มนต์รักอสูร ตอนที่ 14
สถานที่จัดงานวันเกิดเด็กชายนันท์ ถูกจัดแต่งและเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เมื่อถึงวันงานบรรยากาศสดใส และเริ่มคึกคักแต่เช้า ทุกคนแต่งตัวเป็นคาวบอย คาวเกิร์ล ตามธีมของงาน
จนได้เวลาที่นัดหมายไว้ เด็กชายหญิงเพื่อนๆ ของนันท์ พร้อมพ่อแม่ผู้ปกครอง ต่างทยอยมาถึงงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นันท์ยืนต้อนรับทักทายแขกอยู่หน้าทางเข้างาน และคอยรับของขวัญจากเพื่อนๆ น้ำผึ้งอยู่ด้วยกัน นันท์ทักเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึง
“ขอบคุณนะเอ็ม”
น้ำผึ้งยิ้มบอกกับเด็กๆ “สนุกกันให้เต็มที่เลยนะจ๊ะวันนี้”
นันท์ชะเง้อเหมือนมองหาเด็กหญิงที่สนิทกัน
“คุณนันท์มองหาใครคะ”
นันท์ฟอร์ม “เปล่าครับ”
นันท์ซึมไปนิดหน่อย น้ำผึ้งยิ้มรู้ทัน
“ดูสินั่นใครมา”
นันท์มองตามไป เห็นหมอนอิง เด็กหญิงที่สนิทกันมาร่วมงานพร้อมพ่อแม่ ก็ดีใจ
“หมอนอิง!”
“แฮ้ปปี้เบิร์ดเดย์นะนันท์”
หมอนอิงยื่นของขวัญให้นันท์
“แค่หมอนอิงมา นันท์ก็ดีใจแล้ว”
นันท์ยิ้มกว้างเป็นพิเศษ น้ำผึ้งยิ้มที่พบว่านันท์ดูดีใจมากเป็นพิเศษที่หมอนอิงมาร่วมงาน
“ใครกันน้า ที่คิดว่าเขาจะไม่มา”
นันท์เขิน ไม่ตอบอะไร วิ่งเข้าไปในงานไปเล่นกับเพื่อนทันที น้ำผึ้งขำ
พวกพรและชมพู่ยืนประจำการอยู่ที่โต๊ะอาหารคอยแจกอาหารให้เด็กๆ มาร์คอยู่ตรงมุมเครื่องดื่ม แจกเครื่องดื่มให้เด็กๆ อ้อยกับหอมช่วยกันจัดของขวัญที่เพื่อนๆ เอามาให้นันท์ อ้อยจัดไปบ่นบ้าไปอย่างไม่พอใจ
“ดูครูน้ำผึ้งสิ เสนอหน้าต้อนรับแขก ทำอย่างกับเป็นแม่คุณนันท์ ท่าทางคงอยากมาแทนที่คุณพริมเต็มที่!”
หอมเซ็ง “แกคิดมากไปรึเปล่าอ้อย”
“ใครจะไปคิดน้อยเหมือนพี่ล่ะ ผู้หญิงด้วยกันดูกันออกย่ะ!”
หอมส่ายหน้า ระอากับความคิดของอ้อย
อ้อยหมั่นไส้น้ำผึ้งเป็นที่สุด
ภูฤทธิ์และฟ้าใสมาถึง ตรงมาทักทายน้ำผึ้ง พีทมาด้วย น้ำผึ้งสวมกอดฟ้าใสด้วยความซาบซึ้ง
“ฟ้าใส ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้แก งานคงไม่ออกมาดีอย่างนี้”
“แกก็ถ่อมตัวเกิ๊น ฉันไม่ได้ทำอะไรมากเลย มีแต่แกนั่นแหละวิ่งวุ่นทั่วงาน”
ภูฤทธิ์ทักถาม “คุณน้ำผึ้งเหนื่อยแย่เลยนะครับวันนี้”
“เหนื่อย แต่ก็อิ่มใจค่ะ”
เทิดเข้ามาเห็นภูฤทธิ์ก็หน้าตึง ไม่พอใจ
“ใครเชิญแกมา ออกไปเดี๋ยวนี้”
ภูฤทธิ์เซ็ง “นี่คุณ พูดให้ดีๆ หน่อย”
“ทำไมฉันพูดดีกับคนอย่างแก”
น้ำผึ้งรีบเคลียร์ ไม่อยากให้มีเรื่องกัน
“คุณภูกับฟ้าใสเป็นแขกของน้ำผึ้งเองค่ะ”
“แขก? ฉันให้เธอจัดงานได้ ไม่ได้หมายความว่าจะเชิญใครมาก็ได้นะ”
“แต่คุณเทิดเป็นคนอนุญาตให้น้ำผึ้งเชิญแขกมาได้นี่คะ”
“ฉัน? อนุญาต” เทิดงง
“ค่ะฉันลิสต์รายชื่อแขกไว้แล้ว คุณก็เซ็นอนุญาตเองด้วย เพราะฉะนั้น ฉันทำทุกอย่างถูกต้อง จริงไหมคะ”
น้ำผึ้งควักเอกสารที่มีลายเซ็นต์เทิดห้ดู เทิดพลิกไปหน้าหลัง ปรากฏว่ามีชื่อภูฤทธิ์กับฟ้าใสเป็นแขกจริงๆ
“เธอนี่มันหัวหมอจริงๆ”
“ฉันเปล่าค่ะ แต่คุณไม่ได้ดูให้ดีเองต่างหาก”
เทิดถึงกับพูดไม่ออก ภูฤทธิ์กับฟ้าใสเห็นแล้วขำ
น้ำผึ้งขอร้องเทิดดีๆ “ ฉันขอร้องนะคะ อย่ามีเรื่องกันในงานเลย คิดซะว่าทำเพื่อคุณนันท์เถอะค่ะ”
เทิดจำใจยอม แต่หันไปสั่งผันกับแซมที่อยู่ใกล้ๆ
“ผัน ลุงแซม ช่วยกันระวังด้วยนะ อย่าให้ใครมาก่อกวนในงานเด็ดขาด เห็นใครไม่ชอบมาพากล จัดการได้เลย ฉันอนุญาต”
สองคนรับพร้อมกัน “ครับคุณเทิด”
ภูฤทธิ์ไม่พอใจ
“ผมไม่กลัวคำขู่ของคุณหรอก”
“ฉันไม่ได้ขู่ ฉันพูดจริง ทำจริง”
เทิดมองหน้าภูฤทธิ์อย่างเอาเรื่อง แล้วจึงหนี ผันและแซมตามเทิดออกไป
ภูฤทธิ์คุมแค้น “ถ้าไม่เห็นแก่คุณน้ำผึ้ง ผมจะซัดปากเสียๆ ซักที”
น้ำผึ้งกับฟ้าใสไม่สบายใจ กลัวมีเรื่องกัน
“อย่ามีเรื่องกันดีที่สุดค่ะ วันนี้วันเกิดคุณนันท์ด้วย” ฟ้าใสปราม
“แต่ถ้าพ่อคุณนันท์ยังทำตัวขวางคนอื่นแบบนี้ ผมก็ไม่รับประกันหรอกครับว่ามันจะไม่มีอะไร”
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ” ฟ้าใสเครียด
“สร้างกิจกรรมกลุ่ม ละลายพฤติกรรม ดีไหมคะ”
น้ำผึ้งยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนมีแผนในใจ ฟ้าใสกับภูฤทธิ์ไม่เก็ต
กิจกรรมในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น น้ำผึ้งเรียกเด็กๆ มารวมตัวกัน มีเจ้าหน้าที่มาอธิบายส่วนต่างๆ ในไร่ บรรดาเด็กๆ นั่งฟังอย่างสนอกสนใจ มีเทิดยืนดูอยู่เงียบๆ
ฟ้าใสกับภูฤทธิ์พาเด็กๆ ไปยังโซนกิจกรรมปลูกต้นไม้ สองคนช่วยกันสอนว่าต้องทำยังไงบ้าง
หอม กะ อ้อย เป็นแกนนำพาเด็กๆ ไปเก็บไข่ในฟาร์ม ทุกคนช่วยกันเก็บไข่อย่างสนุกสนาน
มีเด็กเดินไปทางเทิด แต่เทิดเอาแต่ยืนนิ่งทำหน้าดุจนเด็กขยาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้
