เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 5
รามนรีนอนหายใจแรงอยู่บนเตียง มือยังกำไม้เบสบอลไว้อย่างเหนียวแน่น ภูมินั่งค่อม ล็อคแขนหญิงสาวไว้
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ”
“ไม่ปล่อย ถ้าคุณยังไม่หายซ่า ยังบ้าไม่เลิก ผมก็จะล็อคคุณไว้อย่างนี้ทั้งคืน”
“จะบ้าเหรอ”
“บ้าหรือไม่บ้าก็ลองดู”
รามนรีมองหน้าภูมิถอนใจ
“นี่คุณ เรามาคุยกันดีๆ มาทำสัญญาสงบศึกกันจริงๆ สักทีเถอะนะ”
รามนรีมองแล้วเมิน
“แล้วที่ผมมา ก็ตั้งใจจะมาบอกคุณเรื่องข้อสงสัยของคุณย่า และจะมาขอบคุณ”
“ขอบคุณอะไร”
ภูมิปล่อยมือรามนรี ดึงให้ลุกนั่งบนเตียง ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ทำหน้าซึ้ง
“ก็ขอบคุณ ที่อย่างน้อย คุณก็ทำให้คุณย่าชื่นชมคุณได้ ขอบคุณที่คุณทำเพื่อผมกับเดือนฉาย”
รามนรีเขิน ขนลุก เอานิ้วจิ้มหน้าผากให้ออกห่าง
“ไปไกลๆ อย่ามาเฟค”
“ผมพูดจริงจากใจไม่ได้เฟค และถ้าเราทำให้คุณย่าเชื่อได้ คุณย่าจะเป็นเกราะกำบังให้ผมได้แต่งงานกับเดือนฉายตัวจริง ผู้หญิงที่ผมรักมาก”
รามนรียิ้มให้ ยื่นมือไป
“เพื่อความรักของคุณกับคุณเดือนฉาย ฉันยินดี”
ทั้งสองคนจับมือกัน
“งั้นต่อไป คุณก็ไม่ต้องมาหวาดระแวง ว่าผมจะคิดอะไรไม่ดีกับคุณ คิดเสียว่าเราเป็นเพื่อนกัน เราต้องดีต่อกัน ต้องช่วยกันทำงานนี้ให้สำเร็จ”
“ถ้าคุณไม่กวนประสาท ฉันจะไม่เหวี่ยงไม่วีนใส่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็โดน”
“อย่าบอกแต่ผม คุณก็ใช่ย่อย เอาเป็นว่าผมจะพยายามละกัน”
ทั้งสองสบตา พยักหน้าให้กัน
7 วันผ่านไป รามนรีเอาข้าวต้มกุ้ง มาเสิร์ฟให้ภูมิ ซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ ย่า บุญปลูก เภา และถวิล ยืนแอบมองอยู่อีกมุม
“ทานข้าวต้มก่อนนะคะ”
ภูมิละสายตาจากหนังสือพิมพ์ ยิ้มให้
“ขอบใจนะ แล้วคุณย่าล่ะ”
“ไปเรียนท่านแล้ว แต่ท่านทำธุระอยู่ ให้เรากินกันก่อนได้เลยค่ะ”
รามนรีนั่งลงกินข้าวต้มกับภูมิ
“ผมอยากจะรู้จัง ถ้าผมแต่งงานกับเดือนฉาย เขาจะทำให้ผมอย่างที่คุณทำไหม”
“พี่ เอ๊ย คุณเดือนฉายเป็นคนดี เป็นแม่ศรีเรือน เขาต้องทำหน้าที่ภรรยาได้ดีอยู่แล้วค่ะ”
“คุณรู้ได้ไง คุณทำยังกับรู้จักเขา”
“เปล่าค่ะ เปล่า แค่ฟังจากคุณเล่าให้ฟัง ก็พอจะรู้ว่าเขาน่าจะเป็นคนดี”
“ใช่ เขาเป็นคนดีมาก และหวังว่าเขาจะทำได้ดีกว่าคุณ เออนี่ ตั้งแต่คุณทำอาหารเช้าให้ผมกิน อาการโรคกระเพาะผมดีขึ้นจริงๆ ด้วย”
“งั้นก็กรุณาตื่นด้วยตัวเองเสียที อย่าให้ฉันต้องขึ้นไปดึงหูให้ตื่นทุกวัน”
“จะพยามละกัน”
“ดีค่ะ แล้วคุณจะได้รู้ว่าเวลามันมีค่ากับเราแค่ไหน อย่าเอาแต่นอนกินบ้านกินเมือง”
สองคนยิ้มสดใส กินข้าวต้มไป คุยกันไป ย่า บุญปลูก เภา และถวิล มองหน้า
สบตายิ้มปลื้มให้กัน แต่นิด เบ้ปากใส่ ย่าไปนั่งยิ้มปลื้มคุยกับบรรดาคนรับใช้
“นี่พวกแก คิดเหมือนฉันไหม”
“คิดอะไรคะคุณท่าน”
“ก็คิดว่าเจ้าภูมิ มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จากคนตื่นสายก็ตื่นแต่เช้า มากินอาหารเช้ากับเมีย ดูแล้วมันน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ”
นิดแอบหมั่นไส้ เภาเห็น กระซิบด่าเบาๆ
“แกเป็นอะไร แพ้ท้องหรือไงหา”
ถวิลยกมือส่ายไปมาหน้าแหย
“อันนี้พี่ไม่เกี่ยวนะ”
“เภากับหวินว่าไง”
“ค่ะ แค่อาทิตย์เดียว คุณภูมิของเราก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างคุณท่านว่าจริงๆ”
“ปลูกว่า คุณเดือนฉายคนนี้ เขามีดีกว่าที่เราคิดนะคะ”
