xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 11

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 11

สราญกรีดร้องดัง คนรับใช้วิ่งกันวุ่นวาย ทุกคนยืนหน้าแหยเอามืออุดหู สราญสติแตก
 
พังข้าวของ และรูปภาพ จนล้มเกลื่อน เหมือนคนเสียสติ ก่อนจะหมดแรง เป็นลมล้มพับ ภัทรกับภูมิประคองสราญมานอนที่โซฟา นิดรีบวิ่งเอายาดมมาให้ ภูมิคอยดูแลด้วยความห่วงใย พยายามเรียก
“คุณแม่ คุณแม่ครับ”.
ประกายฟ้า พวงศรี ประกันยืนอึ้ง ย่ามองสราญ ก่อนหันไปมองรามนรีด้วยความห่วงใย รามนรีหันไปมองไผทด้วยความหนักใจ

ประกายฟ้า พวงศรี ประกัน ออกมายืนหลบอยู่อีกมุม ก่อนก้มมองภาพถ่ายที่ถูกเหวี่ยงออกมาวางกองอยู่ตรงหน้า ในสภาพกรอบกระจกแตกกระจาย ประกายฟ้าหน้าเจื่อน
“นี่ตกลงเราแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยเหรอคะ”
“อย่าด่วนสรุปสิลูก”
“เห็นกับตาขนาดนี้ ยังจะสรุปไม่ได้ ยังไม่ชัดอีกเหรอคะ”
“เอาน่า โบราณเขาว่า สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร”
“อุตะ ฉันก็เพิ่งจะรู้วันนี้ ว่าคุณก็มีสมอง”
“อ้าว แล้วที่อยู่ๆ กันมา เธอเห็นฉันเป็นอะไร ไม่เห็นรึไงว่าฉันฉลาดจะตาย”
“จ้า เป็นพระคุณมาก ที่ฉันได้มีโอกาส เห็นความฉลาดของคุณก่อนตาย”
ประกายฟ้ามองพ่อกับแม่ จิกกัดกัน ถอนใจ เซ็ง พวงศรีเพ่งมองภาพ
“เอ เหมือนเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนน้า หน้าคุ้นมาก”
“เราเพิ่งจะบินกลับมายังไม่ได้เจอหน้าใครแล้วจะคุ้นหน้าได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะแม่”
“ใช่ลูกใช่”
“ก็ได้ๆ ไม่คุ้นก็ไม่คุ้น”
“แล้วตอนนี้ความหวังเดียวของหนูก็กำลังจะพังทลาย หนูซีเรียสมากเลยนะคะ”
“หือ ก็อย่าไปซีเรียสอย่าไปสนใจเรื่องไร้สาระสิลูก ของอย่างนี้มันอยู่ที่คุณสราญ”
“แล้วนี่ เราควรจะทำยังไงกันต่อดี”
“ใจเย็นๆ ลูก เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขา หนูมีหน้าที่แอ๊บกุลสตรีไว้ให้ดี แล้วเราก็หลบดูลาดเลาอยู่ตรงนี้น่ะดีแล้ว”
“ใช่ เราต้องวางฟอร์มสูง รอดูท่าทีเขาก่อนว่าจะเอายังไงแล้วค่อยสรุปอีกที”
ประกายฟ้าพยักหน้า หนักใจ

รามนรีแอบสังเกตกลุ่มประกายฟ้าจนมั่นใจว่าจำเธอไม่ได้แน่ ก็ถอนใจโล่งอก
“ไปช่วยเจ้าภูมิมันหน่อยสิแม่เดือน”
รามนรีเข้าช่วยไปภูมิดูแล บีบนวดแขนให้สราญ สราญรู้สึกตัว ลืมตาโพลง มองเห็นหน้าภูมิกับรามนรี ก่อนปัดมือภูมิออก จนยาดมกระเด็น
“อุ้ย คุณแม่”
สราญรีบลุกขึ้นนั่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง หันมาผลักรามนรีกระเด็นไปอีกคน
“นังผู้หญิงใจแตก ออกไปให้ไกลๆ อย่าเอามือสกปรกของแก มาแตะต้องตัวฉัน”
ย่ามองไม่พอใจ ภูมิตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคองรามนรีเอาไว้
“นี่เธอทำอะไร ทำไมเสียมารยาทขนาดนั้นนะแม่สราญ”
“ก็หนูโมโหนี่คะ”
ย่ากำมือแน่นระงับอารมณ์ สราญไม่สนใจ ร้องหาประกายฟ้า
“หนูฟ้าล่ะ หนูฟ้าอยู่ไหน”
ประกายฟ้าเดินเข้ามาพร้อมกับพวงศรี และประกัน

“หนูอยู่นี่ค่ะคุณแม่”

ประกายฟ้าโผเข้าไปหาสราญ จับมือมองหน้าด้วยแววตาห่วงใย ภูมิแอบตะลึงในความสวยของประกายฟ้า
 
