ปริศนา ตอนที่ 10
ภายในบ้านพักที่หัวหินของสมร ตอนกลางคืนต่อเนื่องมา สิรีและอนงค์ เปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งคุยกันอยู่บนเตียง
"นี่ อนงค์... ชั้นรู้สึกแปลกมากจริงๆ เรื่องท่านชายพจน์" สิรีบอก
"ท่านชายพจน์มีอะไรหรือ"
"ชั้นว่า ท่านโปรดปริศนา น้องสาวของเราเป็นพิเศษ"
"จะเป็นไปได้อย่างไร สิรี อย่าเพ้อฝัน เหมือนปริศนาอีกคนแล้ว"
"เหมือนยังไง"
"ก็เที่ยวยกท่านชาย ให้ไปรักคนโน้น ให้ไปชอบคนนี้"
"ปริศนา เป็นอย่างนั้นหรือ" สิรีถาม
"ใช่ เคยจะยกท่านให้สิรีด้วย บอกว่าสมกัน" อนงค์บอก
"เป็นบ้า... พูดอะไรอย่างนั้น"
"ปริศนาก็เฟื่องไปอย่างนั้น ท่านชายอาจจะโปรดปริศนา เพราะชอบคุย ชอบชวนเล่น และที่สำคัญเป็นครูประจำชั้นของขนิษฐาของท่าน แต่ไม่ควรจะมีอะไรมากกว่านั้น"
สิรีจ้องหน้าอนงค์
"ทำไมอนงค์ถึงคิดเช่นนั้น"
"ปริศนาทำสนิทสนมกับท่านชายเพราะต้องการยั่วรตี เขาไม่ถูกกันตั้งแต่บนเรือ ครั้งที่กลับจากอเมริกาแล้ว"
"แล้วเปลี่ยนใจไปชอบท่านชายจริงๆไม่ได้หรือ ท่านออกสง่างาม พระทัยดี มีเมตตา"
"แล้วเราสองคนรักท่านอย่างนั้นได้หรือไม่เล่า สิรี"
"แต่ท่านไม่ได้สนิทสนมกับเรามาก เหมือนปริศนานะ ท่านชวนปริศนาไปตีเทนนิสด้วยบ่อยๆ ชวนไปเที่ยวบ่อยกว่ารตีเสียอีก หากท่านชายโปรดปริศนาแทนรตีแล้ว ฉันเห็นจะชอบใจมาก อนงค์รู้ไหม มาหัวหินครั้งนี้ รตีตัดชุดมาทั้งหมด 22 ชุด"
"ตายล่ะ เอาเงินมากจากไหนมากมายอย่างนั้น"
"แต่ก็ดีนะ นงลักษณ์ดีใจจะแย่ ทั้งร้านแทบจะตัดให้รตีคนเดียวนี่ถ้าไม่ได้ท่านชาย อกรตีคงระเบิด" สิรีทำหน้ายิ้มเยาะ
"ฉันก็เห็นว่ารตี ไม่เห็นเหมาะกับท่านชาย แต่จะให้ปริศนาไปเป็นคู่แข่งด้วยก็เห็นว่าไม่สม เพราะปริศนากับคุณประวิชน่ะรักกัน" อนงค์บอก
สิรีทำหน้าไม่เชื่อและไม่เห็นด้วย
ปริศนาเดินเข้ามามีผ้าโพกหัว แต่งชุดนอน
"อะไร ใครพูดเมื่อกี้ ว่าปริศนากับประวิชรักกัน พลอยเป็นบ้าไปอีกคนแล้วเรื่องอะไรมานินทากันอย่างนี้"
"ไม่ได้นินทา แค่พูดคุยกัน เห็นไปไหนมาไหน สนิทสนมกันเหลือเกินแล้วยังไม่รักกันอีกเหรอ"
"ปริศนารักประวิชก็ได้ แต่รักอย่างเพื่อน ไม่ได้รักเป็นคนรัก ไม่เหมือนสิรีกับนาย always ที่คลาดกันไม่ได้ ต้องดั้นต้นตามมาถึงหัวหิน ฝ่ายสิรีก็หายเซื่องซึม คอยแต่จะพูดคุยกันทั้งวันทั้งคืน เช้าถึงเย็นถึง ไม่ห่างกันเลย"
ปริศนาทำท่ากวนสิรี เอาผ้าที่โพกผมออก แล้วหยิบแปรงมาแปรงผม แล้วเดินมานั่งที่เตียงเสริมของตน
สิรีอาย เอาหมอนมาตีน้องสาว ปริศนาหัวเราะแล้วหลบไปมา
ทางเดินในตำหนักมโนรมย์ เช้าวันรุ่งขึ้น ป้าสร้อยกำลังแพคของทะเล เช่นปลาหมึกแห้ง ปลาหวาน ปลาเค็ม ใส่กล่องกระดาษ ในกล่อง ปูใบตองรอง หลายชั้น สนยืนดูอยู่
"ป้าสร้อย ป้าปูใบตองอะไรมากมายนัก กล่องจะหนักเสียเปล่า"
"ให้กลิ่นมันออกมาน้อยที่สุด แล้ว ไปเปียกไปชื้นที่ไหนจะเข้าไม่ถึง ของแห้งพวกนี้ ไปถึงรีบให้ผึ่งแดดก่อนเก็บทีเดียวนะสน ประเดี๋ยวกล่องเล็กนี่จะใส่น้ำตาลปึกไปด้วย"
"น้ำตาลในพระนครมีออกมากมาย"
"แต่นี่ของคุณหญิงพรรณรายเอามาจากเมืองเพชร บ้านเธอเคี่ยวน้ำตาลเอง แบ่งไปบ้าง น้ำตาลสะอาดหอมหวาน"
สนดูของที่ตนจะขนไปแล้วทำหน้ามึน
"ไปถึงที่โน่น คนก็จะมารับเอง"
รตีเดินผ่านมา พอเห็นสนก็ปรี่เข้ามาใกล้
"นายสน ท่านชายเด็จไหน รู้ไหม"
"เมื่อสักครู่เสวยเช้าเสร็จ ก็เสด็จขึ้นชั้นบนขอรับ"
"ไม่มี ฉันให้ประวิชไปดูแล้ว อะไรกันนี่ นายสน เป็นต้นห้องชนิดไหน เจ้านายไปไหนไม่รู้"
สนทำหน้าเฉย
"พอดีสนมาเตรียมของกลับพระนครพรุ่งนี้ ท่านชายจะเสด็จกลับแล้วยังไงเล่าคะ"
รตีมองของที่สร้อยแพคอยู่
"เสด็จรถไฟกี่โมง ป้าสร้อย ให้ใครไปซื้อตั๋วรถไฟให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะกลับพร้อมท่านชาย"
สนและสร้อยมองตากัน แต่ไม่แสดงอะไรออกมามาก รตีเปิดกระเป๋า ควักสตางค์ออกมา วาง
"รีบไปเดี๋ยวนี้เลย แล้วเอาตั๋วมาให้ฉัน ก่อนกลางวัน"
สนและสร้อยมองสตางค์ของรตี แล้วมองหน้ากันอีก ทั้งคู่ ไม่พูดอะไรออกมา
ริมทะเลหน้าบ้านสมร ที่หัวหิน ท่านชายพจน์ นั่งเหมือนเมื่อวาน รูปใกล้เสร็จแล้ว ปริศนา กำลังเติมสีอยู่
"วาดรูปเสร็จวันนี้แล้ว ฉันเอากลับไปได้เลยหรือไม่"
"ยังไม่ได้เพคะ มีอะไรอีกนิดหน่อยที่จะต้องทำ ปริศนาจะถวายให้ท่านชายที่กรุงเทพฯ แน่นอน"
"พรุ่งนี้ ฉันก็จะกลับแล้ว"
"อ้าว แล้วกัน กลับเร็วจริงเพคะ ปริศนาไม่รู้มาก่อนเลย ท่านชายเวลาเสด็จมา จู่ๆก็มา เวลาเสด็จกลับ ก็ไม่มีใครรู้ก่อนอีกแล้ว"
"เรื่องกลับมีกำหนดแน่นอน มะรืนต้องไปเชียงใหม่ วางแผนทั้งหมดไว้แล้ว แต่เรื่องมานี่สิ เป็นเรื่องที่ไม่ได้คิดมาก่อน ฉันเองยังไม่รู้ตัวเลย"
"แปลกจริง ท่านชายมีเหตุผลอะไรที่ในที่สุดแล้ว ตัดสินพระทัยที่จะเสด็จมา"
"มีซี....มีแยะเลย ประการที่ 1 น้องหญิงอยากให้มา เขียนจดหมายถึงฉัน ประการที่ 2 จะวันเกิดน้องหญิง ฉันคิดถึงน้อง อยากเห็นหน้าน้องขึ้นมา ประการที่ 3 ฉันเบื่อบ้าน จะไปเชียงใหม่ อีกตั้งหลายวัน อยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร"
"เท่านี้หรือเพคะ"
"ก็ยังมีอีก ประการที่ 4 คือที่ไม่มาแต่แรก เพราะคนมาเที่ยวกันมาก จะวุ่นวาย แต่เขากำลังจะกลับก็เลยมา ส่วนประการที่ 5 และสุดท้าย"
ท่านชายยิ้มใส่ตาของปริศนาที่รอฟังอยู่
"ออกจะเฟื่องสักหน่อย ... เพราะน้องหญิงเขียนจดหมายไปบอกฉันว่า เธอคิดถึง และให้น้องหญิงชวนฉันมา เป็นความจริงหรือเปล่า ปริศนา"
ปริศนา หลบตานิดหนึ่ง แล้วก็เงยหน้า ยิ้มพยักหน้าให้ท่านชาย
ท่านชายพจน์ยิ้มตอบ
"วันนี้ไปกินข้าวที่โรงแรมแล้วตอนบ่ายเราไปเดินเที่ยวกันได้ไหม วันนี้ครอบครัวเธอไปไหนกันหมด"
"ป้าสงวนชวนแม่ไปชะอำ แต่เช้าเพคะ อนงค์ไปด้วย แต่สิรีอยู่บ้าน พรุ่งนี้ คุณ
เสมอเขาก็จะกลับเหมือนกัน หมดวันลางานเพคะ เขาเลยมาร่ำลากัน ทั้งวัน"
ปริศนาพูดจบก็เก็บของวาดรูป ท่านชายก็ช่วยเก็บช่วยถือ
บ้านเช่าริมทะเลหัวหินของสมร เสมอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารดูสิรีที่กำลังพัดเตา ถ่านฟุ้งอยู่
ท่านชายพจน์ ปรีชากับปริศนา ขนอุปกรณ์วาดรูปขึ้นบ้าน เดินผ่านมา
"สิรี ทำอะไรน่ะ ควันคลุ้งไปหมด"
"อ้อ กระผม ให้เขาย่างปลามาให้ เกรงว่า สิรีทำเองจะเสียเวลา ย่างมากินกลางวันตัวหนึ่ง อีกตัวหนึ่งประเดี๋ยวจะอุ่นไว้รับประทานเย็น ตอนนี้เลยให้สิรีเขาผัดผักบุ้ง อย่างที่ร้านอาหารจีนเขาทำ ไฟต้องแรงมากๆ เลยให้เขาเร่งไฟ" เสมอหัวเราะ
ท่านชายหยุดอยู่แถวโต๊ะอาหารที่อยู่นอกชาน ปริศนาเอาภาพไปเก็บในห้องนอน แล้วออกมาดูสิรี
"จะเร่งไฟ ต้องเขี่ยขี้เถ้าออกก่อน" ท่านชายบอก
"แล้วขี้เถ้า เขี่ยออกมาแล้ว ต้องเอาไปดับด้วย เพราะมันร้อน" ปริศนาบอก
"จริงสิ นานๆเข้าครัวที ออกลืม"
สิรีเสยผม จึงทำให้มือที่เปื้อนถ่านเป็นรอยบนหน้า ปริศนาส่งที่หนีบถ่าน กับ ถังอาลูมิเนียมให้สิรี เสมอไม่ได้ช่วยสิรี ไม่เหมือนท่านชายกับปริศนา
"ปริศนากินข้าวด้วยหรือเปล่า"
"ปริศนาจะไปโฮเต็ลกับท่านชาย"
"เย็นๆฉันจะมาส่ง"
แล้วท่านชายพจน์กับปริศนาก็เดินออกไป
"ทางนี้กว่าจะได้กิน คงบ่ายล่ะ" เสมอบอก
"คุณเสมอ ฝากเทขี้เถ้านี้ข้างล่างด้วยเถอะ"
เสมอเอาน้ำจากในตุ่มหยอดลงบนขี้เถ้าที่สิรี โกยออกมาจากเตา
"ประเดี๋ยวทำเสร็จแล้ว ค่อยเทในครั้งเดียว"
สิรีมองเสมองงๆ แต่ไม่คิดอะไรมาก
ขณะที่ท่านชายเดินมากับปริศนาที่หน้าโรงแรม ก็สวนกับชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชื่อเรจา ที่รู้จักท่านชายเป็นอย่างดี ชายผู้นั้นเข้ามาทักทาย
"ท่านชายพจน์ ยินดีที่ได้พบท่านอีก มาหัวหินนานแล้วหรือ"
"เพิ่งมาสัปดาห์นี้เอง และคงจะกลับพระนครในอีกไม่กี่วัน"
"เสียดายจริง ผมจะต้องรีบไป เราต้องหาเวลาพบกันสักวันนะ อยากหาที่สำหรับเปิดร้านใหม่ ภรรยาผมจะมาเมืองไทยในอีกหกเดือนข้างหน้านี้"
"แล้วเราค่อยคุยกัน คุณเรจา สามารถโทรศัพท์ไปคุยได้"
ท่านชายพจน์ เปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรให้
"ผมจะโทรศัพท์หาท่านชายแน่นอน ขอบพระทัยมาก" เรจาพูดกับปริศนา "ยินดีที่ได้รู้จัก มาดมัวแซล...."