“ก็นั่นน่ะสิ ถึงแม้ฉันจะได้เห็นเขาแค่ไม่เท่าไหร่ แต่ฉันก็เห็นแววตาที่จริงใจใสซื่อ ตรงไปตรงมา ฉันมั่นใจ ว่าเด็กคนนี้เขาดีจริง เจ้าภูมิมันเจอคนที่ใช่แล้ว”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“เพื่อตอบแทนความดี เห็นทีฉันจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว”
ย่าหันไปปรายตามองทุกคน บุญปลูก เภา ถวิล นิด มองสงสัย
ภูมิกับรามนรี นั่งต่อหน้าย่า ก่อนร้องออกมาพร้อมกัน
“หา แต่งงาน"
“ใช่”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า หนูไม่ได้ยึดติดเรื่องพวกนี้ เรารักกันที่ใจ จริงไหมคะภูมิ”
“ใช่ครับใช้ เรารักกันที่ใจครับ”
“ย่ารู้นะว่าแม่เดือนเกรงใจย่า แต่ชีวิตหนึ่งของลูกผู้หญิงมันต้องมี ย่าอยากทำพิธีแต่งงานเล็กๆ ให้ อยากรดน้ำสังข์ให้หลานย่าก่อนตาย และก่อนที่แม่สราญกับพ่อภัทรจะกลับมา และเป็นเครื่องยืนยันว่า ย่ายอมรับหลานสะใภ้คนนี้”
รามนรีหน้าเหวอ หนักใจ หันไปมองหน้าภูมิ ที่บีบมือเธอให้กำลังใจ
“นะแม่เดือน ขอย่าจัดงานนี้ให้เถอะนะ แค่งานเล็กๆ แต่จริงใจ มันเป็นความสุขเล็กๆ ของคนแก่อย่างย่าที่จะได้เห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝา ย่าจะได้นอนตายตาหลับ”
“แต่ คุณย่าคะ”
“เอาน่า ไม่ต้องอาย นอกจากไผท ย่าจะไม่บอกใคร เราจะทำเฉพาะในครอบครัวเรา”
“ได้ครับคุณย่า”
รามนรีหันขวับไปมองหน้าภูมิ ย่าดีใจมาก
“งั้น เดี๋ยวย่าโทรไปบอกตาไทก่อนนะ”
ย่ากุลีกุจอลุกออกไป รามนรีโวยวายใส่ภูมิ
“คุณไปพูดอย่างนั้นกับคุณย่าได้ยังไง คนที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับคุณก็คือคุณเดือนฉายคนเดียวเท่านั้นไม่ใช่ฉัน”
“แล้วสถานการณ์อย่างนั้นคุณจะให้ผมทำยังไง”
“คุณก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเราทำอะไรกันอยู่ เรากำลังเล่นละครโกหกเขา”
“แล้วใครจะมารู้กับเรา หรือจะให้บอกคุณย่า ว่าเราโกหกเขาอยู่”
รามนรีอึ้งคิด
"ผมเข้าใจ ว่าการเข้าพิธีแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รู้จักและรักกัน มันดูขัดๆ ผมเองก็อึดอัดใจ ไม่ได้อยากจะทำ"
"แต่นั้นมันก็เป็นความสุขของคุณย่า คุณก็เห็นว่าท่านขอร้องเรา"
รามนรีกุมขมับ เครียด
“เอาน่าคุณ ไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ยอมๆ ไปเถอะ มันก็แค่เรื่องหลอกๆ”
“แล้วถ้าคุณเดือนฉายตัวจริงเขารู้เข้า คุณจะทำยังไง”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะอธิบายทุกอย่างให้เขาเข้าใจ ส่วนคุณมีหน้าที่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด”
“ตกลงฉันต้องยอมคุณอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
ภูมิไม่พูดอะไร พยักหน้าให้ เสียงโทรศัพท์ดัง ภูมิรีบเดินออกไปรับสายไผท รามนรีเซ็ง เป็นห่วง กลัวเดือนฉายรู้เข้า จะเข้าใจผิด
ย่าเรียกคนรับใช้ทุกคนมาแจกแจงหน้าที่ และการทำงาน จนเสร็จ
“เอาตามนี้ อย่าให้พลาดล่ะ เพราะเวลาเรามีน้อย ทุกคนต้องทำงานแข่งกับเวลา อ้อ แล้วแม่นิด ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใคร โดยเฉพาะแม่สราญกับตาภัทร ถ้าเขารู้ ฉันจะโทษหล่อนคนเดียว จำไว้”
“อ้าว แล้วถ้านิดไม่ได้พูดแล้วคนอื่นพูดล่ะคะ คุณท่าน”
“แต่ฉันเชื่อ ว่ามันจะไม่ออกมาจากปากคนอื่น นอกจากหล่อน ถ้าไม่เชื่อ ก็เตรียมตัวมีเรื่องกับฉันได้เลย”
นิดกลัวหงอ หลบตาต่ำ บุญปลูก เภา ถวิล หันไปสบตากัน สมน้ำหน้านิด แต่นิดกลับแอบมาโทรศัพท์หาสราญ เภากับถวิลเดินผ่านมาเพื่อจะไปบ้านภูมิ เห็นเข้า หยุดซุ่มแอบฟัง