น้ำผึ้งมองไปยังเทิดแล้วกลุ้ม คิดจะหาทางให้เทิดร่วมงานดีๆให้ได้
นันท์ช่วยหมอนองเก็บไข่ในฟาร์ม ดูมีความสุขมาก อ้อยสะกิดหอมชี้ให้ดูนันท์ หอมทำหน้าฟินเกี่ยวแขนอ้อยบ้าง แต่อ้อยทำท่ารำคาญ สะบัดแขนออกแล้วเดินไปหาพวกพร และชมพู่
มีคนงานมาพาเด็กๆ ขึ้นรถชมรอบๆ ไร่ พร้อมกับคอยอธิบายไปด้วยว่ามีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง
เวลาผ่านไป ทุกคนกลับมารวมกันที่ลานกิจกรรม คนงานชายคนหนึ่งยกถังไอศกรีมเข้ามามีน้ำผึ้งคอยคุม
“วางตรงนี้เลยจ้ะ”
คนงานวางถังไอศกรีมเสร็จก็ออกไป เด็กๆ เห็นไอศกรีมก็ดีใจมามุงกัน น้ำผึ้งยิ้มบอกกับเด็กๆ
“รอก่อนนะคะ”
ภูฤทธิ์ พีท และฟ้าใสเข้ามาช่วยเตรียมของ ส่วนน้ำผึ้งเดินไปหาเทิด
“คุณเทิดคะ ฉันมีเรื่องอยากรบกวนหน่อยค่ะ”
“อะไร”
น้ำผึ้งเดินไปรุนหลังเทิดให้เดินมาตรงถังไอติม เจอภูฤทธิ์ที่เตรียมอุปกรณ์อยู่
“จะทำอะไรของเธอ”
น้ำผึ้งยิ้มบอกสองคู่ปรับ “คุณเทิดคะ คุณภูคะ ช่วยตักไอศกรีมแจกเด็กๆ หน่อยค่ะ”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
ภูฤทธิ์ยิ้มรับรีบบอก “ได้เลยครับผมยินดี”
“ขอบคุณนะคะคุณภู” น้ำผึ้งหันมาหาเทิด “คุณเทิดล่ะคะ”
เทิดไม่ตอบ รู้สึกเหมือนโดนหยาม ยิ่งเห็นภูฤทธิ์ดูยินดีปรีดาที่จะช่วยน้ำผึ้งยิ่งหงุดหงิด
“คุณเทิดคะ ขอร้องล่ะค่ะ ฉันไม่คิดจะสั่งคุณ แค่ขอความช่วยเหลือ นี่เป็นงานเลี้ยงวันเกิดคุณนันท์ คุณเทิดควรจะมีส่วนร่วมนะคะ”
“ไม่มีใครว่างรึไง ทำไมต้องเป็นฉัน”
“ค่ะ ไม่มีใครว่างเลย เดี๋ยวฉันต้องไปดูงานตรงอื่นอีก จะมีแต่คุณกับคุณภูนี่แหละค่ะที่น่าจะช่วยได้”
“ถ้าเขาไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมทำคนเดียวได้”
เทิดคุมแค้นมองจ้องหน้าภูฤทธิ์ ถ้าหากไม่ทำก็คงเสียหน้า อสูรจอมเหงี่ยงเลยเดินไปคว้าที่ตักไอศกรีมขึ้นมา น้ำผึ้งดีใจ หันไปบอกเด็กๆ
“เด็กๆ เข้าแถวด้วยค่ะ เดี๋ยวพวกพี่จะตักไอติมให้นะ”
เด็กๆ มายืนต่อแถวรอรับไอศกรีมกัน น้ำผึ้งถอยออกมาหากระซิบบอกฟ้าใส
“น้ำผึ้ง วิธีนี้จะดีแน่เหรอ”
“ก็ต้องลองดู”
น้ำผึ้งมองเทิดที่ตักไอศกรีมท่าทางเก้ๆ กังๆ แล้วอดขำไม่ได้
อีกมุมในงานวันเกิด พวกพรเตรียมอาหารไว้เลี้ยงแขก หอมนั่งเป่าลูกโป่งอยู่ใกล้ๆ คอยลอบมองมาร์คกับพีทที่ช่วยจัดโต๊ะเตรียมเครื่องดื่มอยู่
อ้อยอยู่กับหอม มองเห็นเทิดเดินไปตักไอศกรีมกับภูฤทธิ์ก็แปลกใจ
“ยัยครูนั่นให้นายทำอะไรน่ะ”
“ให้นายแจกไอติมไงนังอ้อย ไม่เห็นเหรอ”
“เห็น แต่นายไม่น่าจะยอมนี่”
“ครูน้ำผึ้งเขามีวิธีของเขา แกก็เห็นว่านายยอมแล้ว”
“ไม่จริงอ้ะ ทำไมทุกคนต้องยอมครูน้ำผึ้งไปหมดด้วย”
หอมเลิกเป่าลูกโป่ง หันมาคุยด้วย
“เพราะเขาคือครูน้ำผึ้ง ไม่ใช่แกไงนังอ้อย”
“อีพี่หอม”
หอมหันไปนั่งเป่าลูกโป่งต่อ พอหันไปมองมาร์คกับพีทก็เจอสองหนุ่มแกล้งขยิบตาใส่อีก หอมรีบลุกหนี
ทิ้งให้อ้อยฮึดฮัดขัดใจตะบึงตะบอนอยู่คนเดียว
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 14 (ต่อ)
เทิดตักไอศกรีม ยื่นให้เด็กชายคนหนึ่งที่อยู่หน้าสุด สีหน้าเทิดดูโหดมาก เด็กยื่นมือจะรับไอศกรีม เทิดเปิดฉากอบรม
“ผู้ใหญ่ให้ของต้องทำยังไง ที่บ้านไม่สอนเหรอ”
เด็กชายคิดว่าเทิดดุ ร้องไห้ กลัวเทิด ภูฤทธิ์เซ็ง ต้องเข้าไปปลอบเด็ก
“ไม่เป็นไรนะหนู...คุณเทิดพูดกับเด็กๆ ดีๆ หน่อยสิครับ คุณจะทำให้งานกร่อยนะ”
“ฉันก็สอนดีๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ร้องทำไมเนี่ย”
“ไม่ได้ทำอะไรล่ะครับ แทนที่คุณจะให้เด็กดีๆ ดันไปดุใส่ หน้าก็บึ้ง แถมหนวดเครารุงรังอย่างนี้ เด็กก็เลยกลัวคุณ”
เทิดไม่พอใจ “ฉันให้แกเข้ามาอยู่ในงานมันก็ฝืนใจมากพอแล้ว นี่ยังจะมายืนสั่งสอนอีก มันไม่มากไปหน่อยหรือไง”
“ผมไม่ได้จะสั่งสอน ผมแค่แนะนำ วันนี้งานรื่นเริง คุณก็เห็นนี่ว่าทุกคนมีความสุข”
“น่าเบื่อจริงๆ”
เทิดบอกปัดท่าทีรำคาญๆ ตักไอศกรีมใส่ถ้วยแล้วยื่นให้ภูฤทธิ์หน้าบึ้งตามเคย ภูฤทธิ์รับไอศกรีมจากเทิด ส่งให้เด็กๆ ยิ้มแย้มใจดี เด็กๆ ยกมือไหว้ขอบคุณ
“นี่คุณ ผมอยากบอกคุณอีกอย่าง” ภูฤทธิ์เอ่ยขึ้น
เทิดเสียงขุ่น “อะไร”
“คุณอาจจะขัดใจใครก็ได้ในงานนี้ แต่จุดประสงค์ที่จัดงานนี้มันเพื่อลูกของคุณ คุณเป็นพ่อ คุณมีหน้าที่ทำให้ลูกมีความสุข ผมอยากให้คุณนึกถึงคุณนันท์มากที่สุด แล้วผมก็รู้ว่าครูน้ำผึ้งก็ต้องการให้คุณคิดแบบนี้”
เทิดขัดใจนิดๆ ที่ถูกสั่งสอน แต่ก็หันไปตัดไอศกรีมต่อไม่พูดอะไร
ในขณะที่นันท์วิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ หอมรำป้อ แหวกทางเข้ามา
“ขอทางหน่อยครับ เอ้า มาละเหวย มาละวา”
หอมรำเข้ามากลางลาน อ้อยตีหอม
“ผิดงานแล้วพี่หอม!”