“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะคุณแม่”
“จ้ะจ้ะ แม่ไม่เป็นไรแล้ว บอกแม่มา ว่านี่มันคืออะไร”
“ก็ผมแต่งงานไงครับแม่”
ประกายฟ้ามองสราญหน้าเศร้าด้วยความผิดหวัง พวงศรีแสร้งตกใจ
“ก็ไหนคุณสราญกับคุณภัทร บอกว่าคุณภูมิยังโสดไงคะ”
“เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้ก็เห็นแล้วนี่ ว่าเขาไม่โสด”
พวงศรีกับประกัน มองย่าหน้าจ๋อย สราญหน้าเจื่อน รู้สึกเสียหน้า
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หนูเป็นแม่แท้ๆ ทำไมหนูไม่รู้เรื่องเลยล่ะคะคุณแม่ แล้วแม่นี่เป็นใคร มาจากไหนก็ไม่รู้ จู่ๆ จะมาจับลูกชายหนูได้ยังไง”
“ก็เขาแต่งกันไปแล้ว ใบทะเบียนสมรสก็โชว์หราอยู่นั่น แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“แล้วทำไมไม่ปรึกษาหนูก่อน คุณแม่ก็รู้ทั้งรู้ ว่าหนูเจรจาสู่ขอหนูฟ้าเอาไว้แล้ว และทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น เพราะหนูจะไม่มีวันยอมรับผู้หญิงคนนี้แน่”
“งั้นก็ต้องไปถามเจ้าลูกชายตัวดีของเธอเอาเองแล้วล่ะ ว่าทำไม”
“ไป ตาภูมิ ไปกับแม่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ภูมิหันไปจับมือรามนรีกะจะพาขึ้นไปคุยด้วยกัน สราญกระชากมือภูมิออกจากมือรามนรี มองหน้าเหี้ยม
“แกต้องไปคุยกับฉันคนเดียว แม่นั่นไม่เกี่ยว”
“แต่เขาเป็นเมียผม”
“แต่ฉันเป็นแม่แก แกต้องฟังฉันคนเดียวเท่านั้น”
รามนรียืนกุมมือก้มหน้าไม่กล้าสบตาสราญ ประกายฟ้าเศร้า
“งั้นเชิญคุณป้าคุยกับพี่ภูมิเถอะนะคะ หนูขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ”
สราญจับมือประกายฟ้า
“ไม่ต้องไปไหน เพราะคนที่จะไปไม่ใช่หนูฟ้า แต่เป็นแม่แมวขโมยนั่นต่างหาก”
ประกายฟ้าแสร้งทำหน้าเศร้า อึดอัดใจ มองย่ากับรามนรี ก่อนหันไปมองพ่อกับแม่ ที่ยิ้มมีชัย
“หนูฟ้ารอแม่อยู่ที่นี่ ขอเวลาแม่คุยกับลูกชายตัวดีสักครู่ เดี๋ยวแม่มานะ”
“ก็ได้ค่ะ”
“นิด แกดูแลแขกวีไอพีของฉันให้ดี อย่าให้มีขาดตกบกพร่องเด็ดขาด”
“ได้เลยค่ะ คุณสราญ”
ย่ามองสราญ พยายามระงับอารมณ์ กลัวของขึ้น ภูมิหันไปสบตาไผทเหนื่อยใจ ก่อนมองสงสารรามนรี
“ไปพวกเรา กลับ”
ย่าดึงมือรามนรี พยักหน้าให้ไผท กับคนรับใช้เดินตามไป
“ไปคุณภัทร”
ย่าดึงมือรามนรี สราญดึงมือภูมิ แยกกันไปคนละทาง ภูมิกับรามนรีหันไปสบตากันด้วยความห่วงใย

ภูมิเล่าเรื่องให้แม่กับพ่อฟัง สราญโมโหหูดับ มองภูมิเอาเรื่อง
“หา แกกล้าไปเอาเด็กกำพร้าที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า มาเป็นสะใภ้ฉันงั้นเหรอ”
สราญทั้งหยิกทั้งตี ก่อนหันไปหยิบหมอนบนเตียงมาฟาดภูมิไม่ยั้ง
“แก ไอ้กะล่อน ไอ้ตัวดี ไอ้ใฝ่ต่ำ แกทำให้ฉันเสียหน้าและเสียหายที่สุดในชีวิต”
“โอ๊ยๆ ฟังผมก่อนสิครับคุณแม่”
“ไม่ฟัง ฉันจะต้องเอาเลือดหัวของแกออกให้ได้ มันถึงจะสะใจ ถึงจะสาสม”
ภูมิวิ่งหนีสราญไปรอบห้อง ก่อนวิ่งไปหลบที่ด้านหลังภัทร สราญฟาดทุกอย่างไปที่สองพ่อลูก ภัทรโดนลูกหลงจนน่วม
“เฮ้ย หยุด คุณ หยุดก่อน”
สราญไม่สนใจ หวดต่อด้วยความโมโห ภัทรเอามือปัดป้อง ก่อนรวบตัวสราญแล้วกอดล็อคไว้ ต่างคนต่างหอบ
 
ภูมิหยุดยืนหอบ โล่งใจ

ประกายฟ้านั่งหน้าเครียด พวงศรีกับประกัน หันมามองหน้ากันครุ่นคิด นิดยิ้มร่ายกแก้วน้ำมาวางไว้ให้ทุกคน
 
“เชิญดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะ”
นิดจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะหนู”
“มีอะไรให้รับใช้เหรอคะ คุณแม่ยายคุณภูมิ”
“โอ๊ะ น่ารักที่สุดเลยอ่ะ คุณแม่ยาย คำนี้เก๋มากๆ”
ประกายฟ้ากับประกัน หันไปมองหน้ากัน ก่อนหันไปมองปรามพวงศรี ให้หยุด
“คือฉันอยากจะรู้ว่า ภรรยาคุณภูมิเธอเป็นใคร แล้วมาแต่งงานสายฟ้าแล่บอย่างนี้ได้ยังไง”
“ด้วยความยินดีเลยค่ะ”
“แต่ถ้าฉันรู้ว่า เขารักกันและมาด้วยความถูกต้อง ฉันก็จะขอเป็นฝ่ายไป จะไม่มีวันยอมให้น้องฟ้า มากินน้ำใต้ศอกใคร ให้เสียชื่อแน่”
“โถๆๆ ทำไมคุณแม่ยาย ถึงได้เป็นคนประเสริฐอย่างนี้คะ”
“คนเข้าหาธรรมมะ ก็เป็นอย่างนี้แหละจ้ะ ต้องรู้จักปลง”
ประกันแอบทำหน้าขยะแขยงพวงศรี นิดรีบคลานเข้าไปนั่งใกล้ๆ ป้องปาก เล่าเรื่องราวให้ทุกคนฟัง พวงศรีกับประกันนั่งฟังนิดตีข่าวใส่ไข่ จริงบ้างเท็จบ้าง ด้วยสีหน้าและแววตาหลากหลายอารมณ์ นิดยิ่งสะใจ ประกายฟ้ายิ่งฟัง ยิ่งหนักใจ

ย่าเดินหัวเสีย มาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ไผทกับรามนรีตามมานั่งข้างๆ บุญปลูก เภา ถวิล นั่งรวมกันอยู่
“เห็นฤทธิ์ แม่สราญ บานตะไทของฉันรึยังล่ะ ว่าหล่อนร้ายกาจแค่ไหน”
“หันไปสบตาไผท ก่อนหันไปยิ้มแหย ให้ย่า
“แหม ปลูกล่ะหมั่นไส้อีนังนิด ทำเป็นเบ่งเหลือเกิน”
“ใช่ ยิ่งคุณสราญ สั่งให้เฝ้าชะเลียแขกของเจ้านาย มันยิ่งได้ใจใหญ่”
“อย่าไปว่าเขาเลยแม่เภา นั่นมันงานถนัดของแม่นิดเขา แล้วคุณสราญก็ถือหางเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมยังไม่ชิน”
เภาเบ้ปากค้อนใส่
“ใครจะถือหางใคร ใครอยากจะทำอะไรก็ช่างหัวมัน ถ้าเราดีเสียอย่าง ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ในเมื่อความจริง มันก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ จริงไหมไหมแม่เดือน”
รามนรีสะดุ้ง รู้สึกผิด ไม่กล้าออกความคิดเห็นอะไร นอกจากยิ้มแหยให้ย่า ไผทมองรามนรีด้วยความเห็นใจ รีบชิงตอบให้
“จริงครับคุณย่า”
“นี่แม่เดือน หน้าสิ่วหน้าขวาน จะมามัวแต่ยิ้มหวานไม่ได้นะ ขืนทำอย่างนี้ แม่สราญจะยิ่งได้ใจ เขาจะยิ่งไล่ต้อนเราตายเลย”
“แต่หนูเป็นเด็ก หนูไม่กล้าไปเถียงผู้ใหญ่”
“แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เราก็ต้องปกป้องตัวเอง ต้องพูดให้เขาเข้าใจ ส่วนเขาจะคิดยังไงก็เป็นอีกเรื่อง”
“ค่ะ คุณย่า”
“เป็นห่วงคุณเดือนของเราจัง กลัวว่าจะสู้คุณประกายฟ้าประกายดินนั่นไม่ได้”
“ใช่ ดูหน้าตาแต่ละคน ก็รู้เลย ว่าร้ายแน่ๆ แล้วคุณสราญยังถือหางสุดๆ”
“ไม่ว่าจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่ต้องไปกลัว เพราะพวกเราจะอยู่ข้างแม่เดือนเอง”
“ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่เมตตาหนู ใจจริงหนูไม่อยากทำให้ใครไม่สบายใจและเดือดร้อนกับเรื่องนี้เลย”
“ทำไงได้ นาทีนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดแล้วล่ะลูก”
“ผมว่าตอนนี้เรานิ่งไว้ก่อน รอให้คุณป้าสราญใจเย็นลง แล้วค่อยมาคุยกันอีกที ว่าจะเอายังไง ส่วนคุณยาย”
ทุกคนหันไปมองไผทเป็นตาเดียว
“อุ้ย คุณเดือน ก็อยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวผมจะรีบไปสืบข่าวบ้านโน้นดู”
“ดีลูกดี รู้เขารู้เรา รบกี่ครั้งเราก็ต้องชนะ”

