xs
xsm
sm
md
lg

ปริศนา ตอนที่ 13

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ปริศนา ตอนที่ 13

อนงค์และสมรอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว อนงค์ช่วยตักข้าวต้มใส่ชามให้ปริศนาด้วย มีน้ำส้ม และนมอยู่ด้วย

ปริศนาวิ่งลงบันไดมา ในมือถือหนังสือ สองสามเล่มสำหรับการสอนในวันนี้ มาถึงก็คว้าน้ำส้มดื่ม และนั่งลงกินข้าว 2-3 คำ
"ปริศนาตื่นสายไปหน่อยแล้ว คุ้นว่าอยู่ที่โรงเรียน ไม่ได้เปลี่ยนเวลานาฬิกาปลุก"
สมรมองดูรอบตัวปริศนาว่าเอากระเป๋าเดินทางลงมาหรือไม่
"วันนี้ขับรถไปหรือเปล่า ปริศนา" สมรถาม
"ค่ะ"
"สรุปว่า ไม่ไปค้างโรงเรียนแล้วนะ"
"ตอนนี้ยังไม่ไปค่ะ ค้างโรงเรียน ก็คิดถึงแม่ คิดถึงอนงค์เหมือนกัน อยู่บ้านดีกว่า ถ้าบ้านเงียบๆ ไม่มีใครมากวน"
อนงค์ พยายามนั่งเงียบ เพราะมีพิรุธในใจ
อนงค์ทราบดีกว่าประวิชมาตอนที่ปริศนาออกไปขี่จักรยานกับนพ และปริศนาเองก็ไม่รู้ว่าประวิชมา และคร่ำครวญถึงปริศนาอีก
"พี่จะดีใจมาก ถ้าปริศนาอยู่บ้านเรา คิดถึงปริศนาเหมือนกัน บ้านเงียบมาก และวูปี้ ก็ไม่มีคนเล่นด้วย"
"อือ วูปี้ น่าสงสารมัน"
ปริศนายกแก้วนมขึ้นดื่ม
"กุญแจรถล่ะคะ แม่"
สมร เดินไปหยิบมาให้จากที่เก็บกุญแจ ปริศนาหยิบกุญแจรถ แล้วเดินออกไป

ปริศนาเดินลงมาจากบ้าน วูปี้วิ่งเข้าไปหา และทักทายกันอย่างคิดถึง เธอเล่นกับวูปี้ อย่างรักและเอ็นดู
"คิดถึงกันใช่มั้ย ไม่เป็นไรนะ ชั้นกลับมาบ้านแล้ว ทีนี้ เราก็ได้เล่นกันเหมือนเดิม"
แล้วปริศนา ก็เงยหน้าขึ้นเรียกช่วง
"ลุงช่วง มาเอาตัววูปี้ไปเก็บที เดี๋ยวมันวิ่งออกไปนอกรั้ว กลัวมันตามปริศนาจัง"
ช่วงหยิบสายจูงมาเกี่ยวที่วูปี้ ระหว่างที่ปริศนาขึ้นรถขับออกไป แล้วช่วงก็พาวูปี้ไปปิดประตูด้วย

เวลาต่อมา ปริศนาจะเดินไปทางห้องเรียน ท่านหญิงรัตนาวดี ดึงวิมลที่ก้มหน้างุด ตามมาด้วย พอเห็นปริศนา ท่านหญิงก็ยกมือไหว้
"วิมล ครูปริศนาแน่ะ"
วิมลยกมือไหว้ แต่ยังซ่อนหน้าอยู่

"อย่างไรกัน ท่านหญิงรัตน์ วิมลเป็นอะไรหรือ"
"วิมลร้องไห้ตั้งแต่เช้าเลยค่ะ"
"เรื่องอะไรเพคะ"
ท่านหญิงรัตน์มองซ้ายมองขวากลัวคนได้ยิน

ท่านหญิงรัตน์เดินนำปริศนาเข้ามา แล้วหันไปพูด
"เมื่อเช้าป้าสร้อย บ่นว่าประวิช ค่ะ"
"แล้วทำไมวิมลต้องร้องไห้ด้วยเพคะ"
"ป้าสร้อยว่า ประวิช มาอาศัยท่านชาย แล้วยังทำตัวไม่ดี กินเหล้าเมาจนไม่มีสติ รถท่านชายก็ให้เอาไปใช้ เมื่อเช้ายังต้องให้คนไปเอารถกลับมาจากเยาวราช ทำอะไรไม่คิดถึงเกียรติของท่านชาย โอยยาวมาก"
ปริศนากอดวิมลไว้
"ตายจริง... ไม่ต้องร้องสิ วิมล ป้าสร้อยไม่ได้ว่าวิมลด้วยสักหน่อย"
"ทำไมจะไม่ว่าคะ ป้าสร้อยบอกว่าวิมลอย่าเอาอย่าง"
"โธ่เอ๊ย.... วิมลจะไปทำเสียหายอย่างนั้นได้อย่างไร"
"เดี๋ยวนี้ประวิช เอาแต่ใจ หญิงก็ชักจะรำคาญเหมือนกันค่ะครู แล้วก็สงสารเจ้าพี่ ที่ต้องมาคอยแก้ปัญหาให้ตลอด"
"เจ้าพี่ของท่านหญิง คงจะดูแลปัญหาต่างๆได้ ท่านเก่งออก ส่วนวิมลก็ไม่ต้องห่วง ถ้าเราดีเสียแล้ว ก็ไม่มีปัญหา พี่ชายกับเราคนละคนกัน เอามาเทียบกันไม่ได้ คุณสร้อย พูดเพราะคงเป็นห่วงท่านชาย"
เสียงระฆังเข้าเรียน
"ไปขึ้นห้องเรียนกัน ยังไงเสีย เราก็อยู่โรงเรียนตลอดอาทิตย์ ไม่ต้องไปฟังเรื่องน่าปวดหัวอีกแล้วนะ เย็นนี้มาฝึกเทนนิสกันต่อ ครูจะอยู่ฝึกให้"
วิมลเงยหน้าขึ้นยิ้ม ดีใจ

เย็นวันเดียวกัน ท่านชายพจน์ ปรีชาหิ้วกระเป๋า เข้ามาในห้อง ประวิชจ๋องๆแต่งชุดลำลอง เดินเข้ามา เมื่อท่านชายวางกระเป๋าลง
"ฉันยินดีที่สุด ที่นายไม่ได้ออกไปไหน"
"ท่านชายมีพระประสงค์ กระหม่อมก็ต้องอยู่"
"ฉันประสงค์ จะไม่ให้นายเละเทะ ไม่คิดว่านายจะต้องทำตามแบบคนอื่นๆ ที่ดื่ม แล้วต้องเมาให้ได้อย่างนั้นหรือ"
"ครั้งนี้ มันกลุ้มใจจริงๆ ฝ่าบาท"
"ดื่มแล้วมันแก้ปัญหาได้จริงหรือ มีแต่จะทำให้ถลำลึกแก้ไม่ได้"
"อย่างไร เรื่องนี้ก็แก้ไม่ได้"

"เรื่องผู้หญิง"
ประวิชพยักหน้าช้าๆ
"ปริศนา .... ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม เขาถึงตั้งกำแพงเสียหนาอย่างนั้น แม้แต่ให้อนงค์ไปช่วยพูด เขาก็ไม่ฟังเลย ฝ่าบาท นึกไม่ออกเลยว่าควรจะทำยังไง กระหม่อมคิดไม่ได้ ตันไปหมดแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้น ทำไมนายไม่ไปพูดกับเขาเอง จะได้รู้ว่า ควรจะรักต่อหรือควรจะตัดใจ"
"โอย.... ตัดใจ! จะทำได้ยังไงกัน"
ประวิชซบหน้ากับฝ่ามือ
"ก็ถ้าเขาไม่รักนาย นายจะเศร้าไปจนตายให้ได้อย่างนั้นเชียวหรือ"
ประวิชเริ่มคิดได้
"เหมือนว่าเราจะเข้าใจกัน เราชอบทุกอย่างเหมือนๆกัน แต่แล้วในที่สุด กลับกลายเป็นว่ากระหม่อมก็ไม่เข้าใจเขาเลย แปลก"
"นายคิดวน สงสัย และตั้งคำถามไม่รู้จบ นายเคยคิดไปข้างหน้าหรือยัง"
"คิดไปข้างหน้า? คืออะไรเล่า ฝ่าบาท"
"ที่ถามนายอยู่นี่ยังไง หากยังไงๆ เขาก็ไม่รักนาย นายจะเศร้าอยู่อย่างนี้จนตายเทียวหรือ"
"มองไม่เห็นเลยว่าทำไม ปริศนาเขาจะไม่รักกระหม่อม ทำไมเขาถึงจะรักกระหม่อมไม่ได้"
ท่านชายพจน์นิ่งไปสักพัก
"ไม่มีใครตอบแทนเขาได้หรอก อนงค์ ก็ยังตอบไม่ได้ไม่ใช่หรือ"
"แต่อนงค์ เข้าใจทุกเรื่องเข้าใจความรู้สึกของกระหม่อมดีที่สุด เพียงแต่ปริศนาดื้อมากเกินไปเท่านั้น ไม่ฟังใครสักคนเดียว"
ท่านชายมองเฉย
"ทำไมปริศนา ถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนอนงค์นะ อนงค์นี่พูดอะไรไปเข้าใจหมดทุกอย่าง แต่ปริศนาเอาแต่ใจตัวไม่เข้าใจอะไรเลย"
ท่านชายยังเฉย
"กระหม่อมจะทำอย่างไรดี ทุกข์ใจเหลือทน"
"ทำอะไรแล้วสบายใจ ทำอย่างนั้นก่อนไหม นายดิ้นรนไปในสิ่งที่รู้ว่าทุกข์ เพื่ออะไร ไม่เห็นจะมีประโยชน์"
ประวิชนิ่งคิดบ้าง
"แต่ที่ขอคุยกันวันนี้ คือฉันจะขอนายเหมือนกันว่า อย่ากินเหล้าจนคุมสติ
ไม่ได้อย่างนี้อีก ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะยอมให้ได้อีกแล้ว นายอยู่บ้านฉัน เป็นคนในปกครองของฉัน ไม่ควรทำตัวเสื่อมเสีย และขอลดเบี้ยเลี้ยงลง เพื่อนายจะได้ไม่มีเงินไปจ่ายค่าเหล้า"
ประวิชเงยหน้าขึ้น มองท่านชายอย่างตกใจ
"ท่านชาย!"