มาร์คกับพีทช่วยกันเข็นรถเข็นที่มีเค้กองุ่นปอนด์ใหญ่เข้ามาในงาน นันท์และเด็กๆ ต่างวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลัง ดูเค้กอย่างตื่นเต้น
น้ำผึ้งเป็นต้นเสียง ร้องเพลงแฮ้ปปี้เบิร์ธเดย์ให้นันท์ และทุกคนในงานช่วยกันร้องตาม รวมทั้งภูฤทธิ์และฟ้าใสด้วย นันท์ดีใจ เทิดเห็นลูกชายยิ้มแย้มสดใส ก็พลอยมีความสุขไปด้วย ยืนมองเหตุการณ์นิ่งๆ
พอร้องเพลงจบ นันท์ก็เป่าเทียน แล้วทุกคนก็ปรบมือ
“ครูขอให้คุณนันท์มีความสุขมากๆ นะคะ”
“พวกเราทุกคนรักคุณนันท์นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
น้ำผึ้งและป้าพรช่วยกันตัดเค้กแจกจ่ายให้ทุกคนในงาน
อ้อยรีบแย่งจานเค้กไปให้เทิด
“ของคุณเทิดค่ะ”
เทิดรับมานิ่งๆ ไม่ได้สนใจอ้อยเลย
น้ำผึ้งยื่นจานใส่เค้กให้นันท์
“เค้กองุ่นนี้เป็นสูตรเดียวกับที่คุณพริม แม่ของคุณนันท์เคยทำนะครับ ครูน้ำผึ้งตั้งใจทำเพื่อคุณนันท์” แซมบอก
“เค้กของคุณแม่เหรอครับ” เจ้าของวันเกิดซึ้ง
เทิดได้ยินก็อึ้งไป
“รสชาติคงเทียบฝีมือคุณแม่ของคุณนันท์ไม่ได้ แต่ครูก็ตั้งใจทำสุดฝีมือเลย ขอให้คุณนันท์ทานให้อร่อยนะคะ ครูอยากให้เพื่อนๆ ของคุณนันท์ได้ชิมว่าเค้กสูตรของคุณแม่คุณนันท์อร่อยมากแค่ไหนค่ะ”
นันท์มองเค้กอึ้งอยู่ชั่วขณะ จึงลองตักชิม อ้อยพูดกับหอมและชมพู่มองลุ้น
“ฉันว่าคุณนันท์ต้องอาละวาดแน่ คอยดูอะไรสนุกๆ ได้เลย” อ้อยว่า
พอนันท์ชิมแล้วน้ำตาซึม ร้องไห้ออกมา
อ้อยลิงโลด “นั่นไง”
น้ำผึ้งตกใจ “ไม่อร่อยเหรอคะ ครูขอโทษ คุณนันท์อย่าร้องไห้นะคะ”
“อร่อยครับ เหมือนที่คุณแม่ทำเลย”
น้ำผึ้งดีใจมาก เช็ดน้ำตาให้คุณนันท์
“ครูดีใจที่คุณนันท์ชอบค่ะ ยิ้มหน่อยนะคะคนดี” นันท์ยิ้มให้น้ำผึ้ง “ทานเยอะๆ นะคะ”
หมอนอิงบอกว่า “เค้กอร่อยจังเลย แม่นันท์เก่งจัง”
นันท์ภูมิใจ “แม่เราเก่งแล้วยังใจดีอีกด้วยนะ”
เทิดมองเค้กในจานแล้วลองตักชิม ปรากฏว่าอร่อย ใกล้เคียงกับที่พริมเคยทำให้ทาน ผันอยู่ใกล้ๆ แกล้งถาม
“อร่อยมั้ยครับคุณเทิด”
“ก็งั้นๆ ยังไงก็สู้ฝีมือคุณพริมไม่ได้หรอก”
เทิดปากแข็ง แต่ตักกินไป เรื่อยๆ หวนคิดถึงพริม ผันยิ้มรู้ทัน
ทุกคนแฮปปี้ มีอ้อยที่เซ็งเป็ดเมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด
“เสียใจด้วยนะนังอ้อย คนทำดีย่อมได้ดีย่ะ”
“เชอะ รักมากระวังจะได้มาเป็นคุณนายคนใหม่ของไร่ล่ะ”
“ไม่มีใครคิดอกุศลเหมือนแกหรอก”
อ้อยกับชมพู่ต่างสะบัดหน้าหนีกัน หอมมองอยู่หมั่นไส้อ้อย เอาครีมจากขนมเค้กป้ายหน้าเข้าให้ อ้อยกรี๊ด
“ว้าย ไอ้พี่หอม ไอ้บ้า!”
หอมกับอ้อยวิ่งหนีวิ่งไล่ตีกันเป็นวุ่นวาย
บรรยากาศในงานดำเนินไปบนความสุข สนุกสนาน ทุกคนยิ้มแย้มหัวเราะหัวใคร่ให้กัน
ระหว่างนี้ นันท์เดินมาดูกล่องของขัญที่ทุกคนเอามาให้ หยิบมาดูบ้างบางกล่อง น้ำผึ้งเดินเข้ามาหา
“คุณนันท์คะ”
“ครับครู”
“คุณนันท์สนุกไหมคะวันนี้”
“สนุกสิครับ ได้ทำอะไรเยอะแยะเลย”
“ถ้าคุณนันท์มีความสุขครูก็ดีใจนะคะ”
“นันท์เคยคิดว่าไม่มีแม่อยู่ด้วยนันท์คงไม่มีความสุข...” นันท์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แต่สักพักก็ยิ้มออกมา “แต่นันท์รู้แล้วครับ ว่าแม่คงอยากเห็นนันท์มีความสุขมากกว่า”
“ครูดีใจที่คุณนันท์คิดแบบนี้นะคะ”
“นันท์จะมีความสุขครับ เวลาที่แม่อยู่บนสวรรค์มองมา แม่จะได้ดีใจ”
น้ำผึ้งยิ้มเอ็นดูนันท์
“ดีมาก คนเก่งของครู เอางี้ ตอบแทนเด็กเก่ง ครูก็มีของขวัญให้เหมือนกัน”
น้ำผึ้งยื่นกล่องของขวัญที่ถือมาด้วยให้นันท์
“อะไรเหรอครับ”
“เปิดดูสิคะ”
นันท์เปิดกล่องของขวัญออกดู เด็กชายพบว่าในนั้นมีวอล์คกี้ทอล์คกี้อยู่
“มันเรียกว่าวอล์คกี้ทอล์คกี้นะคะ คล้ายๆวอของผู้ใหญ่ คุณนันรู้จักไหม”
“รู้จักครับ”
“ครูมีแบบนี้เหมือนคุณนันท์อีกอันนึง ครูให้คุณนันท์นะ ไว้เผื่อคุณนันท์มีอะไรอยากบอกครู คุณนันท์ก็คุยผ่านเจ้านี่ได้”
“จริงเหรอครับ”
“ค่ะ สัญญาณมันอาจไม่ไกลมาก แต่ถ้าเรายังอยู่บ้านนี้ด้วยกัน คุณนันท์จะตามตัวครูที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วครูจะไปหาคุณนันท์ ทันทีเลย”
นันท์หยิบวอล์คกี้ทอล์คกี้ขึ้นมาดู ยิ้มดีใจ
“ขอบคุณมากนะครับครู”
เทิดแอบมองน้ำผึ้งคุยกับนันท์อยู่อีกมุมหนึ่งไม่ไกลนัก
ตรงมุมเครื่องเล่น เด็กๆ ยืนต่อคิวรอเล่นเครื่องเล่น นันท์พาหมอนอิงมาต่อคิวด้วย เด็กชายจอมเกเร 2-3 คน ที่เคยมีเรื่องกับนันท์ มาแซงคิว ทำให้นันท์ไม่พอใจ
“ทำไมไม่ต่อแถว”
เด็ก1 บอก “แถวยาว ขี้เกียจต่อ”
“ไม่ได้ ทุกคนเขาก็ต่อแถวกันทั้งนั้น”
เด็กชายเกเรทั้งกลุ่มไม่พอใจ
เด็ก1 ไม่สน “ไม่ต่อ มีอะไรมั้ย”
“นิสัยไม่ดีเลย” หมอนอิงว่า
“ยุ่งอะไรด้วย!”
เด็ก1 ผลักหมอนอิงล้มลง หมอนอิงร้องไห้ นันท์ประคองให้ลุกขึ้น
“หมอนอิงเป็นไรรึเปล่า” นันท์โมโหบอกกับเด็ก1 ว่า ขอโทษหมอนอิงเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่! ทำไมเราต้องเชื่อนันท์ด้วย เด็กมีปัญหา โดนไล่ออกจากโรงเรียน”
เด็ก 2 ล้อนันท์ “เด็กมีปัญหา โดนไล่ออกจากโรงเรียนๆๆ”
นันท์โกรธมาก กำหมัดแน่น อยากจะชกแต่คิดได้ เลยไม่ชกเพื่อน
“นันท์ไม่ใช่เด็กมีปัญหา คนที่ชอบแกล้งคนอื่นต่างหากที่มีปัญหา!”
