เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 4
ภูมิอยู่ในห้องนอน โทรศัพท์ไปโวยวายกับไผท
“ฉันปวดใจจริงๆ ที่ได้ผู้หญิงอย่างนี้มาทำงานให้ ทั้งวุ่นวายและโวยวายที่สุด”
“แล้วมันต่างจากแกตรงไหนวะ แกกับเขามันเหมือนเงาของกันและกัน”
“นี่ ฉันต้องการปรึกษา ไม่ใช่ให้มาประชดนะเว้ย แกเตรียมหาแผนใหม่มาให้ฉันได้เลย ดูท่ายัยนั่นคงจะไปไม่รอดแน่”
“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ยัยนั่น ดันไปขัดใจ เถียงคำไม่ตกฟากกับคุณย่า แกก็เลยโรคหัวใจกำเริบ”
“แล้วตอนนี้คุณย่าเป็นยังไง”
“ท่านไม่เป็นไรแล้ว เพราะยัยนั่นรู้วิธีช่วยคนเป็นโรคหัวใจ”
“อ้าว อย่างนี้ ก็ได้คะแนนจากคุณย่าไปเพียบเลยสิ”
“เพียบบ้าอะไร แกก็รู้ คุณย่าฉันธรรมดาซะที่ไหน เชิงเยอะจะตาย ดูท่าคงจะไม่ให้ผ่านแน่ แล้วนี่อีกไม่กี่นาที ยังจะต้องลงไปกินข้าวเย็นกับคุณย่าอีก”
“แกก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป วันนี้แค่วันแรก รอดูไปก่อนสิวะ”
“ฉันก็จะลองดันทุรังดู แต่แกเตรียมหาแผนใหม่หรือคนใหม่ไว้ได้เลย ถ้ายัยนี่ปิ๋วไป เราจะทำยังไงต่อ ต้องคิดให้ไว ไม่งั้นฉันแย่แน่”
“เฮ้ย อย่าเพิ่งเร่งสิวะ”
“ไม่เร่งได้ไง นี่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของฉัน แล้วแกก็เป็นที่พึ่งสุดท้าย ถ้าแกช่วยฉันได้ ฉันจะยกประกายฟ้าให้แกเลยเอ้า”
“ถามกันก่อนดีไหม ว่าอยากได้รึเปล่า”
“เฮ้ย ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่สุดๆ เลยนะ แกจะได้เลิกเป็นทนายหน้าเครียดสักที”
“ฉันเครียดก็เพราะแกคนเดียว ไม่มีเหตุผลอื่น”
ภูมิเบ้ปากใส่ ไผทนิ่งคิดสักครู่
“งั้นเอางี้สิ”
“บอกมาเร็ว อะไร”
“แค่แกแต่งงานกับประกายฟ้า ทุกอย่างก็จบ ฮ่าๆ”
“ไอ้ไท อย่านึกว่าอยู่คนละที่แล้วฉันจะตามไปเตะแกไม่ได้นะ”
“เออๆ ฉันล้อเล่น แต่ฉันมีวิธีนึง”
“วิธีอะไร”
ภูมินิ่งฟัง ก่อนพยักหน้าเข้าใจ
เดือนฉายอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อฟังสิ่งที่ภูมิบอก
“อะไรนะคะ จะให้เดือนกลับไปหาคุณตอนนี้น่ะเหรอ”
“เดือน ผมขอร้อง มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยผมได้”
“แล้วมันมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ที่จะต้องให้เดือนทำอย่างนั้นคะ”
ภูมิอึกอัก พูดไม่ออก และพูดไม่ได้ รีบหาเหตุผลอื่น
“คือ ผม ผม ทนคิดถึงคุณไม่ไหว เมื่อคืนผมฝันว่ามีคนแย่งคุณไปจากผม”
“ว่าแล้ว ต้องมามุกนี้ แต่เดือนไม่ขำนะคะภูมิ เล่นเป็นเด็กไปได้”
“ไม่ได้ให้ขำ แต่ให้กลับมา เหตุผลแค่นี้ไม่พออีกเหรอ”
“ไม่พอค่ะ เพราะเดือนเรียนหลักสูตรเร่งรัดปีเดียวจบ ต้องเรียนหนักทุกวัน แล้วยังต้องทำรายงานอีก เดือนจะพลาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว ไม่งั้นเราจะได้พบกันข้าลงไปอีกนะคะ”
“เดือนไม่ต้องเรียน แล้วรีบกลับมาแต่งงาน มาทำงานกับผมได้ไหม ไม่ต้องใช้วุฒิอะไร อยากได้เงินเดือนเท่าไรบอกมา”
“ไม่ได้ค่ะภูมิ เดือนเรียนเพราะอยากได้ความรู้ ไม่ใช่เอาวุฒิไปสมัครงาน”
“งั้นกลับมาแต่งกันแล้วค่อยไปเรียนต่อก็ได้ คุณย่าไม่ค่อยสบาย ท่านอยากอุ้มหลานไวๆ ก็เลยเร่งให้ผมรีบแต่งงาน”
“ก็อธิบายให้คุณย่าท่านเข้าใจสิคะ เดือนกลับไปตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”
“เดือน ผมขอร้อง กลับมาเถอะ ผมต้องการคุณ ผมขาดคุณไม่ได้ คุณทำไมทำเหมือนไม่รักผมเลย”
“รักสิคะ แต่รักก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล และความจริงค่ะ ขอโทษนะคะภูมิ เดือนต้องไปเรียนแล้ว บ๊ายบายค่ะ”
เดือนฉายวางสาย
“เดือน เดี๋ยวสิครับเดือน โธ่”
ภูมิวางสายอย่างหมดหวัง เสียงเคาะประตูดัง
“มาแล้วยัยตัวแสบ”
ภูมิมองประตู เซ็งๆ
ประกัน ประกายฟ้า พวงศรีลากกระเป๋าเข้ามาในบ้าน หลังกลับจากต่างประเทศ
“สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง นี่ดีนะที่แบงค์มันยังไม่มายึด ก็เลยยังพอมีที่ให้ซุกหัวนอน” พวงศรีบ่น
“เราเคยอยู่สุขสบาย มีเงินตั้งมากมาย ถ้าพ่อไม่เอาไปเล่นการพนันเราก็คงไม่ต้องลำบาก พ่อไม่น่าทำอย่างนี้เลย”
“พ่อขอโทษ พ่อสัญญาว่าครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ช่วยพ่อ ช่วยครอบครัวเราหน่อยนะลูกนะ แล้วเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กันที่นี่”
“แล้วหนูจะเอาปัญญาที่ไหนหาเงินให้พ่อตั้งมากมาย”
