของฉันตั้งแต่ยังไว้ผมเปีย"
ท่านดนัยหันมามองรัตนาวดี
"ฝ่าบาททรงเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครจริงๆ...ทรงมีเรื่องให้กระหม่อมแปลกใจเสมอ"
รัตนาวดียิ้ม
"เธอก็มีเรื่อง surprise ฉันบ่อยๆ เหมือนกัน"
"แล้วฝ่าบาทโปรด หรือ ไม่โปรดเรื่อง surprise กันกระหม่อม"
"หมายความว่าไง...ชอบ หรือ ไม่ชอบเรื่องประหลาดใจ"
"เอ้อ…คือบางคนเค้าไม่ชอบเรื่องประหลาดใจ...แต่ บางคนก็ชอบ... คือพอเจอเรื่อง surprise เค้าจะรู้สึกสนุกดี...เอ้อ...รู้สึกไม่โกรธเพราะเข้าใจว่า คนทีทำให้ประหลาดใจไม่ได้คิดไม่ดี...แค่อยากล้อเล่น"
รัตนาวดีมองหน้าท่านดนัยยิ้มๆ
"เธอพูดอย่างกับเธอจะ surprise อะไรฉัน"
ท่านดนัยนิ่งคิด อยากสารภาพมาก ท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม
"ถ้ากระหม่อมทำจะทรงกริ้วไหมกระหม่อม"
รัตนาวดียิ้มๆ
"มันก็ต้องแล้วแต่ว่าเรื่องอะไร"
ท่านดนัยวัฒนามองรัตนาวดีนิ่งพยายามตัดสินใจ
วันใหม่ ในโรงพยาบาลที่วิมลฝึกงาน ที่ลอนดอน นพเดินคุยอยู่กับวิมล
"ท่านหญิงไม่ได้ทรงเขียนจดหมายมาอีกเหรอ" นพถาม
"ช่วงนี้ท่านเงียบๆ ไปค่ะ...ไม่รู้คุณประพัทธ์ไปแล้วเป็นยังไงกันบ้าง..ฉันว่าท่านคงสนุกเลยไม่ได้ทรงบ่นอะไรมา"
นพหัวเราะ
"หรือไม่ก็ทรงรู้สึกยุ่งยากจนไม่รู้จะเขียนมาบอกอะไร"
"คุณประพัทธ์เค้าก็ดีนี่คะ...เค้าก็คุ้นเคยกับท่านหญิงมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย...คงเที่ยวกันสนุก"
"ผมว่าความต้องการของเขาไม่ใช่แค่ไปเที่ยวอย่างเดียวละมัง"
จูนเดินอยู่ไกลๆ ที่โรงพยาบาล วิมลหันไปเห็น
"นั่นจูนนี่คะ...ทำไมหมู่นี้เห็นเค้ามาโรงพยาบาลบ่อยๆ"
นพหันไปมอง
"ผู้หญิงที่เคยควงกับประพัทธ์น่ะเหรอ"
จูนเดินมาเห็น นพ กับ วิมล ก็สะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ เดินไปอีกทาง แต่พอเดินไปได้หน่อยก็หยุดคิดหันกลับมามองวิมล กับ นพ สีหน้ามีความทุกข์....
