เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 4
ผ่านไปหลายวัน บรรยากาศยามเช้าบริเวณของสวนมะพร้าว สุชาดากับสนม และคนงานอื่นๆ วุ่นอยู่กับการปาดจาวมะพร้าว ...
ในบรรยากาศของการต้มน้ำมะพร้าว เพื่อทำน้ำตาลมะพร้าว ตวันเดินเข้ามายืนมองและเดินจากไป
บริเวณท่าเรือ เช้าวันเดียวกัน คนงานของอานนท์ช่วยกันแบกลังไม้ที่บรรจุชิ้นส่วนเครื่องจักรลงเรือของโสที่จอดเทียบท่าอยู่ บางลังจะต้องใช้คนช่วยกันยกถึงหกคน เมื่อยกเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว เรือแล่นออกไปพร้อมคนงานของอานนท์
รถของพระยาสุทธาเทพวิสุทธิ์ขับเข้ามาจอดที่หน้าตึก เฉยรีบวิ่งมาเปิดประตู เจ้าคุณในชุดลำลองก้าวลงมาจากรถ เฉยวิ่งมาเปิดประตูรถให้
"เปิดเครื่องเย็นที่ห้องฉันหรือยัง"
เฉยลงนั่งรายงาน
"ยังขอรับ"
เจ้าคุณพยักหน้ารับรู้ สีหน้าเรียบเฉย
"ฉันก็ลืมบอกแกไปว่าวันนี้จะกลับเร็ว...รีบไปเปิดเลย"
"ขอรับ"
เฉยรีบวิ่งตัวค้อมขึ้นเรือนไป เจ้าคุณสุเดินขึ้นไปบนตึก...
เจ้าคุณเดินเข้ามาในตึกเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เจอคุณหญิงนั่งถอดไพ่อยู่ ต่างก็ชะงักด้วยท่าทางห่างเหิน
"อ้าว…ทำไมกลับเร็วละคะ"
เจ้าคุณพยักหน้าเรื่อยๆ ทำท่าอยากจะเดินไป คุณหญิงมองอย่างอึดอัด
"ดิฉันกำลังจะทานของว่าง...เชิญรับทานด้วยกันสิคะ"
เจ้าคุณตัดสินใจลงนั่ง ไม่ใกล้กันนัก
"วันนี้...เธอไม่ออกไปไหน"
"ค่ะ…เย็นนี้ต้องไปช่วยบ้านพระยาดำรงเตรียมของทำขวัญหลานที่เพิ่งคลอด"
เจ้าคุณพยักหน้ารับรู้อย่างไม่สนใจ เจียมยกถาดของว่างมาเสิร์ฟ
"จัดให้ท่านก่อน...แล้วแกไปเอามาให้ฉันอีกชุดหนึ่ง"
"เจ้าค่ะ"
คุณหญิงเจริญรินน้ำชาใส่ถ้วยให้เจ้าคุณอย่างพยายามเอาใจ แล้วเลื่อนมาให้เจ้าคุณ
"ขอบใจ"
เจ้าคุณสุทธามีท่าทางสบายขึ้น ยกน้ำชาขึ้นจิบ บรรยากาศเริ่มจะดี
"พอดีดิฉันมีเรื่องจะเรียนท่านเจ้าคุณพอดี...วันนี้พ่อตระกลจะพาแม่นิตไปดูหนัง ดิฉันเลยว่าจะให้เจียมไปด้วย"
เจ้าคุณหยุดดื่มน้ำชา หันมามองหน้า
"ทำไมต้องให้เจียมไปด้วย"
บรรยากาศที่กำลังจะดีกลายเป็นอึดอัด
"มันไม่ค่อยเหมาะที่ยายนิต จะไปกับพ่อตระกลสองคน ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นอาก็เถอะ...ดิฉันไม่ยอมให้ไปกันสองต่อสอง"
เจ้าคุณไม่ค่อยจะพอใจแล้ว
"อย่าทำอย่างนั้นเลยนะแม่เจริญ จะให้ลูกสาวไปไหนหรือไม่ให้ไปเป็นธุระของเธอ ฉันไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าอนุญาตแล้วและน้องชายฉันจะเป็นผู้พาไป เธอจะต้องให้เกียรติน้องชายฉัน จะมาทำรุ่มร่ามให้นังเจียมไปคุมอย่างนั้นไม่ได้ ฉันไม่ยอม ถ้าเธอคิดอย่างนั้นก็ไม่ต้องไป"
คุณหญิงเริ่มไม่ค่อยพอใจ เจียมจะเอาชุดน้ำชามาเสิร์ฟ เห็นท่าทางแล้วไม่กล้าเข้ามา
"แต่ดิฉันอนุญาตให้แม่นิตไปกับพ่อตระกลแล้ว...คนมีชาติตระกูลพูดแล้วต้องไม่คืนคำ"
เจ้าคุณมองอย่างเบื่อหน่าย
"อย่าเปรียบเทียบตัวเองให้สูงอย่างนั้นดีกว่า...พูดด้วยเหตุผลฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจหรือเปล่า"
คุณหญิงตาเขียว
"ท่านเจ้าคุณอย่ามาพูดกับดิฉันอย่างนี้เลย เหตุผลของดิฉันท่านเจ้าคุณน่าจะเข้าใจบ้าง"
เจ้าคุณเริ่มโมโหแล้ว เลิกดื่มน้ำชา
"ก็เหตุผลของเธอมันไม่เข้าท่า จะให้ฉันเห็นดีด้วยได้ ยังไง..เธอมันชอบทำตามใจตัวเอง หัดคิดถึงคนอื่นซะบ้างซิ"
คุณหญิงลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ นิศานั่งฟังพ่อแม่ทะเลาะกันอยู่อีกมุมหนึ่ง...
อานนท์ ตระกล นงลักษณ์ เสาวนิต มาถึงบริเวณโรงหนัง เสาวนิตพยายามเดินใกล้ๆ อานนท์ ทำท่าทางเรียบร้อยนุ่มนวล นงลักษณ์สังเกตท่าทางเสาวนิตก็อดขำไม่ได้
"คุณนนท์...น้องอยากทานข้าวโพดคั่วสักหน่อยค่ะ"
"ได้สิจ้ะ..พี่จะไปซื้อให้จ้ะ เอ้อ คุณนิตอยากทานขนมอะไรดีครับ"
เสาวนิตช้อนตามองอานนท์อย่างหวานซึ้ง ราวกับซาบซึ้งในคำพูดอานนท์เหลือเกิน
"ไม่เป็นไรค่ะ...นิตไม่รบกวนคุณอานนท์ดีกว่าค่ะ"
นงลักษณ์มองเสาวนิตตลอดเวลาอย่างรู้สึกทึ่ง แต่อานนท์ไม่ได้สังเกต
"ไม่รบกวนสักหน่อย...คุณนิตชอบช็อคโกแล็ตไหมครับ น่าจะมีขายด้วยนะ...เอาอย่างนี้ดีกว่า..เดี๋ยวผมจะซื้อมาหลายๆ อย่างก็แล้วกัน"
"ซื้อช็อกโกแล็ตมาให้น้องด้วยนะคะคุณนนท์"
"ได้จ้ะ"
อานนท์รีบเดินไป เสาวนิตแอบค้อนนงลักษณ์อย่างหมั่นไส้ แล้วเดินไปนั่งโดยไม่สนใจ
นงลักษณ์ อีกมุมหนึ่งของโรงหนังไกลออกไป แมรี่และซอนย่า แอบมองอานนท์อยู่
"ใช่นายอานนท์จริงๆ ด้วย…ควงผู้หญิงมาตั้งสองคน" ซอนย่าบอก
ทั้งสองมองอานนท์อย่างไม่ค่อยพอใจ
"พอสลัดลีน่าทิ้งไปก็หาใหม่เร็วเหลือเกินนะ" แมรี่ว่า
"ผู้ชายเจ้าชู้ ถ้านายอานนท์ไม่ทิ้งลีน่า ป่านนี้เค้าก็คงอยู่เมืองไทย...ได้ไปเที่ยวสนุกกับพวกเรา"
"ก็จริงของยู อย่าไปสนใจเค้าเลย ไปกันเถอะ"
อานนท์ ที่ซื้อขนมมาให้เสาวนิต กับ นงลักษณ์ ด้วยท่าทางเอาอกเอาใจยิ้มแย้ม ตระกลถือตั๋วเดินมาหา …คณะของอานนท์ที่พากันเดินเข้าโรงหนังไปด้วยท่าทางรื่นเริง...