อนงค์ ตกใจมากเมื่อทราบข่าว
"อย่างนี้แหละ ถือว่าเป็นโกรธมากของท่าน ผมกลุ้มใจจริง"
"โธ่ ไม่น่าเลย"
"เพราะปริศนาทีเดียวที่เป็นเหตุ"
แล้วประวิชมองซ้ายมองขวา หาปริศนา
"แล้วปริศนาล่ะ ทุกทีเวลานี้เขาจะกลับจากโรงเรียนแล้ว"
"วันนี้ยังไม่กลับค่ะ"
ประวิชหัวเราะอย่างเจ็บๆ
"หนีหน้าผมล่ะสิ"
"แกไม่รู้นี่คะ ว่าคุณจะมา .... แต่เห็นจะไม่ได้ค้างที่โรงเรียน เพราะไม่ได้เอากระเป๋าเสื้อผ้าไป"
"ปริศนา เป็นเสียอย่างนี้ จะไม่ทำให้ผมเสียใจได้อย่างไร"
"ต้องขอโทษแทนปริศนาด้วย ฉันเสียใจที่คุณเดือดร้อน เสียใจที่ท่านชายกริ้วคุณ"
อนงค์ก้มหน้าน้ำตาไหลออกมา
ประวิชมองดูอนงค์ เห็นน้ำตาไหลรินออกมา อนงค์พยายามเมินหน้าหลบ ซ่อนน้ำตา
"อนงค์ ร้องไห้ทำไม"
"ฉันเสียใจค่ะ เสียใจที่ช่วยอะไรคุณประวิชไม่ได้เลย"
อนงค์ร้องไห้สะอึกสะอื้น จนประวิชต้องส่งผ้าเช็ดหน้าให้ แล้วจับมืออนงค์ไว้ ด้วยความรู้สึกว่า อนงค์คือผู้หญิงที่แคร์เขามากที่สุด จนความทุกข์ของประวิชเหมือนจะหายไปในบัดดล
ประวิชเริ่มทำอะไรไม่ถูก
"อย่าร้องไห้เลย คุณอนงค์ ช่างมันเถอะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว ผมรู้ว่า ใครก็ไปบังคับปริศนาเขาไม่ได้" เขาถอนหายใจดัง "เฮ้อ... เขาหัวแข็ง เอ่อ มั่นใจมากๆ เหมือนผู้หญิงฝรั่ง มาเถอะ เราไปนั่งรถเที่ยวกัน บางทีจะไปหาอะไรกินกัน"
"มากินกันที่บ้านนี่ไหม"
ประวิชส่ายหน้า
"ตอนนี้ ผมเองชักจะไม่อยากเจอหน้าปริศนา ไปกินข้าวที่วังศิลาขาวดีกว่า ผมบอกท่านชายไว้ว่า อย่างไรเสียวันนี้ จะกลับไปกินข้าว ท่านชักไม่ไว้ใจ กลัวจะไปเหลวไหลอีก เลยให้สัญญาว่าจะกลับไป ไปด้วยกันไหม แล้วผมจะกลับมาส่ง"
"ฉันต้องขอแม่ก่อนค่ะ"

ประวิชพยักหน้า

เวลาค่ำ ท่านชายเปลี่ยนชุดเป็นสบายๆแล้ว อนงค์ก็เปลี่ยนชุดออกนอกบ้าน ประวิชยังสวมชุดเดิม
 
ท่านชายเดินตรงจากด้านในมาจะมาที่ห้องอาหาร แล้วก็ต้องแปลกใจที่ประวิชพาอนงค์มา อนงค์ยกมือไหว้ท่านชาย

"อนงค์ ดีใจจริง ไม่ได้พบกันเสียนาน ประวิชนายไปพาอนงค์มาจากไหน"
"จากบ้านของเขา ฝ่าบาท ไปนั่งคุยกันสักพัก อนงค์ชวนกินข้าวบ้านเขา แต่กระหม่อมรับปากไว้แล้วว่าจะกลับมากินที่นี่ เลยขอให้อนงค์มาด้วย"
"อ้อ" แม้จะรับคำ แต่ท่านชายพจน์ ปรีชายังแปลกใจ "เชิญเลย ด้วยความเต็มใจ สน... จัด เพิ่มให้คุณอนงค์ด้วยนะ"
"ขอรับ ฝ่าบาท"
สนจัดจาน จัดโต๊ะ รินน้ำให้อนงค์ นายใจเอากับข้าว 2-3 อย่างใส่ถาด ยกมาจากด้านนอกให้สนจัดวางบนโต๊ะ และสนเริ่มตักข้าวโดยตักให้อนงค์ก่อน ตามที่ท่านชายผายมือ
"ที่บ้าน สบายกันดีหรือ"
"สบายดีเพคะ ปริศนาก็กลับมาจากโรงเรียนแล้ว แต่วันนี้ ทำไมกลับเย็นนักก็ไม่ทราบ เห็นแกว่าอยู่ที่โน่น บางครั้งตอนเย็นช่วยนักเรียนทำการบ้าน หรือหัดกีฬาให้นักเรียน"
ท่านชายพจน์พยักหน้า
"น้องหญิงก็เล่าให้ฟังเหมือนกัน ลงทุนซื้อไม้เทนนิสให้วิมลใหม่ คงต้องหัดกันให้เป็นเรื่องเป็นราว"
ประวิชเงยหน้ามอง
"น้องหญิงกับพวกเพื่อนๆเขารวมเงินกันซื้อ เชิญรับประทานกันเลย อนงค์ อนงค์มาได้บ่อยๆเลยนะเท่าที่ต้องการ ที่นี่ยินดีต้อนรับเธอเสมอ"
"ขอบพระทัย เพคะ"
อนงค์เริ่มรับประทานอาหาร
ท่านชายมองที่ประวิชและอนงค์ นึกรู้อะไรบางอย่าง

บนโต๊ะนั่งเล่น มีไปป์กับบรั่นดีวางอยู่ แต่ท่านชายพจน์จะเดินไปเดินมาที่ริมน้ำ ไปป์ดับไปแล้ว ประวิช แต่งชุดเดิมเดินเข้ามา
"ฝ่าบาท มาอยู่ที่นี่เอง"
"พรุ่งนี้จะไปทำงานไหม"
"ไปกระหม่อม ต้องไปลาว่าวันนี้ป่วย"
"นึกอย่างไร ถึงชวนอนงค์มา"
"กระหม่อมไปหาปริศนา ที่บ้านเขา .... แต่ไม่พบ พบแต่อนงค์ ก็เลยชวนมา"
ท่านชายพจน์มองอย่างไม่เข้าใจ
"แปลก!"
"เมื่อกี้ไปส่งอนงค์ ปริศนาก็กลับมาแล้ว เขาสอนวิมลเล่นเทนนิสอยู่จริงๆ ถึงกลับบ้านช้า เพิ่งจะได้นั่งกินข้าว กระหม่อมเลยกลับมาก่อน"
ท่านชายเดินกลับที่โต๊ะวางของ เริ่มบรรจุไปป์
ประวิชตามมานั่งด้วย แล้วเกาะโต๊ะถามอย่างเป็นงานเป็นการ
"ผู้ชายที่รักผู้หญิง ต้องซื่อสัตย์ต่อผู้หญิงคนนั้นเรื่อยไปรึเปล่า หม่อม"

"แน่ล่ะสิ"
"ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขาไม่รักเรา แล้วเรายังต้องซื่อสัตย์กับเขาไหม"
"ไม่ต้องมัวซื่อสัตย์อยู่ ก็น่าจะบ้า"
"แล้วถ้าผู้หญิงเขารักเรา แต่เรามัวไปรักคนอื่นเสีย ทีหลังกลับมารักเขาได้ไหม หม่อม"
"ได้"
"แล้วถ้าเรารักผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วก็ไปรักอีกคนหนึ่งจะได้ไหมฝ่าบาท"
"คงจะเป็นนักต้มผู้หญิงแล้วอย่างนั้น"
"อ้าวก็ถ้าเผื่อ คนที่เรารักเขาไม่รักเราล่ะ"
"อ้าว ก็ไม่ถามให้ครบนี่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ได้"
"แล้วรักกับสงสาร เหมือนกันไหมฝ่าบาท"
พจน์มองประวิชอย่างรู้สึกว่ามีอะไรซับซ้อน จึงเลิกสนใจไปป์ เก็บของ
"ไม่เชิงเหมือนกัน แต่ก็เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอยู่ ทำไมล่ะ"
"แล้วการที่รักและซื่อสัตย์ต่อคนที่เขาไม่รักตัวนี่ เป็นบ้าหรือกระหม่อม"
"บ้าแน่"
"ขอบทัย เข้าใจหมดแล้ว คืนนี้หม่อมคงนอนหลับซะที"
ประวิชลุกขึ้นจะเดินออกไป พจน์ลุกตาม
"เดี๋ยว อะไรกันพูดไม่รู้เรื่อง นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
ประวิชตัดสินใจหันมาช้าๆ
"หม่อมฉันสงสารอนงค์เหลือเกิน แกดี๊ ดี ถ้าสงสารและรักเป็นอย่าง
เดียวกัน หรือเกี่ยวข้องกันก็แปลว่ากระหม่อมรักแก"
"อะไรนะ"
"ตกพระทัยหรือ ไม่ใช่แต่ฝ่าบาทหรอก หม่อมฉันเองก็ตกใจ และคิดว่าอีกหลายๆคน ก็คงตกใจเหมือนๆกัน เฮ้อ.... อนงค์แกดีจะตาย ดีแสนดี หม่อมไม่ได้คิดมาก่อน เพิ่งจะคิดได้นี่เอง หม่อมเคยรักแกมาตั้งแต่ก่อนรู้จักปริศนา แต่พอพบปริศนา หม่อมเลยไม่เห็นอนงค์ เห็นแต่ปริศนา นี่ถ้าปริศนารักตอบหม่อม หม่อมก็คงไม่เห็นอนงค์อยู่นั่นเอง"
"แล้วแกคิดได้ว่า แกบ้า ที่ไปรักเขาอยู่เป็นนานสองนาน"
"เป็นบ้า บ้า บัดซบแท้ๆ บ้ามานาน แต่ตอนนี้กระหม่อมหายแล้ว และจะเลิกรักปริศนา หันมารักอนงค์แทน เพราะเขาแสนดี แล้วปริศนากับกระหม่อมก็จะได้เป็นเพื่อนกันต่อไป"
ท่านชายพจน์ยิ้มอยู่ในใจแต่ทำท่าเฉย เพราะรู้ว่าตัวเองหมดพันธะพ่อสื่อแล้ว

ท่านชายพจน์เดินนำขึ้นบันไดมาแล้วเดินมาถึงหน้าห้องนอน
"ประวิช ฉันรู้มานานแล้ว ว่าอนงค์รักแก"
"แล้วฝ่าบาทไม่บอกกระหม่อม"
"แกไม่ยอมฟังนี่ มัวแต่สนใจปริศนา"
"ปริศนาจะว่าอะไรไหม ถ้ากระหม่อมจะหันไปรักอนงค์แทน"

"ไม่ว่าหรอก เขารู้ว่าอนงค์รักแก"
"รู้หรือ รู้ได้ยังไงกัน"
"ถ้าฉันรู้ แล้วทำไมปริศนาจะไม่รู้ เขานอนห้องเดียวกัน แล้วปริศนาดูคนเก่งออกจะตายไป นักจิตวิทยาแท้ๆ"
"และที่ฝ่าบาททรงทราบ ก็ทรงเป็นนักจิตวิทยาเหมือนกัน"
ท่านชายพยักหน้า เดินเข้าไปในห้อง
"ตอนนี้ฝ่าบาทก็โปรดอนงค์แล้วใช่ไหม"
ท่านชายพยักหน้า ระหว่างที่ท่านชายปิดประตู ประวิชยังถามต่อ
"โปรดมากกว่าปริศนารึ"