เรจาเข้ามาจับมือปริศนาด้วย
"ดิฉันปริศนา ค่ะ"
"ปริศนาเป็นเพื่อนของผม และเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ"
"โอ้ เป็นคนเก่ง พูดได้หลายภาษา เก่งมากทีเดียว ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งและหวังว่าเราจะได้พบกันอีก"
เรจาเดินจากไป ท่านชายและปริศนาโบกมือให้ แล้วทั้งคู่ก็เข้าไปทางห้องอาหารโรงแรม
หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชาและปริศนาเดินตามพนักงานเข้ามาที่โต๊ะที่จัดไว้ เป็นโต๊ะจอง
"ท่านชายจองไว้หรือเพคะ"
"ให้สนมาจองไว้ตั้งแต่เช้า สำหรับเรา"
ปริศนามองท่านชายพจน์อย่างค่อนข้างแปลกใจ เพราะมากกว่าความคาดหวังที่มี
"เลี้ยงอำลากัน ฉันจะอยู่ที่เชียงใหม่ มากกว่า 2 สัปดาห์"
"เสด็จไปทรงงานหรือเพคะ"
พนักงานเริ่มเข้ามาเสิร์ฟน้ำ และวางซุป
"ท่านชายเก่งจริงเพคะ รับสั่ง ฝรั่งเศส ก็ชัดแจ๋ว"
"การได้ไปเรียนต่างประเทศ ประการแรก คือต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติให้เข้าใจ วิชาการนั่นก็เรื่องหนึ่ง ฉะนั้นพวกนักเรียนทุนพระราชทาน จึงต้องเอาใจใส่ภาษาตลอด ทั้งภาษาไทย ภาษาประเทศที่เราเรียน และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ที่เราจะมีโอกาสเดินทางไปบ่อยๆ"
"ได้ยินว่าท่านชายเสด็จไปอังกฤษ ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทำไม ท่านชายพูดภาษาไทยชัดมาก และศัพท์ต่างๆดีกว่าปริศนามากนักเพคะ"
"ท่านพ่อส่งหนังสือไทยให้ ให้อ่านดังๆ ให้เขียนจดหมายทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษมาถวาย จะได้ไม่ลืมว่าเราเป็นคนไทย จะต้องกลับมาทำงานให้บ้านเมืองของเรา"
ปริศนามองท่านชายอย่างยกย่องชื่นชม
ปริศนากล่าวอย่างจริงใจ
"ท่านชาย ท่านชายรับสั่งเหมือนที่คุณอาของปริศนาพูดอยู่เสมอ ปริศนาขี้เกียจจริงๆที่จะต้องมาอ่าน มาเขียน มาพูดภาษาไทย เพราะออกนอกบ้านไม่มีใครพูดกับเราเลย แต่คุณอาไม่ยอม บอกว่าเราเป็นคนไทย ต้องกลับมาทำงานในเมืองไทย ให้ปริศนาเรียนพูด เขียน
อ่าน ตลอดเวลา"
ท่านชายยิ้มเอ็นดูปริศนา
"ซุปจะเย็นหมดแล้ว ปริศนา"
ปริศนาตักซุปเข้าปาก
ท่านชายพจน์กับปริศนาเดินมาด้วยกันตามแนวชายหาด ปริศนาสวมหมวก ท่านชายใส่เสื้อ 2 ชั้น ทั้ง 2 เดินไปถึงเรือหาปลาชายฝั่งเล็กๆที่กำลังจะออกทะเล
"พาเราข้ามไปเกาะ หน่อยได้ไหม"
ชายหาปลาส่ายหน้า
"ฉันยินดีให้ค่าเสียเวลา และเมื่อกลับมาส่งก็จะให้อีก"
ท่านชายยื่นเงินให้ ชายหาปลาคิด แล้วก็ยื่นมือออกรับเงิน เขาลากเรือลงไปในทะเล แล้วท่านชายกับปริศนาก็ถอดรองเท้า และย่ำน้ำ ลงไปขึ้นเรือ เรือแล่นออกจากฝั่งไป และไกลออกไปเรื่อยๆ
ท่านชายและปริศนานั่งคู่กันมาที่หัวเรือหาปลา ท้องฟ้าแจ่มใส
"เรือนี่ลำนิดเดียว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะออกทะเลได้ทุกวัน"
"เขาชำนาญ และหาปลาชายฝั่ง"
"ชีวิตอย่างนี้ ก็สบายไปอีกแบบนึงนะคะ"
แล้วปริศนาก็มองทอดสายตาออกไป ... ท้องทะเลกว้างใหญ่ ... ท้องฟ้ากระจ่างแจ่มใส
เรือคงแล่นออกไป ไกลจากฝั่ง เรื่อยๆ แล้วเธอก็ขรึมลง เพราะคิดถึงว่า ความสุขตรงนี้คงจะหมดลงแล้ว เมื่อท่านชายเสด็จกลับกรุงเทพฯ
ท่านชายมองปริศนาที่ดูเศร้าสร้อยลง
"ปริศนา กำลังคิดอะไรอยู่หรือ"
"คิดถึงตัวเองเพคะ พรุ่งนี้ท่านชายก็เสด็จกลับแล้ว ปริศนาก็ไม่มีเพื่อนที่คุยถูกคอกันอีก"
ท่านชายยิ้มแล้วมองตรงออกไป
"นั่นสิ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน จนชักไม่อยากจะไปเสียแล้ว"
"ท่านไม่เด็จเชียงใหม่ไม่ได้หรือเพคะ"
"ควรจะไปตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้ไปเสียที ฉันจะไปดูที่ริมแม่น้ำปิงที่ซื้อเอาไว้ จะปลูกบ้านสวยๆไว้ แต่งงานแล้วจะได้ขึ้นไปฮันนีมูนที่นั่น"
"นี่ท่านชายคิดเรื่องแต่งงานแล้วหรือเพคะ ไหนว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนดีพอ จนสงสัยว่าท่านชายน่ะ ดียังไงนัก"
"ไม่ดีอะไรนัก นอกจากว่า รักใครแล้วก็รักจริง รักจนตาย ไม่มีวันจืดจาง ฉันจะดูแลให้เขามีความสุขอย่างเต็มความสามารถ แม้แต่สละชีวิตเพื่อเขาฉันก็ทำได้ ถ้าฉันได้พบคนที่จะรัก"ถ้าผู้หญิงคนนั้น แต่งงานแล้วล่ะเพคะ"
"คนที่แต่งงานแล้ว เขาก็มีคนรักของเขาแล้วล่ะสิ ฉันจะไปแย่งหรือแบ่งปันความรักของเขามาได้อย่างไร ความรักเป็นเรื่องของคน 2 คนที่มีจิตใจตรงกัน ฉันรักเขา เขารักฉัน เท่าๆกันต่างหาก ที่จะเป็นผู้หญิงที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วย"
ท่านชายมองปริศนาเต็มตา ปริศนาหลบตาแล้วเมินไป
"ท่านชายจะทรงทราบได้อย่างไร ว่าผู้หญิงคนไหน เป็นเช่นนั้น"
"รู้สิ และฉันคิดว่า บางที ฉันอาจจะได้พบเขาแล้ว"
ปริศนาเงยหน้ามองท่านชายพจน์ทันที สงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และพบว่า
ท่านชายพจน์กำลังมองมาที่ตน ปริศนารู้สึกว่า ทำอะไรไม่ถูกได้แต่เมินหน้าออกไป
เรือแล่นมาถึงเกาะสิงโต ปริศนา กระโดดขึ้นเกาะไป ท่านชายพจน์ตามมา คนเรือลงมาเดินดูสักพัก ที่ขอบฟ้า เห็นเมฆฝนเป็นสีคล้ำไกลๆ
คนเรือวิ่งไปหาท่านชาย ส่วนปริศนาเดินเข้ามาด้านในเกาะ ไกลแล้ว แล้วคนเรือก็วิ่งกลับขึ้นเรือ ขับเรือไปอีกด้านหนึ่ง ปริศนาแปลกใจ วิ่งเข้าไปหาท่านชาย
"มีอะไรหรือเพคะ คนเรือเขาจะไปไหน"
"เขาเห็นว่าฝนจะตก และมีลมด้วยเลยว่าจะเอา เรือไปจอดหลังเกาะ"
"แล้วเราไม่รีบกลับเข้าฝั่ง เหรอเพคะ"
"ลมมาเร็ว เรากลับไม่ทันต้องรอฝนหายก่อน"
"แล้วเราจะทำยังไงดีเพคะ"
"หาที่หลบก่อน"
ท่านชายพจน์จูงปริศนาไป ระหว่างที่วิ่งเข้าไปหาชะโงกหิน ฝนเริ่มลงเม็ด เมื่อไปถึงฝนก็เทลงมาหนัก ท่านชายถอดเสื้อคลุมออกคลุมให้ปริศนา ส่วนตัวเองยอมยืนเปียกฝน
"แย่จริง"
"ฝนทะเล ประเดี๋ยวก็หยุด"
ฝนยังคงตกแรง
อ่านต่อหน้า 2
ปริศนา ตอนที่ 10 (ต่อ)
กลางวัน ภายในโถง นายสนกำลังยื่นซองสีขาว ที่ใส่ตั๋วรถไฟให้กับรตี
"ตั๋วรถไฟของคุณรตีขอรับ ชั้น ที่ 1 เต็มเสียหมดแล้ว กระผมจึงซื้อชั้น 2 มาให้แทน"
"ฉันบอกให้ไปซื้อตั้งแต่เช้า ไปเอาเย็นก็เป็นอย่างนี้แหละ ฮึ แต่ตั๋วของท่านชาย เป็นชั้น 1 ไม่ใช่หรือ"
"ขอรับ"
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินผ่านมาพอดี
"ดี ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันขึ้นรถแล้ว จะไปขอนั่งกับท่านชายก็ได้"
ท่านหญิงรัตน์ ไม่ได้เดินเข้าไปใกล้รตี แต่หูผึ่งและตาโต ย่องหนีออกไปอีกทาง
