ทรายสีเพลิง ตอนที่ 11
ศรุตาเดินมาอย่างหงุดหงิด บังเอิญชนกับฝรั่งตัวใหญ่จนส้นรงเท้าหักล้มไป ความรู้สึกของหญิงสาว ทั้งเจ็บใจที่โดนบุรีผลักไสและเจ็บตัว จนน้ำตาคลอ
บุรีเดินออกจากร้าน เห็นศรุตายืนเซ ก็เข้ามาพยุงไว้ ศรุตาสะบัดแขนออกจากมือของเขาอย่างงอนๆ
“ฉันเดินเองได้”
บุรีมองศรุตาที่เดินเขย่ง แล้วตัดสินใจเดินไปยืนขวางหน้า พลางบอกให้หญิงสาวขึ้นขี่หลัง ศรุตาขี่หลังบุรี ด้วยความรู้สึกเบิกบานใจ
“แล้วคุณพักที่ไหน ?”
บุรีออกปากถาม ศรุตายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ศรวณีย์ตัดสินใจหยิบจดหมายของศรุตาที่เขียนทิ้งไว้ ตั้งใจจะเอาไปให้ฌานอ่าน
เมื่อบุรีรู้ว่าศรุตาพักอยู่ห้องตรงข้ามกับเขาก็ถึงกับชะงัก
“คุณนี่ร้ายกาจจริงๆ”
ศรุตายิ้มขำ “คุณก็คิดซะว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญสิ”
“ทั้งๆที่ผมรู้ว่ามันเป็นความบังเอิญที่จงใจน่ะเหรอ? เรื่องนี้ผมไม่สนุกด้วยเลยนะทราย”
“ฉันก็ไม่ได้ทำเพื่อให้คุณสนุก แต่ฉันกำลังทำเพื่อให้คุณรู้ว่าฉันกำลังรู้สึกยังไง”
ศรุตามองสบตาบุรีเหมือนจะสื่อความรู้สึก แต่ฝ่ายหลังไม่กล้าสบตาด้วย
“กลับไปหาฌานเถอะนะทราย ผมขอร้อง”
“ทั้งๆที่ฉันขาเจ็บแบบนี้เหรอ ? ฉันถามจริงๆนะบุรี นอกจากฌาน คุณยังมีคนอื่นที่ยังสำคัญ กับคุณอีกไหม ?”
บุรีชะงัก ศรุตาลังเล แล้วตัดสินใจจะเรียก ”พี่บี”
“พี่...”
แต่บุรีกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ผมขอร้อง กลับไปหาฌานเถอะ วันนี้ไม่ใช่แค่วันเกิดเขา แต่มันเป็นวันที่เขาจะขอคุณ แต่งงาน”
ศรุตาเพิ่งตระหนักในตอนนี้เองว่าทำไมบุรีพยายามผลักไสให้ตัวเองกลับไปหาฌานวันนี้นัก
“แล้วยังไง ?” ศรุตาย้อนกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เรื่องสำคัญของคนๆนึง คุณพูดแค่ว่า “แล้วยังไง” งั้นเหรอ”
ศรุตามองหน้าบุรีอย่างไม่พอใจ ที่เขามีแต่จะผลักไสเธอให้ฌาน
“เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฌานขอฉันแต่งงาน และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันปฏิเสธเขา”
ศรุตาเปิดกระเป๋าสะพายจะหยิบคีย์การ์ดไขประตูเข้าห้อง บุรีรีบดึงแขนไว้
“ฌานเป็นคนดี ในชีวิตเขาไม่เคยรักและหวังสร้างอนาคตกับใครเท่าคุณ คุณเปิดโอกาสให้เขา ไม่ได้เหรอทราย”
หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเจ็บปวด
“คุณอยากให้ฉันเปิดใจให้เขาใช่ไหม ? งั้นคุณช่วยฉันอย่างนึง”ศรุตาเปิดกระเป๋าแล้วหยิบหนังสือA Midsummer night’s dream ที่บุรีเคยให้ไว้ยัดใส่มือเขา “ถ้าอยากให้ฉันเปิดใจ คุณช่วยไล่เจ้าของหนังสือเล่มนี้ออกไปจากหัวใจฉันที ทั้งชีวิตของฉัน ไม่เคยมีใครได้ เพราะมีเขาอยู่เต็มหัวใจ”
บุรีสบตาหญิงสาวอย่างอึ้งๆ ศรุตามองตอบด้วยแววตาแห่งความน้อยใจ จากนั้นก็เปิดประตู เดินกระเผลกเข้าห้อง แล้วปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรง
ศรุตายืนพิงประตูด้วยอารมณ์น้อยใจ บุรีหยิบหนังสือจากพื้นขึ้นมามอง แล้วถอนใจสับสน ว่าจะทำยังไง
ศรวณีย์เดินมาที่ริมหาด เห็นพนักงานโรงแรมกำลังช่วยกันจัดแต่งโต๊ะ จัดเตรียมบรรยากาศ งานให้สวยงาม ทั้งไฟประดับประดา และดอกไม้
แต่หญิงสาวงกลับมองไม่เห็นฌาน
ศรวณีย์ย์รีบกดมือถือโทร. หาศรุตาแต่ไม่มีสัญญาณ จากนั้นจึงรีบกดโทร.หาฌาน
“ฮัลโหล พี่ฌานอยู่ไหนคะ ?”
ศรวณีย์เดินเข้ามาหาฌาน ที่ยืนเหม่อมองท้องทะเลยามค่ำคืน ด้วยแววตาเจ็บช้ำ ผิดหวัง
“พี่ฌานมาทำอะไรตรงนี้คะ ? พี่ฌานอยู่คนเดียวเหรอคะ แล้ว...”
หญิงสาวตั้งใจจะถามหาศรุตา แต่ฌานกลับเข้าใจไปคนละทาง
“แม่พี่ไม่มา”
เธอมองเขาด้วยความสงสารจับหัวใจ
“ตั้งแต่พ่อเสีย แม่ไม่เคยคิดจะกลับมาเหยียบเมืองไทยอีก วันที่แม่โทรมาบอกว่าจะมาหาพี่ที่นี่ .พี่ยังหวั่นใจว่าแม่จะมาจริงรึเปล่า แต่ก็หวังว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพี่ เขาคงมาจริงๆ”
ชายหนุ่มพูดอย่างเจ็บปวด แต่พยายามเก็บความผิดหวังไว้
“พี่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆรอพี่อยู่”
ฌานคิดถึงเรื่องจะขอศรุตาแต่งงาน
“พี่อยากให้ศรอยู่เป็นพยานของพี่กับทราย”
“พยาน ? พยานอะไรเหรอคะ ?”
