เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 5
โสภณกับมีเดินเข้ามาในโรงงานติดตั้งเครื่องจักร มีหอบผ้าห่มหมอนมาหลายชุด พอเข้ามาในบ้าน มีก็เดินเอาผ้าห่มไปไว้ในห้อง โสภณเดินไปหาอานนท์ที่นั่งพักอยู่
"มีบอกว่าคุณนนท์จะอยู่ทำงานกลางคืนด้วย นายตวันเลยให้ผมนำเครื่องนอนมาให้เจ้าหน้าที่ครับ"
"คืนนี้ผมอยากประกอบมอเตอร์ให้เสร็จ"
ลูกน้องพากันมองหน้าพอรู้ว่าจะทำงานกลางคืน โสภณแปลกใจยิ้มเอาใจ
"พักผ่อนก่อนไม่ดีเหรอครับ...ผมเห็นพวกคุณทำงานไม่ได้หยุดทั้งวันแล้ว"
"ผมอยากรีบทำให้เสร็จเร็วๆ ครับ…เรายังต้องเสียเวลาลองเครื่องจักรอีกหลายเที่ยว ถ้าติดตั้งช้ากว่าจะใช้งานได้อีกนาน คุณจะเสียเวลาเปล่าๆ"
"ผมไม่รีบร้อนขนาดนั้นครับ ออเดอร์ช่วงนี้ยังไม่มาก นายตวันจัดห้องพักให้คุณอานนท์ที่บ้านใหญ่...
ถ้าคุณนนท์ยังไม่กลับไปพร้อมผม...ผมจะให้มีมารับ"
อานนท์เม้มปาก
"ขอบคุณนายตวันกับคุณโสมากครับ...แต่ผมขอพักที่นี่ดีกว่าจะได้สะดวกทำงานด้วย"
"แล้วแต่คุณอานนท์ก็แล้วกันครับ ผมจะให้มีอยู่ที่นี่ด้วย ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกได้เลยครับ"
"ขอบคุณมากครับ"
มีเดินออกมาจากห้องนอน โสภณหันไปสั่ง
"มี…คืนนี้นอนที่นี่นะ คอยดูของอย่าให้ขาดล่ะ"
"ครับนาย...ผมขอไปเอาปิ่นโตข้าวเย็นมาให้นายช่างก่อนนะครับ"
"ไปด้วยกันเลย"
โสภณกับมีพากันเดินออกไป
ลูกน้อง 1บอก
"ติดมอเตอร์คืนนี้เลยเหรอครับ...ต้องขอไฟมาเพิ่มนะครับเพราะมันมืดมาก"
ลูกน้อง 2 บอก
"เอาไว้ทำกลางวันไม่ดีกว่าเหรอครับ...มืดๆ ผมกลัวติดน็อตผิด"
"ผมติดให้เอง...ผมอยากทำให้เสร็จเร็วๆ"
ลูกน้องอานนท์ พากันมองหน้ากัน
ตวันเดินมาที่โต๊ะอาหารที่จัดชุดอาหารไทยไว้เรียบร้อยแล้ว โสภณนั่งรออยู่
"เย็นนี้เราทานกันสองคนเหรอลูก" ตวันถาม
"น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ คุณอานนท์ขออยู่ทานกับลูกน้องครับ"
ตวันยิ้ม
"แม่ก็คิดอย่างนั้น...เลยให้เค้าจัดอาหารไปที่โรงงาน... แล้วสุล่ะ"
"เอาแน่กับเค้าไม่ได้ นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปซะเฉยๆ"
"แม่ว่าท่าทางสุจะไม่ค่อยชอบคุณอานนท์เลยนะ"
"แม่ก็คิดเหมือนกันเหรอครับ...ผมนึกว่าผมสังเกตอยู่คนเดียว"
สุชาดาเดินเข้ามาอย่างร่าเริง
"กลิ่นมัสหมั่นลอยไปถึงหน้าบ้าน...มาได้เวลาพอดี"
สุเดินมาลงนั่งทีโต๊ะอาหารด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"พูดถึงก็มาพอดี" ตวันบอก
โสภณตักข้าวเสิร์ฟ
"ใครไปทำอะไรถูกใจมาล่ะ...หน้าบานมาเชียว"
สุชาดาทำไม่รู้ไม่ชี้
"ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย สงสัยดีใจได้กินข้าวเราสามคน"
โสภณมองหน้า
"ไม่ชอบคุณอานนท์ขนาดนั้นเลยเหรอ"
สุชาดาชะงัก
"เปล่านี่"
"อย่ามาปฏิเสธ สุน่ะไม่ยอมมาทานข้าวเวลาคุณนนท์อยู่ มีอะไรเหรอ"
"เอ้อ….ไม่อยากพูดถึง"
ตวัน กับ โสภณหยุดทานข้าว ทั้งสองคนมองหน้าสุชาดาด้วยสีหน้าที่เป็นคำถาม...สุชาดามองแล้วก็ถอนใจ
"เล่าก็ได้....นายอานนท์นี้แหละเป็นคนที่ทำให้ลีน่าเสียใจ จนหนีกลับไปเดนมาร์ค"
"ลีน่า"
"ลีน่าที่เคยเรียนที่ปีนังกับสุน่ะเหรอ" ตวันถาม
"ใช่ค่ะแม่...ลีน่าคบหากับนายอานนท์พักหนึ่ง...จนจะแต่งงานกันแล้ว จู่ๆ นายนนท์ก็หายเงียบ...ไม่ยอมติดต่อกับลีน่าอีกเลย คิดดูสิคะแม่...ใจร้ายแค่ไหน"
"สุก็เลยโกธรแทนลีน่าที่โดนคุณนนท์ทิ้งไป"
"โธ่แม่คะ...ลีน่าน่ะทุกข์โศกเพราะนายอานนท์นี่จนแทบจะล้มป่วย"
โสภณถาม
"แล้วป่วยหรือเปล่าล่ะ"
"ก็ไม่รู้...แต่เค้าทนอยู่เมืองไทยไม่ได้ ก็เลยไปอยู่กับพ่อที่เดนมาร์ค สุก็เลยไม่ได้เจอลีน่าอีกเลย เพราะนายนนท์เชียว"
"แม่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ก่อนที่เราจะตัดสินอะไร เราต้องฟังทั้งสองด้าน สุฟังแต่ลีน่า แล้วสุเคยรู้เหตุผลของคุณอานนท์บ้างมั้ย"
สุไม่ยอมรับ
"นายอานนท์น่ะเป็นคนเจ้าชู้ คิดจะจีบก็จีบ เบื่อก็ทิ้ง เป็นผู้ชายประเภทไม่รับผิดชอบ"
"แต่ลีน่าก็ไม่เลวนะ...จำได้หรือเปล่าที่ลีน่าเคยมาชอบเพื่อนโสที่เคเแอลน่ะ จี๋จ๋ากันน่าดู แต่พอพ่อเค้า
ล้มละลายลีน่าก็หายไปเลย"
"ตอนนั้นเค้าแค่คบกันแค่เป็นแฟน ยังไม่คิดจะแต่งงานกันเลย"
"ทีอย่างนี้ละเข้าข้าง...โสว่าคุณอานนท์น่ะ โชคดีแล้วที่ไม่ได้แต่งงานกับลีน่า"
สุชาดาตาเขียว
"ทำไม…เพื่อนสุไม่ดียังไง"
"สุก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเพื่อนสุแต่ละคนเป็นยังไง"
สุใช้ความคิดกับภาพย้อนอดีตวันเธอเจออานนท์ยืนหน้าซีดในร้านอาหาร
"เค้าไม่คิดถึงข้อดีบ้างเหรอคะ ลีน่ามีหลายอย่างที่น่ารัก"
สุชาดาใช้ความคิด...
ท่ามกลางบรรยากาศสดใสในสวนมะพร้าวตอนเข้าในสวนคลองน้ำวน อานนท์ยืนจิบกาแฟอยู่ริมน้ำสีหน้าสบายๆ มองไปรอบๆ อย่างสบายใจ สุชาดาเดินมากับสนม อานนท์เห็นก็เปลี่ยนจากสีหน้าเรียบเฉย สุชาดาแต่งตัวทะมัดทะแมงใส่หมวกเหมือนเด็กผู้ชาย ทั้งสองหันมาเจอกัน ต่างชะงักนิดหนึ่ง อานนท์ก้มหัวเป็นเชิงทักทายอย่างมีมารยาทให้ เธอยืนมองนิ่งแล้วเดินไปกับสนม อานนท์เดินกลับไปทางบ้านพัก
สุชาดาเดินคุยมากับสนมตามทางเดินในสวน
"ฉันว่าคุณไม่น่าทำท่าอย่างนั้นกับนายช่างหรอกนะ"
"ฉันไม่ได้ทำท่าอะไรสักหน่อย...ฉันอยู่ของฉันเฉยๆ"
"แต่ไอ้ท่าเฉยๆ ของคุณดูแล้วไม่มีใครอยากพูดด้วย"
"นั่นแหล่ะที่ฉันต้องการ...ฉันไม่ได้อยากพูดคุยกับนายอานนท์ ไม่มีเรื่องต้องพูด ถ้าจะพูดเรื่องงานก็ให้
แม่กับโสพูดกับเค้า...แล้วฉันก็ไม่รู้เรื่องเครื่องจักรอะไรนั้นด้วย"
สนมยิ้มๆ
"คุณนี่รั้นจริงๆ โตแล้วยังไม่หายอีกเหรอ ไม่ดีน่า เป็นผู้หญิงหัวดื้อไม่น่ารัก"
สุชาดาหยุดเดินหรี่ตามองสนม
"รู้จักจะมาสอนเรื่องน่ารัก ไม่น่ารักกับเขาด้วย...แล้วทีตัวเองล่ะ ฉันจะไปถามเนตรดีไหมว่า หนมดื้อหรือเปล่า"
สนมยิ้มแป้น
"ถึงเป็นเพื่อนกับคุณไง อย่าไปถามมันนะ...ขี้เกียจฟังมันบ่น"
ทั้งสองคนหัวเราะ เดินกอดคอกันไป....