"เอ๊ะ นั่นท่านหญิงรัตน์นี่ จะเสด็จไปไหนเพคะ"
รตีเดินไปจากตรงนั้น สนก้มหน้าเดินกลับไปทางหลังบ้าน
ปริศนาและท่านชายพจน์ยังติดฝนอยู่บนเกาะสิงโต ท้องฟ้าเปิดสว่าง พอสมควร และฝนหยุดเม็ดลงแล้ว ท่านชายมองดูฟ้า
"หลังฝนตก ฟ้าก็สว่าง"
ปริศนาหันมามองท่านชายแล้วก็หัวเราะ เพราะเปียกปอนไปหมด
"แต่ท่านชาย เปียกไปหมดเลยเพคะ"
"ดูเหมือนในกระเป๋าเสื้อนั่น จะมีผ้าเช็ดหน้าอยู่นะ จะช่วยได้บ้าง" ท่านชายบอก
ปริศนาล้วงในกระเป๋าเสื้อคลุม ได้ผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง แล้วส่งให้ท่านชาย
"ฉันจะให้เธอเช็ดหน้า"
"ท่านชายใช้ก่อนเถอะเพคะ เปียกมากกว่า แล้วก็ถอดเสื้อออกบิดเสียหน่อย เปียกโชกออกอย่างนี้ ปริศนายังได้เสื้อนี้คลุมไว้"
ปริศนาสะบัดเสื้อที่คลุมให้น้ำออก
ท่านชาย ถอดเสื้อตามคำแนะนำของปริศนา แล้วรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าและเช็ดผม เช็ดไป ก็บิดน้ำจากผ้าเช็ดหน้าไป
"ไปที่หาดเถอะเพคะ หวังว่า คนเรือคงไม่ทิ้งเราไว้บนเกาะอย่างนี้"
ปริศนาเดินนำไปชายหาด ท่านชายเดินตาม เมื่อไปถึงชายหาด คนเรือเอาเรือมารออยู่แล้ว
"ดีจริง คนเรือ รู้หน้าที่"
พจน์จูงมือปริศนาไปขึ้นเรือ และพยุงให้ปริศนาได้ขึ้นเรือก่อน แล้วท่านชายก็ขึ้นเรือตามไป คนเรือผลักหัวเรือออกจากหาด และแล่นกลับไปยังแผ่นดิน
ท่านชายพจน์เดินมาตามชายหาด แต่เสื้อผ้ายังหมาดๆอยู่ ผมก็กระจายไม่เป็นทรง ปริศนาก็เปียกพอๆกัน ท่านชายพจน์มองดูปริศนาแล้วก็ยิ้ม
"เข้าไปเปลี่ยนชุดเสียหน่อยก่อนเถอะ กลับไปทั้งอย่างนี้ ที่บ้านจะตกใจกัน"
ปริศนายืนหน้าเป็นคำถาม เพราะไม่มีชุด
"ขอยืมชุดน้องหญิงก็ได้"
ท่านชายพจน์ผายมือ ให้เข้าไปตำหนักก่อน ปริศนาจำใจยอมเข้าไป
ในห้องบรรทมท่านหญิงรัตน์ที่ตำหนักมโนรมย์ ปริศนาพยายามเปิดประตูตู้เสื้อผ้าในห้อง ที่กุญแจล็อกอยู่ แต่เปิดไม่ออก เธอเดินไปดึงประตูตู้อีกใบ ก็เปิดไม่ออกเช่นกัน
ปริศนาท้อใจเดินไปที่ ประตูห้องแล้วเปิดออกไป เดินวนไปมา ไม่แน่ใจว่า ท่านชายพจน์อยู่ห้องไหน
ท่านชายพจน์ใส่เสื้อคลุม เปิดประตูออกมาเห็นปริศนายังแต่งชุดเดิมอยู่
"อ้าว ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ"
"ตู้ติดกุญแจ เปิดไม่ได้เลยเพคะ"
ท่านชายทำท่าเหมือนหมดหวัง แต่แล้วก็คิดขึ้นได้
"งั้นรอเดี๋ยวนะ เอาเสื้อผ้าฉันไปผลัดใส่ก่อน"
แล้วท่านชายพจน์ก็กลับเข้าห้องไป
ท่านชายพจน์และสน อยู่ที่โต๊ะน้ำชาอยู่แล้ว ท่านชายช่วยสนจัดโต๊ะ เพื่อจะได้เร็วขึ้น สนลำเลียงกาน้ำชา และ ขนมเข้ามาวางที่โต๊ะ
ปริศนาเดินเข้ามาในห้อง แต่งตัวรุ่มร่ามด้วยชุดของท่านชาย แต่ดูตัวแห้งสบายขึ้น
ท่านชายเห็นก็ยิ้ม
"ดื่มน้ำชากันสักนิด อุ่นๆ ประเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน"
"กางเกงขายาวจังเพคะ ปริศนาต้องพับขาตั้งหลายตลบ"
ท่านชายพจน์รินน้ำชาให้ปริศนา
"แล้วฝากเก็บชุดเอาไว้ด้วยนะ คราวหน้าพบกันถึงค่อยคืน"
"ชุดของปริศนาก็ยังอยู่ในห้องท่านหญิงเลยเพคะ"
"ประเดี๋ยวฉันให้เขาเก็บไว้ให้เธอเอง"
ปริศนาหยิบขนมเข้าปากพร้อมดื่มน้ำชาตาม
อนงค์นั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านเพียงลำพัง ท่านชายกับปริศนา ในชุดที่เพิ่งเปลี่ยนหลังจากกลับจากเรือ เดินเข้ามาจะถึงบ้าน แต่แล้วท่านชายกลับหยุดยืนเฉยๆ
"ไม่เด็จขึ้นบนบ้านก่อนหรือเพคะ"
"อย่าเลย ยังไม่อยากโดนแม่เธอดุ พาลูกสาวไปเที่ยวเสียทั้งวัน แถมกลับมาแต่งชุดอย่างนี้อีก"
"แล้วพรุ่งนี้"
"พรุ่งนี้เช้าจะมาลาแม่เธอ แล้วค่อยไปขึ้นรถไฟ เธอจะไปส่งฉันไหม"
"ไปแน่นอน เพคะ"
"แล้วคงจะได้คิดถึงเธอ ปริศนา"
"ปริศนา ก็คิดถึงท่านชาย เสมอเพคะ"
ท่านชายมองปริศนานิ่งๆ แล้วยกมือปริศนาขึ้นจุมพิต
"ลาก่อน ปริศนา"
พจน์กุมมือปริศนาไว้ เพื่อลดลง แล้วปล่อยมือออกอย่างนุ่มนวล ก่อนหันหลังเดินกลับไป ปริศนาเหมือนจะผวาตาม แต่ก็นึกขึ้นได้ หันหลังกลับ เดินขึ้นเรือนไป
ปริศนาเพิ่งแยกจากท่านชายที่มาส่ง และแต่งชุดรุ่มร่ามของท่านชาย เดินขึ้นมาบนบ้าน
อนงค์ที่นั่งชมเดือนเหงาๆอยู่คนเดียวหันมามอง
"ปริศนา เอาเสื้อใครมาใส่ น่ะ รุ่มร่ามจัง"
"ของท่านชาย ฝนตกเสื้อปริศนาเปียกหมดเลย ท่านชายเลยให้ขอยืมมากลัวเป็นหวัด แล้วนี่ไปไหนกันหมด"
"ไปบ้านป้าแนบ เลยว่าจะไม่กลับมากินข้าวเย็น พี่เลยทำคนเดียวกินคนเดียว"
"กินไปแล้วหรือ"
"ยัง"
"งั้นไม่กินคนเดียวแล้ว ปริศนากินด้วย แล้วป้าแนบนี่ใคร"
"ก็แม่ของพี่นงลักษณ์ เพื่อนสิรียังไงล่ะ"
"อ้อ ที่เค้าเรียกกัน คุณหญิงพลรามฯ อะไรนั่นใช่ไหม"
"แล้วปริศนาไปไหนมา คุณประวิชมาหาไม่พบ เลยมานั่งคุยสักพัก เพิ่งกลับก่อนปริศนามาเมื่อกี้เอง แกบ่นใหญ่"
"บ่นอะไรเป็นยายแก่"
"บ่นปริศนานั่นแหละ ว่าเดี๋ยวนี้ปริศนาไม่ค่อยสนใจแก ทำเหมือนคนไม่รู้จัก แกเสียใจ"
"แล้วกัน ยังไง จะให้ทำยังไง นี่วันๆปริศนาก็ไม่ได้เจอใครเลยนะนอกจากคนบ้านเรา ประวิชแล้วก็ ท่านชาย ท่านหญิง วิมล"
"นี่แหละ ประวิชถึงได้พูดว่า ดีแต่ว่า เป็นท่านชายที่ปริศนาไปไหนๆด้วย ถ้าเป็นผู้ชายอื่นก็ท้าดวลไปแล้ว แต่ท่านชายเขาไม่อิจฉา"
"หนอย เขาจะมาอิจฉาใครเกี่ยวกับปริศนาได้ยังไง ไม่มีสิทธิ"
แล้วปริศนาก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ แล้วก็เดินเข้าห้องไป อนงค์ได้แต่ถอนหายใจ
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงบ่าย บริเวณริมทะเลหน้าบ้านเช่าของสมร ประวิชเดินมาตามชายหาดมากับอนงค์ อนงค์กึ่งสุขกึ่งทุกข์
"คุณอนงค์ ช่วยบอกให้ปริศนาเห็นใจผมด้วยเถิด ยิ่งนานวันยิ่งเจ็บมากขึ้น"
เสียงอ้อนวอนของประวิช ทำให้อนงค์ใจอ่อนไปหมด
ท่านชายพจน์ เสด็จเข้ามาในห้องโถง ตำหนักมโนรมย์ ท่านหญิงรัตนาวดีที่นั่งคอยอยู่แถวนั้น ลุกขึ้นแล้วเดินมาหา
"เจ้าพี่เพคะ"
"น้องหญิง มานั่งเงียบๆอะไรตรงนี้"
"หญิงจะมาบอกเจ้าพี่ว่า เมื่อวานนี้ ยายรตี สั่งให้คนของเจ้าพี่ไปเปลี่ยนตั๋วรถไฟให้ไปเที่ยวเดียวกับเจ้าพี่เพคะ"
"น้องหญิงไปรู้ได้อย่างไรคะ"
"โอ้ย เขาสั่งออกเอ็ดอึงไป น่าเบื่อเป็นที่สุด แต่ขัดเธอไม่ได้ ก็ต้องทำตามเธอสั่ง"
ท่านชายพจน์คิดนิดนึง
"หญิงไปตาม ป้าสร้อยให้เขาตั้งโต๊ะ อาหารเย็นดีกว่า ดูซิว่า วันนี้ป้าสร้อยจะเลี้ยงส่งพี่ด้วยอะไร"
ป้าสร้อยเดินออกมา
"ท่านหญิงสั่งปูจ๋า เพคะ น่าจะพร้อมใน 10 นาที กำลังจะมาทูลถามอยู่ทีเดียวว่า จะตั้งโต๊ะเสวยได้หรือยัง จะได้เริ่มทอดปู"