ฌานยิ้มแล้วมองหาศรุตา “ทรายล่ะ ? พี่โทร. เข้ามือถือ แต่ติดต่อไม่ได้”
ลิซ่าเดินเข้ามาอย่างได้จังหวะพอดี
“จะติดต่อได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อทรายไม่ได้อยู่เมืองไทย” ลิซ่าเดินอย่างวางท่าผู้ชนะเข้ามา แล้วยื่นมือถือให้ฌานดูรูปศรุตาที่ยืนคุยมือถือที่สนามบิน สิงคโปร์ให้ดู
“จำได้ไหม ว่าที่ที่ผู้หญิงที่คุณอวดว่ารักคุณ ซื่อสัตย์กับคุณ เขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ไหน ? ถ้าคุณช็อกจนจำไม่ได้ ฉันจะบอกให้ อยู่ที่สิงคโปร์ไง”
ฌานยืนนิ่งพูดไม่ออก
“และเผื่อคุณจะลืม ฉันก็จะย้ำความทรงจำให้ก็ได้ว่า นอกจากแฟนคุณอยู่ที่นั่น ยังมีเพื่อนรัก คุณอยู่ที่นั่นด้วย”
“หยุดเอาความคิดสกปรกๆของคุณ มาใส่หัวผมได้แล้ว ทรายไม่ใช่คุณ เขาไม่มีวันทำตัว อย่างคุณ”
ลิซ่าโกรธที่ฌานยังปกป้องศรุตา
“ถ้าคุณไม่เชื่อ นี่คือชื่อโรงแรมที่เพื่อนรักกับแฟนคุณอยู่ด้วยกัน”
ลิซ่าปากระดาษที่เขียนชื่อโรงแรมใส่หน้าฌาน
“ตาสว่างได้แล้วชาร์ลส์ ฉันบอกคุณแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ดีไปกว่าฉัน มันไม่ได้รักคุณ มัน พยายามยัดเยียดน้องสาวให้เพื่อถีบหัวคุณทิ้ง”
ศรวณีย์อึ้ง มองว่าฌานจะเชื่อไหม
ฌานทนไม่ไหว ลากแขนลิซ่าเดินออกไปทางชายหาด ศรวณีย์รีบตามไป
ฌานเหวี่ยงเต็มแรง จนลิซ่าล้มลงกับพื้น
“เอาสิ ฆ่าฉันเลยชาร์ลส์ ฉันจะบอกให้นะว่าในโลกนี้มันไม่มีความรักจริงหรอกชาร์ลส์ มันมีแต่ หวังผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นหรือแม้แต่แม่คุณ”
ฌานชะงัก แล้วหันขวับมามองลิซ่า
“หมายความว่ายังไง แม่ผมเกี่ยวอะไรด้วย”
“แม่คุณ หลอกให้คุณมารอที่นี่เพื่อช่วยพ่อเลี้ยงคุณไง”
ฌานอึ้ง คาดไม่ถึง ศรวณีย์ก็อยู่ในอาการเดียวกัน
“ถ้าคุณไม่เชื่อฉันเรื่องนี้อีก พรุ่งนี้ก็กลับไปบ้านพ่อเลี้ยงคุณสิ .แล้วคุณจะได้เห็นแม่คุณเตรียม ไปปารีส เพื่อใช้เงินค่าจ้างหลอกลูกชายตัวเอง ไป Shopping”
ฌานช็อกจนแทบยืนไม่อยู่
“เห็นไหมฌาน ถ้าแค่คุณเห็นฉันในสายตาบ้าง เชื่อคำพูดฉันสักหน่อย ฉันก็จะช่วยคุณ ทุกอย่าง แล้วคุณจะไม่มีวันเจ็บแบบนี้”
ฌานทนรับฟังอะไรอีกไม่ไหว รีบเดินออกไปทันที ลิซ่ารีบเข้าไปคว้าแขนห้ามศรวณีย์ที่กำลังจะเดินตามฌาน แต่กลับถูกหญิงสาวโต้กลับด้วยการสะบัดแขนอย่างแรง
“นี่เหรอคะ สิ่งที่คุณทำกับคนที่คุณรัก ไม่ได้เขา ก็ทำร้ายเขา คุณมันคนเห็นแก่ตัว”
ลิซ่าง้างมือจะตบ แต่กลับถูกศรวณีย์จับมือไว้
“คนอย่างคุณ รักใครไม่เป็นหรอก นอกจากตัวคุณเอง คุณอย่าหวังเลยว่าจะเจอใครที่ รักคุณจริง”
พูดจบก็รีบสิ่งตามฌานไปทันที
ศรวณีย์เดินเข้ามามองไปทางจุดชมวิวอย่างร้อนรน ด้วยความเป็นห่วงฌาน เมื่อมาถึงก็เห็นเขานั่งเงยหน้ามองดาวอยู่ที่ ริมหน้าผา ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด
ฌานกลั้นสะอื้น พยายามเข้มแข็ง พูดทั้งๆยังเงยหน้ามองดาว
“พี่พยายามนับดาวแล้วศร เผื่อมันจะเหมือนตอนพี่เมาเรือไง ที่ศรให้พี่นับดาว แล้วมันจะทำ ให้ลืมความเจ็บได้”
ศรวณีย์กลั้นน้ำตาไม่อยู่ พลางเดิน เข้าไปกอดฌานด้วยความสงสารจับหัวใจใจ
“ถ้าลืมไม่ได้ ขอแค่อย่าเอาความโกรธความเกลียด มาทำร้ายตัวเองมากขึ้น เราห้ามคนอื่น ทำร้ายเราไม่ได้ แต่เราห้ามตัวเองได้ ใช้ความเข้าใจและให้อภัยเขา ศรเชื่อว่าการให้อภัย จะชนะความโกรธ ความเกลียดทุกอย่างได้”
ฌานมองอย่างทึ่งกับความคิดแสนดีของศรวณีย์ ในขณะที่ถ้าเป็นศรุตา เธอคงยุให้เขา ฟาดฟันคืน
ฌานซึ้งใจกับความรู้สึกดีที่หญิงสาวมีให้ จนเผลอโอบกอดตอบไว้เหมือนหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ
ครู่หนึ่งศรวณีย์ค่อยๆขยับตัวออกมา เพื่อหยิบกล่องของขวัญในกระเป๋าตัวเองมายื่นให้เขา
“เมื่อคืนที่เราเห็นดาวตก แล้วศรอธิษฐาน พี่ฌานถามว่าศรอธิษฐานอะไร ศรไม่ได้อธิษฐาน ให้ตัวเองหรอกค่ะ ศรอธิษฐานให้พี่ฌาน ศรขอให้พี่ฌานเจอคนที่รักพี่ฌานและทำให้พี่ฌานมีความสุขเสียที”
ฌานมองศรวณีย์อย่างซาบซึ้งในความหวังดีและหัวใจที่บริสุทธิ์ ทั้งคู่มองสบตากันนิ่งนาน
ฌานค่อยๆ โน้มหน้าจูบหญิงสาว ศรวณีย์รับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ
อ่านต่อหน้า 2
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 11 (ต่อ)
เสาวณีย์เดินโทรศัพท์หาพัชระอย่างหงุดหงิด เพราะติดต่อไม่ได้
“แล้วคุณจะโทรไปทำไม เดี๋ยววันนี้ลูกศรกับพัชระก็กลับมาแล้ว”
ศกเห็นแล้วอดรำคาญไม่ได้
“ก็ฉันห่วงลูก”
ศกทำเสียงเยาะหยัน “หึ ห่วงเหรอ ? ถ้าคุณห่วง คุณคงไม่เอาลูกใส่มือ ผู้ชายไปอย่างนั้น หรอก”
เสาวณีย์หันขวับมองศกอย่างไม่พอใจ
“คุณศก คุณอย่ามาพูดกับฉันอย่างนี้นะ ที่ฉันทำทุกอย่าง ก็เพื่อความสุขของลูก”