ท่านชายปิดประตู หันมายิ้ม ส่ายหน้า แต่ประวิชไม่เห็นแล้ว
 
อ่านต่อหน้า 2

ปริศนา ตอนที่ 13 (ต่อ)

คืนเดียวกัน ในห้องนอน ปริศนานั่งแปรงผมอยู่ที่โต๊ะแต่งตัว อนงค์มายืนดูอยู่

"อนงค์ไปวังศิลาขาวทำไมหรือ"
"ไปกินข้าวอย่างเดียว แปลกเหมือนกัน ประวิชเขาชวน"
"อือ แปลก แล้วแม่ไม่ว่าอะไรหรือ"
"ไม่ว่า ให้ไป แม่เลยไปกินข้าวกับคุณยาย"
"อนงค์ กินข้าวกับประวิช 2 คนหรือ"
"เปล่า ท่านชายอยู่ด้วย คืนเมื่อวานประวิชเขาเมากลับมา ท่านชายเลยบังคับว่า เย็นนี้ ต้องกลับไปกินข้าวเย็นที่วังกับท่าน เขาเลยต้องไป เกรงพระทัยท่านชายยังกับอะไรดี"
"แล้วก็พ่วงอนงค์ไปด้วย แปลกจัง แล้วท่านชายไม่ว่าอะไรหรือ"
อนงค์ส่ายหน้า
"ไม่ว่าอะไร ชวนคุย แล้วยังบอกว่าจะมาอีกเมื่อไหร่ ก็มาได้เลย ดูท่านชายจะตามใจ คุณประวิชมากอยู่"
"รู้แล้วล่ะ เรื่องตามใจประวิช ตามใจจนน่ารำคาญ"
"ท่านใจดี มีเมตตาก็เท่านั้น ท่านใจดีกับทุกคน"
"อาจมียกเว้น เหมือนกัน"
แล้วปริศนาก็ลุกขึ้นปิดไฟ แล้วมุดเข้าไปในมุ้ง อนงค์ลุกขึ้นตกใจ เพราะไฟมืดกะทันหัน
"ปริศนาเปิดไฟหัวเตียงก่อน เดี๋ยวยุงเข้ามุ้งพี่"
ปริศนาไม่ตอบ พออนงค์เดินมาคลำมุ้ง ปริศนาก็กดเปิดไฟหัวเตียง แต่ห่มผ้าทำเป็นหลับเสีย

วันใหม่ ปริศนากำลังจัดการบ้านนักเรียนที่เรียงกันเป็นกอง ว่าจะเอาไปตรวจที่บ้าน เป็นเวลาระหว่างชั่วโมง ให้นักเรียนไปดื่มน้ำเข้าห้องน้ำได้
นักเรียนห้องพิเศษ 2 บางส่วนออกไปพักแล้ว บางส่วนก็ทยอยออกไป มีอยู่ สามสี่คนที่ยังนั่งจัดอะไรอยู่ที่โต๊ะ
ท่านหญิงรัตนาวดี และวิมลลุกจากที่นั่ง พยักเพยิดกันให้เดินมาหาปริศนา
"ครูคะ วิมลเขาอยากถามครูค่ะ"
"มีอะไรหรือวิมล ถามครูเองก็ได้ค่ะ ไม่ต้องให้ท่านหญิงรัตน์มาช่วยถามหรอก"
"เขาเกรงใจครูค่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเกรงใจว่าไงคะวิมล"
"วันนี้ครูสอนเทนนิสอีกไหมคะ"
"ได้ค่ะ แต่ต่อไปนี้ ขออาทิตย์ละ 3 วันนะ เพราะครูจะต้องตรวจการบ้านพวกนี้อีก เรานัดกันเป็นวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ดีไหม แล้ววิมลเองจะได้มีเวลาทำการบ้าน"
"ได้ค่ะ ครู"
"แต่ถ้าว่าง และอยากเล่น ก็ knock board ซ้อมก็ได้นะ จะได้แม่นขึ้น และกำลังอยู่ตัว อีกไม่นาน ก็ไปเล่นกับพวกเราที่สโมสรได้แล้ว"
"โอย.... หญิงคงไปไหนไม่ได้ อีกตั้งปี" ท่านหญิงบอก
"ไม่นานเพคะ เราอยู่ด้วยกันมาปีหนึ่งแล้ว อีกปีหนึ่ง ก็เท่ากับที่เราเรียนมาด้วยกันเอง แล้วท่านหญิง ก็จะจบจากสิกขาลัยแล้ว แล้วท่านหญิง อาจจะได้ไปเรียนเมืองนอกตามประสงค์"
รัตนาวดีคิดได้
"หญิงต้องตั้งใจเรียนใช่ไหมคะ"
"เพคะ พูดอังกฤษให้เก่งกวานี้ ฝรั่งเศสด้วย ถ้าได้ ท่านหญิงน่าจะขอเรียนเพิ่มเติมกับแหม่มเครก ช่วงเย็น เหมือนที่วิมลหัดเทนนิส"
"หญิงคงต้องขอเจ้าพี่ก่อน"
ปริศนายิ้ม

วันเดียวกัน ตอนกลางวัน รถของประวิชแล่นเข้ามาจอดในบ้าน อนงค์ และสมร อยู่ในห้องโถง สมรช่วยเนาเสื้อ ส่วนอนงค์สอยเสื้ออยู่ ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้น
"ใครมา"
อนงค์ออกไปชะโงกดู
"คุณประวิชค่ะ"
"วันนี้มาเร็วจัง ปริศนาก็ยังไม่กลับเสียด้วย"
อนงค์เมินหน้าไปยิ้ม มั่นใจว่าประวิชมาหาตน ไม่ได้มาหาปริศนา
เสียงปิดประตูรถ ประวิชเดินแกมวิ่งเข้ามาในห้องโถง ยกมือไหว้สมร
"ไหว้พระเถอะจ้ะ ไปไหนมาพ่อประวิช"
"มานี่แหละครับ ว่าจะมาชวนอนงค์ไปนั่งรถเล่นสักหน่อย"

อนงค์หันมามองแม่เป็นเชิงปรึกษา
"จะกลับมากี่โมงกันจ๊ะ จะกินของว่างกันก่อนไหม วันนี้ไม่รู้ว่าปริศนาจะกลับกี่โมง จะมาเย็นเหมือนเมื่อวานหรือไม่ก็ไม่รู้"
"ไม่นานนัก ขอรับ"
สมรพยักหน้า
"อนงค์ไปแต่งตัวเสียหน่อยสิลูก" สมรบอก
อนงค์ เดินขึ้นไปข้างบน สมรเดินไปรินน้ำมาให้ประวิช
"บทจะหาย ก็หายไปนาน แต่ตอนนี้ก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วสิ"
"ขอรับ ... พอดีมีธุระด่วนกับอนงค์ เลยต้องมาขอรับ"

อนงค์เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้ว และนุ่งซิ่นนั่งลงที่หน้าโต๊ะแต่งตัว ดูสีหน้าที่ค่อนข้างจืดของตน อย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก อนงค์หยิบแป้งของปริศนามาผัดหน้า และเอาลิปสติกมาเติมปาก

ประวิชยืนขึ้นต้อนรับ อนงค์เดินลงมาจากชั้นบน ดูสวยสดใสขึ้นมาก ถือกระเป๋ามาด้วย
ประวิชมองอย่างชื่นชม
"เราไปกันเลย นะอนงค์"
อนงค์ยิ้ม แล้วเดินตามประวิชลงไป
สมรมองตามทั้งคู่ ออกจะงง ว่าเกิดอะไรขึ้นตามไม่ทัน

รถของประวิชที่มีอนงค์นั่งอยู่ แล่นมาตามเส้นทางที่เป็นทุ่งนาและลำคลอง รถแล่นเข้าไปจอดใต้ต้นไม้ ประวิชลงจากรถมาเปิดประตูให้อนงค์
อนงค์หย่อนขาลงมาจากรถ แต่คงยังนั่งที่เบาะอยู่ มองรอบด้านรู้ว่างดงาม แต่ไม่รู้ว่าประวิชพาตนมาทำไม
ประวิชจึงส่งแขนให้เกาะ อนงค์จึงเกาะแขนประวิชลงมาด้านล่าง ประวิชปิดประตูรถ แล้ว พาอนงค์เดินเข้าไปยืนอยู่ริมลำธาร ดูเยือกเย็นสงบ
ประวิชจับตัวอนงค์ให้ยืนหันหน้าเข้าหาตน
"คุณอนงค์ คุณรู้ไหม ว่าประวิชพาคุณมาที่นี่ทำไม"
อนงค์สั่นหัว ไม่รู้จริงๆ
"เมื่อคืนประวิชนอนไม่หลับตลอดคืน เป็นอะไรรู้ไหม"
อนงค์ส่ายหน้า
"คิดถึงคุณน่ะสิ คุณอนงค์ ประวิชรักคุณ คุณไม่รู้หรือ"
อนงค์ตกใจมาก
"อะไรนะคะ!"
ประวิชจับมืออนงค์กุมไว้
"ผมรักคุณ"

อนงค์ทั้งดีใจ ทั้งตกใจ
"เป็นไปได้หรือคะ แล้วปริศนาล่ะคะ"
ประวิชเสียงดุ
"ปริศนาอะไร อนงค์ต่างหากที่ประวิชรัก ประวิชรักอนงค์ตั้งแต่หัวหินปีก่อน ตั้งแต่ยังไม่รู้จักปริศนา แล้วปริศนา น่ะเขาเกลียดประวิชจะตาย ประวิชจะไปรักเขาธุระอะไร ว่าแต่ว่า อนงค์ .... รักประวิชหรือเปล่า"
อนงค์ไม่ตอบ แต่มองประวิช อย่างเทิดทูนบูชา

ประวิชยิ้มอย่างมีความสุข

ที่เรือนยาย

"ช่วงนี้ แม่หลับได้ดีเหลือเกิน และนอนได้นานๆ ไม่ค่อยจะตื่นมาตอนดึกเหมือนแต่ก่อน"
"ดีจริงค่ะ คุณแม่กินอิ่มนอนหลับ อย่าลืมรับประทานยาที่คุณหมอจัดไว้ให้นะคะ" สมรบอก
"ยายเตียงเขาจัดไว้ไม่เคยพลาด"
อนงค์เดินเข้ามาที่เรือนคุณยาย หน้าตาแจ่มใส เจิดจรัสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เข้ามาถึงก็กราบคุณยายกับตัก
"แม่อนงค์ ไหนแม่เขาว่าไม่อยู่บ้านอย่างไร"
"เพิ่งกลับมาค่ะ"
"ไปเร็วมาเร็วจริง พ่อประวิช เขาจะอยู่กินข้าวกับเราไหม"
"เห็นจะอยู่ค่ะ ประวิชบอกว่าจะขอพบคุณแม่ด้วย"
สมรเสียงสูง
"ขอพบ เรื่องอะไรกัน"
อนงค์หลบตา ไม่กล้าพูดออกมา
"อ้าว ... ตายจริง นี่มีเรื่องอะไรกันหรือ เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ อนงค์" สมรถาม
"ไม่มีหรอกค่ะ …คุณประวิช บอกว่ารักอนงค์ค่ะ"
"หา!" สมรอุทานอย่างไม่เชื่อ
"ประวิช... ที่มาหาบ่อยๆน่ะหรือ เห็นไปตีเทนนิสกับปริศนาบ่อย"
"ลูกพระยาราชพรรลภน่ะค่ะ"
สมรมองดูอนงค์
"ประวิชบอกลูกอย่างนั้นหรือจ๊ะ แล้วลูกรักเขาหรือเปล่า"
เสียงอนงค์ ชัดเจน แจ่มใสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"รักค่ะ"
สมรบอกความรู้สึกไม่ถูก มันอีรุงตุงนังกันเหลือเกิน
"เออ... แล้วเรื่องปริศนา ว่ายังไงล่ะ"

