xs
xsm
sm
md
lg

ปริศนา ตอนที่ 8

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปริศนา ตอนที่ 8

ภายในห้องโถงบ้าน สุทธากุล

"โอ้ว ประวิช จะไปหัวหินด้วยหรือ ไปช่วงเดียวกันทีเดียว" ปริศนาว่า
"ไม่ไปค้างที่ตำหนักมโนรมย์ เหมือนปีที่แล้วหรอกหรือ"
"เรายังได้พบกับคุณประวิช ที่หัวหินเมื่อปีก่อนนี้เลย แต่ปีนี้เห็นจะไม่ต้องรบกวนท่านชาย เพราะแม่กำลังไปจ่ายค่ามัดจำบ้านเช่า" สิรีบอก
"ปริศนากับอนงค์ ว่าจะอยู่ยาวสักหน่อย มีแต่สิรี ที่ต้องกลับมาทำงาน"
"งั้นหรือ ปริศนาจะอยู่ยาวเชียวหรือ"
"ช่วงปิดเทอม จะอยู่ได้นาน"
"แต่ประวิชทำงาน ลาได้เพียง 10 วันเท่านั้นเอง เสียดายเหลือเกิน"
"ไม่ต้องเสียดาย หากประวิชต้องกลับมาทำงานกรุงเทพฯ พอหยุด เสาร์
อาทิตย์ ก็ลงไปหัวหินซี ปริศนาจะได้มีเพื่อนเที่ยว"
ประวิชได้คิด
"จริง.... อย่างไรเสีย ท่านหญิงรัตน์ และวิมล ก็จะอยู่หัวหินยาว ต้องมีคน
คอยขึ้นลงดูแลกันเสมอ เราคงจะเที่ยวหัวหินกันได้สนุกสนานละ"
"ได้สิ ไปกันหลายคนสนุกออก"
สิรีค้อนปริศนาอย่างรำคาญ สมรเดินเข้าบ้านมา ประวิชยกมือไหว้ทักทาย
"อ้าว แม่กลับมาแล้ว แล้วมายังไงล่ะคะ"
"คุณป้าสงวนส่งแม่แค่หน้าบ้าน ว่าจะไปธุระต่อ"
อนงค์ เดินลงมาจากชั้นบน แต่ไม่เข้ามา เพราะเห็นประวิชนั่งสนิทสนมกับปริศนา
"เรื่องบ้านเรียบร้อยไหมคะ"
"เรียบร้อย จองไว้เรียบร้อยแล้ว วันที่ 8 จนถึงสิ้นเดือนเลย"
"คลาดกันจริงๆ คุณประวิชเพิ่งจะมาชวนให้ไปค้างที่ตำหนักมโนรมย์" สิรีว่า
"ยี่...ไม่เอาหรอก ไปกันออกก่ายกอง ปริศนาว่าอยู่บ้านเช่าเราจะดีกว่า แต่ไปพบกันที่โน่น แล้วเที่ยวด้วยกัน น่าจะสนุกไม่น้อย"
"กระผมมาชวนปริศนาให้ไปหัวหินด้วยกัน ท่านหญิง วิมล รตี ก็ไป ป้าสร้อยก็ไปด้วยแน่ๆ"
"ต้องขอบใจ พ่อประวิช มีน้ำใจมาชวน แต่คราวนี้ เราจะไปกันนานหน่อย
คงจะไม่ต้องรบกวน ท่านชาย" สมรว่า
"ถ้าปริศนาจะไปวันที่ 8 ประวิชก็จะไปตีตั๋วรถไฟวันที่ 8 เดินทางพร้อมปริศนาเลย"
อนงค์น้ำตาไหลพรากออกมาอีก และหันหลังกลับเดินขึ้นบันไดเงียบๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น หรือรับรู้

อนงค์ยืนดูที่หน้าต่าง เสียงรถประวิชห่างออกไป อนงค์เดินกลับมาทรุดตัวนอนอยู่บนเตียง ไม่ได้เอามุ้งลง หันหน้าเข้าฝา
ปริศนาเปิดประตูเข้ามาอย่างเริงร่า
"อนงค์ ไปกินข้าวกันไป"
อนงค์ไม่อยากตอบ แต่รู้ว่า แล้วปริศนาคงยืนตื้ออยู่แน่นอน
ปริศนาเดินเข้ามาใกล้
"หลับหรือเปล่าอนงค์"
อนงค์ไม่อยากให้ปริศนาเข้าใกล้
"ไม่ได้หลับ ปวดหัวก็เลยนอน"
"เมื่อเช้ากินยาแล้วไม่ใช่หรือ นอนอุดอู้อย่างนี้สิ ถึงปวดหัว ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาไป"
ปริศนาเข้ามาฉุด อนงค์รีบลุกขึ้นเอง เพราะไม่อยากให้ฉุด
"ลงไปกินข้าวก่อนเถอะ ประเดี๋ยวพี่ตามลงไป"
"ประวิชมาชวนไปเที่ยวหัวหิน ว่าเมื่อปีก่อน เคยไปเจออนงค์กับสิรี สนุกมาก ปีนี้จึงอยากไปพร้อมกันอีก"
อนงค์จำความรู้สึกที่ตนเอง มีต่อประวิชในช่วงนั้นได้ น้ำตาแทบทะลักออกมาอีก
"ปริศนาว่ามันก็น่าสนุก แต่ดีที่ไม่ต้องไปอยู่ที่ตำหนักท่านชาย เพราะ ยายรตีอาจจะไปด้วย แม่คิดถูกที่เช่าบ้านเอาไว้ แล้วเราชวนคุณประวิช ท่านหญิงรัตน์ กับวิมล มาเที่ยวเล่นกัน น่าสนุกดี"
อนงค์ยังนั่งเฉยรู้สึกเจ็บแปลบไม่หาย
"สิรีชวนจัดเรื่องเครื่องแต่งตัว เพราะเห็นว่า รตีเอาเสื้อผ้ามาตัดอีกแล้ว เราต้องสวย ตั้งแต่ขึ้นรถไฟไปเลย สิรีเขาพูดอย่างนี้นะ อนงค์ต้องช่วยกันจัดเสื้อนะ"
อนงค์ลุกขึ้น หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไปจากห้องไม่พูดไม่จา เพราะคิดว่า ประวิชเองก็หลงปริศนาตั้งเยอะแล้วจะแต่งตัวไปไหนอีก ส่วนเธอแต่งยังไงก็ไม่มีใครมอง
ปริศนาตามหลังอนงค์
"อนงค์ แล้วรีบลงไปนะ"

ในห้องโถงบ้านสุทธากุล ตอนกลางคืน สิรีอยู่ที่จักร สมรนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ
อนงค์กำลังนั่งสอยเสื้อใกล้หน้าต่างห่างออกไป
สิรีกำลังเย็บกระโปรงสวยๆตัวหนึ่ง ส่งให้ปริศนา

"ปริศนาไปลองมาให้พี่ดูที"
"นี่มันกระโปรงไม่ใช่หรือสิรี ไปทะเลทำไมจะต้องใส่กระโปรง"
"มีไปเผื่อไว้ ไปกันหลายคนอาจจะมีปาร์ตี้ ท่านชายอาจชวนไปที่ตำหนักท่าน หรือ ไม่ก็อาจจะไปที่โฮเต็ล กางเกง ปริศนามีหลายตัวแล้ว พี่ทำเสื้อสวยๆให้อีก 2 ตัว ตัวขึ้นรถไฟ จะให้ยืม"
"แล้วของอนงค์ล่ะ"
"สิรีทำให้เท่ากันจ๊ะ แต่แม่มีกางเกงให้อนงค์เพิ่มอีกตัวนึง แล้วเริ่มจัดกระเป๋า
กันได้แล้วนะ ไม่ใช่ไปถึงที่โน่น ก็ลืมนั่นลืมนี่ อย่าลืมชุดว่ายน้ำสวยๆ เอาไปด้วย หลายๆชุด"
ปริศนารับเสื้อเดินจากไป
สิรีมองอนงค์อย่างเห็นใจ หันไปพูดกับสมร
"แม่ขา ถึงลูกจะกลับมาแล้ว ก็ยังกลับไปเยี่ยม แม่กับน้องได้เสมอ จะให้มาเฝ้าบ้านคนเดียวตั้งนาน ไม่ไหวหรอกค่ะ ถ้ายังไม่กลับกัน สิรีก็จะไปหัวหินทุกวันหยุดเลยทีเดียว"
สมรยิ้มอย่างเอ็นดูลูกสาว
ปริศนาใส่ชุดที่สิรีเย็บให้ซึ่งยังไม่เรียบร้อยดีเดินลงมาจากด้านบน
"เป็นยังไงบ้างสิรี"
"น่าจะใช้ได้ เก็บตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยก็..." สิรีกลัดเข็มกลัดที่เสื้อไว้ "เรียบร้อยแล้ว ไปเปลี่ยนได้แล้ว เอามาให้พี่เย็บต่อ"
ปริศนายิ้มวิ่งออกไป

วันใหม่ ในห้องนอน ปริศนานอนอ่านหนังสือ pocket book อยู่บนเตียง ผ่านเวลา เปลี่ยนอิริยบทไป อ่านหนังสือไปได้พอสมควรแล้ว น่าจะจบภายในคืนนี้
อนงค์เดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาจากด้านนอก เอาวางไว้ ที่บนเตียงของตัวเอง ซึ่งมีผ้ากองอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนอีกใบหนึ่งก็เอาใส่ไว้ใต้เตียงของปริศนา อนงค์ดูสดชื่นขึ้น เพราะมีกิจกรรมจะไปเที่ยวหัวหินเข้ามา แล้วอนงค์ก็ลงมือเอาเสื้อผ้าที่จะไปหัวหินจัดใส่กระเป๋าอย่างเรียบร้อย
จำเนียร โผล่หน้าเข้ามาในห้อง แล้วยอบตัวนั่งลงแถวๆหน้าประตู
"คุณคะ คุณนายให้มาตามไปรับประทานข้าวค่ะ"
"จ้ะ เดี๋ยวตามลงไป"
อนงค์บรรจุเสื้อผ้าที่วางไว้บนเตียงลงกระเป๋าหมด แล้วปิดงับไว้ เพราะยังจัดต่อไม่เสร็จ ลุกขึ้น
"ปริศนา ไปกินข้าวกัน"
"หือ"
"แม่ให้จำเนียรมาตามไปกินข้าวแล้ว"
ปริศนาลุกขึ้น ช้าๆยังอ่านหนังสือติดพันต่อไป ปริศนาเอาหนังสือติดไปด้วย และหยิบที่คั่นหนังสือไปด้วย ปริศนาเดินตามอนงค์ออกไปหน้าห้องอย่างช้าๆ