ภายในห้องทำงาน เจ้าคุณสุทธากำลังหาหนังสืออยู่ มีเฉยอยู่ข้างๆ คอยรับหนังสือที่เจ้าคุณสุทธาเลือกออกมา
"เอาหนังสือพวกนี้ไปทำความสะอาด แล้วเอาไปไว้ในห้องนอนฉัน"
"ครับผม"
เฉยยกตั้งหนังสือออกไป พรรณยิ้มแย้มเดินเข้ามาหาเจ้าคุณพร้อมชามซุป
"ลงมือรื้อทำความสะอาดเองเลยหรือคะเจ้าคุณ"
เจ้าคุณสุทธาพยักหน้ายิ้มกับพี่สาวนิดๆ
"คุณแม่ให้เอาน้ำโสมมาให้เจ้าคุณ แม่เจริญไม่อยู่เหรอนี่"
"ไม่อยู่"
"แล้ววันนี้เค้าไปเจ้ากี้เจ้าการบ้านใครล่ะ"
"บ้าน..พระยาดำรงละมังครับ ไปช่วยทำอะไรผมก็ลืมไปแล้ว"
"อ๋อ…เค้ามีงานรับขวัญหลาน ความจริงงานแบบนี้มันงานในบ้านเขานา จะไปยุ่งกับเขาทำไม๊ เมื่อไหร่เค้าจะเลิกยุ่งกับชาวบ้านซะที"
"อย่าไปห้ามเขานะครับ...ให้เขาไปบ่อยๆ นะดีแล้ว"
พรรณหันมาหัวเราะกับเจ้าคุณ นิศาวิ่งเข้าบ้านมาด้วยท่าทางร่าเริงดีใจ วิ่งผ่านหน้าห้องสมุด พรรณรีบเรียกไว้
"ตุ๊…แม่ตุ๊"
นิศารีบเดินเข้ามาหาในห้องสมุด หน้ายังยิ้มอารมณ์ดี ยกมือไหว้พรรณ
"สอบเสร็จแล้วเหรอเรา"
"เจ้าค่ะ คุณป้าพรรณ"
"ทำได้หรือเปล่าล่ะ"
นิศายิ้มโอ่
"ทำได้สิคะเจ้าคุณพ่อ คราวนี้ตุ๊ต้องเอาที่หนึ่งชนะยายนาให้ได้"
เจ้าคุณยิ้มอย่างพอใจ
"สอบเสร็จก็ดีแล้ว...ไปกับป้าหน่อยไป"
นิศาชะงัก นึกสังหรณ์ใจ
"ไปไหนคะ"
"ไปอ่านนิราศภูเขาทองให้คุณย่าฟังหน่อย...ทีแรกป้าว่าจะมาตามแม่นิต แต่เขาไม่อยู่ ตุ๊ไปอ่านให้คุณย่าฟังหน่อยนะ ป้าจะบอกคุณย่าให้ให้รางวัลตุ๊ ทำข้อสอบได้ดีด้วยไง"
นิศาหน้ามุ่ย มองหน้าพ่อ เจ้าคุณพยักหน้าน้อยๆ พรรณจึงลากนิศาไปด้วย นิศาไปอย่างไม่เต็มใจ...
ตวันนั่งทานอาหารคนเดียว มีจูเหลียงคอยดูแลบริการ ตวันคุยกับจูเหลียงเป็นภาษาจีน แล้วหัวเราะกันเบาๆ สุชาดาเดินเข้ามาแล้วมาลงนั่งที่โต๊ะอาหาร
"หิวจังเลยมีอะไรทานก็รีบเอามาเร็วๆ จูเหลียง"
จูเหลียงยิ้มนอบน้อม
"ได้ค่ะ..จะรีบเอามาเดี๋ยวนี้"
ตวันมองสุยิ้มๆ
"แม่คิดว่าสุจะออกไปทานข้าวกับเพื่อนในเมือง"
"ทีแรกก็คิดว่าจะไปทานข้าวกับเพื่อน...แต่มันรู้สึกเบื่อๆ เลยไม่ไปดีกว่า"
สุชาดาทำหน้าเบื่อๆ ตวันสังเกต
"มีปัญหากับเพื่อนหรือเปล่า"
เธอส่ายหน้า
"ไม่มีหรอกค่ะ"
สุชาดาเดินไปรินไวน์ที่แช่อยู่ในถังแช่ไวน์ ใส่แก้วมานั่งดื่มที่โต๊ะอาหาร
"แม่คะ...ผู้ชายที่เคยสัญญากับผู้หญิงว่าจะรักกัน อยากจะแต่งงานด้วยกัน แต่เค้าเปลี่ยนใจ ทิ้งผู้หญิงไปหาคนอื่น"
ตวันเงยหน้ามองสุชาดาอย่างโดนใจ
"มันเป็นเพราะอะไรคะแม่ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดีใช่ไหมคะ"
ตวันนิ่งไป
"มันก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น"
"เพราะเค้าไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ใช่ไหมคะแม่... แล้วเค้ามาสัญญา มาบอกรักผู้หญิงทำไม"
ตวันวางส้อมกับมีด กินไม่ลง
"ก่อนที่เราจะโทษใคร เราต้องดูตัวเราเองก่อน ต้องหาเหตุผลที่ทำให้ผู้ชายเปลี่ยนใจ"
"เปลี่ยนใจเพราะไม่ได้รักจริง เพราะถ้ารักจริงต้องไม่เปลี่ยนใจใช่ไหมคะแม่"
ตวันถอนใจ พยักหน้า...จูเหลียงเอาอาหารมาเสิร์ฟ ตวันมองลูกสาวอย่างพิจารณา
"มีใครมาทำอย่างนั้นกับสุหรือเปล่า"
สุชาดาหัวเราะ
"ไม่มีค่ะแม่...ถ้ามีใครมาทำกับสุแบบนั้นโดนตีตกน้ำแน่ๆ"
สุชาดาทานอาหารอย่างหิว แต่ตะวันกินไม่ลง จิบไวน์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
หลังดูหนัง ทุกคนกลับมานั่งทานอาหารเย็นอยู่ที่บ้านอานนท์ หลังทานเสร็จแล้ว สายใจกำลังทยอยเก็บของคาว โดยมีนงลักษณ์ช่วยจัดการอย่างคล่องแคล่ว เสาวนิตคอยแต่มองอานนท์ แต่ก็อดที่จะแอบมอง นงลักษณ์ ไม่ได้..