“โห คุณนาย เกิดเรื่องใหญ่ยักษ์ โทรไปก็ไม่รับ แถมยังปิดเครื่องอีกต่างหาก แล้วจะให้เบอร์ไว้โทรรายงานทำไมกันวะเนี่ย”
นิดปิดเครื่องแล้ว เดินอารมณ์เสียออกไป เภากับถวิล คุยกัน
“เห็นรึยัง ว่าที่แท้อีนังนิด อีงูเขียวหางไหม้ มันคอยเป็นสายสืบสาระแนให้คุณสราญ อย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ”
“เออ ใช่ และ ชัวร์”
“แล้วชัดรึยัง ว่าที่มันมาหา พี่หวินจ๋า มันมาหลอกถามแก มันไม่ได้พิศวาสแกหรอกนะ ไอ้พี่หวิน”
“พี่ก็ไม่ได้คิดขนาดนั้น ก็แค่เผื่อฟลุค”
เภาหันเขวับมองหน้าเหี้ยม ก่อนพยักหน้าเข้าใจ ย่างสามขุมไปโน้มคอตีเข่า
ถวิลไขกุญแจหน้าห้อง รามนรีหัวเสียคิดว่าเป็นภูมิ เดินหน้าหงิกมาเปิดประตู
“นายจะมาทำไมอีก ออกไป”
เภากับถวิล ตกใจหน้าเหวอ รามนรีรีบเอาตัวออกมายืนหน้าห้อง แล้วปิดประตู กลัวความลับแตกว่านอนห้องนี้
“ขอโทษจ้ะฉันไม่คิดว่าจะเป็นพวกพี่”
“แล้วคิดว่าเป็นใครเหรอคะ เพราะที่นี่ ไม่มีใครนอกจากคุณเดือนกับคุณภูมิ หรือว่า ปะปะเป็นผะผะผีคะ”
“ก็เป็นไปได้นะ เพราะได้ยินเสียงเคาะห้อง พอเปิดไปดูก็ไม่เห็นมีใคร”
เภาเกาะแขนถวิลแน่นอย่างกลัวๆ
“ไม่มีอะไรหรอกเภา ว่าแต่ทำไมคุณเดือนมาอยู่ห้องนี้ มันเป็นห้องว่างนี่ครับ แล้วที่ผมใช้กุญแจสำรองเปิดเข้ามาก็เพราะคิดว่าไม่มีคนอยู่”
“อ๋อ อ๋อ ฉันมาดูห้องน่ะ ดูห้องโน้นห้องนี้ไปทั่วน่ะจ้ะ ว่าแต่มาทำไมกันเหรอจ๊ะ”
“ก็คุณย่า สั่งให้มาขนของในห้องนี้ เพราะพรุ่งนี้จะให้ช่างมาตกแต่งห้องใหม่”
“ตกแต่งห้องใหม่ ตกแต่งทำไม นี่มันก็ดีอยู่แล้วนี่คะ”
“ห้องคุณภูมิ จะแต่งเป็นห้องหอ ส่วนห้องนี้ ท่านสั่งให้ทำเป็นห้อง เบบี้บูม”
“อะไรคือเบบี้บูม”
“ก็ห้องของเหลนท่าน ที่กำลังจะเกิดจากคุณภูมกับคุณเดือนไงคะ”
“หะ”
“ผมขอเข้าไปดูหน่อย จะได้ไปเรียนท่าน”
รามนรียิ้มแหย ยืนขวางไว้
“ไม่เป็นไร ฉันดูให้แล้ว ห้องนี้โล่งๆ พรุ่งนี้พาช่างมาได้เลยจ้ะ”
ถวิลหันไปมองหน้าเภา แปลกใจ
“งั้นเรากลับไปเรียนคุณท่าน เห็นว่าเย็นๆ ท่านจะมาดูความเรียบร้อยอีกที”
“ก็ดี จะได้ไปนัดเวลาช่างให้แน่นอน เราไปก่อนนะครับคุณเดือน”
“จ้ะจ้ะ”
ถวิลกับเภา เดินออกไป รามนรีเอามือตบหน้าผากตัวเอง เครียด
ก่อนตั้งสติผลุบเข้าประตูหายไปในห้อง กวาดตามองห้อง ว่าจะทำอย่างไรดี
“ตายแล้ว ตายแน่ๆ ทำไมซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้เรา เอาไงดี”
รามนรีรีบวิ่งไปเก็บของที่มีอยู่ในห้อง เปิดประตูขนออกไป แล้วกลับเข้ามาขนต่อหลายรอบ จนหมด
ก็หมดแรง ทิ้งตัวนอนหงายผึ่งบนเตียง
ไผทหัวเราะร่า ต่อหน้าภูมิที่นั่งหน้าหงิก
“หัวเราะบ้าอะไร คนกำลังเครียดๆ อยู่”
“ขำว่ะ มันชักจะเหมือนในละครเช้าไปทุกที”
“ละคร ที่แกเขียนบทให้ครึ่งๆ กลางๆ งั้นเหรอ”
“ฉันก็แค่เขียนบทนำ แต่คนเขียนจริงๆ ไม่ใช่ฉัน อาจเป็นคนบนฟ้าโน่น”
“ใครกันวะ คนบนฟ้า”
“ก็พรหมลิขิตไง พระพรหม ท่านอยู่บนฟ้าโน่น”
“ปรัมปรามากเลยแก”
“อ้าว ของอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ คุณยายเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่แกก็ได้”
“คนไม่เคยรู้จักกัน ไม่ได้รักกัน จะเป็นเนื้อคู่กันได้ยังไง ใจจริงฉันก็เสียใจ ฉันอยากจะมีวันนี้กับคนที่ฉันรักจริงๆ อย่างเดือนฉาย ไม่ใช่คนอื่น ยัยนั่นก็คงคิดไม่ต่างกัน”
“ก็นั่นน่ะสินะ แต่ฝืนอะไรก็ฝืนได้ แต่ฝืนดวงชะตาท่าจะยาก รอให้วันเวลาผ่านไป แล้วฉันจะถามแกอีกทีดีกว่า ว่าแต่อย่าลืมทำคะแนนกับคุณเดือนตัวจริงบ้างล่ะ”