จูนนั่งน้ำตาไหลเงียบๆ วิมลอ่านผลการตรวจร่างกายของจูน มีนพนั่งอยู่ข้างๆ วิมลเงยหน้ามองด้วยความเห็นใจ
"กี่เดือนแล้วคะ"
"สามเดือนกว่าแล้วค่ะ"
"แล้วประพัทธ์รู้หรือยังครับ"
จูนพยักหน้า พยายามกลั้นสะอื้น
"เค้ารู้...แต่เค้าก็รีบไปหาท่านหญิง...เค้ารักท่านหญิงมาก เค้านัดกันใช่ไหมคะ...ฉันอยากรู้แค่นั้น...จะได้รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับตัวเองดี"
"ท่านหญิงท่านก็ชวนเพื่อนทุกคนค่ะ...ไม่ได้เจาะจงพี่ประพัทธ์ เราสองคนก็อยากไป...แต่ติดเรื่องเรียนจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันก็ตามเสด็จท่านหญิงไปแล้"
จูนสีหน้าไม่พอใจ
"ฉันคิดว่าคุณสองคนอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ว่าสองคนนั่นเค้าชอบกัน หรือคุณอาจจะรู้....แต่ไม่อยากบอกฉัน"
นพมองหน้ากับวิมล
"ใจเย็นๆ ก่อนครับ...ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณตอนนี้ดี ท่านหญิงไม่ได้โปรดประพัทธ์อย่างที่คุณเข้าใจ...ท่านให้เกียรติที่ประพัทธ์เป็นรุ่นพี่ท่านเท่านั้น"
"ฉันยืนยันได้ค่ะ...ฉันโตมากับท่าน...รู้ทัยท่านดี ตอนที่ท่านมาถึงที่นี่ ท่านยังไม่ติดต่อไปหาพี่ประพัทธ์
เลย…แต่ไปเจอกันโดยบังเอิญ"
จูนสีหน้าเป็นทุกข์มาก
"ฉันคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี...ฉันไม่อยากเอาเด็กออก"
วิมลตกใจ
"อย่านะคะ...ลูกเราทั้งคน...บาปกรรมมากด้วย"
จูนสะอื้น "พ่อแม่ฉันต้องผิดหวังมากแน่ๆ...ไหนจะเรื่องเรียนอีก"
"เรื่องเรียนดรอปไว้ก่อนก็ได้...แต่เรื่องสำคัญคุณต้องคุยกับประพัทธ์ให้รู้เรื่อง"
จูนร้องไห้
"เค้าไม่ยอมฟัง...เขาวิ่งหนีไปเลยด้วยซ้ำ"
นพ กับ วิมล มองจูนอย่างสงสาร...
วิมลเดินคุยกับ นพ สีหน้าเป็นทุกข์ทั้งสองคน
"เชื่อไหมผมไม่แปลกใจเรื่องนี้เลย...เห็นท่าทางนายประพัทธ์แล้วรู้เลยว่าต้องมีวันนี้"
"วันที่เขาวิ่งตามท่านหญิง หรือ วันที่รู้ว่าจูนท้องล่ะคะ"
"ก็ทั้งสองอย่างนะแหล่ะ."
"น่าสงสารจูน...จะโดนนายประพัทธ์หลอกเอาหรือเปล่าก็ไม่รู้ใจร้ายจริงๆ"
"ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง...เป็นผู้หญิงอยากมาเรียนเมืองนอก...ถ้าไม่ระวังตัวระวังใจให้ดีก็...เสียคน คนที่น่าสงสารนะ พ่อแม่จูนมากกว่า"
"เราหาทางช่วยจูนดีไหมคะ...รีบเขียนจดหมายไปทูลท่านหญิง"
"แต่มีบางอย่างที่ผมนึกกลัว"
วิมลมองหน้านพ
"เรื่องอะไร...อย่าบอกนะว่าคุณนพกลัวท่านหญิงกับนายประพัทธ์จะ…."
"ชอบกัน"
วิมลหยุดเดิน สีหน้าเป็นทุกข์มากขึ้น พูดอย่างโวยวาย
"ไม่เอาหรอก...นายประพัทธ์ไม่เห็นเหมาะสมกับท่านหญิงซักนิด..ฉันว่าท่านหญิงไม่มีวันโปรดนายประพัทธ์แน่ๆ"
นพหัวเราะ
"เมื่อก่อนละ พี่ประพัทธ์อย่างนั้นอย่างนี้...ตอนนี้เป็นนายประพัทธ์ซะแล้ว"
"ฉันต้องรีบเขียนจดหมายไปทูลท่านหญิงดีกว่า....โทรเลขดีกว่า จดหมายมันช้าไป...คิดแล้วใจไม่ค่อยดีเลย...กลัวท่านหญิงไปเผลอใจอ่อนกับนายประพัทธ์"
นพนิ่งคิด
"คุณก็กลัวว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม"
วิมลร้อนใจ แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเอง...
"แหม…ไปเที่ยวกันสองคน...มองกันไปมองกันมา...แต่ท่านหญิงท่านคงไม่โปรดหรอกนะ...คุณสร้อยอยู่ทั้งคน...ไม่ต้องห่วงหรอก"
"แล้วถ้าคุณสร้อยเกิดถูกใจนายประพัทธ์ล่ะ"
วิมลมองหน้านพนิ่ง
"ไม่นะ...ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย...ฉันจะรีบส่งข่าวท่านดีกว่า"
"แล้วคุณจะทูลท่านหญิงว่ายังไง...ให้บอกประพัทธ์กลับด่วน จูนท้อง...อย่างนั้นเหรอ...ถ้าเค้าไม่ยอมรับล่ะ ท่านหญิงจะทรงกริ้วเราหรือเปล่าที่เอาเรื่องไม่จริงไปทูล"
วิมลคิดหนัก....