“ว่าเราเป็นเด็กมีปัญหาเหรอ”
เด็ก1 โกรธชกนันท์ แต่ไม่โดนเพราะนันท์ก้มหลบทัน เด็ก1 เลยไปชกโดนเด็ก 2 ที่อยู่ข้างหลังนันท์แทน
เด็ก 2 ร้องไห้ เด็ก1 ตกใจเลยร้องไห้ตาม
อ้อยกับหอมสังเกตการณ์อยู่อีกมุมหนึ่ง
“อีพี่หอม ทำไมเด็กตรงนั้นร้องไห้”
สองคนเห็นนันท์มองเด็กที่ร้องไห้ และทำอะไรไม่ถูก
“ฉันว่า ท่าจะเรื่องใหญ่แล้วว่ะนังอ้อย”
หอมกะอ้อยหันรีหันขวาง มองหาตัวช่วย ทำอะไรไม่ถูก
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 14 (ต่อ)
แม่เด็ก1 จูงลูกตัวเองกับนันท์เข้ามาโวยวายใส่เทิด
“ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ฉันไม่ยอมให้ลูกฉันเจ็บตัวฟรีแน่!”
เทิดมองฉงน ผัน แซม พร ชมพู่ มาร์ค พีท ตามมาสมทบ
“เกิดอะไรขึ้น” เทิดถามขึ้น
แม่เด็ก1 ฟ้องทันที “คุณมาก็ดีแล้ว ลูกคุณเกเร ชกลูกฉัน”
เทิดมองไปยังนันท์ แต่นันท์เอาแต่ก้มหน้านิ่ง
“นันท์น่ะเหรอชกลูกคุณ”
“ก็ใช่น่ะสิ ลูกฉันร้องไห้ เนี่ยคุณเห็นไหม สั่งสอนลูกยังไงฮะ ลูกถึงเป็นอันธพาลรังแกคนอื่น มิน่าถึงโดนไล่ออกจากโรงเรียน!” แม่เด็ก1 ใส่ใหญ่
เทิดได้ยินเรื่องไล่ออกก็ของขึ้น ด้วยความโมโห
“คุณนันท์ไม่ได้โดนไล่ออก ผมให้ลูกลาออกเอง”
แม่เด็ก1เยาะหยัน “ลาออก อ๋อ คงเพราะทำตัวไม่ดีเข้ากับเพื่อนไม่ได้สินะ”
“ผมให้ออกเพราะโรงเรียนที่มีแต่ครูไม่มีเหตุผล เด็กบางคนก็มีพ่อแม่เอาแต่โวยวายแบบคุณ ผมไม่ให้ลูกเรียนที่นั่นหรอก”
“ต๊าย พอกันทั้งพ่อทั้งลูก เข้าข้างลูกแบบนี้ ลูกถึงเป็นเด็กมีปัญหา ฉันไม่น่าพาลูกมาที่นี่เลย” แม่เด็ก1โวยลั่น หันไปด่าประจานกับคนอื่นๆ ในงาน “ถ้าไม่อยากให้ลูกเจ็บตัว อย่าคบกับครอบครัวนี้นะ อันธพาลทั้งพ่อทั้งลูก”
พ่อเด็ก1ก็ไม่พอใจ “กลับเถอะ! คุยกับคนไม่มีเหตุผล เสียเวลาเปล่า”
พ่อแม่ของเด็ก1 พาลูกกลับ พวกพ่อแม่คนอื่นๆ เคยได้ยินชื่อเสียงนันท์ พากันกลัวลูกจะเจ็บตัว ต่างพาลูกทยอยกลับ งานกร่อยสุดๆ
พ่อแม่ของหมอนอิงก็พาหมอนอิงกลับด้วย
“โอ๋ อย่าร้องนะคะหมอนอิง”
นันท์เสียใจที่หมอนอิงก็ต้องกลับ
น้ำผึ้งได้ยินเสียงเอะอะ รีบแหวกคนเข้ามาดู ภูฤทธิ์ และ ฟ้าใสตามมาจากอีกทาง
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
เทิดเห็นน้ำผึ้งก็โมโหมาก เข้าไปกระชากแขนน้ำผึ้ง
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เทิดลากน้ำผึ้งออกไป ภูฤทธิ์จะตาม
“คุณน้ำผึ้ง”
ฟ้าใสกลัวเรื่องจะบานปลาย เลยเข้ามาห้ามไว้
“อย่าค่ะคุณภู ถ้าตามไปเรื่องต้องใหญ่แน่”
“แต่...”
พรเห็นสถานการณ์ชักไม่ดี เดินเข้ามาหาฟ้าใสกับภูฤทธิ์
“ฉันว่าคุณสองคนกลับไปก่อนดีกว่านะคะ อยู่ต่อตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”
ภูฤทธิ์ขัดใจ อยากตามไปช่วยน้ำผึ้งก็ไปไม่ได้
“กลับเถอะค่ะคุณภู นะคะ”
ภูฤทธิ์พยักหน้าจำใจต้องกลับ พีทตามไป
นันท์มองทุกคนที่ทยอยกลับก็หน้าเศร้า เสียใจที่ตัวเองทำงานวันเกิดล่มซะเอง
เทิดเดินลากน้ำผึ้งมาห่างคนอื่นๆ น้ำผึ้งโมโหสะบัดตัวออกอย่างแรง
“คุณเป็นอะไรของคุณอีกเนี่ยคุณเทิด”
“ยังมีหน้ามาถามอีก ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้จัดงานนี่ แต่เธอก็ดื้อจะทำให้ได้ แล้วเป็นไง เกิดเรื่องจนได้”
“เกิดอะไรกับคุณนันท์”
“เธอปล่อยลูกฉันไปรังแกเด็กคนอื่นในงาน จนพ่อแม่เขามาโวยวายอยู่นั่น ไม่เห็นรึไง”
น้ำผึ้งพยายามใจเย็น
“แล้วคุณเห็นกับตารึเปล่า ว่าคุณนันท์ทำ”
“ยังจะต้องหาหลักฐานอะไรอีก เด็กมายืนร้องไห้อยู่แบบนั้น จะให้ฉันทำไง”
“คุณนันท์ไม่ใช่คนที่จะทำร้ายคนอื่นก่อน ถ้าเขาไม่โดนรังแก คุณเป็นพ่อเขา คุณไม่รู้รึไง”
“แล้วเธอล่ะเห็นกับตาเหรอ ว่านันท์ไม่ได้ทำ”
น้ำผึ้งโดนย้อนเข้าให้ ถึงกับพูดไม่ออก
“ไม่เห็นค่ะ”
“เธอไม่เห็น แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือ ลูกเขาโดนทำร้าย แถมเขายังมาด่าฉันด้วยว่าเลี้ยงลูกให้เป็นอันธพาล นี่เหรอวิธีทำให้ลูกฉันมีความสุข ครูน้ำผึ้ง”
“ฉันขอโทษค่ะ ที่ดูแลคุณนันท์ได้ไม่ดี...”
“ขอโทษ เธอรู้เปล่าว่าตัวเองทำผิดซ้ำซากมากี่ครั้งแล้ว ฉันว่าเธอได้โอกาสมากเกินไปแล้ว เธอคิดว่าจะรับผิดชอบยังไงกับเรื่องนี้น้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งมองจ้องหน้าเทิด ด้วยความเสียใจ
“คุณมีคำตอบอยู่ในใจแล้วนี่คะ ในเมื่อสุดท้ายฉันก็ยังเป็นครูที่ไม่ได้เรื่อง คุณเป็นเจ้านาย แค่สั่งมาคำเดียวฉันก็ต้องทำตามอยู่ดี”
“รู้ตัวก็ดี งั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เธอไม่ใช่ครูของนันท์อีกต่อไป”
น้ำผึ้งน้ำตาซึม เทิดทำใจแข็ง ไม่ยอมง่ายๆ
พีทขับรถมาตามทาง มุ่งหน้าไปส่งฟ้าใสที่บ้านก่อน ภูฤทธิ์นั่งเครียดไม่สบายใจมาตลอดทาง
“ผมไม่สบายใจเลยคุณฟ้า เรื่องคุณน้ำผึ้ง”
“ฟ้ารู้ค่ะ แต่เราทำอะไรไม่ได้นี่คะ”
“ทั้งๆ ที่คุณน้ำผึ้งตั้งใจจัดงานนี้ แล้วอะไรๆ ก็เริ่มจะดีแล้วแท้ๆ” ภูฤทธิ์โมโหเทิด
“เราเป็นเพื่อนเขา ก็ทำได้แค่ช่วยอยู่ห่างๆ ตอนนี้คนที่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตน้ำผึ้ง ก็เป็นคุณเทิดอยู่ดี”
มองจากกระจกเห็นภูฤทธิ์ยิ่งเครียด พีทเลยพูดปลอบขึ้นว่า
“ผมว่าคุณภูทำใจให้สบายก่อนดีกว่า ผมว่าไม่เกินพรุ่งนี้เราคงได้ข่าว”
ภูฤทธิ์พยักหน้ารับ แล้วผินหน้ามองข้างทางโดยไม่พูดอะไรอีก ฟ้าใสเองก็เครียดและห่วงเพื่อนไม่ต่างกัน
ค่ำคืนนี้ที่บ้านไร่ของเทิดบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า ผัน แซม ป้าพร ชมพู่ หอม และอ้อย ต่างสลดหดหู่กันทั้งแถบ เทิดมองดุทุกคน
“ฉันสั่งแล้วว่าให้ช่วยกันดูแล อย่าให้เกิดเรื่อง มัวทำอะไรกันอยู่”
ทุกคนพูดไม่ออก เพราะรู้สึกผิดที่ไม่ดูแลนันท์และเด็กๆ ให้ดี
“นันท์ก็เหมือนกัน เมื่อไรจะเลิกนิสัยเกเร”
“นันท์ไม่ได้ทำอะไรนะครับ”
“ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับอีก นี่ไม่ใช่ครั้งแรก คิดว่าพ่อไม่รู้จักนันท์รึไง ดีแต่ก่อเรื่องจนตอนนี้ไม่มีโรงเรียนไหนอยากจะรับนันท์เข้าเรียนแล้ว นันท์ทำให้พ่อผิดหวังในตัวนันท์มากรู้มั้ย!”