“ถ้าทำเพื่อความสุขของลูกจริงๆ มันก็ดี เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นทีหลัง เราจะได้ไม่รู้สึกผิด ว่าชีวิตลูกพังเพราะเรา”
พูดจบ ศกก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที เสาวณีย์มองศกอย่างไม่พอใจ
ศรวณีย์ที่นอนหลับที่เก้าอี้ตัวยาวหน้าระเบียงบ้านของฌานขยับตัว แล้วค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น พลางคิดถึงความทรงจำเมื่อคืน ที่เธอกับฌานนั่งมองดาวด้วยกัน จนเธอเผลอหลับไปงีบหนึ่ง ฌานยิ้มเอ็นดู แล้วค่อยๆก้มหน้าลงจูบที่หน้าผาก ก่อรที่จะนอนลงที่เก้าอี้ตัวยาวอีกตัว
หญิงสาวลืมตาขึ้นมายิ้มมีความสุข
ศรวณีย์ยกมือสัมผัสหน้าผากตัวเองตรงที่ฌานจูบ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข พลางมองหาว่า เขาอยู่ไหน ?
ศรวณีย์เดินตามหา จนเห็นฌานนอนหลับอยู่ในเปลยวนที่ผูกกับต้นไม้ริมชายหาด จึงค่อยๆ เดินเข้าไปยืนใกล้ๆ แล้วเอื้อมมือจะไปเขี่ยผมที่โดนลมพัดมาปรกหน้าผาก
ทันใดนั้นฌานก็คว้าข้อมือ แล้วดึงเธอให้ล้มลงไปนอนในเปลยวนเคียงข้างกับตัวเอง
“ขอบคุณนะศร ที่ทำให้พี่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ ยังมีคนรัก” ฌานประคองหน้าศรวณีย์มาพรมจูบ ท่ามกลางสายลม แสงแดด ทะเลสวยงามยามเช้า
ฌานจูงมือศรวณีย์เดินริมหาดอย่างมีความสุข
“แล้วต่อจากนี้ เราจะเป็นยังไงต่อคะพี่ฌาน”
ศรวณีย์คิดถึงงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ฌานหยุดเดิน แล้วจับตัวเธอหมุนไปมองทาง ที่เดินผ่านมา เห็นเป็นรอยเท้าของทั้งคู่เดินเคียงคู่กันบนทรายเป็นทางยาว
“เราก็จะเป็นอย่างนั้นไงศร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รอยเท้าของเราจะอยู่คู่กัน”
ทั้งคู่กอดกันด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยรัก
ทันดนั้นมือถือฌานดังขึ้น “ว่ายังไงติ่ง ?”
“พี่ฌานฮะ บ้านของพ่อพี่” น้ำเสียงของติ่งร้อนรน
ฌานฟังติ่งพูดจากปลายสาย ด้วยแววตาเจ็บปวด น้ำตาคลอ
ฌานถือกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากบ้านพักพร้อมกับจูงมือศรวณีย์ ที่มองเขาอย่างเป็นห่วง
“พี่ฌาน ให้ศรไปด้วยไหมคะ ?”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ปัญหานี้ พี่จะจบทุกอย่างด้วยตัวของพี่เอง”
นอร์แมนยืนมองบ้านพ่อฌานด้วยสายตานิ่งๆ แอนน์กับอาฮั้วยืนอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่งฌานก็เดินเข้ามา
นอร์แมนหันไปมองฌาน
“มาทันเวลาร่ำลาบ้านของพ่อแกพอดีเลยนะชาร์ลส์”
ฌานยืนนิ่ง อย่างสะกดความรู้สึกเจ็บปวดไว้
“คงไม่ต้องลาหรอกครับ เพราะกระดานทุกแผ่น หน้าต่างทุกบาน ประตูทุกอันผมจำไว้ในหัวใจ หมดแล้ว”
นอร์แมนเห็นท่าที่จองหองของฌาน ก็ยิ่งหงุดหงิด
“ดี ตอนแรกฉันว่าจะใจดี รื้อไม้บ้านพ่อแกให้แกเก็บไว้สร้างบ้านเอง ถ้าแกจองหองแบบนี้ ฉันจะได้เปลี่ยนจากรื้อเป็นเผามันทิ้ง”
ฌานมองนอร์แมนด้วยสายตาเจ็บปวด
“เอาเลยครับ เงินของป๋า ป๋าอยากจะทำอะไรก็ทำ ผมมันก็แค่ลูกเลี้ยง ที่จริงๆแล้วก็มีค่าแค่ พนักงานคนนึงเท่านั้นอยู่แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมขอลาออกจากทุกตำแหน่งที่ป๋าให้”
นอร์แมนมองฌานอย่างคาดไม่ถึง แอนน์โวยวายไม่พอใจ
“ชาร์ลส์ แกบ้าไปแล้วเหรอ จะทำอะไร นึกถึงบุญคุณป๋าบ้างสิ”
“ผมรักและนับถือป๋าด้วยหัวใจ ผมระลึกถึงบุญคุณที่ป๋าอุ้มชูมาเสมอ ไม่ว่าป๋าจะสั่งให้ผม หันซ้ายหรือขวา ผมทำเพื่อป๋ามาโดยตลอด เพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้น ที่ผมอยากเก็บสิ่งที่ผมรักไว้ และผมก็คิดว่า ป๋าคงเข้าใจผมบ้าง แต่เปล่าเลย ผมเข้าใจผิดมาตลอด ชีวิตของผม ไม่ได้มีความรักของป๋ามาเกี่ยวข้อง มีแต่ เรื่องเงินและผลประโยชน์ ว่าผมทำอะไรให้ป๋าได้เท่านั้น ตอนผมมา ผมมาแค่ตัวกับแม่ ดังนั้นผมก็จะไปแค่ตัว และแม่”
ฌานจับมือแอนน์จะให้เดินไป แต่แม่ของเขากลับสะบัดมือออก
“แม่ครับ แม่จะอยู่ให้เขากดขี่ความเป็นคนของเราต่อไปทำไม เงินแต่ละบาทที่แม่ได้จากเขา แลกมาจากการดูถูกเหยียดหยาม หรือไม่ก็ใช้เป็นเครื่องมือตลบแตลงคนในสังคมให้ทำธุรกิจ”
แอนน์ตบหน้าลูกชายเต็มแรง
“หยุดพูดจาดูถูกฉันเดี๋ยวนี้นะชาร์ลส์ แล้วไปกราบขอโทษป๋าซะ”
ฌานมองแม่ด้วยสายตาเจ็บปวด
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด แม่ต้องการเงินเท่าไรครับ ขอแค่แม่ไปกับผม ผมสัญญาว่าจะหา เท่าที่แม่ต้องการ”
“แกไม่มีวันหาได้เท่าที่ฉันอยากได้หรอกชาร์ลส์”
ฌานกลั้นสะอื้น มองแม่เหมือนตัดสินใจบางอย่างเป็นครั้งสุดท้าย
“ผมขอถามแม่เป็นคำถามสุดท้าย แม่รักผมไหมครับ ?”