“รู้แล้วน่า คนนั้นน่ะของตาย”
“งั้นฉัน ก็จะเตรียมตัวไปงานแต่งกำมะลอของแกกับคุณยาย ในฐานะ ญาติผู้ใหญ่ ที่ยิ่งใหญ่มากฝ่ายเจ้าบ่าว โอเคป่ะ”
ภูมิมองหมั่นไส้ ทำท่าจะชก
“เดี๋ยวฉันนั่งรอแกทำงานให้เสร็จ แล้วเย็นนี้ ไปปาร์ตี้แก้เครียดกันดีกว่า”
ไผทพยักหน้าให้
รามนรีเดินหมดแรงหัวฟู เปิดประตูห้องภูมิ ยืนมองเข้ามาในห้อง ที่เหวี่ยงของไว้เต็มไปหมด
“เฮ้อ อะไรกันนักกันหนาเนี่ย”
รามนรีหันมองนาฬิกา หน้าเหวอ รีบปิดประตู เดินเข้าไปเก็บข้าวของแข่งกับเวลา กลัวย่ามา
เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เจือจันทร์แม่ของศจีนั่งดูทีวีอยู่ ศจีพาระพีเดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดีจ้ะ ระพี เห็นยัยศจีบอกว่ากลับใต้ ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะจ๊ะ แล้วคุณพ่อกับคุณน้าสบายดีไหม”
“ช่วงนี้ คุณพ่อก็แย่หน่อย”
“หนูเล็กน้องสาวของพี เขาหนีงานแต่งเข้ามาในกรุงเทพ ตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอเลยค่ะแม่”
“ตายแล้ว แล้วทำไง มีอะไรให้แม่ช่วยไหมระพี”
“ใม่เป็นไรครับคุณแม่ ช่วงนี้ผมก็พยายามออกตามหาเขากับว่าที่เจ้าบ่าวเขาอยู่ครับ”
“อืม ดีจัง ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกนะจ๊ะ แล้วเรื่องงานหมั้น ถ้ายังไม่สะดวก ก็เลื่อนออกไปก่อนก็ได้นะ เรื่องครอบครัวสำคัญกว่า หาน้องให้เจอก่อนก็ได้”
“ก็ดีนะคะพี คุณจะได้ไม่เครียด”
“ไม่เป็นไรครับ ผมให้ศจีรอผมมานานมากแล้ว ครั้งนี้ผมไม่อยากพลาดอีก”
“งั้นก็ตามใจละกันนะ แม่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“แล้วคุณผสาน ว่าที่เจ้าบ่าวหนูเล็กเขาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดูเขารักและเป็นห่วงเป็นใยหนูเล็กดี ดูเขาซีเรียสมากเลย บางทีพ่ออาจจะคิดถูกที่หาคนดีๆ มาให้หนูเล็ก เพราะผู้ชายสมัยนี้หาดีๆ ยาก”
“ยกเว้นพีมั้งคะ”
“แหม ชมผู้ชายไม่อายแม่เลยนะยัยศจี”
ระพีหันไปสบตา ศจียิ้มเขิน
ภูมินั่งดื่มกับไผทในผับ
“เออ ฉันลืมเล่าให้แกฟัง วันก่อนมีเรื่องแปลกๆ ว่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เจ้าบ่าว มาตามหาเจ้าสาว ที่หนีงานแต่งน่ะสิ”
“เรอะ มีอย่างนี้ด้วยเหรอ แต่จะว่าไปก็ไม่ต่างอะไรจากฉันสักเท่าไหร่”
“น่าเห็นใจ ผู้ขายเขาก็ดูเป็นคนดี เขารักผู้หญิงที่ชื่อรามนรีคนนี้มาก”
“คนเรา ไม่เคยมีความพอดี ยัยรามนรีนี่คงจะไม่เบา ถึงได้ไม่เอาคนดีๆ”
“แต่เราก็สรุปว่าเขาไม่ดีไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริงของเขา”
“เฮ้ย อย่าไปสนใจเรื่องชาวบ้านเลย แค่เรื่องฉันก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ชนโว้ยชน”
ภูมิดื่มเหล้า ชนเอาชนเอากับไผท ที่ดื่มน้ำเปล่า จนภูมิเมาปลิ้น พูดอ้อแอ้
“เห็นเป็นอย่างนี้ มีเสียใจนะโว้ยไอ้ไท ฉันอยากแต่งงานกับเดือนฉายตัวจริง แกเข้าใจไหม”
“เบาๆ ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
“แล้วทำไม ไม่มีใครเข้าใจฉัน พ่อกับแม่ เขาไม่รักฉัน ไม่เคยรักฉันเลย”
“เฮ้ย มีพ่อแม่ที่ไหน ไม่รักลูกวะ”
“ก็พ่อแม่ฉันไง หาเงิน แล้วยังจะหาเมียให้ เขาไม่เคยถามฉัน ว่าฉันต้องการอะไร”
“แล้วแกต้องการอะไร”
“ฉันต้องการความรักจากพวกเขา ไม่ใช่เงิน ทำไมเขาไม่เข้าใจฉัน ไม่เข้าใจ”
ภูมิฟุบหน้าหลับลงไปกับโต๊ะ ไผทมองเพื่อนอย่างเข้าใจ
