xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 3

หน้าอพาร์ทเมนท์ศักดิกุล รามนรีรีบลากกระเป๋าใบใหญ่ พร้อมอาวุธคู่กายไม้เบสบอล
 
ลงมาจากรถแท็กซี่ ยืนที่ถนนหน้าประตูอพาร์ทเม้นท์ กวาดสายตามองเลิ่กลั่กไปมาที่ถนน ก่อนหันไปเห็นศาลพระภูมิ ยกมือไหว้
“เจ้าประคุณ ขอให้หนูอยู่รอดปลอดภัยจากนายผสานด้วยเถอะนะเจ้าคะ”
รามนรีมองซ้ายมองขวาก่อนรีบยกของเข้าไปข้างใน จุ๋มมองรามนรีอย่างแปลกใจ พลางยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“ฉันมาขอเช่าห้องพักค่ะ”
“ได้ค่ะ จะเช่าเป็นรายเดือน รายวัน หรือรายปีดีคะ”
“รายเดือนค่ะ”
ระพีเดินเข้ามากับศจี ซึ่งหิ้วกระเป๋าเดินทางมาด้วย
“คืนนี้พีพักที่นี่นะคะ เป็นอพาร์ตเมนท์คุณน้าของศจีเอง แล้วพรุ่งนี้ศจีจะมารับแต่เช้า”
“ขอบคุณครับ ทีแรกกะว่าจะอยู่กรุงเทพต่ออีกสักสองสามวัน แต่ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยต้องรีบกลับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พีเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะคะ”
จุ๋มยื่นกุญแจให้รามนรีที่เคาน์เตอร์
“ห้อง 29 นะคะ ขึ้นไปที่ชั้น 2 แล้วเลี้ยวขวาค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
รามนรีเดินออกไป ระพีเดินเข้ามากับศจีที่เคาน์เตอร์พอดี จุ๋มยกมือไหว้ทักทายศจีอย่างสนิทสนม
“สวัสดีค่ะพี่ศจี”
ระพีเดินกลับไปหาศจี ศจีแนะนำระพีกับจุ๋ม
“จุ๋มจ๊ะ นี่คุณพี แฟนพี่ เพิ่งกลับมาจากอเมริกา”
รามนรีหอบหิ้วของขึ้นห้องอย่างทุลักทุเล ไม่ได้ยินที่ศจีกับจุ๋มคุยกัน

รามนรีอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เปิดกระเป๋าหยิบอัลบั้มรูปออกมาเปิดดู เป็นรูปตัวเองกับเดือนฉายโอบกอดกัน ถ่ายรูปในชุดนักศึกษา รามนรีตัดสินใจกดมือถือโทรออก
“สวัสดีค่ะ พี่เดือน นี่หนูเล็กเองนะคะ”
เดือนฉายดีใจมาก
“หนูเล็ก หายไปไหนมา พี่ติดต่อไม่ได้เลย ส่งเมล์ไปก็ไม่ตอบ เป็นยังไงบ้าง”
“หนูเล็กเพิ่งเห็นไลน์พี่เดือน เลยรีบโทรกลับมาค่ะ ขอโทษทีที่เงียบไป บังเอิญมีเรื่องยุ่งๆ ที่บ้านนิดหน่อย เลยไม่ได้ติดต่อพี่เดือนเลย”
“ไม่เป็นไร พี่แค่เป็นห่วงน่ะ ว่าแต่คุณพ่อสบายดีไหม แล้วมีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่า”
“ที่ผ่านมาพี่ก็ช่วยเรามาเยอะแล้ว มีแต่หนูเล็กที่ยังไม่เคยได้ตอบแทนพี่เลย”
“ในเมื่อเรารักกันเหมือนพี่น้อง อย่าคิดว่าเป็นบุญคุณที่ต้องตอบแทนสิ ว่าแต่หนูเล็กเรียนจบแล้วใช่ไหม ตอนนี้ทำอะไรอยู่”
“อ๋อ กำลังจะทำงานค่ะ”
“งานอะไร”
“รับจ้างเขาทำงานพิเศษ เป็นจ็อบน่ะค่ะ”
“ทำไมไม่หางานที่มั่นคงทำ จะไปรับเป็นจ็อบทำไม แล้วงานมันเกี่ยวกับอะไรจ๊ะ”
“อืม คือ มันเกี่ยวกับงานวิจัยพฤติกรรมของมนุษย์ผู้ชายน่ะค่ะ”
“หะ มีงี้ด้วยเหรอ แน่ใจนะว่าจะไม่โดนหลอก”
“ไม่หลอกค่ะ ว่าแต่พี่เดือนเถอะ ได้ข่าวว่าเรียนจบ ก็จะแต่งงานเลยเหรอ”
“รู้ได้ไง ใครบอกจ๊ะ”
“แหม แฟนพี่ออกจะไฮโซ ทำอะไรก็เป็นข่าวใหญ่โต ใครๆ ก็รู้จักค่ะ”
“ก็เพราะนี่ไงที่ทำให้พี่เบื่อ บางทีเราได้อยู่เงียบๆ คนเดียว ได้คิด ได้ทบทวนสิ่งที่ผ่าน ก็ทำให้เราได้เห็นอะไรตั้งหลายอย่าง”
“แล้วในหลายอย่างที่พี่เห็น มันสุขหรือทุกข์คะ”
“ก็มีทั้งสองอย่าง แต่ยิ่งนานวัน รู้สึกอย่างหลังจะมากกว่า”
“แล้วพี่ทนได้ยังไง”
“ก็เพราะรักไง ว่าแต่พี่ จะเป็นเคสแรกในงานวิจัยของเรารึเปล่าเนี่ย”
“แน่นอนค่ะ อย่างน้อยเราก็จะได้เรียนรู้พฤติกรรมผู้ชายไปพร้อมๆ กันไงคะ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกที่จะตอบ จะให้ข้อมูลก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉลาดไม่เบาเลยนะเราเนี่ย แต่ไม่เป็นไรเพื่อน้อง พี่ยินดีตอบ”
รามนรียิ้มดีใจ ดีดนิ้วพึมพำเบาๆ
“เสร็จฉันแน่ นายภูมิ”
“หนูเล็กพูดอะไร เสร็จแน่อะไร พี่ได้ยินไม่ชัด”
“อ๋อๆ หนูเล็กว่า ถ้าเสร็จงานนี้ต้องพาพี่เดือนไปเลี้ยงข้าวแน่ๆ แต่ตอนนี้อยากฟังแล้ว”
“พี่กับเขารักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย เรารักกันมาก และพี่ก็รักเขามาก แต่เขาเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดี รูปหล่อพ่อรวย ก็เลยออกจะเจ้าชู้มากไปนิด แต่พี่ก็ทนเพราะรัก แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ อยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ พี่ถึงต้องถอยออกมา เพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง”
“แล้วตอนนี้พี่ยังรักเขาอยู่ไหม”
“รักสิ รักมาก แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเอง ถ้าเขาไม่ปรับปรุงตัว พี่ก็คงต้องไป”
“อย่าเพิ่งถอดใจนะ หนูเล็กจะเอาใจช่วยให้พี่สาวคนนี้ สมหวังกับรักครั้งนี้ให้ได้”
“ก็อยู่ที่เขา ว่าแต่เราอย่ามัวลุ้นให้คนอื่น ต้องลุ้นให้ตัวเองด้วย.มีแฟนกับเขารึยัง”
“ยัง และก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลยค่ะพี่ อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว หนูพร้อมที่จะแก่ตายในสเตตัสสาวโสด แต่พี่เดือนไม่ใช่ พี่เดือนต้องมีแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต”
“พี่ก็แอบหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
“งั้นวันนี้รบกวนพี่แค่นี้ก่อนนะคะ มีอะไรหนูจะโทรมาหาใหม่นะ สวัสดีค่ะ”
รามนรีวางสายลง เหม่อมองออกนอกหน้าต่าง ราวกับจะส่งใจไปถึงเดือนฉายที่อยู่ไกลออกไป
“ไม่ว่าจะต้องเจออะไร ลำบากแต่ไหน หนูเล็กสัญญา ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้พี่เดือนกับเขาได้รักกัน และนี่คือสิ่งเดียว ที่หนูเล็กจะตอบแทนความดีของพี่ได้”

รามนรีมุ่งมั่นกับภารกิจที่เธอจะต้องทำในวันพรุ่งนี้

ภูมินอนหงายผึ่งอยู่บนเตียงครุ่นคิดถึงรามนรีในสภาพที่แปลงโฉมแล้ว และเข้ามากอดซบเขา
 
ภูมิกระเด้งตัวลุกนั่ง ตัวสั่นขนลุกซู่
“อูว์ เจอหญิงซบมาก็เยอะ แต่ทำไมยัยเฉิ่มนี่ ถึงทำให้ใจสั่นได้วะ แล้วเราพูดไปได้ไง สวยมาก เสียฟอร์มกับไอ้ไทอย่างแรงเลยเรา ต้องโทษช่างแต่งหน้าทำดีเกินไป เมคโอเวอร์เกินไปจริงๆ”
ภูมิหงายตึงลงไปที่เตียง ก่อนผลอยหลับไป