อานนท์กำลังประกอบเครื่องจักรกับลูกน้อง 4 คน
"เหล็กคานยึดมอเตอร์ตัวมุมอยู่ที่ไหน"
ลูกน้อง 1บอก"อยู่ในหีบหรือเปล่าครับ"
"ไม่มี….ผมว่าอุปกรณ์มันดูไม่ครบนะ"
ลูกน้อง 2 บอก"นั่นสิครับ...แหวนยึดสายพานก็ยังไม่ครบ"
"ขอดูเอกสารหน่อย"
ลูกน้องเอาเอกสารปึกหนาเป็นภาษาอังกฤษมาส่งให้ อานนท์ค่อยๆ ดูอย่างละเอียด..
"ของไม่ครบจริงๆ ด้วย…ต้องเข้าไปที่ออฟฟิสแล้วละ... ในเอกสารนี่ก็บอกไว้ว่าตัวคอยด์ กับ คานมอเตอร์จะส่งตามมา ผมไม่ละเอียดเองที่ดูไม่ครบ"
ลูกน้อง 1 รับอย่างอายๆ
"ผมผิดเองครับ...ที่อ่านไม่ดี"
"จะโทษพวกคุณไม่ได้หรอก...พวกคุณสองคนกลับไปบริษัทไปเอาของมา ไม่ต้องรีบเพราะงานทางนี้ยังทำไปได้ มะรืนค่อยเอามาก็ได้"
ลูกน้อง 2 บอก"พี่ไปดีกว่าครับ จะได้กลับไปพักบ้าง ทางนี้พวกผมจะประกอบตัวซีลเครื่องรอไว้"
อานนท์นิ่งคิด
"ก็ได้… ของที่เหลือคงส่งมาถึงแล้ว...ผมจะรีบมาแต่เช้าวันจันทร์"
อานนท์ขึ้นเรือไปกับคนขับ เรือยนต์ขับออกไป เมื่อถึงท่า อานนท์กล่าวขอบใจก่อนก้าวขึ้นท่า เขาขับรถกลับมาที่บ้าน เห็นรถตระกลจอดอยู่ อานนท์ไม่ได้คิดอะไรเดินเข้าบ้านไป เจอตระกลกำลังนั่งปั้นบัวลอยเป็นลูกเล็กๆ ใส่กระด้งปูผ้าขาวบาง อานนท์เห็นก็หัวเราะ
"ทำอะไรน่ะตระกล"
ตระกลเงยหน้ายิ้มอายๆ
"อ้าว…กลับมาแล้วเหรอ"
อานนท์เดินมาหยิบเม็ดบัวลอยที่ตระกลปั้นใส่กระด้งมาดู
"ทำอะไรของนาย"
ตระกลหยิบเม็ดบัวลอยคืนมาจากมืออานนท์
"อย่าเล่นซิ...ช่วยคุณนงลักษณ์ทำขนมบัวลอย...พี่สมรจะไปทำบุญก็เลยทำขนมไปถวายพระด้วย"
อานนท์หัวเราะ
"แหม…ท่าทางนายทำขนมคล่องจริงนะ อย่างนี้ก็เบาแรงนงลักษณ์ได้เยอะนะซิ"
ตระกลเขิน
"กันเห็นเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียว ก็นายไม่ค่อยอยู่ ก็เลยแวะมาดู"
อานนท์ไม่ได้สนใจ เดินไปหยิบน้ำมาดื่ม
"ดีมาก...ฝากบ้านด้วยนะตระกล งานที่โน่นคงอีกหลายวันกว่าจะเสร็จ"
"แล้วงานเป็นไงบ้าง...เรียบร้อยดีไหม"
"ก็ดี…แต่ยังขาดอุปกรณ์บางตัว มะรืนคงกลับไปที่โน่นอีกที"
"เจ้าของโรงงานเป็นไงบ้าง"
"ดีมาก...เป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง ดูแลกิจการในสวนใหญ่โตกับลูกสองคนเท่านั้น...แต่ลูกชายคนเล็กนี่...ท่าทางเหมือนไม่เต็ม"
ตระกลหัวเราะ
"ไม่เต็มยังไง"
"บอกไม่ถูก...เหมือนเค้าเกลียดขี้หน้าฉันยังไงไม่รู้...ชอบพูดกระแนะกระแหนยังกะกระเทย...น่ารำคาญ"
"ไปรำคาญลูกเค้าเดี๋ยวแม่เค้าก็ไม่พอใจหรอ"
"ก็ห้ามใจไม่ให้มีเรื่องอยู่ แต่ทำมากวนบ่อยๆเดี๋ยวพ่อดีดตกน้ำ"
อานนท์หัวเราะสนุก ตระกลก็เลยหัวเราะไปด้วย นงลักษณ์ถือหม้อใส่กะทิเดินเข้ามา
"คุณนนท์ทานข้าวมาหรือยังค่ะ"
"ทานมาแล้วละจ้ะ...นี่น้องใช้เพื่อนพี่ทำขนมทุกวันหรือเปล่า"
นงลักษณ์ยิ้ม พยายามไม่อาย
"ไม่หรอกค่ะ บางวันใช้ให้ทำกับข้าว"
ตระกลพยายามพูดเป็นเรื่องตลก
"อีกหน่อยกันเปิดร้านอาหารได้เลยละ"
นงลักษณ์เดินไปหยิบการ์ดเชิญมาส่งให้อานนท์
"มีคนเอาการ์ดเชิญมาให้คุณนนท์ค่ะ"
อานนท์รับมาเปิดดู
"วันเกิดวนิดา วันนี้นี่ ตายละตระกล กันไปรับปากวนิดาว่าจะไปวันเกิดเค้า"
"ก็รีบไปซิ...เพิ่งจะห้าโมงเย็น"
อานนท์ครุ่นคิด...
เวลาค่ำ วนิดาแต่งตัวสวยนั่งคอยอานนท์ ภายในบ้านตกแต่งสวยงาม ประภาเดินมามองวนิดาอย่างสงสาร
"ดาแน่ใจเหรอลูก...ว่าคุณอานนท์จะมา"
"คุณนนท์เค้ารับปากแล้วต้องมาค่ะ"
"วันเกิดทั้งที...ดากลับเชิญคุณนนท์แค่คนเดียว"
"ก็คุณนนท์เค้าคิดว่าดาจะเชิญเพื่อนมาหลายคน...ดาอยากให้เค้ารู้ว่า...เค้ามีความหมายกับดามากที่สุด มันเป็นวิธีบอกใบ้ที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหมคะคุณอา"
ประภาสีหน้าเป็นห่วง สาวใช้เดินถือห่อของขวัญเข้ามา
"คุณอานนท์ให้เอามาให้คุณดาค่ะ"
วนิดาดีใจมาก รีบรับของขวัญมา
"คุณนนท์อยู่ไหน"
"คุณนนท์ไม่ได้มาค่ะ...ให้สามล้อเอามาให้"
ประภาตกใจ วนิดาทำหน้าผิดหวัง
"แน่ใจนะว่าคุณนนท์ไม่ได้มา"
"หนูไม่เห็นมีใครมานี่คะ...สามล้อพอส่งของก็กลับไปแล้ว"
วนิดารีบวิ่งออกไป... ไม่เห็นใครเลย ถนนหน้าบ้านที่ว่างเปล่า ประภารีบเดินมาหา วนิดาน้ำตาไหล
"เค้าไม่มา...เค้าไม่มา"
"คุณนนท์คงไม่นึกว่าดาจะเชิญแต่เขาคนเดียว...ถ้าเขารู้เค้าก็คงมา"
"แต่เค้ารับปากแล้ว"
"เค้าอาจจะงานยุ่งก็ได้...อาคิดออกแล้ว...เราลองโทร.ไปชวนคุณโกศลมาทานข้าวดีไหมลูก"
วนิดาวิ่งปิดหน้าร้องไห้ไป
อานนท์ชูแก้วน้ำชาให้ตระกลกับนงลักษณ์
"ขอดื่มให้กับความสุขของพวกเรา"
"ความสุขอะไรคุณนนท์"
"ก็ความสุขที่ได้มากินบะหมี่นอกบ้านนี่ไง...พี่ถือว่าพี่ประสบความสำเร็จที่พาน้องออกมาทานข้าวนอกบ้านได้" อานนท์ชี้ไปที่ตระกล "นี่เพราะมีนายช่วยเกลี้ยกล่อมด้วยนะตระกล"
"ก็ฉันเห็นคุณนงลักษณ์เหนื่อยทำขนมทั้งวันแล้ว อยากให้ออกมาพักผ่อนทานข้าวนอกบ้านบ้าง แต่ไม่คิดจะมาทานบะหมี่อย่างนี้"
"ร้านบะหมี่อย่างนี้ฉันอยากมานั่งทานนานแล้วค่ะ"
ตระกลมองนงลักษณ์อย่างปลื้มใจมาก
"เห็นไหม...นายรู้จักน้องฉันน้อยไป เค้าขอแค่ความสุขใจ ไม่จำเป็นต้องหรูหราหรอก"
ตระกลมองนงลักษณ์จนเขิน
"แล้วนี่คุณวนิดาจะไม่โกรธคุณนนท์เหรอคะ...ที่ส่งไปแต่ของ ตัวไม่ไป"
อานนท์กินบะหมี่แล้วโบกมือไม่สนใจ
"โอ้ย...เค้าไม่มาสนใจหรอก ป่านนี้คงสนุกสนานกับบรรดาหนุ่มๆ ที่มารายล้อมเค้าแล้วมั้ง ต้องขอบใจน้องสำหรับผ้าผืนสวยนั้น"
"เมื่อวานไปซื้อผ้ากับสิรีมาหลายผืนค่ะ...ก็เลยแบ่งให้คุณวนิดาได้"
"พี่จะจ่ายค่าผ้าให้น้องเองจ้ะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ...แค่คุณนนท์พาน้องออกมาหาของอร่อยๆ ทานบ่อยๆ ก็แล้วกัน"
"พี่นึกว่าน้องชอบทานข้าวที่บ้าน...ไม่ชอบออกไปทานนอกบ้าน"
"นานๆครั้งเปลี่ยนบรรยากาศก็ดีค่ะ"
นงลักษณ์ยิ้ม อานนท์หัวเราะสนุกสนาน กับ นงลักษณ์ และ ตระกล…
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
วนิดาขับมาจอดหน้าบ้านอานนท์ วนิดารีบลงมา ประภารีบตามมาด้วย
"หนูดา...จะดีเหรอลูก"
"ดาต้องพูดกับคุณนนท์ให้รู้เรื่อง ดาต้องให้คุณนนท์บอกรักดาให้ได้"
วนิดามองเข้าไปในบ้านที่ปิดไฟมืด
"เหมือนไม่มีใครอยู่นะ" ประภาบอก
วนิดาตะโกนเรียก
"คุณนนท์...คุณนนท์"
ประภาห้ามไว้
"อย่าตะโกนซิดา...อายเค้า...ค่ำๆ มืดๆ มาตะโกนเรียกผู้ชายถึงบ้านเค้า"
ประภามองเข้าไปในบ้าน
"เค้าไม่อยู่หรอก...ไป...กลับเถอะ"
สายใจเดินออกมาจากบ้าน
"ฉันมาหานนท์....คุณนนท์อยู่บนบ้านมั้ย"
"คุณอานนท์ คุณนงลักษณ์ ออกไปข้างนอกค่ะ"
ประภาดึงวนิดาขึ้นรถไป วนิดาจำใจขึ้นรถกลับไปกับประภา...