"ตั้งเลยจ๊ะ ป้าสร้อย พรุ่งนี้เช้า ฉันคงตื่นแต่ก่อนย่ำรุ่งทีเดียว" ท่านชายบอก
ท่านชายพจน์ดูมีความตั้งใจอะไรบางอย่าง
หญิงสาวทั้งสาม แต่งกายเรียบร้อยแล้ว แต่สิรี กำลังนั่งแต่งหน้า อย่างขะมักเขม้นที่หน้ากระจก แบบว่าแต่งมานานแล้วก็ยังไม่เสร็จสักที อนงค์นั้นเรียบร้อยแล้ว เรียบๆตามปกติ
ปริศนาแต่งตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้หวีผม แต่งหน้า เพราะกระจกไม่ว่าง ถูกสิรียึดไป เตียงผ้าใบของปริศนา ถูกพับเก็บไว้แล้ว ปริศนาเดินไปเดินมาพยายามจะส่องกระจกด้วย
"สิรีช้าจัง กะอีแค่ทำผม แค่นี้ ปริศนาทั้งอาบน้ำ ทั้งแต่งตัวยังเสร็จก่อนเลย"
สิรีก็หันขวับไปว่า
"เขาไม่ลุกลนเหมือนหล่อนนี่ยะ หน้าก็ไม่ผัด"
"เดี๋ยวก็ลงน้ำทะเลอีกแล้ว ผัดทำไม เปลืองแป้ง สิรี จะงามไปถึงไหน
แค่จะไปส่ง Mr. Always สุดที่รัก ที่สถานีรถไฟ"
"บ้า ... เที่ยวพูดทึกทักไป"
สิรีหันมาค้อน
สมรเดินเข้ามาจากนอกห้องบอก
"ปริศนา มหาดเล็กจากตำหนักมโนรมย์ มาขอพบแน่ะลูก"
ปริศนาแปลกใจ รีบเดินออกไป อนงค์ และสิรี มองหน้ากันแล้วรีบตามออกไปทันทีอย่างสงสัย
จำเนียรกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้า มีข้าวต้มเครื่องอยู่ นายใจมหาดเล็กยืนคอยอยู่ชั้นล่างของบ้าน สมรเดินกลับออกมาจากในห้อง มาช่วยจำเนียรจัดโต๊ะต่อ ปริศนามาชะโงกหน้าที่ระเบียง เมื่อเห็นเป็นมหาดเล็กของท่านชาย แต่ไม่ยักใช่นายสนเหมือนเคย
"มีธุระอะไรหรือจ๊ะ"
นายใจเดินขึ้นมาที่หัวบันไดชั้นบน แล้วยื่นจดหมายให้ปริศนา
"จากท่านชายขอรับ"
ปริศนารับมา แล้วก็รีบเปิดออกดู นายใจกลับลงไปยืนคอยด้านล่าง
"เอ๊ะ?"
ครอบครัวปริศนาหันมาดู สมรถามลูกสาว
"มีอะไรหรือจ๊ะ"
ปริศนาส่ายหน้ากับแม่ แล้วหันไปบอกใจ
"ไม่มีตอบจ้ะ ขอบใจมาก นายใจ"
ใจเดินกลับออกไป ปริศนาพับจดหมายเก็บใส่กระเป๋า
"จดหมายท่านชายว่ายังไงบ้าง" สิรีถาม
"ท่านเสด็จกลับกรุงเทพฯ เสียตั้งแต่เมื่อเช้ามืด สั่งให้ลาแม่และทุกคน ท่านมาลาเองอย่างตั้งใจไม่ได้ เสียพระทัย"
"อ้าว ไหนว่าจะกลับบ่ายพร้อมนายเสมอ ดูเหมือนรตีก็จะไปด้วยไม่ใช่รึ"
สิรีหัวเราะหึๆ
"น่าจะเพราะรตีก็จะไปด้วยนี่แหละแม่ ท่านเลยต้องหนีกลับไปก่อน อุตส่าห์ไปตีตั๋ว จะไปเที่ยวเดียวกับท่านชาย หวังจะได้นั่งรถตู้ไปกัน 2 ต่อ 2"
สมรติง
"ไปว่าเขา สิรี"
"หรือไม่จริงคะแม่ ใครๆก็ดูออก จำเพาะจะต้องมามโนรมย์ เพราะตอนแรกท่านชายจะมา พอท่านชายไม่มา เขาก็จะกลับ พอท่านชายเสด็จมาวันเกิดท่านหญิง เขาก็อยู่ต่อ
ปล่อยแม่กับคนใช้กลับไป"
"เราไปคิดเอาเองได้ยังไง เขาอาจจะมีความจำเป็นอื่นๆของเขา"
"โอย เรื่องอย่างนี้ เด็กๆก็ยังรู้ทัน เขาบอกกับนงลักษณ์ว่า ท่านชายน่ะของเขา เขาบุ๊กไว้นานแล้ว นงลักษณ์เขายังขันจะตาย ว่าเดี๋ยวนี้เขาบุ๊กผู้ชายไว้เหมือนเก้าอี้โรงละครเชียวหรือ รตีเขาก็ว่าแน่ละ"
"แกก็พูดของแกไปเรื่อยเปื่อย ดูแล้ว ท่านชายคงไม่อยากให้แกบุ๊ก สักเท่าไหร่ น่าเห็นใจความรักของแก" อนงค์บอก
ปริศนานั่งเฉย แต่ฟัง ไม่ออกความเห็นอะไร
"ยายรตี น่ะหรือจะรักใครเป็น แกแค่อยากเป็นหม่อมกับอยากช่วยครองสมบัติของท่านชายแค่นั้น ความรักที่แกมีน่ะ ยกให้ตัวแกเองหมดเกลี้ยงแล้ว"
ปริศนายังคงเฉยและกินข้าวไปเรื่อยๆ
เวลาต่อเนื่องมา ... ท้องทะเลว่างเปล่า สายลมแสงแดด ริ้วเมฆและเกลียวคลื่น ปริศนาเดินเข้ามามองดูว่าไม่มีใครมารบกวนแถวนั้น จึงดึงจดหมายที่ ท่านชายเขียนมาให้
ระหว่างอ่าน ปริศนาสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความเอื้ออาทร ที่ท่านชายมีส่งมาให้ แม้ว่าจะไม่ชัดเจน แต่ก็เป็นที่รู้กัน 2 คน
ย้อนอดีตกลับไป ช่วงที่ท่านชายเขียนจดหมายฉบับนั้น ในห้องบรรทมท่านชาย ที่ตำหนักมโนรมย์ ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชานั่งเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือใน ห้องของท่านชายเรียบสะอาด เพราะท่านชายเก็บของหมดแล้ว เครื่องเขียน เป็นปากกาซึ่งท่านชาย เขียนเสร็จก็จะเก็บพกไว้กับตัว เอาขึ้นรถไฟไปด้วย
จดหมายฉบับนั้น ความว่า
"เธอคงแปลกใจว่า ทำไมฉันถึงรีบหนีไปเสียแต่เช้า ... เหตุผลมีหลายประการ ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าได้พบเธอตลอดเช้าแล้ว ฉันไม่แน่ใจ ว่าฉันจะยอมกลับ หมู่นี้ฉันบังคับใจตัวเอง ไม่ค่อยได้เลย ว่าจะไม่มาหัวหินก็ยังมา มาแล้วยังจะไม่ยอมกลับอีก ฉันจำเป็นจะต้องไเชียงใหม่
เสียด้วย มิฉะนั้นการงานจะเสียหมด……
เธอยังจะจำ ที่เราพูดกันเมื่อวานที่เดินทางไปเกาะได้หรือไม่? เรายังพูดไม่จบไม่ใช่หรือ อีกหน่อย เราคงจะได้พูดต่อ เมื่อเราได้พบกันอีก"
ปริศนาเงยหน้าขึ้น อย่างรู้สึกอิ่มเอมมีความสุข เปลี่ยนอิริยาบถต่างๆ เป็นนั่งบ้าง พิงต้นไม้บ้าง เพราะปริศนาอ่านจดหมายซ้ำไปมาหลายรอบ
ประวิช สมรและอนงค์ นั่งคุยกันอยู่ที่ระเบียงบ้าน
"ผมก็ขี้เกียจจะอยู่สู้หน้า เลยต้องหนีมาตั้งหลักที่นี่ก่อน"
"นั่นน่ะสิคะ จะไม่ดูไม่แล ไม่ตอบก็ไม่ได้ เธอเป็นพี่สาวแท้ๆของคุณ" อนงค์บอก
ปริศนาเดินผิวปากล้วงกระเป๋า กลับมาที่บ้าน
ประวิชหันไปดู
"เฮ้! ปริศนา ไปไหนมาน่ะ"
ปริศนา กระโดดขึ้นมาบนบ้านอย่างแคล่วคล่อง
"ไปเดินเล่น ทำไมล่ะยะ"
ปริศนาทิ้งตัวลงนั่งใกล้ประวิช
"ตายจริง ปริศนา ดูพูดเข้าแน่ะ" สมรติง
"โอย... ผมไม่ถือหรอกครับ เคยชินเสียแล้ว"
"จริง เพราะประวิชเอง ก็พูดอย่างนี้ล่ะ บางทีก็เสียงดังซะหูแทบจะแตกแล้วมานี่ ทำไมล่ะพ่อคุณ"
"ก็ใครๆเขากลับกรุงเทพฯกันจะหมดแล้ว เลยมาถามทางนี้ว่าจะกลับกันเมื่อไหร่ เผื่อจะกลับพร้อมกันเหมือนขามา"
"ว่าจะกลับกันวันที่ 28 นี้ล่ะ" สมรบอก
"จะได้ไปจองตั๋วให้เรียบร้อย"
"ขากลับนี่ทางคุณหญิงพลรามฯ ท่านชวนกลับชั้น 2 ไม่นั่งชั้น 3 เหมือนขามาแล้วนะ"
"กลับรถบ่ายนะครับ ต้องเอาให้เป็นมั่นเป็นเหมาะแน่นอน เมื่อเช้านี้ตื่นมา ท่านชายเสด็จไปแล้ว มีป้าสร้อย กับนายสนเท่านั้นที่ตื่นทันไปส่ง วันนี้บ่ายไม่รู้ว่า รตีจะเอายังไงเลย เห็นหน้าแหยๆอยู่เมื่อเช้า"
อ่านต่อหน้า 3
ปริศนา ตอนที่ 10 (ต่อ)
ย้อนกลับไปเมื่อเช้า รตีเดินอย่างขัดใจมาจากทางด้านหลัง แต่งตัวสวย อย่างไปนอกบ้านมา แต่ไม่ใช่ชุดทะมัดทะแมงเดินทาง
"อ้าวคุณรตี จะไปสถานีรถไฟหรือยัง ผมจะได้ไปส่ง แล้วจะเลยไปจองตั๋วกลับของผมด้วย"
"ให้ฉันไปทำไมวันนี้ ไม่ไปแล้ว"