ท่านดนัยเดินออกจากห้องนอน ประพัทธ์เดินกลับเข้ามา ด้วยท่าทางโทรมเพราะไปเสียพนันมาจากคาสิโน ผมยุ่งเหยิงสีหน้าโกรธแค้น ท่านดนัยเดินผ่านแบบไม่สนใจ ประพันธ์หันไปเรียก
"ขยันแต่เช้านะแก"
ท่านดนัยหันไปมองหน้าไม่ตอบ
"นี่…ฉันพูดกับแกหูหนวกหรือไง...เป็นขี้ข้าก็เจียมกะลาหัวซะบ้าง"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"ผมว่าคุณรีบไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่า...ท่านหญิง กับคุณสร้อยอยู่ในห้องอาหาร...อีกสักครู่เราก็จะออกเดินทาง"
ประพัทธ์ชี้หน้าท่านดนัย แล้วเดินไป
"อย่าเสือกปากสว่างล่ะ"
ท่านดนัยไม่พอใจ...
อ่านต่อหน้า 4
รัตนาวดี ตอนที่ 10 (ต่อ)
บนถนนทางไป Lauterbrunnen ณ หมู่บ้านน้ำตก Staubbachfall เป็นถนนที่มีวิวธรรมชาติงดงามมาก ท่านดนัยเป็นคนขับรถ ประพัทธ์นั่งข้างๆ ประพัทธ์เปลี่ยนชุดแล้ว แต่นั่งหลับมาตลอดทาง โอนเอนไปมาจนแทบจะไปซบบ่าท่านดนัย ป้าสร้อยมองอย่างขวางๆ
"คุณประพัทธ์เค้าไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา"
"เมื่อวานตอนเย็นหญิงเห็นเค้าแต่งตัวโก้เดินไปคาสิโน"
ป้าสร้อยตบอก
"ตายจริง...คนดีๆ ไหงไปที่ยังงั้นล่ะ"
ท่านดนัยบอก "คนที่ไปคาสิโนส่วนใหญ่ก็เล่นกันสนุกๆ ครับ…อาจจะเหงาก็เลยไปหาที่สนุกบ้าง"
ป้าสร้อย
"อย่ามาทำพูดออกรับแทนหน่อยเลย...เนี่ยะ" สร้อยเอามืออุดจมูก "ป้าว่าได้กลิ่นเหมือนละมุดตั้งแต่ออกรถแล้วนะ...มาจากประพัทธ์แน่ๆ"
"ละมุดอะไรคะ...ที่นี่มีละมุดขายด้วยเหรอคะ"
ท่านดนัยกลั้นหัวเราะ ป้าสร้อยด้วย
"หมายถึงกลิ่นเหม็นสาปคนที่กินเหล้าเยอะๆ เพคะ"
"ถ้าอย่างนั้นหญิงก็ได้กลิ่นเหมือนกันค่ะ"
"แล้วนี่เค้ากลับมากี่โมง...นายเล็ก"
ท่านดนัยอึกอัก
"เอ้อ"
"บอกมาเดี๋ยวนี้นะ"
"เมื่อเช้าก่อนออกมากระหม่อม"
ป้าสร้อยทำหน้าดูถูก
"มิน่า…ถึงสลบไลลไม่ได้สติขนาดนี้....เอ...ทั้งเหล้า..ทั้งพนัน..จะหล่อจะรวยยังไงก็ไม่ไหว"
ป้าสร้อยทำหน้าผิดหวัง รัตนาวดียิ้มๆ
ท่านดนัยวัฒนาพารัตนาวดี กับ ป้าสร้อย มายืนดู น้ำตก Staubbachfall ที่เมือง Lauterbrunnen