บรรยากาศท่าน้ำที่ดูสดใส อานนท์นั่งอ่านหนังสือบนลังใส่ของที่วางอยู่ ประมาณสามลัง สุชาดาเดินเข้ามายืนตรงหน้า อานนท์เงยหน้ามอง พอเห็นเป็นสุชาดาก็ทำหน้าเบื่อหน่าย
"วันนี้โสไม่ว่าง...แม่เลยให้มารับ"
เธอแต่งตัวเหมือนผู้ชาย ใส่แว่นดำ พูดห้วนๆ อานนท์ไม่ตอบ ลุกขึ้นแบกลังลงเรือโดยมีคนขับ
เรือมาช่วย สุชาดายืนมองเฉยๆ
ในเรือ อานนท์นั่งห่าง ไม่สนใจเธอเลย เอาแต่นั่งอ่านหนังสือบนลังใส่ของ เธอแอบมองอย่างหมั่นไส้ ทิ้งเวลาสักครู่ สุชาดาเข้าไปที่คนขับเรือแล้วแกล้งโยกคันบังคับให้เรือส่ายอย่างเร็ว อานนท์ที่นั่งอ่านหนังสือทำเก๊กท่าไม่ทันระวังตัว เลยหล่นจากที่นั่งหงายลงไป สุชาดาหันไปยิ้มสะใจ อานนท์พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมานั่งอย่างทุลักทุเล กลัวเสียฟอร์ม
แค้น....
สุชาดาขับเรือเข้ามาเทียบที่ท่าเรือคลองน้ำวน คนงานหลายคนเข้ามาช่วยเทียบเรือ อานนท์ลงจากเรือด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอมองเขาอย่างไม่พอใจ เขาพูดกับคนงานอย่างสุภาพ
"ช่วยขนไปที่โรงเครื่องจักรด้วยนะครับ"
อานนท์เดินไป สุชาดามองตามอย่างไม่พอใจมาก
อานนท์เอาแว่นตาดำออกมาใส่ เดินไปตามทางในสวนด้วยสีหน้าเรียบเฉย สุชาดาเดินตามมา อานนท์ได้ยินเสียงคนเดินตามจึงหันไปมอง เธอเดินมาทันและกำลังจะเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ
"นี่เธอเดินตามผมมาทำไม"
เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"ใครเดินตามคุณ สำคัญตัวผิดหรือเปล่า"
อานนท์ทำหน้าเบื่อ
"ก็เห็นๆ อยู่นี่..อย่างนี้ไม่เรียกตามมาแล้วจะเรียกอะไร"
"ฉันก็จะเดินไปทางนี้เหมือนกัน...คุณเป็นเจ้าของที่แถวนี้ตั้งแต่เมื่อไร"
สุชาดาผลักอานนท์ให้หลบและเดินผ่านไปสองสามก้าวก็หันกลับมาพูด
"คนอะไรกันเรียนมาก็เยอะ น่าจะรู้เรื่องมรรยาทบ้าง"
อานนท์เริ่มไม่พอใจ
"เธอจะพูดเรื่องอะไร"
เธอพูดเรื่อยๆ อย่างกวนๆ
"อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าขับเรือไปรับตั้งไกล...ขอบใจซักคำก็ไม่มี"
"แล้วคนขับเรือที่ขับเรือส่ายไปส่ายมา จนคนนั่งหล่นจากที่นั่งน่ะ ถ้ามีมารยาทก็ต้องขอโทษคนนั่งเหมือนกัน."
อานนท์ทำท่าแคะหู
"หรือขอโทษแล้ว แต่ฉันหูตึงเพราะเสียงเครื่องเรือเลยไม่ได้ยิน"
สุชาดาแอบทำหน้าสะใจ
"ก็ดีแต่นั่งโก้ไม่ระวังเอง...ช่วยไม่ได้"
อานนท์ตาเขียว พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โมโห มองเธออย่างพิจารณา
"ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอเป็นน้องของโส...ไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิด โสนิสัยดี คุยสนุก เป็นมิตรกับทุกคน ...แต่เธอ"
อานนท์ตัดสินใจจะพูด สุชาดาเชิดหน้าอย่างไม่พอใจ
"ตรงกันข้ามกับโสทุกอย่าง"
อานนท์เดินผ่านไปอย่างเร็ว สุชาดาแทบจะเต้นด้วยความโมโห
"พูดให้ดีๆ นะ…ไอ้คนบ้า"
สนมนั่งหัวเราะดัง สุนั่งหน้าคว่ำ
"ขำอะไรนักหนาหนม... หัวเราะคนถูกด่าหรือไง"
"เค้าไม่ได้ด่าสักหน่อย...ฉันว่าที่เค้าก็พูดของเค้าถูกนา"
สุชาดาตาเขียวใส่สนม
"พูดถูกยังไงหนม"
"ก็คุณอยากไปขับเรือแกล้งเค้านี่"
สุชาดาอดยิ้มไม่ได้
"หกขะเมนกลิ้งไปเลย"
"เกิดเค้าตกน้ำตกท่าไปละทำยังไง...ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นจมน้ำตาย คุณได้บาปแย่นะ"
"ดีซิ...คนเจ้าชู้ประตูดิน ตกน้ำซะบ้างเผื่อจะล้างนิสัยดีขึ้น"
"โอ้ยคุณ....คนเจ้าชู้น่ะมันไม่ใช่เพราะนิสัยหรอก...มันเพราะตกฟากฤกษ์หมาเดือนสิบสองน่ะแหล่ะ"
สุชาดามองสนมยิ้มๆ
"ปากจัดนะเนี่ยะ"
"แต่ฉันว่าคุณอานนท์ดูท่าทางไม่ใช่คนเจ้าชู้นะ...เอางานเอาการดีออก...คุณน่าจะดูเค้าดีๆ ก่อนนะ...เค้าอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้"
สุชาดายังทำท่าฮึดฮัด
"แต่เค้าทิ้งลีน่าให้เสียใจนะหนม...เมื่อกี้เค้าก็ปากจัดกับฉันเหมือนกันด้วย...เค้ายอมให้ฉันว่าเค้าฝ่ายเดียวที่ไหนล่ะ"
"เรื่องลีน่านี่ฉันยังไม่อยากโทษคุณอานนท์ฝ่ายเดียว...มันต้องมีอะไรซักอย่าง แต่เรื่องที่เค้าปากจัดกับคุณน่ะ ฉันว่าสนุกดี .คุณได้คู่ปรับทันกับคุณน่ะแหล่ะดีแล้ว"
สนมหัวเราะชอบใจ สุชาดาค้อน ครุ่นคิด...
อานนท์กับโสภณเดินออกมาจากโรงเครื่องจักร ทั้งสองมานั่งพักใต้ร่มไม้ที่มีเครื่องดื่มวางไว้
"วันนี้ผมได้เรียนรู้การปฏิบัติงานจริง...นับว่าโชคดีจริงๆ เพราะซีแมสเตอร์หน้าผมต้องเรียนภาคสนาม"
"คุณโสเรียนวิศวะเหรอครับ"
"ใช่ครับ...เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้ว อีกไม่ถึงสองเดือนผมต้องกลับไปเรียนต่อ"
"คุณกลับมาsummer หรือมาเพราะเรื่องเครื่องจักรใหม่นี่"
โสภณยิ้ม
"ทั้งสองอย่างครับ"
"น่าเสียดายนะครับ...กลับมาพักแต่ต้องมาวุ่นเรื่องงานที่บ้าน..อย่างนี้ก็ไม่มีเวลาได้ไปเที่ยวที่ไหน"
"ครั้งนี้ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยครับ...นี่ก็นัดเจอเพื่อนที่กรุงเทพครับ ผมอยากไปหัวหิน กำลังดูเวลาอยู่ว่าจะไปเมื่อไหร่ดี"
อานนท์นึกได้
"ผมมีบ้านเพื่อนที่หัวหิน ถ้าคุณได้ไป ก็พักที่นั้นได้ครับ"
"จะไม่เป็นการรบกวนมากไปเหรอครับ"
"ไม่เลยครับ เพื่อนผมใจดีมาก บ้านเค้าก็ปิดไว้เฉยๆ"
โสทำท่าตื่นเต้น
"ชักจะอยากไปแล้วซิ...คุณอานนท์คิดว่าจะติดตั้งเสร็จเมื่อไหร่ล่ะครับ"
"ถ้าไม่มีอะไรติดขัด....อาทิตย์หน้าก็ลองเครื่องได้แล้วครับ...พูดถึงหัวหินแล้ว ผมก็ต้องหาเวลาไปพักบ้างเหมือนกัน"
"คุณอานนท์ต้องมาทำงานที่นี่หลายวัน...ทางบ้านบ่นแย่สิครับ"
"ถ้าจะมีคนบ่นก็คงเป็นเพื่อนๆ ผมน่ะครับ...ที่บ้านผมมีแต่น้องสาวคนเดียว เค้าเลิกบ่นไปแล้วครับ"
โสภณหัวเราะ
"คุณนนท์มีพี่น้องกี่คนครับ"
"เจ็ดคน...ผมเป็นพี่คนโต"
โสภณตาโต
"เจ็ดคน ดีจังเลย บ้านคงสนุกน่าดู ผมมีกันแค่สองคนผมยังว่าน้อยไปหน่อย"
อานนท์มองหน้าโสภณ ทำท่าอยากจะถาม
"คุณกับสุ"
"ใช่ครับ สุที่จะเป็นคนไปรับคุณวันนี้แหละครับ"
เหมือนโสภณจะเห็นอานนท์ที่สีหน้าเปลี่ยน
"คุณนนท์ไม่ต้องกลัวนะครับ สุขับเรือเก่งกว่าผมอีก"
อานนท์นึกถึงภาพเมื่อเช้าแล้วทำหน้าหวาดเสียว มีเดินเข้ามาตามโสภณ
"คุณโสครับ...นายตวันให้มาตามครับ"
"ขอตัวก่อนนะครับ"
โสภณเดินออกไป มีเดินตาม อานนท์คิดนิดหนึ่ง แล้วหันเดินกลับไปทำงานต่อ...