"วันนี้น้องทำของหวานอะไรจ้ะ"
"มีส้มลอยแก้ว ของโปรดคุณนนท์ค่ะ"
"ของโปรดผมด้วยครับ เป็นไงยายนิต ฝีมือกับข้าวคุณนงลักษณ์อร่อยไหมล่ะ"
เสาวนิตยิ้มกับอานนท์
"อร่อยมากค่ะ...ขอบคุณ คุณอานนท์มากนะคะที่พามาทานข้าวที่บ้าน"
นงลักษณ์ หันไปยิ้มกับตระกล
"ด้วยความยินดีครับ...ตระกลนะเป็นแขกประจำของบ้านผม เค้ามาติดใจฝีมือนงลักษณ์"
"มาทานข้าวเย็นกับน้องบ่อยกว่าคุณนนท์อีกนะคะ..วันนี้ถึงต้องเอาใจทำแต่ของโปรดคุณนนท์"
เสาวนิตทำตาโตอย่างน่ารัก
"ดีใจจังเลยที่วันนี้ได้รู้ว่าคุณนนท์ชอบทานอะไรบ้าง เผื่อโอกาสหน้า นิตจะได้แสดงฝีมือทำของโปรดให้คุณนนท์ทานบ้าง…คุณนนท์คงไม่รังเกียจนะค่ะ"
เสาวนิตมองอานนท์ ทำตาเว้าวอน จนอานนท์อึ้งก่อนฝืนหัวเราะ
"ได้เสมอเลยครับ"
"ถ้าคุณนิตอยากทำ คุณนิตต้องบอกล่วงหน้านะคะ เพราะคุณนนท์กลับบ้านไม่เป็นเวลา"
"หรืออย่างนั้นคุณนนท์ไปทานข้าวที่บ้านนิตก็ได้นะคะ จริงไหมคะอาตระกล"
ตระกลยิ้มๆ ไม่ตอบ... สายใจเอาส้มลอยแก้วมาเสิร์ฟให้ทุกคน
"ลองชิมดูนะครับ...ส้มลอยแก้วนงลักษณ์ทั้งหวานทั้งหอม" อานนท์บอก
"ทานแล้วชื่นใจมากเลยครับ"
เสาวนิตกรีดมือหยิบช้อนขนมชิมนิดหนึ่ง
"ค่ะ…คุณย่าแววก็ทำอร่อยนะคะอาตระกล...นิตนะเคยทานกับข้าวคุณย่าแววจนชิน ถ้าที่ไหนไม่อร่อยจริง นิตจะไม่ค่อยอยากทานเท่าไหร่นะคะ...แต่นี่ก็อร่อยค่ะ"
"แต่อาว่าฝีมือคุณนงลักษณ์นี่ไม่แพ้แม่แววเลยนิต"
ตระกลมองนงลักษณ์ด้วยสายตาชื่นชม นงลักษณ์ยิ้มพอใจ เสาวนิตมองหน้าอานนท์แล้วทำตาหวาน วางช้อนขนมไม่ทานต่อ...
"อ้าว…อิ่มแล้วเหรอครับ"
เสาวนิตส่งตาหวานให้อานนท์อีก
"ค่ะ…นิตไม่อยากอ้วน"
"คุณนิดเรียนจบแล้วใช่ไหมคะ" นงลักษณ์ถาม
"ยังค่ะ...เอ้อ...นิตกำลังเรียนการเรือนเพิ่มเติม"
"เรียนจบแล้วเรียนการเรือนเพิ่มเติมอีกเหรอคะ"
"ค่ะ…คุณแม่อยากให้นิตเก่งเรื่องการเรือน แต่งงานแล้วสามีจะได้ไม่อายใคร"
อานนท์เริ่มสะดุดกับคำพูดเสาวนิต ทีดูแก่แดดเกินตัว แต่ก็ยิ้มรับ เสาวนิตที่ส่งยิ้มหวานมาให้...
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ตระกลขับรถกลับบ้านสุทธากุล มีเสาวนิตนั่งมาด้วย
"นิตคิดว่าอาจะพาไปทานอาหารที่ภัตตาคารซะอีก เมียคุณอานนท์นี่ เค้าคงอยากแสดงฝีมือทำอาหารให้เราทานเลยอุตส่าห์พามาเลี้ยงที่บ้าน"
ตระกลงง
"เมียอานนท์...เฮ้ย อานนท์ยังไม่แต่งงานซักหน่อย คุณนงลักษณ์เป็นน้องสาวเค้าต่างหาก เค้าไม่ได้อยากแสดงฝีมือหรอก เค้าทำอาหารทุกวันเป็นปรกติเขาอยู่แล้ว คุณนงลักษณ์นะเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีจริงๆ" ตระกลพูดอย่างชื่นชม
"อ้าว..งั้นดอกหรือคะ เห็นเรียกน้องๆ นึกว่าเป็นเมีย"
ตระกลหัวเราะ
"อะไร... เรียกน้องเผ่นไปนึกว่าเมีย นิตนี่พิกล มีความคิดแปลกๆ"
"ไม่รู้รึคะ..ก็หน้าตาไม่เหมือนกันสักหน่อย..พี่ชายหน้าตาโก้ออกจะตาย น้องสาวไม่ได้เศษ เอ้อ..แล้วก็อยู่กันสองคน ใครจะไปรู้ พ่อแม่เขาไปไหนหมดล่ะคะ"
"ก็อยู่บ้านเขาน่ะซิ"
เสาวนิตดีใจหัวเราะเสียงใส...แอบทำหน้าดีใจสุดๆ เพราะกลัวตระกลจะจับได้ว่าสนใจอานนท์
ตระกลขับรถมาจอดบริเวณจอดรถแล้วเดินลงมากับเสาวนิต เสาวนิตยกมือไหว้ตระกล
"ขอบพระคุณมากค่ะอาตระกล...หวังว่านิตคงได้ไปเที่ยวกับอาและ เพื่อนของอาอีกนะคะ"
ตระกลยิ้มๆ พยักหน้า
"จ้ะ"
เสาวนิตรีบวิ่งขึ้นบ้านไป เฉยเดินมาหาตระกล
"ท่านสั่งไว้ว่าถ้าคุณกลับมาให้ไปหาท่านด้วยครับ"
"ขอบใจนะเฉย"
ตระกลเดินเข้าบ้านไป มีเฉยเดินตาม...