"ไม่คิดเลยว่าสวิสจะมีน้ำตกหลายแห่ง"
"น้ำตกพวกนี้ส่วนมากมาจากหิมะที่ละลายมาตามสายธารน้ำตกบนภูเขากระหม่อม...แต่น้ำตกอันนี้เกิดจากแม่น้ำ Lutschine"
"หน้าผานี่สูงจริงๆ" ป้าสร้อยบอก
"ประมาณ 300 เมตร ครับ"
รัตนาวดีมองหน้า กับ ป้าสร้อย ยิ้มๆ
ท่านดนัยกำลังเอาปลาแฮริ่งดองชุบไข่ทอดในกระทะ...หม้อข้าวต้มวางอยู่ใกล้ๆ ป้าสร้อยกำลัง
ผ่ามะนาวใส่ถ้วยแล้วเอาพริกป่นใส่ รัตนาวดีเดินเข้ามาดู
"หอมจังเลย...เหมือนปลาเค็มชุบไข่ทอดเลย"
ท่านดนัยยิ้ม
"เป็นปลาแฮริ่งดองกระหม่อม พอจะแทนกันได้"
"ไปจำมาจากไหนกัน....เข้าทีมาก" สร้อยบอก
"คุณสร้อยจำไม่ได้เหรอครั"
ป้าสร้อยทำท่านึก
"เออ…นึกไม่ออก...แต่คุ้นๆ อยู่เหมือนกัน"
"ผมก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าหลวงท่านทรงเล่าไว้ในพระราชนิพนธ์ไกลบ้านไงครับคุณสร้อย"
ป้าสร้อยดีใจมาก ยกมือตีเข่าฉาดใหญ่
"วิเศษจริงนายเล็ก...ใช่จริงๆ ด้วยซิ...แหม..พระพุทธเจ้าหลวงท่านทรงพระปรีชาช่างดัดแปลงเสียจริงๆ"
รัตนาวดีหัวเราะ
"ได้ตามรอยเสด็จอีกแล้วนะคะ"
ท่านดนัยเอาจานปลาเค็มที่ทอดแล้วมาวางตรงหน้าป้าสร้อย กับ รัตนาวดี ป้าสร้อยเอาน้ำมะนาวที่มี พริกป่นราดบนปลา
"น้ำลายจะหกซะให้ได้...หายคิดถึงบ้านละวันนี้"
ท่านดนัยตักข้าวต้มให้ป้าสร้อย กับ รัตนาวดี
"ตักของตัวเองมาทานด้วยกันนะนายเล็ก"
"ใช่..มานั่งเลย..มากินด้วยกัน"
ป้าสร้อยแบ่งปลาทอดใส่จานให้รัตนาวดีต่างหาก...ท่านดนัยเอาผักดองใส่ถ้วยมาวาง
"แล้วเราไม่ไปเรียกประพัทธ์มาทานด้วยกันเหรอ"
ป้าสร้อยทำหน้าเซ็ง..มองหน้ากับท่านดนัย..
ท่านดนัยเดินมาที่รถ เปิดประตูรถด้านที่ประพัทธ์นั่ง ประพัทธ์ยังหลับหมดสภาพไม่รู้เรื่อง กรนดังสนั่น...ท่านดนัยเดินมาเขย่าตัว
"คุณประพัทธ์....คุณประพัทธ์...ตื่นได้แล้ว"
ประพัทธ์ยังกรนหลับไม่ยอมตื่น ท่านดนัยเขย่าแรงขึ้น
"ประพัทธ์….ตื่นได้แล้ว"
ประพัทธ์ยังไม่ยอมตื่น ท่านดนัยจึงใช้มือดีดที่หูของประพัทธ์เต็มแรง แล้วรีบเดินหนีไป
ประพัทธ์สะดุ้งตื่น แต่สีหน้ายังงัวเงีย..มองไปรอบๆ อย่างงงๆ ยกมือคลำหูที่โดนดีด...