สมร และจำเนียรอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว จำเนียรพร้อมที่จะตักข้าวใส่จาน อนงค์เดินนำเข้ามาก่อน ปริศนาเดินตามมาจากชั้นบน
"ปริศนา อะไรนั่น จะกินข้าวอยู่แล้วไม่วางหนังสือ"
"โธ่ มันสนุกจะตายค่ะแม่ ครูฝรั่ง ที่มาเยี่ยมโรงเรียนเมื่อวันก่อนให้ไว้ เขาอ่านแล้ว เลยยกหนังสือให้ปริศนา ปริศนาอ่านเสร็จ ก็ว่าจะยกให้คนอื่นต่อไป"
"มัวแต่ห่วงอ่านหนังสือ รู้บ้างไหม ที่ไปหัวหินกันพรุ่งนี้ เราต้องผลัดกันทำอาหารกันคนละวันนะ เพราะแม่เตียงไม่ได้ไปด้วย"
"ทำอะไรก็ได้ใช่ไหมคะ"
"ใช่ ผลัดกันอยู่โยงกันคนละวัน ยกเว้นอนงค์ กลับมาจากหัวหินคราวนี้ อนงค์จะต้องอ้วนท้วนเท่าเดิม"
"โธ่ แม่คะ ลูกไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"
"กินยาหลวงแพทย์ให้มาเป็นเดือนแล้ว ดีขึ้นนิดเดียวเท่านั้น ลูกต้องได้อากาศดีๆ ออกกำลังเยอะๆ กินอิ่ม นอนหลับ"
อนงค์ก้มหน้าหลบตา เพราะเธอมักนอนฝันร้ายเสมอ
จำเนียร ตักข้าวใส่จานทุกคน
สมรบอก
"ปริศนา วางหนังสือก่อน พรุ่งนี้ รถคุณป้าสงวนจะมารับเราที่นี่ เจ็ดโมงเช้าเพราะฉะนั้นขอให้จัดกระเป๋าให้เรียบร้อย เย็นนี้สิรีกลับมาแล้ว แม่จะให้จำเนียรไปยกกระเป๋า ลงมาไว้ข้างล่าง ตะกร้าอาหารน้ำ แม่จะทำให้เสร็จก่อน 7 โมงเช้า อย่าลืมทีเดียว ตอนเช้าจะได้มีเวลาแต่งตัวกัน"

แต่ปริศนาไม่สนใจ จนกระทั่ง ทุกคนเริ่มกินข้าวจึงวางหนังสือไว้ข้างตัว แล้วกินข้าวอย่างเร็ว

นายช่วงขับรถประจำบ้านของปริศนาเข้ามาจอด แล้วลงมาเปิดประตูรถให้สิรีที่นั่งด้านหลัง สิรียกห่อเสื้อผ้าลงมาสองสามห่อ ช่วงช่วยรับไปส่งที่หน้าประตูห้องโถง

สมร โผล่หน้าออกมาดู
"มาแล้วหรือสิรี ขึ้นไปจัดกระเป๋าให้เสร็จนะ แม่จะให้จำเนียรไปยกกระเป๋าลงมาข้างล่าง ก่อนกินข้าวเย็น"
"ค่ะ แม่ อนงค์กับปริศนาล่ะคะ"
"อยู่ข้างบน จัดกระเป๋ากันอยู่ละมัง"
สิรีอารมณ์ดี เดินขึ้นไปชั้นบนเลย

สิรีเปิดกระเป๋าที่จัดไว้แล้ว เอาเสื้อผ้า อีกสองสามห่อ ที่เอามาจากร้าน เปิดแล้วใส่ลงในกระเป๋า เสร็จแล้วปิดกระเป๋า ยกมาวางไว้หน้าประตูห้อง แล้วไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้อ สวยๆที่ค่อนข้างใหม่ ออกมาจากในตู้ อีก 2 ตัว ซึ่งหมายใจจะให้อนงค์ และปริศนา ใส่ไปขึ้นรถไฟ

เสียงจำเนียรมาจากนอกห้อง
"คุณสิรีคะ"
"เข้ามาสิ จำเนียร ชั้นจัดกระเป๋า เสร็จแล้ว"
จำเนียรเปิดประตูเข้ามา สิรีชี้ที่กระเป๋าทีวางไว้
"นั่นแหละ จำเนียรยกไปได้เลย"
จำเนียรยกกระเป๋าออกไป

อนงค์กำลังจัดโต๊ะอาหาร เอากับข้าวมาวางบนโต๊ะ ที่จัดวางจานช้อนอะไรไว้แล้วจำเนียรยกกระเป๋าของสิรีมาวาง ตรงนั้น มีตะกร้าอาหารใส่ของจุกจิก สามใบ กระเป๋าเสื้อผ้า สี่ใบของจำเนียร สมร สิรี และอนงค์
"กระเป๋าของใครจำเนียร" สมรถาม
"ใบนี้ของคุณสิรีค่ะ"
"ใบนี้ของฉัน นี่ของจำเนียร นี่ของอนงค์ แล้วก็สิรี กระเป๋าของปริศนาล่ะ"
"ไม่เห็นมีนี่คะ คุณปริศนายังไม่ได้เอากระเป๋ามาวางไว้หน้าห้องให้จำเนียรเลยค่ะ"
"แล้วเขาว่ายังไง"
"ไม่ว่าอะไรค่ะ คุณปริศนาอ่านหนังสืออยู่"
"จำเนียรไปถามเขาอีกครั้ง ว่ากระเป๋าอยู่ที่ไหน พรุ่งนี้เช้าจะได้ยกขึ้นรถกันไปเลย"
จำเนียรกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง

จำเนียร เปิดประตูห้องเข้ามา ปริศนาเปิดไฟหัวเตียงไว้อ่านหนังสือด้วย
"คุณปริศนาคะ คุณนายให้มายกกระเป๋าของคุณลงไปข้างล่าง พรุ่งนี้จะได้ขนขึ้นรถไปง่ายๆค่ะ"
ปริศนายังคงอ่านหนังสือ เหลืออีกเพียง 3 หน้าจะจบเล่ม
จำเนียรเสียงดังขึ้น
"คุณปริศนาคะ กระเป๋าคุณค่ะ อยู่ไหนคะ"
สิรีมายืนฟังอยู่หลังจำเนียร
ปริศนาหันมา หน้างงๆ เพราะใจอยู่กับหนังสือจนลืมเรื่องกระเป๋า
"กระเป๋าอะไร"
จำเนียรเลยงงบ้าง
"ก็กระเป๋าเสื้อผ้าคุณไงคะ ที่จะไปหัวหินน่ะค่ะ คุณนายให้ดิฉันขึ้นมาขนลงไปข้างล่าง"
"อือ"
ปริศนาอ่านหนังสือต่อจวนจบเล่มแล้ว
จำเนียรยืนหมดปัญญา แล้วถอยจะออกไป สิรีเดินเข้ามาแทนที่
"ปริศนา นอนอ่านหนังสืออยู่ได้ จำเนียรเขาขนกระเป๋าลงไปข้างล่างไงล่ะ กระเป๋าปริศนาอยู่ไหน ทำไมไม่บอกเขาเล่า เขาจะได้ขนไป"

สิรีเสียงดังทำให้ปริศนาต้องหันมามอง แต่อยากจะตัดบทเพื่ออ่านหนังสือต่อไป
ปริศนารำคาญ
"อะไรกัน"
"เอ้า เป็นอะไรนั่น ก็กระเป๋ายังไงเล่า กระเป๋าเสื้อผ้าที่จะไปหัวหินกันพรุ่งนี้เช้าอยู่ไหน"
"อ้อ... ยังเลย ยังไม่ได้จัด"
สิรีร้องเสียงหลง
"อะไรนะ จะไปพรุ่งนี้แล้ว ยังไม่ได้จัดอีก"
ปริศนาไม่สนใจกลับไปอ่านหนังสืออีก
"ยัง"
ปริศนาพลิกหน้าหนังสือไปอย่างทองไม่รู้ร้อน สิรีรี่เข้าไปดึงหนังสือในมือน้องสาวออก
ปริศนาลุกขึ้นทันที
"เฮ้ย... อย่าเล่นน่า"
สิรีเอาหนังสือไปซ่อนไว้ด้านหลัง
"เอาหนังสือเค้ามา จะจบแล้วเหลืออีก 2 หน้าเอง"
ปริศนาตามไปจะดึงหนังสือคืน สิรีโยนหนังสือของปริศนาออกไปนอกหน้าต่างทันที

อนงค์กับสมรช่วยกันจัดโต๊ะอาหารอยู่ เสียงปึงปังโครมคราม จากชั้นบน เสียงฝีเท้าวิ่งปึงปัง เสียงเก้าอี้ล้ม และเสียงฝีเท้าวิ่งหนี ต่อสู้กัน
อนงค์และสมรมองหน้ากัน แล้วก็รีบวางมือ วิ่งขึ้นชั้น 2 ไปทั้งคู่

สมร และอนงค์เปิดประตูห้องนอนเข้ามา จำเนียรรีบหลบลงไปข้างหลังเพราะรู้ตัวว่าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
ทั้งสองคนตะลึง ที่ปริศนาเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ คลุมหัวสิรีไว้ ขมวดชายผ้าและดึงไว้ไม่ให้สิรีดึงผ้าออกจากหัวได้ สิรีดิ้นรนตึงตังแต่ปริศนาก็คอยดึงไว้ไม่ให้พี่สาวไปชนอะไรมากกว่านี้
สมรอึ้งชั่วครู่ก่อนได้สติ
"ปริศนา สิรี นี่ทำอะไรกัน"
ปริศนาหันมามองแม่และอนงค์ เธอรีบปล่อยมือจากผ้ากระโดดไปแอบอยู่หลังสมร
อนงค์รีบเข้ามาช่วยดึงผ้าจากสิรีออกให้
สิรีก็ปัดผ้าออกเช่นกันเลยดูตุงนังไปหมด
"สิรี เป็นอะไร หรือเปล่า"
สิรีตาขวาง ไม่ตอบอนงค์มองหาปริศนา เห็นอยู่หลังแม่ก็โจนเข้าใส่ ปริศนาหลบ เกิดความตึงตังรอบใหม่
"แม่คะช่วยด้วย อนงค์ช่วยด้วย"

ปริศนา วิ่งไปแอบด้านหลัง ทำให้สิรีที่จะวิ่งเข้าหากระแทกอนงค์ไปที่โต๊ะ จนอนงค์ต้องนั่งลงที่เก้าอี้ แล้วผลักคุณนายสมรจนเซไป ดีที่จำเนียรรับไว้ได้ทัน
ปริศนาวิ่งหนีอย่างหวุดหวิด ออกประตู โครมๆ ลงไปชั้นล่างของบ้านได้
สิรีโมโหมาก กระทืบเท้า ไปนั่งบนเตียงของอนงค์ แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความแค้น
อนงค์ และสมรมองหน้ากัน อนงค์เดินไปเปิดตู้ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาส่งให้สิรีซับน้ำตา
"ไหนสิรี เล่าให้แม่ฟังซิ ว่าเรื่องมันเป็นไปยังไงมายังไง"

ปริศนาเดินออกจากบ้านมาพร้อมไฟฉาย ส่องหา จนในที่สุด เจอหนังสือที่สิรีขว้างตกหน้าต่างมา ค่อนข้างยับเยิน ปริศนาหยิบมา แล้วปัดเศษผงที่เปื้อนๆออก
ปริศนาเดินถือหนังสือเข้ามา แล้วนั่งอ่านอย่างไม่สนใจใครต่อไป

ภายในห้อง สิรีบอกสมร
"คุณแม่ต้องจัดการให้สิรีนะคะ ปริศนาเลวมาก มาด่าลูก พอลูกตีเข้าให้
หน่อย ก็ทุบลูกแทบตาย แถมเอาผ้ามาคลุมหัวคลุมหู จนหายใจไม่ออก ถ้าไม่ลงโทษ จะเคยตัว"
"เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับน้องเอง สิรีไปล้างหน้าล้างตาให้ดีหน่อย เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน โธ่เอ๊ย พรุ่งนี้ก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว ทำไมต้องทะเลาะกันอีกด้วยนะ"
"สิรี ไม่เป็นไรน่ะ สิรีตอนนี้ไม่เหมือนสิรี พี่สาวของอนงค์เลย อยากได้สิรีคนเก่ากลับมามากกว่า"
สิรีหยุดมองแม่ ขอความเป็นธรรม น้ำตาจะซึมออกมาอีก
"แม่จะลงไปตามปริศนาเดี๋ยวนี้ล่ะ"