"อ้าว... ก็คุณมีตั๋วรถไฟ เที่ยวบ่ายวันนี้ไม่ใช่หรือ"
"ชั้นเปลี่ยนใจแล้ว ไม่กลับ ไม่มีเพื่อนไปด้วย ฉันจะกลับพรุ่งนี้ได้ยินไหม ตั๋วรถไฟก็ซื้อมาแล้ว"
รตีเปิดกระเป๋าดึงตั๋วรถไฟมาให้ดู
"จะว่าไม่มีเพื่อนกลับด้วยได้อย่างไรกัน พวกคุณหญิงนอม เขาก็กลับกันวันนี้ ผมอุตส่าห์รีบกลับมานะจะไปส่งคุณ"
"แล้วอย่ามายุ่งกับชั้นได้แล้ว พอที พรุ่งนี้พวกบ้านสุขใจจะมารับฉัน ออกไปด้วยกัน"
รตีสะบัดหน้าเดินขึ้นห้องชั้น 2 ไป ปล่อยให้ประวิชมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ
มุมหนึ่งในครัว ป้าสร้อยกำลังเด็ดใบสระแหน่ใส่ตะกร้า เพื่อเอาไปทำกับข้าว
ประวิชเดินตามหลังคุยกันเรื่องรตี
"เธอส่งเสียงดังมาตลอดเช้าแหละคุณ เรื่องท่านชายเสด็จออกไปก่อนเธอตื่น"
"แล้วก็พิลึกซ้ำเข้าไปอีก ที่จะไม่ยอมกลับบ่ายนี้ ทั้งๆที่สั่งคนไปซื้อตั๋วมาไว้แล้ว แต่กลับไปซื้อตั๋วพรุ่งนี้ บอกว่าจะไปพร้อมกับพวกบ้านสุขใจ แกเอาตั๋วออกมาอวดให้ดูเสียด้วยนะป้า"
ป้าสร้อยหยุดทำงาน หันมามองประวิช จริงๆจังๆ
"ยังไงเสีย แกก็เป็นพี่สาวของคุณ และแกมาอยู่ที่นี่ ดิฉันก็ต้องดูแลแก เลี่ยงไปไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งก่อนคุณหญิงราชพรรลภ จะกลับ ก็สั่งนักสั่งหนา ฝากฝังลูกสาว"
ป้าสร้อยเว้น ให้เห็นว่าอึดอัดใจมาก
"โตแล้ว มีเพื่อน ไปไม่น่าห่วงหรอก แกโทรเลขบอกคุณหญิงแม่แกไปหรือยังว่าจะเลื่อนวันกลับ"
"ดิฉันให้คนโทรเลขไปบอกแล้ว และให้ทางโน้นหายห่วง เลยแจ้งไปว่า แกจะกลับพร้อมคุณประวิช"
ประวิชช็อก
"ฮ้า...."
"โธ่ คุณคะ พวกบ้านสุขใจน่ะ หนุ่มๆทั้งนั้น แล้วตั้ง 4-5 คน จะปล่อยให้ไปอย่างนั้นกันได้อย่างไร ไม่ใช่ญาติโยมอะไรด้วย มีคุณไปด้วย คุณก็ยังเป็นน้องชายคุณรตี ดูแลไปในรถไฟได้ไม่ให้เสียหาย"
"ป้า.... ป้าสร้อย ผมนัดกับบ้านปริศนาแล้ว ว่าจะกลับพร้อมกัน เขาจะกลับกันวันที่ 28"
"ขอเถอะค่ะ คุณประวิช ดิฉันลำบากใจเต็มทน อย่างไรเสีย อยากให้คุณเห็นแก่ความเป็นราชพรรลภเหมือนกัน ของคุณกับคุณรตี"
ประวิชจุก พูดไม่ออก
"แหม ป้าสร้อย อย่ายกราชพรรลภของผม ไปเทียบกับของเขาเลย
มันคนละชั้นกัน"
"ยายวิมล อิฉันก็ดูแลไม่แพ้ที่ได้ดูท่านหญิง ถือเสียว่า คุณดูแลคุณรตี แทนท่านชายก็แล้วกัน"
ประวิชเอามือกุมหัว
"รีบไปจองตั๋วรถวันพรุ่งนี้เถิดคุณ"
ประวิชกุมหัวหนัก
สิรี และเสมอเดินเข้ามาด้วยกันที่สถานีรถไฟ
"ผมทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องจากคุณไป สิรี แต่ก็รู้ตัวอยู่ว่า อีกไม่นาน คุณจะกลับพระนคร แล้วเราจะได้พบกันอีก"
"เราต่างมีการงานที่จะต้องทำ เป็นเรื่องที่สำคัญทั้งสิ้น ขอให้กำลังใจคุณเสมอ ให้งานทุกอย่างลุล่วงไป"
"กลับไปผมต้องเร่งทำงาน คิดว่าก่อนคุณจะกลับไปถึง ผมจะขึ้นไปหาพ่อกับแม่ที่ลำปาง"
สิรีเมินหน้าไป อย่างไว้เชิง
"คุณจะไม่ถามหรือ ว่าผมจะไปพบพ่อกับแม่เรื่องอะไร"
"คุณไม่ได้ไปพบท่านนานแล้ว ขึ้นไปพบท่านคงดีใจ"
สิรีหันซ้ายหันขวา รู้สึกอึดอัดใจที่จะต้องมาพูดเรื่องนี้กลางทางเช่นนี้ เสมอลดเสียงลง "ผมจะไปบอกพ่อกับแม่ เรื่องของเรา ให้ท่านมาสู่ขอคุณ"
สิรีก้มหน้า เมินไปไม่ตอบ
"แล้วผมจะรีบส่งข่าวนะ กลับไปถึง เราคงจะมีข่าวดี เรียนคุณแม่ของคุณไว้ด้วยนะ"
สิรีพยักหน้าน้อยๆแต่พองาม แล้วทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเสียงประวิชดังขึ้น
"สิรี คุณเสมอ มาเนิ่นๆจริง"
"อ้าว ประวิชเล่า ไม่มาแต่เนิ่นหรือ"
"ผมมาจองตั๋วรถเที่ยวกลับขอรับ ต้องขอโทษ คุณสองคนจะเสียเวลาร่ำลากันไป ผมต้องขอตัวไปก่อน"
แล้วประวิชออกเดินไป
ประวิชรับประทานอาหารเช้า แบบอเมริกัน อยู่กับครอบครัวของสมร
"ด้วยเหตุนี้ ผมถึงต้องจับรถไฟบ่ายวันนี้ กลับกรุงเทพฯ"
"ดีแล้ว คุณสร้อยแนะนำถูกแล้วประวิช" สมรบอก
"ผมน่ะเกรงใจคุณป้า นานๆท่านจะขออะไรที ไม่อยากขัดท่าน นี่ถ้าไม่นึก
ถึงคุณพ่อ ผมเป็นต้องด่าไปบ้างแล้ว เอาแต่ใจตัวจริงๆ"
"อย่าบ่นไปเลยประวิช ตั๋วก็ซื้อแล้ว จัดกระเป๋าหรือยังล่ะ" ปริศนาว่า
"จัดแล้ว ไม่จัดไว้ก่อน ก็ต้องรีบกลับน่ะสิ"
"ดีแล้ว เดี๋ยวลงน้ำกัน สั่งลาหัวหินกัน"
"ยัง.... ลงไม่ได้" สมรบอก
"โอย...ทำไมล่ะค่ะแม่"
"กินอิ่มใหม่ๆไม่ให้ลงน้ำ"
"อย่างนั้นเปลี่ยนชุดไว้ ลงไปหาดก่อน หายอิ่มค่อยลงน้ำ"
"ตกลง"
ปริศนาหันไปหาสิรี
"สิรี ขอยืมชุดหน่อยได้ไหม ชุดของปริศนา เปียกหมดแล้วทั้ง 2 ตัว"
"ดูเถอะ คนอะไร วันหนึ่งอาบน้ำสองสามรอบ"
"นานๆได้มาทะเลครั้ง ต้องอาบน้ำให้คุ้มหน่อยสิ มันได้อาบทั้งปีเมื่อไหร่กัน อนงค์ ลงน้ำด้วยกันนะ"
อนงค์ส่ายหัว
"น่ะ ลงเป็นเพื่อนกันหน่อย คุณอนงค์ ผมยังไม่เห็นคุณว่ายน้ำเลย ตั้งแต่มานี่"
ปริศนาลุกขึ้นฉุดอนงค์
"ไปเปลี่ยนชุดกัน ประวิชเปลี่ยนชุดห้องน้ำข้างล่างนะ"
"แล้วจะมีใครไปส่งประวิชบ่ายนี้บ้างนะ"
"ไม่ไปหรอก ส่งที่บ้านนี่แหละ" ปริศนาบอก
แล้วปริศนาก็หายไปในห้อง
"อิจฉาคุณเสมอเสียจริง มีสวีทฮาร์ท ไปส่ง" ประวิชบอก
"บ้า.... พูดบ้าๆ"
"อ้าว ก็เห็นยืนละห้อยจับมือกัน"
สมร มองดูสิรีอย่างจับจ้อง
"บ้าๆ เพ้อ เปิ่น"
ประวิชหัวเราะ และวิ่งลงบันไดบ้านไป
"จำเนียรมาเก็บโต๊ะ" สมรบอก
สิรีขยับช่วยจำเนียรเก็บโต๊ะ
อีกมุมหนึ่งของระเบียงด้านหลังบ้านเช่า สิรีล้างมือเช็ดมือเสร็จเดินมามองออกไปไกลๆ
เห็นสมรตามมา
"สิรี จะสนิทสนมกับใคร แม่ไม่ว่านะ แต่ไม่อยากให้ใครต่อใครเอาไปพูดกัน ทำท่าสนิทสนมกันที่สถานีรถไฟ ออกประเจิดประเจ้อ"
สิรีตัดสินใจ
"คุณเสมอบอกว่า จะขึ้นไปหาพ่อแม่เขาที่ลำปาง จะให้มาสู่ขอสิรี"
"ไม่เร็วไปหน่อยหรือลูก รู้จักกันไม่นานเลย"
"แม่คะ สิรี 24 แล้ว คุณเสมอก็ใกล้ 30"
"แล้วลูกบอกเขาไปว่าอย่างไร"
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เราต้องรอทางฝั่งเขามาพูดก่อนใช่ไหมคะ"
สมรถอนใจด้วยความหนักใจ แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของสิรี
"รอฟังเขาว่าก่อนก็ได้ จะตีตนไปก่อนไข้ทำไมกัน เพียงแต่แม่คิดว่า ลูกกับเสมอ
น่าจะยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดีพอ"
สิรีมีแววดื้อ แต่ไม่กล้าเถียง
ปริศนา อนงค์ และประวิชก่อทรายเล่น แล้วก็คุยกันไปด้วย ปริศนา และอนงค์สวมเสื้อคลุมตัวสั้น
"สรุป ประวิช ก็เลยไม่ได้คุยกับสิรี แล้วก็เสมอ"
"ก็เหมือนเขาไม่อยากจะให้ใครไปกวนนี่นา"
"กลับกันหมดแล้วทีเดียว"
"แล้ววันนี้ประวิชกลับไป ปริศนาจะคิดถึงประวิชไหม"