“เราหนีมา หนี้ที่โน่นไม่เกี่ยว เอาแค่หนี้บ้านหลังนี้ ที่เราต้องเอาไปเคลียร์กับแบงค์ กับหนี้นอกระบบนิดหน่อย แค่ไม่กี่ล้านเองลูก”
“พ่อพูดได้ไงแค่ไม่กี่ล้าน หนูจะมีปัญญาไปหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ให้พ่อคะ”
“เอาน่า ค่อยพูดค่อยจากัน เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้ เราถอยไม่ได้แล้วนะลูก”
“แม่จะให้หนูทำยังไง”
“ก็หาผู้ชายรวยๆ มาเป็นคู่ครองสิลูก สวยๆ อย่างแก หาได้ไม่ยากหรอก”
“แต่เราหนีคุณป้าสราญกลับมาก่อน แล้วจะติดต่อเขาได้ยังไง”
“ขานั้นเก็บไว้เป็นขาประจำ เพราะเขาถูกใจแกมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะสร้างเรื่องให้เลิศหรูดูดี แล้วโทรไปบอกเขา ว่าเรากลับมารอที่นี่แล้วก็จบ”
“ก็ดีค่ะแม่”
“แต่ช่วงที่เขายังไม่กลับมา เรารีบหาตัวสำรองเอาไว้ ถ้าพลาดจากรัตนบดินทร์ ก็ยังมีเสี่ยกระเป๋าหนักรองรับอีกทาง ใครมาให้เราหลอกก็หลอกมันไปเลยลูก”
“ก็ได้ค่ะ หนูจะยอมทำเพื่อครอบครัว แต่พ่อต้องสัญญา ว่าจะไม่ทำอีก”
“สัญญาลูกสัญญา”
“งั้นมารวมใจกัน ช่วยกันฝ่ามันไปให้ได้”
ทุกคนยื่นมือไปจับกัน
ที่โต๊ะอาหารในบ้านย่า มีอาหารไทยวางเรียงราย ภูมิ รามนรี ย่า นั่งประจำที่ บุญปลูกกับเภา เสิร์ฟข้าว
“อย่าตักข้าวเยอะแม่ปลูก กินไม่หมดแล้วเสียดาย”
“ค่ะ”
“แล้วเธอล่ะแม่เดือนฉายกินจุไหม ฉันจะเลี้ยงเธอไหวรึเปล่า”
“ไม่จุค่ะ เพราะหนูกลัวอ้วน ปกติอยู่บ้านก็จะทานแต่น้ำพริกกับผัก แล้วเป็นผักที่เราปลูกเองมันปลอดภัยดี”
“อืม คิดเป็นเหมือนกันนี่เรา ลองสอนเจ้าภูมิกินแบบเธอบ้างสิ เห็นชอบกินแด่ชีส กินของเลี่ยนๆมันๆ อันตรายจะตาย บอกก็ไม่ฟัง พวกตามใจปาก”
ภูมิยิ้มดีใจ
“งั้นต่อไป ผมจะฟังคุณย่ากับเดือนฉายดีไหมครับ”
ย่าทำเป็นไม่สนใจ
“เอ้า กินได้แล้ว กิน เวลากินห้ามพูด เดี๋ยวจะติดคอเอา”
ทุกคนนั่งกินข้าว รามนรีนั่งเกร็งกับอาหารมื้อแรก เพราะยังเกรงย่า
ผสานนั่งจิบเบียร์ที่ร้านอาหาร มีสาวสวยนั่งขนาบข้างคอยเอาอกเอาใจไม่ห่าง จอส นั่งฝั่งตรงข้ามคอยดูแลนาย
“ไอ้จอส คนอย่างกู มีเงินมีอำนาจ เห็นไหมไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฎิเสธกู มันอยู่ที่กูจะชี้เอาใคร”
“ระดับนายหัวผสาน มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว จริงไหมหนู”
“คอนเฟิร์มค่ะ พวกเรารอให้นายหัวเลือกอยู่นะคะ อย่าลืมนะ”
“เฮ้ย ชนโว้ย ชน”
ทุกคนขนแก้วกัน เสียงโทรศัพท์มือถือผสานดัง เขามองหน้าจอ
“นี่เบอร์ใครวะแปลกๆ”
“สวัสดีครับ ผมผสานพูดครับ”
“สวัสดีครับคุณผสาน ผมระพี เป็นพี่ชายของหนูเล็กครับ”
ผสานดีใจยิ้มร่าหน้าตื่น ทำท่าจุ๊ปากให้ทุกคนเงียบ
“สวัสดีครับพี่ระพี ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ผมเพิ่งกลับจากอเมริกา และทราบว่าหนูเล็กหนีไป คุณพ่อก็เลยให้ผมโทรมาหาคุณเพื่อหาข้อมูล จะได้ตามหาน้องได้ถูกน่ะครับ”
“ด้วยความยินดีเลยครับ ว่าแต่พี่สะดวกให้ผมไปพบเมื่อไหร่ บอกมาได้เลย”
“ขอเป็นพรุ่งนี้ แปดโมงสะดวกไหม”
“ได้เลยครับ แล้วจะให้ผมไปรับที่ไหนดี”
“ไม่เป็นไร ไม่รบกวนดีกว่า เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้”
“รบกง รบกวนอะไร พี่เป็นพี่ชายว่าที่ภรรยาในอนาคตของผม ผมพร้อมบริการเต็มที่ เราจะออกตามหาหนูเล็กด้วยกันนะครับ”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวขอไอดีไลน์ แล้วผมจะส่งแผนที่ไปให้”
“ได้เลยครับพี่ พรุ่งนี้เจอกันครับ”
ผสานวางสายตาวาว ดีใจ
“เยส ไอ้จอส เอ๊ย พรุ่งนี้มีเรื่องให้เล่นสนุกแล้ว ฉันจะเอาคืนให้สาสมที่สุด”
“ได้เลยครับนายหัว”
ผสานยิ้มเหี้ยม
หลังจากทานอาหารมื้อค่ำเสร็จ ทุกคนที่บ้านภูมินั่งคุยกันต่อ โดยย่าเริ่มซักถามรามนรี
“เธอมาอยู่นี่ แล้วป้าของเธออยู่กับใคร เธอทำอะไรให้เขาบ้าง”
“คุณป้ายังมีหลานๆ อีกหลายคน หนูมีหน้าที่อ่านหนังสือให้คุณป้าฟังและคอยรับใช้ใกล้ชิดท่านค่ะ”
“แล้วเธอไม่ต้องทำงานเหรอ”
“หนูเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีค่ะ”
“อ้อ จบแล้วก็หาสามีเลย”
“คุณย่า”
“ไม่จริงค่ะ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้เจอคนที่ดีอย่างคุณภูมิ ก็เลยตัดสินใจค่ะ”
ภูมิยิ้มภูมิใจ