ไผทรีบออกไป ย่ายิ้มเจ้าเล่ห์

ภูมิ สราญ ภัทร นั่งคุยกันอยู่ในห้องภูมิ
 
“แกรู้ใช่ไหม ว่าแกทำให้แม่เสียหน้ามากแค่ไหน”
“ผมต้องขอโทษครับ ที่ผ่านมาผมก็บอกคุณแม่ว่าผมมีคนของผมอยู่แล้ว ก็ไม่เคยฟังผมเลย”
“นี่แกยังไม่รู้ตัวเองรึไง ว่าแกเป็นคนไม่เอาถ่านเอาขี้เถ้ากับเขาสักอย่าง แล้วจะให้ฉันไว้ใจ ให้แกหาเมียเองได้ยังไง ก็บรรลัยสิ”
“โห เกิดเป็นผมนี่ ไม่มีอะไรดีเลยใช่ไหมครับ คุณแม่”
“ก็แหงสิ ลองคิดดูสิ ตั้งแต่แกเกิดมา แกเคยทำอะไรให้ฉันภูมิใจบ้าง”
ภูมิอึ้งมองแม่ รู้สึกน้อยใจ
“คุณก็พูดเกินไป คุณลืมไปแล้วหรือไง ว่าเราไม่ค่อยได้อยู่ดูแลเขา แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรให้เราเสียหายเขาไม่เคยติดยา หรือบ้าพนัน แค่นี้ก็น่าจะพอใจแล้ว”
ภูมิมองพ่อน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง
“แต่สำหรับฉันมันไม่พอ คนที่เกิดเป็นลูกฉัน ต้องทำตามที่ฉันต้องการ บอกมา ว่าระหว่างแม่กับแม่นั่น แกจะเลือกใคร”
ภูมิหันขวับมองแม่ด้วยความอึดอัด
“ถ้าแก เลือกแม่นั่น ฉันจะตัดหางปล่อยวัดแก”
“คุณสราญ คุณพูดกับลูกอย่างนี้ได้ยังไง”
“อย่าว่าแต่ลูก แม้แต่คุณ.ถ้าขัดใจฉันก็จะโดน”
สราญมองดุภัทรที่หลบตายืนหน้าจ๋อย
“อย่าเสียเวลา รีบบอกแม่มา ว่าแกจะยอมเลิกกับมันไหม”
“คือ ผม คือ”
ภัทรมองสงสารภูมิ พยายามคิดหาทางช่วย
“แต่ผมว่า ถ้าลูกเลือกคุณ แล้วคุณคิดว่าคุณแม่ท่านจะยอมเหรอ”
“นั่นมันก็เรื่องของแม่คุณ จะยอมหรือไม่ ฉันไม่สน”
“แล้วสมบัติของคุณแม่ล่ะ สนไหม”
สราญหันขวับไปมองหน้าภัทร
“คุณลืมไปแล้วรึไง ว่าคุณแม่ยังไม่ได้โอนสมบัติของท่านให้เราเลยสักกะบาท”
“เออ จริง ก็เพราะคุณนั่นแหละ ไม่ยอมบอกให้เขาโอนให้เสียที”
“คุณก็น่าจะรู้นิสัยคุณแม่ดี คนอย่างคุณแม่ใครจะไปสั่งท่านได้ ถ้าไปทำอย่างนั้น ท่านจะยิ่งจะไม่พอใจ ดีไม่ดี อาจจะยกมรดกให้มูลนิธิการกุศลจนเกลี้ยง แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น คุณรับได้ไหมล่ะ”
สราญรีบส่ายหน้า คิดเครียด
“จริงนะครับคุณแม่ ตอนนี้คุณย่าท่านรักเดือนฉายมาก แถมยังให้เครื่องเพชรชุดใหญ่ เป็นของขวัญวันแต่งงานกับเขาด้วยนะครับ”
“อุตะ ฉันเป็นลูกสะใภ้ เพชรเม็ดเท่าขี้แมลงวันฉันก็ยังไม่เคยได้เลย งั้นตอนนี้เราทำทุกอย่างให้ปกติ แล้วพรุ่งนี้แม่จะลองไปเจรจากับคุณย่าดู และไม่ว่าผลจะออกมายังไง แกต้องสัญญาว่าต่อไปนี้ แกจะต้องเชื่อฟังแม่ ทำตามที่แม่สั่งทุกอย่าง เข้าใจไหม”
ภูมิหันไปมองพ่อขอความคิดเห็น ภัทรรีบพยักหน้าให้ภูมิตามน้ำไปก่อน
“ก็ได้ครับ”
“เรารีบไปหาหนูฟ้า ไปปลอบใจเขา แล้วเราไปกินข้าวด้วยกันอย่างชื่นมื่น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โอเค”

สราญยิ้มร่ามองหน้าภูมิกับภัทร สองพ่อลูกจำใจยิ้มแหย พยักหน้า ยกมือทำท่าโอเคให้สราญ สราญ ยิ้มเจ้าเล่ห์

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 11 (ต่อ)