นันท์เสียใจ
“พ่อไม่เคยเชื่อนันท์เลย! นันท์บอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ”
“ในเมื่อไม่ยอมรับผิด พ่อจะลงโทษกักบริเวณนันท์ ห้ามออกจากห้องหนึ่งอาทิตย์”
“นันท์ไม่ได้ทำจริงๆ”
“ยังมาโกหกอีก เพิ่มเป็นสองอาทิตย์” เทิดสั่ง “หอม อ้อย พาคุณนันท์ไปที่ห้อง”
นันท์ร้องไห้ เสียใจที่พ่อไม่เชื่อตน หอมและอ้อยสงสารมาก พานันท์ออกไป
เทิดนิ่ง ก่อนจะเดินหนีกลับห้องตัวเองไป
พร ชมพู่ ผัน มองหน้ากัน เสียใจที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้
คืนนั้นนันท์นั่งกอดเข่าอยู่ในห้องคนเดียวเหงาๆ น้ำผึ้งเคาะประตูห้อง นันท์เดินมาเอาหูแนบประตู
“ใครน่ะ”
น้ำผึ้งนั่งลงที่หน้าประตู หยิบวอล์คกี้ทอล์คกี้ของตัวเองที่ให้นันท์ขึ้นมาแล้วพูดใส่
“ครูเองนะคุณนันท์”
นันท์ได้ยินเสียงน้ำผึ้งจากวอล์คกี้ฯตัวเอง วิ่งไปหยิบแล้วกลับมานั่งหน้าประตูเหมือนเดิม
“ครูไปไหนมา ทำไมครูไม่อยู่กับนันท์”
“ครูขอโทษค่ะ แต่ตอนนี้ครูมาหาคุณนันท์แล้วนี่ไง”
นันท์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พูดระบายให้น้ำผึ้งฟัง
“นันท์รู้แล้ว...ครู นันท์เกลียดพ่อ”
“ทำไมล่ะคะ”
“พ่อไม่เชื่อนันท์ นันท์ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่มีใครเชื่อนันท์เลย”
น้ำผึ้งได้ยินน้ำเสียงนั้นก็สงสารนันท์มาก
“แต่ครูเชื่อคุณนันท์นะคะ”
นันท์เงียบไปชั่วครู่ แล้วก็เริ่มร้องไห้ น้ำผึ้งได้ยินเสียงสะอื้น พยายามปลอบนันท์
“คุณนันท์ ฟังครูนะคนเก่ง”
“ครับ”
“วันนี้ไม่มีใครเชื่อคุณนันท์ไม่เป็นไร คุณนันท์ต้องไม่ท้อ ต้องทำความดีต่อไป แล้ววันหนึ่งคนก็จะเห็นเองว่าคุณนันท์เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ไม่เกเรเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“นานแค่ไหนเขาถึงจะเห็นล่ะครับ”
“ครูตอบไม่ได้ค่ะ แต่ครูอยากให้คุณนันท์อดทน อยากให้คุณนันท์ดูแลตัวเอง แล้วก็อย่าเกลียดคุณพ่อเลย สิ่งที่คุณพ่อทำให้เพราะคุณพ่อรักคุณนันท์นะคะ”
“แล้วครูไม่รักนันท์เหรอ”
น้ำผึ้งใจหาย น้ำตาคลอ พยายามตอบไม่ให้เสียงสั่น
“รักสิคะ ครูก็รักคุณนันท์เหมือนกัน”
“นันท์ขอโทษที่นันท์ออกไปหาครูไม่ได้ พ่อห้ามนันท์ออกไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรเลย”
“แต่ถ้าวันไหนนันท์ออกไปได้ ถ้านันท์เรียกครูผ่านเจ้านี่ ครูจะมาหานันท์ทันทีเลยใช่ไหม”
น้ำผึ้งร้องไห้ “ค่ะ ครูจะมาคุณนันท์”
“นันท์จะรอวันนั้นเลย”
“ค่ะ ครูจะรอวันที่เราจะได้เจอกันอีกนะ”
น้ำผึ้งกดปิดวอล์คกี้ฯ แล้วร้องไห้ออกมา ปิดปากไม่ให้นันท์ได้ยินเสียง โดยที่นันท์ไม่รู้เรื่องด้วยเลยว่าครูน้ำผึ้งต้องจากไปแล้วในคืนนี้
ตื่นเช้ามา เทิดทำงานอยู่ในห้องทำงาน โดยไม่สนใจเรื่องน้ำผึ้ง สักพักผันก็เข้ามาหา
“นายครับ มีแขกมาพบครับ”
เทิดมีสีหน้าแปลกใจ
ขณะเดียวกัน นันท์มารู้เรื่องน้ำผึ้งเอาตอนเช้าโวยวายลั่นว่าครูนำผึ้งหายไปไหน
“ไม่จริง ครูน้ำผึ้งไม่ได้ลาออก ไปตามครูน้ำผึ้งมาหานันท์”
“คุณนันท์ใจเย็นฟังพี่อ้อยก่อนนะคะ”
“ไม่ ทำไมไม่มีใครบอกนันท์เลย ทุกคนใจร้าย พ่อก็ใจร้าย นันท์เกลียดพ่อ”
หอมพยายามปรามนันท์
“อย่าพูดอย่างนั้นครับคุณนันท์ มันไม่ดี”
“นันท์จะพูด นันท์เกลียดพ่อ เกลียดๆๆๆ”
นันท์โวยวายเริ่มเขวี้ยงข้าวของ อ้อยกับหอมพากันวิ่งหลบจ้าละหวั่น
เมื่อเทิดเข้ามาในห้องรับแขก ก็เจอพ่อ แม่ และหมอนอิงรออยู่แล้ว
“สวัสดีครับ มาพบผมมีธุระอะไรครับ”
“น้องหมอนอิงเป็นเพื่อนน้องนันท์ค่ะ เมื่อวานหมอนอิงโดนแกล้ง...”
แม่ยังพูดไม่ทันจบ เทิดก็แทรกขึ้นก่อนด้วยเสียงอันเย็นชาว่า
“ถ้าอยากให้ชดใช้ยังไงก็บอกมา ผมจะชดใช้สิ่งที่ลูกผมทำทุกอย่าง จะได้จบเรื่องซะที”
พ่อกับแม่แปลกใจ
“ฉันไม่ได้มาเรียกร้องอะไรหรอกค่ะ นันท์ก็ไม่ได้แกล้งหมอนอิงด้วย นันท์ช่วยหมอนอิงไว้ต่างหาก หมอนอิงบอกคุณอาสิลูก” แม่ว่า
หมอนอิงเสริม “เมื่อวานพวกนั้นมาแซง นันท์บอกให้ไปต่อแถวก็ไม่ยอม แล้วก็มาผลักหมอนอิงล้ม
แล้วก็จะชกนันท์ แต่นันท์หลบทัน เลยไปโดนเพื่อนอีกคนแทน นันท์ไม่ได้แกล้งใครนะคะ”
เทิดอึ้ง เพิ่งรู้ความจริง
“หมอนอิงอยากมาขอบคุณนันท์ค่ะ ฉันก็ขอบคุณคุณเทิดด้วย คุณเลี้ยงลูกได้น่ารักแล้วก็เป็นสุภาพบุรุษมากเลยค่ะ”
เทิดรู้สึกผิดที่เข้าใจนันท์ผิด
ฟ้าใสกับภูฤทธิ์แวะมาเยี่ยมน้ำผึ้งทันทีในเช้าวันต่อมา ทั้งสามคนนั่งคุยกันตรงลานหน้าบ้านน้ำผึ้ง
“ทำไมแกไม่บอกฉันตั้งแต่เมื่อวาน เรื่องที่แก...”