ภายในโรงแรมที่ลาสเวกัส อเมริกา ประกันเดินเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด ขว้างเสื้อนอกทิ้งบนพื้น
“โธ่ เว้ย”
พวงศรีซึ่งกำลังชื่นชมกับข้าวของที่ตัวเองเพิ่งไปช็อปปิ้งอยู่หันมามอง
“เล่นเสีย แล้วยังจะมาอารมณ์เสียใส่คนอื่นทำไม เลิกได้ไหมไอ้นิสัยแย่ๆ อย่างนี้”
“ทำไงได้ เล่นกี่ตาๆ ก็เสียหมด คิดว่าจะได้เงินมาใช้หนี้ กลับเสียไอ้ที่กู้ไปเล่นอีก”
“เบาๆ เดี๋ยวยัยฟ้าก็ได้ตื่นกันพอดี”
“ก็ดี จะได้มารับรู้ ปัญหาของเราบ้าง”
“ปัญหาของเรางั้นเหรอ ของคุณคนเดียวต่างหาก ถ้าคุณไม่ติดพนัน ครอบครัวเราก็คงไม่เป็นอย่างนี้”
“แล้วทีคุณ เอาเงินไปช้อปปิ้งกระเป๋าใบละหลายแสน ผมยังไม่เห็นว่าอะไรเลย”
“อย่างน้อยก็ได้กระเป๋า แต่คุณไม่ได้อะไรเลยนอกจากหนี้ ญาติพี่น้องก็ยี้ใส่ ไม่มีใครเอา รู้ตัวบ้างไหม ว่ากลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว”
ประกันหัวเสีย เตะข้าวของก่อนหันไปจ้องหน้าพวงเศรี
“เฮ้ย เลิกบ่นสักทีจะได้ไหม บ่นแล้วได้อะไรขี้นมา หะ คนยิ่งเครียดๆ อยู่ คิดสิคิด มีปัญญาจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ที่มันท่วมหัวฉันอยู่”
“สำหรับฉัน มันหมดปัญญาไปนานแล้ว ความหวังตอนนี้ก็อยู่ที่ยัยฟ้าคนเดียว ที่พอจะช่วยกอบกู้ฐานะเราได้”
“เสี่ยมานพก็เงินหนา ท่าทางจะชอบยัยฟ้ามากด้วย ลูกชายท่านรัฐมนตรีพรหมพรก็ดี แถมยังมีคุณณัฐวิทย์กับเสี่ยอุดรอีก ก็เลือกมาสักคนสิ”
“ฉันไม่มั่นใจว่าคนพวกนี้รวยจริง เขาอาจจะสร้างภาพเหมือนเราก็ได้ ใครจะไปรู้ สู้คุณภูมิ รัตนบดินทร์ ลูกชายคุณสราญกับคุณภัทร์ ไม่ได้ เขาเป็นผู้ดีเป็นเศรษฐีตัวจริง สมบัติเก่ามีเป็นกรุ แถมมีธุรกิจอีกเพียบ ใช้ยังไงก็ไม่หมด”
“เหรอ งั้นเราก็ต้องรีบ แล้วก็ต้องไปเร่งทางนั้น ให้รีบตัดสินใจ”
“เอาเชียว เรื่องเห็นแก่ตัว เรื่องเอาตัวรอด ไม่มีใครเกินคุณเลยจริงๆ”
“น่านะเมียจ๋า เรามาช่วยกันแก้ปัญหากู้วิกฤตครั้งนี้ ให้มันผ่านไปไห้ได้ แล้วผมจะเลิกเล่นการพนันทุกอย่าง จะรักเมียดูแลเมีย ผมสัญญา”
พวงศรีหน้าหงิกปัดมือประกันออก ไม่เชื่อถือ
“ไม่ต้องมาสัญญา เพราะฉันไม่เคยเชื่อน้ำหน้าคุณ ถ้าฉันจะช่วยก็เพราะห่วงหนังหน้าฉัน ฉันอาย เข้าใจไหมว่าฉันอาย ที่จะต้องล้มละลายตอนแก่”
พวงศรีสะบัดหน้าใส่ เดินหัวเสียออกไป ประกันยักไหล่ยิ้มเยาะ มีความหวัง