เสาวนิตเดินไปที่ห้องนอน เจียมเดินออกมาเหมือนมีเรื่องจะพูดด้วย เสาวนิตขมวดคิ้ว
"มีอะไรหรือ"
เจียมรีบกระมิดกระเมี้ยนเข้ามาทำหน้ายิ้มแบบรู้กัน
"คุณนิตขา เป็นอย่างไรบ้างคะ คุณอานนท์ โก้สมกับคุณนิตคาดหวังไว้มั้งคะ"
เสาวนิตเขินอาย
"ทีแรกฉันนึกว่าเขามีเมียแล้ว แต่นั่นเป็นน้องสาวเค้า เค้ายังไม่แต่งงาน ถ้าฉันมีคู่รักอย่างคุณอานนท์...คงโก้พิลึกละ...ยายตุ๊กับพวกเพื่อนเค้าจะได้ไม่กล้ามาดูถูกฉันอีก"
"คุณตุ๊ กับเพื่อนๆ ดูถูกคุณนิตด้วยเหรอคะ"
"ก็ใช่น่ะซิ..เชอะ..ถือว่าเรียนเก่ง"
"อ๋อ…เพราะคุณนิตสอบตกซ้ำชั้นแทบทุกปี จนคุณตุ๊เรียนทันนี่คะ จริงๆ คุณนิตน่ะ น่าจะจบไปหลายปีแล้ว"
เสาวนิตตวาด เอื้อมมือจะตีเจียม
"อีปากเสีย...ถ้าพูดจาแบบนี้จะตบให้ปากแตก"
เจียมรีบหลบยกมือไหว้
"ขอโทษเจ้าค่ะ คุณนิต บ่าวพูดไม่ทันคิด... คุณนิตอย่าโมโหสิคะเดี๋ยวไม่สวย"
เสาวนิตชะงัก
"แกว่าฉันสวยสมกับคุณอานนท์ไหม"
เจียมรีบประจบ
"คุณนิตกับคุณอานนท์นะ เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยเจ้าค่ะ"
เสาวนิตฝัน
"วันนี้คุณอานนท์เค้าก็ดีกับฉันมาก ฉันคิดว่า เค้าสนใจฉันด้วย"
"เจียมว่าไม่มีผู้ชายคนไหนจะไม่หลงคุณนิตหรอกค่ะ..คุณนิตสวยขนาดนี้...ขนาดนายเทอดหลานคุณนายพลับยังชอบแอบมองทำตาละห้อย"
เสาวนิตยิ้มถูกใจ
"ทำตาละห้อยทำไม"
"ก็คงน้อยใจวาสนาตัวเอง ที่ต่ำต้อยไม่กล้าเด็ดดอกฟ้าซิคะ"
เสาวนิตถูกใจมาก
"จริงเหรอเจียม...แต่เทอดน่ะ สู้คุณนนท์ไม่ได้เลยนะ"
"แต่ถ้านายเทอดเค้าเรียนจบเป็นหมอ...เค้าก็โก้เหมือนกันนะคะ"
"จริงสินะ เทอดเรียนหมอ อีกไม่กี่ปีก็จบเป็นหมอแล้ว ถ้าเทอดเป็นหมอก็โก้เหมือนกัน"
"คุณนิตต้องตัดสินใจให้ดีนะเจ้าคะ ว่าจะเลือกใครดี"
เสาวนิตม้วนอย่างเขิน
"นั้นสิ...เลือกใครดีล่ะ จะเลือกอีกคนก็เสียดายอีกคนน่ะเจียม"
เจียมทำค้อน
"แหม…คุณนิตนี่หลายใจเหมือนกันนะคะ"
เสาวนิตถลึงตา
"ทะลึ่ง…แล้วนี่ยายตุ๊อยู่ที่ห้องหรือเปล่า"
"โดนคุณพรรณมาลากตัวไปตึกคุณท่านตั้งแต่เย็นแล้วค่ะ"
"ไปทำไม"
"ก็คุณนิตไม่อยู่ คุณพรรณก็เลยให้คุณตุ๊ไปอ่านหนังสือให้คุณท่านแทนสิค"
เสาวนิตหัวเราะสะใจ
"สมน้ำหน้า...อ่านหนังสือให้คุณย่าน่าเบื่อจะตาย...นานเป็นชั่วโมงๆ จนไม่มีเสียง คุณย่าก็ยังไห้อ่านอยู่นั่นแหละ...ป่านนี่ยายตุ๊คงอ่านจนเสียงหลงไปแล้วมั้ง"
เจ้าคุณนั่งคุยกับตระกลในห้อง มีเสียงเพลง I Adore You เปิดเบาๆ
"เพื่อนของตระกลคนนี้ถูกชะตากับพี่นะ...ดูเขาจะห่ามๆ ไม่เรียบร้อย แต่พูดคุยสนุกสนานมีหลักการ...ชวนมาที่บ้านเราบ่อยๆ สิ"
"ช่วงนี้อานนท์เค้าว่างก็เลยเที่ยวสนุกได้ แต่อีกไม่กี่วันเขาจะต้องไปติดตั้งเครื่องจักรที่คลองน้ำวน...คงไม่ได้เจอกันอีกนานครับ"
"แถวๆ คลองน้ำวนมีโรงงานที่ต้องใช้เครื่องจักรอย่างดีด้วยเหรอ"
"เห็นเค้าว่าเป็นเครื่องจักรสำหรับหีบน้ำมันมะพร้าว อะไรนี่แหล่ะครับ...มีบริษัทแม่อยู่มาเลย์"
เจ้าคุณชะงัก เมื่อได้ยินคำว่ามาเลย์...
"มาเลย์"
"คุณพี่เคยไปเหรอครับ"
เจ้าคุณสีหน้าเศร้า
"เคย…นานมากแล้ว"
ไพจิตรถือไฟฉาย พานิศามาส่งที่ตึกใหญ่ นิศาเดินบ่นมาเรื่อยๆ
"อ่านซะเสียงแหบเสียงแห้ง...คุณจิตร...ตุ๊เสียงแหบมากไหม"
"ไม่แหบ...ก็เหมือนเดิม"
"แต่ตุ๊เจ็บคอ...น่าจะไม่มีเสียงละ"
"เสียงก็เหมือนเดิมนะซิ...ไม่เห็นจะแหบ เสียงดังเหมือนเดิม"
นิศามองไพจิตร
"คุณจิตร...ถามจริงๆ เถอะ ทำไมเวลาพูดกับคุณพ่อคุณ จิตรต้องพูดติดอ่างด้วย...ทีอย่างนี้คุยกับตุ๊ไม่เห็นติดอ่างเลย พูดกับคุณย่าก็ไม่ติดอ่าง พูดกับคุณป้าแก่ๆ ก็ไม่ติดอ่าง ทำไมติดอ่างเวลาพูดกับคุณพ่อคนเดียว"
ไพจิตรอึกอัก
"น่ะ…แค่พูดถึงคุณพ่อยังทำท่าจะติดอ่าง เป็นอะไร"
"พี่…พี่…กลัว"
"กลัวอะไร...ถ้าไม่ทำผิดคุณพ่อไม่เคยดุเลย...ตุ๊ยังคิดว่าจริงๆ แล้วคุณพ่อใจดีมากด้วย"
"ไม่จริงหรอก...คุณย่า กับ คุณป้า บอกว่าคุณพ่อน่ะไม่ชอบพี่"
"ไม่จริง"
"จริง…คุณพ่อไม่เคยสนใจพี่ คุณป้าเพริศก็บอกให้พี่อยู่ห่างๆคุณพ่อดีกว่า ไม่งั้นดีไม่ดีจะโดนตะเพิดเอา"
"ตะเพิดเรื่องอะไร"
"ก็..ก็..พี่ไม่ค่อยเก่ง คุณพ่อก็...ก็จะรำคาญ จะไม่สนใจ"
ท่าทางไพจิตรน่าสงสาร