“ถูกไล่ออก”
“ใช่ ทำไมมันเกิดเรื่องอีกแล้วน้ำผึ้ง”
“ฉันต้องรับผิดชอบเรื่องคุณนันท์ ฉันดูแลลูกเขาไม่ได้ เขาไล่ออกก็สมควรแล้ว จริงๆฉันน่าจะโดนแบบนี้ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ”
“ผมคิดว่าเขาจะดีขึ้นได้ สุดท้ายก็เหมือนเดิม” ภูฤทธิ์เซ็ง
น้ำผึ้งยิ้มบางๆ เหมือนไม่เสียใจ
“น้ำผึ้งว่าออกมาก็ดีเหมือนกันนะคะ ได้พักผ่อนด้วย ถ้ามีเวลาฉันคงจะหาเวลาไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่กรุงเทพฯ บ้าง”
“ถ้าคุณน้ำผึ้งคิดแบบนั้นก็ดีครับ แต่เรื่องงาน...ไม่ต้องกลัวไม่มีงานทำนะครับ มาทำงานกับผมได้”
“ขอบคุณคุณภูมากที่มีน้ำใจกับน้ำผึ้ง แต่น้ำผึ้งยังอยากเป็นครูค่ะ งานในไร่คุณภู น้ำผึ้งไม่ถนัด กลัวว่าจะทำให้คุณภูเสียงานเปล่าๆ ค่ะ”
ภูฤทธิ์ผิดหวัง พยายามพูดตลกไม่ให้น้ำผึ้งเครียด
“ถ้าคุณผึ้งอยากสอน สอนผมก็ได้นะครับ”
“สอนคุณภู สอนไม่ได้หรอกค่ะ คุณภูจบสูงกว่าผึ้งอีกมั้งคะ”
“โธ่ แต่ในไร่ผมก็มีลูกคนงานที่เขาอยากให้สอนเหมือนกันนะครับ ถ้าคุณผึ้งอยากสอนพิเศษก็บอกผมได้เหมือนกัน”
“ขอบคุณคุณภูมากนะคะที่มีน้ำใจกับน้ำผึ้ง”
ฟ้าใสปรารภขึ้นว่า
“เอางี้ดีไหมคะ เพื่อเป็นการปลอบใจ เราพายัยผึ้งไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน เป็นการปลอบใจ”
“ฟ้า อย่าเลยฉันเกรงใจ”
ภูฤทธิ์ท้วง “แต่ผมเห็นด้วย”
“คุณภู”
“ไปเถอะครับ คุณน้ำผึ้งเองก็ไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่ไปอยู่ไร่นั้น นะครับ”
น้ำผึ้งนิ่งคิดอยู่สักพัก “ก็ได้ค่ะ”
ฟ้าใสกับภูฤทธิ์ดีใจ รีบพาน้ำผึ้งเดินออกไปขึ้นรถภูฤทธิ์ ก่อนจะขับออกไป
นันท์นั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวตรงมุมห้องนอน หอมกับอ้อยจนปัญญาจะทำให้นันท์อารมณ์ดีขึ้นมา สักพักประตูห้องนันท์ก็เปิดขึ้น หอมกับอ้อยสะดุ้งที่เห็นเทิดเดินเข้ามา
“นาย”
เทิดเข้ามาแล้วก็เดินหลีกไป โดยมีหมอนอิงยืนอยู่ข้างหลัง
เมื่อมองเห็นว่าใครมา นันท์ทั้งตกใจทั้งดีใจที่หมอนอิงมา
“หมอนอิง”
หมอนอิงยิ้มให้ พลางยื่นกล่องกล่องใส่คุกกี้น่ารักให้นันท์
“เราเอานี่มาให้นันท์”
“ให้เราเหรอ”
หมอนอิงพยักหน้า
“เวลาหมอนอิงทำความดี คุณครูจะให้ดาว หมอนอิงเลยทำคุ๊กกี้รูปดาวมาให้นันท์ เพราะนันท์ทำความดี นันท์ช่วยหมอนอิง หมอนอิงขอบคุณนันนท์นะ”
นันท์ยิ้มกว้างดีใจมาก แต่พอกันไปเห็นเทิดก็หน้าบึ้ง
“หอม อ้อย พาน้องหมอนอิงออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณนันท์”
“แต่นันท์ไม่อยากคุยกับพ่อ”
หอมกับอ้อยลังเลว่าต้องทำยังไง เทิดสั่งย้ำอีกรอบ
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
“ค่ะนาย”
“แล้วก็อีกเรื่อง ตอนกลางวันบอกให้เขายกสำรับมาที่นี่ ฉันจะทานข้าวกับคุณนันท์”
หอมกับอ้อยยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ แต่ก็พาหมอนอิงออกจากห้องไปโดยดี
อ้อยเดินออกมา มองเข้าไปในห้อง เกาหัวงงๆ หอมตามมาด้วยกัน
“นายเป็นอะไรอีก เมื่อวานด่า วันนี้ดี ขึ้นๆ ลงๆ ผีเข้าผีออก”
“แกกล้าบ่นนายเหรอนังอ้อย”
“ก็มันจริงนี่”
“รีบๆ ไปทำตามนายสั่งไป พูดมาก พายัยหนูนี่ไปส่งพ่อแม่เขาด้วย รอรากงอกแล้วมั้ง”
“เออๆ ไป”
อ้อยกับหอมพาหมอนเดินออกไป
ฝ่ายนันท์นั่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจากับเทิด จนเทิดที่รู้สึกผิดต่อลูกมาก พยายามชวนคุย
“คุณนันท์”
“ทำไมพ่อต้องไล่ครูออกด้วย”
“พ่อจะไม่แก้ตัวนะคุณนันท์ เรื่องนี้พ่อผิดจริงๆ”
นันท์ไม่ยิ้ม เทิดยิ่งรู้สึกผิด
“พ่อใจร้าย พ่อไม่เคยเชื่อนันท์ ไม่เชื่อครู ไม่เชื่อใครเลย”
เทิดหน้าเศร้า “พ่อขอโทษ”
“นันท์ไม่ได้อยากให้พ่อขอโทษ”
“แล้วคุณนันท์อยากให้พ่อทำอะไร”
“ถึงนันท์ขอพ่อไป พ่อก็ไม่ทำตามหรอก”
“ลองพูดมาสิคุณนันท์ คุณนันท์จะให้พ่อทำอะไรเป็นการไถ่โทษครั้งนี้”
นันท์กอดอก คิดอะไรบางอย่าง
“นันท์อยากให้พ่อไปตามครูน้ำผึ้งกลับมา”
“ตามครูน้ำผึ้ง”
“ใช่ครับ พ่อรู้แล้วนี่ว่าครูเขาไม่ผิด”
เทิดอึกอักอิดออด “มันก็ใช่ แต่...”
“หรือพ่อกลัวเสียฟอร์มที่ต้องไปง้อครูเขา”
“เปล่า พ่อไม่ได้กลัว”
นันท์ลุกขึ้นยืนเท้าเอว บอกเสียงจริงจัง
“งั้นพ่อต้องไปตามครูน้ำผึ้งกลับมาให้นันท์”
นันท์จ้องหน้าพ่อ เทิดรู้ว่าลูกเอาจริง ก็กลุ้มใจ ไม่รู้ว่าจะต้องง้อยังไง
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 14 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ ฟ้าใสไปทำงานที่ร้าน รีบโทร.หาน้ำผึ้งด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้างน้ำผึ้ง แกโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ดีขึ้นมากเลยล่ะ ขอบใจแกมากๆ ที่มาอยู่กับฉันเมื่อวาน”
“ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรแกโทร.บอกฉันนะ จำได้ใช่ไหม”
“จำได้สิ แต่ตอนนี้ไม่น่ามีอะไรหรอก ฉันต้องจัดของต่อ ยังไม่เสร็จเลย”
“นี่ผึ้ง ถ้าฉันบอกอะไรกับแก แกอย่าโกรธนะ”
“อะไรเหรอ”
“แกเชื่อฉันไหมว่าแกอาจจะไม่ต้องเก็บของ”
“หือ? ยังไง”
“ฉันว่า ยังไงคุณเทิดต้องมาง้อให้แกกลับไปสอนคุณนันท์”
น้ำผึ้งตกใจ
“ไม่มีทางหรอกยัยฟ้า”
ยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงรถคันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน
“มีคนมา แค่นี้ก่อนนะฟ้า”
น้ำผึ้งวางสายแล้วรีบออกไปดูหน้าบ้าน
รถตู้ของเทิดแล่นมาจอด น้ำผึ้งดีใจ คิดว่าเทิดยอมมาง้อ
“ฮึ ในที่สุดก็ต้องมาง้อฉัน!”