แล้วสมรก็เดินลงไปข้างล่าง อนงค์ประคองสิรีออกไปทางห้องน้ำ
 
อ่านต่อหน้า 2

ปริศนา ตอนที่ 8 (ต่อ)

ในห้องโถงบ้านสุทธากุล กลางคืนต่อเนื่องมา ปริศนานั่งอ่านหนังสืออยู่จนจบเล่ม หนังสือชอกช้ำยับเยิน ปริศนาปิดหนังสือลงยืนขึ้น สมรมายืนขมึงทึงตรงหน้า เล่นเอาเธอตกใจ

"ปริศนา เล่าให้แม่ฟังซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น"
ปริศนาจ๋อย
"นี่ค่ะ หนังสือปริศนาพังหมด สิรีขว้างออกหน้าต่าง ลงมาเลอะดินหมดเลย"
"แล้วเราไปว่าอะไรเขา"
ปริศนาทำเสียงบอกเล่าเรียบเฉยๆ
"อีบ้า ผีทะเล หมาหัวเน่า ขอให้ตกนรกค่ะ"
"ตายจริง เขาเป็นพี่ ไปว่าเขาอย่างนั้นได้ยังไง แล้วยังไปทุบเขาอีกใช่ไหม"
"ก็เขามาตีปริศนา แล้วดึงเสื้อเนี่ยค่ะ ขาดหมดเลย แล้วยังยกเก้าอี้จะทุ่ม
ปริศนาอีกนี่ ปริศนาเลยเอาผ้าเช็ดตัวคลุมหัวไว้"
สมรนึกรู้ว่าพอกัน
"ก็ผิดด้วยกันนั่นแหละ แกเป็นน้อง ไปขอโทษเขาก็แล้วกัน"

"ไม่ค่ะ สิรีจะว่าปริศนาจ๋อง อีกหน่อยก็เอาอีก แล้วเรื่องนี้ปริศนาไม่ได้ผิดคนเดียว ผิดทั้งสองคน ต้องขอโทษพร้อมๆกันถึงจะยอม"
"ตายแล้ว เด็กนี่ อวดดีจริงๆ ยังจะกลัวจ๋องอะไรอีก ไปขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า แล้วไปจัดกระเป๋าให้เสร็จนะ ยกลงมาเอง หากไม่ยกลงมาคืนนี้ พรุ่งนี้จะต้องถูกทิ้งไว้บ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปแล้ว หัวหงหัวหิน"
ปริศนาคอตก เดินเลี่ยงขึ้นบันไดไป

ปริศนาอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวลำลองใหม่ กำลังหยิบของมาวางให้อนงค์จัดใส่กระเป๋าให้
"เวรกรรมแท้ๆ อนงค์ แม่จะโกรธปริศนาไปอีกนานไหม ไม่เคยเห็นแม่โกรธมากอย่างนี้มาก่อนเลย"
"รู้ว่าแม่โกรธ แล้วก็ยังไม่ไปขอโทษสิรีอีก"
"ก็มันไม่แฟร์นี่ ถ้าปริศนาเป็นคนผิดทำไมจะไม่ยอม นี่สิรีเป็นคนตั้งต้นทิ้งหนังสือปริศนาก่อน แล้วก็ยังมาตีปริศนาอีก จะจิกผม แต่จิกผิดเลยมาจิกจนเสื้อขาด แล้วยังเอาเก้าอี้จะทุ่มปริศนาอีก จะไม่ให้ปริศนาป้องกันตัวบ้างเลยหรือ"
"ปริศนาไปปากเสีย ว่าเขาก่อนทำไมล่ะ เสื้ออาบน้ำ กับผ้าเช็ดตัวยังไม่มีเลย รีบเดินไปหยิบมาใส่กระเป๋า และไปเอาชุดใหม่ที่สิรีตัดไว้ให้ด้วย"
"แต่ชุดใหม่ที่สิรีตัดให้ ซักแล้วแต่ยังไม่ได้รีดเลย เอาไปรีดที่โน่นแล้วกัน เฮ้อ ตายจริง โกรธกันเสียแล้ว พรุ่งนี้ปริศนาจะใส่ชุดอะไร อนงค์ ว่าสิรีเขายังจะให้ยืมอยู่ไหม"
"ก็ไปขอโทษเขาสิ จะได้ดีกัน"
"จะบอกให้นะอนงค์ ปริศนาไม่ได้โกรธเขาหรอก เออ โกรธแค่เขาปาหนังสือ แต่พอเห็นเขาเต้นก็สนุก มาหมดสนุกตรงโดนแม่ดุนี่แหละ นี่อนงค์ไม่ต้องจัดสวยนักก็ได้ เดี๋ยวปริศนาก็โดนแม่ดุอีก ว่าใช้งานอนงค์"
"ทำให้เสร็จ จะได้ลงไปกินข้าวกันสักที"
อนงค์ปิดกระเป๋า ปริศนายกกระเป๋าออกไปเองอย่างว่าง่าย

เสียงแตรรถสั้นๆดังขึ้นที่หน้าบ้านสุทธากุล ช่วงวิ่งมาดูแล้วเปิดประตูออก เสมอขับรถเข้ามาจอด
ที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศยังอยู่ในความตึงเครียด มีแต่อนงค์ที่เหมือนเดิม เสมอเดินเข้ามาจากข้างนอกมานั่งข้างๆสิรี
"อ้อ คุณเสมอ กินข้าวด้วยกันไหมคะ" สมรถาม
"ผมมาถามว่าพรุ่งนี้เช้าจะใช้อะไรผมไหมครับ จะให้มาช่วยขนของไหม"
"อุ๊ย ไม่ต้องหรอกค่ะ ไปรถเราเองนี่แหละ"
"จะหมดหรือครับ ตั้งหลายคน ยังไงผมก็ตั้งใจจะไปส่งอยู่แล้ว พวกคุณๆไปรถผมก็ได้ ถ้าไม่อยากให้ผมช่วยขนของ"

สิรีหน้าแช่มชื่นขึ้น
"ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ พรุ่งนี้ คุณมาก่อนเจ็ดโมงเช้า ก็จะได้ไปส่งพวกเรา
แน่นอน"
จำเนียรเอาน้ำ และจานข้าวมาวางหน้าเสมอ แต่เสมอปฏิเสธ ไม่ต้องตักข้าว
ได้แต่มองสิรีอย่างชื่นชม
ทั้งสองสบตากัน เหมือนอยู่กันสองคน

เวลาต่อเนื่องมา ปริศนานอนอย่างเกียจคร้านในมุ้ง
"กี่โมงกี่ยามแล้วนี่ อนงค์"
"ห้าทุ่มแล้ว"
"นายเสมอกลับหรือยัง"
"น่าจะใกล้กลับแล้ว แน่ะ สิรีเดินออกมาส่งแล้ว"
เสียงเปิดปิดประตูรถไกลๆ-
"อนงค์ปิดไฟให้ด้วยนะ ปริศนาชักจะง่วงแล้ว"
อนงค์เดินมาปิดไฟ
"ไปหรือยัง ไม่ได้ยินเสียงรถเลย"
"ยัง เขายืนเกาะรถคุยต่ออีก"
"ไม่เปิดช่องให้ เราขอโทษเลยเห็นไหม ปริศนานอนล่ะ"
ปริศนาพลิกตัวไป แต่อนงค์ยังคงนอนลืมตาอยู่บนเตียง

สมรนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เสียงสตาร์ทรถ แล่นออกไป สมรขมวดคิ้ว วางหนังสือ แล้วย่องมาเปิดประตูห้องดู สิรีเดินผ่านมา ปิดไฟที่บันใดแล้ว
"ยังไม่นอนอีกหรือคะแม่"
"ยังไม่หลับ จ๊ะ"
"ให้ลูกเข้าไปได้ไหมคะ"
"ได้สิ มีอะไรหรือ"
สิรีเดินเข้ามาในห้อง
"มีค่ะ คือ คุณเสมอ"
"จ้ะ แม่ฟังอยู่"
"คุณเสมอบอกว่ารักลูกค่ะ"
สมรอึ้งไปสักครู่ สิรีมองแม่อย่างกังวล
"คุณแม่เห็นว่าอย่างไรคะ"
"คบกันไม่นานเลย เวลาประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น"
สิรีแก้ตัวแทน
"ไม่เร็วหรอกค่ะ เรารู้จักกันดีมากทีเดียว พบกันแทบทุกวัน ลูกคุ้นกับเขา ยิ่งกว่ากับคุณวิชอีก"

"แล้วลูกตอบเขาว่ากระไรล่ะจ๊ะ"
"ไม่ได้ตอบค่ะ ลูกบอกว่าจะต้องเรียนคุณแม่ก่อน เพราะเรื่องอย่างนี้ เป็น
เรื่องสำคัญ เดี๋ยวลูกตอบไปแล้วมันเป็นไปไม่ได้ จะน่าเกลียด"
"แล้วลูกรักเขารึเปล่า"
สิรีไม่ตอบแต่พยักหน้า
"รักกันก็ดีแล้ว นายเสมอก็เป็นคนดีไม่ใช่หรือ"
"พ่อแม่เขาเป็นคนมีอันจะกิน ทำป่าไม้อยู่ลำปาง เขามีพี่น้องหลายคนช่วยงานอยู่ แต่ลงมาอยู่กรุงเทพฯ เพียง 3 คน คือคุณเสมอ คุณสันต์ และน้องสาว"
สมรพยักหน้า
"ดีแล้ว ไปนอนเสียเถอะ พรุ่งนี้จะต้องออกกันแต่เช้า ไปหัวหิน"
สิรียิ้มกอดสมร

อนงค์นอนลืมตาอยู่ในมุ้ง นึกถึงความหวานชื่นของเธอกับ ประวิช ที่หัวหินปีที่แล้ว นึกแล้วก็ให้น้ำตาริน ส่วนปริศนานอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในมุ้ง

บ้านสุทธากุล ในเวลาเช้ามืด ปริศนายังคงนอนหลับอยู่ในมุ้ง แต่อนงค์เหมือนพลิกตัว นอนไม่ค่อยหลับอยู่
เสียงไก่ขันไกลๆ อนงค์ลุกขึ้น หยิบไฟฉายที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียงส่องไปที่นาฬิกา เป็นเวลาใกล้จะตี 5 อนงค์จึงเปิดมุ้งออกมา แต่ยังไม่ได้เก็บมุ้ง

บนโต๊ะอาหารมี ใบตองที่ตัดและนาบไว้แล้ว วางอยู่บนแผ่นกระดาษ สมรหยิบจานที่มีไก่ทอด เป็นชิ้นเล็กๆ วางลงบนใบตอง 6 ห่อ แล้วห่อขึ้น ใช้ไม้กลัด กลัด
อนงค์เดินเข้ามาในห้องอาหาร
"อนงค์ลงมาแต่เช้าทำไมลูก"
อนงค์จะตรงเข้าช่วยแม่ห่อไก่
"ก็จะมาช่วยแม่เตรียมของยังไงล่ะคะ"
"ไม่ต้องช่วยแล้ว อนงค์ ไปนอนให้เต็มอิ่ม แม่กับจำเนียรช่วยกันทำได้ เรากินเช้าที่บ้านไม่ทัน ห่อของไปกินบนรถไฟ จำเนียรกำลังนึ่งข้าวจะได้แล้ว"
อนงค์ยังรีรอ
"ไปหัวหินคราวนี้กลับมาอนงค์ไม่อ้วนขึ้น เสียเที่ยวแน่ๆ ขึ้นไปนอนต่อเถอะอนงค์"
อนงค์เดินกลับไปชั้นบน
จำเนียรยกหวดใส่ข้าวเหนียวเข้ามาวางไว้บนโต๊ะเหมือนกัน โดยมีที่รองกันความร้อน วางรอไว้
"แล้วจำเนียรดับเตาอะไรให้เรียบร้อยนะ ไปอาบน้ำอาบท่าได้เลย"
"ค่ะ"
จำเนียรเดินออกไป
สมรเอาห่อไก่ที่กลัดไม้กลัดไว้แล้ว วางลงในตะกร้าอาหาร แล้วปูใบตองใหม่ เพื่อจะตักข้าวเหนียวต่อไป