ย่านั่งจิบชาอยู่ในสวนของคฤหาสน์ พลางคุยมือถือไปด้วย
“ศจี วันนี้ย่าไปดูหนังด้วยไม่ได้นะลูก ต้องนั่งเทรดหุ้นหน้าจอถึงเย็น”
มีเสียงเตือนข้อความ ย่าจึงเปิดดู
“แค่นี้ก่อนนะศจี มีคนไลน์เข้ามา”
ย่ากดคลิกสองสามทีอย่างคล่องแคล่ว ภาพหน้าสราญปรากฏขึ้นบนจอทันที สราญยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณแม่ขา”
สราญดึงภัทรมาที่หน้าจอด้วย
“สวัสดีครับคุณแม่”
พอภัทรพูดจบ สราญก็ผลักออกไปทันที เหมือนกับหมดหน้าที่แล้ว
“สวัสดีจ้ะพ่อภัทร์แม่สราญ มีอะไรเรอะ เข้ามาแต่เช้าเชียว”
“ตาภูมิไม่อยู่เหรอคะคุณแม่ โทรไปก็ไม่รับสาย”
“คงยังไม่ตื่นล่ะมั้ง”
“แหม เสียดาย ไม่อย่างนั้นจะได้แนะนำตัวออนไลน์ว่าที่หลานสะใภ้ไปพร้อมกันเลย แต่ไม่เป็นไร ให้คุณแม่ดูก่อนก็ได้”
สราญจะดึงประกายฟ้า แต่ดันไปคว้าผิด ดึงพวงศรีมาโผล่ที่หน้าจอแทน ย่าถึงกับผงะ
“ต๊าย ทำไมหลานสะใภ้ฉัน วัยดึกอย่างนี้ล่ะ”
“อุ๊ย ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ คนนี้เป็นแม่ของหลานสะใภ้ ชื่อคุณพวงศรีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณย่า ดิฉันพวงศรี เป็นแม่ของประกายฟ้าน่ะค่ะ”
ประกันโผล่เข้ามาคู่กัน
“สวัสดีครับ ผมประกันครับ”
“โอ๊ย ประกงประกันฉันไม่เอา ทำไว้หมดแล้ว ทั้งประกันชีวิต อุบัติเหตุ สุขภาพ”
“เอ่อ ผมไม่ได้มาขายประกัน ผมชื่อประกัน เป็นพ่อของประกายฟ้า ครับ”
“อ้าว เหรอ แล้วไหนล่ะหนูประกายฟ้าประกายดินของพวกเธอ ขอดูเลยสิ”
ทุกคนแหวกทางให้ ย่าเพ่งมองอย่างสนใจ ประกายฟ้าเดินจากหลังโต๊ะเข้ามาที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ เธอย่อตัวไหว้อย่างอ่อนช้อยสวยงาม
“สวัสดีค่ะคุณหญิงย่า”
ย่ารับไหว้และมองอย่างพอใจ
“อืม สวยดีนี่ ว่าแต่เรียกฉันคุณย่า ไม่ต้องคุณหญิงย่าก็ได้ มันยาวไป”
สราญหันไปกรี๊ดกร๊าดกับทุกคน
“ได้ค่ะคุณย่า”
“ดูสิ คุณย่าตาถึง ชมหนูฟ้าว่าสวยด้วย เป็นไงคะคุณแม่ ว่าที่หลานสะใภ้ คนนี้สอบผ่านหรือเปล่า”
“ฉันดูแค่หน้าตา ยังไม่ได้ดูนิสัยใจคอ แต่คนที่จะให้ผ่านหรือไม่ ก็คือตาภูมิ”
“หนูมั่นใจค่ะคุณแม่ ว่าถ้าตาภูมิได้เห็นหนูประกายฟ้า เขาจะต้องปิ๊งและต้องทิ้งบรรดากิ๊กกั๊กทั้งหลายได้แน่นอน”
“งั้นเดี๋ยวแม่จะลองส่งรูปประกายฟ้าให้เจ้าภูมิมันดูก็แล้วกัน งั้นแค่นี้นะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“กราบลา คุณหญิง เอ๊ยคุณหญิงย่าค่ะ”

ทุกคนยกมือไหว้ย่าโดยพร้อมเพรียงกัน

ภูมินั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ย่าเดินเข้ามา
 
“นี่สายโด่งแล้วยังไม่ไปทำงานอีกเหรอ”
“ยังครับ รอให้สายกว่านี้แล้วค่อยไป เพราะมีเจ้าไททำงานแทน”