ทุกคนนั่งคุยกันหน้าเครียดในห้องรับแขก นิดคอยสังเกตการณ์ สราญพาภูมิกับภัทรเดินเข้ามานั่ง
 
ไผทเดินเข้ามายืนหลบมองอยู่อีกมุม ภูมิมองประกายฟ้าตาไม่กระพริบ ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้ สราญเหล่มองภูมิ แอบส่งซิกให้พวงศรี
“ขอโทษ น้องฟ้า กับคุณพ่อคุณแม่น้องฟ้าสิคะลูก”
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ดี”
ประกันยิ้มเจ้าเล่ห์
“เรื่องอย่างนี้ผู้ชายด้วยกันเขาดูออก คนเราก็ต้องมีผิดมีพลาดกันบ้างเป็นของธรรมดา จริงไหมครับคุณภัทร”
ภัทรสะดุ้งเฮือก
“คะ ครับ คงจะเป็นอย่างนั้นมั้งครับ เพราะผมก็ไม่เคยเหมือนกัน”
“โทษที ผมลืมไป ว่าคุณภัทรเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย”
พวงศรีเอาศอกถองประกัน
“ก็ใช่น่ะสิ ใครจะไปเหมือนคุณล่ะคะ )คุณภูมิไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องอย่างนี้เราจะไม่ฟังความข้างเดียว และเข้าใจว่าคุณภูมิไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุใช่ไหมคะ”
ภูมิอึกอักพูดไม่ออก
“จะอุบัติเหตุยังไง ก็ไม่ต้องไปสนใจ เรามาตั้งใจให้อุบัติรักกันดีกว่า ดีไหมลูก”
สราญยิ้มปลื้ม ดึงประกายฟ้าให้มานั่งข้างภูมิ
“มาน้องฟ้า มานั่งใกล้ๆ ให้พี่ภูมิ ได้ตัดสินใจ ว่าจะเลือกใครดีกว่านะลูก”
ประกายฟ้าทำตามอย่างว่าง่าย ยิ้มเอียงอาย เดินไปนั่งข้างภูมิ
“มองน้องฟ้าสิคะ สวย ใส ไร้ที่ติขนาดนี้ มันเป็นของดีที่แม่กับพ่อเฟ้นหามาให้โดยเฉพาะเลยนะคะลูก”
ภูมิได้สติ เริ่มอึดอัด อึกอัก
“แต่ผม”
“แม่จะให้เวลาตัดสินใจ แล้วรีบไปหาทางเลิกกับมัน ให้ไว”
ประกายฟ้าเริ่มมีกำลังใจ มองสราญยิ้มร่าด้วยความดีใจ ภูมิมองประกายฟ้า รู้สึกสับสน หน้ารามนรีก็ลอยมาสลับกับหน้าประกายฟ้า
“แต่เราจดทะเบียนกันแล้ว เราแต่งงานกันแล้วนะครับแม่”
“ก็แค่งานแต่ง ถ้าไม่พอใจจะจัดอีกสักกี่ร้อยรอบก็ได้ ส่วนเรื่องทะเบียนสมรสยิ่งไม่มีปัญหา จดได้ก็หย่าได้ ไม่แปลก ทุกอย่างมันอยู่ที่แก ว่าจะทำเพื่อแม่ได้ไหม ถ้าไม่ แม่จะถือว่าแกเป็นลูกอกตัญญู”
ภูมิมองหน้าพ่อ ก่อนมองแม่หนักใจ ประกายฟ้ายิ้มมีชัย ก่อนหันไปสบตาพ่อกับแม่
“เอาเป็นว่า แม่ไม่ยอมรับอีนังสะใภ้เถื่อนนั่นแน่ แล้วเดี๋ยวเราทำใจร่มๆ แล้วออกไปดินเนอร์ต้อนรับน้องฟ้า สะใภ้ตัวจริงของแม่กันดีกว่านะลูกนะ”
ภูมิรู้สึกสับสน และมึนงง พูดไม่ออก พวงศรีสะกิดประกายฟ้า ประกายฟ้ากอดแขนอ้อน
“นะคะพี่ภูมิ เราไปดินเนอร์ด้วยกันนะคะ”
“ก็ได้ครับ”
สราญเปิดกระเป๋าควักแบงค์พัน จ้างให้นิดเอาของแต่งงานที่ถูกสราญทำลาย ไปทิ้ง
“นังนิด เดี๋ยวแกช่วยเอาของไร้ค่าพวกนี้ไปทิ้งให้หมด อย่าให้เหลือซาก เข้าใจ”
นิดรับแบงค์พันไป ยิ้มสะใจ
“เข้าใจที่สุดเลยค่ะ คุณสราญ”
ไผทมองภูมิ ซึ่งส่งสายตาเจ้าชู้ให้ประกายฟ้า อย่างหนักใจ
“เอาอีกแล้ว หาเรื่องอีกแล้วไอ้ภูมิ ไอ้สมาธิสั้น ไอ้ความจำสั้น ไอ้ ไอ้”
ไผทเซ็งมาก