อนงค์เปิดมุ้ง แล้วเข้าไปนอนหลับตาลงใหม่อีกครั้ง

รุ่งสางแล้ว เป็นเวลายามเช้าประมาณ 6 โมงครึ่ง ที่แสงแดดสว่างแล้ว
สิรีนอนหลับอยู่บนเตียงและมีมุ้งกางอยู่เช่นกัน แสงแดดพาดผ่านมาที่หน้าของสิรี แสงค่อยสว่างขึ้น
สิรีลืมตาขึ้น หน้าตามีความสุขเพราะเสมอเพิ่ง บอกว่ารักไปเมื่อคืนก่อน
สิรีกระวีกระวาดลุกขึ้น เดินไปมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางสูดลมหายใจเต็มปอดอย่างมีความสุข หันมาดูนาฬิกาเป็นเวลา 6.30 น. แล้ว

สิรีรีบมาปลดมุ้งลง จำเนียรมาเคาะประตูห้อง
"คุณสิรีคะ" สิรีรีบออกไปเปิดประตู "คุณตื่นแล้วหรือคะ"
"มีอะไรหรือจำเนียร
"คุณนายให้จำเนียรขึ้นมาปลุกคุณค่ะ ประเดี๋ยวคุณเสมอกับคุณประวิชก็จะมารับไปสถานีรถไฟแล้ว"
จำเนียรเข้ามาช่วยสิรีพับมุ้ง
"นี่ห้องโน้นตื่นกันหรือยัง"
"ประเดี๋ยวจำเนียรจะ ไปเรียกด้วยค่ะ"
สิรี เดินไปหยิบเสื้อที่แขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า ซึ่งเตรียมเอาไว้
"จำเนียร เอาเสื้อนี่ให้ปริศนา กับอนงค์ที เขาขอไว้ ว่าจะใส่ขึ้นรถไฟ"

จำเนียรรับ แล้วถือเสื้อออกไป สิรีไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อเข้าห้องน้ำ

ปริศนาลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปเปิดประตูห้อง อนงค์ยังไม่ตื่น

"อ้อ...จำเนียร ปริศนาตื่นแล้วจ้ะ"
จำเนียรส่งเสื้อในไม้แขวนที่ถือมาให้ปริศนา
"คุณสิรีให้เอามาให้ค่ะ"
ปริศนารับเสื้อมาถือไว้ มองเสื้ออย่างดีใจ

ผ่านเวลา... ปริศนาอาบน้ำใส่เสื้อตัวที่สิรีให้มาเรียบร้อยแล้ว มุ้งและที่นอนของปริศนาเก็บเรียบร้อยแล้ว แต่อนงค์ยังคงนอนอยู่ ปริศนารวบมุ้งของอนงค์ขึ้นทำให้ อนงค์รู้สึกตัวตื่นขึ้น
"อนงค์ๆ ตื่นได้แล้ว จวนจะ 7 โมงแล้ว"
อนงค์ตื่นขึ้น
"ตายจริงปริศนาไปอาบน้ำแต่งตัวเข้าเร็ว"
ปริศนาลดเสียงลง พร้อมโชว์เสื้อให้ดู
"นี่ อนงค์ดูสิ สิรี ให้จำเนียรเอาเสื้อมาให้เราแต่เช้า ไม่ลืมด้วย ที่เคยขอยืมไป"
อนงค์ลุกขึ้นนั่งงงๆ แล้วก็เริ่มเข้าใจ
"เสื้อของสิรี"
"นี่ตัวนี้ให้อนงค์" ปริศนาเอาที่แขวนหน้าตู้มาให้ดู "เมื่อคืนตีกันแทบตาย เช้าขึ้นมาหายโกรธแล้ว ดีจัง เดี๋ยวปริศนาจะไปดีกับเขาเลย"
"ดีจัง... ปริศนาลงไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวพี่ตามลงไป"
ปริศนาเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็ก มาแล้วจะเดินออกไป
"นั่นจะขนอะไรไปอีก ปริศนา" อนงค์ถาม
"เอาสี เฟรม แล้วก็หนังสืออ่านเล่นไปนิดหน่อย อยู่หัวหินตั้งเดือน เผื่อไม่มีอะไรทำ"
"ไปทะเล ก็เล่นน้ำทะเลซี"

"ก็เผื่อเล่นแล้วอยากจะทำอย่างอื่นไง อีกอย่างสิรี อารมณ์ดีแล้วคงไม่มีใครขว้างหนังสือของปริศนาอีกล่ะ"
ปริศนาหัวเราะ แล้วเดินออกไปอนงค์รีบเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัว เพื่อไปอาบน้ำ
ตัดไป

สิรี หยิบแก้ว กาแฟ จากโต๊ะที่วางกาน้ำร้อนมาที่โต๊ะกินข้าว ที่มีไข่ลวกกับปาท่องโก๋อยู่
ปริศนา ถือ กระเป๋าเขียนรูปลงมาจากชั้นบน
สมรนั่งดื่มกาแฟอยู่ บนโต๊ะมีนมสด 2 แก้ว
"ปริศนา มาดื่มนมก่อนซิ แล้วอนงค์ล่ะ"
"อนงค์อาบน้ำอยู่ค่ะ แม่"
ปริศนาเดินไปหาสิรี
"สิรี ขอบคุณมากนะ ที่ให้ปริศนายืมเสื้อ ปริศนาขอโทษที่ว่าสิรีแรงๆ เมื่อคืนนี้ เราดีกันนะ"
"อือ พี่ไม่ถือละ"
สมรดีใจที่ลูกทั้งสองเข้าใจกัน
"ดีจริง ปริศนา สิรี ลูกแม่ การให้อภัยกันเป็นแกนสำคัญของคำว่าครอบครัว"
สมรเข้ามากอดลูกสาวทั้งสองไว้

เช้าเดียวกัน ท่านชายพจน์เดินเข้ามาในห้องอาหารในวังศิลาขาว สนอยู่ในห้องแล้วกำลังเตรียมที่จะเสิร์ฟให้ท่านชาย
ส่วนประวิชกำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม แสดงว่า รับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"อิ่มแล้วหรือประวิช"
"กระหม่อม จะรีบไปรับปริศนากับครอบครัวเขาไปขึ้นรถไฟไปหัวหินกันวันนี้"
ท่านชายพจน์พยักหน้า
"ให้ใครขับรถไปให้ล่ะ"
"หม่อมฉันจะขับรถไปรับเอง แล้วจะจอดรถไว้ที่สถานนีรถไฟ จะได้ไม่เปลืองที่ แล้วให้คนขับรถไปเอารถกลับมาเท่านั้น เมื่อคืนนี้ โทรศัพท์หาป้าสร้อย นัดว่าให้ไปรับที่สถานีหัวหินด้วยแล้ว"
"แล้วครอบครัวปริศนา เขาพักที่ไหนกัน"
"กระหม่อมไม่ทราบเลย เขาว่าเช่าบ้านอยู่ กระหม่อมทูลลาก่อนนะฝ่าบาท"
ประวิชยกมือไหว้ท่านชาย
"ไปกี่วัน"
"ลางานไว้ 10 วัน กระหม่อม แต่จะดูก่อน ว่าจะอยู่หัวหินกี่วัน"
ประวิช เร่งเดินออกไปจากห้องอาหาร ท่านชายมองตาม คิดถึงการเดินทางไปหัวหิน

ช่วงเปิดประตูรั้วบ้าน ประวิชและเสมอ ขับรถเข้ามาจอด จำเนียร ลงมารับ

"จะให้ขนของขึ้นรถเลยไหมคะ"
"ประวิช นายจะไปหัวหินกับเขาด้วยหรือ"
"ไปสิ แล้วนายล่ะ เสมอ"
"มารับไปส่งที่สถานีรถไฟเท่านั้น พอดีต้องทำงานไม่ว่างไป" เสมอหันไปหาจำเนียร "คุณๆหายไปไหนกันหมดล่ะ"
"ไปลาคุณยายค่ะ"
ปริศนาวิ่งนำมาจากทางหลังบ้าน แล้วหันไปเรียกคนที่เดินตามหลังมา
"แน่ะ คุณเสมอ กับคุณประวิช มารับแล้ว"
สิรีเร่งฝีเท้าวิ่งออกมาก่อน แล้ววิ่งเข้ามาหาเสมอ ไปยิ้มพูดคุย ราวกับคิดถึงเสียเต็มประดา
"อนงค์รอตรงนี้ก็ได้ ปริศนามากับแม่"
สมร เดินนำปริศนา และจำเนียรขึ้นบ้านไป
อนงค์ยืนอยู่หน้าบ้านมองประวิช แต่ไม่กล้าเดินไปหา ประวิชเดินเข้ามาหา

สมรเดินมาหน้าห้องโถง ที่มีกระเป๋า และสัมภาระที่วางอยู่
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จำเนียรยกของฉันกับของสิรี ไปขึ้นรถคุณเสมอ พวกตะกร้าของกินอะไรนี่ด้วย ส่วนปริศนา กับอนงค์ ไปรถคุณประวิช ตัวจำเนียรไปกับปริศนานะ คงไปถึงสถานีใกล้ๆกัน"
จำเนียรยกกระเป๋าของสมร กับสิรีขึ้นมา ปริศนาก้มลงหยิบกระเป๋าเครื่องเขียนของตนขึ้นมา

บ่ายวันเดียวกัน ณ สถานีรถไฟหัวหิน ครูสงวน กับป้าสร้อย ยืนอยู่ที่ชานชาลา
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี กับวิมล เต้นอยู่ใกล้ๆกัน รถไฟกำลังจะเข้าเทียบชานชาลา
"โอย หญิงอยากให้พี่ชายมาด้วยจริงๆ"
"ไม่ได้มาเพคะ มาแต่คุณประวิช เมื่อคืนนี้คุณประวิชโทรศัพท์มาบอกแล้ว" สร้อยบอก
"น่าเบื่อ"
"แต่ครูปริศนาก็มานะเพคะ ท่านหญิง" วิมลบอก
"เราจะพาครูปริศนาเที่ยวล่ะ"
เสียงหวูดรถไฟดัง ... รถไฟวิ่งเข้าสถานี กลุ่มคนที่มาคอยต้อนรับ เดินไปทาง ตู้ท้ายขบวน ประวิช และจำเนียรช่วยกันส่งของลงมาให้คนของตำหนักมโนรมย์รับ
สมรและลูกสาวทั้งสามเดินลงมาจากรถไฟ สมรจะคอยดูแลอนงค์มากเป็นพิเศษ
ท่านหญิงรัตน์และวิมลเข้ามาหาปริศนา ละยกมือไหว้
"ครูคะ ครูจะมาอยู่หัวหินนานไหมคะ"
"น่าจะนานเพคะ"