ภายในห้องรับแขก วังศิลาขาว ปริศนาสีหน้าดีใจมาก
"ปริศนาดีใจมากที่คุณโกศลมาหา...อาเขียนจดหมายมาเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าคุณโกศลจะกลับเมืองไทย...กลับมาถึงเมื่อไหร่คะ"
โกศลยิ้มดีใจ
"หลายเดือนแล้วครับ เพิ่งจะได้โอกาสมาหาปริศนา ปริศนาสวยขึ้นมากนะเสียดายวันแต่งงานคุณหลวงกับผมมาไม่ได้...เพราะติดธุระสำคัญที่ยูเอ็น"
"แต่อาก็ส่งของมาให้ปริศนามากมายจนรู้สึกว่าอามาอยู่ด้วยเลยค่ะ"
ปริศนาหัวเราะดีใจ
"แล้วคุณโกศลจะอยู่เมืองไทยตลอดหรือเปล่าคะ"
"ยังไม่แน่หรอกปริศนา...ถ้าคราวจะต้องไปอยู่เมืองนอกอีก...ผมก็ควรจะต้องมี...เอ้อ"
โกศลไม่กล้าพูดออกมา ปริศนายิ้มๆ
"คุณโกศลควรจะต้องมีภรรยาไปช่วยดูแล"
โกศลยิ้ม
"ใช่ครับ…แต่จนบัดนี้ก็ยังหาไม่ได้เลย"
"ไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มรูปหล่ออนาคตไกลอย่างคุณโกศลจะหาแฟนหรือหาคนถูกใจไม่ได้"
โกศลยิ้มๆ
"พอจะถูกใจเค้าก็หนีมาแต่งงานซะแล้ว"
โกศลมองปริศนายิ้มๆ ปริศนาหัวเราะ
"ปริศนาพอจะแนะนำผู้หญิงดีๆ ให้คุณโกศลรู้จักได้นะ"
โกศลไม่ค่อยสนใจ แต่ก็ตั้งใจฟัง
"ขอบคุณมากปริศนา...ช่วงนี้มีคนพยายามหาคู่ให้ผม คุณแม่ก็อยากจะให้ผมหมั้นกับลูกเลี้ยงญาติท่าน
เหมือนกัน"
"ถ้าอย่างนั้นปริศนาขอเป็นอีกคนนะคะที่จะหาคู่ให้คุณโกศล...คนที่ปริศนาจะแนะนำให้คุณโกศลรู้จักน่ะ...สวยกว่าปริศนาอีกนะ คุณโกศลจะสนใจไหมคะ"
โกศลหัวเราะอายๆ
"ปริศนาพูดอย่างนี้ผมอยากเห็นผู้หญิงคนนั้นแล้วซิ"
"ถ้าอย่างนั้นปริศนาจะเป็นแม่สื่อ Blind date ให้คุณโกศลเองตกลงไหมคะ.."
โกศลยิ้มหัวเราะสนุกกับปริศนา
ระหว่างที่ปริศนานั่งรถมาหาแม่ เธอนั่งอ่านจดหมายของอาวิรัชที่เขียนมาถึงเธอ
"ปริศนาน่าจะจำคุณโกศลได้...คนที่เคยประจำสถานทูตอยู่กับอาที่ดีซี พอหลานกลับเมืองไทยไม่เท่าไหร่...คุณโกศลก็ไปพบรักกับสาวสเปนที่ทำงานสายการบิน แต่รักกันไม่นานก็เลิกกัน คุณโกศลก็อกหักเสียอกเสียใจเป็นนาน อาได้รู้ว่า หลานสิรีก็ผิดหวังในความรักเหมือนกัน อาจึงอยากนัดแนะกับปริศนา อาจะส่ง
เจ้าบ่าวขึ้นเรือบินมาให้สิรี คือคุณโกศลนี่ ปริศนาว่าแผนอาเข้าทีไหม คนอกหักสองคนได้เจอกัน อาจจะ
ชอบกันก็ได้นา"
สมรพับจดหมายเก็บด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"คุณวิรัช...คิดจะหาคู่ให้สิรี...อาคนนี้คอยตามเป็นห่วงหลานๆ ทุกคน"
"ปริศนาเห็นด้วยกับอานะคะแม่...วันนี้คุณโกศลมาหา ปริศนาอยากจะหาแฟนแต่ยังหาไม่ได้...แม่ว่าสิรีจะยอมพบกับคุณโกศลไหมคะ"
สมรทำหน้าครุ่นคิด
"แม่ว่ายาก...นงลักษณ์ก็พยายามจะเป็นแม่สื่อให้สิรีชอบกับพ่อนนท์...แต่แม่ไม่เห็นสิรีจะสนใจ"
ปริศนาหัวเราะ
"สิรีไม่เหมาะกับคุณนนท์ซักนิดค่ะแม่...ถ้าอยู่ด้วยกันมีหวังทะเลาะกันบ้านพังแน่ อย่างสิรีควรจะมีสามี
อย่างคุณโกศลนี่ละค่ะ สิรีจะได้เกรงใจไม่กล้าเอาแต่ใจ"
"ของอย่างนี้มันอยู่ที่เจ้าตัวเขานะปริศนา...ถ้าเขาไม่ชอบกัน ทำยังไงๆ เค้าก็ไม่ชอบกันหรอกลูก"
"ปริศนาถึงรีบมาหาแม่ไงคะ...แม่จะได้ช่วยพูดให้สิรียอมพบกับคุณโกศล...เพราะถ้าปริศนาพูดสิรีต้องถือดีไม่ยอมแน่ๆ"
"ปริศนารู้จักคุณโกศลคนนี้ดีแค่ไหนล่ะลูก...เค้าจะเข้ากับพี่เราได้เหรอ"
"เค้าทำงานกับอาวิรัชที่สถานทูตค่ะ...เป็นคนดีเรียบร้อย"
สมรครุ่นคิด....
บนโต๊ะกินข้าว สิรีสีหน้าไม่พอใจ
"ปริศนานี่ก็แปลก...จู่ๆ จะมาเป็นแม่สื่อให้กับใครก็ไม่รู้"
สมรบอก
"เป็นความคิดของอาวิรัชจ้ะ...แม่ว่าสิรีน่าจะลองพบเค้าหน่อยนะลูก...ถ้าอาวิรัชรับรองมาอย่างนี้แม่ก็ว่าเค้าคงเป็นคนดีจริง"
สิรีทำหน้าย่น
"เป็นเพื่อนอาวิรัช...คงแก่แล้วละค่ะแม่"
"อื้อ…คงไม่แก่หรอกจ้ะ...เป็นรุ่นน้องอาวิรัช"
สิรีถอนใจ
"แต่หนูยังไม่อยากสนใจใครค่ะแม่..อยู่อย่างนี้ก็สบายใจดี ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว...บอกจริงๆ ว่ายังเข็ดผู้ชาย"
สมรเดินมาเอามือลูบแขนสิรีอย่างปลอบโยน
"ผู้ชายไม่ได้แย่ไปหมดหรอกลูก...คนดีๆ ก็มีถมไป...แม่ แน่ใจว่าสิรีจะได้พบกับผู้ชายที่ดีแน่ๆ"
นงลักษณ์กับตระกลถือถาดชามใส่กับข้าวเดินเข้ามา นงลักษณ์ยกมือไหว้สมร
"สวัสดีค่ะน้าสมร"
สมรหันไปรับไหว้ยิ้มให้ ตระกลวางถาดใส่ชามกับข้าว หันมาไหว้สมร สมรรับไหว้ตระกล
"สวัสดีจ้ะ...ไปยังไงกันมาสองคนนี่"
สิรีไหว้ตระกล
"สวัสดีค่ะอาตระกล"
นงลักษณ์กับตระกลเขินอายไม่กล้าตอบคำถามสมร
"ตอนนี้นงลักษณ์มีอาตระกลมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะแม่ เพราะคุณนนท์มีงานต่างจังหวัดหลายวัน"
"ถึงว่า...หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นพ่อนนท์"
นงลักษณ์พยายามไม่อาย
"คุณนนท์ไปทำงานแถวเมืองนนท์ค่ะ...วันนี้คุณตระกลมาช่วยทำแกงสับนก...หนูเลยตักมาฝากน้าสมร กับสิรีด้วย"
"ถ้าอย่างนั้นเราก็ทานข้าวด้วยกันสิจ้ะ...น้ามีปลาช่อนทอดทานกับแกงสับนกพอดี..แล้ววันนี้ต้องรอทานพร้อมคุณนนท์ด้วยหรือเปล่า"
"ปรกติหนูก็ทานข้าวคนเดียวแทบทุกวันค่ะ...ไม่ต้องรอคุณนนท์หรอก"
สมรเปิดฝาอาหารที่นงลักษณ์นำมา
"แล้วนี่ตกลงฝีมือใครกันแน่ ตระกล หรือ นงลักษณ์"
ตระกลยิ้มอายๆ
"ถ้าผมทำคงไม่ได้ดีหรอกครับพี่สมร...ผมเป็นแค่ลูกมือนวดเนื้อปลาครับ"
ตระกลพยายามอธิบาย สมรมองทั้งสองคนอย่างผู้ใหญ่ที่รู้ทัน ทั้งหมดพากันตักอาหารกิน สิรีเห็นภาพนงลักษณ์กับตระกลมีความสุข
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เย็นมากแล้ว อานนท์นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำคลองน้ำวน มองไปรอบๆ อย่างอึดอัด นายตวันเดินมากับสุชาดา
"วันนี้คุณอานนท์ไม่นอนที่นี่เหรอค่ะ"
"ขาดเอกสารประกอบเครื่องที่ต้องใช้พรุ่งนี้ครับ"
"ถ้างั้นเดี๋ยวสุจะพาคุณไปส่งที่ท่าฝั่งโน่น"
อานนท์มองหาโสภณ
"คุณโสไม่อยู่หรือครับ"
"โสเข้าไปในหมู่บ้านยังไม่กลับเลยค่ะ"
อานนท์พยายามยิ้ม
"แล้วลุงคนขับประจำไม่อยู่หรือครับ...เพราะขากลับคงค่ำมันจะอันตราย หรือให้มีไปส่งก็ได้ครับ"
ตวันหัวเราะ
"มีถนัดแต่เรือแจว กับเรือต็อกแต๊กเท่านั้นแหละ"
สุชาดามองหน้าอานนท์แบบสมน้ำหน้า ตวันหัวเราะ
"ไม่ต้องห่วงสุหรอกค่ะ...เค้าชำนาญเส้นทางดี...ขับเรือแถวนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว…รีบไปดีกว่าค่ะ...คุณจะได้ถึงฝั่งโน่นก่อนมืด"
สุชาดาเดินไปขึ้นเรือ อานนท์จึงจำในเดินตามไป...