ประวิชมัวมองปริศนา จึงไม่เห็นอนงค์ที่นั่งข้างเขา แปลบขึ้นมาในใจ
"คิดถึงซี แต่คงจะไม่เท่าสิรีคิดถึงนายเสมอ กะอีแค่กลับกรุงเทพฯ อาลัยอาวรณ์กันซะ..." ปริศนาหัวเราะอย่างขบขัน
แล้วปริศนาก็คว้าหมวกมาสวม
"หายอิ่มแล้ว คลื่นก็สวย ปริศนาไปโต้คลื่นก่อนนะ"
แล้วปริศนาก็เดินออกไป ถอดเสื้อคลุมกองไว้ วิ่งลงทะเลไป
ประวิชได้แต่มองตามปริศนาอย่างน้อยใจ แล้วหันมาปรับทุกข์กับอนงค์
"ดูน้องคุณสิอนงค์ ผมหมดปัญญาแล้ว คนจะไปอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว แกยังไม่แคร์ อ้ายเรารึ คิดถึงแกจะแย่ไม่อยากไปเลย ให้ตายสิ"
"โธ่ คุณประวิช ทำไมแกจะไม่แคร์ เมื่อกี้แกยังว่า คุณประวิชไปเสีย เราก็เหงากันแย่เลย แต่ปริศนาก็เป็นอย่างนี้เอง แหละค่ะ อย่าไปเอานิยายอะไรกับแกเลย"
ประวิชถอนใจ
"ไม่เคยรับรู้เลย ปริศนา ผมน่ะ อัดใจจะแย่ อยากจะบอกให้แกรู้ทุกวัน เพราะผมรักแกมากขึ้น มากขึ้นทุกๆวัน"
"ทำไมจะไม่รับรู้คะ"
ปริศนาตะโกนมา
"อาบน้ำกันหรือยังจ๊ะ ร่ำไรจริง มัวคุยกันอยู่ได้"
ประวิชลุกขึ้นแล้วฉุดอนงค์ให้ลุกขึ้น ประวิชก็วิ่งตามปริศนาไป ทิ้งให้อนงค์เริ่มใส่หมวก แล้วจะเดินตามไป และยังคิดถึงรอยสัมผัสของประวิชไม่หาย
สมรเดินมายังมุมที่มองไปทางทะเล แล้วพูดกับสิรี
"ปริศนาถึงจะซน จะแผลง จะกวนโมโหมนุษย์ ทำของเสีย แต่แกก็เป็นเรื่องเป็นราว ทำให้นักเรียนทั้งชั้นเกรงใจได้ แกไม่ชอบใจใครเพราะเขาประจบแก หรือเพราะความหรูหราของเขา"
"แม่... กำลังจะว่าอะไรลูกหรือคะ"
"จ้ะ ไหนๆ พูดแล้วต้องพูดต่อไป แม่ว่า ลูกชอบนายเสมอ เพราะความหรูหราของเขา"
"ไม่จริงเลยค่ะแม่ ท่านชายพจน์ฯ หรูกว่าเป็นกอง ลูกยังไม่ชอบเลย"
"ก็ท่านไม่ได้ประจบลูกนี่จ๊ะ ท่านเฉยๆ ลูกจะยุ่งกับท่านได้หรือ นี่นายเสมอมีงานมีการ หน้าตาดี สุภาพ มีรถขี่โก้ผู้หญิงสาวๆที่เขาชอบจะไม่ชอบเขาได้อย่างไร จริงไหมจ๊ะ"
"ค่ะ" สิรีตอบเสียงเบา
"ลูกจะชอบกันแม่ไม่ว่า แต่ขอให้มีขอบเขต จะไปไหนกับเขาสองต่อสองทั่วบ้านทั่วเมืองไม่ได้ จะพบ ก็ให้มาพบที่บ้าน"
"ทีปริศนา ยังไปกับประวิช สองต่อสองทั่วบ้านทั่วเมือง"
"เขาไปเฉพาะที่มีเรื่องจะไป เช่นไปเล่นเทนนิส นี่แม่พูดถึงไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีเวล่ำเวลาต่างหาก ปริศนาไปกี่โมง กลับกี่โมง บอกแม่ทุกครั้ง ที่ผิดเวลาก็มีเหตุมีผล รับฟังได้ก็ต้องเหมือนกันนะ"
"ค่ะ"
"ยังไงเสีย เรื่องคุณเสมอนี่ แม่เห็นว่าจะรักจะชอบกัน แม่ไม่ว่า แต่จะแต่งงานยังไม่ได้ แม่ถือว่าการแต่งงานไม่ใช่ของเล่นสนุก ดังนั้น ก่อนจะถลำลงไปต้องแน่ใจที่สุดเสียก่อน ไม่อยากให้เสียใจภายหลัง มันเสียดายเวลาของชีวิต เสียดายโอกาสที่จะมีความสุขของตัวเราเอง"
สิรีจ๋อยมาก แต่มีแววดื้ออยู่ในตาชัดเจน สิรีไม่เห็นด้วยกับแม่ แต่ไม่ได้พูดออกมา
รถของประวิชเลี้ยวเข้ามาจอดที่บ้านสุทธากุล ช่วงขับรถมากับจำเนียร เป็นรถของที่บ้าน ขนกระเป๋า ตะกร้ามากมายทั้งหมด ลงมาจากรถ ยายเตียงมายืนรับอยู่หน้าบ้าน
"เตียง คุณยายเป็นยังไงบ้าง" สมรถาม
"ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจที่คุณๆกลับมากันเสียที อูย คุณอนงค์ แจ่มใสขึ้นมากนะคะ คุณปริศนาหน้าดำเชียวค่ะ"
ปริศนาแยกเขี้ยวใส่เตียง
"ไม่ดำได้ยังไง ขี่จักรยานซ่อกๆไปทั้งวัน ไม่อย่างนั้นก็ลงแช่น้ำ วันละสามสี่ครั้ง" สิรีบอก
"ไม่ลงน้ำ แล้วจะไปทะเลทำไมกัน" ปริศนาเถียง
เตียงเข้าไปช่วยช่วงกับ จำเนียรยกของลงจากรถ
"แม่จะเอาของฝากไปให้คุณยายเมื่อไหร่คะ"
"เก็บของเสร็จ ล้างหน้าล้างตาแล้วก็จะไปจ้ะ"
สิรี เดินตามเตียงเข้าไปในบ้าน
ช่วง จำเนียร เตียง เอาของเข้ามาวาง สมรตรงไปชี้ให้แยกของไว้ จำพวกอาหารแห้ง ให้เอาเข้าไปไว้ในครัว เตียงเดินกลับออกมาจะไปขนของอีกรอบหนึ่ง สิรีก็เดินเข้าไปดักเตียงเอาไว้
"เตียง มีจดหมาย หรือมีใครสั่งอะไรถึงฉันไหม"
"ไม่มีค่ะ มีจดหมายมาบ้าง เตียงเอาวางไว้ ที่โต๊ะรับแขกค่ะ"
สิรีเดินไปที่โต๊ะรับแขกทันที และรื้อจดหมาย 2-3 ฉบับดู แต่ไม่มีสิ่งที่สิรีต้องการหา
"สิรี มาช่วยแม่จัดของให้คุณยายทีลูก เตียงกลับไปหาคุณยายได้แล้ว เรียนคุณยายว่าเดี๋ยวฉันจะตามไป"
"ค่ะ"
สิรียืนขึ้น กังวลใจเล็กน้อยว่าสิ่งที่ต้องการหานั้นยังไม่มา แต่ก็ต้องจำใจเดินตามแม่ไป
ประวิช อนงค์ และปริศนายังคงยืนคุยกันอยู่หน้ารถประวิช
"ดีเหลือเกินที่เมื่อวาน ผมมาที่นี่ บอกตาช่วงว่า ให้เอารถออกไปช่วยขนของวันนี้ แต่แรก นึกว่านายเสมอจะมารับคุณสิรีเสียอีก เห็นเทียวรับเทียวส่งไม่ได้เว้น"
"เออ จริงสิ เห็นสิรีเหลียวหน้าเหลียวหลังตั้งแต่รถเข้าสถานีแล้ว ไม่ยักกะมา"
"เขาทำงานกระมัง" อนงค์ว่า
"ไม่มีใครศรัทธา แก่กล้าเหมือนประวิชหรอกจ้ะ อุตส่าห์ลางาน มารับพวกคุณ"
"ประวิช ไว้ใจได้เสมอ จริงไหมอนงค์" ปริศนาว่า
"ขอบคุณ คุณประวิชมากๆเลย นะคะ จะอยู่กินข้าวเย็นกับเราไหมคะ"
"วันนี้ผมมีนัดเลี้ยงวันเกิด เพื่อนที่ที่ทำงาน ไว้วันหลังผมมาแน่นอน ปริศนาล่ะ จะเริ่มทำงานวันไหน"
"พรุ่งนี้จะไปโรงเรียนสักหน่อย จะขึ้นปีใหม่ ต้องเตรียมหน่อยว่านักเรียนต้องเรียนอะไรบ้าง แล้วปริศนาจะได้คุมห้องไหน ก็ยังไม่รู้เลย"
อ่านต่อหน้า 4
ปริศนา ตอนที่ 10 (ต่อ)
ท่านหญิงเดินเข้ามานั่งในห้องโถงตำหนักมโนรมย์ ป้าสร้อยถือจดหมายเข้ามาให้ 2 ฉบับ
"จดหมายถึงท่านหญิงเพคะ"
"โอ้โฮ มาถึงพร้อมกันทีเดียว"
"โชคดีที่มาถึงก่อนที่เราจะกลับกรุงเทพฯกัน"
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี จะฉีกจดหมายด้วยมือ
สร้อยเสียงดัง
"ท่านหญิงเพคะ.... จดหมายจากท่านชาย ฉีกอย่างนั้นเสียหายหมดเพคะ"
สร้อยรีบเข้าไปในห้องอาหาร แล้วหยิบกรรไกรเหล็กออกมาให้ ท่านหญิงตัดจดหมายทั้ง 2 ฉบับ
"รู้ไหม อีกฉบับของใคร"
"ของครูปริศนา เพคะ"
"ครูปริศนา เขียนอะไรมา"
ท่านหญิงรัตนาวดี เปิดจดหมายของปริศนา แล้วมองคร่าวๆ
"เย้... ปีนี้ ครูปริศนาประจำชั้นเราอีกแล้ว วิมล....วิมล"
รัตนาวดีจะวิ่งไปทางหลังบ้าน สร้อยท้วง
"ท่านหญิงเพคะ.... แล้วท่านชายทรงเขียนมาว่าอย่างไรบ้าง"
"เหมือนจะเลื่อนกำหนดกลับไปอีก ป้าสร้อย... ไปอ่านจดหมายที่หลังบ้านกัน หญิงจะอ่านให้วิมลฟังด้วย"
ท่านหญิงรัตนาวดีหยิบจดหมายทั้ง 2 ฉบับวิ่งออกไป
ปริศนา ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ประวิชมาจอดรถอยู่แล้วและกำลังลงจากรถ เขายืนคอยอยู่ข้างรถ สิรีเดินเลยขึ้นบ้านไปเลย ปริศนาเดินเข้ามาหาประวิช