"งั้นเดี๋ยวตุ๊จะเรียนถามกับคุณพ่อเองว่าไม่ชอบคุณจิตรจริงๆหรือเปล่า"
"อย่า...อย่า...อย่านะตุ๊"
เสาวนิตเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว กำลังอ่านหนังสือนิยายราคาถูกที่เจียมเอามาให้ด้วยสีหน้าตื่นใจอยู่บนเตียง เสาวนิตอ่านแล้วก็หลับตาอย่างตื่นเต้น ปิดหนังสือแล้วเปิดก็อ่านใหม่
เสาวนิตทำท่าจะอ่านต่อ นิศาเดินเข้ามาในห้อง ปิดประตูอย่างแรง เสาวนิตรีบเอาหนังสือซ่อนก่อนที่นิศาจะเห็น
"ทำไมต้องปิดประตูดังอย่างนั้นล่ะ...ตุ๊นี่ไม่มีสมบัติผู้ดีเลย"
นิศาค้อนเสาวนิต
"ไปอยู่ที่บ้านคุณย่าสนุกไหม"
นิศาค้อน อารมณ์เสียทันที
"ฮึ..สนุก คราวหน้าพี่นิตต้องไปบ้างนะ ตุ๊ไม่ไปอีกละ"
เสาวนิตขำท่าทางไม่พอใจของนิศา
"โกรธไปได้...ควรจะดีใจที่คุณย่าโปรดปรานตุ๊ จะได้ยกมรดกให้ตุ๊ไง...เอาเถอะ คราวหน้าพี่จะไปแทนตุ๊เอง"
นิศาหายโกรธ มองเสาวนิตอย่างไม่แน่ใจ
"จริงๆ นะ…พี่นิตพูดแล้วอย่าลืมล่ะ"
สาวนิตสีหน้ามีความสุข
"ไม่ลืมหรอกน่า นี่ตุ๊ พี่เจอพระเอกของพี่แล้วนะ"
นิศาทำหน้าเบื่อ
"ใครกัน...พี่นิตนี่ไปที่ไหนก็เจอแต่พระเอกอยู่เรื่อย"
"คนนี้เป็นพระเอกที่หนึ่งของพี่จริงๆ โก้เป็นที่สุด...หล่อเป็นที่สุด บ้านเค้าก็สวยหรู พี่ตัดสินใจแน่แล้วข้อสำคัญ...เค้าก็สนใจพี่เหมือนกัน"
"แน่ใจเหรอว่าพี่นิตไม่ได้คิดไปเอง"
"แน่ใจที่สุด"
นิศาทำหน้าเบื่อ คว้าผ้าเช็ดตัวจะไปอาบน้ำ
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ตอนเช้าวันใหม่ ในบรรยากาศสดใส พนักงานในบริษัท พากันจ้องมองตามวนิดา ที่แต่งตัวสวยเดินเข้ามาในบริษัทของอานนท์ วนิดาเดินมาตามทางเดินด้วยสีหน้ายิ้มๆ จนหยุดพูดกับพนักงานคนหนึ่ง
"ห้องทำงานคุณอานนท์ไปทางไหนคะ"
"สุดทางเดินห้องขวามือครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
วนิดาเดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานอานนท์ แล้วเคาะประตู
ภายในห้อง อานนท์กำลังนั่งทำงานอยู่ มีเสียงเคาะประตู
"เชิญครับ"
วนิดาเปิดประตูเข้ามา อานนท์เห็นวนิดาเดินเข้ามาก็แปลกใจ..ยิ้มให้ ลุกขึ้นยืนต้อนรับ
"วนิดา…มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าครับ คุณมีอะไรถึงมาหาผมถึงที่นี่"
วนิดายิ้มหวาน
"มีคนบอกดาว่าคุณนนท์กลับมาเดินคนเดียวแล้วใช่ไหมคะ"
อานนท์งง
"กลับมาเดินคนเดียว"
"หมายถึงเลิกกับคู่รัก เด็กสาวลูกครึ่งคนนั้นแล้ว"
"คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นลูกครึ่ง"
"รู้ก็แล้วกัน...ที่สโมสรเค้าลือกันให้หึ่งว่าคุณนนท์หลบหน้าหลบตาสาวลูกครึ่งคนนั้น...ขนาดเค้ามายืนรอหน้าสโมสรแทบทุกวัน...ใจร้ายนะคุณนนท์"
วนิดาพูดด้วยสีหน้าล้อๆ แต่ดีใจ อานนท์แอบทำหน้าเสีย แต่ก็หันมายิ้มๆ
"ใจร้ายตอนนี้ดีกว่าอยู่กันไปแล้วอยู่กันไม่ได้ ผมว่าใจร้ายกว่า"
"จริงค่ะ...ขอแสดงความยินดีที่รู้ทันก่อนจะแต่งนะคะ"
"จะมาคุยเรื่องนี้เท่านั้นเหรอ"
"อันที่จริงดาตั้งใจจะมาชวนคุณไปงานวันเกิด"
อานนท์ยิ้ม
"สงสัยงานนี้มีแต่หนุ่มๆ ของคุณเต็มงานแน่ๆ"
วนิดาตีแขนอานนท์
"พูดเล่นอยู่เรื่อย...ถึงจะมีใครกี่คน คุณนนท์สนใจด้วยเหรอคะ"
"เมื่อไหร่ล่ะ"
"มะรืนนี้ค่ะ...ไปให้ได้นะคะ"
อานนท์ยิ้ม
"ครับ…อยากได้ของขวัญอะไร"
"ถ้าบอกว่าอยากได้คุณนนท์ล่ะคะ"
อานนท์หัวเราะ
"ผมกินจุ...เลี้ยงไม่ไหวหรอก"
วนิดาเจื่อนไป แต่ก็พยายามหัวเราะ
"ไปให้ได้นะคะ"
อานนท์พยักหน้า วนิดาเดินออกไป แพทริคเดินสวนเข้ามาเห็นวนิดาแล้วทำหน้าทึ่ง
"ว๊าว…อานนท์ คนนี้สวยมาก"
อานนท์เหล่
"แพทริค...เห็นผู้หญิงคนไหนมาหาผมก็บอกว่าสวยหมดทุกคนนะ"
"คนนี้สวยจริงๆ...ถ้าผมยังโสดจะขอคุณเลย"
อานนท์หัวเราะ
"นี่แพทริค...คนนะ ไม่ใช่ปากกาซะหน่อย...ขอไปเรื่อย"
อานนท์ชูปากกาจะทำงานต่อ
"มีข่าวมาบอก...เครื่องจักรที่ต้องติดตั้งที่คลองน้ำวนพร้อมให้ให้คุณไปประกอบติดตั้งได้แล้ว"
อานนท์ดีใจ
"ดีจริง"
"ตอนนี้ทีมเราก็ไปที่โน่นบ้างแล้ว เอ๊ะ..ทำไมคุณถึงดีใจล่ะ ทุกทีถ้าต้องไปทำงานไกลๆ อย่างนี้คุณจะทำหน้ายักษ์ใส่ผมนะ ที่นั่นมีอะไรดีเหรอ"
อานนท์ค้อน
"คุณก็พูดเกินไป...แต่ก็จริงของคุณนะ...ที่นั่นอาจมีอะไรที่ทำให้ผมมีความรู้สึกดีๆ"
อานนท์ หัวเราะกับแพทริค...