สุชาดาขับเรือด้วยสีหน้าเรียบเฉย อานนท์นั่งอีกฝั่งหนึ่งหันหน้ามองวิวแม่น้ำไม่สนใจเธอเลย อานนท์นั่งแบบระมัดระวังมากขึ้น ทั้งสองคนไม่พูดจากัน สุแอบมองอานนท์บ่อยๆ จนทนไม่ได้ พูดเสียงดังถามไป
"พรุ่งนี้คุณจะมาตอนกี่โมง"
อานนท์ตอบโดยไม่หันมามอง
"คุณอยากจะทราบไปทำไม"
สุชาดาสีหน้าไม่พอใจทันที หันมาจ้องอานนท์
"ส่วนตัวน่ะ..ไม่อยากรู้ไม่อยากเกี่ยวข้องด้วยจนนิดเดียว"
อานนท์หันมามองหน้าสุชาดา
"อ้าว…ถ้างั้นถามทำไมล่ะ"
"ถามเพราะเป็นห่วงงานของแม่ฉันน่ะซิ"
"นั่นมันเป็นเรื่องของคุณแม่คุณไม่ใช่เหรอ"
สุชาดาอยากกวนโมโหอานนท์
"มันเป็นเรื่องของฉันด้วยเพราะแม่ใช้ฉันให้รับส่งคุณ"
ฝ่ายอานนท์ทำเสียงกวนมากกว่า
"อย่างนั้นเหรอ...หวังว่าผมคงไม่ทำความลำบากให้แก่คุณจนเกินไปหรอกนะ"
สุชาดาพูดอย่างหมั่นไส้
"ลำบากก็ไม่เป็นไ ฉันทำให้แม่ของฉัน นี่คุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน"
อานนท์ยิ้มๆ
"ผมลืมไปแล้วว่าคุณถามอะไร...ถามใหม่ได้ไหม"
"ฉันถามว่าพรุ่งนี้คุณจะมาเวลาไหน"
"ถ้าอยากให้เครื่องจักรติดตั้งเสร็จเร็วๆ ก็ต้องมาแต่เช้า"
สุชาดาแอบค้อนอานนท์
สุชาดาขับเรือเข้ามาจอด อานนท์กระโดดลงมา สุตะโกนถาม
"ตกลงแล้วพรุ่งนี้จะให้มารับกี่โมง"
"ก็เวลาเดิม"
"ฉันจะไปตรัสรู้ได้ไงว่าเวลาเดิมของคุณมันกี่โมง"
"แปดโมงเช้าครับผม"
อานนท์แกล้งตะเบะจะเดินไป
"แล้วคุณต้องมาอีกกี่ครั้ง"
อานนท์เดินกลับมาหา
"ก็อีกไม่กี่ครั้งหรอก พอลองเครื่องไม่มีปัญหาก็เสร็จแล้ว ถามทำไม"
"ไม่อยากจะสอดรู้สอดเห็นหรอก...ฉันอยากรู้ล่วงหน้าจะได้เตรียมตัวเตรียมใจมารับส่งคุณตามหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่องยังไงล่ะ"
อานนท์แกล้งร้อง
"โอ้โฮ…ถึงกับต้องเตรียมตัวเตรียมใจเชียวแฮะ...คุณทำเพื่อแม่คุณละสินะ"
"อ๋อ…แน่นอน"
อานนท์รีบพูดต่อ
"เป็นลูกที่น่ารัก และ กตัญญูต่อแม่ดีเหลือเกิน...น่าสรรเสริญแท้ๆ"
สุชาดามองหน้าอานนท์อย่างไม่พอใจ
"ประชดทำไมน่ะ"
อานนท์ตอบหน้าตาเฉย
"อะไรประชด...ชมต่างหาก"
สุชาดามองหน้าอานนท์นิดหนึ่ง แลัวหันหลังเดินไปแก้เชือกเรือ อานนท์มองตามอดยิ้มไม่ได้
พระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์นั่งฟังเพลงอยู่ในห้องด้วยสีหน้าหม่นหมอง หยิบรูปเล็กๆ ขึ้นมาดู สักครู่มีเสียงเคาะประตู ตระกลเดินเข้ามา เจ้าคุณสุทธาเห็นตระกลก็ดีใจ
"ตระกล…เพิ่งกลับมาเหรอนั่น"
ตระกลสีหน้ายิ้มแย้มด้วยมีความสุข
"เห็นไฟห้องคุณพี่ยังเปิดอยู่"
"ดีจริง...มานั่งคุยกัน พี่ยังไม่ง่วงเลยนั่งเล่นคิดอะไรไปเรื่อยๆ"
เจ้าคุณสุทธาจะเดินไปปิดแผ่นเสียง
"เพลงเพราะดีออกครับคุณพี่...เปิดไว้ก็ได้ครับ"
"เพลงเก่าๆ คนเค้าไม่ค่อยฟังกัน"
"คุณพี่ชอบเพลงนี้เหรอครับ..ผมได้ยินคุณพี่เปิดบ่อยๆ"
เจ้าคุณสุพยายามยิ้ม
"ชอบมาก..ฟังมานานแล้ว แล้วนี่กินข้าวมาหรือยัง"
"เรียบร้อยมาแล้วครับ...ผมไปทานข้าวกับพี่สมรมา"
เจ้าคุณสุทธาดีใจ
"จริงหรือ ดีจริงได้เจอสมร ตั้งแต่งานแต่งงานปริศนาก็ไม่ได้เจอกันเลย...ตระกลไปพบกับสมรบ่อยๆ เหรอ"
"บ้านเพื่อนผมเค้าหลังบ้านติดกับบ้านพี่สมรครับ...อานนท์ไงครับ บ้านอานนท์ติดกับบ้านพี่สมร"
เจ้าคุณหัวเราะ
"อย่างนี้ก็สบายน่ะซิ...ไปทีเดียวได้ทั้งเจอเพื่อนกับเจอญาติ"
ตระกลหัวเราะแจ่มใส สุทธามองดูตระกล
"หมู่นี้ตระกลดูแจ่มใสขึ้นนะ"
ตระกลยิ้มเขิน
"มีข่าวดีมาเล่าให้พี่ฟังหรือเปล่า"
"ยังไม่มีครับคุณพี่"
"เราก็เป็นผู้ใหญ่เข้าทุกทีแล้วนะ น่าจะมองๆ ใครไว้บ้างได้แล้วนะ"
ตระกลอ้อมแอ้ม
"ก็มีมองไว้บ้างครับ"
เจ้าคุณยิ้มพอใจ
"จะให้ไปสู่ขอใครก็บอกมา...พี่จะจัดการให้ทุกอย่างเอง น้องพี่จะตบจะแต่งกับใคร พี่ไม่ให้น้อยหน้าหรอกนะ"
ตระกลยกมือไหว้เจ้าคุณด้วยสีหน้าตื้นตันใจ...
"ขอบคุณครับ"
เสาวนิตค่อยๆ ย่องลงมาจากบันได คอยมองซ้ายขวากลัวใครเห็น รีบวิ่งออกไปทางประตูด้านหลัง
ณ มุมในสวนมะลิ เทอดชะเง้อคอคอยมองหาเสาวนิตด้วยท่าทางร้อนใจ พอเห็นเสาวนิตเดินมาก็ดีใจ รีบเดินเข้าไปรับ ประคองเสาวนิตเดินมาที่ม้านั่งในสวนมะลิ
"ระวังจะสะดุดนะครับ"
เสาวนิตจับมือเทอดไว้ เทอดจูงเสาวนิตไปที่ม้านั่งในสวนมะลิ
"เทอดจับมือนิดไว้อย่างนี้...ไม่สะดุดหรอกจ้ะ"
"ผมคิดว่าคุณนิตจะไม่มา"
เสาวนิตทำท่าอ้อน
"ถ้านิตไม่ได้เห็นหน้าเทอด...นิตต้องขาดใจตายแน่ๆ"
เทอดซึ้งใจมาก
"ผมก็เหมือนกันครับ...ถ้าไม่ได้เห็นหน้าคุณนิตผมก็แทบคลั่งเหมือนกัน"
เสาวนิตทำตาหวาน
"จริงเหรอจ้ะ...นิตไม่อยากเชื่อหรอก ที่มหาวิทยาลัยคงมีสาวๆ สวยๆ ที่เรียนหมอด้วยกันกับเทอด..ที่เค้าเก่งกว่า สวยกว่านิต"
"ไม่มีหรอกครับ...ไม่มีผู้หญิงคนไหนเทียบกับคุณนิตได้เลย..วันนี้ผมมีของมาฝากคุณนิตด้วย"
เสาวนิตตื่นเต้นดีใจ
"อะไรจ้ะเทอด"
เทอดหยิบกำไลพลาสติกสีสดออกมาใส่ให้ที่แขนเสาวนิต เธอมองอย่างดีใจ
"ผมเห็นนักศึกษาเค้าชอบใส่กัน...มันเป็นแค่กำไลพลาสติก ผมเก็บเงินพอซื้อได้เท่านี้...ไม่รู้ว่ามันจะดีพอสำหรับคุณนิตหรือเปล่า"
เสาวนิตเอามือลูบแก้มเทอดอย่างยั่วยวน
"สิ่งที่เทอดให้ฉัน...ฉันถือว่ามีค่ามากที่สุด ถึงตอนนี้เทอดจะซื้อแค่กำไลพลาสติกให้ฉัน แต่ฉันเชื่อแน่ว่าเมื่อไหร่ที่เทอดเรียนจบได้เป็นหมอ...กำไลนี้มันจะกลายเป็นกำไลเพชรสำหรับฉัน"
"ใช่ครับ...ผมจะทูลหัวให้คุณนิตทุกอย่างที่คุณนิตต้องการ"
"สัญญานะจ้ะเทอด"
"ด้วยชีวิตของเทอดครับ"
เสาวนิตโผเข้าไปกอดเทอดด้วยท่าทางเหมือนนางเอกละคร เทอดตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ค่อยๆ ยกมือกอดเสาวนิตเบาๆ เสาวนิตมากด้วยจริตมารยา..