"หญิงว่าจะอยู่ทั้งเทอมเลยทีเดียว ครูพักที่ไหนคะ"
ปริศนามองไปทางครูสงวน
"บ้านเช่าเพคะ"
ป้าสร้อยเดินเข้ามาหารัตนาวดี
"ท่านหญิงเพคะ เรากลับตำหนักมโนรมย์กันเถอะ"
"แล้วครูปริศนาล่ะคะ"
"ครูปริศนาจะไปกับคุณครูสงวนเพคะ"
"หญิงตามไปได้ไหมคะ หญิงอยากตามไปดูว่าบ้านพักครูปริศนาอยู่ที่ไหน ถ้าขี่จักรยานไปได้ จะได้ขี่จักรยานไปหา ดีไหมวิมล เราไปหาครูปริศนากันทุกวันเลย"
"ดี เพคะ แต่... คุณประวิช ไม่ต้องเอาสัมภาระไปเก็บก่อนหรือ"
ประวิช เดินตรงเข้ามาหาปริศนา หลังจาก ที่กลุ่มคนงาน ยกกระเป๋าออกไปแล้ว
"มีอะไรหรือปริศนา ท่านหญิง"
"พี่ประวิช อย่าเพิ่งตรงกลับมโนรมย์เลยนะ ตามไปดูบ้านครูปริศนาก่อนเถอะ"
ประวิช ดีใจ ชอบมากในไอเดียท่านหญิง
ประวิชหันไปหาสร้อย
"ได้ไหมครับ ป้าสร้อย ตามพระทัยท่านหญิงรัตน์ กันหน่อยเถิด"
สร้อยค้อนประวิช เพราะรู้สึกว่าประวิชนั่นแหละที่อยากไป
สร้อยเดินเข้าไปหา ครูสงวน และสมร ที่ยังรออยู่ด้วยกัน สิรี อนงค์ก็อยู่ตรงนั้น สมร กางร่มให้อนงค์ด้วย ส่วนจำเนียรเดินตาม คนยกของไปแล้ว
สร้อยบอกครูสงวน และสมร
"ท่านหญิงว่าจะไปส่งครูปริศนาที่บ้านเช่าก่อน ว่าจะไปดูว่าอยู่ตรงไหน"
"อยู่ไม่ห่างจากตำหนักมโนรมย์หรอก ไปสิ ตามกันไปด้วยกันทั้งหมด นี่แหละ มาเที่ยวอย่างนี้ ไปกันเยอะๆสนุกดี มา" สงวนบอก
ป้าสงวนเดินนำออกไป

สร้อย สงวน ยืนหน้าบ้านเช่าริมทะเล กลุ่มประวิชและท่านหญิงรัตน์ยืนห่างออกมา จำเนียรกับคนเฝ้าบ้านช่วยกันยกของขึ้นบ้าน สามพี่น้องอยู่บนบ้าน ช่วยเอาของเข้าไปในห้อง
ประวิชเดินมาใกล้ท่านหญิงอย่างกระตือรือร้น
"บ้านนี้เอง อยู่ไม่ไกลจากตำหนักมโนรมย์เลย"
"ขี่จักรยานมาแป๊บเดียว" ท่านหญิงรัตนาวดีบอก
"มาได้ทุกวันเลยเพคะ" วิมลว่า
"เดี๋ยวเราไว้มา ชวนครูไปจับปูลมกัน"
ที่กลุ่มของ สร้อย สงวน
"มีห้องนอน 2 ห้อง สมรอยู่ห้องเล็ก ให้ลูกๆอยู่ด้วยกันห้องใหญ่" สงวนบอก
ปริศนาออกมาที่ระเบียง

"แม่ ในห้องนี้มีแค่ 2 เตียงเอง"
สมรเดินออกมาจากในห้อง
"ห้องนี้มีเตียงผ้าใบอยู่ ปริศนาเอาไปนอนได้ไหม" สมรบอก
"ได้จ้ะ"
ครอบครัวของปริศนา เข้าไปในห้องเพื่อจัดของกัน
"ครูสงวน ไปอยู่ที่ตำหนักมโนรมย์ไหม อีกไม่กี่วัน ครอบครัวนั้นเขาก็จะกลับแล้ว" สร้อยบอก
"อ้าว จะกลับแล้วหรือ"
"คุณหญิงราชพรรลภบ่นห่วงท่านเจ้าคุณ ว่าไม่มีใครดูแล"
"ท่านชายก็ไม่เสด็จหรือ"
"ไม่เสด็จ ว่าจะเสด็จไปเชียงใหม่เลย สัปดาห์หน้า"
สร้อยเดินเข้ามาหาท่านหญิง
"ท่านหญิงเพคะ ประวิช กลับไปเก็บของกันเสียที เย็นๆค่อยมาใหม่เพคะ ทางนี้กำลังจัดของ จัดบ้านกันอยู่"
ท่านหญิงไปที่หน้าบ้านตะโกนเรียก
"ครูปริศนาคะ ครูปริศนา"
ปริศนาโผล่ออกมาจากห้อง
"อย่าออกไปไหนนะคะ ตอนเย็น หญิงจะมาหา"
"เพคะ ไม่ไปไหนแน่นอน"
ท่านหญิงรัตนาวดีโบกมือให้ ปริศนาโบกมือตอบ ประวิช มองปริศนาอย่างชื่นชม
"เย็นนี้ประวิชจะมารับปริศนาไปเดินเล่นนะ"
ปริศนาทำท่าล้อเลียนประวิช โดยเอามือมาโบกที่ข้างหู ซึ่งเวลานั้นอนงค์ออกมาจากห้องพอดี เห็นและได้ยิน อนงค์รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
ท่านหญิงค้อนประวิช
"เหอะ แล้วแต่ครูปริศนา ว่าครูจะไปกับใคร"
ประวิชอึ้งๆไป

กลุ่มที่พักในตำหนักมโนรมย์ทั้งหมดเดินกลับออกไป ทางที่รถจอดอยู่คือด้านหลังบ้าน
 
อ่านต่อหน้า 3

ปริศนา ตอนที่ 8 (ต่อ)

สมรเดินออกมาจากในห้อง เห็นอนงค์หน้าซีดยืนพิงระเบียงอยู่ก็เข้ามาจับแขน

"เอาอีกแล้ว อนงค์ แม่บอกแล้วว่าไม่ต้องจัดของ ให้คนอื่นเขาจัดไป ก้มๆเงยๆ ประเดี๋ยวจะเป็นลม ลงไปเดินเล่นข้างล่างก่อนไหม"
"ไม่เป็นไรค่ะ แม่ อากาศอาจจะร้อนไป"
สิรีเดินออกมาจากในห้องอย่างเจ้ากี้เจ้าการ
"เรียบร้อยแล้ว เตียงผ้าใบปริศนานอน กลางวันก็พับเก็บไว้ก่อน กลางคืนค่อยออกมากางนอน แม่คะ ประเดี๋ยวเรามาจับสลากกันเลย ว่าใครจะทำอาหารก่อน เริ่มวันนี้เลย"

"จับสลากกันเลยหรือ สิรีไปทำสลากเข้าลูก เดี๋ยวลงไปดูว่า คนเฝ้าบ้าน เขาเตรียมอะไรไว้ให้เราบ้าง ป้าสงวนบอกว่า เมื่อเช้าให้เขาไปหาของเอาไว้เหมือนกัน"
สมรจูงอนงค์ลงไปข้างล่าง
"มา อนงค์ ลงไปข้างล่างกัน"

ภายในห้องอาหาร ตำหนักมโนรมย์ กลางวันเวลาเดียวกัน รตียืนอยู่กลางห้อง บนโต๊ะ มีชามเปลใส่ข้าวผัด และ ผัก แตงกวา ต้นหอมเป็นเครื่องเคียงและถ้วยน้ำปลาพริกเท่านั้น
"อะไรกัน นี่หายไปไหนกันหมด ไม่มีใครกินข้าวกันเลยรึยังไง"
"คุณสร้อย ท่านหญิง คุณวิมลออกไปรับคุณประวิช ที่สถานีรถไฟค่ะ"
"อะไรกัน แห่ไปรับนายประวิช แปลกจริง ประวิชมากับใครหรือเปล่า"
ป้าสร้อยเดินเข้ามาพอดี เพิ่งกลับจากบ้านปริศนา
"คุณประวิชมากับ ครอบครัวสุทธากุลค่ะ เราก็เลยไปรับกัน"
"ทำไมต้องไปรับคะ เห่ออะไรกันนักหนา"
"พอดีรักและนับถือกันน่ะค่ะ เมื่อปีที่แล้ว อิฉันยังชวนพวกเขามาพักที่นี่
แต่ปีนี้ คุณสมรเช่าบ้านไว้ ใกล้กับที่ครูสงวนเช่า"
"อ้อ แล้วประวิช ไปไหนเสียแล้วล่ะคะ ไม่มาด้วยกันหรอกหรือ"
"คุณวิช เอาของไปเก็บข้างบนค่ะ คุณรตี รับประทานกลางวันหรือยังคะ"
"ใครจะกินเข้าไปลง ข้าวผัด"
รตีแสยะ ทำหน้าดูถูกอาหารจานเดียว
"พอดีรีบทำ ให้ท่านหญิง เพราะต้องออกไปสถานี ก่อนเที่ยง เสวยอย่าง
นี้เหมือนกัน เย็นหรอกถึงจะตั้งโต๊ะ หรือคุณรตี จะให้ตั้งอาหารเช้าคะ จะได้สั่งเขาไว้ให้"
รตีสะบัดหน้า
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเดินไปกินที่โฮเต็ลก็ได้"
รตีเดินออกไปทางหน้าบ้าน คุณสร้อยมองตามอย่างกลุ้มใจ แล้วมองผิน
"คุณไม่รับประทานแล้วผิน เก็บโต๊ะไป"

รตีเดินเชิดออกมาที่หาดกับชื่น พอดีประวิชเดินตามหลังมา เขาเปลี่ยนชุดไปเดินเล่นดูสบายขึ้น
"คุณรตี จะไปไหนหรือครับ"
"จะเดินไปโฮเต็ล ประวิชล่ะ จะไปไหน"
"จะ... เอ่อ... ออกไปเดินริมทะเล"
"ตกลงท่านชายจะเสด็จมาไหม"
"เห็นว่า ท่านจะเสด็จเชียงใหม่สัปดาห์หน้า คงไม่เสด็จหัวหินแล้วล่ะ"
รตีถอนใจ
"แย่จริง นึกว่าจะได้เสด็จมาเที่ยวด้วยกัน ไม่เด็จมานี่ ท่าจะคลาดกันเสียแล้ว ชั้นจะต้องรีบกลับไปดูแลเจ้าคุณท่าน อีกสองสามวันคงจะต้องกลับแล้ว" ชื่นบอก

"นั่นสิคะ คนมามากเกินไปแล้ว อึดอัด กลับไปกับแม่ดีกว่า"
แล้วรตีคอเชิดไปทางหนึ่ง ประวิชถอนใจ ส่ายหัวอย่างรำคาญ เดินออกไปอีกทางหนึ่ง