วันใหม่ โสภณขับเรือมารับอานนท์ที่ท่าน้ำ อานนท์ทักทายแล้วกระโดดขึ้นเรือ เรือขับออกไป
อานนท์คุยกับโสภณแข่งกับเสียงเครื่องเรือ
"เจ้าหน้าที่ของคุณอานนท์มาพักกับเราสี่ห้าวันแล้วครับ"
"ต้องขอบคุณมากครับที่ดูแลพวกเค้าอย่างดี"
"ไม่เป็นไรครับ...นายตวันจะดูแลทุกคนที่มาทำงานให้เราครับ…คืนนี้คุณนนท์จะพักที่นี่ไหมครับ"
"ผมต้องดูหน้างานก่อนครับ...ถ้าจำเป็นผมก็คงต้องรบกวนพักที่นี่"
"ด้วยความยินดีครับ"
เรือแล่นไปตามแม่น้ำ
ผ่านเวลา...อานนท์ประกอบเครื่องจักร...จากเนื้อตัวไม่สกปรกจนเนื้อตัวมอมแมม...ทั้งเหนื่อย...ร้อน...จนพักกินอาหาร
สุชาดายืนมองอานนท์ กับทีมงานติดตั้งเครื่องจักร โสภณยืนดูคอยถามอานนท์ ท่าทางอานนท์ที่ทำงานดูเป็นเรื่องเป็นราว สุชาดาแอบมองอยู่ที่ด้านหนึ่ง สักครู่นายตวันเดินมาหายืนมองอานนท์ใกล้ๆ สุชาดา
"วิศวกรบริษัทนี้เก่งเลยนะ โชคดีที่เราเลือกไม่ผิด"
"ให้งานเสร็จก่อนค่ะแม่...ตอนนี้ยังไม่แน่"
ตวันมองสุชาดา
"อยากเข้าไปถามเค้าให้แน่ใจก่อนไหมล่ะลูก"
เธอส่ายหน้า ยังมองอานนท์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร โสภณเดินเข้าไปหาอานนท์และชี้มาที่นายตะวันกับสุชาดายืนอยู่ อานนท์เดินออกมาหายกมือไหว้ตวัน
"สวัสดีครับ"
ตวันรับไหว้
"สวัสดีค่ะคุณอานนท์..มีปัญหาอะไรในการติดตั้งมั้ยคะ นี่ลูกของฉันอีกคน..สุ"
อานนท์ยิ้มให้ แต่สุชาดาแต่งตัวเหมือนผู้ชาย อานนท์จึงทักทายเหมือนทักทายผู้ชาย
"สวัสดีครับ"
สุชาดาไม่ตอบ หันหลังเดินไปเฉยๆ อานนท์ที่กำลังยิ้มแจ่มใส เลยยิ้มค้างไปเลย
ตวันมองตามลูกสาวแบบงงๆ หันมารับยิ้มแก้เก้อกับอานนท์
อานนท์กำลังยุ่งอยู่กับการติดตั้งเครื่องจักร โดยมีลูกน้องช่วยอยู่ 4 คน อานนท์กับลูกน้องเนื้อตัวมอมแมม
ลูกน้อง 1บอก
"มอเตอร์เยอรมันนี่ติดตั้งยากนะครับ"
อานนท์มองเครื่องจักรอย่างพิถีพิถัน
"แน่ละ...เราต้องทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด อย่าลืมรัดแหวนตรงนี้ก่อนถึงจะดึงสายพานมาได้...ดูให้ดีนะ และก่อนใส่สายพานต้องใช้สกรูขันน็อตให้แน่นทั้งหมด"
ลูกน้อง 1บอก"ครับ"
ลูกน้อง 2 บอก"ถ้าพี่นนท์ไม่มาด้วย พวกผมคงงงเป็นไก่ตาแตกแน่ๆ"
ลูกน้อง 1บอก"อย่างนี้เมืองไทยยังไม่มีสอนเลยครับ"
อานนท์ยิ้มบอก
"คงอีกไม่นานนักหรอก เครื่องจักรพวกนี้น่าจะเต็มบ้านเต็มเมือง ถ้าเราหมั่นเรียนรู้ความก้าวหน้าของเครื่องจักร อนาคตเราก็จะมีวิศวกรเครื่องกลที่เก่งไม่แพ้ฝรั่งหรอก"
ลูกน้องพากันยิ้มชอบใจ
"ฟังแล้วมีอนาคตดีครับ"
"ข้อสำคัญที่สุดคือต้องมีวินัย เวลาทำงานต้องมีสมาธิ ถ้าขาดสองอย่างนี้ทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรอก"
ลูกน้องพากันหัวเราะ
ลูกน้อง 1บอก"ฟังไว้นะ...นานๆ พี่นนท์จะพูดเป็นงานเป็นการนะนี่"
อานนท์หัวเราะ
"อ้าว…อย่างนี้แปลว่าผมพูดแต่เรื่องไร้สาระละซี่."
มีเดินเข้ามาหาอานนท์
"นายตวันให้มาเชิญนายช่างใหญ่ไปทานข้าวที่บ้าน"
อานนท์ก้มลงมองสภาพตัวเองที่มอมแมม
"แล้วของช่างคนอื่นๆ ล่ะ"
"นายตวันให้จัดโต๊ะที่ศาลาริมน้ำครับ"
"งั้นผมขอทานกับลูกน้องที่ศาลาริมน้ำก็แล้วกัน...ไม่ไหว ตัวสกปรกอย่างนี้ อย่าให้ไปที่บ้านนายตวันเลย"
มีทำหน้าดุ
"ไม่ได้..นายช่างใหญ่ต้องไปทานกับนายตวัน นายจัดโต๊ะเตรียมไว้แล้ว"
ลูกน้องอานนท์พากันยิ้มๆ อานนท์ถอนใจอย่างหนักใจ...
บนโต๊ะอาหารที่จัดอย่างดี จูเหลียงกำลังดูความเรียบร้อยบนโต๊ะอาหาร สุชาดาที่แต่งตัวเหมือนผู้ชาย สวมหมวกเดินเข้ามาดูด้วยสีหน้าพอใจ
"ทำไมจัดโต๊ะซะสวยล่ะ...นี่มันมื้อกลางวันนี่"
"นายสั่งว่ามีแขก...ให้จัดโต๊ะสวยๆ"
สุชาดาทำหน้าไม่พอใจ ตวันเดินเข้ามากับโสภณ
"จูเหลียง...พอนายช่างมาก็เอาอาหารมาเสิร์ฟเลยนะ"
"ค่ะนาย"
จูเหลียงเดินไป สุชาดายังสีหน้าไม่พอใจ
"แม่ชวนนายอานนท์มาทานอาหารที่บ้านเราอีกแล้วเหรอคะ"
ตวันมองลูกสาวอย่างพิจารณา
"เราก็ควรจะให้เกียรติเค้านี่สุ"
สุทำท่าขัดใจ
"นี่แปลว่านายอานนท์จะต้องร่วมโต๊ะกับเราทุกมื้อหรือเปล่าคะ"
อานนท์เดินเข้ามา...เช็ดตัวสะอาดขึ้นแล้ว พูดกับทุกคนอย่างยิ้มแย้มโดยไม่รู้ว่าสุชาดากำลังไม่พอใจอยู่
"ขอโทษที่มาช้าครับ ผมต้องล้างคราบน้ำมันเครื่องเสียแทบแย่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เจริญอาหารกันแน่ๆ"
เธอมองอานนท์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วเดินออกไป โสภณเรียกไว้
"สุจะไปไหนล่ะ"
เธอตอบโดยไม่หันมา
"จะไปกินข้าวกับหนม"
อานนท์ยิ้ม
"กินข้าวกับขนมจะเข้ากันหรือครับ"
สุชาดาหันมามองอานนท์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ตาเขียวไม่พอใจ แล้วเดินออกไป โสภณมองหน้าแม่ ตวันหันมายิ้มกับอานนท์ ฝ่ายอานนท์มองตามสุชาดาอย่างไม่เข้าใจ...