"มาถึงก่อน นิดเดียวเองนะ ประวิช"
"แน่นอน ก็จะมาพบปริศนา แต่ว่าโรงเรียนยังไม่เปิด ปริศนาไปโรงเรียนแล้วหรือ"
"ก็ไปเตรียมเรื่องการสอน เรื่องแบ่งห้องเรียน แต่พรุ่งนี้ ก็ไม่ต้องไปหยุดได้ แต่ไปรับสิรี เขากลับจากที่ทำงานเท่านั้น เข้ามาข้างในก่อนสิ ไม่รู้ว่า อนงค์ทำอะไรไว้ให้กินบ้างวันนี้"
ปริศนาพยักหน้าชวนประวิชให้เข้าบ้าน
"วันนี้ได้จดหมายท่านชาย" ประวิชบอก
"จากเชียงใหม่หรือ"
"ฮื่อ ท่านว่าจะไปเชียงตุงเชียงรุ้งอะไรอีกมากมาย เรื่องโรงเรียนกับเรื่องท่านหญิง ท่านว่าให้แล้วแต่ครูปริศนา ท่านอาจจะกลับมาไม่ทันท่านหญิงเปิดเรียน"
ปริศนาทำหน้าเฉย
"อือม์"
"ท่านว่าท่านเขียนไปถึงท่านหญิงรัตน์ที่หัวหินด้วย"
"ปริศนาก็เพิ่งจดหมายถึงท่านหญิงรัตน์ ปีนี้ ได้สอนท่านหญิงอีกแล้ว เดิมชั้นนี้เป็นครูฝรั่ง แต่คุณป้าสงวนท่านอยากให้ฉันดูแลต่อ บอกว่าเข้ากับนักเรียนได้ดี"
สิรีวางมือจากกองจดหมายที่วางไว้บนโต๊ะ
"ไม่มีจดหมายถึงฉันเลยรึ อนงค์"
"ไม่มีเลย สิรี มีแต่ของปริศนา กับอุบลเขียนมาถึงแม่เท่านั้น"
สิรีเม้มปากอย่างเก็บกด แล้วเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นบน ปริศนาและประวิชเดินเข้ามาในบ้าน เห็นสิรีเดินขึ้นไป อนงค์มองตามอย่างไม่เข้าใจ
"มีอะไรให้ปริศนากับประวิชกินเป็นของว่างบ้างไหม"
"มีจ้ะ ปริศนาไปตามสิรีมากินด้วยกันไหม"
"อ้าว อนงค์ไม่ได้คุยอยู่กับสิรีหรอกหรือ"
"สิรีมาหาว่ามีจดหมายถึงตัวไหม พอว่าไม่มี ก็หนีไปเลย ลองไปตามเขาซิ"
ปริศนาพยักหน้า
"ฝากประวิชด้วยนะ"
แล้วปริศนาก็ตามสิรีขึ้นไป
สิรีกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนของตน เธอเปิดไฟสำหรับเขียนหนังสือ และกำลังเริ่มเขียนจดหมายอยู่ ปริศนา เคาะประตู 2 ที
"สิรี อยู่ในห้องหรือเปล่า"
ปริศนาเปิดประตูและโผล่หน้าเข้ามาทันที
"อ้าว... สิรี ทำอะไรอยู่ ไม่ลงไปกินของว่างล่ะ อนงค์จัดไว้แล้ว"
"ไม่ล่ะ... เดี๋ยวพี่ลงไปกินเอง"
สิรีจะค่อนข้างปิดบังไม่ให้ปริศนาเห็นสิ่งที่กำลังเขียนอยู่
ปริศนายักไหล่ แล้วกลับออกไป
ประวิช อนงค์ สมร นั่งรับประทานอาหารว่างอยู่ด้วยกัน
"วันนี้ ประวิชจะชวนปริศนาไปไหนอีกหรือเปล่าจ๊ะ"
"ว่าจะชวนไปเดินเล่นกันขอรับ"
"ไป อนงค์ไปด้วยกันไหม"
อนงค์ส่ายหน้า
"สิรีล่ะ น้ำชาจะเย็นหมดแล้วไม่ลงมากิน"
"เค้าบอกจะลงมาเองค่ะ แม่ ไม่รู้ว่านั่งเขียนอะไรอยู่"
อนงค์เหมือนจะรู้
"ปริศนามีจดหมายถึงปริศนาแน่ะ"
"จากใครหรือ"
"ไม่รู้ ไม่รู้จัก"
อนงค์เดินไปหยิบจดหมายจากกองจดหมายที่สิรีเปิดดูเมื่อสักครู่นี้แล้วหยิบจดหมาย
ของปริศนามาส่งให้ปริศนา
"นี่ไง ใครก็ไม่รู้"
"ปริศนาก็ไม่รู้ ดูชื่อแล้วไม่รู้จักเหมือนกัน"
"ใครกันไม่รู้จัก แล้วเที่ยวเขียนจดหมายมาได้อย่างไร"
"เดี๋ยวปริศนาเปิดดูเลยค่ะ ว่าใคร"
ปริศนาฉีกซองจดหมายด้วยมือแล้วอ่านจดหมาย แล้วปริศนาก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก แล้วก็วิ่งจี๋ ถือจดหมายออกไปหัวเราะข้างนอกห้อง ทางสนามหน้าบ้าน
คนในโต๊ะมองหน้ากัน ประวิชลุกตามปริศนาออกไป สมรพยักหน้ากับอนงค์เชิงว่า ไม่ต้องตามออกไป
ปริศนาวิ่งออกมาหัวเราะในสนามเสียงดังมาก ประวิชเดินตามออกมา
"ปริศนา หัวเราะอะไรอย่างนั้น"
"ก็ขำน่ะสิ"
ปริศนากลั้นหัวเราะ แต่แววตายังขำอยู่มาก
ประวิชมองท่าของปริศนาอย่างไม่เห็นด้วย เขาคิดว่าท่าทางของปริศนาออกจะเกินงามไปแล้ว
"ขำอะไรนักหนา"
"ประวิชว่า ขาปริศนาสวยไหม"
ปริศนานั่งลงที่เก้าอี้ในสวน แล้วไขว่ห้าง เห็นขาค่อนข้างมาก แต่ดูงาม ไม่โป๊ ประวิชมองขาปริศนาอย่างไม่ค่อยพอใจ
"สวย ... ทำไม"
"แล้วหน้าตาล่ะ สวยไหม"
ปริศนายื่นหน้าเข้าไปหาประวิชที่ไม่ได้มองเต็มตา เพราะจดจำได้หมดแล้ว
"สวย"
ปริศนาลุกขึ้นยืน เอี้ยวตัวไปมา
"รูปร่างล่ะ สวยไหม"
"สวยมากทีเดียว"
ปริศนาขำมาก
"จริงหรือ"
"จริงซิ"
ปริศนากลั้นหัวเราะเต็มที่
"ประกวดนางงามได้ไหม"
"ได้"
"แน่นะ"
"แน่"
ปริศนาหนักแน่น เชิดหน้า
"ตกลง ปริศนาจะเข้าประกวด"
ประวิชร้องเสียงหลง ตกใจ
"อะไรนะ"
"ปริศนาจะเข้าประกวดนางสาวสยาม"
"เฮ้ย! บ้า"
"บ้าอะไร ก็ประวิชพูดเองว่าปริศนาจะประกวดได้ หรือประวิชพูดไม่จริงกับปริศนา"
"ประวิชพูดจริง แต่ไม่ใช่จะให้ปริศนาไปประกวดนี่ ปริศนานั่นแหละ เอาความคิดมาจากไหน บ้าจริงเชียว"
ปริศนา ยกกระดาษจดหมายออกมาแกว่งหน้าประวิช
"จากนี่ไง คุณทรงชัย เจริญทรัพย์จากบริษัทสบู่ไทย เจริญทรัพย์ เขาขอส่งปริศนาเข้าประกวด"
ประวิชดึงจดหมายไปดู กวาดสายตาอ่านผ่านๆไปสักสองย่อหน้า แล้วสายตาก็ไปปะทะกับข้อความที่ต้องอ่านออกมาดังๆ
"ผมยังไม่เคยเห็นหญิงใดมีน่องงามเท่าคุณเลย ผมเห็นคุณนุ่งกางเกงขาสั้นถีบจักรยานและเดินผ่านหน้าบ้านผมที่หัวหิน คุณปริศนาครับ ขอให้คุณเชื่อผมเถิดว่า หากคุณเข้าประกวด คุณเป็นได้ที่ 1 เป็นแน่แท้"
ประวิชหน้าเปลี่ยนเป็นเฉยชาด้วยความหวง และหึงปริศนา
ปริศนาถามหยั่งท่าที ยิ้มนำ
"ตลกไหม ประวิช"
"ไม่.... นายคนนี้มีชื่อเรื่องเจ้าชู้"
"ไม่เกี่ยวนี่ ปริศนาไปประกวดนางงาม สบู่เป็นแค่สปอนเซอร์ เมืองนอกดารา เขาก็มีหน้าบนกล่องสบู่กันเยอะไป"
"เพ้อ"
"ประวิชเองบอกว่า ปริศนาจะประกวดได้ ประกวดชนะแล้วก็ได้ทั้งมงกุฏ ได้ทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง"
"มีชื่อเสียงอย่างนั้นเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องมาคบกันอีกต่อไป"
"อ้าว...มันเรื่องอะไรล่ะ"
"พอได้เป็นนางสาวสยามแล้ว ก็คงมีคนมาชอบปริศนาทั้งเมือง อย่างนั้น ฉันเห็นว่าคงจะไม่ยุ่งด้วยอีกต่อไปแล้ว"
ประวิชโกรธ ไปที่รถแล้วขับออกไป ปริศนางง แต่ก็หัวเราะกริยาประวิชไล่ตามหลังไป
ภายในห้องโถงบ้านสุทธากุล สมรเงยหน้าขึ้นจากจดหมายที่ทาบทามปริศนาไปประกวด
"ประวิชคงโมโห ที่ปริศนาอยากประกวดนางสาวสยามกระมัง"
"โธ่เอ๊ย ปริศนาแค่แหย่เล่น"
"แหย่ อะไรจนคนโกรธ แม่ว่าพรุ่งนี้ไปกับอนงค์ แล้วไปซื้อผ้าซิ่นมาสัก 5 ผืน เอาไว้สวมกับบ้านและเวลาไปไหนๆ กางเกงขาสั้นยกให้แค่ไปเล่นเทนนิสเท่านั้น"
"โธ่ แม่จ๋า เป็นไปด้วยอีกคนนึงแล้ว"
"ก็เพราะเราทำอะไรไม่ระวังตัว เป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ ใครเขาจะหาว่าแม่ไม่สั่งสอน พอกันทีปริศนา แม่จะไม่ปล่อยเราทำอะไรตามใจอีกแล้ว เมืองไทยกับอเมริกาไม่เหมือนกัน"