“คำก็ดีสองคำก็ดี เคยได้ยินกลอนบทนี้ไหม แม้นชายใดใจประสงค์มาหลงรัก ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น อันความรักของชายนี้หลายชั้น เขาว่ารักรักนั้นประการใด”
รามนรีพูดเป็นกลอนตอบ
“จงพินิจพิศดูให้รู้แน่ อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล เปรียบเหมือนปริศนาอย่าไว้ใจ มันมักไพล่แพลงขุมเป็นหลุมพราง”
ย่าถึงกับอึ้งไป
“คุณป้าชอบให้อ่านกลอนบทนี้ ท่านบอกว่า ให้ดูผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตให้ดี ควรดูที่นิสัยใจคอ อย่าดูแค่เปลือกนอก อย่ารักเพราะหลงแค่ลมปาก”
“แล้วเธอเชื่อเขาไหม”
“เชื่อค่ะ หนูถึงได้กล้ายืนยันกับท่าน ว่าหนูไม่ได้ต้องการเงินทองของคุณภูมิ”
“โอ๊ย ฉันจะเป็นลม”
ภูมิกับรามนรีตกใจรีบเข้ามาประคอง ภูมิตวาด
“เห็นไหม เธอทำให้คุณย่าฉันอาการกำเริบอีกแล้วนะ ออกไปให้ไกลๆ เลยไป”
รามนรีหน้าเสีย รู้สึกผิด ปล่อยมือจากย่า ออกมายืนห่างๆ ก้มหน้านิ่ง ย่ามองดุภูมิ
“ใครบอกว่าฉันอาการกำเริบ ฉันแข็งแรงดี”
“อ้าว แล้วเมื่อกี้คุณย่า”
“ก็แค่ดีใจและปลื้มใจ ที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่สนใจของเก่าคนเก่า แถมทั้งป้าทั้งหลาน ยังเป็นคนคอเดียวกันกับย่า ที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้”
“เป็นงั้นไป ไอ้เราก็ตกใจแทบตาย”
ภูมิพยักหน้าให้รามนรีกลับไปนั่งที่เดิม
“คุณป้าชอบอ่านงานประเภทวรรณคดีและวรรณกรรมทุกประเภทค่ะ”
“ดี ถ้าป้าเธอสะดวกก็พามาพบฉัน แล้ววันหลังเธอมาอ่านหนังสือให้ฉันฟังบ้าง นังบุญปลูกกับนังเภา ไม่ไหว อ่านผิดๆ ถูกๆ เสียอรรถรสหมด”
“ได้ค่ะคุณหญิง”
“ตอนยังเล็ก เจ้าภูมิเขาก็เคยอ่านให้ฉันฟังเจื้อยแจ้ว แต่พอโตมาไม่เคยเลย”
“ก็ผมไม่ว่าง ต้องทำงานนี่ครับคุณย่า”
“อย่ามาแก้ตัว คนเราถ้าเห็นคุณค่าของปู่ย่าตายาย แกกับพ่อแม่แกก็คงจะไม่มัวแต่หาเงิน แล้วปล่อยให้ฉันอยู่กับบ้านกับคนใช้อย่างนี้หรอก”
“โห คุณย่าพูดอย่างนี้ผมเสียใจนะ ผมน่ะรักคุณย่าจะตาย”
“ดูสามีเธอสิ มันปากหวานไปเรื่อย ขอเตือน ว่าอย่าไว้ใจคนปลิ้นป้อนปากหวานให้มาก ต้องคอยกำราบเข้าไว้”
รามนรีหน้าแดง ได้แต่ยิ้มเขินๆ
“คุณย่าพูดเล่นแบบนี้ เดี๋ยวเขาทำจริง ผมก็แย่น่ะสิ”
“ก็เพราะย่าพูดจริงให้ทำจริงๆ ถึงได้พูด”
“โธ่”
“ไม่ต้องมาโธ่แธ่หรอก ทีนี้ย่ามีผู้ช่วยที่จะปราบแกแล้ว”
รามนรียิ้มจริงใจให้ย่า ภูมิมองหญิงสาว เก็บอาการดีใจไว้แทบไม่อยู่ รู้ว่าย่าเริ่มใจอ่อนแล้ว
เภากับนิดช่วยกันล้างจาน ถวิลกวาดพื้น บุญปลูกเช็ดโต๊ะกินข้าว รามนรีเดินเข้ามา
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
ทุกคนหันไปยิ้มให้ ยกเว้นนิด ที่แอบเบ้ปากใส่
“คุณเดือน เป็นเจ้านาย อยากได้อะไรก็บอก เดี๋ยวน้ากับนังเภาจะจัดการให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยาย”
รามนรีรีบเอามือปิดปาก เภาแปลกใจ
“ยาย ยายไหนเหรอคะ หรือว่าเห็นน้าบุญปลูกเป็นยาย”
“ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ บังเอิญนึกถึงคุณยายเลยเผลอหลุดปากไป”
นิดมองไม่พอใจ พึมพำเบาๆ
“พวกสมองมีปัญหา”
“มาค่ะ มีอะไรให้เดือนช่วยบ้างคะ เดือนทำได้ทุกอย่างค่ะ”
“ไม่ได้ค่ะไม่ได้”
“ใช่ เราจะให้เจ้านายมาทำแทนคนใช้ได้ยังไงกันค่ะ”
“ได้สิ เราก็คนเหมือนกันนี่ ว่าแต่ใครเป็นคนทำกับข้าวคะ”
“ก็พวกเรานี่แหละค่ะ ที่ทำไปให้ทั้งสองบ้าน แต่บางทีเขาก็จะมากินข้าวที่บ้านคุณหญิงท่านกันบ่อยๆ ค่ะ”
“แล้วคุณหญิงท่าน ชอบทานอะไรคะ”
“ก็อาหารไทย อาหารสุขภาพ ท่านเป็นคนทานง่าย อะไรก็ทานได้”
รามนรีนิ่งคิด ก่อนยิ้มให้ทุกคน จากนั้นบุญปลูกพารามนรีกลับไปส่งที่บ้านภูมิ นิดแอบดูอยู่
“ท่าทางจะโดนเฉดหัวส่งแล้ว สมน้ำหน้า”
สักพักมีน้ำสาดลงมาโครมใหญ่ ทำเอานิดกระเด็น
“กรี๊ด อะไรกันเนี่ย”
เภาถือกาละมังอยู่ เขม่นมองมาหน้าดุ นิดลูบหน้าเซ็งๆ
“โอ๊ย วันนี้มันอะไรวะเนี่ย โดนนังเภาสาดน้ำทั้งวันเลย ฝากไว้ก่อนเถอะ”
นิดรีบเดินออกไป เภามองตามพลางสมน้ำหน้า
“โส น้า หน้า อีคุงนิด เสือกสะเออะเรื่องเจ้านายดีนัก”
เภายืนยิ้มสะใจ มองนิด
ภูมินั่งหน้าระรื่นดูทีวี พอรามนรีเดินเข้ามา ก็แกล้งทำหน้าหงิก กดปิดทีวี
“นี่คุณหายไปไหนมา”
“ไม่ได้หาย ก็แค่เดินไปดู โน่น นี่ นั่น”
“โน่นนี่นั่นแล้วไง ปล่อยให้ผมนั่งรอได้ยังไง”
“อ้าว แล้วจะรอหาอะไร ก็ไปสิคะ ไปสิไป”
“อย่ามากวนประสาทนะ คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