รามนรียังอยู่ในชุดเจ้าสาว นั่งคุยกับย่า ไผทเดินเข้ามา ย่ารีบถาม
“เป็นไงบ้างไผท”
“เขากำลังจะไปกันแล้วครับ”
“ไปไหน”
“ไปดินเนอร์ฉลองสะใภ้ ในส่วนของเขา”
“อ้าว แล้วเจ้าภูมิมันยอมไปเหรอ”
ไผทพยักหน้า
“เห็นคนสวยขนาดนั้น มันจะเหลือเหรอครับคุณย่า”
“หือ ไอ้หลานตัวแสบ เผลอแป๊บเดียวก็อ่อนยวบไปกับเขาซะแล้ว”
“เขาอาจจะไม่มีทางเลือกก็ได้ครับคุณย่า เพราะดูท่าคุณป้าแกไม่ฟังอะไร แถมยังจ้างให้นิด เอารูปเอาของอะไรต่อมิอะไรในงาน ไปทิ้งให้หมดไม่ให้เหลือซาก”
บุญปลูกกับเภา หันไปมองหน้ากัน ของขึ้น พยักหน้ารู้กัน รีบคลานหลบย่าออกไป ย่าโกรธ เลือดขึ้นหน้า
“เล่นแรงขนาดนี้เลยใช่ไหม นังปลูก นังเภา ไปจัดการมัน”
ย่าหันไปมอง ไม่เห็นใคร
“อ้าว แล้วมันไปไหนกันหมดแล้วเนี่ย”
“ไม่ทันแล้วครับคุณท่าน เพราะสองคนนั้นมันไปแล้ว”
“อืม ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ”

รามนรีหันไปสบตาไผทอย่างมีคำถาม

นิดเก็บของทิ้งด้วยความสะใจ หยิบรูปขึ้นมามอง หัวเราะเยาะ จะทิ้งลงไปในถุงดำ
 
“หยุดเดี๋ยวนี้นะอีนังนิด”
นิดชะงัก หันไปมอง เภาวิ่งมาแย่งรูปแต่งงานที่กรอบแตก แต่นิดไม่ยอม ทั้งคู่ยื้อกันไปมา บุญปลูกเดินเข้ามาแย่งรูปไปถือไว้ ส่งสัญญาณให้เภาจัดการ
“อีนิด อีนกร้อยหัว วันนี้มึงโดนแน่”
“ก็เอาสิวะ มึงมีมือคนเดียวรึไง”
เภากับนิด กระโดดเข้าใส่ ต่อสู้กัน ผลัดกันรุกผลัดกันรับ จนลงไปนอนที่พื้น เภาคร่อมตบนิด ย่า รามนรี ไผท ถวิล วิ่งตามเข้ามา ถวิลเข้าไปห้ามเภา ไผทวิ่งเข้าไปห้ามนิด แยกออกจากกัน
“พอได้แล้ว พอ”
“แม่ปลูกก็เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า ทำไมไม่ห้ามเขา”
“ก็ปลูกไม่ว่างนี่ค่ะ ถือนี่อยู่”
บุญปลูกชูภาพแต่งงานสภาพยับเยิน เภากับนิดยืนหัวยุ่งอยู่คนละมุม
“แม่นิด แกออกไปได้แล้วไป”
นิดตาขวางมองแค้นเภา ก่อนเดินออกไป เภาสลัดหลุดจากถวิล เดินไปโอบบุญปลูก พาเดินไปหารามนรียื่นรูปให้ บุญปลูกกับเภาน้ำตารื้น
“เราทำได้แค่นี้จริงๆ ค่ะ คุณเดือน”
รามนรียิ้มให้ด้วยความซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไร มันก็แค่ภาพถ่าย ถ้ามันเสียไป เดี๋ยวเราก็ถ่ายใหม่ได้ แต่น้ำใจของทุกคนที่มีให้ในวันนี้ จะไม่มีวันหายไปค่ะ”
“แต่น้ากับนังเภา มองว่านี่เป็นรูปสำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิง ก็เลยไม่อยากให้มันเสียหาย ไม่อยากให้ใครมาทำลาย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เสียเราก็ซ่อมได้นี่คะ ไม่ต้องห่วงนะ”
ย่ามองทุกคนซาบซึ้ง
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ ไอ้รูปนี่ถ้าอยากเก็บก็เก็บ ถ้าไม่อยากเก็บก็ทิ้งมันไป เดี๋ยวย่าทำใหม่ให้ แล้วเดี๋ยวแม่เดือนรีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว แล้วไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้ามีอะไรให้ไปบอกย่า”
“ค่ะ คุณย่า”
“งั้นพวกเราไปได้แล้ว ไป”
ย่าพาทุกคนเดินออกไป รามนรีหันไปมองภาพในมือ ก่อนมองที่ถุงขยะดำ ครุ่นคิด ไผทเดินเข้ามาหา
“คุณยาย”
“คะ”
“ถึงแม้ภาพนี้ จะเป็นแค่เรื่องหลอกๆ แต่ถ้าคุณเห็นมันมีค่าพอที่ควรจะจดจำ ผมอยากแนะนำให้คุณเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกเถอะนะครับ เพราะวันวานมันไม่มีทางหวนคืนมาได้ จะมีก็แต่ความรู้สึกในใจ และการจดจำ”
ไผทยิ้มให้ รามนรีถือภาพไว้ ครุ่นคิดหน้าเศร้า