“ทำตัวน่าจะเจริญนะพ่อคุณ นี่ดีนะที่เป็นตาไท ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงทิ้งแกไปนานแล้ว ใช้เขาซะคุ้มเชียว”
ภูมิเข้าไปกอดย่าออดอ้อน
“ไม่ว่าคุณย่าหรือเจ้าไท ก็ไม่มีใครกล้าทิ้งผมหรอก ว่าแต่เย็นนี้คุณย่าอยู่บ้านไหม”
“อยู่ วันนี้ย่าไม่ไปไหน มีอะไร”
“ถึงมีก็ไม่บอก ขออุบ ขืนบอกไป ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
“ระดับฉันไม่ต้องมาอุบ เพราะแค่แกอ้าปาก ก็เห็นลิ้นไก่ยันลำไส้ใหญ่อันยาวเฟือยของแกแล้ว และถ้าจะให้เดา ก็คงจะเกี่ยวกับแม่เดือนหงายแน่ๆ”
“เกลียดนักคนรู้ทัน ใช่ครับ ผมจะพาเดือนฉายมากราบคุณย่า”
“เข้าข่ายรถไฟชนกันเลยนะเนี่ย เพราะตะกี้แม่แก ก็พาแม่ประกายฟ้ากับครอบครัว มาแนะนำตัวกับย่าทางไลน์”
“ผมไม่สนใจ เพราะคงไม่มีใครสวยเท่าเดือนฉายของผมอีกแล้ว คุณย่าต้องรีบพูดกับคุณแม่ ว่าให้เลิกไปอิมพอร์ตสาวๆ มาให้ผมได้แล้ว ผมไม่เอา”
“ลองคิดและตัดสินใจดูให้ดีก่อน ย่าส่งรูปเข้าเมล์ของแก ก็ลองไปเช็คดูก็แล้วกัน ว่าระหว่างเดือนกับฟ้า แกจะโหยหาสิ่งไหน แล้วใครจะหยุดความกะล่อนของแกได้ แล้วเย็นนี้ค่อยมาคุยกัน”
เวลาต่อมา ภูมิหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียง เปิดดูเมล์ แล้วคลิกเปิดเมล์ที่ย่าส่งมา ถึงกับตะลึง
“ประกายฟ้า”
ประกายฟ้าดูสวยเซ็กซี่ ภูมิมองเคลิ้ม ใจกระเจิงไปตามอารมณ์คนเจ้าชู้
“คุณช่างมีประกายของความงามพุ่งเข้าตา แล้วตามมาที่ใจผมอย่างจัง”
ภูมิหงายตึงลงไปบนเตียง เพ้อ
“ประกายฟ้า คุณสวยมาก”
ภูมิสะบัดหน้าเรียกสติ ก่อนคิดอะไรออก รีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว

ไผทเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นภูมิเปิดประตูผลัวะเข้ามาในห้องทำงาน
“ไอ้ไท”
“เป็นครั้งแรกที่แกสปิริตแรงกล้า มาก่อนเวลาตั้ง 15 นาที ทั้งที่ก่อนหน้ามาสายไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง แสดงว่าต้องมีอะไร นั่งสิ”
ภูมิเข้าไปจูบที่ข้างซอกหู
“ช่างรู้ใจฉันที่สุด”
ไผทตัวสั่นขนลุกซู่
“ไอ้บ้า ทำบ้าอะไรเนี่ย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ก็นึกว่าเราเป็นผัวเมียกัน”
“ไอ้ทะลึ่ง เร็ว มีอะไรก็รีบพูดมา เวลาฉันเป็นเงินเป็นทองนะโว้ย”
ภูมิหยิบมือถือไผท ยื่นใส่หน้า
“อะไร”
“แกโทรไปแคนเซิ่ล.สัญญากับญาติผู้ใหญ่ ยัยคุณยายของแก เดี๋ยวนี้ เร็ว”
“หา ยกเลิกทำไม ก็เราเพิ่งเซ็นสัญญากับเขาไปแม่บๆ แถมยังจ่ายเงินล่วงหน้าเขาไปตั้งสามแสน หนำซ้ำ วันนี้แกนัดเขา ให้เตรียมข้าวของเพื่อไปหาคุณย่า”
“ก็ถึงได้บอกให้รีบโทรไป เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลามา ส่วนเรื่องเงิน ไม่เป็นไร ฉันยกให้ เพราะฉันเจอคนที่ใช่ และน่าสนใจกว่า”
“เอาอีกแล้วนะแก ทำตัวไม่อยู่กับร่องกับรอยตลอด นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ก็ไม่มีอะไร แค่ฉันได้เห็นรูปประกายฟ้าแล้ว เขาสวยมาก”
“ถามจริง มีผู้หญิงคนไหนที่แกบอกไม่สวยบ้าง”
“ก็ยัยป้าหน้าแก่ ซี้ปึ้กแกไง ด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติฉันว่ายายนี่ไม่มีทางสู้ประกายฟ้าได้แน่ๆ แม้แต่คุณย่าดูท่าจะชอบเธอ ยังชมว่าสวยเลย ฉันก็เลยอยากจะลองศึกษาเขาอีกคน แต่ในใจฉันยังรักเดือนฉายของฉันนะ”
“แกนี่มันชั่วจริงๆ ไอ้กะล่อนเอ๊ย อย่ารักเขาแค่ลมปาก เวลามันเหลือน้อยแล้ว แกจะยกเลิกไม่ได้ คุณยายต้องได้เข้าไปอยู่กับคุณย่า เขาจะใช้ความดี เอาชนะใจคุณย่า”
ภูมิอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเถียงออกมาข้างๆ คูๆ
“ความดีมันเห็นผลช้า แต่ความสวยมันก็ช่วยได้ครึ่งนึง มันไวกว่านะแก”
“นั่นมันความคิดของคนสมองกลวงอย่างแก”
“โห แรง”
“ทีวันก่อนก็ทำเป็นตะลึงอึ้งย้ง ชมว่าเขาสวยงั้นงี้”
“ก็วันนั้นถูกผีอำแล้วก็ความจำเสื่อมไปชั่วขณะ พอรู้สึกตัวก็เหมือนเดิม”
“ฉันว่าคุณย่า ไม่ได้มองหาหลานสะใภ้ที่ความสวย แต่เขามองที่”
ไผทแตะที่หัวภูมิ หมายถึงความคิด
“กับนี่”
ไผทแตะหัวใจข้างซ้ายหมายถึงจิตใจ
“ฉันก็มองที่”
ภูมิแตะหัวตัวเอง
“กับนี่”
ภูมิแตะหน้าอกตัวเองทะเล้นๆ
“เหมือนกัน”
“ฉันพอจะเข้าใจแล้ว ว่าทำไมเดือนเขาถึงไม่เอาแก ไอ้กะล่อน ไอ้”
“โอ๊ย บ่นเป็นตาแก่ไปได้ ถ้าแกไม่โทร ฉันโทรเองก็ได้วะ”
“ไม่ต้อง ขืนแกโทรไป มีหวังฆ่ากันตายทางโทรศัพท์แน่”