บรรยากาศตอนเช้าบ้านสุทธากุล เสาวนิตแต่งชุดนักเรียนโรงเรียนการเรือนมาเคาะประตูห้องแม่ คุณหญิงเจริญแต่งตัวอยู่
"เข้ามาได้"
เสาวนิตเปิดประตูห้องเข้ามา
"จะไปโรงเรียนวันแรกละซิ"
เสาวนิตยิ้มหวานเดินเอาประจบ
"นิตจะมากราบขอบพระคุณ คุณแม่ค่ะ...ถ้าไม่ได้คุณแม่ นิตก็คงไม่ได้เรียนโรงเรียนนี้"
เสาวนิตกราบที่ตัก คุณหญิงยิ้มพอใจ
"จำไว้ก็แล้วกัน..แล้วเวลาแม่พูดเตือนก็อย่ามาดื้อกับแม่ล่ะ"
"นิตไม่เคยดื้อกับคุณแม่เลยนะคะ...คุณแม่จะไปไหนแต่เช้าคะ แต่งตัวซะสวยเชียว"
"จะไปบ้านคุณหญิงตุ่น...ลูกสาวเค้าจะแต่งงาน"
เสาวนิตแปลกใจ
"แป๋มน่ะเหรอคะ...แป๋มอายุเท่านิตเลย"
"จริงซินะ แม่แป๋มนี่เป็นเพื่อนของนิต เค้าโชคดีได้แต่งงานกับลูกเจ้าสัวเยาวราช...วันนี้เค้าจะมาสู่ขอ คุณหญิงตุ่นเลยขอให้แม่ไปช่วยดูเรื่องพิธีการ เพราะเค้าไม่ค่อยถนัด"
เสาวนิตทำท่าหมดแรง
"โอ้โห...แป๋มโชคดีจังเลย...อย่างนี้ก็ไม่ต้องเรียนหนังสือแล้วสิคะ"
"จะเรียนไปทำไม...ได้แต่งงานกับคนรวยอย่างนี้"
เสาวนิตพูดกับตัวเองอย่างฝันหวาน
"นิตอยากโชคดีแบบแป๋มจังเลยค่ะ"
"ก็ถ้ามีหนุ่มโก้ๆ ฐานะร่ำรวยมาขอนิต แม่ก็จะรีบยกให้หรอกนะ"
คุณหญิงเจริญหัวเราะอารมณ์ดี เสาวนิตคิดออกบางอย่าง
"ถ้ามีล่ะคะ"
คุณหญิงหยุดแต่งตัวหันมาทันที
"มีที่ไหนแม่นิต...นี่ริไปคบผู้ชายที่ไหนกัน"
"แม่จำคุณอานนท์ เพื่อนอาตระกลได้ไหมคะ คนที่พานิตไปดูหนังไงคะ นิตว่าเค้าชอบนิตค่ะ"
คุณหญิงเจริญตกใจ
"ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ เค้ามาทำท่าล่วงเกินกับเราเหรอ"
"เปล่าค่ะ...เค้าสุภาพกับนิตมากต่างหาก...เอาใจนิตทุกอย่าง เค้าชอบจะมานั่งใกล้ๆ นิต คอยมองตลอดเวลาว่านิตทำอะไร อย่างเวลาทานข้าว...เค้าก็จะดูแลคอยตักกับข้าวให้นิตตลอดเวลา...นิตแน่ใจว่าเค้าชอบนิตค่ะ ถ้าเราได้พบกันอีกบ่อยๆ นิตคิดว่า..."
เสาวนิตพูดเอาเองหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำยังทำท่าเขินอายจนแม่เชื่อ คุณหญิงเจริญเห็นท่าทางลูกสาวก็หัวเราะชอบใจ
"ก็แน่ละซิ... ลูกสาวของแม่น่ะสวยขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนจะอดใจได้...พ่ออานนท์นี่ลูกเต้าเหล่าใคร"
"คุณอานนท์เค้านามสกุล วิทยาธร คุณแม่พอจะรู้ไหมคะว่าเป็นพวกบ้านไหน"
คุณหญิงเจริญทำท่าคิด
"วิทยาธร....วิทยาธร นึกออกละ เจ้าคุณพลรามวิทยาธรกับคุณหญิงแนบไง ใช่แน่ๆ เอ้อ...เมื่อปลายปีมีลูกเจ้าคุณพลรามมาลาคุณพ่อไปเรียนเมืองนอก"
คุณหญิงเจริญหันมาพูดจริงจัง
"ต้องหาทางให้พ่ออานนท์มาบ้านเราอีกให้ได้"
"ให้อาตระกลชวนมาซิคะ คุณอานนท์น่ะสนิทกับอาตระกลมาก ถ้าอาตระกลชวนเขามา....คุณอานนท์ต้องมาแน่ๆ ค่ะ"
คุณหญิงเจริญทำท่ารังเกียจ
"แหม...แม่ไม่อยากยุ่งกับไอ้ตระกลเลย เป็นลูกเมียน้อยมาอาศัยข้าวแดงแกงร้อนเราแท้ๆ ยังทำท่าจองหองคอแข็ง"
เสาวนิตอ้อน
"โธ่...คุณแม่ขา เพื่อลูก คุณแม่ยอมทำดีกับอาตระกลหน่อยนะคะ ถ้านิตได้แต่งงานกับคุณนนท์ คุณแม่ก็ไม่น้อยหน้าคุณหญิงตุ่นด้วยนะคะ"
คุณหญิงเจริญคิดแผนการ เสาวนิตแอบยิ้มพอใจ...
พระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์ใส่ชุดทำงานเดินเข้ามาในห้องอาหาร คุณหญิงเจริญกำลังจัดการอาหารเช้าให้เสาวนิตกับนิศา คุณหญิงทำเป็นรีบเข้าไปเอาใจเจ้าคุณ
"เช้านี้ท่านเจ้าคุณจะรับอะไรดีคะ"
เจ้าคุณมองอย่างไม่ไว้ใจ
"มีอะไรก็จัดตามนั้น"
เจ้าคุณเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร เสาวนิตแต่งชุดนักเรียนการเรือน เจียมจัดอาหารเช้าให้เจ้าคุณ ฝ่ายคุณหญิงกุลีกุจอรีบชงกาแฟ
เจ้าคุณบอก "จะได้ไปโรงเรียนเสียทีนะแม่นิต"
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เสาวนิตหันมายิ้มหวาน
"เจ้าค่ะเจ้าคุณพ่อ"
"ตั้งใจเรียนให้ดีล่ะ"
คุณหญิงเจริญเห็นว่าเจ้าคุณกำลังอารมณ์ดี
"เอ…พ่อตระกลยังไม่ลงมาอีกเหรอ"
"ตุ๊เดินผ่านห้องอาตระกล..เห็นยังไม่ออกมาค่ะคุณแม่"
เจ้าคุณหยุดชะงัก
"เธอมีเรื่องอะไรกับตระกลหรือแม่เจริญ"
คุณหญิงพยายามกลบเกลื่อน เสาวนิตพยายามยิ้มเอาใจช่วย
"ไม่มีนี่คะ...ก็จะได้เตรียมของเช้า"
"ทุกทีไม่เห็นเธอจะสนใจตระกล...ทำไมเช้านี้เกิดจะใจดีให้ตามมาทานของเช้าด้วยกัน"
"นิตว่าคุณแม่ทำถูกต้องดีแล้วค่ะ คุณแม่ดูแลทุกคนในบ้านอย่างนี้สิคะ น่ายกย่อง"
เจ้าคุณสุทธาหันไปมองหน้าลูกสาว เสาวนิตจึงหลบสายตาหยุดพูด
"หมู่นี้ไม่ค่อยได้เจอ...พ่อตระกลก็กลับค่ำๆ ฉันก็ไม่ค่อยอยู่...ก็อยากจะถามสารทุกข์สุกดิบบ้าง"
"ก็ดี"
"ดิฉันก็อยากให้พ่อตระกลสบายอกสบายใจที่อยู่บ้าน...ไม่อยากให้คิดว่าอยู่อย่างผู้อาศัย...ยังไงๆ พ่อตระกลก็เป็นน้องท่านเจ้าคุณเหมือนกัน"
เจ้าคุณสุเงยหน้ามองเจริญอย่างแปลกใจ
ทางด้านอานนท์ เช้าวันเดียวกัน เขาเดินลงมาจากบ้านพร้อมนงลักษณ์ ส่วนสายใจทำความสะอาดรถอยู่
"วันนี้ไม่ไปร้านเหรอจ๊ะ" อานนท์ถาม
"ต้องเร่งทำชุดสำคัญให้ลูกค้าค่ะ ผ้ากองเต็มโต๊ะอยู่ข้างบนนะค่ะ คืนนี้คุณนนท์ค้างที่โรงงานหรือเปล่า"
"ยังไม่แน่เลย ต้องดูหน้างานอีกทีหนึ่ง"
อานนท์ทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้
"น้องมีเพื่อนผู้หญิงหลายคน ..มีเพื่อนคนไหนที่กายเป็นผู้หญิงแต่ใจอยากเป็นผู้ชายบ้างมั้ย"
นงลักษณ์ทำหน้างงไม่รู้อานนท์หมายถึงอะไร
"คุณนนท์หมายถึงใครค่ะ"
"ก็ลูกสาวเจ้าของโรงงานนะซิ แต่งตัวแปลกๆ ชอบทำท่าประหลาดๆ พูดจากวนๆ....แต่ช่างมันเถิดอีกไม่กี่วันงานก็จบแล้ว"
นงลักษณ์คิดตามไม่ทัน อานนท์เดินไปที่รถ ขับออกไป
เช้าต่อมา เรือของสุชาดาจอดเทียบท่าอยู่ เธอแต่งตัวเหมือนผู้ชายใส่แว่นดำใส่หมวกแก้ป นั่งเหยียดขาสบายๆ อยู่บนเรือ
อานนท์เดินลงมาที่ท่าเรือ เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ เขาเดินมาหยุดตรงหน้า สุชาดาเงยหน้ามอง แล้วยกนาฬิกาขึ้นดู อานนท์ก็ดูนาฬิกาบ้าง
"ขอโทษครับ...ที่ช้าไปสามนาที"
"สามนาที กับอีกสิบห้าวินาทีต่างหาก"
อานนท์ตาโต ทำท่าจะพูด แต่สุชาดาตัดบท
"เรือจอดอยู่ที่โน่น...เชิญสิคุณ"
สุชาดาลุกขึ้นเดินนำไปที่เรือ อานนท์สีหน้าระอาเดินตามไป...