แอนน์ชะงัก มองหน้าลูกชายนิ่ง
“ฟังนะชาร์ลส์ ครั้งนึงฉันเคยเชื่อว่าความรักมีจริง แต่วันนึงที่พ่อแม่จากไป ความลำบากที่แม่ ต้องเจอ ทำให้รู้ว่าความรักมันเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ สิ่งที่มั่นคงคือเงินทองที่จะซื้อทุกอย่างได้”
ฌานส่ายหน้าอย่างเจ็บปวด
“ไม่จริงหรอกครับ ความรักมันมีค่ากว่าเงินทอง ความรักทำให้เรามีความสุขได้ แม้ไม่มี เงินทองมากมาย”
“พอเถอะชาร์ลส์ ถ้าแกจะไป ก็ไปคนเดียว ฉันจะอยู่กับชีวิตของฉัน”
ฌานเจ็บปวดจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พลางค่อยๆ ก้มกราบที่เท้าแม่
“ดูแลตัวเองดีๆนะครับแม่ ไม่ว่าแม่จะต้องการผมหรือไม่ก็ตาม ผมยังรักและเป็นลูกของแม่ เสมอ”
แอนน์ทำท่าจะก้มลงไปจับฌาน แต่แล้ว ก็ชะงัก แล้วยืนตัวตรงอย่างตัดใจ ฌานตัดใจเดินออกไป แอนน์น้ำตาไหลมองตาม ด้วยความรักลูก แต่ก็น้อยกว่าที่รักตัวเอง
นอร์แมนมองฌานหน้านิ่ง แต่ในใจนั้นเจ็บปวดไม่ไม่แพ้กัน
ฌานเดินผ่านลิซ่ากับอลันนิ่งๆ ไม่คิดจะมีเรื่อง ลิซ่ารีบยืนขวางไว้
“นี่คุณไม่คิดจะซัดอลันหน่อยเหรอชาร์ลส์ ไม่สมเป็นคุณเลยนะชาร์ลส์ ทีเมื่อวาน คุณลากฉัน เหวี่ยงฉันแทบเป็นแทบตาย”
ฌานคิดถึงคำพูดเตือนสติของศรวณีย์ที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป
“ขอโทษนะลิซ่า ความจริงผมไม่น่าเกรี้ยวกราดใส่คุณ เพราะคุณเองก็เป็นเบี้ยตัวนึงของ พวกเขาเหมือนกัน คุณมีค่านะลิซ่า แค่คุณจะรู้จักมองค่าของตัวคุณเอง ถึงอลันจะปากเสีย แต่เชื่อผมเถอะ เขารักคุณ”
ลิซ่ามองฌานที่ดูนิ่งลง ไม่ฉุนเฉียวโวยวายอย่างที่คาดการณ์ไว้อย่างแปลกใจ
“รู้ไว้นะอลัน แกกับฉันแข่งกันมาตลอดก็จริง แต่ฉันไม่เคยคิดจะฆ่าแก ที่ผ่านมาถึงเราจะ ทะเลาะกันตลอด แต่เป็นเพราะเราแตกต่างกันเกินกว่าจะเป็นพี่น้องที่รักกัน แต่ฉันไม่เคยเกลียดแก”
ลิซ่ามองทีท่าที่สงบ เยือกเย็นของฌานอย่างครุ่นคิด
“ฉันไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่ที่คุณเปลี่ยนไป เพราะผู้หญิงคนใดคนนึงในสองพี่น้อง นั่นใช่ไหม ?”
ฌานชะงัก
“ใช่จริงๆด้วย แล้วถ้าฉันตัดสินจากความเยือกเย็นที่คุณกำลังเป็น คนที่กำลังมีอิทธิพลกับ คุณตอนนี้ ไม่ใช่คนพี่ใช่ไหม ?”
ศรวณีย์นั่งมองกุญแจห้องคอนโดฌานในมืออย่างยิ้มๆ แต่พอเหลือบมองแหวนหมั้นที่นิ้ว ตัวเองก็หน้าเครียด เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับงานแต่งงานวันพรุ่งนี้
เสาวณีย์เดินไป-เดินมาคอยดูนาฬิกาข้อมือรอศรวณีย์อย่างเป็นกังวล แล้วรีบกดดมือถือ
โทรหาพัชระ
“ฮัลโหลพัชระ พัชพาลูกศกลับมารึยังจ้ะ ?”