ไผทกดหาเบอร์ของรามนรี

เหมียวนั่งทำงานคีย์คอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้น รามนรีแต่งตัวสวยเดินเข้ามา พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเขื่อง
 
“สวัสดีค่ะคุณเหมียว ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ”
“ก็คุณไผท ให้เหมียวมาช่วยงานที่นี่ ดีใจจังที่ได้เจอ ว่าแต่วันนี้สวยมาอีกแล้ว สวยกว่าวันก่อนอีก”
“หือ ชมกันเกินไปละ ก็ยายลูกจ้างรับจ้างเขา เขาสั่งให้สวยก็ต้องสวยค่ะ”
“แต่งสวยมาขนาดนี้ เหมียวคงอดกินตำปูปล้าร้ากับคุณยายแน่ๆ เลย”
“จะแต่งสวยแต่งโทรมก็เหมือนเดิมค่ะ ถ้ามีเวลาเราไปกินด้วยกันนะ”
“ว้าว ดีค่ะดี เหมียวจะรอนะ”
“ว่าแต่ตอนนี้ รบกวนช่วยเรียนคุณไผทให้หน่อยได้ไหมคะ ว่ายายมาถึงแล้ว”
“ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเหมียวจัดการให้”
เหมียวรีบกดสายภายในโทรออก ไผทกำลังกดโทรออก แต่สายโทรศัพท์ในออฟฟิศดังขึ้น ไผทจึงวางมือถือ ภูมิเซ็ง ไผทรับสาย
“ว่าไงเหมียว”
“คุณไผทคะ คุณยาย ม่านแก้ว มาถึงแล้วนะคะ”
“เหรอ งั้นเชิญเขาเข้ามาได้เลย”
ภูมิไม่พอใจ
“แล้วแกจะให้เขาเข้ามาที่นี่ทำไมวะ”
“อ้าว ก็เมื่อกี้ ดูท่าแกอยากจะคุยเองไม่ใช่เหรอ แกก็เจอเลยบอกเอง ไปเลยสิ ว่าแกเปลี่ยนใจ จะไม่จ้างเขาแล้ว บางทีเขาอาจจะดีใจ หรือไม่ก็ตั๊นหน้าแก”
“เฮ้ย ไม่เอา ฉันเปลี่ยนใจ แกไปคุยเถอะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เฮ้ย นางมารมาแล้ว ทำไง ฉันต้องทำไง”
ไผทรีบดันตัวภูมิเข้าไปหลังตู้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก
“เชิญครับ”
ประตูห้องเปิดออก
“สวัสดีค่ะคุณไผท”
“อืม วันนี้คุณสวยมาก เชิญนั่งครับ”
ภูมิแง้มม่านออกมามองรามนรีหัวจรดเท้า ก่อนเปิดรูปประกายแก้ว มาเปรียบเทียบกัน
“ฉันพร้อมจะไปพบกับคุณย่าของคุณภูมิแล้วค่ะ”
“เอ่อ คือ คือว่า”
“ทำไม ฉันดูดียังไม่พอ หรือว่ามีอะไรก็บอกได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”
“คืองี้นะครับ คือนายภูมิเขา จะขอ”
ภูมิพูดแทรกขึ้น
“ขอให้คุณเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม”
รามนรีกับไผทหันไปมองงงๆ ภูมิก้าวออกมาจากด้านหลัง หยุดยืนข้างรามนรี
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็ตามที่เราตกลงกัน ผมจะบอกคุณย่าว่าคุณคือเดือนฉาย เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมเราจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว”
“อ้าว ไหนเมื่อกี้แกบอกว่า”
“ทุกอย่างเป็นไปตามสัญญา คุณยายจะเข้าไปอยู่ที่รัตนคาม ตามสัญญา ในฐานะเดือนฉาย ฉัตรากร นับจากวันนี้เป็นต้นไป”
“ได้ รับรองว่าฉันจะทำงานนี้ให้ดีที่สุด ให้สมกับค่าจ้างที่คุณจ้างฉัน และเราจะเล่นตามบทบาทที่มันควรจะเป็น อย่าเล่นนอกบทก็แล้วกัน คุณไผทเป็นพยานด้วยนะคะ”
ไผทยิ้มแหย พยักหน้างงๆ
“โอเค เธอไม่ต้องห่วง เพราะฉันรู้ดี ว่าต่อไปนี้ทุกอย่างมันคือการแสดง”
ภูมิยื่นกำปั้นชูไป รามนรีเอากำปั้นชูมาชนกัน และเป็นวันแรกที่ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร ภูมิพึมพำเบาๆ
“เอาล่ะวะ เมื่อบ้ามาเจอบอ อะไรจะเกิดขึ้น”
ไผทนิ่งมองคนทั้งคู่