"ปริศนาไม่ได้รักประวิชนี่คะ"
สมร ก็ยังอึ้งอยู่
"ถ้าเขารักกันลงตัว ก็น่าจะดีนะ สมร เราน่ะเคยพูดไว้ว่า เรื่องคู่ครองจะไม่บังคับจิตใจใคร ให้เอาความรักของคนสองคนเป็นที่ตั้ง จำได้ไหม"
"จำได้ค่ะ แต่ ลูกอาจจะยังงง ความรักสมัยนี้ ที่กว่าจะลงตัวได้ ก็ดูจะผิดฝาผิดตัวอยู่เป็นนาน"

ปริศนาเดินเข้ามาในห้องโถง พร้อมด้วยกองสมุดการบ้านที่จะต้องตรวจ ปริศนาค่อนข้างระแวดระวัง เตรียมทะเลาะกับประวิชเต็มที่ เพราะเห็นรถของประวิชจอดอยู่หน้าบ้าน
"ปริศนา!"
"นายมาทำอะไรที่นี่.... แล้วคนอื่นหายไปไหนกันหมด"
ปริศนามองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลยนอกจากประวิช
"อนงค์ บอกว่าจะไปตามคุณแม่ ที่เรือนคุณยายแน่ะ และยังไม่กลับออกมา"
"แล้วคำถามแรกล่ะ ยังไม่ได้ตอบเลย"
"ก็มาส่งอนงค์น่ะสิ"
"มาส่งอนงค์ อนงค์ไปไหน"
"ไปกับผมอย่างไรล่ะ ผมมารับอนงค์ออกไปข้างนอกเมื่อสักครู่นี้"
ปริศนาเริ่มงงบ้าง
"อือม์…. แล้วไง"
"ผมบอกอนงค์แล้ว ว่าผมรักอนงค์"
ปริศนาตาสว่างในทันใด
"หา! ว่ายังไงนะ"
"ผมรักอนงค์ ให้อนงค์ไปตามคุณแม่มาเพื่อผมจะให้เรียนให้ท่านทราบ ส่วนเรา... ผมกับปริศนา เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม คุณตกลงไหม"
ปริศนาหัวเราะเสียงดังทันที
"ประวิช นายทำถูกต้องแล้ว... How nice! เยี่ยมที่สุด ขอแสดงความยินดีด้วย"
ปริศนายื่นมือออกไปให้ประวิชจับเขย่ามือกันเป็นการใหญ่
อนงค์ และ สมรเดินเข้ามา
"เอะ อะ อะไรกันจ๊ะ" สมรถาม
"ปริศนาแสดงความยินดีกับประวิชค่ะแม่"
ปริศนาวิ่งเข้าไปกอดและหอมแก้มแม่ แล้ว ก็เข้าไปกอดหอมแก้มอนงค์
"ยินดีด้วยนะอนงค์"
ปริศนากอดอนงค์อย่างดีใจ อนงค์ซาบซึ้งน้ำตาซึม
สมรยังงงๆ

ท่านชายพจน์นั่งอ่านหนังสือ อยู่ในห้องหนังสือ แต่งชุดนอน และสวมเสื้อคลุมเรียบร้อย
ผิวปากเพลงรักหวานดังเข้ามาในห้อง ท่านชายสะดุดหู วางหนังสือเงยหน้าขึ้น กำลังคิดว่าจะออกไปดูดีไหม ว่าใครมาผิวปากที่หน้าห้อง
ประวิชก็เคาะประตูเป็นจังหวะ อย่างอารมณ์ดี
"เข้ามาสิ"
ประวิชเปิดประตูเข้ามาทันที หน้าตายิ้มแย้มมีความสุข
"เป็นไง"
"เรียบร้อยแล้วฝ่าบาท กระหม่อมได้คุยกับอนงค์เรียบร้อยแล้ว แล้วก็บอกปริศนาว่ากระหม่อมรักเขาอย่างเพื่อน ปริศนาดีใจใหญ่"
"มิน่าเล่าหน้าตาแจ่มใส"
"ได้คนรัก และเพื่อนรักคืนมา กระหม่อมเป็นคนที่โชคดีเสียนี่กระไร"
"น่าอิจฉาอย่างยิ่ง"
"กระหม่อม อยากจะขออนงค์แต่งงานเสียโดยไว"
"แกพร้อมแล้วหรือ"
"กระหม่อมพร้อมตลอด อนงค์ จะช่วยประคับประคองครอบครัวของเราได้ ไม่ใช่คนที่จะรอให้พร้อม แล้วค่อยมาแต่งงานด้วยอย่างรตี ถ้ากระหม่อมบังเอิญ ไปรักคนอย่างนั้น คงไม่ต้องแต่งงาน"
"แต่ต้องคิดเหมือนกัน ประวิช จะอยู่กันอย่างไร ที่จะไม่สร้างปัญหา อนงค์เป็นคนดี ไม่อยากให้เขาต้องเสียใจภายหลัง"
"โธ่ เขาดีถึงเพียงนั้น กระหม่อมจะทำให้เขาเสียใจได้อย่างไร"
"กำลังรัก ก่อนจะหมั้น ก่อนจะแต่ง ก็ตั้งใจดีกันทุกคน"
"ฝ่าบาทโปรดประทานคำแนะนำ"
"งานของนาย นายคิดมาเองก่อนดีกว่า เรื่องหมั้น เรื่องแต่ง จะยังไง เมื่อไหร่ แต่เมื่อนายยังมีพ่อ มีแม่ควรจะไปกราบเรียนท่านเสียก่อนให้เป็นกิจจะลักษณะ แล้วค่อยไปบอกฝ่ายหญิงเขา"
"จริง ต้องไปเรียนท่านพรุ่งนี้เลย"
ประวิชยกมือไหว้ท่านชาย
"ขอบทัย ฝ่าบาท"
ประวิชเดินออกประตูไปแล้วผิวปาก เพลงรักต่อไป

ท่านชายยิ้มตามหลัง แล้วเดินไปเปิดแผ่นเสียง เพลง Black Eyes ทอดสายตามองออกไปไกลๆ นึกถึงตอนเต้นรำกับปริศนา แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
 
อ่านต่อหน้า 3

ปริศนา ตอนที่ 13 (ต่อ)

สนามหลังบ้านสุทธากุล เวลากลางวันวันใหม่ ปริศนา ถือกองหนังสือการบ้านนักเรียนมาพร้อมกับหมอน จำเนียรถือเสื่อผืนหนึ่ง พร้อมกับตะกร้าน้ำ และขนมบิสกิต

ปริศนาชี้ที่ให้ จำเนียรปูเสื่อลงใต้ต้นไม้ บนสนาม ริมรั้ว แล้วก็เอาหนังสือกองลงไป
"ขอบใจมาก จำเนียร"
ปริศนานั่งลงที่เสื่อ แล้วตรวจการบ้าน วูปี้ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ใกล้ๆปริศนา จำเนียรวางของเสร็จ ก็เดินกลับเข้าบ้านไป
"แกนี่น่ารักเสียจริง ใครๆ ก็เลยต้องรักหมา และเลี้ยงหมา เพราะความซื่อสัตย์ของพวกแกใช่มั้ย"
วูปี้ ยังป้วนเปี้ยนเล่นกับปริศนา
"ยัง ยังไม่เล่นนะ ทำงานแป๊บนึง"
ปริศนาก้มลงตรวจงานได้ แปบนึง นพก็ชะโงกมาจากรั้วอีกข้างหนึ่ง
"ปริศนา!"
ปริศนาตกใจ
"อ้าว! นพ ตกใจหมด"
"ผมเข้าไปได้ไหม"
นพปีนข้ามรั้วเข้ามา โดยไม่รอให้ปริศนาตอบ
"เข้ามาที่นี่บ่อยหรือยัง แต่ก่อนอุบลอยู่เขาต้องอ้อมมา"
"ปกติ ผมก็เข้าทางหน้าบ้านครับ แต่เห็นคุณมาอยู่ตรงนี้ ผมก็เลยแวะทัก
แล้วก็เลย ขี้เกียจเดินอ้อมละ วันก่อนก็เข้าไปสวัสดีคุณแม่คุณ คุณยายคุณ คุณอนงค์ แล้วก็... วูปี้"
นพเล่นกับวูปี้ ปริศนาหัวเราะ
"วันก่อนที่ไปขี่จักรยานกัน ว่าจะถามก็ไม่ได้ถาม มัวแต่คุยเรื่องอื่น ได้ข่าวว่าคุณเรียนทางศิลปะหรือคะ"
"ผมเรียนสถาปัตย์ครับ"
"Wow! ถ้าอย่างนั้น ฉันคุยกับคุณเรื่องวาดรูปได้ใช่ไหม"
"ก็พอได้"
"เอาอย่างนี้ ฉันจะวาดรูปคุณ"
นพมองดูกองหนังสือ หน้าปริศนา
"จะวาดเมื่อไหร่"
"อาทิตย์หน้าแล้วกัน ต้องเตรียมของ ฉันอยากวาดสีน้ำมัน"
"ผมเตรียมเฟรมให้ไหม เห็นว่าคุณสอนหนังสือหนักมากต้องไปอยู่โรงเรียน"
"อยู่ที่โรงเรียนก็ดีค่ะ เรามีเวลาทำงานเยอะมาก ได้อ่านหนังสือดีๆ ขอยืมห้องสมุดมาทุกวันเลยค่ะ วันเสาร์หน้านะคะ เออ วันนี้ฉันไม่มีอะไรเลี้ยงคุณเลย มีแต่บิสกิต รับไหมคะ"
"เสาร์หน้าผมมา เอาฝรั่งมาด้วยดีกว่า ต้นที่บ้าน น่าจะกำลังกิน"
"งั้นฉันจะทำพริกกะเกลือไว้ให้"
นพเดินไปดูรั้ว
"แล้วผมจะขออนุญาตมาทำประตูทางเข้าออกตรงนี้ ไม่อยากปีนรั้วเลย"