ท่านดนัยกำลังเก็บจาน มีรัตนาวดีคอยช่วย
"ป้าติดใจฝีมือข้าวต้มของนายเล็กใหญ่เลย"
ท่านดนัยหันมายิ้ม
"กระหม่อมอ่านในหนังสือไกลบ้านแล้วก็นึกอยากทานเหมือนกันกระหม่อม"
"แล้วไปซื้อข้าวสารกับพริกป่น...อะไรต่ออะไร ที่ไหนมา"
"เมื่อวันที่เรามาถึงหม่อมเห็นร้านคนจีนเล็กๆ อยู่ร้านหนึ่ง"
รัตนาวดีทำท่าคิดได้
"อ๋อ..เธอก็เลยขอไปซื้อของพวกนี้นี่เอง"
"ที่โลซานน์ระหว่างรอฝ่าบาทประทับเรือกลับมา กระหม่อมก็ไปได้หม้อ กับ กะทะปิคนิคมาจากร้านแถวๆ โรงแรมที่เราพักกระหม่อม"
ท่านดนัยหันมายิ้ม รัตนาวดีมองท่านดนัยอย่างซึ้งใจ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน
"แล้วตั้งแต่มาด้วยกันนี่เคยได้ของของตัวเองบ้างไหม"
ท่านดนัยชะงัก ป้าสร้อยที่กำลังช่วยเก็บจานใส่ตะกร้านั่งมองอยู่นานแล้ว
"ท่านหญิง...มาทรงทำนี่ดีกว่า...หม่อมฉันจะไปช่วยนายเล็กเองเพคะ"
รัตนาวดีตอบกลับไป
"ไม่เป็นไรค่ะ...ใกล้เสร็จแล้ว"
ประพัทธ์เดินโซเซมานั่งใกล้ๆ ป้าสร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ป้าสร้อยหันไปมอง
"อ้าว…วิญญานกลับเข้าร่างแล้วเหรอจ้ะ"
ประพัทธ์ยิ้มแหยๆ พยายามแก้ตัว
"สงสัยน้ำในหูไม่เท่ากันครับ...เวลาขึ้นมาที่สูงๆ แล้วผมมักจะเวียนหัว เพลียแบบนี้"
"น้ำในหูไม่เท่ากันก็เอาน้ำกรอกอีกข้างให้มันเท่ากันสิจ้ะ...แหมนึกว่าไปเสียเงินในบ่อนหมดตัวเลยเมากลิ้ง"
ประพัทธ์สะดุ้ง ยิ้มเรี่ยราด รัตนาวดี กับ ท่านดนัยเดินกลับมา
"ใครบอกอะไรอย่างนั้นครับ...นายเล็ก...ไปบอกอะไรคุณป้าให้มาเข้ามาเข้าใจฉันผิดอีกล่ะ"
"นายเล็กเค้าไม่ได้พูดอะไรค่ะ"
พอรัตนาวดีเข้าข้างท่านดนัย ประพัทธ์ก็ยิ่งโมโห...
"ไม่จริง...หม่อมไม่เชื่อ"
ประพัทธ์ลุกขึ้นยืนชี้หน้าท่านดนัย
"ไม่ใช่ลูกผู้ชายนี่หว่า...แทงกันข้างหลัง"
"ไม่มีใครพูดถึงคุณหรอก...ท่านหญิงรับสั่งถามผมก็ตอบไปตามที่เห็น...เราเดินทางมาด้วยกันแค่นี้...ใครทำอะไรก็สมควรให้คนที่มาด้วยกันรู้ด้วย เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครจ้องจับผิดคุณนอกจากคุณจะไปทำอะไรที่ไม่เหมาะสมเอง"
ประพัทธ์โมโหมากเสียงดัง รัตนาวดีมองประพัทธ์อย่างนึกไม่ถึง
"ฟังมันท่านหญิง...มันเป็นใครกันเนี่ยะ...ทำเป็นทะลึ่งมาสอนกระหม่อม"
ป้าสร้อยลุกขึ้นยกมือห้ามทัพ
"พอที…พอที…อย่าทำให้เสียบรรยากาศหน่อยเลยน่า... โตๆ กันแล้วพูดจากันดีๆ กันหน่อยได้ไหม...เรื่องไม่เป็นเรื่อง"
รัตนาวดีเดินหนีไปอีกทาง
รัตนาวดียืนมองธรรมชาติที่สวยงาม แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย...ประพัทธ์ค่อยๆ เดินมาหาทำท่าสำนึกผิด รัตนาวดีหันไปมอง
"พี่ขอโทษค่ะ...พี่คงไม่ค่อยสบายด้วย..ก็เลย..."
"เราไม่ควรใช้คำพูดหยาบคายกันนะคะ...ฉันก็ไม่ใช่จะมานั่งถือยศถือเกียรติอะไร แต่ถ้าคำหยาบเป็นใครก็ไม่ไหว"
ประพัทธ์อาย แต่ก็พยายามกลบเกลื่อน
"ท่านหญิงก็ต้องให้ความยุติธรรมกับพี่...พี่รู้นะ..นายเล็ก มันไม่ไม่ชอบขี้หน้าพี่นานแล้ว...ท่านหญิงก็ทรงเห็น...พี่อุตส่าห์ดีกับมัน"
"คำว่ามัน...ไม่ควรใช้กับคนนะคะ...หญิงคิดว่าเราควรจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน...นายเล็กนะ ถึงเค้าจะเป็นแค่มหาดเล็กแต่เค้าก็มีการศึกษาที่ดี...แล้วฉันก็เห็นว่าเค้าทำดีกับคุณมาตลอด"
"มันทำดีเวลาอยู่ต่อหน้าท่านหญิงนะซิ...อย่าให้พูดเลย"
ประพัทธ์โมโห แต่พยายามข่มไว้
"เอาละค่ะ..ยังไงๆ ก็ต้องเดินทางไปด้วยกันอีก ถือว่าหญิงขอร้องก็แล้วกัน"
รัตนาวดีเดินกลับไป ประพัทธ์แค้น...
