เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 23
บริเวณที่จัดงานหมั้นในบ้านศจี ระพีหยิบแหวนขึ้นมา ส่งยิ้มหวานให้ศจี
รามนรีเดินเข้ามากวาดตามองผู้คนที่นั่งร่วมพิธี แล้วรีบไปหลบแอบมอง เห็นวิรัชยิ้มไม่หุบ รามนรีน้ำตาคลอรู้สึกเสียใจ
“หนูขอโทษ หนูมันแย่ที่ทำให้พ่อต้องเสียใจ แต่วันนี้พี่พีทำให้พ่อยิ้มได้แล้ว ขอให้พี่ทั้งสองมีความสุขมากๆ นะคะ”
กองแก้วเจ้ากี้เจ้าการคอยกำกับระพี
“จับมือน้องขึ้นมาแล้วสวมแหวนสิจ๊ะ จับเบาๆ ทะนุถนอมแบบนี้จ้ะ”
กองแก้วจับมือศจีให้ดู ระพีอึดอัด แต่ทำอะไรไม่ได้ บรรจงสวมแหวนให้ศจี รามนรีมองรำคาญกองแก้ว ย่าสบตาภัทรกับภูมิ ก่อนหันมองกองแก้วด้วยสายตาดูแคลน สราญเบ้หน้าใส่ก่อนหันไปกระซิบกระซาบกับพวงศรี
“ดูๆ นางเจ๋อมั่กมาก แล้วอย่างนี้จะให้คุณพี่ไปนับญาติได้ยังไง”
“ใช่ค่ะคุณพี่ ทั้งเจ๋อทั้งจุ้น นิสัยไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ”
ประกันกระซิบห้าม
“เผาขนไปป่ะ ดูเขาต่อไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเอง”
พวงศรีค้อนให้ประกันก่อนหันไปมองต่อ
“แหม ถ้าได้แหวนวงใหญ่กว่านี้ มันคงจะดูสมหน้าสมตาหนูศจีมากกว่านี้นะคะ”
กองแก้วพูด ระพีหน้าเจื่อนหันไปมองศจีที่ส่งสายตาให้กำลังใจ เจือจันทร์รีบแทรก
“ขอแค่ให้เขารักกัน จะวงเล็กวงใหญ่ ก็ไม่สำคัญหรอกค่ะคุณกองแก้ว”
“แต่ ณเป็นถึงญาติมหาเศรษฐี เป็นผู้ลากมากดี จัดงานมงคลทั้งที ก็ไม่ควรน้อยหน้าใคร จริงไหมคะ คุณหญิงย่า”
“เหรอ แต่ฉันมองที่คนที่ใจ ไม่ได้มองที่อย่างอื่น”
“ฉันรู้สึกน้อยหน้า ถ้าระพีแต่งงานกับลูกสาวฉันเพราะเงินมากกว่าความรัก เพราะคนที่หายใจเข้าออกเป็นเงิน คิดว่าเงินมีค่ามากกว่าความเป็นคน ฉันคิดว่าเขาจิตใจมืดบอดไม่น่าคบหา คุณกองแก้วว่าจริงไหมคะ”
กองแก้วยิ้มเจื่อน
“อ๋อ ค่ะ”
ทุกคนหันไปมองกองแก้วด้วยสายตาแปลกๆ ระพีมองหน้าวิรัช วิรัชมองดุกระซิบกองแก้ว
“ทำไมไม่มีมารยาทอย่างนี้ หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย”
รามนรีมองกองแก้ว ยิ้มสะใจ ก่อนตกใจเมื่อหันไปเห็นผสานกับจอส กองแก้วรู้สึกเสียหน้า พยายามนั่งนิ่งสักครู่ ก่อนเดินอารมณ์เสียออกไป รามนรีรีบชิ่งออกมาในเวลาไล่เลี่ยกับกองแก้ว ย่าหันมาบอกกับทุกคน
“ทำพิธีต่อเถอะนะคะ”
กองแก้วเดินหน้ามุ่ยออกมา ยืนหน้าหงิกที่ริมสระน้ำ เวลาเดียวกับรามนรีเดินบ่นออกมา ไม่ได้มองว่ากองแก้วยืนอยู่
“ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้นะ”
กองแก้วหันไปมองตามเสียง ตะโกนขึ้นสุดเสียง
“หนูเล็ก นั่นหนูเล็กจริงๆ ด้วย”
เสียงตะโกนของกองแก้วดังเข้าไปในงาน คนในงานพากันหันไปมอง ระพีหน้าตื่น
“หนูเล็ก”
ระพีหันไปมองผสาน ก่อนรีบวิ่งออกไป รามนรีหันขวับมามองกองแก้ว จะวิ่งไป กองแก้วคว้าหมับจับมือรามนรีไว้
“แกจะหนีไปไหน”
“ปล่อย”
“แกต้องกลับไปหาพ่อ กลับไปแต่งงานกับคุณผสาน”
“ไม่”
รามนรีโมโห ผลักกองแก้วตกลงไปในน้ำ
“ว้าย”
รามนรีวิ่งออกไป ผู้คนในงานชะเง้อมองตามไป ต่างซุบซิบกันไปต่างๆ นานา
“ใครคือหนูเล็ก แล้วทำไมว่าที่เจ้าบ่าวต้องออกไปจากงานด้วย”
“ฉันว่าแฟนเก่าต้องมาปรากฏกาย หรือไม่ เขาก็ต้องไปทำใครท้องมาแน่ๆ”
ย่านิ่งฟัง ก่อนหันไปสบตาเจือจันทร์กับศจี
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“แล้วหนูเล็กเป็นใครกัน” ภูมิถาม
“เป็นน้องสาวระพีเขาน่ะค่ะ”
ย่าถอนใจ หันไปมองศจี
“เรื่องมันยาวค่ะคุณย่า เอาไว้วันหน้าจะเล่าให้ฟังนะคะ”
วิรัชหันไปมองผสาน ผสานทำเป็นมารยาทงาม คลานเข่าแหวกผู้คนไปหาวิรัช
“ก็ไหนเจ้าพีบอกว่ายัยหนูเล็กไม่เคยติดต่อมา แล้วจะมาได้ยังไง คงไม่ใช่มั้ง”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน งั้นผมขอตัวออกไปดูสักครู่นะครับคุณพ่อ”
“อืม ค่อยๆ ออกไป อย่าให้เสียกิริยา ถ้าใช่ก็จับตัวมาให้ได”
“ครับคุณพ่อ”
ผสานหันไปพยักหน้าให้จอส
ระพีเห็นรามนรีใส่รองเท้าสนสูงวิ่งเหยาะแหยะอยู่ด้านหน้า เสียงกองแก้วร้องขึ้น
"ช่วยน้าด้วยระพี"
ระพีเห็นกองแก้วลอยอยู่ในน้ำ แต่ไม่สนใจ รีบวิ่งออกไปหาน้องสาว ขวางหน้าไว้ ทั้งสองยืนคุยกัน ข้างโต๊ะจีนที่วางเรียงราย
“หนูเล็ก”
“หนูเล็กไม่ได้ตั้งใจมา ไม่รู้ว่าเจ้านายเป็นญาติคุณศจี แล้วนายผสานก็อยู่ที่นี่ พี่พีต้องช่วยหนูเล็กหนีไปให้ได้นะคะ”
ระพีเห็นผสานกับจอสเดินออกมาและกำลังช่วยกองแก้วขึ้นมาจากน้ำ ระพีรีบยืนเอาตัวบังน้องสาวไว้ แล้วกดหัวรามนรีให้หลบไปใต้โต๊ะ
“รีบหลบไปเร็ว นายผสานกำลังจะมา”
รามนรีขนหัวลุก รีบผลุบหายลงไปใต้โต๊ะอาหารที่มีผ้าคลุมอยู่ แง้มผ้าปูโต๊ะเป็นช่องเล็กๆ มองออกไป เห็นผสานกับจอส วิ่งเข้ามา เธอรีบหุบผ้าลง ใจเต้นแรง ได้ยินเสียงคุยกัน
“เจอไหมครับพี่พี”
“ผมเห็นเขาวิ่งไปทางโน้น เรารีบตามไปดูกันเถอะ”
ระพีหลอกพาผสานวิ่งออกไปด้านนอกประตู แต่จอสยังเดินอยู่แถวๆ นั้น รามนรีแง้มผ้าปูโต๊ะ เห็นระพีกับผสานเดินออกไป ก็ถอนใจโล่งอก ก่อนผลุบเข้ามาด้านใน ครุ่นคิด แล้วแง้มผ้ามองไปอีกครั้ง เห็นไผทขับรถเข้ามาและกลับรถไปจอดริมถนน รามนรีหาช่องทางหนี มุดข้ามโต๊ะต่อๆ กันไป คลานจากโต๊ะนั้นไปโต๊ะนี้เพื่อรีบไปให้ถึงหน้าประตู จนมาถึงโต๊ะสุดท้าย เธอเปิดผ้ามองไป เห็นไผทกำลังจะลงจากรถ ก็เปิดผ้าจะออกไป แต่ต้องผิดหวังเมื่อเห็นเป้ากางเกงจอสลอยอยู่ตรงหน้า รามนรีรีบหุบผ้า ผลุบหายไปใต้โต๊ะตามเดิม