พัชระยืนมองชุดเจ้าสาวที่เตรียมไว้ให้ศรุตาพร้อมกับคุยมือถือด้วยสีหน้างงๆ
“เอ่อ ศรยังไม่กลับเหรอครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ ก็พัชบอกเองว่าจะพาน้องมาส่ง นี่ก็เย็นมากแล้วนะ น้องอยู่ไหน อาขอคุยด้วย หน่อยสิ”
พัชระยืนอ้ำอึ้งว่าจะอ้างอะไรกับเสาวณีย์ดี
“เอ่อ ...คือ ..เอ่อ”
ศรวณีย์เดินเข้ามาเห็นพัชระกำลังคุยมือถือกับเสาวณีย์พอดี จึงส่งสัญญาณให้พัชระยื่นมือถือมาให้คุย
“ค่ะคุณแม่ ศรขออยู่บ้านพี่พัชสักพักนะคะ พอดีคุยกับคุณอาแพรอยู่น่ะค่ะ ค่ะ คุณแม่ไม่ต้อง ห่วงนะคะ สวัสดีค่ะ”
ศรวณีย์กดวางสายแล้วมองชุดแต่งงานที่พัชระเตรียมไว้ให้ศรุตา
“พี่พัชไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ศรรู้เรื่องพี่พัชกับพี่ทรายแล้ว ที่ศรมาที่นี่ ก็เพื่อจะมาเคลียร์เรื่อง งานแต่งของเรา”
พัชระมองท่าทีที่ดูเด็ดเดี่ยว เป็นผู้ใหญ่ขึ้นของศรวณ๊ย์อย่างประหลาดใจ
อ่านต่อหน้า 3
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 11 (ต่อ)
“ศรรักพี่ฌานค่ะ” ศรวณีย์พูดย้ำ พร้อมกับถอดแหวนหมั้นคืนพัชระ
“ศรขอโทษที่แต่งงานกับพี่พัชไม่ได้ ในหัวใจของศร มีแต่พี่ฌานเท่านั้น”
พัชระถึงกับงง พลางถามกลับว่าศรุตารู้เรื่องแล้วหรือยัง
“ศรยังไม่เจอพี่ทรายเลยค่ะ พี่ทรายทิ้งโน้ตไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าต้องกลับมาก่อนเพราะมีธุระ” พัชระคิดหวาดระแวงว่าศรุตาหายไปทำธุระอะไร ?
ศรุตากำลังนั่งนวดข้อเท้าที่ล้มเมื่อวานอย่างหงุดหงิด พลางเดินกระเผลกไปแอบส่องดูบุรีที่ ช่องตาแมว เห็นบุรีเปิดประตูห้องออกมามองประตูห้อง แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
ครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ศรุตายิ้มดีใจคิดว่าบุรี จึงรีบเดินกระเผลกไปที่ประตู แต่ก็แกล้งยืนกอดอกรออยู่ครู่หนึ่ง จนได้ยินเสียงเคาะประตูดังซ้ำ จึงยอมเปิด แต่กลับกลายเป็นพนักงานโรงแรมถือถาด อาหารยืนอยู่
“ฉันไม่ได้สั่งอาหารนะ”
บุรีเปิดประตูห้องมา “ผมสั่งให้คุณเอง”
ศรุตามองบุรีแล้วปั้นหน้าเชิด “ฉันไม่หิว”
แล้วก็แกล้งจะปิดประตู บุรีรับถาดใส่อาหารจากพนักงานโรงแรม แล้วเดินเข้าห้อง ก่อนที่เธอจะปิดประตู
ศรุตามองบุรีที่ถือถาดอาหารเข้ามาในห้อง ก็แกล้งโวยวาย
“คุณเข้ามาห้องฉันทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
บุรีวางถาดอาหาร “นั่งลงทานข้าว เดี๋ยว ผมดูขาให้”
พูดพลางหยิบขนมปังใส่ปาก จนหญิงสาวพูดไม่ได้ พร้อมทั้งจับไหล่เธอกดลงให้นั่งที่เก้าอี้
“ทานข้าวซะ”
บุรีก้มลงนั่งชันเข่าที่พื้น แล้วค่อยๆจับขาศรุตามาดูรอยช้ำที่ข้อเท้า แล้วเอายามานวดข้อเท้า ให้
“คุณนวดเป็นด้วยเหรอ ?”
“คุณยายเคยสอน”
พอพูดถึง “คุณยาย” ทั้งคู่ต่างก็ชะงัก
“น่าอิจฉาคุณที่มีคุณยายใจดี ฉันเองก็อยากเรียน อยากรู้ไปหมดทุกอย่าง ฉันยังเคยนึกให้ วันนึงๆ มีเวลามากกว่านี้ จะได้เรียนอะไรได้”
“คุณอยากจะเรียนมากๆไปเพื่ออะไร ?” บุรีย้อนถาม
“ก็เพื่อไม่ให้ไง”
“เพื่อเป็นคนเก่ง อยากเป็นคนมีความสามารถเหนือใครๆใช่ไหม”
ศรุตาอึ่งที่บุรีมองเธอออกทุกย่าง
“แล้วคุณล่ะบุรี คุณเรียนจนมีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองเก่งเกาจ บ้างเหรอ”
บุรีส่ายหน้า
บุรีส่ายหน้า
“ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่ง ผมแค่มีโอกาสดีกว่าคนอื่นเท่านั้น. ที่สำคัญ สำหรับผมความเก่ง ไม่สำคัญเท่าความดี”
“แต่โลกและสังคมปัจจุบันนี้มันเคลื่อนไปได้เพราะคนเก่งนะคะ” ศรุตาไม่ยอมแพ้
“แล้วคุณไม่รู้สึกว่าโลกเคลื่อนเร็วไปเหรอ คุณไม่ห่วงเหรอที่เห็นคนตะเกียกตะกาย แย่งชิงกันไปข้างหน้า โดยไม่แยแสที่ต้องเหยียบย่ำใครขึ้นไปบ้าง”
“คุณพูดอย่างกับอยากให้โลกอยู่นิ่ง ไม่มีการเดินหรือวิ่งไปข้างหน้า”
บุรีถอนหายใจ
“เปล่า การดิ้นรนต่อสู้เพื่อชัยชนะมันอาจเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่เลี่ยงได้คือวิธีการที่จะให้ได้ชัยชนะ ที่ผมต่อต้านคือคนที่อยากได้ชัยชนะจนไม่สนใจว่าจะใช้วิธีไหน”
ศรุตานิ่ง เหลือบมองว่าบุรีว่าตัวเองอยู่รึเปล่า
“บางคนก็ต้องไขว่คว้าหาชัยชนะในวันข้างหน้า เพื่อลบล้างความพ่ายแพ้ในอดีต”
บุรีเงยหน้ามองศรุตา
“อดีตก็คืออดีต ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือล้มล้างมันได้ สิ่งที่ควรทำคือละทิ้งอดีตไป แล้ว สร้างชีวิตใหม่ ไม่ใช่วนเวียนกลับไปหาอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“แล้วถ้าฉันอยากสร้างชีวิตใหม่ ยังมีใครจะอยากเริ่มต้นต่อจิ๊กซอว์ The Starry night กับฉันอีกครั้งไหม”
ศรุตาสบตาบุรีนิ่ง ชายหนุ่มพยายามทำนิ่งเหมือนไม่รู้ว่าเธอมายถึงอะไร
หญิงสาวแกล้งก้มลงไปเหมือนจะชี้ว่าเจ็บเท้าตรงไหนอีก โดยจงใจยื่นหน้าตัวเองไปใกล้ๆ บุรีเงย หน้าขึ้นมาประชิดหน้าเธอ แล้วก็เป็นฝ่ายตกใจ รีบถอยห่างออกมาทันที
ศรุตามองอาการบุรีแล้วแกล้งตีหน้าซื่อ
“คือฉันจะบอกว่า ฉันเจ็บตรงนี้อีก”
บุรีรู้ว่ากำลังโดนจู่โจม รีบยื่นหลอดยาให้
“คุณนวดต่อเองแล้วกัน ผมจะกลับห้องไปเตรียมจัดกระเป๋า”
“จัดกระเป๋า ?”