“งั้นคุณมีอะไร ก็รีบพูดมา ฉันจะไปนอน”
“พรุ่งนี้ คุณมีแพลนจะทำอะไร ยังไง ไหนว่ามาสิ”
“ไม่มีแพลน ฉันก็จะทำอย่างที่คนอื่นเขาทำ ตามธรรมชาติ”
“คุณพูดอะไรของคุณ ผมฟังไม่รู้เรื่อง”
“ก็ไม่ต้องฟัง ไม่ต้องพูด เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เอง”
“คอยดูนะ ถ้าแผนผมพังไม่เป็นท่า ผมจะให้เจ้าไทฟ้องเรียกค่าเสียหายคุณ”
“เชิญ”
รามนรีเดินเชิดออกไป ภูมิมองตามหน้าเหี้ยม หายใจแรง ก่อนจะกดโทรศัพท์หาไผท
“นี่แกอยู่ไหน”
“อยู่ออฟฟิศฉันน่ะสิ”
“อะไร ดึกดื่นป่านนี้ แกยังไม่กลับบ้านกลับช่องอีกเหรอวะ”
“ก็พรุ่งนี้ต้องไปศาล ฉันต้องทำงานหาเงิน เพราะฉัน ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนแกนี่”
“นี่.แกอย่าเพิ่งไปหาใครมาแทนยัยนี่ เพราะตอนไปกินข้าวกับคุณย่ามีแววดี”
“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าอย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม”
“แล้วหล่อนก็ยังฉลาดเป็นกรด ไม่ได้ซกมกเหมือนหน้าตาเลยนะโว้ย แถมยังเจ้าบทเจ้ากลอน ต่อกลอนกับคุณย่าฉัน จนท่านเคลิ้มไปเลย”
“เออฉันดีใจด้วย แล้วเรื่องคุณเดือนตัวจริงล่ะว่าไง”
“ก็แห้วน่ะสิ เขาจะเอาแต่เรียน ไม่ยอมกลับมาท่าเดียว ดูท่าเขาคงจะหมดรักฉันแล้วมั้ง”
“เฮ้ย อย่าคิดอย่างนั้นสิ บางทีผู้หญิงเจอคนนิสัยแย่อย่างแก ก็อาจจะมีมุมน้อยอกน้อยใจบ้าง”
“อืม ก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะรอเขา”
“ก็แหงสิ ลงทุนสูงขนาดนี้”
“งั้นฉันไม่รบกวนแกแล้วนะ”
ภูมิกดวางสาย ไผท รู้สึกสับสน มองโทรศัพท์มือถือ ชั่งใจ
เดือนฉายนั่งพิมพ์งานที่หน้าคอมพิวเตอร์ เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เธอหยิบมาดูหน้าจอ ยิ้มสดใสกดรับ
“สวัสดีค่ะไท ถ้าให้เดา ภูมิคงจะโทรไปฟ้องอะไรอีกล่ะสิ”
“เดาแม่นยิ่งกว่าหมอดูอีกนะครับเนี่ย แล้วทำไมคุณเดือนปฎิเสธความรักของเพื่อนผมได้ลงคอล่ะครับ เขารักและทำทุกอย่างเพื่อคุณนะ”
“ก็เข้าใจ แต่เหตุผลของเขากับของเรามันต่างกัน เดือนอยากมีชีวิตและความคิดที่มั่นคง ไม่อยากหลงกับอะไรอีกแล้ว ถ้าถึงเวลามันใช่ก็คงใช่”
“ผมชื่นชมคุณเดือน ที่มีความมั่นคงทางความคิด และมีจุดยืนที่ชัดเจน”
“งั้นก็หาแฟนให้ได้อย่างเดือนสิคะ”
ไผทจุกอกพูดไม่ออก เพราะหลงรักเดือน
“ครับ ผมจะพยายาม”
“แล้วนี่ไท อยู่ไหนคะ”
“ทำงานอยู่ที่ออฟฟิศครับ”
“ขยันจังนะคะ ทุ่มเททำงานขนาดนี้ ใครได้ไทไปเป็นคู่ครองคงจะโขคดีแน่ๆ”
“ผมก็กำลังรอคนๆ นั้นอยู่”
“งั้นเดือนจะเอาใจช่วยให้ไทได้เจอคนดีๆ แล้วก็อย่าตามใจภูมิให้มาก ไม่งั้นเขาจะเสียคนไปมากกว่านี้ ถ้าว่างเดือนจะโทรหานะ แค่นี้นะคะ”
“สวัสดีครับเดือน”
ไผทวางสายหน้าเศร้า
คืนนั้น รามนรีนอนกระสับกระส่าย ครุ่นคิด เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอหนีการแต่งงานกับผสาน แต่ต้องมาเจอผู้ชายเจ้าชู้ กระล่อนอย่างภูมิ รามนรีถอนใจเหนื่อยหน่ายชีวิต
“เฮ้อ นี่ฉันกำลังทำอะไรลงไป ฉันกำลังหนีเสือปะจระเข้ อยู่ใช่ไหมเนี่ย ขอตายแป๊บ”
รามนรีล้มตัวลงนอน เอาผ้าห่มคลุมโปง
เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ตอนเช้า คนรับใช้ช่วยกันเตรียมอาหารอยู่ในครัว
รามนรีใส่ผ้ากันเปื้อนและผ้าผูกผม ดูทะมัดทะแมง ทำกับข้าว บุญปลูกอดชื่นชมไม่ได้
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ดูคุณเดือนเป็นสาวสมัยใหม่ แต่กับใส่ใจเรื่องการบ้านการเรือน”
“ก็แม่”
“ก็ไหนบอกว่าเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอคะ”
บุญปลูกกับเภา หันขวับไปมองนิดหน้าเหี้ยม นิดรีบหุบปากกลัวโดนรุม
“คือเดือนมีแม่ทูนหัว ท่านสอนเรื่องการบ้านการเรือน เรื่องทำอาหารน่ะค่ะ”
“ว่าแล้วเชียว ถึงได้ดูเป็นมืออาชีพขนาดนี้”
“พี่หวินพูดถูก คุณเดือนทำเก่งกว่าพวกเราอีก”
“หือ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้ะ”
รามนรีทำอาหารใส่จาน จนเสร็จ
รามนรีเคาะประตูหน้าห้องภูมิ เคาะดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังเงียบ
“ยังไม่ยอมตื่นใช่ไหม”
รามนรียิ้มเจ้าเล่ห์ กดโทรศัพท์หาภูมิเสียงดัง ภูมิงัวเงียไม่อยากตื่น พยายามเอาหมอนมาปิดหู แล้วนอนต่อ รามนรีเคาะห้องดังโครมคราม หนักขึ้น รวมกับเสียงโทรศัพท์ ภูมิสุดจะทน เดินไปเปิดประตู
“เฮ้ย นี่มันอะไรกันวะเนี่ย คนจะนอนเข้าใจไหม จะนอน”