“หือไอ้บ้าจอส จะมายืนทำไมตรงนี้เนี่ย”
“โอ้ว เหงื่อแตกพลั่ก เสียหล่อเลยเรา ไม่เห็นมีใคร มีอะไรเลย แล้วนายหัว ทูลหัวของบ่าวหายไปไหนนิ”
จอสเดินออกไปตามหาผสาน รามนรีมองผ่านช่องเล็กๆ
เห็นจอสเดินไป ก็เอาทั้งมือทั้งเท้ายื่นไปเขี่ยเก้าอี้ที่วางขวางออกให้พ้นทาง ก่อนถอดรองเท้าส้นสูงมาถือไว้ สูดลมหายใจเข้า
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ฉันต้องไปให้ได้”
รามนรีเปิดผ้า รีบพุ่งออกไป แต่ดันชนเก้าอี้ล้มโครม จอสหันมามอง รามนรีตกใจ วิ่งออกไปไม่คิดชีวิต ไผทถือกล่องของขวัญเดินยิ้มออกมาจากรถ ก่อนกดปิดรีโมท เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว รามนรีพุ่งเข้าไปดึงไผท จนหมุนติ้ว ก่อนลากกลับไปที่รถ ปากก็พล่ามพูดไป
“คุณไท รีบพาฉันไปจากที่นี่เร็ว ฉันขอร้อง”
“ผมเพิ่งมา แล้วก็มาสายจะให้ไปได้ยังไง ยัยศจีเอาผมตายเลย”
“แต่นี่มันเป็นนาทีชีวิตของฉัน ถ้าคุณไม่ช่วยฉันก็ตายเหมือนกัน”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉันไม่มีเวลา รีบพาฉันไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”
ไผทมองรามนรีซึ่งหน้าซีด ท่าทางร้อนรนจะเป็นจะตาย ก่อนยอมกดรีโมทเปิดรถ รามนรีวิ่งเข้าไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์ส่งข้อความทางไลน์ไปบอกภูมิมือไม้สั่น
“ฉันปวดท้องจนทนไม่ไหว เลยให้คุณไทพากลับบ้านแล้ว"
รามนรีกดปิดเครื่องทันที ไผทรีบขับรถพุ่งออกไป จอสวิ่งตามมา เห็นรามนรีไปกับไผท
ภูมิ ศจี เจือจันทร์ ภัทร วิรัช เดินมา ทุกคนงง เมื่อเห็นกองแก้วยืนตัวเปียกปอน
“อ้าว ทำไมเปียกปอนอย่างนี้ล่ะ”
“ก็”
ระพีเดินเข้ามากับผสาน ระพีเห็นกองแก้วอ้าปากจะพูด จึงรีบตัดบท
“พ่อครับ”
“เจอยัยหนูเล็กไหม”
ระพีหลบตา ส่ายหน้า
“ไม่เจอ และไม่แน่ใจ ว่าจะใช่หนูเล็กรึเปล่า”
วิรัชหันไปย้ำถามกองแก้ว
“คุณคงไม่ได้ตาฝาด เห็นคนอื่นเป็นหนูเล็กใช่ไหม”
“ตาฝาดบ้าอะไร ก็เขาเป็นคนผลักแก้วตกลงไปในน้ำ แล้วถ้าไมใช่ เขาจะหนีทำไม”
ผสานครุ่นคิดตาม ศจีสบตาระพี เห็นท่าไม่ดี รีบตัดบท
“แม่คะ รบกวนช่วยพาน้าแก้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“จ้ะ จ้ะ เชิญค่ะคุณกองแก้ว”
เจือจันทร์รีบพากองแก้วเดินออกไป จอสวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“ผมเห็นคุณหนูเล็ก ขึ้นรถหนีไปแล้วครับนายหัว”
ผสานหัวเสีย พยายามระงับอารมณ์
“งั้นผมจะตามไป เผื่อว่าจะทัน”
วิรัชหงุดหงิด
“ไม่ต้อง วันนี้เป็นวันมงคล เราไม่ควรทำอะไรให้เสียฤกษ์ วันนี้ปล่อยมันไปก่อน”
ผสานยืนนิ่งหน้าจ๋อย จำใจเชื่อฟัง
“ใจเย็นๆ นะครับคุณวิรัช”.
วิรัชฝืนยิ้มให้ภัทร พยายามระงับอารมณ์
“เรารีบเข้าไปทำพิธีต่อกันเถอะนะครับ เดี๋ยวแขกจะรอนาน ไปพ่อผสาน”
วิรัชกอดคอผสานปลอบใจ ก่อนพาเดินเข้าไปในงาน
ภูมิแยกตัวเดินออกมาที่หน้าประตูใหญ่ มองหารามนรี แต่ไร้วี่แวว
“ไปเข้าห้องน้ำที่ไหน ทำไมหายเงียบไปเลย”
ภูมิหยิบโทรศัพท์ จะโทรออก เห็นมีคนส่งข้อความทางไลน์มา รีบเปิดอ่านข้อความ
“ฉันปวดท้องจนทนไม่ไหว ให้คุณไทพากลับบ้าน"
ภูมิมองหน้าจอโทรศัพท์ น้อยใจที่รามนรีนึกถึงไผท แทนที่จะเป็นเขา เขารีบโทรศัพท์หารามนรีกับไผท แต่ปิดเครื่องทั้งคู่ ภูมิยิ่งสงสัย
สราญ ประกายฟ้า พวงศรี ยืนรอประกันซึ่งไปเข้าห้องน้ำ เจือจันทร์พากองแก้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินลงมาจากบันไดมา
“อุ้ยตาย ไม่ทราบว่าไปทำอีท่าไหน ถึงได้กระโดดลงไปอยู่ในน้ำได้คะคุณ” สราญถามเยาะ
“อาจจะตาลาย เห็นสระว่ายน้ำ เป็นปลักวัว ปลักควายก็ได้นะคะคุณพี่” พวงศรีหัวเราะเยาะ
กองแก้วกำมือแน่นหายใจแรง ประกายฟ้า เบ้ปากใส่
“คงจะคิดถึงบ้าน คิดถึงวัวถึงควายใช่ไหมคะคุณป้า”
กองแก้วโมโหจนตัวสั่น แต่ไม่กล้ามีเรื่อง กลัววิรัชจะว่า ประกันเดินเข้ามา
“มีอะไรกันเหรอครับ”
เจือจันทร์ยิ้มเจื่อนเห็นท่าไม่ดี รีบตัดบท
“เปล่าค่ะเปล่า นี่ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว เชิญทุกท่านไปรับประทานอาหารกันดีกว่านะคะ เชิญค่ะเชิญ”
เจือจันทร์ผายมือเชิญ และเดินนำไป สราญ พวงศรี ประกายฟ้า ตั้งแถวเรียงเดี่ยวเชิดหน้าปรายตามองกองแก้วด้วยสายตาเหยียดหยาม กองแก้วมองแค้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
ไผทขับรถเข้ามาจอดใต้ร่มไม้ใหญ่ริมถนน รามนรีโวยวาย หันหลังไปมองที่ถนนหน้าตื่น
“นี่คุณจอดทำไม รีบไปให้ไกลจากที่นี่ก่อนสิ”
“ไม่ ผมจะไม่ไปไหน ถ้าคุณยังไม่ยอมบอกความจริงกับผม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณหนีใคร หนีอะไรมา”
“ก็รออีกแป๊บไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้ ผมเป็นคนตรงไปตรงมา และขอให้บอกกันมาตามตรง ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร อะไรที่ผมช่วยได้ ผมจะช่วยคุณ ลงมาคุยกันเดี๋ยวนี้”
ไผทเดินออกมาจากรถ เปิดประตูให้รามนรีออกมา รามนรีเซ็ง จำใจออกมานอกรถ
“ก็ได้ๆ ฉันจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณฟังก็ได้”
รามนรีเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ไผทฟัง
ที่โต๊ะอาหารในบ้านศจี ทุกคนนั่งกินอาหารไปคุยไป ย่าเริ่มคุยกับวิรัช
“คุณวิรัชเลี้ยงลูกชายได้ดีมากเลยนะคะ เป็นคนดีสุภาพเรียบร้อย”
วิรัชยิ้มปลื้ม
“เรื่องนี้คงต้องยกความดีให้คุณแม่เขาที่เสียไป เขาเป็นคนดีมาก”
“ถึงว่า เขามีแม่แบบที่ดี ถึงได้เป็นคนที่ดีและมีคุณภาพอย่างนี้”
เจือจันทร์พูดขึ้น ศจีอมยิ้มมองย่า ก่อนหันไปมองระพีซึ่งยิ้มเขิน กองแก้วรู้สึกเสียหน้าเพราะคุยไว้เยอะว่าสอนระพีมา ผสานหันไปมองประกายฟ้าส่งสายตาวิบวับ แต่ประกายฟ้าเชิดใส่
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยค่ะ เรื่องความดีต้องดูกันยาวๆ ระวังจะดีแตกเอานะคะ”
สราญแย้ง ระพียิ้มเจื่อน ย่ามองปรามสราญ ภูมิเดินเข้ามา ประกายฟ้าลุกไปดึงภูมิมานั่งข้างๆ
“พี่ภูมิขา มาทานข้าวด้วยกันนะคะ”
ภูมิฝืนยิ้มให้ ย่ามองหมั่นไส้
“ภูมิ แม่เดือนฉายเมียแก เขาหายไปไหน ทำไมยังไม่มาอีก แล้วตาไผทก็หายจ้อยไป ยังไม่มาเลย”
ผสานมองประกายฟ้าตาวาว พอเดาได้
“คอยดูนะ ศจีจะต้องเล่นงานพี่ไท โทษฐานที่มาสายแน่ๆ”
“เดือนเขาส่งข้อความมาบอกเมื่อกี้ ว่าไม่สบาย ให้ไผทพากลับบ้านไปแล้ว”
ศจีเซ็ง ยอมจำนนด้วยเหตุที่ฟังได้ สราญได้ทีรีบพูดแทรก
“อุ้ยตาย หายไปทั้งคู่แบบนี้ มันชักจะยังไง มันน่าสงสัยอยู่นะ”
“เธอก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไร โดยที่ยังไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง” ย่าแย้ง
“ไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามดูสิคะ ว่าเขาอยู่ที่ไหน ถ้าบริสุทธิ์ใจก็น่าจะโทรมาบอกด้วยตัวเอง ไม่ใช่มาแค่ข้อความ แล้วเขาจะกลับบ้านจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
สราญเบ้ปากยักไหล่ ยิ้มมีชัย ประกายฟ้าเอาอกเอาใจ ตักอาหารให้ พยายามเอาใจภูมิ ซึ่งนั่งหน้าเครียด
ไผทตกใจ หลังจากฟังความจริงจากปากรามนรี
“หะ คุณหนีการแต่งงาน และที่คุณยอมทำเรื่องนี้อย่างง่ายดาย อย่างเอาเป็นเอาตายก็เพราะเดือนฉาย เนี่ยนะ”
รามนรีพยักหน้า
“ถึงว่า เจ้าภูมิมันเคยบ่นว่าไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงได้ห่วงและปกป้องแต่เดือนฉาย ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“รบกวนช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เป็นความลับนะคะ ไม่งั้นฉันคงจะทำงานให้คุณภูมิต่อไม่ได้”
“ได้ครับ แต่ถ้าวันไหนคุณเกิดเปลี่ยนใจ ก็บอกผมได้ ผมจะบอกเจ้าภูมิยกเลิกสัญญาให้ ผมอยากให้คุณกลับบ้าน ไปอยู่กับครอบครัว เขาคงจะเป็นห่วงคุณ”
“ฉันยังกลับไม่ได้ ถ้ากลับไปก็ต้องถูกจับให้แต่งงาน แล้วไหนจะเรื่องพี่เดือนกับคุณภูมิอีก เราต้องช่วยทำให้เขาคืนดีกันให้ได้ แล้วฉันค่อยไป”
“ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมต้องขอโทษ ที่มีส่วนทำให้คุณต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ทำให้คุณต้องลำบากทั้งกายและใจ”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจคุณไทดี”
“ต่อไปเราจะเป็นเพื่อนแท้ มีอะไรจะคอยช่วยเหลือดูแลกัน โอเค”
ไผทยื่นมือให้ รามนรีพยักหน้ายิ้มให้ ยื่นมือไปจับ
“ค่ะ ไหนๆ คุณก็รู้ความลับของฉันแล้ว ช่วยพาฉันไปหาพี่เดือนหน่อยจะได้ไหม ฉันเป็นห่วงเขาน่ะ”
ไผทสบตายิ้มให้
เดือนฉายนั่งเหม่อ มองภาพถ่ายคู่กับภูมิ สลับกับตุ๊กตาหมีอ้วนด้วยสายตาอาลัย ก่อนตัดใจหันไปหยิบไฟแช็ค จุดไฟจ่อไปที่ตุ๊กตา รามนรีตะโกนเรียก
“พี่เดือน”
เดือนฉายรีบวางไฟแช็ค เห็นรามนรีเปิดประตูเดินเข้ามา รามนรีปรายตามองหมีอ้วนกับภาพถ่ายที่ถูกคว่ำหน้าไว้ พอเดาได้
“ขอโทษทีนะคะที่ตั้งแต่เกิดเรื่องหนูเล็กไม่ได้มาหาพี่เดือนเลย ทำได้แค่โทรหา แต่พี่เดือนก็ปิดเครื่องตลอด”
“พี่ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเลยหนูเล็ก”
เดือนฉายพูดพาลจะร้องไห้ รามนรีจับมือเดือนฉาย ให้กำลังใจ
“พี่เหมือนคนสิ้นคิด เหมือนคนไร้สติอยู่ใช่ไหม”
“ไม่หรอกค่ะ เรื่องแบบนี้ ใครไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอก แล้วพี่ได้คุยกับเขารึยัง”
“พี่ไม่มีอะไรต้องคุยกับเขาอีกแล้ว”
“แต่หนูเล็กว่า พี่น่าจะลองเปิดใจให้คุณภูมิเขาได้อธิบายหน่อยไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“หนูเล็ก พี่เจ็บมาหลายครั้ง พี่อยากจะจำมันไว้ และจะไม่เข้าใกล้มันอีก อย่าขอร้องแทนเขา เพราะสำหรับเรามันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว พี่สัญญาว่าต่อไป พี่จะไม่ให้หนูเล็กหรือใครๆ เห็นพี่ในสภาพที่อ่อนแออย่างนี้อีก”
รามนรีมองเดือนฉายน้ำท่วมปาก ทำได้แค่พยักหน้าเข้าใจ พูดอะไรไม่ออก
ไผทจอดรถที่ริมถนน นั่งรอรามนรีอยู่ในรถ เห็นรามนรีเดินหน้าเครียดเข้ามา รีบลงจากรถเข้าไปหา
“เป็นไง คุณเดือนว่าไง”
รามนรีส่ายหน้า
“ผมว่าแล้ว”
“แต่เราจะยอมไม่ได้ เพราะฉันรู้ ว่าพี่เดือนรักคุณภูมิมาก มันต้องมีทางสิ”
“แล้วทางไหนล่ะ ที่เราจะเปลี่ยนใจเดือนเขาได้”
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”
ไผทกับรามนรีถอนใจ ก่อนหันไปสบตากันหน้าเครียด
เวลาผ่านไป แขกเหรื่อกลับกันไปจนหมด ทุกคนนั่งคุยกัน กระเป๋าเสื้อผ้าของวิรัชกับกองแก้ววางอยู่ เจือจันทร์มองวิรัชแล้วพูดขึ้น