ระพีกับศจี หิ้วกระเป๋า เดินเข้ามาหาวิรัชกับกองแก้ว
“จะกลับกันแล้วเหรอ”
“ค่ะคุณพ่อ มาที่นี่รู้สึกเพลิน แล้วเวลามันก็ผ่านไปเร็วมากๆ เลยล่ะค่ะ”
“งั้น ก็ต้องย้ายมาอยู่กับพ่อที่นี่แล้วล่ะ”
“หนูก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั่นค่ะ หนูลาเลยนะคะ คุณพ่อ น้าแก้ว”
“จ้ะ จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะลูกนะ แล้วอย่าลืมมาหาพ่อบ่อยๆ ล่ะ”
กองแก้วไม่พอใจแอบเบ้ปากใส่ ด้วยความหมั่นไส้
“ครับพ่อ แล้วผมจะพาศจีมาหาพ่อบ่อยๆ พ่อก็อย่าลืมรักษาสุขภาพให้ดี ใกล้ถึงวันแต่งงานของเรา ผมจะกลับมารับพ่ออีกทีนะครับ”
“ได้ลูกได้ แล้วพ่อจะเตรียมตัวเตรียมใจ และเตรียมทุกอย่างไว้ให้ อย่างสมศักดิ์ศรีของหนูศจีเลย ฝากความคิดถึงถึงคุณเจือจันทร์ด้วยนะ”
“ได้ค่ะคุณพ่อ”
“ผมไปนะครับพ่อ”
“โชคดีนะลูก ต้องขอโทษทีที่พ่อไม่สบาย เลยไปส่งไม่ได้ ให้น้าแก้วไปแทนนะ”
“ไม่เป็นไรครับพ่อ”
“รีบไปกันได้แล้ว แล้วอย่าลืมตามหาน้องล่ะ”
“ครับพ่อ ผมจะทำทุกทางเพื่อให้เขากลับมา”

“ไปกันได้แล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ”

วิรัชมองตามระพี ด้วยความรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงหนูเล็ก

รามนรียืนมองภาพที่ข้างเตียงในห้องนอนภูมิ
“ตกลงฉันควรจะจำ หรือลืมมันดี”
รามนรีเอาภาพมาวางไว้บนเตียง ทิ้งตัวลงนั่งมอง เอามือลูบไล้ภาพนั้นไปมา
“ฉันจะเก็บมันไว้ และขอจดจำการแต่งงานครั้งนี้ไว้ให้ลึกสุดใจก็แล้วกันนะคุณภูมิ รัตนบดินทร์”
รามนรีมองภาพแต่งงานด้วยแววตาอ่อนโยน

กองแก้วขับรถมาจอดที่ริมถนน แปลกใจ
“ให้น้าจอดทำไม เดี๋ยวน้าเข้าไปส่งข้างในจะดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจคุณน้าจะแย่ รีบกลับไปดูแลคุณพ่อเถอะนะครับ เดี๋ยวผมกับศจี เดินเข้าไปแค่นิดเดียวเอง จะได้ไม่เสียเวลาไปกลับรถ”
“เอางั้นเหรอคะ”
ระพีกับศจีเปิดประตูดึงกระเป๋าลง กองแก้วรีบลงจากรถมายืนคุย
“แล้วเรื่องบัญชี ตกลงจะเอายังไงคะ”
ศจีหันไปมองหน้าระพี ก่อนหันไปมองกองแก้ว กองแก้วยิ้มแหยคิดแก้ตัว
“ไม่มีอะไร น้าก็แค่ถามดู เผื่ออนาคต หนูศจีจะเข้ามาดูแล แล้วเราจะต้องให้คนเก่าเขาออก น้าจะได้เกริ่นกับเขาไว้ จะได้ไม่ผิดใจกัน”
“ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เราก็คงไม่จำเป็นต้องให้เขาออกหรอกครับ”
กองแก้วหน้าตื่น
“นี่แสดงว่าเขาทำอะไรผิดเหรอคะ”
ศจีอ้าปากจะบอก แต่ไม่ทัน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เขาทำงานดีมาก”
“งั้นก็โล่งใจไป เพราะถ้าเขาทำอะไรผิด ก็จะทำให้น้าต้องพลอยมัวหมองไปด้วย ขืนเป็นอย่างนี้ก็ไม่แฟร์ เพราะน้ารับเขามาทำงาน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“ผมเข้าใจครับ”
“จ้ะ จ้ะ งั้นน้าขอตัวกลับก่อนนะ เป็นห่วงคุณพ่อน่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับน้าแก้ว ฝากดูแลคุณพ่อด้วยนะครับ”
“จ้ะจ้ะ ไม่ต้องห่วงนะ”
กองแก้วยิ้มร่าเดินออกไปที่รถ แล้วรีบขับออกไป ศจีมองระพีงงๆ