ปริศนาแต่งชุดลำลอง ทะมัดทะแมง สวมผ้ากันเปื้อน ขณะที่จำเนียรแต่งชุดผ้าถุงปกติ ปริศนาเดินเข้ามา พร้อมหยิบกระทะ และตะหลิวมาด้วย
"ปริศนามือไม่ดีเลย จับฉลากได้ นัมเบอร์ 1 เลย ต้องทำครัววันแรก"
"วันแรก ดีแล้วค่ะ คุณปริศนา คุณทำมื้อเดียว พรุ่งนี้ คุณแม่ต้องทำ 3 มื้อเชียวนะคะ" จำเนียรบอก
ปริศนาเอากระทะมาวางบนเตาถ่าน
"ทอดปลาก่อนใช่ไหม"
ปริศนาหยุดคิด เพราะไม่เคยทอดปลา
"คุณยายบอกว่า ทอดปลา ต้องใส่น้ำมันมากๆ"
"นี่คะ น้ำมัน คุณครูสงวน แบ่งมาให้แล้ว พรุ่งนี้คุณแม่ต้องไปซื้อมันหมูที่ตลาดมาเจียวเอง"
จำเนียรส่งโถพร้อมทัพพีตักน้ำมันแต่ปริศนาใช้เทลงไปในกระทะ แล้วยกไปวางเก็บที่ชั้น
"ทีนี้ก็ใส่ปลา"
"ยังใส่ไม่ได้ค่ะ" จำเนียรท้วง
"ใช่ๆ ยังใส่ไม่ได้ คุณยายบอกว่าต้องรอกระทะร้อนจัด แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ากระทะร้อนจัด"
"มันจะมีควันขึ้นค่ะ"
"จำเนียร ปลาน่ะ โรยเกลือหรือยัง ปริศนาจำไม่ได้ คุณยายให้โรยเกลือที่ปลา หรือให้โรยเกลือในกระทะนะ"
"จำเนียรทาเกลือ พริกไทย กระเทียมที่ปลาแล้วค่ะ"
"แล้วทำไมจำเนียร ไม่ทอดไปเลยล่ะ ปริศนาช่วยเอาไหม ช่วยเอาจานให้ ช่วยยกไปตั้งโต๊ะ เราสลับหน้าที่กัน"
ปริศนาส่งตะหลิวให้จำเนียรทันที จำเนียรยิ้มเอ็นดู แล้วก็รับตะหลิวมาถือไว้ ปริศนาถอยไปยืนดู
เสียงท่านหญิงรัตนาวดี และวิมลดังเข้ามา
"ครูปริศนาคะ"

ท่านหญิงขี่จักรยานมากับวิมล อ้อมมาจากทางหลังบ้านเช่าของสุทธากุล
"ท่านหญิง เด็จมาอีกแล้ว"
"ป้าสร้อยฝากน้ำพริกมาให้ค่ะ"

ท่านหญิงชี้ให้ดูห่อใบตองทรงสูง ที่ด้านในใส่กระทงน้ำพริกมา วางในตะกร้าด้านหน้าของจักรยาน
"ดีจัง วันนี้มีกับข้าวปลาทอดแค่ตัวเดียว นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรกินดี มีน้ำพริก เดี๋ยวไปหาผักมาจิ้ม"
"ครูคะ ไปขี่จักรยานกับเราไหม
"อยากไปเพคะ แต่ต้องทำกับข้าวให้เสร็จก่อน อีกสักชั่วโมง แล้วกลับมารับใหม่ได้ไหมเพคะ แต่ที่นี่ไม่มีจักรยานเลย"
"ท่านหญิงเพคะ เอาจักรยานที่วังมาให้ครูได้ไหม" วิมลบอก
"เดี๋ยวหญิงเอาของหญิงให้ครูยืม หญิงใช้ของเจ้าพี่ เรามีจักรยาน 4 คัน เดี๋ยวหญิง เอามาให้ครูยืมใช้เอง"
ปริศนายื่นมือออกมาจับกับท่านหญิงอย่างสัญญิงสัญญา แล้วท่านหญิงก็ขี่รถนำวิมลออกไป

สมรนั่งปอกมะม่วง มีถ้วยน้ำปลาหวานวางอยู่ มีกาละมังล้างมืออยู่ใกล้ๆด้วย
สงวนนั่งอยู่ด้วย สิรีว่ายน้ำอยู่ในทะเล อนงค์ใส่หมวกปีกกว้าง เดินเก็บเปลือกหอยอยู่ชายหาด
ประวิชเดินเข้ามาใกล้ เห็นอนงค์
"คุณอนงค์ ปริศนาล่ะ"
"ปริศนาทำกับข้าวอยู่ค่ะ วันนี้ ปริศนาจับฉลากได้เป็นคนทำครัว อยู่บนบ้านนั่นแน่ะ"
"เมื่อไหร่ปริศนา จะทำครัวเสร็จ"
"อีกสักพักกระมังคะ เสร็จแล้วคงจะลงมาเรียก คุณประวิชจะกินข้าวกับเราไหม"
"ผมน่าจะชิมฝีมือปริศนาไหมล่ะ"
"ก็น่าจะลองชิมดูนะคะ ยังไม่เคยมีใครได้ชิมฝีมือปริศนาเลยสักคนเดียว"
ประวิชหัวเราะ อนงค์พลอยหัวเราะไปด้วย

สงวนพูดกับสมร
"ตาประวิชนี่ เลื่องชื่อเรื่องเจ้าชู้นะ ได้ยินว่า ไปเที่ยวเกี้ยวสาวบ้านโน้น บ้านนี้อยู่เป็นประจำ แต่ฉันเห็นทีท่าแล้ว ตาประวิชนี่น่าจะชื่นชมปริศนาอย่างจริงๆจังๆ"
สมรตอบอย่างเกรงใจ
"ปริศนา น่าจะเห็นประวิชเป็นเพียงเพื่อน ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นเลยค่ะ"
"ปริศนา ออกจะเก่งไปเสียทุกอย่าง จนตาประวิช ไม่น่าจะเป็นผู้นำให้ปริศนาได้เลย ไม่เหมาะกันจริงๆนั่นแหละ เป็นอนงค์ ค่อยว่าไปอย่าง"
"อนงค์เป็นคนดี ช่วยงานบ้านทุกอย่าง แต่ไม่มีปากไม่มีเสียง เป็นผู้หญิงอย่างเก่า อย่างโบราณ ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบที่ประวิชจะชอบ"
"แล้วแม่สิรีเล่า ท่าทางทั้งเก่งทั้งคล่อง มีใครมาชอบพอหรือยัง"
"สิรี น่าจะได้ออกเรือนเร็วกว่าน้องๆ แต่ก็ต้องแล้วแต่เขาตัดสินใจ เรื่องการแต่งงานนี้ อิฉันถือความรักเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากไม่มีรักเสียแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะเชื่อมคนสองคนไว้ด้วยกันได้ จนตลอดชีวิต"
"ตั้งใจไว้แล้ว จะไม่บังคับใคร"
"ไม่บังคับใครเด็ดขาดค่ะ"
"แล้วแม่สมรไม่ห่วงหรือ หากลูกไปได้พบผู้ชายที่เปลี่ยนใจทีหลัง"
"อนาคต ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ ดิฉันก็หวังแต่ว่า อย่างน้อย เขาจะได้มีความสุขอย่างแท้จริงสักครั้ง ในชีวิต"
"ฉันยังไม่เคยเห็นใคร ศรัทธาในความรัก เท่าแม่สมรเลย"
"ดิฉันโชคดีที่ได้มีความรัก และได้ต่อสู้เพื่อความรัก จึงศรัทธาและอยากให้ลูกได้รู้ว่าความรักแท้ๆนั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตที่สำคัญที่สุด หาไม่แล้ว"
"หาไม่แล้ว ก็จงอยู่เป็นโสดตลอดไปเหมือนฉันนี่อย่างไรล่ะ"

สงวนต่อให้ แล้วก็หัวเราะ ชอบใจ

ปริศนา หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี และวิมล ขี่จักรยานมาด้วยกันบนเส้นทางริมชายหาดที่งดงาม รตีกับชื่นเดินออกมาเพื่อจะกลับตำหนัก พอดีเห็นทั้งสามสาวขี่จักรยานไปหัวเราะกันไป... ผ่านไป

"ตายจริง แม่เห็นเหมือนที่รตีเห็นไหมคะ"
"มาถึงนี่เทียวหรือ"
"ท่านหญิงรัตน์น่ะตัวดี ไปชวนมาให้รำคาญตาอีกแล้ว"
"ครอบครัวนี้ แม่ว่า มันต้องมีแผน"
"แผนอะไรหรือคะแม่"
"ก็มันต้องรู้น่ะสิ ว่าท่านชายทรงรักน้องสาวของท่านมากแค่ไหน มันก็พยายามที่จะจับท่านหญิงรัตน์ให้อยู่หมัด"
"จริงสิ ถือว่าเป็นครูด้วย แล้วมาทำตีสนิท ไปลงเรือ ก็ให้ท่าทั้งนายแอชลี่ เผลอๆ ก็ดึงท่านชายไปคุยด้วยสองต่อสองตลอด ไว้ใจไม่ได้ทีเดียว แถมยั่วให้นายประวิชคลั่งอีก"
"มันวางแผนไว้ล้ำลึกมากนังคนนี้ ตามสายเลือด ที่เขาว่ากันแม่มายังไง ลูกก็ไปอย่างนั้น"
รตีหรี่ตาด้วยความแค้น
"แต่ท่านชายจะต้องเป็นของลูกคนเดียว ให้มันยั่วคนโน้น แหย่คนนี้ไปเถิด เฟลิตเสียขนาดนั้น"
"รตีต้องอย่าให้มันเข้าใกล้ท่านชายเป็นอันขาด"
"ค่ะ รตีจะไม่ยอมให้มันเข้าใกล้ท่านชาย"
รตีให้สัญญากับตัวเอง

เย็นต่อเนื่องมา ปริศนาอยากจะกลับแล้ว แต่ท่านหญิงรัตนาวดีและวิมลไม่ยอมกลับ

ปริศนาร้องเรียก
"ท่านหญิง ท่านหญิงเพคะ"
ท่านหญิงรัตน์หันหน้ามาดู แล้วค่อยๆเบรกรถ รอให้ปริศนาถีบรถเข้ามาทัน
"มีอะไรหรือคะครู"
"ครูต้องกลับไปบ้านพักแล้วค่ะ ประเดี๋ยวเขากินข้าวกันหมด"
"แย่จริง ยังไปไม่ถึงไหน หญิงอยากพาครูไปสถานีรถไฟ"
"ไว้พรุ่งนี้สิคะ นี่ท่านหญิงขี่จักรยานไปไหนต่อไหนตลอดเลยหรือเพคะ"
"ค่ะ ไปกับวิมล"
"บางทีท่านหญิงก็เสด็จองค์เดียว" วิมลบอก
"พาใครไปด้วยเถิดเพคะ หากรถไปล้มที่ไหน หรือยางแตก ก็ยังจะได้มีคนช่วย"
"เราไปส่งครูกันไหมเพคะ ท่านหญิง" วิมลบอก
"ไม่ต้องค่ะ ครูกลับไปคนเดียวได้ ท่านหญิงกับวิมล กลับไปตำหนักเถอะเพคะ"
"ครูบอกว่าให้มีเพื่อน ขี่จักรยานไปด้วยกันไงคะ ให้หญิงกับวิมล ไปส่งครูเนอะ วิมล"
"เพคะ"
"คิดถึงท่านพี่จริงๆ ถ้าเสด็จมา ท่านคงเที่ยวไปส่งทุกคนเองทั้งหมด"
"นั่นสิเพคะ หากท่านชายเสด็จมาด้วยคงสนุกพิลึก"
"ครูอยากให้พี่ชายมาไหมคะ"
"อยากสิเพคะ ให้มาขี่จักรยานด้วยกัน ท่านชายขี่จักรยานเป็นยังไง นึกภาพไม่ออก แล้วอาจจะชวนไปเสวยกับข้าวที่ครูทำด้วย ท่านจะว่ายังไงนะ"
"หากครูอยากให้ท่านพี่เสด็จมา หญิงจะเขียนจดหมายไปตาม"
"ตามกันตั้งหลายคนแล้ว ประวิชก็เล่าว่าชวนท่านมา ท่านไม่ยอมเสด็จมาท่าเดียว"
"ถ้าทางนี้กลับไป บางทีท่านอาจจะเสด็จมาก็ได้นะคะ"
วิมลบุ้ยใบ้ ไปทางตำหนัก โดยคิดว่า รตีอยู่ทางนั้น
"ท่านมีธุระของท่านไม่ใช่หรือเพคะ แค่เขียนไปว่า เราคิดถึงท่านกันอยู่ ก็พอ"
"ตกลงเลยค่ะ"
ท่านหญิงรัตนาวดียิ้มกว้าง