บุรีพยักหน้า “พรุ่งนี้ผมจะกลับเมืองไทย ทานข้าวให้หมดล่ะ”
พูดจบ บุรีก็รีบเดินออกไป ศรุตามองตามแล้วคิดบางอย่างยิ้มๆ
ทันใดนั้นเสาวณีย์โทรเข้ามือถือมา
“โทรหาทรายถึงอเมริกา ค่าโทรศัพท์มันแพงนะคะอาเสาว์”
เสาวณีย์ยืนคุยมือถือกับทรายด้วยสีหน้ายิ้มสะใจ
“ฉันจะโทรมาบอกว่าฉันต้องการซื้อบ้านใหญ่คืน เพื่อเป็นเรือนหอของลูกศรที่กำลังจะ แต่งงานกับพัชระพรุ่งนี้”
“จริงด้วยสินะคะ พรุ่งนี้พัชระกับลูกศรจะแต่งงานแล้วนี่นา งั้นทรายก็ขออวยพรล่วงหน้าแล้ว กันนะคะ ขอให้งานแต่งงานดำเนินอย่างราบรื่น อย่าได้ล่มกลางคันซะก่อน”
ศรุตากดวางสายเสาวณีย์ แล้วรีบกดมือถือหาพัชระ
“คุณเตรียมทุกอย่างพร้อมรึยังพัชระ ?”
“ผมเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่คุณเถอะตอนนี้คุณอยู่ไหน ?”
“ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน สุดท้ายพรุ่งนี้ฉันก็กลับไปหาคุณอยู่ดี ฉันรอวันนี้มาเกือบทั้งชีวิต ไม่รู้ น้องสาวฉันเตรียมตัวถึงไหนแล้ว”
พัชระคุยมือถือ พลางคิดถึงเรื่องศรวณีย์รักกับฌาน แล้วลังเลจะบอกเธอดีไหม แต่สุดท้ายก็ไม่บอก
“ศรก็ตื่นเต้นดี”
“ ก็ดี งั้นแค่นี้นะ เจอกันพรุ่งนี้นะพัชระ”
ศรุตากดวาง แล้วยิ้มอย่างมีความสุขที่แผนทุกอย่างดำเนินไปตามคาด
พัชระกดวางสาย แล้วคิดถึงที่ไม่ได้บอกศรุตาเรื่องฌานกับศรวณีย์
“ถ้าคุณไม่คิดจะหลอกใช้ผม เรื่องลูกศรกับพี่ฌานรักกัน ก็ไม่มีผลอะไรกับคุณ”
ฌานเปิดประตูเข้ามาในคอนโดด้วยท่าทางเหนื่อยชีวิต ครู่หนึ่งศรวณีย์ก็เปิดประตูตามเข้ามา
“ศรไปหาพี่พัชมาค่ะ ไปบอกยกเลิกการแต่งงานของศรกับพี่พัช”
ฌานนั่งลงที่โซฟา แล้วโอบเอวศรวณีย์ให้นั่งที่ตัก
“ทำไมศรไม่รอพี่ เรื่องนี้พี่ต้องเป็นคนรับผิดชอบจัดการทุกอย่างเอง”
หญิงสาวมองสีหน้าฌานที่มีแววหมองเศร้า เหนื่อยล้า แล้วค่อยๆลูบหน้าเขาอย่างปลอบ ประโลม
“เพราะศรรู้ว่าพี่ฌานเจอปัญหาที่หนักมากพออยู่แล้ว”
ฌานกอดเธอแน่น “ตอนนี้ศรยังเปลี่ยนใจทันนะ”
“พี่ฌานหมายความว่ายังไงคะ ?”
ฌานเงยหน้ามอง
“ตอนนี้พี่กลายเป็นคนตกงาน ไม่มีสมบัติอะไรติดตัว แต่ถ้าศรแต่งงานกับพัชระ ศรยังสบาย กว่านี้”
ศรวณีย์ไม่ตอบอะไร แต่กลับจับมือฌานขึ้นมาวางตรงหัวใจ
“พี่ฌานรู้สึกไหมคะ รู้สึกไหมคะพี่ฌาน ? หัวใจของศร”
จากนั้นก็จับมือฌานไปวางแนบบนหัวใจของเขา
“กับหัวใจของพี่ฌาน มันเต้นจังหวะเดียวกัน เพราะมันเป็นหัวใจเดียวกัน ไม่ว่าหลับหรือตื่น เราจะอยู่ใกล้หรือไกล เราอยู่เคียงข้างกันและกันเสมอ ไม่หายไปไหน”
ฌานมองศรวณีย์อย่างตื้นตัน
“ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ยังมีคนรัก”
บุรีคิดถึงคำพูดของศรุตาด้วยความสับสน จากนั้นก็หยิบมือถือมากดดูที่เบอร์ของ “ฌาน” เหมือนต้องการใช้ชื่อ “ฌาน” เพื่อเตือนสติตัวเอง
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงเรียกของศรุตา
“นอนรึยังคะ ?”
บุรีหันไปมองประตูอย่างสับสนว่าจะเปิดดีไหม
“พอดีฉันปวดขามาก เลยอยากจะถามว่าคุณมียาแก้ปวดไหม ?”
บุรีตัดสินใจเปิดประตู แล้วมองศรุตาด้วยสายตาตกใจ เพราะหญิงสาวอยู่ในชุดนอนสีขาว สวยหรู แม้จะมีเสื้อคลุมอีกที แต่ก็ดูวาบหวาม
ศรุตาแอบยิ้ม รีบดินเข้ามาในห้องบุรี
อ่านต่อหน้า 4
ทรายสีเพลิง ตอนที่ 11 (ต่อ)
บุรียืนมองศรุตาที่ใส่ชุดนอนสีขาว บางเบา อย่างอึ้งๆ หญิงสาวเห็นท่าทางของเขาแล้วแอบยิ้ม พลางถือขวดแชมเปญพร้อมกับแก้วสองใบ 2 ใบ เข้ามาในห้อง ก่อนที่จะรินให้เขา 1 แก้ว
“แค่แก้วเดียว แล้วฉันจะกลับห้องฉัน”
บุรีถอนใจอย่างระอา แล้วรับแก้วแชมเปญมาดื่มจนหมด หญิงสาวรินแชมเปญเทใส่แก้วเดิมให้อีก
“ไหนคุณบอกแก้วเดียว ?”
ศรุตายิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็ดื่มแก้วเดียว แก้วใบเดิมนี่ไง ไม่ได้ดื่มจากแก้ว ใบที่สอง ใบที่สามสักหน่อย”
พลางยื่นแก้วตัวเองชนแก้วบุรี จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มพร้อมกับมองเขาด้วยสายตายิ้มๆ
บุรียื่นชองยาแก้ปวดให้
“นี่ยาแก้ปวด รีบกลับไปทานยาแล้วนอนพักซะ”
หญิงสาวเสเดินไปที่โต๊ะทำงาน เห็นแว่นสายตาวางบนหนังสือที่อ่านค้างไว้ เธอหยิบแว่น แล้ว เดินไปยืนตรงหน้าบุรี ก่อนจะค่อยๆใส่แว่นให้เขา แล้วจับขาแว่นค้างไว้ ในลักษณะเหมือนกอดคอบุรี
มือของศรุตาที่จับขาแว่น ค่อยๆเคลื่อนไล้ไปตามผิวของเขาจากข้างหู เรื่อยลงมาที่คอ แล้วเลื่อนไปวางเกาะที่ไหล่ทั้งสองข้าง
บุรีสบตาหญิงสาว แล้วพยายามเตือนสติตัวเอง แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และความรักที่เขามีให้เธออย่างเต็มหัวใจ ทำให้บุรีอดเผลอไผลไปกับความสวยของศรุตา ที่ยืนอยู่แนบชิดไม่ได้
ศรุตาขยับหน้าเข้าใกล้บุรีมากขึ้น พร้อมกับสบตา แล้วค่อยๆจูบที่ริมฝีปากของเขา
มือของบุรีที่วางข้างตัว ค่อยๆยกขึ้นมาโอบเอวของเธอ มือของศรุตาไล้จากที่ไหล่ของบุรี เรื่อยมาที่ปก เสื้อเชิ้ต แล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของเขา ก่อนที่จะไล้จูบจากริมฝีปาก ไปที่แก้ม จะไล้ลงคาง
บุรีหลับตาพริ้ม พร้อมรับความหวานที่เธอมอบให้
หญิงสาวปลดกระดุมเสื้อบุรีจากเม็ดที่ 1 เม็ดที่ 2
“ทรายรักพี่บีนะคะ”
ทันใดนั้นบุรียกมือมาจับมือศรุตา เป็นเชิงให้หยุด จากนั้นก็ค่อยๆลืมตามองสบตาหญิงสาว
“ทะ..ทำไมคะ”
“ผมต้องถามคุณมากกว่า ว่าทำไมคุณทำแบบนี้”
“แล้วคุณคิดว่าผู้หญิงกับผู้ชายทำแบบนี้กัน เพราะอะไรล่ะ ?”
บุรีภอนหายใจ “หลายเหตุผล และผมก็อยากรู้เหตุผลจริงๆของคุณ”
ศรุตามทองสบตาเขาอย่างไม่ปิดบังความรู้สึก
“ทรายรักพี่บีไงคะ รอ และรักมานาน เฝ้าหวังว่าพี่บีจะจำน้องทรายได้ไหม รอว่าเมื่อไหร่พี่บีจะเรียก
“น้องทราย” สักที แต่พี่บีก็ไม่ยอมเรียกสักที ถ้าวันนั้นทรายไม่เข้าไปเห็นกล่องจดหมายของทรายในห้องทำงานพี่บี ทรายก็คงต้องร้อนใจอยู่คนเดียวว่าพี่จำทรายไม่ได้ใช่ไหม ? แล้ววันนี้ทรายแค่ ต้องการแสดงให้พี่บีเห็นว่า ทรายรู้สึก ยังไง แต่พี่บีกลับ….”
หญิงสาวพูดด้วยอารมณ์ทั้งโกรธ ทั้งอาย
หญิงสาวพูดด้วยอารมณ์ทั้งโกรธ ทั้งอาย
“คุณไม่ชอบผู้หญิงรึไงบุรี”
บุรีรู้ว่าศรุตากำลังโกรธ จึงจงใจเรียกเขาด้วย “สรรพนาม”ที่เปลี่ยนไป
“ก่อนที่ทรายจะโกรธ จะเกลียด จะต่อว่าพี่ พี่อยากให้ทรายถามตัวเองก่อน ว่าทรายต้องการจาก พี่แค่นี้เหรอ ? ถ้าเฉพาะความต้องการเพียงแค่นั้น ไม่มีผู้ชายคนไหนรีรอหรอกนะทราย แต่พี่คิดว่าสิ่งที่ทรายต้องการ มีมากกว่านี้ มากกว่าการยึดครองผูกพันกันเอาไว้ด้วยความอารมณ์ฉาบฉวย ทรายต้องการความรัก ความเข้าใจ ความปรารถนาดีด้วย”
บุรีเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาว เหมือนจะส่งผ่านความอบอุ่นจากหัวใจให้เธอรับรู้ว่าเขาหวังดีกับเธอจากใจ
“พี่มีทั้งหมดนั้นให้ทราย เพียงแต่ความรู้สึกที่ดีงามนั้น ควรมีจุดเริ่มต้น ที่มีความปรารถที่จะแบ่งปัน ความสุขและความทุกข์ ความต้องการที่จะประคับประคองกันไปในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เริ่มจากการเอาชนะ”
ศรุตามองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวด
“คุณคงรังเกียจฉันสินะ คุณคงเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงง่ายๆ ที่ใช้ร่างกายตัวเองล่อหลอกผู้ชาย เพื่อเอา ชนะ ฉันไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหน แต่ที่ฉันยอมลดศักดิ์ศรี ลืมความอับอายมาอ่อยคุณแบบนี้ เพราะฉันแค่ อยากให้คุณเลิกสร้างกำแพงกีดกันฉันออกจากชีวิตคุณสักที ฉันอยากให้คุณรักฉัน”
บุรีมองศรุตาอย่างเข้าใจ เหมือนสายตาที่พี่ชายมองน้องน้อย
“ทั้งความรักและความปรารถนาดี พี่บีมีให้น้องทรายเสมอ โดยที่ทรายไม่จำเป็นต้องทำอย่างเมื่อกี้ อีก”
บุรีกระชับเสื้อคลุมให้ แล้วเดินไปเปิดประตูห้องให้เธอ
“Good night”
หญิงสาวตระหนักถึงการตัดไมตรีอย่างสุภาพของผู้ชายที่ไม่ต้องการแตะต้องตัวผู้หญิงที่เอาตัวเองมา เสนอเขา พลันก็วิ่งออกจากห้องบุรีไปทันที
บุรีปิดประตูแล้วถอนใจ
ศรุตายืนพิงประตูห้องตัวเอง ด้วยความรู้สึกอับอาย พ่ายแพ้
เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงอย่างศรุตายอมทอดสะพานให้ผู้ชายแต่กลับโดนปฏิเสธ
และ....เป็นครั้งแรกที่ศรุตาเป็นฝ่ายเสียน้ำตาให้ผู้ชาย !!