“ฉันไม่ได้ชื่อเฮ้ย ฉันชื่อเดือนฉาย ฉัตรากร เมียคุณไง”
“ไปก่อนไป นี่มันเวลานอน ผมไม่รับแขกหน้าไหนทั้งนั้น”
“ไม่ได้ ในเมื่อฉันกำลังทำหน้าที่ศรีภรรยาที่ดี ตามคำสั่งคุณ คุณก็ต้องปฏิบัติตามที่ฉันสั่ง”
“งั้นผมขอยกเลิกคำสั่งนั้น เดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้ พูดคำไหนต้องคำนั้น จนกว่าสัญญาจะสิ้นสุด ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณย่า เพราะท่านเป็นคนสั่งให้ฉันจัดการกำราบคุณ”
ภูมิกุมขมับ
“เฮ้อ กรรมของกรู ไม่น่าเลย”
รามนรีมองหน้าภูมิ พยักหน้าให้ตามไป ภูมิจำใจเดินตามไปต้อยๆ
ชามข้าวต้มกุ๊ย กับอาหารที่รามนรีทำกินกับข้าวต้ม 4 อย่าง วางอยู่ที่โต๊ะ รามนรีเดินนำภูมิเข้ามานั่ง
“นี่ คุณเข้าใจไหม ว่าผมเป็นคนไม่กินอาหารเข้า ผมกินแต่กาแฟ”
“ไม่เข้าใจ เพราะต่อไปนี้คุณต้องกินอาหารเข้าที่ฉันทำ เพราะมันมีประโยชน์ที่สุด จะช่วยทำให้ร่างกายเราแข็งแรง เข้าใจ๋”
“แต่ผมเป็นโรคกระเพาะ”
“นั่นแหละยิ่งต้องกิน แล้วอาการคุณจะดีขึ้นไม่เชื่อก็คอยดู”
“แต่ผมไม่กิน กินแล้วจะอ้วก”
“งั้นก็ให้มันอ้วกไป ไม่ตายหรอก เดี๋ยวก็ชินไปเอง กินไป”
ภูมิเหนื่อยหน่าย ตักข้าวต้มใส่ปากอย่างเซ็งๆ
ย่าเดินมาหยุดหน้าห้องภูมิ เคาะประตู ก่อนเปิดเข้าไป
“ภูมิ ภูมิ อยู่ห้องน้ำเหรอลูก”
ย่าเดินไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่มี
“เขาไปไหนของเขา แล้วทำไมตื่นเข้าได้ขนาดนี้ หรือว่ามีงานด่วน”
ย่ากวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนหยุดที่บนเตียง
“แล้วทำไมมีหมอนหนุนใบเดียว แล้วของแม่เดือนฉายล่ะ”
ย่าสงสัย ไปเปิดดู เห็นของเดือนฉายวางอยู่คู่กัน
“เออ แปลก สงสัยจะไม่ใช้หมอน”
ย่าเดินออกไป
ภูมินั่งกินอาหาร ย่าเดินเข้ามา มองแปลกใจ รามนรีขยับเก้าอี้ให้ย่านั่ง
“เชิญนั่งค่ะคุณหญิง”
รามนรีเปิดฝาชามข้าวต้มให้
“ขอบใจ ย่าไปตามหาที่ห้อง นึกว่าไปไหนที่แท้ก็มาอยู่นี่ กินอาหารเช้าเป็นกับเขาเหมือนกันเหรอ”
“นี่ผมคนน่ะครับคุณย่า ทำไมจะกินไม่เป็น”
“ก็ไม่เคยเห็นกินสักที ย่าก็เลยนึกว่ากินอาหารเม็ดเหมือนพวกหมาแมว”
รามนรีกลั้นขำ บุญปลูกกับเภาขำพรึดออกมา ภูมิเสียหน้า หันไปมองหน้าทุกคน ก่อนหยุดที่รามนรี มองแค้น ย่าตักอาหารเข้าปาก
“อืม อาหารวันนี้อร่อยมาก พัฒนาขึ้นเยอะเลยนะแม่ปลูก”
“ไม่ใช่ปลูก แต่เป็นฝีมือคุณเดือนฉายค่ะ”
“เหรอ เออดี เป็นผู้หญิง ยิ่งมีเหย้ามีเรือน ต้องมีเสน่ห์ปลายจวัก ถึงจะมัดใจชายได้ เธอก็มากินด้วยกันสิแม่เดือนฉาย”
“ขอบคุณค่ะ เชิญคุณหญิง กับคุณภูมิทานก่อนเถอะนะคะ หนูยังมีงานที่ต้องไปทำต่อ เดี๋ยวค่อยกินทีหลังก็ได้ค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”
“อืม งั้นก็ตามใจ”
รามนรีเดินออกไป ย่ามองชื่นชม บุญปลูกกับเภา มองย่า ก่อนหันไปสบตากันยิ้มปลื้ม
ระพีกับศจี ยืนคุยกันขณะรอผสานมารับ
“จริงๆ แล้วเอารถศจีไปก็ได้ ไม่เห็นต้องรบกวนเขาเลย”
“ก็เขาออกตัวแรง อยากบริการ ผมก็เลยต้องจัดให้”
“อยากเห็นเขาไวๆ จะได้รู้ว่าทำไมหนูเล็กถึงได้หนี”
“แต่เท่าที่ได้พูดคุย ก็ดูเขาใช้ได้นะครับ”
“หือ คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจนะคะพี”
รถยนต์หรูแล่นเข้ามาจอด ผสานเปิดประตูลงมา
“ใช่พี่ระพี รึเปล่าครับ”
“ใช่ครับ”
“สวัสดีครับ ผมผสานครับ”
“แล้วนี่คุณศจี แฟนผม”
“สวัสดีครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“งั้นเราไปกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาคุณผสาน”
“เชิญเลยครับ ขอตัวก่อนนะครับพี่ศจี”
“ค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ”
ผสานพาระพีเดินไปที่รถ
วิรัชนั่งดูทีวีอยู่ กองแก้วแต่งตัวสวย เดินหน้าตื่นเข้ามา
“คุณคะ มีข่าวดีมาบอกค่ะ”
“ข่าวดีอะไร”
“ก็ตะกี้ คุณผสาน โทรมาบอกว่ากำลังไปรับคุณพี เพื่อไปตามหาหนูเล็กกัน”
“เหรอ เออดี ดีมากเลย”
“แก้วอยากให้เจอหนูเล็กไวๆ จะได้ไม่ต้องเห็นคุณเครียดอยู่อย่างนี้”
“ขอบใจนะ แล้วนี่แต่งตัวสะสวยเชียว จะไปไหนอีกล่ะ”
“ว่าจะออกไปดูรีสอร์ทแทนคุณเสียหน่อย เพราะคุณไม่ได้ไปนานแล้ว เดี๋ยวพวกคิดไม่ซื่อจะโกงเอา”
“งั้นผมไปด้วยดีกว่า”
“ว้าย ไม่ต้องไปหรอกค่ะ คุณไม่ค่อยแข็งแรง ต้องพักผ่อนเยอะๆ รอฟังข่าวหนูเล็กอยู่ที่นี่ แก้วจะไปจัดการทุกอย่างแทนคุณเอง”.