เธอขับเรือไม่สนใจอานนท์ เขาเห็นหนังสือที่เธออ่านที่ท่าเรือวางไว้ จึงเดินไปหยิบหนังสือมาอ่าน เธอคอยแอบมอง แต่เขาก็นั่งอ่านหนังสือเฉย เธอเลยแกล้งขับเรือเฉี่ยวไปมา แต่อานนท์ก็ตั้งหลักมั่นไม่เงยหน้าจากหนังสือเลย... เมื่อเธอขับเรือมาจอดที่ท่าคลองน้ำวน อานนท์วางหนังสือไว้ที่เดิม แล้วรีบโดดลงมาจากเรือ เธอหยิบหนังสือ มีคนงานเข้ามาผูกเรือ เธอรีบเดินตามอานนท์...
"นี่คุณ"
อานนท์หยุดเดินหันมาหา
"พูดกับผมรึ"
"ไม่พูดกับคุณจะให้พูดกับใครล่ะ..แถวนี้มีใครที่ไหน"
"ผมจะไปรู้รึ"
อานนท์ทำท่าจะเดินไป เธอรีบยื่นหนังสือให้
"ฉันยกให้คุณ"
อานนท์งง
"มายกให้ฉันทำไม"
"ก็ฉันเห็นคุณเอาแต่อ่านหนังสือของฉัน...ไม่ยอมพูดจา ฉันก็เลยคิดว่าคุณคงจะชอบมันมาก เอาไปเลย.. ฉันยกให้"
อานนท์รับหนังสือมายิ้มๆ
"ขอบใจนะ...อันที่จริงหนังสือเล่มนี้ก็ไม่สนุกเท่าไหร่ แต่พออ่านแล้วฉันกลับชอบมันมาก"
"ไม่สนุกเท่าไหร่แล้วชอบทำไม"
"ก็เพราะมันสนุกกว่าทะเลาะกับคน....เยอะ"
อานนท์รีบเดินหนีไป สีหน้าสะใจที่พูดกวนประสาทสุชาดาได้ เธอแค้น...
ทีมงานติดตั้งเครื่องจักรซึ่งก้าวหน้าไปมากแล้ว
ลูกน้อง 1 บอก
"น็อตใหม่พวกนี้ถ้าต้องเปลี่ยนละก็แย่เลยนะครับ"
"ทำไมล่ะ"
"ขนาดมันใหญ่กว่าที่เรามี หาซื้อในเมืองไทยจะลำบาก"
ลูกน้อง 2 บอก
"ต้องให้บริษัทซื้อมาตุนไว้เยอะๆ ซิครับพี่"
อานนท์ยิ้ม
"เป็นความคิดที่ดี นึกได้ละ เราน่าจะตั้งบริษัทเพิ่ม สำหรับเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่พวกนี้"
ลูกน้อง 1 บอก
"ลูกพี่หัวไวดีจริงๆ...กำไรลอยมาเห็นๆ"
"แต่สำหรับคราวนี้ไม่ต้องกลัวหรอก...เพราะเราทำสัญญาผูกพันหลังการขาย...เค้าต้องส่งอะไหล่มาไว้สำรองให้เราอยู่แล้ว"
"พี่นี่เก่งรอบคอบทุกอย่าง...เสียอย่างเดียว"
"อะไรล่ะ"
ลูกน้องทุกคน โพล่งพร้อมกัน
"หาแฟนไม่ได้ซักที"
อานนท์หัวเราะ
"นี่เป็นครั้งแรกนะที่พี่เห็นพวกนายมีความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน"
ลูกน้อง 1 หันไปมองรอบๆ เห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ
"ลูกสาวคนเล็กของนายตวันก็สวยดีนะครับพี่"
ลูกน้อง 2 บอก"คนเล็กนั่นผู้หญิงซะที่ไหน...ผู้ชายโว้ย"
"ผู้ชายเตี่ยเอ็งดิ...หุ่นงั้นเอ็งเห็นเป็นผู้ชายก็สมองฝ่อแล้ว"
ลูกน้อง 2 เกาหัว...
"ต้องถามคนใกล้ชิด ว่าไงพี่ครับ...ผู้หญิงหรือเปล่า"
อานนท์ทำท่างงๆ
"ใครคนใกล้ชิด"
ลูกน้อง 1บอก "ก็พี่น่ะแหล่ะ...เขาเทียวรับเทียวส่งพี่แทบทุกวันนี่ครับ พี่ว่าเค้าเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย"
"นั่นนะสิ...ผู้ชายก็ไม่ใช่...ผู้หญิงก็ไม่เชิง"
ลูกน้อง 1บอก
"ผมเห็นแกชอบเดินกับผู้หญิงชาวบ้านหน้าตาดีบ่อยๆ จะเป็น..."
"ไม่นะ...เสียดายว่ะ ผู้ชายหล่อๆ แถวนี้มีเยอะนะน้อง... อย่าไปทำเสียของ"
ลูกน้องพากันหัวเราะสนุกสนาน อานนท์ไม่หัวเราะด้วย นายตวันเดินเข้ามาทำให้บรรดาทีมงานรีบหยุดหัวเราะแบบติดเบรกไม่ทัน
"กำลังคุยอะไรสนุกคะ"
"กำลังนินทา...เอ้อ...ไม่ใช่...กำลังคุยกันเรื่อง...เอ้อ"
ลูกน้อง 1แก้ให้
"กำลังคุยถึงเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้มาน่ะครับ"
อานนท์ทำท่าโล่งอก หันมายิ้มหวานกับตวัน... ตวันมองไปรอบๆ
"แหม…พวกคุณทำงานเร็วดีจริง"
"อีกไม่นานก็จะทดสอบเครื่องได้แล้วครับ"
ลูกน้อง 1บอก
"พอเครื่องนี้เสร็จก็จะผลิตได้เป็นสามเท่านะครับ"
อานนท์ชี้ไปที่เครื่องเก่า
"ตัวเก่าใช้มานานเท่าไหร่แล้วครับ"
ตวันทำท่านึก
"น่าจะอายุพอๆ กับ โส นะ…แต่ก็ยังใช้ได้ดีมาก"
"แล้วมีช่าง maintain ตลอดหรือเปล่าครับ"
"มีค่ะ...จะมาทุกๆ สองเดือน"
"ผมจะแวะมาดูให้บ้างก็ได้ครับ"
"ขอบคุณค่ะ...อ้อ..ตอนนี้ฉันให้เค้าจัดอาหารกลางวันให้คุณอานนท์ทานกับพรรคพวกที่ท่าน้ำแล้วนะคะ"
อานนท์ยิ้ม
"ขอบคุณมากครับ"
ตวันยิ้มแล้วเดินออกไป อานนท์มองตาม
ลูกน้อง 1บอก
"ทั้งเก่งทั้งใจดี...ไม่น่าเชื่อว่าในสวนไกลทุ่งขนาดนี้...เราจะมาเจอคนแบบนี้ที่นี่"
"ถ้าไอ้เด็กนั่นได้ครึ่งของแม่ก็จะดีหรอก"
อานนท์หมายถึง สุชาดา
บริเวณลานทำงานของชาวบ้าน สุชาดากำลังนั่งขัดกะลามะพร้าวอยู่กับสนม และชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง สีหน้าสุยุ่งยากใจ ทั้งสองคนทำงานไปคุยไป
"คุณนี่ก็ตลก จะเอายังไงกับเค้าแน่ อยากคุยก็คุยกับเค้าซิ ทำแบบนี้คุณจะเหมือนคนผีเข้าผีออก"
"มันอดคิดถึงลีน่าไม่ได้นี่หนม"
"โอ้ย...เลิกคิดเรื่องลีน่าได้แล้ว มัวแต่เก็บเรื่องเก่าๆ เอามาคิดก็ไม่เป็นอันทำอะไรกัน"
สุชาดาถอนใจ สนมมองหน้า
"คุณน่ะทำตัวไม่เป็นของตัวเองนะ คุณไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่"
"นายอานนท์นี่ก็แปลก...ฉันกวนโมโหเค้าก็ไม่ยักโมโห"
สนมหัวเราะ
"ก็เป็นคนดีไง เรื่องลีน่าน่ะ คุณฟังแต่ฝ่ายลีน่า ไม่เคยฟังเหตุผลของคุณอานนท์เลย ฉันว่าถ้าคุณยังไม่หยุดคิดเรื่องลีน่า คุณจะเสียใจทีหลังนะ"
"ฉันก็อยากพูดดีๆกับเค้านะ แต่พอนึกถึงสรรพคุณผู้ชายที่ลีน่าเล่าให้ฟัง อีกทั้งหน้าตากวนๆนั้น...ฉันก็ทำใจไม่ได้สักที"
"คุณต้องลองพยายามทำให้ได้สักที...อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดที่มีต่อตัวเค้าได้บ้างนะ.....เชื่อหนมซิ.... นะลองดูสักครั้ง"
สนมอ้อน สุ...ไม่รู้ว่าคิดถึง ลีน่าหรืออานนท์ กันแน่
นงลักษณ์ทำงานอยู่บนบ้าน เจ้าคุณพลราม กับ คุณหญิงแนบเดินลงจากรถ
"เอ้าทำไมบ้านเงียบเชียบอย่างนี้ล่ะ...มีใครอยู่ไหม"
นงลักษณ์ยิ้มดีใจ มองลงมาจากบนบ้าน
"อยู่นี่ค่ะคุณแม่"
เจ้าคุณพลรามกับคุณหญิงเดินเข้าไปในบ้าน นงลักษณ์ลงมาจากชั้นบนไหว้พ่อ กับแม่
"สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่...ทำไมวันนี้มาถึงนี้ได้คะ"
"พ่อกับแม่แวะไปที่ร้าน สิรีบอกลูกเร่งงานอยู่ที่บ้าน แม่เลยแวะซื้อของกินอร่อยๆมาให้"
"เห็นหายหน้ากันไปทั้งสองคนพี่น้อง...พ่อ กับแม่คิดถึงก็เลยอยากแวะมาดูว่าเป็นยังไงกันบ้าง"