"ค่ะ ฉันจะบอกแม่ให้"
"ไปก่อนนะครับ นัดเพื่อนไว้ ทำงานส่งอาจารย์"
นพโบกมือแล้ว ปีนรั้วกลับออกไป ปริศนาโบกมือให้ด้วย แล้วก้มลงตรวจการบ้านต่อ

ประวิชกับอนงค์ นั่งคุยกันอยู่ในห้องโถง อนงค์ดูมีความสุข สวยหวาน และจะสวยอิ่มเอิบขึ้นเรื่อยๆ
"ประวิชตั้งใจที่จะทำงานของเรา ให้ดีและราบรื่นที่สุดนะอนงค์"
"ตามแต่คุณประวิชเถิดค่ะ"
ปริศนาหอบตั้งการบ้านนักเรียนเดินเข้ามา เห็นประวิชก็ตั้งการบ้านไว้แล้วนั่งลงคุยด้วย
"อ้าว ประวิช มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"มาได้สักพักแล้ว ปริศนาไปไหนมา"
"ไปนั่งตรวจการบ้านที่หลังบ้านมา แล้วนี่ประวิชจะไปไหนต่อ"
"กลับไปหาท่านชายน่ะสิ ไม่รู้ว่าท่านจะกลับจากโรงพยาบาลเร็วไหม"
"โอว ทำไม ด่วนไปด่วนมาอย่างนั้นล่ะ"
"ประวิชไปบ้านคุณพ่อเพิ่งกลับมา ก็เลยมาบอกอนงค์ ประเดี๋ยวต้องไป
ทูลท่านชายอีก ประวิชใจร้อน"
"เรื่องอะไร"

เวลาต่อมา ปริศนา อนงค์ สมรนั่งอยู่หน้ายาย
"คุณประวิชมาบอกว่า เขาได้ไปเรียนคุณพ่อของเขา ว่าให้มาสู่ขออนงค์
คุณพ่อกับคุณหญิง ไม่ขัดข้อง บอกว่าจะไปหาฤกษ์ แล้วนัดมาอีกทีค่ะ" อนงค์บอก
"มิน่าเล่า ประวิชบอกว่าใจร้อน"
"ท่านชาย ทรงขอให้ประวิชไปเรียนคุณพ่อ ประวิชก็เลยจะกลับไปทูลท่าน
ชายว่า ได้บอกทางนี้เรียบร้อยแล้ว และจะขอให้ท่านชายทรงเป็นเจ้าภาพให้"
"จะแต่งงานกันเลยรึ" ยายว่า
อนงค์อายหน้าแดง แต่แล้วก็ตอบชัดถ้อยชัดคำ
"ท่านชายว่าจะให้หมั้นไว้ก่อนค่ะ และจะประทานแหวนหมั้นให้ด้วย"
"ในที่สุดประวิช ก็ไม่พ้นท่านชาย" ปริศนาว่า
"ท่านชายพระทัยดี๊ ดี ก็สมควรแล้ว ที่ประวิชมาอาศัยท่านอยู่ ท่านก็เลี้ยงดูเหมือนประวิชเป็นน้องแท้ๆของท่าน"
"ครั้งหน้า ประวิชมา ให้มาหายายหน่อยสิ"
"วันนี้เขาก็จะมาหาคุณยายค่ะ แต่ปริศนาบอกให้เขาไปก่อน เราอยากบอกกับคุณยายเองก่อน"
ยายมองดูอนงค์อย่างสังเกต
"อนงค์ สดใส สวยขึ้นผิดหูผิดตา แม่เขาไม่ต้องกังวลอีกแล้วนะ ว่าอนงค์จะเจ็บป่วย"

สมรมองดูอนงค์แล้วยิ้ม
"ความสุขของลูก ก็คือความสุขของเรานะคะ คุณแม่"
ทั้งหมดหัวเราะกันในขณะที่อนงค์ยิ้ม หวาน

ในห้องนอน อนงค์จัดตู้เสื้อผ้าอยู่ พร้อมกันร้องเพลงหงิงๆ ในคอ ทั้งปริศนาและอนงค์ แต่งชุดนอนแล้ว
ปริศนาจัดสมุดการบ้านนักเรียนอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ เสร็จแล้วก็หันหน้ามาดูอนงค์
"ความรักเป็นปริศนา"
"เป็นปริศนาอะไร"
"เป็น puzzle น่ะสิ แต่ไหนแต่ไรมา อนงค์ไม่เคยร้องเพลงเลย พอมีความรักเข้าก็ร้องเพลงได้"
อนงค์หัวเราะ อะไรๆก็สดใสไปเสียหมด
"ไม่มีใคร นอกจากปริศนาที่นึกว่าอนงค์จะแต่งงานก่อน"
"พี่ก็ไม่เคยนึก ไม่นึกเลยว่าคุณประวิช จะมาชอบคนอย่างพี่"
"ไม่แปลกอะไรเลย ผู้ชายทุกคนที่มี sense ควรจะชอบผู้หญิงอย่างอนงค์"
"อะไรกัน.... มันแปลกเหลือเกิน พี่ยังไม่ค่อยจะเชื่อเลย ว่าเป็นความจริง นึกว่าฝันร่ำไป"
"ฝันอะไร มันควรจะเป็นความจริงมาตั้งนานแล้ว แต่ความรักที่แท้จริง มักมีอุปสรรคเสมอ จริงไหม"
"แล้วความรักของปริศนาล่ะ เมื่อไหร่จะมาถึง"
ปริศนาลุกขึ้นทันที เดินเข้ามุ้งไปเลย
"ไม่มีหรอก อย่าพูดถึงปริศนาเลย ไม่มีใครรักปริศนาหรอก ปริศนาก็ไม่
รักใคร อายุ 20 เท่านี้ยังไม่จำเป็นต้องมีคนรัก พูดถึงแต่ความรักของอนงค์เถิด
ปริศนาบอกนานแล้วไม่ใช่หรือ ว่าประวิชควรแต่งงานกับอนงค์"
อนงค์ปิดตู้แล้วเดินมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง แปรงผม
"พ่อแม่ประวิชต้องหาฤกษ์สู่ขอ ฤกษ์หมั้น กว่าจะได้แต่งงานกัน ก็อีกนาน ความจริง เรารักกันมาปีกว่าแล้ว นานมาก แต่ว่ามีเรื่องโน่นเรื่องนี่เป็นอุปสรรค์มาก"
ปริศนาตามองเพดานมุ้ง
"ความรักที่แท้จริง มักมีอุปสรรคเสมอ...อุปสรรค"
ฝ่ายอนงค์ยิ้ม ลุกขึ้น เหมือนอยู่ในความฝัน ไปปิดไฟ แล้วเข้ามุ้งไป อนงค์ เหมือนส่งจูบไปไกลๆ
"ประวิช"

บ้านสุทธากุล เวลาเช้า มีรถท่านชาย กับรถปริศนา จอดอยู่ ปริศนาเดินถือสมุดการบ้านนักเรียนมาจากข้างบน และหิ้วกระเป๋ามาด้วยเพราะกำลังจะไปทำงาน

พอเดินลงมาถึง ก็เห็นท่านชายพจน์ เดินนำประวิช ขึ้นมาบนบ้าน

ปริศนาตกใจ

"ท่านชาย"
"ปริศนา"
ปริศนายืนอึ้งอยู่เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอท่านชายตั้งแต่เช้าอย่างนี้ และคิดว่าตัวเองควร
จะไหว้ท่านชาย แต่ก็ติดด้วยถือหนังสือมาตั้งสูง
ท่านชายจึงเข้ามาช่วยถือหนังสือให้ ตอนแรกปริศนาก็ดึงไว้ ท่านชายก็เลยจับโดนมือปริศนา ปริศนาก็เลยปล่อยทำให้ท่านชายต้องรีบกอดกองสมุดการบ้านพวกนั้นไว้
ปริศนาก็จะเข้าไปช่วยจับเพราะกลัวสมุดตก แต่แล้ว ท่านชายก็จัดการได้ แล้วท่านก็หัวเราะขำตัวเอง
"ฉันมาเช้าเกินไปหรือเปล่านี่"
"ปริศนากำลังจะไปโรงเรียนเพคะ"
แล้วปริศนาก็ยกมือไหว้ท่านชาย สมรเดินออกมาจากด้านใน
"ตายจริง ท่านชายเสด็จ"
ท่านชายก็ไหว้สมร ประวิชยกมือไหว้สมรด้วย
"ปริศนา มากินข้าวเช้าก่อนลูก"
"ตามสบายเลย ฉันกับประวิช กินข้าวเช้ามาแล้ว ประวิช กังวล เรื่องการหมั้นหมาย กับอนงค์ จึงให้ฉันมาวันนี้ ก่อนไปทำงาน"
อนงค์ออกมาอีกคน ประวิชรีบเดินเข้าไปหาอนงค์ ปริศนารีบเข้าไปในห้องอาหาร
"เมื่อคืนนี้กลับไป ทูลท่านชาย แล้วหารือกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เช้านี้ เลยมาคุยกันพร้อมหน้ากันดีกว่า"
"เชิญท่านชายประทับก่อนเพคะ" สมรบอก "แล้วนั่น..." สมรหมายถึงกองหนังสือของปริศนา
"สมุดการบ้านนักเรียนของครูปริศนาอย่างไร ฉันช่วยถือไว้"
ปริศนาเดินกลับมา หลังดื่มนม ออกมาพร้อมผ้าเช็ดปาก
"ตายจริง... เอามานี่เถอะเพคะ ท่านชาย ปริศนาจะไปแล้ว"
"ฉันจะเอาไปส่งให้ที่รถอย่างไร กินข้าวแล้วหรือยังล่ะ"
"เรียบร้อยแล้วเพคะ"
"มื้อเช้าเป็นมื้อที่จำเป็นที่สุด ขาดไม่ได้ทีเดียว ถ้าเธอจะรีบไป มาฉันช่วยเอาสมุดนี่ไปใส่รถให้"
"ไม่เป็นไรเพคะหม่อมฉัน ถือไปเองได้"
ปริศนาเอื้อมมือจะดึงสมุด แต่ท่านชายถือไว้แน่น ถ้าถึง คงต้องไปโดนมือท่านชายแน่นอน ปริศนาชะงักมือตนเอง
"ก็ได้ ขอบพระทัยล่วงหน้าเพคะ"
แล้วปริศนาก็ก้าวฉับๆ ออกไปหน้าบ้าน