ประกายฟ้านั่งหาของข้อมูลของบริษัทรัตนคาม และภูมิ เห็นบทสัมภาษณ์ภูมิในนิตยสารดัง
“ภูมิ รัตนบดินทร์ เขาจบบิสิเนสเหมือนหนูเลย เขาจบอังกฤษแต่หนูจบอเมริกา”
“เอ๊ะ หรือว่า ฟ้าประทาน ให้หนูมาเป็นคู่กับเขา”
“แม่น่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ แต่เขาดูดี และมีกึ๋นนะคะ”
“ก็แหงล่ะ เขาเป็นนักธุรกิจส่งออกนี่ ระดับประเทศนี่”
ประกันเสริมต่อ พวงศรีโผล่หน้าไปดูภาพภูมิในหนังสือ
“โห หน้าตาก็หล่อมาก เหมือนแม่เขา”
“เหมือนพ่อมากกว่า”
“คุณภัทร หน้าไม่เข้มอย่างนี้”
“ผมหมายถึงเขาหล่อเหมือนผมตอนหนุ่มน่ะ จริงไหมยัยฟ้า”
“ถ้าพ่อต้องการให้หนูตอบว่าจริง ก็จริงค่ะ”
สองพ่อลูกหัวเราะร่าให้กัน พวงศรีเบ้ปากใส่ประกัน
เสียงเคาะประตูดัง รามนรีเปิดประตูออกมา เห็นถวิลกับไผทหิ้วปีกภูมิมา เธอรีบเปิดประตูให้ พาภูมิเข้าไปนอนหงายผึ่งบนเตียง ย่าแปลกใจ
“ไปทำอีท่าไหน เจ้าภูมิมันไม่เคยเมามากจนขาดสติขนาดนี้เลยนี่นา”
“ก็คงเครียดน่ะครับ”
“หึ จะเครียดอะไร เมื่อกลางวันก็ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา เธอรู้ไหมแม่เดือนว่าเขาเป็นอะไร”
“ไม่รู้ค่ะ”
“อ๋อ ย่ารู้แล้ว”
“รู้อะไรเหรอครับคุณย่า”
“ก็รู้ว่า ตาไทเดาผิด เจ้าภูมิเขาไม่ได้เครียด แต่เขาดีใจ ที่ย่าจะจัดงานแต่งให้เขากับเมียต่างหาก นี่รู้ไหม เขาสวีทกันจะตาย”
รามนรีหันไปสบตาไผท กลอกตาไปมา เซ็ง ไผทยิ้มแหย
“เหรอครับคุณย่า”
“ไป งั้นเรารีบไปกันเถอะ เขาจะได้ดูแลกัน ฉันจะได้มีเหลนไวๆ แม่เดือน อย่าลืมดูแลสามีให้ดีๆ ล่ะ ย่าไปนะ”
“ค่ะ คุณาย่า”
ย่าดึงแขนไผทออกมาคุยกันในห้องรับแขก
“ดูคุณย่าจะปลื้มคุณเดือนฉายมากเลยนะครั”
“ก็แหงสิ ย่าว่าเขาเป็นเด็กดี ไม่หลงอะไรเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนเด็กสมัยนี้”
“ครับ แล้วถ้าคุณอาสราญกลับมา เขาเห็นต่างจากคุณย่าล่ะครับ”
“ย่าไม่สนใจ ยังไงหลานสะใภ้ย่า ต้องเป็นแม่เดือนฉายเท่านั้น”
โทรศัพท์มือถือวางอยู่ พวงศรีกดสปีคเกอร์โฟนให้ทุกคนได้ยิน โดยสราญกำลังพูดจ้ออยู่
“คุณพี่ไม่สนใจ ไม่ว่าจะยังไง ลูกสะใภ้ของคุณพี่ต้องเป็นหนูประกายฟ้า คนเดียวเท่านั้น”
“อุตะ ยืนยันมั่นคงขนาดนี้ น้องยินดีมากๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่เมตตายัยฟ้า”
พวงศรีหันไปพยักเพยิด ยิ้มยินดีกับประกันและประกายฟ้า
“อีกไม่กี่วันพี่ก็จะกลับ เลยโทรมาบอกให้เตรียมตัวไว้ได้เลย”
“แน่นอนค่ะคุณพี่ งานนี้จะไม่ทำให้คุณพี่เสียหน้า เต็มเหนี่ยวแน่นอนค่ะ”
“ดีมาก งั้นแค่นี้ก่อนนะคะคุณน้อง”
พวงศรีหัวเราะ
“ตายยากจริงๆ พูดถึงนางปุ๊บ ก็โทรมาปั๊บ ไม่รู้นางติดใจอะไร ทำไมถึงได้รักยัยฟ้าประหนึ่งว่าจะลงแดง”
ประกายฟ้ายิ้มเขิน
“ก็ลูกเราออกจะน่ารักสดใส เข้าหาผู้ใหญ่ก็เก่ง ใครเห็นก็เอ็นดู”
“แต่เขายังมีคุณย่าอีกคนไม่ใช่เหรอคะ”
“แก่หงำเหงือกขนาดนั้น คงไม่มีฤทธิ์มีเดชอะไร ไม่มีปัญหาหรอกลูก”
“ใช่ คนแก่จะไปมีอะไร้ ยังไงก็ต้องหลงเสน่ห์ลูกพ่อแน่นอน”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะพ่อ”
“งั้นเราต้องเตรียมตัวกันให้ดี งานนี้ออร่าต้องเจิดเข้าใจไหม”
“ค่ะแม่”
สองแม่ลูกสบตายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน
รามนรีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ภูมิ เป็นชุดนอนเสร็จ ก็นั่งหอบ มองหน้าภูมิสักครู่
“นี่เหรอสามีกำมะลอของฉัน”
รามนรีบิดผ้าเช็ดหน้าจากกะละมังน้ำอุ่น มาเช็ดหน้าให้ภูมิ ภูมิรู้สึกตัวงัวเงีย เพ้อ