“ผมไม่อยากให้คุณต้องเหนื่อยคนเดียว”
“เพื่อคุณ แก้วไม่เคยเหนื่อยอยู่แล้ว หรือว่าคุณไม่ไว้ใจแก้วคะ”
“หือ อยู่กันมาขนาดนี้ ไม่ไว้ใจคุณ แล้วผมจะไว้ใจใครได้อีกล่ะ”
วิรัชโอบกอดกองแก้ว เธอแอบทำหน้ารังเกียจ
จอสขับรถพาผสานกับระพี มาดูจุดที่พบรามนรี ก่อนจอดรถมองไป
“ผมเห็นเขานั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์”
“แล้วเขาอยู่กับใคร”
“คนเดียวครับ”
“งั้นก็แสดงว่าเขาไม่ได้มีใคร แล้วไงต่อ”
“เขาวิ่งหนีผมไปด้านโน้น”
“งั้นรบกวนช่วยจอดรถ แล้วพาผมลงไปดูหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ครับพี่พี จอส จอดชิดข้างทาง”
จอสหักรถเข้าจอด ผสานพาระพีมาเดินป้วนเปี้ยนมองไปมองมาที่หน้าบริษัทสัทธาเทพ ไผทเดินมาที่รถ กำลังจะขับออกไป ต้องกลับมายืนแอบมองดูพฤติกรรมที่น่าสงสัย
“ผมจำได้ ว่าวิ่งตามเขามาติดๆ แล้วเขาหายไปได้ยังไง จะว่าเข้าไปในนี้ ก็ไม่น่าจะใช่”
ไผท เห็นท่าไม่ดี ดูมีพิรุธ รีบพา รปภ. เดินออกมา
“สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ไม่ทราบจะมาติดต่ออะไรรึเปล่าครับ”
“ต้องขอโทษที บังเอิญเรามาตามหาคนหายกันน่ะครับ”
“อ้าวเหรอครับ”
“ไม่ทราบว่า มีผู้หญิงผิวขาว หน้าตาดี มาสมัครงานที่นี่บ้างรึเปล่าครับ”
“ผมขอเป็นชื่อดูจะง่ายกว่า เพราะคนขาวหน้าตาดี มีมาสมัครเยอะครับ”
“น้องสาวผมชื่อรามนรี ชื่อเล่นชื่อหนูเล็กครับ”
“ชื่อนี้ ไม่มีนะครับ คนผิวขาวหน้าตาดีที่รับไปล่าสุดก็มี แต่เขาชื่อ ยาย นามสกุลม่านแก้ว แล้วเขาก็ไม่มีพี่น้อง แล้วคุณมีรูปถ่ายไหม”
“ไม่ได้เอามา เพราะผมมีอยู่ภาพเดียวจะเอาไว้โพสต์ในเน็ต”
“หือ โพสต์ในเน็ตก็ดีนะครับ แต่ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอก ผมยินดี”
“ผมชื่อผสาน ผมเป็นแฟนเขา ถ้าคุณเจอหรือเห็นเขาอยู่แถวนี้ รบกวนช่วยแจ้งผมด้วยนะครับ นี่เบอร์ผมครับ ผมรักและคิดถึงว่าที่เจ้าสาวของผมมาก จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ”
ระพี กับ ไผท เห็นใจผสาน ไผทรับนามบัตรไป
“ด้วยความยินดีเลยครับ มีอะไรผมจะแจ้งไป”
ระพีโอบไหล่ปลอบผสาน
“ใจเย็นนะ เดี๋ยวเจอยัยหนูเล็กเมื่อไหร่ ผมจะอาสาเป็นกาวใจให้เอง”
ผสานพยักหน้าเศร้า แต่แอบยิ้มสะใจ
ภูมินั่งคุยกับย่าภายในห้องโถง รามนรีจามสนั่นใส่หน้าภูมิ
“ฮัดเช้ย”
ภูมิยกแขนบังหน้า ขยะแขยง
“จะจามทำไมไม่หันไปทางอื่น หันมาทางนี้ทำไม ไร้มารยาทสิ้นดี ดูสิครับคุณย่า น้ำลายกระจายเลย”
“แกก็คิดว่าเป็นน้ำมนต์สิ ดูเป็นมงคลดีออก”
“หือ ยังไม่ทันไร ก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ตกลงนี่ผมยังเป็นหลานคุณย่าอยู่ใช่ไหมเนี่ย”
รามนรียกมือไหว้
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ มันมาโดยไม่ได้นัดหมายค่ะ”
“สงสัยจะมีใครบ่นถึงเธอแน่”
รามนรีคิดในใจ
“จะใครบ่นก็ได้ แต่ขออย่าให้เป็นนายผสานเลย”
“นี่คุณเหม่ออะไร รีบกลับไปที่ห้องเลย อย่ามาแพร่เชื้อโรคแถวนี้”
“ค่ะได้ค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ คุณหญิง”
ย่าพยักหน้าให้
พวงศรีพยักเพยิดให้ประกันกับประกายฟ้า ก่อนชูมือถือโทรหาสราญ
“สวัสดีค่ะ คุณพี่สราญ”
“อุ๊ยตาย ช่างใจตรงกัน เพิ่งคุยกับคุณภัทรตะกี้ ว่าจะโทรหาอยู่พอดีเลยจ้ะ”
ภัทรหน้าแหย พึมพำเบาๆ
“คุยตอนไหนวะ”
สราญทำหน้าดุใส่ ทำมือไล่ให้ไปไกลๆ ภัทรดีใจ รีบเดินไป
“เย็นนี้ พาหนูฟ้ามาดินเนอร์กันหน่อยดีไหม”
“น้องกำลังจะโทรมาเรียนคุณพี่ ว่าน้องกับครอบครัวกลับมาเมืองไทยกะทันหัน โดยไม่ได้ร่ำลาคุณพี่ ยังบ่นกับสามีว่าพวงศรีรู้สึกเสียใจม้ากมาก”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ก็เจ้าคุณปู่ของสามีท่านเสีย แล้วต้องมาเคลียร์เรื่องมรดก แล้วมันก็เยอะมากน่ะค่ะ”
สราญตาโต
“เหรอคะ ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คุณน้อง”
“ขอบพระคุณมากค่ะ เห็นทีคราวนี้พวกเราคงต้องกลับมาอยู่ที่นี่ถาวร”
“ดีเลยค่ะดี เพราะอีกไม่นานคุณพี่ก็จะบินกลับแล้ว”
“เหรอคะ แล้วคุณพี่จะกลับมาเมื่อไหร่คะ”