“น่าจะอยู่ด้วยกันอีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ จะได้ไม่เหนื่อย”
“โห แค่นี้ก็รบกวนจะแย่ แล้วผมก็คิดถึงบ้านมาก กรุงเทพ คงไม่เหมาะกับคนอย่างผมหรอกครับ”
“สงสัยคุณพ่อ ต้องเป็นภูมิแพ้กรุงเทพแน่ๆ เลยค่ะ”
“เป็นธรรมชาติของคนต่างจังหวัด พอมาต่างที่ต่างถิ่นอยู่ได้ไม่นานก็อยากกลับ” ระพีบอก
“คนแก่ก็อย่างนี้ ห่างบ้านไม่ได้ ต่างกับน้าที่ชอบกรุงเทพมากกว่าบ้านนอก” กองแก้วรีบแทรก
“งั้น เอาไว้โอกาสหน้า น้าแก้วมา ศจีขออาสาพาไปเที่ยวไปทัวร์ด้วยตัวเองนะคะ”
“อ๊าย ดีจ้ะดี ว่าแต่ พูดแล้วห้ามคืนคำนะจ๊ะ”
“พี่พีครับ เดี๋ยวผมขออาสาไปส่งคุณพ่อที่สนามบิน พี่พีจะได้ไม่เหนื่อย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่งเองก็ได้ จะได้ไม่รบกวนคุณผสาน”
“ให้พ่อผสานไปส่งพ่อดีกว่า พีกับหนูศจีจะได้พักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะลูก”
ระพีพยักหน้ายิ้มให้ผสาน
“โอกาสหน้าก็มาเยี่ยมเยียนกันอีกนะคะ ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอค่ะคุณวิรัช”
“ขอบคุณครับ ถ้าคุณว่างก็อย่าลืมไปเยี่ยมผมที่บ้านนอกบ้างสิ ที่นั่นอากาศดีนะ”
“ค่ะเห็นยัยศจีถ่ายรูปมาให้ดูอยู่ จะต้องหาเวลาไปให้ได้แน่นอนค่ะ”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณเจือจันทร์ ยังไงขอฝากลูกชายด้วยนะครับ”
“ได้เลยค่ะไม่ต้องห่วงนะคะ”
ระพีกับศจี เข้าไปกราบ แล้วกอดพ่อ ทุกคนยกมือไหว้ร่ำลา ยิ้มให้กัน
รามนรีแยกจากไผท เดินเข้ามาในบ้าน เสียงโทรศัพท์ดัง เธอมองหน้าจอแปลกใจ เบอร์ไม่คุ้น รีบกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณยาย นี่เหมียวเองนะคะ”
“อ้าว เหมียวเองหรอกเหรอ มีอะไรรึเปล่าจ๊ะเนี่ย”
“เอ่อ เอ่อ อ้า”
“เอ๊า มัวแต่ เอ่อ อ้า อยู่นั่น มีอะไรก็พูดมาสิเหมียว”
“คุณยายรู้รึยังคะ ว่าพรุ่งนี้คุณสราญให้คุณประกายฟ้ามาเป็นเลขาหน้าห้องคุณภูมิ”
รามนรีโมโหหูดับ หน้าเหี้ยม
“ยัง”
“งั้นคุณยายอย่าบอกใคร ว่าเหมียวโทรมา ไม่งั้นเหมียวตายแน่”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่บอกใคร ยังไงก็ขอบใจมากนะเหมียวที่โทรมาบอก”
“ค่ะคุณยาย งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”
รามนรีวางสาย กัดกรามกรอด
“ถึงว่า อีตาภูมิ ถึงได้วางฟอร์มขรึมไม่พูดไม่จา หนีหน้าอยู่นั่น ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ได้ เดี๋ยวฉันจะเอาให้แสบไปเลย”
รามนรียิ้มตาวาว
ไผทเดินมาส่งรามนรีที่บ้านภูมิเสร็จ กำลังจะเดินออกไปที่รถ ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เห็นนิดเปิดประตู ถวิล ขับรถตู้แล่นเข้ามาจอด ไผทหยุดยืนรอทักทาย ถวิลวิ่งลงมา เปิดประตูรถให้ทุกคนออกมา
“เป็นอย่างที่หนูว่าไหมล่ะ ถึงว่าไม่ยอมไปงาน ที่แท้ก็แอบมาตีท้ายครัวตาภูมิอยู่นี่เอง”
ภัทรหันขวับมองสราญ
“คุณสราญ”
ไผทหน้าเสีย แต่ก็พยายามคุมสติตอบสราญ
“ผมว่าคุณแม่คงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ ผมแค่เจอคุณเดือนเขาไม่สบาย ผมก็เลยมาส่งที่บ้าน ก็แค่นั้น”
“ก็เล่นแอบมาด้วยกันเงียบๆ สองต่อสอง จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง”
“ผมเข้าใจ แต่จะเชื่อหรือไม่ ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ว่าจะคิดในทางไหน แต่ผมขอยืนยันว่าเราคือเพื่อน ต้องช่วยเหลือกันในฐานะเพื่อนครับคุณแม่”
ภูมิมองเซ็ง สราญเคือง
“นี่กำลังจะบอกว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายใช่ไหม คงจะโดนแม่เดือนฉายเสี้ยมมา ให้กล้าปากคอเราะร้ายกับผู้ใหญ่อีกคนแล้วสิเรา”
“ผมก็แค่พูดไปตามความจริงครับคุณแม่”
ย่าแทรกขึ้นมา หน้าเครียด
“เอาล่ะ เราอย่ามาหาเรื่องคนกันเองเลย แล้วย่าก็เชื่อว่าคนอย่างไผท ไม่มีทางทำอะไรแย่ๆ อย่างที่แม่สราญคิดแน่”
“ผมก็เชื่ออย่างนั้นครับคุณแม่”
ไผทถอนใจมองย่ากับภัทรหน้าเจื่อน
“ภูมิ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย ตามแม่มา”
ภูมิตบไหล่ ปลอบใจไผท ก่อนเดินตามสราญออกไป ทุกคนมองสราญหนักใจ สราญเปิดคลิปในมือถือ ที่นิดแอบถ่ายรามนรีกับไผท มาให้ภูมิดู
“แกก็ดูเอา ว่าเมียแก เป็นอย่างที่แม่พูดรึเปล่า”
ภูมิโมโหมาก
“เขามาที่นี่ตอนไหน ทำไมผมไม่เห็นรู้เลย”
“ก็วันที่แม่ให้แกพาหนูฟ้าไปกินข้าวที่ร้านไง”
ภูมินึกถึงวันที่โทรศัพท์คุยกับไผท
“ไอ้ไท แกเสร็จธุระรึยัง รีบมาหาฉันที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้ ฉันอยากเจอแก”
“ตอนนี้ฉันติดลูกค้าอยู่ ยังไปไม่ได้ แค่นี้นะ”
ภูมิไม่สบายใจ ก่อนกดส่งคลิปมาที่เครื่องตัวเอง
“ถึงว่า ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
ภูมิโมโหหึง รีบเดินออกไป สราญยิ้มสะใจ
ตอนเย็น รามนรีอาบน้ำเสร็จ ใส่กระโจมอก เดินออกมา ภูมิเปิดประตูเดินหน้าหงิกเข้ามา รามนรีตกใจ
“ว้าย คนอะไรไม่มีมารยาท จะเข้ามาทำไมไม่เคาะก่อน”
รามนรีรีบวิ่งไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับ
“ทำไม ก็ผมไม่ได้มารยาทดีเหมือนไอ้ไทมันนี่”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะคุณไทเขาดีทั้งกายและใจ ไม่เหมือนคุณ”