ห้องนอนของรัตนาวดี ในตำหนักมโนรมย์ เวลากลางคืน หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี นั่งเขียนจดหมายถึงพี่ชาย เสียงในความคิดของท่านหญิง บรรยายความในจดหมาย
"ตำหนักมโนรมย์ หัวหิน ทูลเจ้าพี่ทรงทราบ เจ้าพี่เห็นหญิงเข้าเดี๋ยวนี้คงจำไม่ได้ เพราะออกแดดถีบจักรยานไปเที่ยวทุกวัน จนตัวดำเหลือเกิน ที่สถานีรถไฟคนมาหัวหินกันมากเหลือเกินเต็มทุกเที่ยวรถ ครูปริศนา ก็มาอยู่บ้านใกล้ๆโฮเต็ล

หลายวันต่อมา ตอนกลางคืนที่ห้องอ่านหนังสือ ท่านชายพจน์ ปรีชา อ่านจดหมายของน้องสาว

"วันนั้นหญิงบ่นว่าคิดถึงเจ้าพี่ แกว่าแกก็คิดถึงเหมือนกัน ทำไมหญิงไม่เขียนจดหมาย ไปชวนมา เด็จทำไม เชียงใหม่ไม่เห็นสนุก"
ท่านชายประทับอ่านจดหมายท่านหญิง มีซองจดหมายวางอยู่ข้างๆ เนื้อหาในจดหมายมีกระดาษ 3 แผ่น แผ่นที่กำลังอ่านเป็นแผ่นที่ 2
ท่านชายอ่านข้อความแล้วเงยหน้าขึ้น ความรู้สึกแผ่ซ่านทั่วร่างเหมือนปริศนาอยู่ใกล้ๆ ปริศนาบอกกับรัตนาวดี ว่าคิดถึง ท่าน!
ท่านชายพจน์พลิกกระดาษ ไปหน้าสุดท้ายและอ่านต่อ
"หญิงกำลังสบายใจ อีกหน่อยน้าชื่นกับพี่รตีก็จะไปกันแล้ว ไม่มีคนคอยยุ่ง ถ้าเจ้าพี่เด็จมา หญิงจะสบายใจเต็มที่ทีเดียว เจ้าพี่เด็จมาสิคะ หญิงคิดถึง ครูปริศนาก็ว่าคิดถึงด้วยเหมือนกัน เจ้าพี่คะ อย่าลืมว่าวันที่ 20 เดือนนี้เป็นวันเกิดหญิง อายุ 16 เจ้าพี่ต้องเขียนจดหมายถึงหญิงนะเพคะ และต้องส่งของมาประทานด้วย อย่าลืม รักเจ้าพี่เสมอ รัตนาวดี"
ท่านชายพจน์เงยหน้าขึ้น ยิ้มอารมณ์ดี คิดถึงรัตนาวดี หัวหิน และ ปริศนา

เวลาเช้า รตีเดินออกมาจากตำหนัก มายืนอยู่บริเวณร่มไม้ ที่ใครจะเข้าจะออกตำหนัก จะต้องเดินผ่าน แต่เป็นที่หลบแดด มีร่มใหญ่กางอยู่
รตีตั้งใจจะใช้ที่ตรงนี้ นอนรอท่านชายพจน์ รตีใส่ชุดว่ายน้ำ และเสื้อคลุม ผิน หอบผ้าปู และอื่นๆมา รตีเดินมาถึงที่หมาย ชี้บอกผิน
"ตรงนี้"
ผินปูผ้า แต่เหมือนจะไม่ถูกใจรตีในครั้งแรก รตีก็ชี้ให้ขยับซ้ายขยับขวา แต่ก็ไม่พอใจอีก จึงทำเสียงไม่พอใจกระทืบเท้า และขยับเอง ก่อนจะวางตะกร้าลงไปทับ ผ้าไว้ไม่ให้ปลิว
"ผินไปเอา ตะกร้าน้ำมาให้ด้วย"
ผินออกไป รตีก็เลือก pocket book ที่ติดมา 2-3 เล่ม รตีเลือกมาเล่มหนึ่ง แล้ววางเล่มอื่นๆคล้ายทับชายผ้าไว้
รตีกำลังปลดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นชุดว่ายน้ำ

ขณะที่ท่านหญิงรัตนาวดี วิมล และประวิชกำลังจะออกจากตำหนัก เพื่อไปหาปริศนากัน เห็นท่ารตีกำลังจะลงนอนคว่ำลงพอดี รตีทำท่าอ่านหนังสือ แต่โพสท่าทางเหมือนกำลังถ่ายรูปลงนิตยสาร
"นั่นเค้าทำอะไรน่ะคะ" ท่านหญิงว่า
"อาบแดดกระมังเพคะ เหมือนดาราฝรั่ง" วิมลบอก
"อาบแดดก็ต้องนอนตรงที่มีแดดสิ มานอนอะไรตรงนี้"
รตีใส่ชุดว่ายน้ำ กำลังนอนทำท่าเหมือนนางแบบ บนผ้าผืน
"อาบให้โดนแดด น่าจะกลัวตัวจะดำ" ประวิชบอก
ผู้คนเดินผ่านมา ทุกคนหันมามองรตี เพราะทอดตัวได้เหมือนถ่ายแบบ

"นั่นไง เห็นไหม อยู่ตรงนี้ดี ใครผ่านไปผ่านมาก็มอง พวกเรากันเองยังต้องมองเขาเลย รตีเป็นคนสวย สวยมาก"
ท่านหญิงทำหน้าเบ้ใส่
"พวกผู้ชายก็อย่างนี้แหละ มองแต่ภาพภายนอก ไม่ได้ดูนิสัย ไม่ได้ดูจิตใจเลย ออกตั้งใจมาโชว์โฉมแต่งชุดว่ายน้ำ แต่ไม่เคยเปียกเกินข้อเท้า จะอาบแดด ก็ต้องมานอนตรงที่มีคนเห็นมากๆ แถมแดดไม่ส่องอีกต่างหาก น่ากลัวจริง"
ท่านหญิงรัตนาวดีทำท่ารังเกียจแล้ว วิ่งออกไปข้างนอกก่อน
วิมลบอกประวิช
"น่าจะซ้อมไว้หลายวันแล้ว น่าเสียดายที่ท่านชายไม่เสด็จมาเสียที"
"จุ๊ๆ วิมล อย่าเที่ยวพูดไป ใครได้ยินเข้ามันไม่ดี ยังไงเสีย เราก็นามสกุลเดียวกับเขา"
วิมลเลียนเสียงและท่าทางรังเกียจของท่านหญิงรัตน์ เมื่อสักครู่
"อี๋ย"

แล้ววิมลก็วิ่งตามท่านหญิงรัตน์ออกไป ประวิชมองรตีอย่างปลงๆ แล้วเดินตามท่านหญิงออกไปเหมือนกัน
 
อ่านต่อหน้า 4

ปริศนา ตอนที่ 8 (ต่อ)

ทางหลังบ้านเช่าของบ้านสุทธากุลที่หัวหิน ปริศนาถือถาดเล็กๆวางถ้วยน้ำปลาหวานไว้ ตัวถาดเอาไว้สำหรับวาง มะม่วงที่ปอกแล้ว และตะกร้าน้ำดื่ม และมีผ้ารองนั่ง พับเหน็บมาด้วย

อนงค์หิ้วตะกร้ามะม่วง และหม้อหูหิ้วใส่น้ำ ไว้ใส่มะม่วงที่ฝานแล้วก่อนรับประทาน
ลงมาจากบ้านเพื่อจะมุ่งไปทางทะเล
ท่านหญิงรัตน์ ประวิช และวิมลขี่จักรยานเข้ามาใกล้
"ครูคะ ครูปริศนา"
"อ้อ ท่านหญิง ประวิช วิมล มาทางนี้ อนงค์จะปอกมะม่วง ให้จิ้มน้ำปลาหวานกัน อนงค์เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้นี้เอง ยังร้อนๆอยู่เลย"
ปริศนาเดินนำ ไปบริเวณสบายๆ ใต้ร่มไม้ มองออกไปเห็นทะเล
"เวลานี้ เรียกว่าเรานั่งกินนอนกิน มีความสุขเสียจริง"
วิมลและประวิชมาช่วยปริศนาปูผ้ารองนั่ง
"ครูขา ไปถีบจักรยานกับหญิงไหมคะ" ท่านหญิงว่า
"วันนี้ท่านหญิงจะเด็จไหนเพคะ"
"หญิงจะพาครูไปสถานีรถไฟ คนมากันเยอะเชียวค่ะ อยากไปดูว่าท่านพี่จะเสด็จมาไหม"
"ท่านชายจะเสด็จหรือเพคะ" ปริศนาถาม
"ไม่ทราบสิคะ หญิงเขียนจดหมายถึงตั้งหลายวันแล้ว ไม่เห็นตอบมาเลย ว่าจะเสด็จหรือไม่"
"ตายจริง... ท่านชายทรงงานอยู่ไม่ใช่หรือเพคะ"
"ค่ะ อาจจะรักษาคนไข้อยู่ ไม่ว่างที่จะมา แต่หญิงก็รอนะ ว่าวันเกิดหญิงจะประทานอะไรให้บ้าง ถ้าท่านพี่ไม่ประทานของขวัญให้มา หญิงจะโกรธ โกรธจริงๆด้วย"