"ช่วงนี้คุณนนท์ยุ่งค่ะ...ไปทำงานที่เมืองนนท์ทุกวัน บางวันก็กลับบางวันก็ไม่กลับ...ถ้ากลับกว่าจะมาถึงบ้านก็ค่ำแทบทุกวัน"
คุณหญิงแนบทำหน้ากังวล
"เออ…โถพ่อนนท์...แล้วของที่เตรียมไว้คราวที่แล้วหมดรึ ยังก็ไม่รู้...น่าจะต้องเตรียมเพิ่มไว้อีก"
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณแม่...คุณนนท์ว่าที่โน่นน่ะมีพร้อมทุกอย่าง เจ้าของบ้านน่ะดูแลอย่างดี...เค้ายังมาคุยว่าได้กินอาหารจีน ...อาหารฝรั่งเศส"
"อาหารฝรั่งเศส...แม่ไม่เชื่อหรอก พ่อนนท์นี่กลัวพ่อแม่เป็นห่วงมาแต่งนิยายตลกหลอกล่ะซิ ในสวนอะไรมีอาหารจีน อาหารฝรั่งเศส"
"หนูก็ไม่รู้ค่ะ คุณนนท์บอกอย่างนั้น"
"แต่ก็ปล่อยเค้าเถอะแม่แนบ ผู้ชาย ปล่อยให้มันลำบากซะบ้าง..แค่นี้ไม่ตายหรอก"
คุณหญิงแนบค้อน
"แหม…ลูกฉันทั้งคน ฉันก็ต้องห่วงสิคะ"
สายใจเอาน้ำฝรั่งมาเสิร์ฟ คุณหญิงแนบมองนงลักษณ์
"แต่นงลักษณ์ดูแจ่มใสขึ้นเป็นกอง...ร้านเสื้อกำไรดีเหรอ ลูก"
นงลักษณ์ยิ้ม
"ก็ดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ หนูว่าหนูก็เหมือนเดิม"
"กลางวันทานอะไรหรือยังจ๊ะลูก"
"ลูกเตรียมเครื่องยำใหญ่ค่ะ...แล้วก็ว่าจะทำเรไรหน้าปู คุณพ่อคุณแม่มาก็ดีเลยค่ะ หนูจะแบ่งใส่ปิ่นโตไปให้ทานที่บ้าน มีพริกขิงปลาดุกฟู กับ เนื้อเค็มต้มกะทิด้วย"
"อยู่สองคนทำไมทำหลายอย่างนักล่ะลูก.. กินไม่หมดเก็บไว้บูดก็เสียดาย"
นงลักษณ์อึกอัก
"แหม..คุณนนท์ทานจุนะคะ..บางทีก็แบ่งบ้านสิรีบ้างค่ะ"
ตระกลเดินหอบถุงเข้ามา เห็นพ่อกับแม่นงลักษณ์ก็ชะงัก นงลักษณ์หันไปเห็นก็ทำหน้าไม่ถูก
"อ้าวคุณตระกล.. คุณพ่อ คุณแม่มาเยี่ยมฉันค่ะ"
ตระกลรีบยกมือไหว้พ่อแม่นงลักษณ์
"สวัสดีครับ...จำผมได้ไหมครับ"
พระยาพลรามมองตระกลอย่างพิจารณา
"จำไม่ได้"
"ผมเป็นเพื่อนอานนท์ครับ ตั้งแต่ชั้นประถม ผมเคยไปที่บ้านเมื่อตอนเด็กๆ หลายหน"
"คุณตระกลเป็นลูกพระยาเทพวิสุทธิ์ค่ะ"นงลักษณ์ว่า
คุณหญิงแนบยิ้ม
"พอจะจำได้ละ ไม่ได้เห็นกันเลย เจอกันก็เป็นหนุ่มแล้ว"
"ผมลงไปทำธุรกิจทางภาคใต้ครับ นานๆขึ้นมาสักครั้ง"
"คุณตระกลมาเยี่ยมป้าสมรกับสิรีบ่อยๆค่ะ"
"คุณนงลักษณ์ครับ...ผมผ่านร้านขนมที่คุณชอบครับ เลยซื้อมาฝาก"
พระยาพลรามมองตระกลกับนงลักษณ์แบบรู้ทัน แต่ไม่ออกอาการ นงลักษณ์ประหม่ามองหน้าพ่อหน้าแม่และอ้อมแอ้มตอบ
"ขอบคุณค่ะ"
พระยาพลรามมองหน้าคุณหญิงแนบ...
นงลักษณ์เดินมาส่งพ่อกับแม่ขึ้นรถที่หน้าบ้าน
"ถ้าพ่อนนท์เค้าต้องกลับบ้านมั่ง ไม่กลับมั่ง แม่นงลักษณ์ไปค้างกับแม่บ้างก็ได้นี่ลูก"
"นั่นสิ...อยู่ลำพังกับสายใจพ่อชักไม่ค่อยไว้ใจ"
นงลักษณ์หัวเราะ
"หนูอยู่ได้ค่ะ..คุณนนท์ก็มีงานแบบนี้เรื่อยๆ หนูชินแล้วค่ะ"
"สายใจ…แกคอยดูแลคุณให้ดีล่ะ เข้าใจไหม"
พระยาพลรามพูดกับสายใจอย่างจริงจัง
"เจ้าค่ะนายท่าน"
"แล้วนี่วันนี้พ่อนนท์จะกลับหรือเปล่าลูก"
"น่าจะกลับค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่"
"เอาละ…พ่อกับแม่กลับละ บอกพ่อนนท์ว่าพ่อกับแม่คิดถึง หายยุ่งจากงานเมื่อไหร่ก็ไปหาบ้างนะ"
"ค่ะคุณแม่"
นงลักษณ์ยกมือไหว้พ่อกับ แม่ พระยาพลรามกับคุณหญิงขึ้นรถ คนขับรถขับออกไป....
คุณหญิงแนบหันไปมองพระยาพลรามที่สีหน้าครุ่นคิด
"เป็นห่วงลูกสาวเหรอคะ"
"อดห่วงไม่ได้ เห็นมีไอ้หนุ่มมาทำตัวเป็นมดแดง ถึงจะเป็นเพื่อนนายนนท์ก็เถอะ"
แนบยิ้มๆ
"อย่ากังวลไปเลยค่ะ...ลูกสาวเราน่ะเค้าเป็นคนหนักแน่น รู้จักระวังตัว...พ่อตระกลนี่เราก็เห็นมาแต่เล็กแต่น้อย พ่อแม่ก็รู้จักกัน คงไม่ทำอะไรรุ่มร่าม เป็นห่วงพ่อนนท์มากกว่า…ไปมาข้ามเรือทุกวัน"
พระยาพลรามหันมายิ้มกับคุณหญิงแนบ
"คนอย่างนายนนท์มันเอาตัวรอดได้อยู่หรอกแม่แนบ"
เจ้าคุณจับมือคุณหญิงแนบอย่างให้กำลังใจกัน คุณหญิงแนบหันมายิ้มให้พระยาพลราม
เวลาเย็น อานนท์เดินมาจะขึ้นเรือ สุชาดาแต่งกายอย่างเดิมๆ ยืนพิงต้นมะพร้าวคุยกับสนมอยู่ด้วยท่าทางมีความสุข อานนท์ชะงักมอง นึกถึงคำพูดลูกน้องที่คิดว่าสุชาดาเป็นทอม ...
สนมเห็นอานนท์ก็สะกิดให้สุชาดารู้ แล้วเธอก็เดินมาหา
"วันนี้กว่าคุณจะกลับถึงบ้านเห็นจะค่ำ"
"ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ"
"โสน่ะซิ เอาเรือใหญ่ไปแล้ว เรามีเหลืออยู่แต่เรือตุ๊กๆ นี่เท่านั้น"
อานนท์มองไปที่เรือตุ๊กๆ ที่ว่า เป็นเรือเก่าลำหนึ่งจอดอยู่
"กว่าจะถึงฝั่งโน่นก็เกือบสองชั่วโมงเข้าไปแล้ว"
อานนท์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้มีธุระรีบร้อนไปไหน เพียงแค่จะกลับบ้าน จะถึงกี่โมงก็ช่างปะไร แต่ขอให้ถึง
เถอะ"
เธอพยักหน้าเดินนำอานนท์ไปขึ้นเรือ อานนท์เห็นมีตะกร้าใบใหญ่ใส่ของกินวางอยู่ สุชาดาพูดอย่างเป็นกันเอง
"เตรียมมาเผื่อหิวกลางทาง ถ้าคุณหิวก็กินได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะ"
อานนท์มองสุที่พูดดีอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ทั้งสองคนขึ้นไปบนเรือ สุชาดาสตาร์ทเครื่องแล้วก็ขับ
ออกไป...
เรือพาอานนท์นั่งมาได้สักครู่ เครื่องก็กระตุกดับ สุชาดาเดินมาเปิดเครื่องเอาไขควงเคาะแล้วกลับไปสตาร์ทเครื่องใหม่ เครื่องก็ติด เธอยิ้มอย่างพอใจแล้วก็ขับเรือต่อไป เรือแล่นไดได้สักครู่ก็ดับอีก สุก็ทำเหมือนเดิม.....ครั้งที่สามเครื่องก็ดับอีก อานนท์มองสุชาดากำลังจะแก้เครื่อง
เหมือนเดิม....
อานนท์เริ่มเอาขนมในตะกร้าออกมากินอย่างสบายใจ สุชาดาเดินมาแก้เครื่อง กลับไปสตาร์ทใหม่เรือก็แล่นไปได้อีกหน่อยก็ดับอีก...เป็นเช่นนี้อยู่สองสามครั้งจนเธอโมโห ถอดหมวกออกขว้างไปทางอานนท์ แล้วก็บ่นออกมาด้วยท่าทางโมโหมาก
"ไอ้เรือเฮงซวย...จะเอายังไงกันแน่"
พอสุกระชากหมวกออก ผมของสุที่ขมวดไว้ก็สยายออกมาเผยให้เห็นใบหน้าสวยงามกับผมยาวสยายสวยของเธอ อานนท์ที่กำลังกินขนมถึงกับตกตะลึงตาค้าง ทำขนมหลุดจากมือ...
อ่านต่อตอนที่ 6