“บอกผมมา ว่าคุณกับไอ้ไทมีอะไรกันใช่ไหม”
“นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง คุณเอาสมองส่วนไหนมาคิด แล้วที่คุณกับแม่ประกายฟ้าประกายดินนั่นล่ะ ป่านนี้คงมีอะไรกันแล้วสินะ”
ต่างคนต่างหึง ภูมิยื่นคลิปให้
“แล้วนี่คืออะไร คุณบอกผมมาได้ไหม”
รามนรีเพ่งมอง
“คุณจะคิดจะทำอะไร คุณเคยนึกถึงใจผมบ้างไหม”
“ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าฉันจะรักจะชอบใครจริง มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน”
“ที่ผ่านมา ผมรักคุณแทบตาย คุณไม่เคยมีใจให้ผมเลยใช่ไหม”
“ฉันมีหน้าที่ทำให้คุณคืนดีกับคุณเดือนฉาย เรื่องอื่นไม่เกี่ยว”
ภูมิหันขวับมองรามนรี เดินหน้าเหี้ยมเขาไปหา
“รู้ไหม ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายใจดำที่สุด”
เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 23 (ต่อ)
ภูมิผลักรามนรีลงไปบนที่นอน ก้มลงไปจูบ รามนรีพยายามขัดขืน ตบหน้าภูมิ ก่อนผละออกไปยืนให้ห่าง
“เลิกทำอย่างนี้กับฉันเสียที เพราะต่อไปนี้เราต้องอยู่กับความจริง คุณต้องคืนดีกับคุณเดือนฉายและต้องอยู่ให้ห่างประกายฟ้า”
“คุณชอบบังคับจิตใจ ชอบทำอะไรที่ผมไม่ต้องการเสมอ”
ภูมิมองรามนรีน้อยใจ เดินคอตกออกไป รามนรีครุ่นคิด เครียด
“แล้วพรุ่งนี้ เราจะเอายังไงกับยัยประกายฟ้าดี งานนี้ต้องมีตัวช่วย”
เภากับนิดนั่งนวดแขนขาให้ย่า เภาถามขึ้น
“คุณศจี สวยมากไหมคะคุณท่าน”
“แน่นอนสิยะ ย่าสวยขนาดนี้ หลานไม่สวยก็ให้มันรู้ไป”
ย่าอมยิ้มขำๆ มองเภากับนิด นิดรีบประจบ
“คุณท่านสวยมากมาย ออร่ากระจายมากเลยค่ะ”
ถวิลถือถาดแก้วนมเดินเข้ามาวางไว้ให้
“เยอะไปไหมแม่นิด”
นิดหลบตายิ้มแหย เภาหันไปสบตาถวิล กลั้นขำ ถวิลเห็นรามนรีเดินเข้ามา
“คุณเดือนมาครับ”
“คุณย่า หนูมีเรื่องจะรบกวนปรึกษาหน่อยค่ะ”
“อ้าว ไปพักกันได้แล้วจ้ะ ขอบใจมากนะ”
ทุกคนเดินออกไป นิดทำเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร ยิ้มสะใจคิดว่าตบตาเภาได้ จะย่องกลับเข้าไปที่ห้องย่าอีกครั้งเพื่อแอบฟัง โดยไม่รู้ว่าเภากับถวิล แอบสะกดรอยตามาห่างๆ
“หือ อีนี่ เห็นแล้วขึ้น”
เภามองหมั่นไส้ คว้าถาดจากถวิล เดินย่องตามเอาถาดไปฟาดหัวนิด จนตกใจร้องลั่น
“โอ๊ย ทำเป็นตลกคาเฟ่ไปได้ มุกเก่ามาก เอาขอบตีด้วยอ่ะ เจ็บมาก”
“กูไม่ได้เอามุกเอาเจ็บโว้ย นี่ถามจริงในหัวกบาลแก คิดดีๆ เป็นกับเขาบ้างไหม”
“ทำไมจะคิดไม่เป็น”
“แต่เท่าที่เห็นมีแต่เรื่องเลวๆ เรื่องแทงข้างหลังคนตลอด พอกันทั้งนายทั้งบ่าว”
“นี่แกกล้าว่าคุณสราญเหรอ”
“แกรู้ได้ไง ในเมื่อฉันไม่ได้ออกชื่อ จะกลับไปไหม”
นิดทำเป็นเก่งตั้งการ์ดสู้
“หือ อีนังมารรูหู มารลูกกะตา กลับก็ได้วะ”
นิดรีบเดินกระแทกเท้าออกไป เภาเท้าสะเอว ยิ้มเยาะ
“โธ่เอ๊ย นึกว่าจะแน่”
ถวิลส่ายหน้ามองระอาเภา
ย่าตกใจเมื่อฟังสิ่งที่รามนรีบอก
“ย่าก็ไม่เข้าใจว่าแม่ประกายฟ้าเอาน้ำมันพลายดีดใส่ หรือเอาอะไรให้แม่สราญกิน ถึงได้รักได้หลงเขาหนักหนา ถึงขนาดจะให้มาเป็นเลขาเลยเหรอ”
“ค่ะ”
“ไม่ว่าจะยังไง เราก็ปล่อยไว้ไม่ได้ หนูมีไอเดียอะไรไหม”
รามนรีส่ายหน้า ย่าครุ่นคิด ก่อนนึกได้ ยิ้มร่า กระซิบกระซาบที่ข้างหูรามนรี รามนรีหน้าตื่นดีใจกับไอเดียของย่า
“เอาให้สุด แล้วไม่ต้องห่วงอะไร เดี๋ยวเรื่องอื่นย่าจัดการให้ เป๊ะเว่อร์แน่นอน”
ทั้งสองหัวเราะคิกคักให้กัน
กลางคืน ผสานกับจอส นั่งดื่มกันที่คอนโดฯ
“นายหัว ผมว่าคุณพีแกมีพิรุธ แกพานายหัววิ่งไปอีกทาง ทั้งๆ ที่คุณหนูเล็กอยู่อีกทาง แต่จอสฉลาดกว่าเลยรู้ทัน ได้เห็นคุณหนูเล็กตัวเป็นๆ หนีไป”
“ถุย”
จอสกระโดดหลบพัลวัน
“แล้วมึงเคยทำอะไรได้ นอกจากปล่อยให้มันหนีไปตลอด”
“จอสก็อยากจะรู้ว่าเขาแขวนพระอะไร ถึงได้รอดไปทุกที หรือว่าเขารู้กันกับคุณพี แล้วช่วยให้หนีไปครับนายหัว”
“ปากหมา คนอย่างพี่พีไม่มีทางทำอย่างนั้น มึงไม่เห็นรึไง ว่าครอบครัวยัยหนูเล็กเขารักกูเชื่อใจกูมากแค่ไหน เขาไม่มีทางทำอะไรอย่างนั้นแน่ ไอ้บ้าจอส”
“ไม่งั้นคุณหนูเล็กก็ต้องแขวนพระรอดแน่เลยนายหัว”
“ถ้ามึงขืนปล่อยให้เขารอดบ่อยๆ ตัวมึงนั่นแหละจะไม่รอด”
จอสหลบตาหน้าจ๋อย
ประกายฟ้าเลือกชุดให้พวงศรีช่วยดู และยืนถือไว้จนเต็มมือ
“แม่คะชุดนั้นก็ดี ชุดนี้ก็สวย เริ่ดๆๆ เลือกไม่ถูกเลยอ่ะ”
“นี่แม่นะ ไม่ใช่ไม้แขวนเสื้อ ช่วยเลือกสักทีเถอะ”
ประกายฟ้าเบ้ปากใส่ไม่สนใจ ก่อนกวาดตามองอีกรอบ หยิบชุดสวยเซ็กซี่ออกมา
“งั้นเอาชุดนี้ละกัน”
ประกายฟ้าดึงเสื้อผ้าจากแม่ แล้วเหวี่ยงออกไป เอาเท้าเขี่ยไปซ่อนไว้ใต้เตียง
“อ้าว ทำไมทำอย่างนั้นล่ะลูก”
“ก็หนูขี้เกียจเก็บนี่คะ”
“แต่หนูเป็นผู้หญิงจะทำอย่างนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าได้แต่งงานกับพี่ภูมิหนูจะจ้างคนใช้สักสี่ห้าคนมาช่วยเก็บ”
“อุ้ยตาย เป็นเด็กคิดดีและมีเหตุผลมาก แม่ยอมจ้ะแม่ยอม”
สองแม่ลูกสบตายิ้มให้กัน
กลางคืน ภูมินอนบนเตียง รามนรีนอนอยู่ที่พื้น ต่างคนต่างงอน นอนหันหลังให้กัน ทำเป็นไม่สนใจกัน แต่ต่างก็ผงกหัวมาแอบดูกันไปมา ทำหน้าหงิกหน้างอใส่กัน
ไม่มีใครยอมคุยกับใครก่อน แล้วต่างคนต่างหาว จนผลอยหลับไป
ตอนเช้า ประกายฟ้าถือแจกันดอกไม้สีสดใสเข้ามาวางไว้ในห้องทำงานของภูมิ