อนงค์ลงนั่งแล้วเริ่มปอกมะม่วง บุรุษไปรษณีย์ขี่จักรยานมา แล้วดีดกระดิ่งจักรยาน
วิมลวิ่งไปรับจดหมายให้ วิมลหันมาชูจดหมายให้ปริศนาดู
"ถึงคุณสิรีค่ะ"
"สิรีเป็นเวรทำกับข้าวอยู่บนบ้านแน่ะ วิมลช่วยเอาขึ้นไปให้หน่อย"
ยังไม่ทันที่วิมลจะขึ้นไปบนบ้าน สิรีก็วิ่งลงมา
"ไหน จดหมายอยู่ที่ไหน"
วิมล เอาจดหมายไปส่งให้ สิรีรีบคว้าแล้ววิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน สิรีสวมผ้ากันเปื้อนเป็นชุดทำกับข้าวของบ้าน วิมลงงในกริยาของสิรี
"จดหมายอะไรกัน ดูเป็นเรื่องสำคัญนักหนา"
"น่าจะเป็นจดหมายของนายเสมอ เขียนมาถึงทุกวันตั้งแต่มาถึง หัวหินแล้ว"
ประวิชทำหน้าเหมือนรู้สึกถึงความพิเศษของเสมอกับสิรี
"ดีจริง คุณอนงค์ ปอกมะม่วงกันทีรึยัง ผมอยากจะนอนเขลงเสียแล้ว"
"ประวิชกินมะม่วงน้ำปลาหวาน ตรงนี้นะ ปริศนาจะขอไปถีบจักรยานเล่นกับท่านหญิงและวิมลก่อน"
"อ้าว แล้วไม่กินมะม่วงน้ำปลาหวานกันเหรอ"
"กินมะม่วงน้ำปลาหวาน ต้องเป็นเวลานั่งคุยกัน ดูทะเลซี กินมะม่วงแล้วไปถีบจักรยานปวดท้องตาย ปริศนาอยากถีบจักรยานมากกว่ากินมะม่วงนี่นา"
"แล้วกัน ประวิชอุตส่าห์ ถีบจักรยานมากับท่านหญิง จะมาคุยกับปริศนา"
อนงค์เหลือบตามองประวิชอย่างน้อยใจ
"ก็กินตรงนี้แหละ ไปสถานีรถไฟเสร็จ ก็กลับมาที่นี่ ใช่ไหมเพคะ"
"ใช่ หญิงกลับมาส่งครู แล้วมารับประวิชกลับไปกินเย็นที่มโนรมย์ แล้วกลางคืน หญิงมารับครู ไปจับปูลมกันอีก ประวิชจะมาด้วยไหม"
ประวิชทำท่าเหมือนจะเป็นลม อนงค์อมยิ้ม
"ท่านหญิง! ไม่ทรงเหน็ดทรงเหนื่อยบ้างเลยหรือ" ประวิชถาม
"ไม่เหนื่อยสิ สนุกจะตาย"
"จริง สนุกจะตาย นี่ก็นัดกันไว้หลายคนเลย คืนนี้ จับปูลมต้องส่องไฟ ต้องใส่ถัง"
ประวิชยกมือห้าม
"พอๆ เลยวิมล ไม่สนุก พี่ไม่ชอบ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ปริศนาก็ชอบเล่นเป็นเด็กๆ"
"ทำไมล่ะประวิช เกิดมาปริศนายังไม่เคยจับปูลมเลยนะ ท่านหญิงบอกว่าสนุก ปริศนา ก็อยากจะลองจับบ้าง ยังไม่รู้เลยว่าปูลมหน้าตาเป็นอย่างไร"
"ตัวมันเล็กๆอย่างไรล่ะ ไปไล่จับ มันวิ่งหนี กันกรู น่าสงสารมันออก"
ทุกคนหันมามองอนงค์ รู้สึกว่าอนงค์แปลกแยก อนงค์รู้สึกตัว ก้มหน้าปอกมะม่วงไป
"จริง.... น่าสงสารปู ปริศนาสัญญาว่า จะไม่ทำอะไรมัน หากใครจะกินปูทอด ปริศนาก็จะแบ่งให้ไป แล้วที่เหลือ ปริศนาจะเทปูลงทะเลไป ให้มันอยู่ในทะเลต่อไป ดีไหม อนงค์"
อนงค์พยักหน้า

ปริศนาลุกขึ้นยืน
"ท่านหญิงเพคะ วิมล มา เราไปสถานีรถไฟกัน"
ปริศนาวิ่งนำไปที่จักรยาน ท่านหญิงรัตน์ และวิมลวิ่งตามไป
ประวิชมองตามกลุ้มๆ เขาไม่เคยทันปริศนาเลย เขาหันมาก็เห็นอนงค์มองเขาอยู่
อนงค์หลบตา
"ดูน้องสาวคุณสิ อนงค์ มัวแต่เล่นซน ดูทีรึ ผมอุตส่าห์ออกมาแต่เช้า หวังจะได้พบได้คุยกันบ้าง ปริศนา หนีไปเสียอีกแล้ว"
"ปริศนาไม่ได้หนีคุณไปไหนนี่คะ แกยังไม่เคยมาหัวหิน เห็นที่แปลกตาก็อยากไปเที่ยวไปดู หากอยากพบปริศนา ทำไมไม่ไปกับแก"
"โอย ขี่จักรยานตากแดดหัวแดงไม่ไหว เหนื่อยจะตาย จะให้ประวิชไปวิ่งจับปูลมเป็นเด็กๆอีกก็ไม่ไหว ท่านหญิงเอง ก็โตเป็นสาวแล้วยังจะชอบเล่นเป็นเด็ก ท่านชายก็ตามใจน้องสาวเหลือเกิน"
อนงค์มองประวิชทำตาปริบๆ รู้สึกว่าประวิชขี้บ่นมาก แต่ก็น่าเอ็นดูดี
ประวิชหยิบมะม่วงน้ำปลาหวานเข้าปาก
"อร่อยดีจริง นี่อนงค์ ทำเองทั้งหมดหรือ เยี่ยมมากจริงๆ ไม่เค็มไม่หวานเกินไป กำลังพอดี ถึงเครื่องนะ ทั้งกุ้งแห้งตำ และหอมซอย"
อนงค์รู้สึกว่าชีวิตเติมเต็มเพราะได้ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้านี้มีความพึงพอใจ

ประวิช และอนงค์ ดูเป็นภาพหญิงชายที่มีความสุขมาก

ปริศนา ท่านหญิงรัตนาวดี และวิมล ขี่จักรยานมาถึง ขณะที่รถไฟกำลังเทียบชานชาลาพอดี ทั้งหมดเดินเข้าไปดู

"เห็นไหมคะ ครู รถไฟมีคนเต็มทุกเที่ยวทีเดียว"
"ท่านหญิงมารับใครหรือเปล่าเพคะ"
"ไม่ได้มารับใครค่ะ มาดูเฉยๆ แต่ก็เห็นคนรู้จักมาบ่อยๆ หญิงต้องแอบไม่ให้ใครเห็น แต่บางครั้งหลบ ไม่ทัน เขาก็ทักเอา"
"พบพระญาติท่านหญิงอยู่หลายเที่ยว" วิมลบอก
"คนมาหัวหินกันทุกปีหรือเพคะ"
"หัวหิน เป็นชายทะเลที่คนนิยมมามากๆค่ะ ปลูกบ้านกันไว้ก็มาก มาโฮเต็ลก็มี บ้านเช่าก็อีก" ท่านหญิงว่า
"ทรายหัวหินขาว สวยจริงๆ ทะเลที่อเมริกา ไม่สวยอย่างนี้ เขาว่า มีที่ทะเลสวยๆ คุณอายังไม่เคยพาครูไปเหมือนกัน"
หม่อมเจ้ารัตนาวดี ปรีชาพาปริศนาเข้าไปนั่งพักในสถานีรถไฟ

ทั้งสามขี่จักรยานชมวิว หัวหินไปเรื่อยๆ ท่าทางทุกคนมีความสุข เห็นทะเลสีฟ้างดงาม ผ่านเวลาจนถึงกลางคืน ความสว่างของไฟฉายสองสามดวงส่องเป็นลำ บนกาดทรายมีปูลมวิ่งอยู่ ปริศนาถือไฟฉายของตนมาด้วย

ท่านหญิงรัตน์ วิมลและปริศนา งไล่ตามปู คนงานในวังช่วยสองไฟฉาย และถือกระป๋องวิ่งตามอยู่ ทั้งหมดส่งเสียงดังหัวเราะ กรี๊ด วิ่งไล่ต้อนปู ตะครุบปูได้ใส่ถัง แล้วนั่งหัวเราะกัน
คนงานชาย แต่งเครื่องแบบของตำหนักมโนรมย์ วิ่งตามมาหยุดยืนหอบหน้าท่านหญิง
คนงาน 1
"ฝ่าพระบาท คุณสร้อยให้กระผมมาตามกลับตำหนักเดี๋ยวนี้เลยขอรับ"
"กลับเดี๋ยวนี้ ทำไม"
"คุณสร้อยว่าเป็นเรื่องด่วนขอรับ"
"เรื่องด่วนอะไร มาเกิดตอนฉันจะจับปูลม!"
ปริศนามองดู เห็นคนงาน คอตกหมดทุกคนเพราะเกรงคุณสร้อย
"ท่านหญิงเพคะ หากคุณป้าสร้อยให้มาตาม เห็นจะเป็นเรื่องสำคัญ เด็จกลับไปก่อนเถอะ เพคะ วันหลังเรามาจับปูลมกันอีกก็ได้"
รัตนาวดีนิ่งคิดอยู่สักพัก ก็มองวิมล
"ไป กลับ ... พรุ่งนี้หญิงไปรับที่บ้าน ไปเที่ยวกันอีกนะคะ"
"เพคะ"
พนักงานที่ถือกระป๋อง เทปูออก แล้วเดินกลับไปกับท่านหญิง ปริศนามองท่านหญิง แล้วหันหลังเดินกลับไปทางบ้านพัก

เวลาต่อมา ปริศนาขึ้นมาบนห้องโถงของบ้าน พลางดับไฟฉาย
"อ้าวปริศนา ทำไมกลับมาเร็ว" สมรถาม
"ได้ปูมามากไหม" อนงค์ถาม
"ยังไม่ได้ปูซักเท่าไหร่เลย เพิ่งจะเริ่มจับกัน คุณป้าสร้อยก็ให้คนมาตามท่านหญิงกลับ"
"อ้าว... แล้วกัน"
"จำเนียร รินน้ำให้กินหน่อย วิ่งเหนื่อย"
"ขนาดไม่ได้ปูนะเนี่ย" อนงค์ว่า
"แต่ได้วิ่งอย่างไรล่ะ แล้วเดินกลับบ้านอีกไกลโข"
จำเนียรเอาน้ำใส่แก้วมาวางให้ปริศนา
"ก็นั่นน่ะสิ ปูมันไม่ยอมให้จับง่ายๆหรอก มันก็วิ่งหนีของมันไป" สิรีว่า
สิรีลุกขึ้น เดินไปทางห้องนอน
"สิรีจะนอนแล้วหรือ"
"ยัง จะดูหน่อยว่าพรุ่งนี้จะใส่เสื้อตัวไหนดี"
ปริศนาหันมามองอนงค์ และสมรเป็นคำถาม
"พรุ่งนี้คุณเสมอ จะมาหัวหินจ้ะ" อนงค์บอก
ปริศนา ทำหน้าว่าเข้าใจแล้วอย่างใหญ่มาก

ท่านหญิงรัตนาวดีหน้ายังบึ้งอยู่ เดินตามคนที่ไปตาม มาทางห้องโถงตำหนักมโนรมย์
"เรื่องด่วนมันเรื่องอะไร ทำไมบอกไม่ได้" ท่านหญิงบ่นฮุบ
คนงาน1บอก
"คุณท่านไม่ได้บอกไว้ขอรับ เสด็จทางนี้พระเจ้าค่ะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีเข้ามา ท่านชายที่นั่งคอยอยู่ มีเครื่องดื่มน้ำร้อนน้ำชาอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงท่านหญิง ก็ลุกขึ้น
"พี่ชาย" ท่านหญิงเรียกน้ำเสียงดีใจมาก
"น้องหญิง ไปซนที่ไหนมานี่" ท่านชายถาม
รัตนาวดีวิ่งเข้ากอดท่านชายพจน์
"เด็จมาไม่บอกหญิงก่อนเลย คิดถึงพี่ชายจังค่ะ"
รตี เดินเข้ามาจากทางด้านหลัง เห็นท่านชาย กับท่านหญิงรัตน์กำลังต้อนรับกันอยู่จึงถอยกลับเข้าไป

รตีและชื่นหลบคนออกมาที่ระเบียงด้วยกัน
"ท่านชายเสด็จมาถึงเดี๋ยวนี้เองค่ะ แม่"
"รู้กันมาก่อนหรือเปล่า"
"ไม่น่าจะรู้ค่ะ ท่านหญิงก็ไม่ทรงทราบ น่าจะเป็นการกระทันหัน"
"แล้วอย่างไรกัน จองตั๋วรถไฟ ต้องกลับพรุ่งนี้แล้ว"
"แม่กลับไปเลยค่ะ กับพวกคนงาน เอากลับไปให้หมด แต่รตีจะอยู่ที่นี่ต่อไป คราวนี้ จะกลับพร้อมท่านชายเลยทีเดียว"
ชื่นแปลกใจเล็กน้อย แล้วก็พยักหน้า
"กลับพร้อมท่านชาย ท่านอยู่ที่ไหน รตี ก็ต้องอยู่ที่นั่น"

รตีสีหน้ามั่นใจมาก

อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น