ปริศนาเดินจ๋อยออกไป แบบตั้งใจจะหนีแม่ไปให้พ้นมากกว่า
"แล้วไอ้จดหมายนั่นน่ะ ฉีกทิ้งซะ อย่าไปเพ้อเจ้าตามเขา"
ปริศนาเดินออกไปไม่พูดไม่จา
ภายในห้องนอน ปริศนานั่งลงที่เตียงอย่างหงุดหงิด อนงค์กำลังเอามุ้งลงที่เตียงของตัวเอง
"แย่ที่สุด ทั้งประวิช ทั้งแม่ ไม่มี sense of humor กันทั้งคู่"
"มันน่าขำตรงไหน"
"โอ้ย....อนงค์อีกคน ไม่ขำเหรอ มีคนเขียนจดหมายอย่างนี้มาให้ปริศนา ไม่ขำเหรอ นี่ถ้าเป็นคุณอา เป็นได้หัวเราะกันลั่นบ้านไปแล้ว"
"ไม่เห็นขำจริงๆ เมืองนอกอาจจะขำ แต่เมืองไทยคงไม่ขำ"
"ปริศนาว่า ท่านชายน่าจะขำด้วยเหมือนกัน เพราะท่านชายเห็นอะไรๆเหมือนปริศนา"
"พี่ว่า ท่านชายก็คงไม่ขำ ปริศนาไม่เอามุ้งลงล่ะ นั่งคุยอยู่ได้ รอมืดถึงจะเอาลง ได้บ่นยุงเข้ามุ้งอีกหรอก"
ปริศนาเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ซึ่งมีรูปท่านชายที่เป็นรูปถ่าย
"ปริศนาอยากรู้จริงๆ นะอนงค์ ว่าคนในเมืองไทยนี่ ไม่ขำเรื่องนี้กันซักคนเหรอ ปริศนาจะถามท่านชายล่ะ"
ปริศนามองรูปท่านชาย แล้วนั่งลง มองเหมือนรูปคือตัวแทนท่านชาย
"แล้ว มุ้งนี่ล่ะ"
อนงค์ไปชี้ที่เตียงปริศนา ปริศนาหันมายกมือไหว้ท่วมหัว
"ได้โปรดเถอะ ช่วยเอาลงให้หน่อย ปริศนาจะเขียนจดหมายก่อน เดี๋ยวจะมืดเสีย"
อนงค์ถอนใจทำท่าเสียไม่ได้ แต่ก็ช่วยเอามุ้งลงให้ปริศนา
ในร้านตัดเสื้อของนงลักษณ์ สิรีกำลังตกแต่งช่อดอกไม้ที่ทำด้วยผ้า บนชุดเจ้าสาว แบบฝรั่ง ที่ใส่หุ่นผ้าตั้งไว้ในร้าน ทำๆไปแล้ว สิรีก็มองกระจก จินตนาการเป็นใบหน้าของเธอ และชุดเจ้าสาวนั้นอยู่เบื้องหน้า
สิรี รู้สึกแปลบในใจคิดถึงเสมอ ว่าจะมาหรือไม่ และการไปเจรจาให้พ่อแม่ของเขามา
สู่ขอเธอนั้น จะสำเร็จไหม
มือของสิรีที่ทำชุดนั้นเริ่มสั่น แล้วก็ต้องรีบจับมือตัวเองไว้ ไม่ต้องการให้ใครมาเห็น
เวลาต่อเนื่องมา ปริศนาและสิรี เดินเข้ามาในห้องโถงบ้าน อนงค์กำลังเดินไปเดินมาจัดของว่างเหมือนเคย โดยมีจำเนียรช่วยอยู่ สิรีเดินเข้ามาก็เลี้ยวไปที่โต๊ะ ที่เคยวางจดหมายที่ส่งมา
"วันนี้มีจดหมายอะไรไหม"
"ไม่มีเลยสิรี วันนี้ไปรษณีย์ไม่ได้แวะบ้านเราเลย"
สิรีนั่งลงยังรื้อดูจดหมายเก่าๆ ที่ยังทิ้งอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่มีอะไรทำ
"สิรี รอจดหมาย นายเสมอเหรอ ตั้งแต่กลับจากหัวหิน หายเงียบไปเลยทีเดียว" ปริศนาว่า
สมรเดินมาจากห้องอาหาร
"นั่นสิ นายเสมอว่าไปลำปางจะกลับมาวันที่ 1 นี่มันตั้งวันที่ 10 แล้ว ประวิชก็อีกคน ตั้งแต่วันนั้นก็เงียบไปเหมือนกัน น่าจะโกรธปริศนาจริงๆ"
"ช่างสิ... ไม่เห็นอยากจะง้อ"
"ปริศนา แม่ก็ไม่รู้ว่าลูกพูดอะไรกับคุณประวิชเขาไปบ้าง แต่แม่ไม่ชอบกริยาก๋ากั่น อวดดีไม่แคร์ใครแบบนี้ แม่ว่า ปริศนาควรจะแสดงกริยาดีๆ เขียนจดหมายไปขอโทษ คุณประวิชเขาก่อนดีไหม"
"โอย... ประวิชเขาโกรธปริศนา แปลว่าปริศนาต้องเป็นคนขอโทษก่อน อย่างนั้นหรือคะ ไม่แฟร์"
"เขาช่วยเหลือเราเยอะเหมือนกันนะปริศนา และที่นี่เมืองไทย เราไม่ได้เอาชนะใครๆได้ด้วยการอวดดี ไม่ง้อใคร เราชนะได้ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน ให้คนช่วยเหลือเราต่างหาก"
ปริศนาทำท่าเหมือนจะเป็นลม เอามือแปะหน้าผาก แล้วหงายหลังลงไป อนงค์มายืนที่หน้าประตู
"มากินของว่างก่อนซิปริศนา กินเสร็จจะได้ไปเขียนจดหมายถึงคุณประวิช"
ปริศนายังเอามือกุมหัว แต่ก็ลุกขึ้น ทำตัวไปตามอนงค์ แต่สิรียังอึ้งอยู่เหมือนตัวจะระเบิดได้
ปริศนานั่งเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะ เขียน แล้วขยำทิ้งอยู่ 2 รอบ แต่บนโต๊ะมีกระดาษอยู่สี่ห้าก้อน
ปริศนามองรูปท่านชายฃ
"ท่านชาย ไม่ตอบจดหมายปริศนาสักที ปริศนาจะได้มีพวก ตอนนี้มีแต่พวกประวิช เต็มไปหมดทีเดียว"
"แม่ให้เขียน ปริศนาก็เขียนไปตามแม่บอกเถอะ"
"แล้วสิรีล่ะ วันนี้ตอนกลับบ้าน รถสวนกัน ปริศนาคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นรถนายเสมอ ตามกำหนดเขาน่าจะมากรุงเทพฯแล้ว"
"แล้วสิรี ว่าอย่างไร"
"สิรีไม่ว่า เขาทำท่าเหมือนไม่เห็น แต่ปริศนาว่าเขาเห็น"
"ถ้าอย่างนั้น ปริศนาเขียนจดหมายถึงคุณประวิชไป พี่จะไปดูสิรี เห็นขึ้นมาบนห้องเหมือนกัน"
อนงค์เดินออกไป
ปริศนานั่งดูกระดาษ แล้วหยิบดินสอมาเริ่มวาดการ์ตูน
ในห้องนอน สิรีกำลังนั่งเขียนจดหมายอยู่อีกครั้ง รอบตัวสิรี มีกระดาษจดหมายทั้งฉีกทั้งขยำ แสดงอารมณ์ของคนเขียน ว่าไม่สม่ำเสมอ
เสียงเคาะประตูห้อง อนงค์แย้มประตูเข้ามา
"สิรี ทำอะไรอยู่"
"เขียนจดหมาย"
สิรีพับจดหมายใส่ซอง แล้วจ่าหน้าซอง
"ถึงคุณเสมอหรือ"
"ฮื่อ"
"ปริศนาบอกว่าเห็นรถเขา วันนี้ สิรีเห็นไหม"
สิรีอึ้งไปนิดหนึ่ง ความเจ็บแล่นจี๊ดขึ้นมา ด้วยรับรู้ว่านายเสมออยู่กรุงเทพฯ แล้ว แต่กลับไม่ติดต่อมา สิรีหลังจากข่มใจได้แล้ว พยายามไม่มือสั่นไม่ร้องไห้
"ฮื่อ"
"แล้วสิรี เขียนว่ายังไงบ้าง"
"ไม่ได้เขียนอะไรมาก เขียนสั้นๆ เรียบๆ บอกไปว่า ฉันเขียนไปก่อนหน้านี้ 2 ฉบับแล้ว ทำไมถึงไม่ตอบอะไรเลย รู้ว่าเขากลับมากรุงเทพฯ แล้ว ขอให้ส่งข่าว แค่นั้น"
สิรีเอาจดหมายใส่ซอง แล้ววางแปะลงบนโต๊ะ มองมันอย่างเย็นชา
"อยากจะออกไปหย่อนตู้ไปรษณีย์เสียเดี๋ยวนี้"
"ยังไม่ได้ติดสแตมป์เลย ประเดี๋ยวเอาแสตมป์ให้นะสิรี"
สิรีคว้าจดหมายเดินตามอนงค์ออกไป
ปริศนานั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ และวาดรูปเสร็จพอดี อนงค์และสิรีเดินเข้าห้องมา
อนงค์เดินมาที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วเปิดลิ้นชักออก เพื่อหยิบสแตมป์
อนงค์จึงเห็นรูปที่ปริศนาเขียน เป็นรูปปริศนานุ่งผ้าถุง ยกมือไหว้ท่วมหัว แล้วเขียนตัวหนังสือใต้ภาพว่า คุณประวิชเจ้าขา อิฉันขอโทษ อย่าโกรธเลยน่า ไม่เห็นจะมีเรื่อง
อนงค์ก็หัวเราะ เสียงดังออกมา
"อะไรน่ะ" สิรีถาม
"ดูรูปที่ปริศนาเขียนถึงประวิชสิ"
ปริศนา หยิบซองที่ติดสแตมป์กับรูป แล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้อง
"ปริศนา ทำตัวเป็นเด็กตลอด" สิรีบอก
อนงค์ส่งสแตมป์ให้สิรี
"จดหมายคงได้ส่งวันเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าของใครจะได้ตอบก่อนกัน แล้วปริศนาก็ยังเขียนจดหมายไปถึงท่านชายอีกด้วยนะ"
อนงค์มองรูปท่านชาย
สิรีติดแสตมป์ที่จดหมาย แล้วเอากาวทาซอง ปิดให้สนิท เอามือตบๆจดหมาย ฝ่ายสิรี หวั่นใจกับผลที่จะกลับมา แต่ก็แน่วแน่ว่าจะต้องเผชิญกับมัน
อ่านต่อตอนที่ 11