“รอเซ็นคอนแทรกกับลูกค้า คิดว่าไม่น่าเกินสองอาทิตย์ แล้วห้ามไปบอกใคร เพราะตั้งใจจะพาว่าที่สะใภ้ ไปเซอร์ไพรส์ลูกชาย”
“อ๊าย ดีที่สุดเลยค่ะ”
“แล้วจะถือโอกาสนี้เปิดตัวสองครอบครัวเราอย่างเป็นทางการไปเลย”
“โอ้ว เริ่ดค่ะ เริ่ดมาก รับรองว่าน้องจะไม่บอกใคร ว่าแต่คุณพี่จะกลับมาเมื่อไหร่ อย่างลืมบอกน้องล่วงหน้านะคะ จะได้พาน้องฟ้าไปทำออร่าให้เจิด”
“ได้เลยค่ะ จะกลับเมื่อไหร่คุณพี่จะแจ้งให้ทราบ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”
พวงศรีดีใจ
“หนทางสดใส ใช่ไหมค่ะแม่”
พวงศรีพยักหน้าอย่างผู้มีชัย
“คุณนี่สุดจริงๆ โกหกเรื่องเจ้าคุณปู่ได้สมจริง ยิ่งกว่าสิบแปดมงกุฎอีก”
“แน่ใจนะว่าชม ไปยัยฟ้า ไปเตรียมตัวหาเหยื่อให้ไว ก่อนที่ยัยสราญจะกลับมา”
“ค่ะแม่”
ประกันพยักหน้าให้ ก่อนหันไปสบตายิ้มให้ประกายฟ้า
ย่าบิดหูภูมิจนร้องลั่น
“โอ๊ยๆๆ ผมเจ็บนะคุณย่า”
“นี่แก พูดจาอะไรกับเมียก็เบาๆ หน่อย ไปดุไปตะคอกเขาทำไม มันไม่ดีรู้ไหม”
“โห คุณย่าไม่รู้อะไร เขาน่ะตัวดีเลย ทั้งบังคับทั้งตะคอกขู่ผม ยิ่งคุณย่าให้ท้ายเขายิ่งเอาใหญ่”
“ก็สมควรแล้ว”
“นี่คุณย่าเข้าใจผิดไปรึเปล่า คุณย่าต้องเข้าข้างผม ไม่ใช่เขานะ”
“ย่าเข้าข้างทุกคนที่ทำถูก ย่าเป็นผู้ใหญ่ต้องตรงไปตรงมา แต่ย่ามีเรื่องหนักใจ และสงสัย”
“งั้นเอาเรื่องหนักใจก่อน”
“ก็ถ้าพ่อกับแม่แกกลับมา รู้เรื่องนี้เข้าอะไรจะเกิดขึ้น”
“นาทีนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วล่ะครับคุณย่า ก็เขาไม่ฟังผมเอง”
“แกก็รู้ ว่าแม่ยอมใครซะที่ไหน แถมยังแพ้ไม่เป็นอีกต่างหาก ยิ่งถ้ารู้ว่าแม่เดือนฉาย เป็นเด็กกำพร้าด้วยล่ะก็ พังล่ะที่นี้”
“แล้วคุณย่าล่ะครับ คิดยังไงกับเขา”
“ย่ามองใคร ไม่ได้มองที่ชาติกำเนิด ไม่ได้มองอดีต แต่มองปัจจุบัน เท่าที่เห็น ย่าก็ว่าเด็กคนนี้ใช้ได้ แต่ก็ต้องขอดูให้แน่ใจอีกที”
ภูมิถอนใจ
“แกก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกัน ดูท่าจะเกิดศึกใหญ่แน่”
“แล้วเรื่องที่คุณย่าสงสัยล่ะครับ”
“ก็เมื่อเช้าฉันเข้าไปตามแกในห้อง ทำไมเตียงนอนมีหมอนใบเดียว แล้วของแม่เดือนล่ะ”
ภูมิอึกอัก คิดหาคำตอบ
“ก็ ก็ คือเดือน เดือนเขาเป็นโรคหมอนรองกระดูกต้นคอมีปัญหา ก็เลยนอนหมอนไม่ได้น่ะครับ”
“อ๋อเหรอ เป็นสาวเป็นนางดูแข็งแรง เป็นโรคนี้แล้วเหรอ”
ภูมิแอบเป่าปากถอนใจ
ที่ห้องพักในโรงแรมต่างจังหวัด กองแก้วใส่ผ้าขนหนู นอนกอดเกริกเกียรติ แฟนเด็กหนุ่มหน้าตาดี ที่นอนแผ่หรา หมดแรง เธอตบหน้าปลุกเขาเบาๆ
“ตื่นได้แล้วจ้ะตื่น”
“ขอนอนต่ออีกนิดนะครับ”
“ไม่ได้ พี่ต้องรีบกลับ เดี๋ยวไอ้แก่นั่นมันจะสงสัยเอา”
เกริกเกียรติรีบลุกขึ้นนั่งบนเตียง กองแก้วยื่นเงินให้
“นี่ส่วนแบ่งของเดือนก่อน แล้วอย่าลืมตกแต่งบัญชีให้ดี อย่าให้ใครจับได้ เราต้องรีบทำช่วงนี้เพราะไม่มีคนสนใจ”
“แน่นอนครับ ผมจะรีบจัดซื้อของมาสต๊อกไว้ให้มาก เราจะได้มีเงินเยอะๆ”
“ดีมาก น่ารักที่สุด”
“แล้วเมื่อไหร่ เราจะได้อยู่ด้วยกันเสียทีครับ”
“เมื่อเรามีเงินมากพอ ตั้งแต่เดือนหน้า เกริกได้เท่าไหร่ ให้เอาใส่บัญชีเราไว้เลย ให้พี่ดูแค่ยอดก็พอ”
“จะดีเหรอครับพี่ พี่ไว้ใจผมขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อ๊ะ ก็ต้องไว้ใจสิ ทีเมื่อก่อนเห็นอ้อนอยากเก็บเงินตลอดไม่ใช่เหรอ”
“เงินไม่สำคัญเท่าผมรักพี่ แต่ถ้าพี่อยากให้ผมเก็บ ผมก็จะเก็บไว้เพื่อเรา”
เกริกเกียรติกอดกองแก้ว ยิ้มเจ้าเล่ห์
เสี่ยอุดรนั่งที่โต๊ะอาหารในร้านหรู พวงศรีพาประกายฟ้าเดินเข้ามา ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะเสี่ย นี่ประกายฟ้าลูกสาว”
เสี่ยอุดรประคองมือประกายฟ้าไว้ ส่งสายตาหวานเยิ้ม ประกายฟ้าชักมือออกช้าๆ ทำเป็นหวงตัว
“ยังจำประกายฟ้าได้ไหม ที่เราเคยเจอกันที่อเมริกา”
“สวยๆ อย่างนี้ทำไมจะจำไม่ได้ จำจนติดตาติดใจเลยล่ะครับ ว่าแต่กลับมาเมืองไทยทำไมไม่บอกผม จะได้ส่งรถไปรับ”
“ไม่เป็นไร เกรงว่าจะเป็นการรบกวนมากเกินไปน่ะค่ะ”
พวงศรีแอบยิ้ม ดีใจที่เสี่ยชอบประกายฟ้าออกนอกหน้า
“ตั้งแต่เจอที่อเมริกาคราวนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เสี่ยกลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่คะ”