"สุเค้ามีเพื่อนชื่อสนมค่ะ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ เชิญนั่งค่ะคุณอานนท์...วันนี้เราจะทานอาหารจีนกัน"
"ขอบคุณครับ"
ทั้งสามคนเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร
"อาหารจีนบ้านเราอร่อยนะครับ...คุณนนท์ทานแล้วจะติดใจ"
"ผมเกรงใจจริงๆครับ..คราวหน้าผมขอทานข้าวกับลูกน้องดีกว่าครับ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ คุณมาทานอาหารกับเรา จะได้คุยเรื่องความก้าวหน้างานคุณให้ฉันฟัง"
อานนท์ยิ้ม
"เรื่องนั้น ผมต้องรายงานความคืบหน้าของงานให้นายตวันเป็นระยะอยู่แล้วครับ แต่ที่ผมอยากทานข้าวกับลูกน้องไม่ใช่เพราะผมเกรงใจ แต่เวลาที่ผมทานข้าวกับลูกน้องเราจะเปิดใจคุยกันเรื่องงานได้ดี...มันจะไม่เครียดเหมือนคุยตอนทำงาน"
ตวันสีหน้าพอใจ จูหลิงเริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่ม
"ฉันชอบความคิดของคุณนะ...ได้เปิดใจเรื่องงานระหว่างที่ทานอาหารกับลูกน้อง ยิ่งถ้าอาหารอร่อยๆแทนที่บรรยากาศจะเครียด กลับเป็นว่าทุกคนสบายๆ ที่จะคุยกับเรา"
"อ้าว…เค้าว่าห้ามพูดเรื่องงานตอนทานอาหารไม่ใช่เหรอครับ"
"แล้วแต่กรณีครับ...ถ้าเราทานกับคนอื่นที่ไม่ได้ร่วมทำงานกับเราแล้วพูดเรื่องงานที่รู้กันแค่ไม่กี่คน...ดูจะเสียมารยาท"
"แต่ถ้าเฉพาะทีมของเรานั่งทานอาหารด้วยกัน...จะกลายเป็นการคลี่คลายปัญหาของงานไปได้ น่าสนใจ"
โสภณหัวเราะ
"นั่นสิครับ...น่าสนใจมาก"
จูเหลียงเริ่มเอาอาหารมาเสิร์ฟ
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภายในกระท่อมโสภณ สนมกับสุชาดานั่งตำส้มตำกัน เนตรเผาปลาย่างอยู่ไม่ไกล
สนมกำลังตำส้มตำในครก สุชาดาเอาส้อมมาตักชิม ทำหน้าสูดปากอย่างเผ็ด
"อื้อยย..เผ็ดสะใจจริงๆ หนม"
"เติมปลาร้าอีกหน่อยไหมคุณ"
สุยิ้มชอบใจ
"ใส่ไปเลยอีกสองตัว"
เนตรเดินเข้ามาหยิบเครื่องปรุง
"คุณนี่ก็แปลก...อาหารบนบ้านดีๆ ไม่กิน...มากินส้มตำปลาร้า หนมทำม้าย"
เนตรเดินกลับไปที่ย่างปลา สุชาดาทำท่าไม่สนใจ พูดกับสนม
"อาหารอร่อยแค่ไหนแต่ถ้าต้องนั่งกินกับคนที่เราเกลียดขี้หน้า ยังไงๆมันก็ไม่อร่อย มากินส้มตำกับหนมอร่อยกว่าเยอะ เนตร ปลาเผาฉันล่ะ" สุชาดาตะโกนถาม
"ใกล้จะเสร็จแล้ว"
"เอามาจะนั่งกินที่นี่กันเลย"
สนมตักส้มตำใส่จานส่งให้
"คุณว่าเกลียดขี้หน้าใครถึงไม่ยอมไปกินข้าวบ้าน"
"อย่าไปสนใจเลย คนเจ้าชู้ไร้สาระ"
สุชาดากินส้มตำไม่สนใจ
"เจ้าชู้ไร้สาระ ใครกันคุณ เค้ามาทำเจ้าชู้กับคุณเหรอไง"
"เชอะ...คนอย่างนั้นลองมาทำห่ามกับฉันละน่าดู"
สนมงง
"แล้วใครไปทำเจ้าชู้กับใคร"
เนตรเอาปลาย่างมาวางให้ เธอยิ้มแป้น
"ดีมากเนตร...มากินด้วยกัน"
"คุณกินไปเถอะ ไหนบอกหน่อย ใครมาทำเจ้าชู้กับใคร"
สุชาดามองหน้าสนมแล้วถอนใจ
"ก็ตาวิศวกรช่างใหญ่ที่มาติดตั้งเครื่องจักรน่ะ...เค้าเคยชอบกับลีน่า แล้วเค้าก็ทิ้งลีน่า ทำลีน่าอกหัก"
สนมกับเนตร พยักหน้าเข้าใจละ
"แหม…คนหักอกลีน่าได้นี่เก่งเนอ" สนมว่า
สุชาดาหยุดกินสุ
"ทำไมว่างั้นล่ะ"
"เฮ้อ…ก็ลีน่าน่ะดูท่าทางก็รู้ว่าเจ้าชู้จะตาย....หูตาแพรวพราว เพื่อนคุณคนอื่นๆ ที่ชื่อประหลาดๆ นั่นก็ทั้งนั้นแหล่ะ"
สุชาดาค้อนสนม
"ยังไงๆ พวกเค้าก็เป็นเพื่อนฉันตั้งแต่เด็กๆ ก็เหมือนหนมแหล่ะใครมาทำหนมเสียใจ ฉันก็เดือดร้อนเหมือนกัน"
สนมหันไปมองหน้าเนตร
"ฟังไว้ให้ดีจะตาเนตร...ได้ยินคุณพูดแล้วใช่ไหม"
เนตรหัวเราะ
"แต่ผมว่าผมสงสารนายช่างซะมากกว่า"
"ไปสงสารเค้าทำไม"
"ก็เค้าต้องโชคร้ายที่โดนพวกคุณเกลียดเค้าทั้งๆ ที่เค้าไม่รู้ตัว"
เนตรพูดแล้วก็เดินไป สนมหันมามองหน้ากับสุชาดา
"ตาเนตรนี่ก็ชอบพูดเรื่อยเปื่อย....แต่ฉันว่าครั้งนี้มันก็พูดถูกนะคุณ"
อานนท์ดื่มกาแฟกับโสภณอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้าน เป็นมุมสบายๆ ที่เห็นสวนมะพร้าว
"บ้านคุณสวยมากนะครับ...การตบแต่งเข้ากับบรรยากาศ นายตวันนี่มีรสนิยมดีมากๆ"
"ฝีมือน้องผมครับ เค้าเรียนมาทางนี้"
อานนท์ทำท่าเข้าใจในท่าทีแปลกๆ ของสุชาดาว่าเป็นเพราะพวกติสท์
"อ๋อ…ทีแท้ก็เป็นพวกศิลปินอินทีเรียนี่เอง"
"แต่ก็ไม่ได้ไปทำให้ใครหรอกนะครับ...เพราะงานที่นี่ก็ทำให้ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว"
ตวันเดินเข้ามา มือถือซองจดหมายสีน้ำตาลมาหลายซอง อานนท์เห็นตวันเดินเข้ามาก็ยืนขึ้น โสภณเลยต้องยืนตามด้วย
"คุณอานนท์...ฝากไปให้ลูกน้องคุณหน่อยค่ะ..ซองนี้ของคุณค่ะ"