แล้วเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของภูมิ วางมาดผู้บริหาร ก่อนครุ่นคิด กดสายภายในโทรออกหารุ้ง
“รุ้งเหรอจ๊ะ ช่วยเข้ามาหาฉันที่ห้องคุณภูมิเดี๋ยวนี้”
สักครู่รุ้งเดินเข้ามา ยิ้มสดใส
“สวัสดีค่ะคุณฟ้า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“ฉันจบจากเมืองนอกเมืองนา จะให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามากที่สุด เออ นี่ ช่วยไปตามพนักงานผู้ชายมาช่วยยกโต๊ะเลขา เข้ามาวางไว้ข้างในให้หน่อยสิ”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ก็ฉันต้องการเป็นเลขาในห้อง ไม่ใช่หน้าห้องนี่จ๊ะ”
“อุ้ย แล้วคุณภูมิจะไม่ว่าเอาเหรอคะ”
“เขากับฉันอีกไม่นานก็เป็นคนๆ เดียวกัน ฉันสั่งอะไรก็ทำตามนั้น ห้ามเถียง”
ประกายฟ้าจิกตา มองหน้ารุ้ง รุ้งเดินหน้าหงิกออกมาจากห้อง เห็นเหมียวเดินถือถ้วยกาแฟจะเอาไปให้ไผทในห้อง รีบบ่นให้ฟัง
“ไม่อยากจะเชื่อเลย แค่มาเป็นเลขาวันแรกก็ออกฤทธิ์ซะแล้ว”
“ทำไม เขาไปทำอะไรให้แกโกรธอีกล่ะ เมื่อวันก่อนยังชมนักชมหนานี่นา”
“ทำไม ชมได้แล้วด่าไม่ได้รึไงวะ”
“อ้าว อย่ามาใส่อารมณ์กับฉันสิ แล้วเขาทำอะไรให้แกโกรธ”
“เขาออกคำสั่ง ให้ไปพาคนมายกโต๊ะเลขาไปไว้ในห้อง และฉันต้องทำตาม”
“อุ้ย แรง”
“และแรงก่อนกำหนดด้วย”
“แต่บางที ฉันก็อยากจะสมน้ำหน้ากบเลือกนายอย่างแก”
รุ้งมองเอาเรื่อง
“และบางที การที่แกคิดไม่ดี คิดจะยืมมือเขาแก้แค้นคุณยาย ก็เข้าข่ายให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นก็เลยถึงตัวแกก่อนไง ไม่แปลก”
เหมียวยักคิ้วให้รุ้งก่อนเดินสบายอารมณ์ออกไป รุ้งแค้น
ผสานนอนให้จอสดัดแข้งดัดขาให้
“เออ ดี ดีมากเลยไอ้จอส มึงนี่มีดีเยอะนะเนี่ย”
“ครับนายหัว แม่ก็เคยชมจอส ว่าทำได้อะไรหลายอย่าง แต่ไม่ได้เรื่องสักอย่าง”
“เฮ้ย มึงแน่ใจเหรอ ว่าเขาชม แต่กูว่าไม่น่าจะใช่นะ”
“ช่าย นายหัว แม่เขาชมจอสจริงๆ”
เสียงโทรศัพท์ผสานดัง เห็นเบอร์สารวัตรบิ๊ก ผสานดีใจถีบจอสหัวทิ่มไปติดข้างฝา
“ว่าไงไอ้สารวัตร”
“เฮ้ย ลูกน้องฉัน จับสัญญาณโทรศัพท์หนูเล็กได้แล้วนะโว้ย”
“เหรอ ดีๆ งั้นวันนี้ฉันจะไปหาแกได้ไหม”
“ได้ๆ วันนี้ช่วงเย็นฉันว่างพอดี เดี๋ยวจะได้พาไปดูพิกัดที่เจอสัญญาณด้วย”
ผสานวางสาย ตบเข่าฉาด ก่อนกวาดตามองหาจอส ที่นั่งหน้านิ่วอยู่ริมผนัง
“ขอโทษทีว่ะ เมื่อกี้กูดีใจมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับนายหัว จอสเข้าใจและจอสทนได้นิ”
ผสานพยักหน้ายิ้มให้ จอสยิ้มแหยให้ผสาน
ภูมิเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงาน เห็นโต๊ะเลขาย้ายมาวางอยู่ด้านในก็ตกใจ ประกายฟ้าเปิดประตูเข้ามา
“มาแล้วเหรอคะพี่ภูมิ”
“นี่คุณทำอะไรกับห้องทำงานผม”
“ก็แค่ปรับฮวงจุ้ยนิดหน่อย ทำไม พี่ภูมิไม่พอใจฟ้าเหรอคะ”
ประกายฟ้าเข้าไปนัวเนียภูมิที่โต๊ะทำงาน รามนรีใส่ชุดสาวออฟฟิศเรียบหรู ดูดี แต่งหน้าจัดเดินเข้ามา ดึงประกายฟ้าออกไปจากภูมิ
“ถอยไปให้ไกลจากสามีฉัน”
รามนรีเข้าไปนัวเนียภูมิเย้ยประกายฟ้า ภูมิเคลิ้ม รู้สึกดี
“ยุ่งอะไร ในเมื่อฉันเป็นเลขา”
“แต่ฉันเป็นเมียเขา และไม่ยักกะรู้ว่าเธอมาเป็นเลขา มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณแม่พี่ภูมิ มอบหมายให้ฉันมาเป็นเลขา ทั้งหน้าและในห้องตั้งหลายวันแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันใจกว้าง หลายวันก็หลายวัน”
ประกายฟ้ายิ้มเยาะ
“แต่วันนี้ ฉันไล่เธอออก ไสหัวไป”
ภูมิหันขวับไปมองรามนรี รู้สึกงงกับสิ่งที่หญิงสาวทำ รุ้งรีบเข้ามาอารักขาประกายฟ้า
“แต่คุณสราญเป็นคนสั่งให้คุณฟ้ามาอยู่ที่นี่ และรุ้งต้องดูแลปกป้องคุณฟ้า”
รามนรียิ้มเยาะมองรุ้ง
“ก็ดี งั้นฉันจะได้ไล่ออกทีเดียวสองคน จะได้ไม่เสียเที่ยวที่มา”
รุ้งตกใจ หันไปมองภูมิ ภูมิยิ้มแหย ไม่กล้าออกความคิดเห็น รามนรีเดินไปปัดแจกัน ข้าวของบนโต๊ะประกายฟ้าร่วงไปที่พื้น ก่อนหยิบกระเป๋าเหวี่ยงออกไป ประกายฟ้าโมโห
“อ๊าย แกทำบ้าอะไร รู้ไหมว่าของแบรนด์เนม ราคาแพงมากเลยนะ”
“เหรอ ถ้ามันแพงขนาดนั้นมันก็คงจะไม่เน่าไม่เปื่อยไม่ผุพัง แต่ถ้าพัง คนรวยอย่างเธอจะซื้อใหม่อีกกี่ใบก็ได้นี่”
ประกายฟ้าทนไม่ไหว กรี๊ดสนั่น เหมียวเดินผ่านมาเห็น รีบเอามืออุดหู ก่อนวิ่งออกไปหาไผท ทุกคนเอามือปิดหู ยกเว้นรามนรีที่หัวเราะเสียงดังสะใจ ภูมิมองสองสาวงงๆ
ไผทนั่งทำงานเครียดหน้าคอมพิวเตอร์ เหมียววิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“แย่แล้วค่ะคุณไท คุณภูมิหรือใครสักคน ต้องแย่แล้วแน่ๆ”
“มีอะไร ไอ้ภูมิมันเป็นอะไร”
“เหมียวก็ไม่รู้ ต้องไปดูเอาเองค่ะ”
ไผทลุกพรวดวิ่งออกไปที่ห้องภูมิ เห็นของตกเกลื่อนกลาด ก่อนหันไปเพ่งมองรามนรี เพราะจำไม่ได้
“คุณยายนี่ นี่มันอะไรกัน”
“ก็ไม่มีอะไร แค่วันนี้ฉันอยากจะมาทำงานเป็นเลขาสามี แต่ดันมาเจอชะนีนางนี้ อี๋อ๋อกับสามีฉันอยู่ ก็เลยของขึ้นนิดหน่อยน่ะค่ะคุณไท”
ไผทมองอึ้ง ก่อนหันไปมองภูมิที่ยืนหน้าจ๋อย ประกายฟ้ามองหน้ารามนรี
“คอยดูนะ ฉันจะฟ้องคุณแม่”
ประกายฟ้าเดินกระแทกเท้าออกไป ภูมิเซ็ง
“เอาอีกแล้ว โดนคุณแม่เล่นอีกแน่ๆ งานนี้”
รามนรียิ้มเยาะใส่ภูมิ
“สมน้ำหน้า”