“ก็หลังจากนั้นสามวัน เพราะมีงานด่วนที่นี่ก็เลยรีบกลับ เลยไม่ได้ไปร่ำลาหนูฟ้าเลย แต่ก็คิดถึงมากนะ และดีใจมากที่ได้เห็นหน้าหนูฟ้าอีก”
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวทานอาหารเสร็จ เสี่ยจะพาไปช็อปปิ้งหน่อยดีไหม”
ประกายฟ้ากับพวงศรี ตอบพร้อมกัน
"ดีค่ะ"
“อืม พร้อมเพรียงกันดีมาก เอาเป็นว่ามื้อนี้กับวันนี้เสี่ยเต็มที่ทุกเรื่อง”
เสี่ยอุดรส่งสายตาหวานให้ประกายฟ้า ประกายฟ้ายิ้มรับ
“ดีค่ะเสี่ยขา”
เสี่ยอุดรมองประกายฟ้าโลมเลีย ประกายฟ้าแอบทำหน้าพะอืดพะอม
รามนรีใช้จอบสับดินเพื่อทำสวนครัวในสวนบ้านย่า ย่ากับภูมิเดินเข้ามายืนมอง เหล่าคนรับใช้เดินตามมามุงดู
“นั่นคุณทำอะไรของคุณ”
“ก็จะปลูกผักสวนครัวให้คุณหญิงไง มันปลอดภัยกับสุขภาพท่านมากที่สุด ไม่ต้องเชื่อโฆษณา พึ่งปุ๋ยพึ่งยาอะไร”
“พูดอีกก็ถูกอีกค่ะคุณเดือน พ่อกับแม่น้า ก็ขอบปลูกผัก จนเป็นที่มาของชื่อ บุญปลูกนี่ไงคะ”
“หือ ชื่อนี้ มีที่มาที่ไป ดีจังเลยค่ะ” เภาชื่นชม
“แต่นี่มันกรุงเทพ ไม่ใช่บ้านนอก ปลูกอะไรไป ก็ไม่ได้กินหรอกค่ะ” นิดแย้ง
“ทำไมล่ะจ๊ะ ในเมื่อเราทีดินมีน้ำเหมือนกัน”
“ก็ไม่เห็นมีใครเขาทำกัน ซื้อเอาไม่สบายกว่าเหรอคะ”
“คิดอย่างนี้นี่เล่า ถึงได้เป็นคนใช้เขาอยู่ร่ำไป”
ย่าตำหนิ นิดก้มหน้าหลบตาต่ำ
“คนบางคน ก็ไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำหรอกค่ะ เพราะเขาขี้เกียจ รักสบาย”
บุญปลูกตำหนิ
“สิ่งที่แม่เดือนทำน่ะ ถูกที่สุดแล้ว เพราะมันคือความพอดีและพอเพียง ดูสิ หลานแท้ๆ ยังไม่เคยทำให้ แต่คนอื่นกลับห่วงย่ามากกว่าแกอีกตาภูมิ”
“ห่วงสิครับ ผมน่ะทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงคุณย่าเลยนะครับ”
“ปากหวานอีกแล้ว หลานฉัน”
รามนรียิ้มปลื้ม
พวงศรีกับประกายฟ้า ถือถุงของพะรุงพะรังเดินเข้ามา เห็นบ้านมืดสนิท
“นี่พ่อแกไปไหน”
ประกายฟ้าหันไปสบตากับแม่
“หรือว่า พ่อไปบ่อนอีกแล้วคะแม่”
พวงศรีรีบเปิดประตู เอื้อมมือไปเปิดไฟ เห็นประกันนอนหลับกรนสนั่นบนโซฟา ประกายฟ้าถอนใจโล่งอก พวงศรีเหวี่ยงถุงของใส่ประกัน จนสะดุ้งตื่น
“อ้าวกลับมากันแล้วเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วนี่ค่ำมืดก็ไม่เปิดไฟ จะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง หะ”
“หือ ก็อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ก็นอนไปงั้นๆ แล้วเป็นไงบ้าง”
“ฝีมือระดับพวงศรี มีเหรอจะพลาด นั่นถุงเสื้อผ้าคุณ เอาไว้ใส่ไปสร้างภาพหลานเจ้าคุณปู่ ผู้มีสมบัติมหาศาล กับคุณสราญคุณภัทรเขา”
“สำหรับตาเสี่ยบ้านนอกนี่ ไม่มีปัญหาค่ะพ่อ รออีกนิดหนูจะจัดการเอง”
“ดีมากลูก”
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ เหนื่อยมากเลยวันนี้ เจอคนขึ้หลีทั้งวัน”
ประกายฟ้าเดินออกไป พวงศรีกับประกันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน
ตอนค่ำ รามนรีนอนอ่านหนังสือบนเตียงเพลิน มีเสียงกุกกักที่หน้าประตู เธอหันไปมอง ก่อนหยิบไม้เบสบอลคู่ใจมากำไว้ แล้วเดินไปยืนที่หน้าประตู ภูมิไขกุญแจเปิดเข้ามา รามนรียกไม้สุดมือ
“อ๊าย”
ภูมิแหงนมองปลายไม้ หน้าเหวอ รีบคว้าปลายไม้ไว้
“เฮ้ย อย่าๆ นี่ฉันเอง”
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เคาะประตู อย่าใช้กุญแจสำรองถ้าไม่จำเป็น”
“ก็รู้ แต่นี่มันมีเรื่องจำเป็น”
รามนรีวางไม้ เดินไปนั่งที่เตียง ภูมิตามไปนั่งข้างๆ ถอนใจ
“ก็คุณย่าเขาสงสัยเราน่ะสิ”
“สงสัยอะไร สงสัยได้ยังไง”
“ก็เมื่อเช้า เขาเข้ามาหาผมที่ห้อง เห็นหมอนบนเตียงมีใบเดียวก็เลยถามว่าหมอนคุณไปไหน”
“เหรอ แล้วคุณตอบว่าไง”
“ก็บอกว่าคุณเป็นโรคหมอนรองกระดูกต้นคอมีปัญหา ก็เลยนอนหมอนไม่ได้ และอีกไม่นานอาจจะเป็นอัมพาต”
“หะ นี่คุณกล้าโกหกผู้ใหญ่ แถมยังกล้าแช่งฉันขนาดนั้นได้ไง”
“ผมเปล่าแช่ง ก็แค่เอาตัวรอด”
“งั้นก็ลองเอาตัวให้รอดวันนี้ให้ได้ เพราะนายจะเป็นอัมพาตก่อนฉันแน่นอน”
รามนรีโมโหหูดับ คว้าไม้เบสบอลไล่ตีภูมิไปรอบห้อง
จบตอนที่ 4