ภายในรถ เห็นความตึงเครียดที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากการทะเลาะกันของท่านดนัยกับประพัทธ์
รัตนาวดี ไม่มองชายหนุ่มทั้งสองเลย เอาแต่มองวิวด้านนอก เห็นรถวิ่งผ่านถนนสวยงาม พระอาทิตย์กำลังตกลับหลังเขา
ยามเช้าที่ลอนดอน วิมลเดินคุยมากับเพื่อนที่เป็นนักเรียนพยาบาลฝึกงานเหมือนกันมาตามทางเดิน วิมลหันไปเห็นจูนนั่งอยู่คนเดียวที่ม้านั่งในสวนโรงพยาบาล วิมลดูก็รู้ว่าจูนกำลังร้องไห้ วิมลจึงขอตัวจากเพื่อนเดินมาหาจูน
"คุณจูนคะ"
จูนเงยหน้ามองวิมล สีหน้าเป็นทุกข์เต็มไปด้วยน้ำตา วิมลรู้สึกสงสารมาก จูนพยายามรีบเช็ดน้ำตาวิมลลงนั่งใกล้ๆ จับแขนจูนไว้อย่างปลอบโยน
"เป็นไงบ้างคะ...หมอบอกว่าอย่างไรบ้าง...มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เลยนะ"
จูนร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น ผวาเข้าไปกอดวิมลแน่น วิมลเองก็น้ำตาคลอด้วยความเห็นใจ...
ในร้านอาหารน่ารักที่ลอนดอน วิมลเลื่อนจานอาหารให้ และ รินนมให้จูนอีกแก้วใหญ่
"ฉันว่าคุณดูผอมไปนะ...ต้องบำรุงเยอะๆ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องอื่น...ต้องเห็นแก่ลูก"
จูนน้ำตาร่วง
"ฉันไม่น่าปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างนี้เลย....ไม่น่าเลยจริงๆ"
จูนสะอื้นน้อยๆ พยายามเช็ดน้ำตา...
"แล้วประพัทธ์ติดต่อมาบ้างไหม"
จูนส่ายหน้า น้ำตาร่วงอีก
"ไม่เลยค่ะ...หายเงียบไปเลย...ฉันจะทำยังไงดีคะ...พ่อกับแม่ก็อยากให้กลับไปเที่ยวบ้านตอนปิดเทอม ฉันเป็นทุกข์เหลือเกิน...ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครดี"
วิมลบีบมือจูนอย่างเห็นใจ จูนร้องไห้สะอึกสะอื้น วิมลถอนใจ...ตัดสินใจ
"มาหาฉันบ่อยๆ ก็ได้…ถ้าฉันว่างฉันจะไปหาคุณก็ได้ ฉันเอาใจช่วยขอให้คุณผ่านช่วงนี้ไปให้ได้นะ...พยายามอย่าอยู่คนเดียว หาเพื่อนคุยบ่อยๆ จะได้ไม่เหงา...ไม่คิดมาก"
"ฉันเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง...เป็นลูกคนเดียว...ฉันไม่ค่อยชอบไปคลุกคลีกับใคร...เลยไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก"
"แต่ก็มาสนิทกับประพัทธ์"
จูนหยุดร้องไห้ ยิ้มสมเพชตัวเอง
"พี่ประพัทธ์ช่วยจูนเรื่องยืมหนังสือหลายหน...เราก็เลยสนิทกัน"
"หรือเค้าอาจจะเห็นจูนหลอกง่าย...ขอโทษนะที่พูดแบบนี้ การมีเพื่อนนอกจากไม่เหงา...ทำให้เราได้เรียนรู้ทันคน แต่ก็ต้องเลือกคบเพื่อนนะคะ...เพื่อนบางคนก็ทำให้เราเดือดร้อน"
จูนร้องไห้อีก
"มันก็คงจริงค่ะ...จูนไม่เคยปรึกษาใครเรื่องพี่ประพัทธ์..ก็เลย…ไม่หนักแน่นพอ"
"ทานขนมก่อนเถอะค่ะ...ทานให้อิ่มก่อน จิตใจจะได้ดีขึ้น"
จูนมองวิมลอย่างรู้สึกดีขึ้น หยิบนมมาดื่ม
อ่านต่อตอนที่ 11