“เดือนฉาย ผมขอโทษ ผมไม่อยากแต่งงานกับเขา ผมอยากแต่งงานกับคุณ ผมรักคุณมากนะ”
รามนรีชะงัก มองภูมิ หน้าเศร้า
“พี่เดือน ทุกอย่างที่หนูเล็กทำไปก็เพื่อพี่เท่านั้นนะคะ”
รามนรีบรรจงเช็ดหน้าให้ภูมิต่อ ชายหนุ่มจับดึงตัวรามนรีเข้าไปกอดแนบอก
“เดือนฉาย นี่คุณกลับมาหาผมแล้วใช่ไหม”
รามนรีหน้าเหวอ ใจสั่น พยายามจะดึงตัวออก แต่สู้แรงภูมิไม่ไหว เลยปล่อยให้กอดไป
ตอนเช้า รามนรีเดินถืออาหารมาเสิร์ฟให้ย่า
“วันนี้มีอะไรกินจ้ะ”
“ซุปเห็ดสามอย่างค่ะคุณย่า”
“อืมดี แล้วเจ้าภูมิล่ะ วันนี้ทำไมตื่นสาย ไม่ได้ปลุกเขาเหรอ”
“วันนี้ เขาคงตื่นไม่ไหว เลยให้นอนต่อ เดี๋ยวหนูค่อยเอาซุปไปให้ก็ได้ค่ะ”
“เห็นเธอดูแลเจ้าภูมิดีขนาดนี้ ย่าก็อุ่นใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไร อย่าปล่อยมือเขา อย่าทิ้งเขาไปไหน หนูต้องอยู่ดูแลเขาแทนย่านะ”
รามนรีอึ้ง ตอบไม่เต็มเสียงนัก
“อ๋อ ค่ะ คุณย่าคะ เดี๋ยวหนูขออนุญาตไปดูคุณภูมิก่อนนะคะ”
“จ้า ไปเถอะ”
รามนรีเดินออกไป ย่ามองยิ้มปลื้ม
ภูมิรู้สึกปวดหัว พยายามจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง รามนรีถือถ้วยซุป เปิดประตูเข้ามาเห็น ตกใจ รีบวางถ้วย แล้ววิ่งเข้าไปหา
“ไม่เป็นไร ผมลุกเองได้”
“อย่าทำอวดเก่งหน่อยเลยน่า มาให้ฉันช่วยเดี๋ยวนี้”
รามนรีมองสำรวจหน้าตาภูมิ เอามือแตะที่หน้าผาก
“อุ้ย คุณตัวร้อนจี๋เลยนี่นา”
ภูมิสบตารามนรี ซึ่งมองด้วยความห่วงใย
“ผมรู้สึกปวดหัวมากเลย”
“งั้นนอนลงก่อนนะคะ”
รามนรีประคองภูมิให้นอนลง
“รอแป๊บนะ”
รามนรีรีบวิ่งออกไป แล้วถือกะละมังวิ่งกลับมา รีบบิดผ้าเช็ดที่หน้า แล้วเอาโปะไว้ที่หน้าผากให้
“คุณรอสักครู่ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้ ถ้าไม่ดีขึ้น ฉันจะพาคุณไปหาหมอนะ”
รามนรีจะเดินไป ภูมิจับมือเธอไว้
“ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไร ก็เราเป็นเพื่อนกัน และฉันก็สัญญาแล้วว่าจะทำเพื่อคุณและคุณเดือนฉาย ฉันไปนะ”
ภูมิรู้สึกแปลกๆ ในใจ
รามนรีกำลังหายยาแก้ปวดที่ตู้ยาชั้นล่าง ย่าพาทุกคนเดินเข้ามา
“หาอะไรเหรอแม่เดือน”
“หายาแก้ปวดหัวให้คุณภูมิน่ะค่ะ เจอแล้วค่ะ”
“แล้วเขาเป็นอะไรมากไหม ถวิล ไปเอารถออก พาหลานฉันไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ เร็ว”
“จะเอารถไปหรือจะเรียกรถพยาบาลดีคะ” บุญปลูกถาม
“ใช่ ใช่ รถพยาบาลดีกว่าเขามีเครื่องมือช่วยชีวิตพร้อมเลยนะคะ” เภาสนับสนุน
นิดแอบเบ้ปากพึมพำเบาๆ ใส่เภา
“เว่อร์จังอีนังกระเภา”
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะ อาการแบบนี้ คงจะแฮ็งค์ เพราะดื่มหนักไปหน่อย ได้กินอาหารและกินยา นอนพักสักครู่ ก็คงจะดีขึ้นค่ะ”
“เอางั้นเหรอ งั้นขึ้นไปดูกันก่อนเร็ว”
ย่าเดินนำทุกคนขึ้นไปเคาะประตูห้อง ภูมินอนลืมตาอยู่ รีบแกล้งหลับตา ทุกคนเดินเข้ามา
“เป็นไงบ้าง”
“ปวดหัวมากเลยครับคุณย่า”
“ฉันก็บอกไม่ถูกว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าแกดี ก็ดื่มซะเมาขนาดนั้น”
ภูมินอนนิ่งไม่เถียง รามนรียกถ้วยซุปมา
“มาค่ะ ลุกขึ้นมาทานซุปหน่อยนะคะ”
ภูมิทำเป็นสำออย
“ผมลุกไม่ไหว”
“ถวิล มาช่วยพยุงคุณภูมิเร็ว”
ภูมิหันขวับไปมองย่า ส่งซิก ส่ายหน้า ส่งสัญญาณให้ออกไป
“อ๋อ เออ ไม่ต้องก็ได้ถวิล ฉันว่าเรากลับไปก่อนดีกว่า ให้เมียเขาดูแลดีกว่านะ”
ถวิลหยุดกะทันหัน มองงงๆ
“ไป กลับ”
ย่าเดินนำหน้าทุกคนออกไป นิดยังยืนสอดส่ายสายตาหาพิรุธภายในห้อง เภารีบลากตัวนิดออกไป