ฌานขับรถมาจอดที่หน้าบ้านใหญ่ แล้วรีบลงจากรถ เดินมาเปิดประตูให้ศรวณีย์ ที่ยังประหม่ากับเรื่องราวหวนฉ่ำของสองคนที่เพิ่งผ่านพ้นมา
“ศรเข้าบ้านก่อนนะคะ”
พูดพลางจะเดินไป แต่ฌานกลับคว้ามือไว้
“ศรยังไม่ลาพี่เลย”
หญิงสาวยกมือสวัสดี แต่ฌานกลับบอกว่าไม่ได้ต้องการแบบนี้ แล้วทันใดนั้นก็ยื่นหน้าไปจูบปากของเธอ ศรวณีย์ยืนอึ้งมองฌานอย่างตกใจ เขิน ตื่นเต้น จนพูดแทบไม่ออก
“เอ่อ คือ ศร ศรไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว ศรจะไม่ให้พี่เข้าบ้านไปหาคุณพ่อ คุณแม่ศรจริงๆเหรอ”
หญิงสาวมองสบตาฌาน
“เอาไว้ให้เสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนนะคะ แล้วศรจะพาพี่ฌานพบคุณพ่อ คุณแม่”
“ไหนศรบอกว่าศรยกเลิกการแต่งงานกับพัชระแล้ว ทำไมพรุ่งนี้ยังต้องจัดงานแต่งต่อไปอีก”
“เพราะศรต้องการตอบแทนผู้มีพระคุณ ที่ทำให้ศรได้มีความสุขกับคนที่ศรรักแบบนี้ไงคะ”
ศรวรณีย์ยังไม่เปิดเผยกับฌาน เพราะรับปากพัชระไว้ พลางจะเดินไป แล้วชะงักเท้าก่อนจะตัดสินใจ หันกลับมาจูบแก้มฌานอย่างเร็ว แล้ววิ่งเข้าบ้านไปอย่างเขินอาย
ฌานมองตามอย่างมีความสุข แล้วคิดถึงงานแต่งพรุ่งนี้
“พิธีพรุ่งนี้ มันมีอะไรกันแน่ ?”
บุรีเดินลากกระเป๋าเดินทางมาที่ลิฟท์ ก็เห็นศรุตายืนรอลิฟท์อยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มชะงักที่เธอกำลัง จะไป โดยไม่บอกลาเขา
ทันใดนั้นประตูลิฟท์เปิดออก
“คุณลงไปก่อนเถอะ ฉันลืมของ”
ศรุตาจะเดินผ่านไป แต่บุรีคว้ามือมาจับไว้ หญิงสาวดึงมือออก โดยไม่ยอมมองสบตาเขาอย่างพยายามเข้มแข็งปิดบังความรู้สึกเจ็บในใจ จากนั้นก็ตัดสินใจเดินกระเผลกลากกระเป๋าเดินทางเดินไปทางบันไดหนีไฟ
บุรีรีบเดินตามมาดึงกระเป๋าเดินทางของเธอไว้
“ทราย ทำไมไม่ลงลิฟท์ ขาคุณก็เจ็บ จะเดินลงยังไงอีกตั้งยี่สิบกว่าชั้น”
ศรุตายังพยายามจะเดินลงบันได โดยไม่พูดตอบโต้
“ทราย จะทรมานตัวเองทำไม?”
หญิงสาวยังคงดื้อดึง บุรีจึงตามไปกึ่งฉุด กึ่งจูงเธอให้ออกประตูหนีไฟเพื่อไปที่ลิฟท์ ศรุตาเบี่ยงตัว หันหลังให้เขา ด้วยความรู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งอาย ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา
บุรีจับตัวหญิงสาวหมุนมาให้หันหน้าเผชิญกัน แล้วโอบเอวรั้งร่างของเธอเข้ามากอดไว้ แล้วกดศีรษะ ให้ซบลงกับอกตัวเอง
ศรุตาพยายามจะดันตัวเองออกเพราะไม่อยากสัมผัสความอบอุ่นนี้อีกแต่บุรียิ่งกอดแน่น สัมผัสอันอบอุ่นนั้น ทำให้ความเข้มแข็งที่เธอพยายามสร้างไว้หลอมละลายกลายเป็นน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง
บุรียิ่งกอดกระชับเธอแน่นเข้า โดยต่างไม่มีคำพูดใดๆต่อกัน
บุรีเดินลากกระเป๋าของตัวเองและของศรุตาจะเดินออก จากประตูโรงแรม
“ขอกระเป๋าฉันเถอะค่ะ”
บุรียื่นกระเป๋าให้ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ทราย ถ้าการกระทำหรือคำพูดใดๆของผม ทำให้คุณโกรธหรือไม่พอใจ ผมขอโทษ แต่ผมก็ขอยืนยัน ว่าทั้งหมดนั้นเป็นความหวังดี ผมอยากให้ทรายมองโลก มองชีวิตในแง่มุมใหม่ การไขว่คว้าหาสิ่งที่ต้องการเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรคำนึงถึงวิธีการด้วย”
ศรุตาดึงกระเป๋าจากมือเขาอย่างเต็มแรง บุรียอมปล่อยมือจากกระเป๋าให้ทราย
หญิงสาวลากกระเป๋าจะเดินไป บุรียังพูดตามหลัง
“จำเอาไว้ ทุกอย่างที่พี่พูด ที่พี่ทำ เพราะพี่บีคนนี้ อยากเห็นทรายเติบโตงดงาม”
ศรุตาฟังทุกคำที่บุรีพูดด้วยความเจ็บปวด ยิ่งเขาดีกับเธอเท่าไร เธอยิ่งเจ็บที่โดนเขาปฏิเสธ
พลันพัชระก็โทร. เข้ามือถือมาพอดี
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่บี ความงดงามของชีวิตทราย มันกำลังเติบโตอยู่” ศรุตาหยิบแว่นตากันแดดมาสวมปกปิดความอ่อนแอ แล้วเดินเชิดหน้าอย่างทรนง พร้อมกับกดรับ สาย
“ฉันกำลังไป”
บุรีมองตามทราย แล้วถอนใจว่าเขาทำถูกหรือผิดกันแน่ ?
ศรุตาขับรถมาจอดที่ริมรั้ว พลางเลื่อนกระจกลง แล้วมองเข้าไปในรั้วบ้านที่กำลังดำเนินพิธีแห่ ขัน หมากกันอย่างสนุกสนาน
“ถึงเวลาที่คุณจะได้รู้ว่าคนที่โดนแย่งทุกอย่างไป มันเป็นยังไงแล้วสินะ”
อ่านต่อตอนที่ 12