ปริศนา เดินนำท่านชายพจน์ไปที่รถของเธอ ท่านชายพจน์เดินตามมา
นพเดินมาจากทางหน้าบ้าน นพแต่งชุดนิสิต
"ปริศนา จะไปทำงานล่ะหรือ"
ปริศนาหันไปเห็นเป็นนพ
ท่านชายพจน์ถาม
"ใครกัน"
"ท่านชายคะ นี่นพค่ะ เป็นน้องของนงลักษณ์ ลูกเจ้าคุณพลรามฯ นพ คะ ท่านชายพจน์ ปรีชา"
นพยกมือไหว้ท่านชาย ท่านชายรับไหว้
"ได้ยินชื่อท่านมานานแล้ว เพิ่งได้พบตัวจริงวันนี้ รู้สึกเป็นเกียรติมาจริงๆขอรับ"
"ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ทราบว่าเธออยู่ที่นี่ด้วย"
"ผมมาอยู่บ้านที่เคยให้เขาเช่า ด้านหลัง ผ่านมาเห็นประตูบ้านเปิดอยู่ นึกว่าจะได้ติดรถปริศนาไปเรียนหนังสือสักหน่อย"
"ขึ้นรถเลยนพ ยินดีมาก"
ปริศนาเปิดประตูด้านข้างคนขับให้นพ แต่นพยังรีรออยู่
ปริศนาเปิดประตูด้านหลังให้ท่านชายวางสมุดการบ้านนักเรียนลงไป
"ขอบพระทัยเพคะ"
"แล้วคงจะได้มีเวลา พูดกันสักวันนะ ปริศนา ฉันมีเรื่องมากมายจะพูดกับเธอ"
ปริศนานึกเรื่องที่ท่านชายมาขอเธอให้รักประวิช แล้วก็เลยคอเชิด ทำหน้ามึนใส่
"ทูลลาเพคะ"
ปริศนามาขึ้นที่คนขับ ท่านชายยังปิดประตูให้ ส่วนนพ รีบขึ้นด้านหน้าคู่ไปกับปริศนา รถขับออกไป
ท่านชายมองตามรถ รู้สึกว่า เรื่องของท่านคงยังเคลียร์ไม่ได้ในเร็วๆนี้

วันใหม่ ชื่นแต่งตัวสวยมาก อยู่ที่ระเบียง กำลังจะไปขออนงค์ เดินมาหน้าห้องลูกสาว รตียังใส่เสื้อคลุมอยู่บ้าน
"รตี แม่กับคุณพ่อ จะไปบ้านแม่อนงค์เขานะ"
"ไปทำไมหรือคะ"
"อ้าว ตายจริง ลืมแล้วหรือ วันนี้ต้องไปสู่ขอแม่อนงค์เขาให้นายประวิชยังไงล่ะ"
"นี่มันเรื่องจริงหรือคะ"
"อ้าว ... ตายจริง ไม่ใช่เรื่องจริง แล้วพ่อกับแม่จะไปทำไมจ๊ะ ตาประวิชมาบอกตั้งหลายวันแล้ว ท่านชายก็รู้เรื่องแล้ว"
รตีลุกขึ้น
"อย่าให้เรื่องพวกนี้มากระทบกับลูก ค่ะแม่"
"อะไรกันจ๊ะ รตี แม่ไม่เข้าใจ"
พระยาราชพรรลภเดินเข้ามาแต่งตัวสวยงาม เข้ามายืนฟัง
"ทำไมจะไม่กระทบคะ บ้านนั้นมันเหลี่ยมจัดจะตาย แม่ไม่รู้หรือคะ นังน้องสาวน่ะ ทำเป็นยั่วยวนให้ประวิชหลงรัก เทียวไปเทียวมาแทบจะบ้าตาย แล้วทำไมถึงกลายเป็นมาสู่ขอนางพี่สาวแสนจืดชืดคนนี้แทนล่ะคะ"
"เอ ประวิชมันมาบอก ก็บอกว่ารักอยู่นานแล้วนะคนนี้"พระยาราชพรรลภบอก
"ยังไงเสีย รตีก็ไม่ไว้ใจค่ะ แล้ววันนี้ท่านชายเสด็จด้วยไหมคะ"
"ไม่เห็นว่าท่านจะมานะ"
"การเจรจาเป็นเรื่องของพ่อกับแม่ ส่วนท่านชาย ท่านก็ประทานแหวนและคงจัดงานให้ด้วย ทางผู้หญิงเขาไม่ได้เรียกร้องสินสอดอะไร แต่ถึงจะเรียกมายังไง ท่านชายก็คงจะประทานให้ทั้งหมดอยู่ดี"
พระยาราชพรรลภหัวเราะขำๆ เพราะไม่ต้องจ่ายเงินอะไรเลย
"จะจัดงานวันไหน ที่ท่านชายเสด็จด้วยต้องบอกรตีนะคะ จะต้องไปขาดไม่ได้เลย"
"จ้ะ ลูกแม่ต้องเคียงคู่กับท่านชายพจน์เสมอ แม่รู้ดี"
ชื่นหัวเราะ
พระยาราชพรรลภควงคู่ชื่น เดินออกไป
รตีกัดฟันใช้ความคิดและเดินไปเดินมาพยายามตีให้ออกว่า ปริศนาจะมาฉกฉวยท่านชายไปได้ทางไหนบ้าง

ปริศนากลับจากสอนหนังสือ เข้ามาในห้องนอน อนงค์นั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ตื่นเต้น เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง เดี๋ยวดูตัวเองในกระจกให้ดูดี แต่งตัวสวย เรียบ ไร้เครื่องประดับ
ปริศนาเอาหนังสือ วรรณกรรมไทย ของ นมส. เข้ามาวางไว้ที่โต๊ะ
"อ้าว อนงค์ ทำไมไม่ลงไปข้างล่างล่ะ เห็นคุณลุง มานั่งคุยอยู่กับแม่"

"ยังลงไปไม่ได้ ต้องนั่งข้างบนนี่ก่อน เป็นเรื่องผู้ใหญ่คุยกัน"
"มีอะไรหรือ"
"วันนี้คุณพ่อของคุณประวิช กับคุณหญิง เขาจะมาทำพิธีสู่ขอ"
"พิธีเยอะจัง คนไทยนี่ แล้วประวิชล่ะ"
"ไม่กล้ามาเหมือนกัน เขาว่าทำอะไรไม่ถูก"
ท่าทางอนงค์ตื่นเต้น ผิดปกติ ปริศนาจึงจับมือพี่สาว เพื่อปลอบโยน
"อนงค์ มือเย็นเฉียบเลย"
"อือ กลัว ไม่รู้ว่ากลัวอะไร"
"ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวสักนิด"
"แล้ว ปริศนา ล่ะ ไม่ลงไปข้างล่างหรือ"
"จะลงไปทำไม ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือ อยู่เป็นเพื่อนอนงค์ดีกว่า ปริศนายืมหนังสือห้องสมุดมาด้วย"
ปริศนายกหนังสือให้ดู
"เดี๋ยวนี้อ่านโคลงกลอนแล้วหรือ"
"ต้องอ่านให้เป็น อ่านให้เก่งๆ อีกอย่าง พวกนี้ ดีมาก พูดถึงความรักน่าสนใจออก จะได้เข้าใจว่าคนไทยนี่ เขามีความรักกันแบบไหน"
"ถ้าเป็นสมัยก่อนใครพูดอย่างนี้ โดนตีตายแน่"
"กลัวอะไรกับการอ่าน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็มีความรักกันทุกคน จริงไหมอนงค์"

อนงค์พยักหน้ารับ
 
อ่านต่อหน้า 4

ปริศนา ตอนที่ 13 (ต่อ)

ภายในห้องโถง บ้านสุทธากุล

"พ่อประวิชก็มีงานมีการดี การศึกษาก็ดี คงจะเลี้ยงลูกสาวคุณนาย แม่อนงค์ได้อย่างไม่ลำบาก" พระยาราชพรรลภบอก
"การมีคู่ ดิฉันถือความรักเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องของจิตใจที่ต้องจริงใจต่อกัน มุ่งหวังสร้างครอบครัวให้ยืนยาว ดิฉันอบรมลูกมาอย่างนั้น"
"ดิฉันดีใจค่ะ ที่ราชพรรลภ จะได้มาดองกับสุทธากุลของคุณสมร และก็น่าจะหมั้นหมายกันไว้ก่อนในเร็ววัน จากนี้ไปก็คง จะต้องดูฤกษ์ยามกันให้เหมาะ เพราะงานจะต้องสมเกียรติสมฐานะนะคะ"
"ค่ะ"
สมรยิ้ม

ภายในห้องนอน ปริศนาบอก
"เมื่อไหร่ เขาจะกลับไปสักที เราจะได้ลงไปข้างล่างได้ แล้วอนงค์จะได้หยุดตื่นเต้นสักที ชักช้า เดี๋ยวหัวใจวาย"
"เมื่อคืนรู้ว่าจะมากัน พี่ก็นอนไม่หลับ ไม่รู้กลัวอะไร .. นี่ ปริศนา นึกหรือว่า พี่แต่งงานกับคุณประวิช แล้วเขาจะไม่เบื่อพี่"

"จะเบื่อได้ยังไง อนงค์น่ารักออก ประวิชคลั่งจะตายเพียง แต่หลงๆไม่รู้ตัวไปเท่านั้น เวลานี้ได้สติรู้ตัวดีแล้ว เขาจะอยู่กับอนงค์ตลอดไปละ"
"นี่ ปริศนารู้ไหม ท่านชายรับสั่งว่า ถ้าท่านแต่งงานทีหลังพี่ ท่านจะให้คุณประวิช พาพี่ไปอยู่ด้วยบนตำหนัก แล้วท่านจะช่วยปรามคุณประวิชให้ แต่ถ้าท่านแต่งงานก่อน ท่านจะปลูกเรือนเล็กให้อยู่ จะได้สบายๆ"
ปริศนาถามเสียงเรียบๆ
"ท่านจะแต่งงานกับใครล่ะ"
"ไม่รู้สิ กับรตีกระมัง"
ปริศนาหันขวับมาทันที
"ใครบอกอนงค์ ประวิชหรือ"
"ใช่ แต่เขาก็ไม่รู้แน่นะ เห็นแต่ท่านชายรับสั่งเรื่องท่านแต่งงาน คุณประวิชถามว่าใคร ท่านก็สรวล เขาก็คิดเองว่าต้องเป็นรตี เพราะเป็นพี่น้องกัน เพราะท่านเคยพูดไว้ว่าจะแต่งงานกับเจ้าด้วยกัน ถ้าเป็นคนธรรมดา ก็ต้องมีเชื้อสายเหมือนกัน ไม่งั้นท่านไม่เอา"
ปริศนาเมินหน้าไปกัดริมฝีปาก
"แต่ประวิชว่าไม่เคยเห็นท่านโปรดใคร นอกจากรตี"
"ไม่จริง"
ปริศนาเดินไปที่หน้าต่าง แล้วมองออกไปข้างล่าง
"นั่นแน่ะ เขาจะไปกันแล้ว"
อนงค์ เข้ามายืนดูข้างปริศนา
"พ่อประวิชยังไม่แก่เลยนะ แต่แม่ท่าทางหยิ่งยะโส"
"ไม่ใช่แม่ประวิชหรอก นี่คุณหญิง เป็นน้องสาวของแม่ท่านชายยังไงล่ะ เป็นแม่รตีคนเดียว"
"อ้าว"
"แม่ประวิชเป็นเมียน้อย มีลูก 3 คน มีพี่สาวคนหนึ่ง แล้วก็วิมลนี่ล่ะ คุณหญิงแกข่มเมียน้อยชะมัด หม่อมแม่ท่านชายเลยขอคุณประวิชไปเลี้ยง เลยได้กลายเป็นน้องท่านชายยังไงเล่า"
"ยุ่งชะมัด"
สมรเปิดประตูเข้ามา
"อยู่นี่กันทั้ง 2 คนเลย"
ปริศนาหันไปดูหน้าต่าง
"กลับกันหมดแล้วหรือคะแม่"
"จ้ะ เรียบร้อยหมดแล้ว ทีนี้ ก็เหลือแต่งานหมั้น กับแต่งงานเท่านั้น รอฤกษ์ที่เหมาะสม...อนงค์มีความสุขใหญ่เลยนะลูก"