“แกนี่สาระแนไม่มีที่สิ้นสุดเลยจริงๆ”
ไผทนั่งทำงาน เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เขามองหน้าจอ ยิ้มดีใจ
“สวัสดีครับคุณเดือน วันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“ไม่รู้เป็นไง ได้ยินเสียงคุณไทแล้วอารมณ์ดีทุกทีเลย ไม่เครียดเหมือนเวลาคุยกับภูมิ”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะครับ เพื่อนผมฮาจะตาย”
“แต่เดือนไม่ขำด้วย เพราะไม่รู้ว่าอันไหนเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่น่ะสิคะ แต่ก็เป็นห่วงเขา เห็นเงียบหายไปหลายวัน เขาโกรธเดือนรึเปล่าที่ไม่ยอมกลับ”
“ไม่นี่ครับ เขาไม่ได้โกรธ อาจจะแค่น้อยใจ”
“แล้วเขาเป็นยังไง พฤติกรรมดีขึ้นไหมในสายตาคุณไท”
“ถ้าในสายตาผมก็ต้องว่าดีสิครับ เพื่อนผมทั้งคนนี่นา”
“จะเพื่อนยังไง ก็ต้องมีใจเป็นกลางนะคะ อย่าลืมว่าเดือนก็เป็นเพื่อนคุณอีกคน ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ เห็นที่จะไว้ใจคุณไทไม่ได้ซะแล้ว ต้องกลับไปสืบเอง”
“ดีครับดี รีบกลับมาให้เจ้าภูมิมันดีใจเสียทีเถอะครับ”
“คุณไท”
“ครับ”
“คุณช่างเป็นเพื่อนที่แสนดี เดือนรู้สึกซาบซึ้งแทนภูมิจริงๆ นี่พูดจากใจเลยนะคะ”
“คุณเดือนก็เหมือนกัน คุณเดือนเป็นเพื่อน และเป็น”
“เป็นอะไรเหรอคะ”
“เรื่องบางเรื่องมันก็พูดไม่ได้ ต้องดูเอาเองครับคุณเดือน”
“หมายความว่าไง คุณพูดอะไรแปลกๆ นะคะวันนี้”
“ผมก็พูดไปเรื่อย คุณเดือนอย่าสนใจเลยนะครับ”
“ค่ะ พูดเป็นปุจฉาบ่อยนะช่วงนี้ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะไท ฝากดูแลภูมิ ด้วยนะ”
เดือนฉายวางสาย ไผทมองโทรศัพท์ ยิ้มเศร้า
ภายในห้องนอน ถ้วยซุปวางอยู่ตรงหน้าภูมิ
“เป็นอะไร นั่งมองอยู่ได้ กินได้แล้ว เดี๋ยวมันจะเย็นแล้วไม่อร่อยนะ”
“ผมก็อยากจะกิน แต่กินไม่ได้ มือไม้มันไม่มีแรงเลย”
“แค่แฮ็งค์ ทำไมอาการเยอะขนาดนั้น”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่มีแรงเลย”
รามนรีมองสงสาร
“มา เดี๋ยวฉันป้อนให้ก็ได้ คุณจะได้ดีขึ้น เพราะมีเรื่องใหญ่รอเราอยู่”
“ใหญ่แค่ไหน ก็ไว้คุยทีหลัง ตอนนี้ผมหิวมาก”
รามนรีหันไปคว้าชาม ภูมิแอบยิ้มดีใจ รามนรีบรรจงป้อนซุปให้ภูมิ ซึ่งมองหญิงสาวตาเยิ้มรู้สึกดี
“จะว่าไป เวลาผมมองคุณใกล้ๆ คุณก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ”
รามนรียิ้มเยาะหยุดป้อน
“ก็แหงสิ ฉันสวยหน้าสด ไม่เคยพึ่งมีดหมอศัลย์นะจ๊ะ เออ คุณเริ่มตาถึงขึ้นละ”
ภูมิอมยิ้มขำ
“ขึ้โม้ไม่เบานะเราเนี่ย”
“ก็คนสวยจริงไรจริง ไม่ได้โม้”
“เออ ไม่โม้ก็ไม่โม้ รีบป้อนมาผมหิว”
รามนรีป้อนโจ๊กให้ภูมิ ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กัน
ประกันนั่งดูโปรแกรมพนันบอลอยู่ที่บ้าน พวงศรีเดินเข้ามาดึงออกไป
“เอาอีกแล้วนะ หลุดพนันฝั่งลาสเวกัส จะมาเล่นพนันบอลที่นี่อีกแล้วเหรอ”
“ไม่ได้นะคะพ่อ”
“อะไรกันแม่ลูกคู่นี้ มีอคติจริงๆ ก็แค่ดูเล่นๆ แค่นั้นเอง คิดมากไปได้”
“ไม่ให้คิดมากได้ยังไง ก็หมดตัวหมดตูดมาขนาดนี้นิ”
เสียงกริ่งหน้าบ้านดัง พวงศรีตาโตอุทาน
“อุ๊ยตาย ใครมา ฉันไม่เคยบอกใครว่าอยู่ที่นี่เลยนี่นา”
พวงศรีหันไปมองหน้าทุกคน ที่ต่างส่ายหน้า เธอชะโงกมองไป เห็นคนยืนอยู่หน้าประตู
“อ๊าย มาได้ไงเนี่ย มาทำไมเนี่ย”
อุดรใส่แว่นดำ ยืนสง่าอยู่กับคนขับรถ ที่ถือของรอ พวงศรีวิ่งหน้าระรื่น เข้ามาเปิดประตูต้อนรับ