ตวันยื่นซองเหล่านั้นให้อานนท์ และยื่นซองที่ใหญ่กว่าให้อานนท์ส่วนตัว อานนท์มองงงๆ รับ
ซองมาดู
"อะไรครับ"
อานนท์ส่งซองทั้งหมดคืนให้ตวัน
"ขอโทษครับ ผมไม่เข้าใจ นายตวันจะจ่ายเงินพวกนี้เป็นค่าอะไรครับ ถ้าเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งจะต้องไปที่บริษัท"
ตวันยิ้ม
"นี่ไม่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ฉันต้องจ่ายกับบริษัทคุณ... นี่เป็นเงินเบี้ยเลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันอยากให้พวกคุณเป็นการส่วนตัว"
อานนท์นิ่งไป พยายามอธิบาย
"ผมต้องขอขอบคุณมากครับ...แต่ผมขอปฏิเสธที่จะรับเงินนี้ครับ คือผมไม่อยากให้พวกเค้าเคยตัว ถ้าไป
ทำงานที่อื่นที่ไม่ได้เงินพิเศษอย่างนี้ ซักวันเค้าก็จะทำงานอย่างเฉื่อยชา คิดแต่จะหารายได้พิเศษ
เค้าได้เงินจากบริษัทแล้ ตามหน้าที่ของเขาครับ ที่นายตะวันเลี้ยงดูอาหารการกินพวกเราทุกมื้อ แถมยังมีอาหารว่างทุกวัน แค่นี้ก็มากพอแล้วครับ ผมถือเป็นเกียรติ แต่ผมไม่ขอรับครับ"
ตวันมองอานนท์อย่างทึ่ง
"คุณเป็นคนแรกที่ปฏิเสธนะคุณอานนท์...คุณทำให้ฉันประหลาดใจ"
อานนท์หัวเราะ
"ที่นี่ทำให้ผมประหลาดใจหลายอย่างมาก ถ้าสิ่งที่ผมทำ... ทำให้นายตวันแปลกใจบ้าง ผมก็ดีใจแล้วครับ ต้องขอตัวกลับไปทำงานต่อดีกว่าครับ วันนี้อาหารอร่อยมากครับ"
"ไปสิครับ...ผมจะไปส่ง" โสภณบอก
"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับไปเองได้"
"แน่ใจนะครับว่าไม่หลง"
อานนท์หัวเราะ
"ไม่หลงหรอกครับ เดินไปมาตั้งหลายครั้งแล้ว"
อานนท์เดินออกไป ตวันหันมายิ้มกับโส
"ผู้ชายคนนี้มีดีกว่าที่แม่คิดนะ"
อานนท์เดินอยู่ในสวนมองไปรอบๆ เดินอยู่สักครู่ก็รู้สึกว่าเดินวนกลับมาที่เดิม รอบๆ ไม่มีใครเลย
"ทำไมไม่ถึงซักที...นี่เราเดินหลงทางเหรอนี่"
อานนท์พยายามเดินไปอีก เหมือนเดินลึกเข้าไปในสวนทุกที
"แถวนี้ไม่คุ้นตาเลยแฮะ"
อานนท์เดินมาจนถึงกระท่อมโสภณ หยุดยืนมองอย่างประหลาดใจกับดอกไม้สวยที่ปลูกไว้โดยรอบ อีกมุมหนึ่งห่างออกไปหน่อย สุชาดานอนอ่านหนังสืออยู่บนเปลยวนสวยๆ ยังใส่หมวก และใส่แว่นดำเหมือนเด็กผู้ชาย...อานนท์เห็นสุชาดาก็ทำหน้าเบื่อๆ แต่ก็ต้องจำใจเดินเข้าไปหา...
"ขอโทษครับ"
สุชาดาสะดุ้งหันมามอง รีบลงมาจากเปลยวน พูดด้วยเสียงห้วนๆ
"คุณมาที่นี่ทำไม"
"ผมจะกลับไปที่เรือนเครื่องจักร..แต่.เอ้อ..."
เธอยิ้มกวนๆ
"คุณหลงทาง"
อานนท์เห็นสีหน้ายิ้มกวนของสุชาดาก็รู้สึกไม่พอใจ
"ก็..ใช่…ผมหลงทาง แต่มันก็ไม่แปลกนี่ เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านผม"
เธอยังยิ้มกวนอีกอย่างสมเพช
"ก็ไม่ได้มาครั้งแรกไม่ใช่เหรอ เอ้อ...คนเรามันก็ไม่ได้เก่งไปซะหมดหรอกนะ"
อานนท์มองหน้า
"ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมเก่งนี่...ต้องขอโทษที่มารบกวน ผมน่าจะรู้อยู่แล้วว่า ควรจะไปขอให้คนอื่นช่วยมากกว่า"
สุชาดาไม่พอใจ อานนท์ทำท่าจะเดินไป
"พูดอย่างนี้หมายความว่าไง คุณคิดว่าฉันไม่อยากช่วยคุณอย่างนั้นเหรอ"
"คุณถามตัวเองดีกว่า ผมว่าผมไม่ได้คิดมากไปเองหรอก ว่าคุณไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม ไม่แม้แต่จะนั่งทานข้าวด้วยกันซะด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคุณไม่พอใจผมเรื่องอะไร"
เธอสะบัดหน้าหันไปตะโกนเรียกเนตร
"เนตร…เนตร"
เนตรกับสนมวิ่งหน้าตื่นเข้ามา เพราะตกใจที่สุชาดาตะโกนเสียงดัง พอมาเห็นอานนท์ก็ชะงัก
"เนตรพานายช่างใหญ่กลับไปส่งที่ห้องเครื่องหน่อย สอนให้เค้าจำทางด้วย จะได้ไม่เดินหลงไปเรื่อยอีก"
สุเดินเข้าบ้านไป สนมวิ่งตาม อานนท์มองสุชาดาอย่างฝากไว้ก่อน แล้วเดินไปกับเนตร..
สุชาดาเดินเข้ามานั่งหน้าบึ้งในกระท่อม สนมเดินตามเข้ามา
"พูดมากชมัด...ลีน่าชอบเข้าไปได้ไง"
"คนนี้น่ะเหรอคุณ นายช่างใหญ่"
สุชาดาค้อนไปเรื่อย
"ก็เนี่ยะละซิ"
สนมยิ้ม
"แหม…หล่อนะคุณ"
สุชาดาตาเขียว
"หล่อ…อย่างงี้หล่อเหรอ หนม...หน้าเหมือนจิ้งจก"
สนมขำ สุชาดาไม่ขำแต่ทำหน้าเอาเรื่อง
เนตรเดินมาส่งอานนท์ถึงโรงเก็บเครื่องจักร อานนท์สีหน้าบูดบึ้ง หันไปขอบใจเนตรอย่างมารยาทดี"ขอบใจมากนะ"
เนตรยกมือไหว้เดินกลับไป อานนท์เดินเข้าไปในโรงเก็บเครื่องจักร ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่พูดกับใคร สักครู่ลูกน้องพากันสะกิดให้ดูอานนท์ที่เงียบขรึม สีหน้าบึ้งเรียบเฉย ลูกน้องพากันสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าถาม...
อ่านต่อตอนที่ 5