รามนรีเดินหน้าเหี้ยมตามประกายฟ้าออกไป
“นั่นคุณจะไปไหน”
“มันเป็นเรื่องของฉันกับประกายฟ้า ห้ามตามมา ไม่งั้นมีเรื่อง”
รามนรีเดินออกไป ภูมิหนักใจ ไผทมองสงสารเพื่อน
ประกายฟ้าถือกระเป๋า เดินหน้าหงิกออกไป รามนรีเดินเร็วตามมา คว้าแขนไว้
“เดี๋ยว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ไม่ ฉันไม่คุยกับคนบ้าอย่างเธอ”
“แต่เธอต้องคุย”
รามนรีลากประกายฟ้าผลุบหายเข้าไปในห้องหนึ่ง แล้วเหวี่ยงจนประกายฟ้าเซไป
“นี่เธอทำบ้าอะไร จะทำอะไรฉันอีก”
“เธอเคยสัญญา ว่าจะไม่มายุ่งกับคุณภูมิ แล้วผิดคำพูดกับฉันทำไม”
“ก็ฉันรักเขา อะไรก็ตามที่ทำให้ฉันได้เป็นเจ้าของ ได้ครอบครองเขา ฉันก็จะทำ”
“โดยที่ไม่สนว่าเขามีเมียอยู่แล้วเนี่ยนะ ทำไมเธอหน้าด้านจังล่ะ”
“ฉันจะหน้าด้านกับเมียอย่างแกกับคนอย่างแก มีอะไรไหม ขนาดแม่เขายังไม่ยอมรับ แล้วจะให้ฉันยอมรับว่าแกเป็นเมียเขาได้ไง”
“ได้ งั้นฉันก็จะไม่รักษาคำพูดอีกต่อไป ฉันจะแฉเธอบ้าง”
“เชิญ แกอยากจะแฉอะไรก็แฉไป เพราะต่อไปนี้ฉันจะไม่กลัวอะไร เรามาตาต่อตา ฟันต่อฟัน โดยมีพี่ภูมิเป็นเดิมพัน งานนี้ ใครดี ใครได้”
ประกายฟ้ายิ้มเยาะเดินชนไหล่รามนรี ปิดประตูดังปัง รามนรีแค้น
สารวัตรบิ๊กยืนรอผสานที่หน้าสถานีตำรวจ จอสขับรถพาผสานแล่นเข้ามาจอด เปิดกระจกยกมือไหว้
“สวัสดีครับสารวัตร”
ผสานยิ้มร่า กดกระจกลง
“เชิญเพื่อน”
“โห วันนี้ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลย”
“ก็คนมันมีความสุขนี่หว่า อย่าแซว มาเร็ว ใจร้อนโว้ย”
สารวัตรบิ๊ก ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังข้างผสาน จอสขับรถออกไป
ภูมินั่งมองไผท เครียด ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรเรื่องรามนรีหายไปกับไผท
“มามองหน้าฉันทำไม อย่าบอกนะว่าแกยังหึงฉัน เรื่องเมื่อคืน”
ภูมิหลบตา ไม่กล้าตอบกลัวเสียฟอร์ม
“เราเป็นเพื่อนกันมานาน ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ แต่ขอร้อง อย่าเอาเรื่องไร้สาระมาคิดให้เสียสมอง และไม่ต้องมาระแวงฉันเลย”
“ก็สถานการณ์มันทำให้ฉันคิดได้นี่”
“ไอ้ภูมิ เราเป็นเพื่อนรักกัน ฉันไม่มีวันทรยศแก แล้วฉันก็มีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว แต่ห้ามถาม เอาไว้ถึงเวลาถ้ามันเป็นไปได้ ฉันจะบอกแกเอง”
ภูมิมองไผท ถอนใจโล่งอก
“และฉันจะบอกให้แกสบายใจ ว่าที่ฉันหายไปกับคุณยาย ก็เพราะไปวางแผนช่วยแกกับคุณเดือนให้คืนดีกัน”
“แต่ฉันไม่อยากคืนดีกับเดือนฉาย ฉันรักคุณยายว่ะไอ้ไท”
“นี่แหละคือปัญหา เพราะคุณยายเขาไม่เข้าใจ เขาต้องการให้คืนดีกันเท่านั้น”
ภูมิเซ็ง ก่อนนึกได้
“เออนี่ วันงานยัยศจี ฉันเจอผู้ชายคนที่เราเคยเจอเขานั่งกับสาวๆ ในผับ ที่แกเคยบอกว่าเขามาตามหาแฟนที่หนีงานแต่งมา ชื่อยัยราม รามอะไรน้า”
“รามนรี”
“เออใช่ ยัยคนนี้แหละ แกรู้ไหม ว่าเขาแอบเข้าไปในงาน แต่ไม่ยอมเจอใคร แถมยังทำป่วนไปทั้งงาน แล้วก็หนีไปซะงั้น”
ไผทหลบตา
“เขาก็คงมีเหตุผลของเขา ไม่งั้นก็คงจะไม่หนีงานแต่งมาหรอก”
“ก็เป็นไปได้ เพราะเห็นแฟนเขาที่ชื่อนายผสานวันนั้นกับวันนี้ ดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วฉันก็ไม่เชื่อว่านายคนนี้จะดีจริง ถึงว่าผู้หญิงถึงได้หนีหัวซุกหัวซุน”
“อืม ก็คงงั้น”
“เอาเป็นว่าแกสบายใจได้ ต่อไปฉันจะไม่ระแวงแกแล้ว”
ไผทพยักหน้าเนือยๆ
สราญนั่งมองประกายฟ้า เล่าเรื่องรามนรีไปอาละวาดให้ฟังด้วยความสงสารจับใจ นิดนั่งหน้าเครียดแค้นแทน
“ใครกัน ที่มันทำตัวเป็นอีกาคาบข่าวมาบอกนังเดือนฉาย เสียแผนหมดเลย”
ประกายฟ้าบีบน้ำตาร้องไห้
“โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่จะหาทางช่วยเองนะลูกนะ”
ประกายฟ้าคิดหาแผนการ
“คุณแม่ แล้วเรื่องพี่ภูมิกับฟ้ามีอะไรกัน เราจะคุยกันเมื่อไหร่ดีคะ”
“รออีกหน่อยได้ไหม”
“แต่ฟ้าถูกย่ำยีขนาดนี้ ฟ้าจะไม่รออีกต่อไป คุณแม่เห็นใจฟ้าด้วยนะคะ”
“อ้าว แล้วจะให้แม่ทำยังไงล่ะ เพิ่งเสร็จงานมา แม่ยังไม่มีเวลาคุยกับใครเลย”
“แต่ฟ้ามีวิธี”
ประกายฟ้ากระซิบกระซาบกับสราญ
“โอเค เก็ตไหมค่ะคุณแม่”
“เก็ตจ้ะเก็ต เอาตามนี้เลย เอาให้สะใจไปเลยลูก”
ประกายฟ้ายิ้มสะใจ
จอสขับรถเข้ามาจอดแถวหน้าบ้านภูมิ
“สัญญาณโทรศัพท์ที่จับสัญญาณได้มันอยู่แถวๆ นี้”
“โห บ้านใคร หลังใหญ่โต ท่าทางจะรวยมากนะครับเนี่ยนายหัว”
“ก็นั่นน่ะสิ แถวนี้มีแต่บ้านหลังใหญ่ หนูเล็กเขาจะมาอยู่ได้ยังไง ญาติก็ไม่มี”
“เขาอาจจะมาทำธุระ หรือมาทำงานแถวๆ นี้ก็ได้ เดี๋ยวจะให้สายสืบมาซุ่มดูอีกที”
จอสเห็นนิดเดินออกมาส่งประกายฟ้าที่จอดรถอยู่หน้าบ้าน
“นั่นมัน เจ๊อึ๋มคนสวยของนายหัวนี่นา”
ผสานหันขวับไปมอง ยิ้มร่าตาวาว
“พวกแกรอแป๊บ เดี๋ยวฉันมา”
“อะไรของมันวะไอ้จอส ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ไม่มีอะไร แค่เป็นคนที่ความสวยกระแทกตานายหัวของจอส”
“ก็ไหนบอกว่ารักยัยหนูเล็กนักหนา แล้วทำไมเป็นอย่างนี้วะ”
จอสหลบตาไม่กล้าตอบ
รามนรีมาหาเดือนฉายที่บ้านด้วยความเป็นห่วง
“ดูพี่เดือน ดีขึ้นกว่าวันก่อนนะคะ”
“จ้ะ หนูเล็กก็เหมือนกัน ดูสวยขึ้นเป็นกองเลย”
“ก็เป็นบางวันเท่านั้นค่ะ”
“แล้วหนูเล็กทำงานที่ไหนบริษัทอะไรเหรอจ๊ะ”
รามนรียิ้มแหย รีบหาเรื่องโกหก