รามนรีใส่ชุดแต่งงาน นั่งมองตัวเองที่หน้ากระจกเพื่อจดจำ
“เป็นเจ้าสาวแล้วไง สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นยาย ม่านแก้ว ตามเดิม”
รามนรีบีบครีมลงบนสำลี แล้วเอามาบรรจงเช็ดหน้า ล้างเครื่องสำอางออกจนหน้าเกลี้ยงเกลา แกะผม ที่ถูกเกล้าออกมา กลายเป็นสังกะตังจากสเปรย์ที่ถูกฉีด
 
เธอยืนมองภาพตัวเองที่กระจกในสภาพไร้เครื่องสำอาง และหัวสังกะตังอีกครั้งอย่างปลงๆ คว้าผ้าเช็ดตัวไป

ระพีลากกระเป๋าเดินนำหน้า ศจีลากกระเป๋าใบเล็ก วิ่งตามไปขวางหน้าไว้
 
“ไม่เข้าใจ ทำไมพีถึงไม่บอกความจริงกับน้าแก้วล่ะคะ ว่าเราเจออะไรในบัญชี”
“จะบอกเขาทำไม”
“อ้าว ก็เขาเป็นคนดูแลบัญชี เราก็น่าจะบอกเขาถึงความผิดปกติของบัญชีสิคะ”
“เราจะบอกให้เขารู้ตัวทำไม”
“พี หมายความว่า”
“ผมกำลังสงสัยเขา”
“แล้วทำไมพี ไม่ยอมบอกคุณพ่อเรื่องหนูเล็กโทรมา หรือว่า”
“ผมฟังจากหนูเล็ก บอกตามตรงว่าผมเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจคุณผสาน”
“แต่คุณพ่อ รักและไว้ใจเขามากนะคะ”
“ก็เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงไม่กล้าบอกความเคลื่อนไหวยัยหนูเล็กให้พ่อกับน้าแก้วรู้ เพราะคุณผสานจะต้องรู้ด้วย”
“แต่ศจีว่าคุณพ่อ เขาไม่ได้คิดร้ายกับหนูเล็กหรอกนะคะ”
“ผมรู้ แต่ผมกลัวว่าพ่อ จะถูกเขาหลอกอย่างหนูเล็กว่าน่ะสิ”
“คุณคิดมากไปรึเปล่าคะพี”
“อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ลึกๆ ในใจ ผมก็ยังมั่นใจว่าน้องผมไม่โกหกผมแน่”
ศจีพยักหน้าเข้าใจ
“ผมขอให้คุณเก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับ ผมจะไม่ฟังความใครข้างเดียว แต่จะค่อยๆ ดูเขาไป ว่ามันมีความน่าจะเป็นมากน้อยแค่ไหนแล้วค่อยว่ากัน”
“พีเป็นคนดีมีเหตุผล และรอบคอบเสมอเลยนะคะ”
ระพีสบตา ยิ้มให้ศจี

กองแก้วกับเกริกเกียรติ นั่งชนแก้วไวน์กันบนเตียงในโรงแรมอย่างมีความสุข
“เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร สุดท้ายก็เผ่นกลับไป ไม่มีน้ำยา”
“ก็ตอนนั้นพี่กลัวจริงๆ นี่”
“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะครับพี่”
“ทำยังไง เราถึงจะได้มาอยู่ด้วยกันสักที พี่เบื่อตาแก่นั่นเต็มทีแล้ว”
“เราก็ซื้อบ้านสักหลัง จะได้หลบมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่นี่ ผมก็จะได้ปิดตำนานม่านรูดเสียที ผมเบื่อที่จะต้องหลบๆ ซ่อนๆ”
“มันจะดีเหรอ แล้วถ้าซื้อเป็นชื่อพี่ มันก็เป็นจะหลักฐานที่มัดแน่น ใครรู้เข้าก็จะเป็นเรื่อง เดี๋ยวก็ได้ความแตกก่อนกำหนด”
“ก็อย่าให้ใครรู้ แล้วก็ชื้อชื่อผมสิ หาทำเลดีๆ ให้ห่างจากไอ้แก่นั่นแล้วก็ลับตาคนหน่อย ถึงเวลาเราก็ไปหากันได้สบาย”
“อืม ก็ไม่เลวนะ”
“นะครับพี่ ผมอยากมีบ้าน พี่ซื้อเถอะนะ”
“ก็ได้ งั้นไปหาข้อมูลมา ว่าจะเอาที่ไหนเดี๋ยวพี่จัดการให้ ว่าแต่ไว้ใจได้แน่นะ”
“โห อยู่กันมาตั้งขนาดนี้ ยังไม่ไว้ใจสามีคนนี้อีกเหรอครับ”
“งั้นช่วงนี้ เราก็ต้องรีบโกยเงินจากมัน แล้วเอามาซื้อบ้าน โอเคไหม”
“โอเคครับ”

เกริกเกียรติส่งสายตาหวานเยิ้ม ก่อนเข้าไปนัวเนีย กองแก้วยิ้มเขินด้วยความลุ่มหลง
 
จบตอนที่ 11


กำลังโหลดความคิดเห็น