ผันลงมาจากรถคนเดียว โดยติดกล้องที่กระดุมเสื้อและเสียบสมอลล์ทอล์กไร้สายที่หู
“น้าผัน สวัสดีค่ะ เอ่อ มาคนเดียวเหรอคะ”
น้ำผึ้งพยายามมองในรถ แต่รถฟิล์มดำสนิททำให้มองไม่เห็น
“น้ำผึ้งมองหาใครเหรอ”
น้ำผึ้งผิดหวัง
“ปละ เปล่าค่ะ น้าผันเชิญนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวน้ำผึ้งไปรินน้ำเย็นมาให้”
“ไม่ต้องหรอกน้ำผึ้ง คนกันเอง นั่งคุยกันดีกว่า น้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเรา”
น้ำผึ้งกับผันลงนั่งคุยกันที่แคร่หน้าบ้าน
“คุณเทิดรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว พ่อแม่ของน้องหมอนอิงมาบอกคุณเทิดว่าคุณนันท์ไม่ได้ทำร้ายใคร ฝ่ายโน้นเป็นฝ่ายก่อเรื่อง”
น้ำผึ้งดีใจ
“น้ำผึ้งดีใจที่คุณนันท์ใจเย็นขึ้น”
“น้าขอร้อง คิดซะว่าเห็นแก่คุณนันท์ กลับไปสอนหนังสือเถอะ”
น้ำผึ้งหนักใจ “น้ำผึ้งก็อยากสอนคุณนันท์นะคะแต่...”
“น้ำผึ้งมีปัญหาอะไรลองบอกน้าซิ”
“ปัญหาอยู่ที่เจ้านายน้าผันนั่นแหละค่ะ”
ผันอึ้ง
“คุณนันท์จะดื้อจะซนยังไงก็เป็นเด็ก ขัดเกลาสักหน่อยก็หาย แต่คุณเทิดนี่สิ...”
กล้องกระดุมที่ติดอยู่กับกระดุมเสื้อผันบันทึกภาพและเสียงไป โดยที่น้ำผึ้งไม่ทันได้สังเกตเห็น
อีกฟากในรถตู้ เทิดนั่งดูภาพจากหน้าจอไอแพดอยู่ในรถ เปิดเสียงโทรศัพท์มือถือทำให้ได้ยินเสียงน้ำผึ้งดังชัดเจน
“เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า ทำตัวไม่น่าเคารพ พูดจาไม่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่น ทำอย่างกับลูกน้องไม่ใช่คน หน้าก็เครียด คิ้วขมวดตลอดเวลา ทำโบท็อกซ์มารึไง ถึงยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่เข้าไปทำงานน้ำผึ้งไม่เคยเห็นคุณเทิดยิ้มสักครั้ง ตั้งแต่เกิดมาเคยยิ้มบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”
เทิดโกรธมาก
“ว่าเป็นชุดเชียวนะ คิดว่าฉันง้อเธอหรือไง!”
น้ำผึ้งด่าจัดเต็มจนผันตกใจ พยายามหาทางปราม
“เอ่อ…คือ…”
“น้าผันไม่ต้องมาห้ามค่ะวันนี้น้ำผึ้งขอระบายหน่อยเถอะ อัดอั้นตันใจมานานแล้ว คิดดูขนาดจะขอให้น้ำผึ้งกลับไปสอนลูกตัวเอง ยังให้น้าผันมาพูดให้ คนไม่มีหัวใจ ใครจะอยากทำงานกับคนแบบนี้คะ”
ผันพูดกับเทิดผ่านผ่านสมอลทอล์ก
“ใจเย็นๆ นะครับ”
น้ำผึ้งไม่รู้เรื่องคิดว่าผันเตือนตัวเอง “น้ำผึ้งเย็นไม่ไหวหรอกค่ะ”
“เอ่อ น้าไม่ได้บอกน้ำผึ้ง”
น้ำผึ้งสงสัย “แล้วน้าบอกใครคะ”
เทิดคุมแค้น พูดกับผันผ่านมือถือ โดยน้ำผึ้งไม่ได้ยิน
“ถามเขาว่าจะต้องจ่ายเท่าไรถึงจะยอมกลับไปสอน!”
ผันอึกอัก ถ้าพูดตามต้องเป็นเรื่องอีกแน่ จึงเปลี่ยนคำพูดให้ดูดี
“ต้องทำไงน้ำผึ้งถึงจะยอมกลับไปสอนคุณนันท์”
“ไม่ต้องทำอะไรค่ะ เพราะน้ำผึ้งไม่กลับไปเด็ดขาด”
“น้ำผึ้งไม่สงสารคุณนันท์เหรอ เห็นแก่คุณนันท์เถอะ”
เจอไม้นี้ น้ำผึ้งก็ใจอ่อนยวบ
“ก็ได้ค่ะ น้ำผึ้งจะกลับไปสอน แต่เจ้านายน้าต้องรับปากน้ำผึ้งสามข้อ ข้อแรกน้ำผึ้งขอวันหยุดเดือนละสี่วัน ข้อสองน้ำผึ้งขอให้เพื่อนมาเยี่ยมในไร่ได้บ้าง...”
เทิดฟังเงื่อนไขแค่สองข้อก็ไม่พอใจ
“ข้อแรกฉันไม่มีปัญหา แต่ข้อสองถ้าเพื่อนของเขาหมายถึงไอ้ภูฤทธิ์ ฉันไม่อนุญาต”
ผันบอกกับน้ำผึ้งว่า
“ข้อแรกคุณเทิดไม่มีปัญหาหรอก แต่ข้อสองถ้าเป็นคุณภูฤทธิ์ คุณเทิดคงไม่ยอม”
“ถ้าไม่ยอม น้ำผึ้งก็ไม่กลับไปค่ะ น้ำผึ้งไม่เห็นว่าคุณภูจะไม่ดีตรงไหน”
ผันหนักใจ บ่นงึมงำ
“ขิงก็รา ข่าก็แรง พอกันทั้งคู่”
แล้วพูดผ่านสมอลทอล์กกับเทิดว่า
“เห็นแก่คุณนันท์เถอะครับ”
น้ำผึ้งนึกว่าพูดกับตน จึงบอกผันไปว่า
“ถ้าไม่เห็นแก่คุณนันท์ น้ำผึ้งไม่มีวันกลับไปที่นั่นอีกหรอกค่ะ”
เทิดไม่พอใจ แต่พยายามใจเย็นเพื่อลูก
“ก็ได้! บอกไปว่าตกลง”
ผันดีใจ บอกน้ำผึ้ง
“คุณเทิดตกลง”
น้ำผึ้งแปลกใจ “น้ารู้ได้ไงคะว่าคุณเทิดตกลง ในเมื่อน้ายังไม่ได้คุยกับคุณเทิดเลย”
ผันอึกอักใหญ่ “เอ่อ…คือ…”
น้ำผึ้งสงสัย “น้าพูดเหมือนกับว่า...คุณเทิดอยู่แถวนี้”
น้ำผึ้งมองหา แต่ไม่เห็นเทิด น้ำผึ้งสังเกตเห็นผันติดสมอลล์ทอล์กไร้สายที่หูตลอดเวลาที่คุยกัน
“ขอโทษนะคะน้าผัน”
น้ำผึ้งหยิบสมอลล์ทอล์กมาฟัง ได้ยินเทิดพูดพอดี
“บอกไปด้วยนะว่าที่ฉันยอมก็เพราะคุณนันท์ ไม่ใช่เพราะเขา”
น้ำผึ้งตกใจ
“คุณเทิด…น้าผันอย่าบอกนะว่าที่น้ำผึ้งพูดไปทั้งหมด เขาได้ยิน”
ผันยิ้มจ๋อยๆ “ใช่จ้ะ”
น้ำผึ้งทั้งอายทั้งโกรธ
“เขาอยู่ที่ไหนคะ”
ผันยังไม่ทันจะตอบ น้ำผึ้งก็เหลียวขวับไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ ตรงดิ่งไปที่รถ ผันรีบตาม
“เดี๋ยวน้ำผึ้ง!”
น้ำผึ้งเปิดประตูรถตู้ เห็นเทิดนั่งดูไอแพดอยู่ ก็ตกใจ
“คุณเทิด”
น้ำผึ้งมองที่จอไอแพด เห็นภาพจากกล้องกระดุมผัน
“นี่คุณแอบดูฉันเหรอ มีอะไรทำไมถึงไม่คุยกันดีๆ คุยกับฉันไม่ได้รึไง”
เทิดรำคาญ “ข้อเรียกร้องทั้งหมด ฉันตกลง มีปัญหาอะไรอีกมั้ย”
“ฉันยังพูดไม่จบ ข้อสามคือคุณเทิดต้องโกนหนวด”
“ทำไมต้องโกนหนวด หนวดฉันเกี่ยวอะไรกับการเรียนการสอนของเธอด้วย!”
“ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่เกี่ยวกับคุณนันท์ค่ะ เมื่อก่อนคุณไม่ได้ไว้หนวด คุณมาเริ่มไว้หลังจากที่...”
น้ำผึ้งจะพูดว่าหลังจากที่พริมเสีย แต่ยั้งไว้ทัน และเปลี่ยนคำ ไม่อยากทำร้ายจิตใจเทิด
“หลังจากที่เกิดเรื่อง การที่คุณเปลี่ยนไป ทำให้คุณนันท์รู้สึกว่าคุณไม่ใช่คนเดิม ฉันอยากให้คุณคนเดิมกลับมา คุณนันท์คงจะดีใจมากคุณนันท์เสียแม่ไปคนหนึ่งแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณนันท์รู้สึกว่าพ่อมาเปลี่ยนไปอีกคนค่ะ”
เทิดอึ้งกับเหตุผลของน้ำผึ้ง
“ก็ได้ ที่ฉันยอมเพราะเห็นแก่คุณนันท์หรอกนะ”
น้ำผึ้งไม่ยอมแพ้ “ที่ฉันยอมกลับไปสอนก็เพราะคุณนันท์เหมือนกันค่ะ”
ผันรีบไกล่เกลี่ย กลัวทะเลาะกันอีก
“ตกลงน้ำผึ้งยอมกลับไปสอนแล้วใช่มั้ย ขอบใจมากนะน้ำผึ้ง ขอบใจที่เห็นแก่คุณนันท์”
ผันโล่งใจ น้ำผึ้งกับเทิดจ้องหน้ากัน ต่างไม่ยอมกัน
ภายในห้องเรียน อ้อยดูซีรีย์เกาหลีพลางหยิบขนมกิน หอมหลับปุ๋ย ส่วนนันท์เล่นเกมอยู่
“ไม่มีครูก็ดีเหมือนกัน อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากดูซีรีย์ก็ได้ดู”
“ไม่ได้นะคะ ถึงไม่มีครูก็ต้องทบทวนบทเรียน ไม่ใช่เอาแต่เล่นแบบนี้”
หอมสะดุ้งตื่น ส่วนอ้อยและนันท์จำเสียงน้ำผึ้งได้ เงยหน้ามอง
นันท์ยิ้มกว้างดีใจ “ครูน้ำผึ้ง”
ส่วนอ้อยตกใจ “ครูลาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ กลับมาอีกทำไมเนี่ย”
“กลับมาสอนหนังสือคุณนันท์น่ะสิ ขืนเอาแต่เล่นเกมแบบนี้จะสอบเข้าเรียนได้ยังไง”
หอมและนันท์ดีใจ ส่วนอ้อยเซ็งที่น้ำผึ้งกลับมาอีกจนได้
ทันทีที่เจอหน้าพรและชมพู่โผกอดน้ำผึ้งด้วยความดีใจ ผัน แซมและมาร์คยิ้มแย้ม
“ป้าดีใจที่ครูน้ำผึ้งกลับมาสอนคุณนันท์” พรบอก อ้อยเสริมทันทีว่า
“อย่าออกบ่อยนักนะคะครูน้ำผึ้ง ชมพู่ใจคอไม่ดีเลยค่ะ”
“น้ำผึ้งดีใจที่ได้กลับมาทำงานกับทุกคนอีกครั้งค่ะ”
“อย่างนี้ต้องฉลองกันหน่อย ไปครับ ผมขอเลี้ยงกาแฟทุกคนเองครับ!”
ทุกคนชื่นมื่น
เช้าวันนี้น้ำผึ้งสอนวิชาศิลปะ นันท์ หอมและอ้อยวาดรูปตามโจทย์ น้ำผึ้งเดินดูผลงานของแต่ละคน หอมวาดรูปมั่วๆ อ้อยวาดพระเอกเกาหลีคู่กับตัวเอง นันท์วาดรูปแคมป์ มีพ่อเทิด แม่พริม และตัวเอง
น้ำผึ้งสนใจ “คุณนันท์วาดรูปอะไรคะ”
“วาดรูปตอนไปเที่ยวแคมป์ครับ”
“เมื่อก่อนตอนคุณพริมอยู่ คุณเทิดกับคุณพริมพาคุณนันท์ไปแคมป์ที่ป่าท้ายไร่บ่อยๆ ครับ” หอมหันมา
นันท์จำได้แม่น “ใช่ครับ สนุกมากเลย นันท์อยากไปอีก”
“ถ้าคุณนันท์อยากไป คุณนันท์ลองขอคุณเทิดไปแคมป์ดูสิคะ”
“โอ๊ย ขืนขอไปแคมป์ ได้บ้านแตกแน่ ครูนี่ก็ขยันก่อเรื่องจริงๆ” อ้อยบอก
“ใช่ครับ คุณพ่อไม่อนุญาตแน่”
เห็นนันท์เศร้า น้ำผึ้งมองด้วยความสงสารและยิ้มให้กำลังใจ
“ไม่ลองก็ไม่รู้นะคะ ครูเชื่อว่าคุณพ่อต้องรักษาคำพูด”
ด้วยความสงสารนันท์ น้ำผึ้งเดินเข้ามาขอร้องเทิดด้วยตัวเอง แต่ถูกปฏิเสธทันที
“ไม่! มันอันตราย”
“แต่คุณสัญญากับคุณนันท์ไว้แล้วว่าให้ขออะไรก็ได้อย่างหนึ่ง เป็นรางวัลที่คุณนันท์ทำความดี คุณต้องรักษาคำพูดนะคะ”
“อะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องนี้”
“การไปแคมป์มีความหมายกับคุณนันท์มาก เป็นความสุข เป็นความทรงจำที่ดีของคุณนันท์ที่มีต่อคุณพริมแล้วก็คุณ ฉันว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณนันท์ดีขึ้น”
“ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณนันท์ไม่ดีตรงไหน ก็ดีอยู่แล้ว”
น้ำผึ้งพูดไม่ออก
“มีหน้าที่สอนหนังสือก็สอนไป อย่าทำตัววุ่นวาย นอกเหนือจากหน้าที่ตัวเอง!”
เทิดใจแข็งยังไม่ยอมอนุญาต
แต่พอตกกลางดึก เทิดมาหานันท์ที่ห้อง พบภาพนันท์นอนหลับกอดภาพวาดไปเที่ยวแคมป์ เทิดหยิบรูปมาดูแล้วก็อึ้ง นึกถึงคำพูดน้ำผึ้งขึ้นมา
“การไปแคมป์มีความหมายกับคุณนันท์มาก เป็นความสุข เป็นความทรงจำที่ดีของคุณนันท์ที่มีต่อคุณพริมแล้วก็คุณ”
เทิดลูบผมลูกชายด้วยความสงสาร ห่มผ้าให้ด้วยความรัก ด้วยแววตาอ่อนโยนแวบเดียว ก็นิ่งขรึมดังเคย
นันท์ตื่นขึ้นมาตอนเช้า หันไปมองข้างเตียง แล้วต้องแปลกใจที่เห็นรูปที่วาดวางอยู่บนกระเป๋าเป้ใบเก่งที่มักจะใส่ของไปแคมป์เสมอ เด็กชายหยิบรูปมาดูเห็นลายมือเทิดเขียนว่า
“รางวัลของเด็กดีของพ่อ”
นันท์ยิ้มร่าดีใจมาก
“พี่หอม”
นันท์วิ่งมาหาหอมที่ยังนอนอุตุอยู่ข้างเตียง
“พี่หอมๆ”
“ว่าไงครับคุณนันท์ เสียงดังแต่เช้าเลย”
นันท์ยื่นรูปให้หอมดู
“คุณพ่ออนุญาตให้นันท์ไปแคมป์แล้ว”
หอมรับรูปมาดูงงๆ ไม่เชื่อตาตัวเอง จนต้องขยี้ตามองดูอีกรอบ
เทิดเข้ามาถาม
“เสียงดังอะไรกัน”
“คุณนันท์บอกว่าคุณเทิดอนุญาตให้ไปแคมป์”
“ใช่ ฉันอนุญาตแล้ว ยังไม่รีบจัดกระเป๋าอีก เดี๋ยวก็สายพอดี”
หอมและอ้อยแปลกใจมาก มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหู นันท์ยิ้มร่าดีใจเหลือเกิน
อ่านต่อตอนที่ 15