“อ๋อ เป็นฝ่ายการตลาดของบริษัทเล็กๆ ค่ะ เห็นพี่เดือนยิ้มได้อย่างนี้ หนูเล็กรู้สึกสบายใจและหายห่วงแล้วล่ะค่ะ จะเหลือก็แต่”
“แต่อะไรเหรอจ๊ะ”
“เรื่องพี่เขยหนูเล็กไงคะ เมื่อไหร่พี่เดือนจะใจอ่อนเสียที”
“พอเถอะ ต่อไปเราจะไม่คุยเรื่องนี้ ไป ไปหาอะไรกินกันดีกว่านะหนูเล็ก”
รามนรียิ้มเจื่อน จำใจหยุดพูด
ประกายฟ้ากดรีโมทจะเปิดประตูรถ ผสานเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับ คุณประกายฟ้า”
ประกายฟ้าหันไปมองผสาน ทำเป็นจำไม่ได้
“ผมผสาน ที่เราเจอกันในงานแต่งคุณศจีไงครับ”
“อ๋อค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิครับ ผมมีเรื่องจะรบกวนถามหน่อย”
ประกายฟ้าแอบทำหน้าหงุดหงิด
“มีอะไรก็รีบพูดมา ฉันมีเวลาไม่มาก”
“ผมมาตามหาคนหายแถวนี้ รบกวนรอแป๊บนะครับ”
ผสานกดหาภาพรามนรีในมือถือ
“เผื่อว่าคุณจะเคยเห็นเขา”
ประกายฟ้ารับไปแบบเสียไม่ได้ ปรายตามองดู ก่อนตกใจ
“เคยเห็นเขาบ้างไหมครับ”
ประกายฟ้าแอบยิ้มสะใจ เปลี่ยนท่าทีให้ความสนใจผสาน
“เดี๋ยวเราไปนั่งคุยกันก่อนดีไหม แต่ฉันขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว เผื่อฉันจะช่วยคุณตามหาผู้หญิงในรูปนี้ได้”
“ได้ครับได้ ด้วยความยินดีเลยครับ”
ประกายฟ้ามองผสานยิ้มสะใจ
สราญกับภัทรนั่งคุยกันอยู่ในบ้าน
“วันนี้ฉันมีอะไรจะเซอร์ไพรส์คุณ
“อะไร”
“ถ้าฉันบอกไป มันจะเซอร์ไพรส์ไหมเนี่ย”
ภัทรมองสราญยิ่งงง รามนรีเดินเข้ามา
“มาแล้วเหรอนังตัวดี ไปป่วนชาวบ้านมา ดูท่าจะมีความสุขมากเลยสิ”
“หนูเดือนเขาเพิ่งมา จะไปว่าอะไรเขาล่ะคุณ”
สราญถลึงตาใส่ภัทร
“คุณไม่รู้อะไร แม่นี่เพิ่งไปทำสงครามกับหนูฟ้าที่ออฟฟิศเรามา”
“แต่หนูมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้นนะคะคุณนาย”
“แต่แกไม่มีสิทธิ์ไปทำอย่างนั้นกับคนของฉัน”
ภัทรขยิบตาให้รามนรี
“เอาน่าคุณ ให้หนูเดือนรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะคุณแม่สั่งผมมาให้เขาไปหาด่วน ไปลูกไป”
“ค่ะคุณพ่อ”
รามนรีเป่าปากโล่งอก รีบเดินไป สราญตาขวางหันไปมองภัทร
ผสานกับประกายฟ้า นั่งคุยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ประกายตกใจเมื่อรู้เรื่องจากผสาน
“หะ รามนรีหรือหนูเล็ก จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่กลับหนีมา”
“ครับ ผมออกตามหาเขามานานแล้ว คุณคืออีกความหวังหนึ่งที่จะทำให้ผมได้พบกับเขา”
ผสานจับมือประกายฟ้า เธอแอบทำหน้าขยะแขยง แต่ฝืนใจยอม จับมือปลอบใจ
“ฉันเข้าใจ เรื่องนี้ฉันยินดีจะช่วยคุณ”
“คุณเหมือนนางฟ้ามาโปรดผมจริงๆ”
“ขอเวลาให้ฉันสักนิด เดี๋ยวฉันจะจัดทริปเก๋ๆ ระคนเซอร์ไพรส์ให้คุณได้มาเจอกัน”
ผสานรีบยื่นนามบัตรให้
“ครับดีครับ มีอะไรโทรหา ไลน์หา เฟสหา ได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
ผสานทำตาหวานใส่
“โอเค มีอะไรเดี๋ยวฉันโทรไป คุณเตรียมแสตนด์บายไว้ได้เลย ฉันขอตัวค่ะ”
ประกายฟ้าหันหลังให้ผสาน เดินยิ้มร่าอารมณ์ดีออกไป
กองแก้วแต่งตัวเสร็จ ยืนสำรวจความเรียบร้อยที่หน้ากระจกในห้องของโรงแรมม่านรูด เกริกเกียรติเข้ามาสวมกอด
“จะรีบกลับไปทำไม ผมยังไม่หายคิดถึงเลย”
“พี่เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพ ถ้าหายไปนานเดี๋ยวเขาจะสงสัยเอา เอาไว้วันหลังค่อยเจอกันอีกทีก็ได้”
กองแก้วเปิดกระเป๋าหยิบเงินปึกหนึ่ง พร้อมสำเนาบัตรและใบมอบอำนาจยื่นให้
“เงินห้าแสน เอาไปดาวน์บ้าน”
เกริกเกียรติมองเงิน ยิ้มตาวาว
“จริงเหรอครับพี่ แล้วเราจะไปวันไหนกันดีครับ”
“ช่วยไปดำเนินการแทนพี่ที เพราะพี่ไม่มีเวลา นี่พี่ทำใบมอบอำนาจมาให้แล้ว เอาหลังที่เราเคยไปดูด้วยกันนะ พี่ชอบ”
“ดีใจจัง อีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
“จ้ะ เราจะสร้างครอบครัวใหม่ จะเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุขนะ”
กองแก้วจับมือเกริกเกียรติสบตายิ้มปลื้ม
“วันนี้ พี่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดเลย อ้อ วันนี้พี่ต้องเอาเช็คกับใบสั่งซื้อไปให้ตาแก่นั่นเซ็น จะได้เก็บไว้เอาผ่อนบ้านไง”
กองแก้วยิ้มร่า เกริกเกียรติ แอบยิ้มสะใจ
ประกันกับพวงศรี ขับรถเข้ามาบ้าน เห็นประกายฟ้าลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่เดินออกมาหน้าบ้าน
สองคนรีบลงจากรถ เดินปรี่เข้าไปหา
“นี่แกจะไปไหน”
“ก็ไปอยู่บ้านพี่ภูมิไงคะ”
ประกันหันไปสบตาพวงศรี
“ไม่ต้องสงสัย เพราะฟ้ามีไม้เด็ดเยอะแยะมากมาย”
“ไปทำอีท่าไหน เขาถึงได้ยอมให้ไปอยู่ได้”
“หนูไม่มีเวลาเล่าให้ฟังตอนนี้ เพราะคุณแม่พี่ภูมิเขารออยู่ แม่กับพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะตอนนี้โชคเข้าข้างเราแล้วค่ะ มีเวลาแล้วหนูจะโทรมาเล่าให้ฟังนะคะ บายค่ะ”
ประกายฟ้ารีบยกกระเป๋าใส่รถ
ไผทขับรถพาภูมิ เข้ามาจอดที่หน้าบ้านเดือนฉาย
“แกพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ก็พามาคุยกับเขาไง”
“แกก็รู้ว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าฉัน ไม่อยากคุยกับฉัน จะมาให้เขาเสียอารมณ์ทำไม”
“ก็ตอนนั้นเขาโกรธ ตอนนี้อาจจะดีขึ้นแล้วก็ได้ ไปเร็ว”
ไผทดึงภูมิให้ออกจากรถ ภูมิเสียอารมณ์
จบตอนที่ 23