“อ๊าย เสี่ยอุดร สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“อิฉัน จำได้ว่าไม่เคยบอกเสี่ยนี่คะว่าบ้านอยู่ไหน แล้วมาได้ยังไงคะเนี่ย”
“คนอย่างเสี่ยอุดร ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ ยิ่งกับหนูประกายฟ้า ยิ่งต้องหมั่นมาเซอร์ไพรส์”
พวงศรีแอบไม่พอใจ แต่ไม่กล้าหือ แสร้งดีใจ
“ค่า ด้วยความยินดีเลยค่ะ ไปค่ะ เชิญด้านในเลยนะคะ”
พวงศรีเดินนำ ทำปากขมุบขมิบ ด่าเสี่ยอุดรไปตลอดทาง ก่อนเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
“เซอร์ไพรส์ ดูสิจ๊ะว่าใครมาเอ่ย”
ประกายฟ้าทำหน้าบ้องแบ๊ว หันไปมอง
“เสี่ยนั่นเอง”
อุดรเก๊กหล่อส่งสายตาเจ้าชู้ใส่
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
ประกายฟ้ายิ้มแหย หันไปมองแม่ ที่พยักหน้าให้ตามน้ำ
“อ๋อ ครับ สวัสดีครับเสี่ย”
“แล้วนี่ ไม่มีแม่บ้านกันเหรอครับ”
“มีค่ะ เรามีคนดูแลบ้านให้ แต่เพิ่งมาลาออกไปอยู่บ้านนอกเมื่อวันก่อน ก็เลยหายังไม่ได้”
“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวผมส่งคนมาดูแลให้เอง ดีไหมครับ”
“อ๊าย ดีค่ะดี ของฟรีดีไปหมดเลยค่ะ”
ประกายฟ้ามองแม่หน้าเซ็ง
“แล้วพรุ่งนี้ มีคิวต้องพาน้องฟ้าไปสปา ไม่ทราบว่าเสี่ยมีสปาหรูที่ไหนแนะนำบ้างไหมคะ”
“มีเพียบ ว่าแต่จะเอาที่ไหนดีล่ะครับ”
“แล้วแต่จะกรุณาก็แล้วกัน แต่ขอหรูหน่อยก็ดีค่ะ”
“ว่าแต่หนูฟ้าเพิ่งกลับมา มีรถราขับรึยังครับเนี่ย”
“ยังเลยค่ะเสี่ยขา”
“งั้นพรุ่งนี้ ก่อนไปสปา เสี่ยจะพาไปดูเลยเอาไหม จะเอาเบ็นซ์ บีเอ็ม หรือพอร์ช ก็บอกมา สำหรับหนูฟ้า เสี่ยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“แล้วไม่สนใจจะให้คุณพ่อบ้างเหรอครับ”
“ด้วยความยินดี สำหรับคุณพ่อ เอาแคมรี่ไปละกันนะ”
ประกันยิ้มปลื้ม พวงศรีตาโต
“อ๊าย เป็นพระคุณค่ะเสียขา น้องฟ้าไปกราบขอบพระคุณเสี่ยสิคะลูก”
ประกายฟ้าเดินไปกราบที่อก
“ขอบพระคุณเสี่ยมากนะคะ”
เสี่ยอุดรโอบไหล่ประกายฟ้ายิ้มปลื้ม ประกายฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์
ช่างเข้ามาลงมือตกแต่งห้องด้านข้างห้องนอนภูมิ เสียงดัง
“ใครมาทำอะไรในห้องคุณ”
“ก็คุณย่าให้ช่างมาทำห้องใหม่น่ะสิ”
“หะ ทำห้องใหม่”
“และมันก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉันมาก เพราะฉันไม่มีที่นอน ต้องขนทุกอย่างย่องเบาออกมาที่นี่อย่างด่วน ซึ่งฉันเหนื่อยมาก เมื่อคืนถ้าคุณไม่เมากลับมา จะต้องโดนฉันด่าแน่ๆ”
“งั้นผมก็รอดตัวไปที่เมามา ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณย่าจะต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
“ก็นั่นน่ะสิ”
เสียงเคาะประตูดัง บุญปลูกเปิดเข้ามา
“คุณภูมิ คุณเดือนขา คุณย่าให้หานะคะ”
“คุณย่ามีอะไรเหรอครับ”
“น้าก็ไม่ทราบค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมตามไปนะ”
บุญปลูก เดินออกไป
“มามุกไหนอีกแล้วเนี่ยคุณย่า”
ภูมิกับรามนรีหันไปมองหน้ากัน
ภูมิกับรามนรีหน้าเหวอ เมื่อได้ฟังย่าสาธยาย ร้องออกมาพร้อมกัน
"หะ ไปสปาแล้วไปถ่ายพรีเวดดิ้ง"
“ใช่ สายไปสปา บ่ายถึงเย็นไปถ่ายพรีเวดดิ้ง แค่ไม่กี่ชุดเอง ของย่า 5 หนูเดือนกับแก 3”
“ชุดคุณย่าเยอะกว่าเจ้าสาวอีกนะครับน่ะ”
“ก็แหงสิ ฉันเป็นแม่งานนี่นา ว่าไง ไอเดียดีไหม แม่เดือน”
รามนรียิ้มแหย พูดไม่ออก
“คุณย่า ก็ไหนบอกจะทำเล็กๆ ไม่เอิกเกริกไง”
“ก็เล็กแล้วไง นี่ขอได้ไหม งานมงคลอย่างนี้ อย่ามาขัดใจย่า ให้ทำอะไรก็ทำไป อย่าหือ”
ย่าทำหน้าเหี้ยมใส่ ภูมิกับรามนรีหันไปสบตาหน้าจ๋อย
จบตอนที่ 5