อนงค์เอียงอายหลบหลังปริศนา

ตอนเย็น ชื่นเปลี่ยนชุดสบายแล้ว นั่งพัดอยู่ตรงที่นั่งประจำ มีน้ำในขันเงินข้างกาย
พระยาราชพรรลภ ก็นั่งจิบน้ำชาอยู่ข้างๆ
รตีก็นั่งคุยอยู่ด้วย ชื่นบอก
"แม่เขาก็ดูมีการศึกษาดีนะ สมกับเป็นครูมาก่อน เสียอย่างเดียว จนอย่างที่ใครๆว่ากันจริงๆ ทั้งบ้านมีรถอยู่คันเดียวแถม บุโรทั่งอีกต่างหาก"
พระยาราชพรรลภบอก
"เห็นจะไม่กระไรนักแม่ชื่น ท่านชายรับจะไปดูแลให้หมด แต่งงานกันแล้วก็ไม่น่าที่จะลำบาก"
"ก็หวังพึ่งท่านชายได้สมใจเขาแหละค่ะ"
"แล้วก็ดี ที่เขาไม่ได้ทำงานอะไร เป็นแม่บ้านจริงๆ จะได้มีเวลาดูแลลูกผัวได้ดี"
"แหม แต่ถ้าท่านชายจะให้ไปอยู่รวมกับท่าน เห็นท่าจะไม่ไหวนะคะ"
"อะไรนะคะคุณแม่"
"เห็นพ่อประวิชเขาคุยว่าจะให้ไปอยู่ตำหนัก หรือ ปลูกบ้านให้ในบริเวณอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าแต่งงานกันแล้ว"
"อูย... หน้าอย่างหน้า รตี ไม่ยอม...เอ่อ ท่านชายจะยอมให้มาอยู่บนตำหนักได้อย่างไรคะ ตาประวิช ก็ยังมีเชื้อสาย เพราะเป็นลูกคุณพ่อ แต่แม่เมียเขา"
รตีทำหน้าดูถูก
"นั่นสิ แม่ก็สงสัย ว่าท่านรับสั่งอย่างนั้นจริงไหม หรือใครเป็นต้นคิด"
"ใครคิดก็ไม่สำคัญหรอกค่ะแม่ แต่ต้องมีใครสักคนไปบอกท่านชายว่า อย่าได้ยอมเป็นอันขาด คนอย่างนั้นจะปล่อยให้มาจุ้นจ้านวุ่นวายบนตำหนักได้อย่างไร ท่านชายชอบสงสารคน ให้เกียรติคน แต่บางคนไม่สมเกียรติที่ให้"
"เราจะไปยุ่งกับท่านได้อย่างไร แล้วแต่ท่านจะตัดสินพระทัยสิ วังก็วังของท่าน"
"ก็คงต้องใช้ความเป็นน้า แนะนำท่านบ้างแหละค่ะ ท่านเรียนอยู่เมืองนอกนาน อาจจะไม่เข้าใจคนชั้นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านเจ้าคุณละก็ ดิฉันไม่ไปด้วยหรอก"
"จ้ะ ต้องขอบใจ แม่ชื่นที่ดูแล บุตรสืบสกุลของฉัน บังเอิญ ลูกผู้ชายก็มีอยู่เพียงคนเดียว จำเป็นจะต้องดูแลให้ดีที่สุด โชคดีของประวิชที่ท่านชายทรงเมตตา"
"แม่คะ อย่าลืมนะคะ อย่าให้เมตตาคนอื่นจนองค์เองต้องเดือดร้อน"
"จ้ะ แม่ไม่ลืม"
ชื่นพยักหน้ายืนยันคำพูดตัวเอง

วันใหม่ ปริศนานอนอ่านหนังสือ วรรณกรรมอยู่บนเตียง เอียงบ้าง ตะแคงบ้าง คว่ำหน้าบ้าง จำเนียรเดินเข้ามา

"คุณปริศนาคะ คุณแม่ให้มาตามไปรับประทานอาหาร"
ปริศนายังไม่สนใจ ไม่ได้ยิน
"คุณปริศนาคะ อาหารกลางวันตั้งโต๊ะ แล้วค่ะ ทุกคนพร้อมอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว"
ปริศนาหันมา ยังงงๆ เพราะไม่ได้สนใจฟัง และจำเนียรพูดยาว
"หือ อะไรนะ"
"คุณแม่ให้มาเรียนเชิญลงไปกินข้าวค่ะ เขานั่งโต๊ะกันหมดแล้ว จะรับประทานกันอยู่เดี๋ยวนี้ค่ะ"
ปริศนาพยักหน้า
"อ้อ... จ้ะ"
ปริศนาเดินเอาหนังสือมาไว้ที่โต๊ะหนังสือ เอาที่คั่นหนังสือที่เสียบๆไว้แถวนั้นมาคั่นหนังสือ แล้วรีบเดินตามจำเนียรออกไปจากห้อง

ปริศนาเดินลงบันไดมาอย่างเร่งรีบ แต่หน้ายังมึนอยู่ด้วยสมองยังอยู่กับหนังสือที่อ่านเมื่อสักครู่
ปริศนามาจนถึงหน้าประตูห้องอาหาร ปริศนามองอย่างมึนๆเข้าไปในห้อง คาดหวังว่าจะพูดกับแม่และอนงค์ยังไงดี แต่แล้วปริศนาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชา ประวิชและนพก็นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว กำลังจะเริ่มกินแล้วด้วยปริศนาหุบปาก หลบตาลงต่ำ ก้มหน้า เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่าง ไม่มองหน้าใครเลยเพราะรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่พร้อมที่จะเจอแขก
ประวิช ท่านชาย และนพมองปริศนาอย่างเอ็นดูถึงนึกขำ
สมร มองปฏิกิริยาของบรรดาแขก แล้วมองที่ลูกสาว ปริศนาก้มหน้าดูจานข้าวอย่างสนอกสนใจ ซึ่งจำเนียรกำลังตักข้าวใส่จานให้
สมรกระแอม
"ปริศนา ลูกจะไม่ทักทายใครเลยหรือ"
ปริศนาช้อนตาขึ้นมองดูท่านชายที่มองมาตรงๆ มีรอยยิ้มอย่างเอ็นดูมากๆอยู่ในดวงตา
ปริศนาหลบตาอีกครั้ง ยกมือไหว้อย่างรวดเร็ว
"ไม่ทันเห็นค่ะ เอ้อ...เห็นเหมือนกัน แต่นึกว่าตาฝาด เพิ่งลุกจากที่นอนมาใหม่ๆ"
ประวิช ยิ้ม และยั่วแหย่อย่างกันเอง
"ไม่ต้องบอกหรอกคุณ ใครๆเขาก็รู้ถมเถ ดูหัวหูเข้าสิ"
ปริศนารู้สึก เป็นกันเองมากขึ้น ไม่มีบรรยากาศ แข็งเกร็ง อย่างในตอนแรก
"อ้อ ประวิช มาด้วยหรือ คุณนพ ไปเรียนไม่ใช่หรือ ทำไมกลับเร็ว"
"ผมเรียนแต่ตอนเช้า"
ปริศนา เริ่มตักอาหารมาใส่จานตนเอง ท่านชายก็ช่วย ตักกับข้าวอย่างอื่นใส่จานให้
ปริศนาขมุมขมิบปากขอบพระทัย แต่ไม่มีเสียงออกมา
ประวิชมองปริศนาขำๆ เพราะฟอร์มผิดไปจากเดิม

"บ่นอะไรน่ะปริศนา ด่าประวิชรึเปล่า"
ปริศนาตวัดสายตามองประวิช มีแววเอาเรื่อง กวนๆ
"เฮ่ย หาเรื่อง ปริศนาท่องคาถาต่างหาก"
ท่านชายอมยิ้มมองปริศนาอย่างเอ็นดู อยากรู้เหมือนกันว่าปริศนาจะไปได้ถึงแค่ไหน
"ท่องว่าอะไร"
ปริศนาอึ้งไปนิด เพราะรู้ตัวว่าท่านชายลองดี แล้วจึงท่องยาวออกมาอย่างคล่องแคล่ว
"อิมัสมิงริมฝั่ง อิมังปลาร้า กุ้งแห้งแตงกวา อีกปลาดุกย่าง ช่อมะกอก ดอกมะปราง เนื้อย่างยำมะดัน ข้าวสุกค่อนขัน น้ำมันขวดหนึ่ง น้ำผึ้งครึ่งโถ ส้มโอแช่อิ่ม ทับทิม 2 ผล เป็นยอดกุศล สังฆัสสะเทมิ"
ระหว่างปริศนาท่อง ทุกคนหันมามองปริศนาอย่างแปลกใจ แล้วก็ขำต่างระดับกันไป
ประวิชหัวเราะดังกว่าเพื่อน
"ไปจำมาจากไหนนั่น"
"ไม่รู้หรอกหรือ สุนทรภู่ยังไง"
ท่านพจน์ทึ่งๆ
"กำลังศึกษาสุนทรภู่อยู่หรือ"
"เห็นปริศนาศึกษาทุกอย่างเพคะ ตั้งแต่กลับจากอยู่โรงเรียน หาหนังสือกลอนมาอ่าน ไม่เว้น แล้วท่องออกมาได้ยาวๆ" อนงค์บอก
"บทกลอนดีจำได้ง่าย เก่งภาษา แล้วยังเข้าใจรากของเราได้ดี"
"คราวนี้ คล่องเลยเพคะ" สมรบอก
ปริศนาหันไปมองท่านชายตรงๆ
"วันนี้มา คุยกันเรื่องงานหมั้นของอนงค์ หรือเพคะ"
ท่านชายก้มเศียรรับ
"จะจัดงานที่บ้านฉัน กะว่าจะเชิญเฉพาะญาติสนิทกับเพื่อนบ้าน สิรี จะกลับมาด้วยไหม"
"ได้กำหนดวัน แล้วจะรีบโทรเลขแจ้งไปค่ะ ไม่แน่ใจ อาจจะเป็นห่วงอุบล ใกล้คลอดเหลือเกิน"
"มีพิธีหมั้น แล้วก็งานฉลองนิดหน่อย ผู้ใหญ่ฝ่ายประวิช ก็เป็น ท่านเจ้าคุณกับน้าชื่น ทางคุณอนงค์ก็เป็นคุณแม่ เห็นควรเชิญท่านใดที่สนิทสนมกัน ก็แบ่งกันเชิญไป ส่งชื่อมาด้วยแขกจะได้ไม่ซ้ำกัน สักไม่เกิน 50-60 คน ดีไหม"
"ที่สำคัญ คือต้องไปหาฤกษ์ก่อน"
"ปรึกษาป้าสร้อยสิ ท่านรู้จักอาจารย์ดีๆอยู่ หาฤกษ์ที่ดี ที่ใกล้ที่สุดใช่ไหม"
อนงค์ก้มหน้าอาย
"คราวนี้อนงค์ก็จะมีคู่หมั้น โก้แล้ว"

ประวิชมอง ปริศนายักคิ้วตอบ

ปริศนาและนพ นั่งบนเสื่อ ที่วางของ กระติกน้ำ และเครื่องมือวาดรูป กระดาษสเก็ตซ์ติดกระดานไม้ 1 ชุดมีเฟรมตั้งอยู่บนขา เฟรมหนึ่ง ท่านชายนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ห่างนัก

นพกำลังเตรียมอุปกรณ์วาดรูป ปริศนาเอากระดานสเก็ตซ์ มาร่างๆเป็นรูปท่านชาย ทำไปเรื่อยๆ
"กระหม่อมคิดเรื่องการไปเรียนต่อเมืองนอกเสมอขอรับ ถ้าจะเรียนสถาปัตย์แบบสมัยใหม่ เพื่อให้เข้าใจระบบต่างๆของเขา ได้เห็นของจริง"
"นพไม่ไปอยู่กับพี่ชายเล่า"
"อานนท์จวนจะกลับอยู่แล้วขอรับ"
"คุณนพ สอบชิงทุนไปสิ"
"กำลังคิดเหมือนกันปริศนา ต้องเตรียมตัวมากอยู่ ... กระหม่อมลืมเอาสีลงมา ขออนุญาตไปเอาที่บ้านแป๊บเดียว ฝ่าบาท"
นพวิ่งออกไปทางประตูหลัง ที่ทำระหว่างบ้านปริศนากับบ้านนพ ท่านชายมองที่ปริศนาทำอยู่
"นั่นเธอวาดอะไรปริศนา"
ปริศนาส่งรูปให้ดู เป็นสเก็ตช์หยาบๆรูปท่านชาย ท่านชายพจน์ดูแล้วก็ส่งคืนให้
"ไม่ได้พบกันนาน เธอสบายดีหรือ"
"สบายดีเพคะ ขอบทัย"
ปริศนาหันมาสนใจการวาดรูปต่อ เงยหน้ามาดูท่านชายเป็นครั้งเป็นคราว
"ดีใจไหม ที่อนงค์จะได้แต่งงานกับประวิช"
"ดีใจสิเพคะ ทำไมจะไม่ดีใจ"
"ฉันก็ดีใจ ... แล้วเมื่อไหร่เธอจะแต่งงานบ้างล่ะ ปริศนา"
ปริศนาไม่เงยหน้าขึ้นมา ยังคงทำงานไปเรื่อยๆอย่างไม่สนใจคำถามนั้น
"ไม่แต่งหรอกเพคะ"
"ยังหาเศรษฐี ไม่ได้หรือ"
ปริศนาเงยหน้าขวับ คำพูดแรงๆ มาจ่ออยู่ริมฝีปาก แต่ปริศนาหยุดชะงัก เพราะท่านชายส่งแววตาล้อเลียนมายังปริศนา ตาต่อตาสบกัน
ปริศนาเปลี่ยนใจ เม้มปาก ก้มหน้าลงวาดรูปต่อไป แต่มือสั่นด้วยอารมณ์ นพกลับเข้ามาพอดี นั่งลงข้างๆปริศนา และวางสีที่ไปเอามาลง
ทันใดนั้น นพ ก็เห็นรูปที่ปริศนากำลังวาดอยู่
"อ้าว นั่นวาดอะไรน่ะปริศนา เราไม่ได้จะวาดรูปท่านชายแข่งกันหรอกหรือ"
"วาดไม่เป็นหรอกรูปเจ้านาย เดี๋ยววาดไม่เหมือนจะว่าเอา วาดรูปผีทะเลดีกว่า"
ปริศนาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ แต่หน้ายังโกรธอยู่ ท่านชายหน้าเฉยเรียบ แต่ชักจะมีทิฐฐิขึ้นในใจ
"แล้วนพล่ะ จะวาดไหม ถ้าไม่วาด ฉันจะได้กลับ ไปรับน้องหญิงที่โรงเรียน"
นพชักงง มองดูปริศนา รู้ว่าอารมณ์ตอนนี้ไม่ดีเหมือนก่อนแล้ว

"ฝ่าบาทรีบเด็จหรือ? งั้นวันนี้อย่าพึ่งเลย กระหม่อมวาดไม่เร็วเท่าปริศนา เอาไว้วันหลังเถิดฝ่าบาท"
ท่านชายพจน์ยืนขึ้นทันที
"ดีแล้ว ฉันจะได้กลับเสียที ลาก่อนนายช่างทั้ง 2 "
นพขยับจะลุกขึ้น ท่านชายยกมือห้ามไว้
"ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ฉันกลับออกไปเองได้"
นพยกมือไหว้ลา ท่านชายรับไหว้ แล้วมองมาที่ปริศนาที่ก้มหน้า เขี่ยผีทะเลอยู่
ท่านชายยิ้มอย่างนึกขันความงอนของปริศนา แล้วเดินจากไป
"ท่านชายนี่ดีจังนะ" นพว่า
"ดียังไง"
"รวย โก้ พระทัยดี เก่ ฉลาด ท่านสนใจสนับสนุน เรื่องเรียนหนังสือทุกอย่าง ท่านอยากให้คนไทยเก่งๆ จะได้มาช่วยกันพัฒนาชาติ"
"หึ... รู้จักกันคนละอย่าง ปริศนาอาจจะเห็นว่าท่านหยิ่งยะโส เรื่องมาก จุกจิก ก็ได้นะ"
"โอ้โห....อย่างกับเป็นคนละคน ทีเดียวนะปริศนา"
นพหัวเราะ ปริศนายิ้มโหดๆ

อีกวันหนึ่ง สมรถือจดหมายจากสิรีอยู่
"ตกลงว่าสิรี ไม่กลับมางานหมั้นของอนงค์" ปริศนาว่า
"เสียดายจริง" อนงค์บอก
"แม่เห็นใจสิรี คงยังทำใจลำบาก คนที่ผิดหวังในความรักมากๆ อาจจะทำใจเห็นคนแสดงความรักกันได้ลำบาก" สมรบอก
"โธ่ สิรี"
"เลยไม่มีใครเย็บเสื้องานหมั้นให้อนงค์เลย สิรี จะรอไปเย็บเสื้อแต่งงานในคราวเดียว"
"ไม่ขอให้พี่นงลักษณ์ช่วยเล่า" ปริศนาแนะ
"ยังไม่ต้องหรอกปริศนา งานหมั้น แขกไม่กี่คน ประเดี๋ยวพี่เย็บเอง"
"อื๋อ เจ้าสาวต้องสวยสิ มัวนั่งเย็บผ้า"
"ก็อาจจะรบกวนร้านพี่นงลักษณ์เย็บซิ่นให้ เสื้อ ก็ง่ายๆ ซื้อผ้ามาแล้ว ว่าแต่ปริศนา จะใส่ชุดอะไร"
"ชุดเก่าได้ไหม ที่คุณอาส่งมาให้ เสียดายจัง ที่สิรี ไม่อยู่เสีย เลยไม่รู้ว่ายายรตี จะแต่งอะไร"
แล้วอนงค์กับปริศนาก็หัวเราะกัน

วันใหม่ บริเวณริมน้ำ หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชายืนอยู่ท่ามกลางการเตรียมงานขั้นสุดท้าย ถังไอศกรีมถูกลำเลี้ยงมาวาง ที่บาร์ไอศกรีม มีช่วงแชมเปญบาร์ และสวนสวยโดยรอบ
รตีแต่งชุดงดงามเดินเข้ามาหา
"ท่านชาย เสด็จมาอยู่นี่เอง"

"อ้อ รตี มาเร็วทีเดียว"
"มาช่วยท่านชายอย่างไรเพคะ แปลกใจว่าทำไม เขาไม่มาทำพิธีหมั้นกันที่นี่"
"ทางเจ้าสาวเขาอยากให้เรียบง่าย แค่สวมแหวนเท่านั้น แล้วค่อยมาเลี้ยงฉลองกันที่นี่"
"งานที่ศิลาขาว ทรงเมตตาประวิชมากทีเดียว น่าชื่นใจแทนเจ้าสาวนะเพคะ"
ท่านชายยิ้ม แล้วเดินไปดูงานต่อไป รตีเดินตีคู่ไปไม่ห่าง

ห้องโถงบ้านสุทธากุลถูกจัดใหม่ เก้าอี้รับแขก ถูกนำมาวางให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนั่ง ปริศนานั่งที่พื้น ด้านหลังของอนงค์ ระหว่างอนงค์ กับประวิช มีพานประดับดอกไม้สวยงาม ด้านบนวางกล่อง กำมะหยี่มีแหวนเพชรเม็ดเล็กวางอยู่
ประวิชทำท่าประหม่าเขินอาย อนงค์ก็เช่นเดียวกัน
"พระท่านให้เวลามา ฤกษ์งามยามดี ต้องตรงเวลาเป๊ะๆ เชียวนะ นี่สวมแหวนเสร็จแล้ว ก็จะไปที่วังศิลาขาวเลยใช่ไหมคะ คุณสมร"
"คงจะปล่อยประวิชกลับไปก่อน เราจะตามไปตอนค่ำค่ะ"
"งานครั้งนี้ เราช่วยกันทั้งครอบครัวจริงๆ ไม่ให้เสียชื่อราชพรรลภ นี่แม่รตี ก็ออกไปตั้งแต่บ่าย ว่าจะไปช่วยท่านชายดูแลงาน" ชื่นว่า
ปริศนาหูผึ่งทันที
เข็มนาฬิกาเคลื่อนเข้า เป็นเวลา 4 โมงเย็นพอดี เสียงนาฬิกาตีบอกเวลา สมรพยักหน้า ให้ประวิช
"สวมแหวนหมั้นได้เลย" ชื่นว่า
ประวิช มือสั่นหยิบแหวนจากพานขึ้นมา อนงค์ยกมือขึ้นให้ประวิชสวมแหวน อนงค์สะเทิ้นอาย ประวิชยังจับมืออนงค์ไว้ ปริศนาชะโงกหน้าออกไปหาประวิช
"จูบคู่หมั้นสิ"
ประวิชหัวเราะ ไม่กล้า หอมแก้มอย่างที่ควรจะเป็น ได้แค่ยกมืออนงค์ขึ้นจูบ แล้วก็หันไปกราบพ่อกับชื่น แล้วกราบสมร อนงค์ก็ทำเช่นเดียวกัน แต่พอกราบแม่ สมรก็ดึงตัว อนงค์มาหอมแก้ม น้ำตาคลอ แล้วก็กอดอนงค์ไว้ด้วยความรัก
ปริศนากอดอนงค์ไว้ และส่งผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้ แล้วปล่อยให้อนงค์ซับน้ำตาไป

แล้วปริศนา ก็ไปขอจับมือกับประวิช และเขย่าอย่างดีใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น