ระพีเดินเข้ามาในบ้านวิรัช หน้าเครียด ไหว้วิรัชกับกองแก้ว
“สวัสดีครับพ่อ น้าแก้ว ทำไมหนูเล็กถึงได้หนีไป แล้วติดต่อได้รึยัง”
วิรัชส่ายหน้าหนักใจ
“ยัยหนูเล็กมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คุณผสานเข้ากรุงเทพฯช่วยตามหาจนเจอ แทนที่จะยอมกลับมาพร้อมเขา แต่ก็เลือกที่จะหนีไปอีก”
กองแก้วทำเป็นเศร้า
“สงสารหนูเล็ก ต้องไปตกระกำลำบากอยู่คนเดียว อะไรหนอที่ดลใจให้หนีไป ทั้งที่จะได้แต่งงานกับคนดีๆ อย่างคุณผสาน ที่เขามีพร้อมทั้งทรัพย์สินเงินทอง อยู่แล้วเชียวฎ
ระพีมองหน้ากองแก้วอย่างรู้แกว และไม่ค่อยพอใจนัก
“บางทีทรัพย์สินเงินทอง ก็ไม่ได้มีความหมายกับทุกคนหรอกนะครับ ต่างคนต่างจิตต่างใจ และผมเชื่อว่ายัยหนูเล็ก ไม่ใข่คนเห็นแก่เงิน”
กองแก้วหน้าชา แต่ทำเนียนๆ
“ค่ะก็จริงนะคะ”
“แสดงว่าหนูเล็กถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณผสาน”
“จะว่าบังคับก็ไม่เชิง ทีแรกน้องแก ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรมากมาย พ่อก็หวังดีอยากให้ได้กับคนดีๆ”
“ใช่จ้ะ ใครจะบังคับหนูเล็กได้”
“ถ้าไม่ได้บังคับ ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่หนูเล็กจะหนีไป สมัยนี้มันไม่ควรมีการคลุมถุงชนกันแล้วนะครับ ถ้าเขาไม่รักก็อย่าฝืนใจอย่าทำให้เขาต้องทุกข์ใจเลย”
“เอาเถอะๆ พ่อว่าเราตามตัวหนูเล็กกลับมาให้ได้ก่อน เรื่องแต่งไม่แต่งค่อยว่ากันทีหลัง”
ระพีพยักหน้ารับ
“เราเคยลองประกาศตามหาคนหายหรือยังครับ”
“เห็นคุณผสานเขาอาสาจะไปทำ ไม่รู้ว่าทำรึยัง เพราะหนูเล็กเอารูปของตัวเองไปหมด คงจะกลัวก็เลยเก็บซะเรียบเลย ไม่เหลือไว้เลย”
“ผมพอจะมีรูปที่ถ่ายกับหนูเล็กก่อนไปเรียนต่อ น่าจะพอเอามาใช้ได้ อาจจะต้องขอแรงคุณผสาน ให้มาช่วยกันอีกแรง งั้นผมจะรีบกลับกรุงเทพไปตามหาน้อง วันนี้เลยนะครับ”
“ดีลูกดี เดี๋ยวพ่อจะไปส่งที่สนามนะ”
วิรัชยิ้ม มีความหวัง กองแก้วแอบยิ้มอย่างมีความหวัง

รถของภูมิแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ ถวิลลงมาเปิดประตูให้รามนรีกับภูมิลงจากรถ หญิงสาวมองความใหญ่โตโอ่อ่าของคฤหาสน์อย่างทึ่งๆ ภูมิเข้ามายืนข้างเธอ ถวิลถือกระเป๋ารามนรีมาวางไว้ให้ แล้วมองมา ภูมิรีบหันหลังให้ดึงรามนรีเข้ามากอด เอาหน้าไปชิดหน้า ออกคำสั่ง

“คนขับรถเขามองเราอยู่ ต่อหน้าคนอื่นเราต้องเล่นบทผัวเมียที่รักกันหวานชื่น ต้องแสดงให้แนบเนียนที่สุด เข้าใจไหม”

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 3 (ต่อ)

รามนรีหันมองไปเห็นถวิลมองมา เลยต้องปล่อยตามใจภูมิ
 
ถวิลหันมาเห็น เข้าใจผิดคิดว่าจะจูบกัน รีบเบือนหน้าหนีอายๆ ออกไป รามนรีพยายามผลักภูมิออก
“ปล่อยฉันได้แล้ว เขาไปแล้ว และคุณก็เล่นนอกบท คุณผิดสัญญา”
“นอกบทอะไร ผิดสัญญาตรงไหน ในเมื่อผมแก้ปัญหา ตามสถานการณ์จริง แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร แค่แสดงให้คุณดู จะได้เข้าใจ แจ่มแจ้ง”
รามนรีถลึงตาใส่ภูมิ ภูมิยิ้มทะเล้น
“ทีหลัง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง เพราะฉันเข้าใจแล้ว”
รามนรีรีบเดินออกไปหน้าแดงก่ำ แต่พอหันกลับมาก็ไม่เห็นภูมิ กวาดตามอง
“ทางนี้”
ภูมิกวักมือให้ เลี้ยวไปอีกทาง รามนรีรีบคว้ากระเป๋า ตามไป ภูมิพารามนรีมาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง
“นี่ห้องพักของคุณ”
รามนรีหิ้วกระเป๋าจะเดินเข้าไป
“จะไปไหน”
“ก็เอากระเป๋าไปเก็บในห้องไง”
“ไม่ได้”
“ก็บอกว่าห้องฉัน ทำไมจะไว้ไม่ได้”
“ถ้าใครมาเห็นว่าเราอยู่คนละห้องกัน ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริง ก็ความแตกน่ะสิ”
“เรื่องมากซะจริง”
“ตามมา”
รามนรีหน้าหงิก ลากกระเป๋าเดินตามภูมิออกไป

ภูมิจับลูกบิดหมุนประตู แต่ชะงักไว้ยังไม่เปิด หันมามองหน้ารามนรี
“คุณเป็นผู้หญิงคนแรก ที่จะได้เข้ามาในห้องของหนุ่มโสดสุดหล่ออย่างผม”
รามนรีทำท่าจะอาเจียน
“เหอะ เป็นโรค หลงตัวเองอย่างแรง”
“ผู้หญิงบ้าอะไร ทำอะไรน่าเกลียด ไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย”
“พร่ามอยู่ได้ ตกลงจะให้เข้าไปไหมเนี่ย ฉันหนัก”
“หนักแล้วไง ก็ฉันให้ตั้งเดือนละแสน หนักนิดหนักหน่อยจะบ่นทำไม ผมเป็นเจ้านาย จะให้ไปช่วยถือกระเป๋าให้ลูกน้องได้ไง”
“เออ ไม่ช่วยก็อย่าช่วย งั้น ถอยไป”
ภูมิแง้มประตูให้ ยักไหล่ ทำหน้าทะเล้นใส่ รามนรีเอากระเป๋าดันภูมิเข้าไปในห้อง เธอกวาดตามองรอบห้อง
“อยู่คนเดียวแต่ห้องทั้งกว้างทั้งใหญ่ จะเอาไว้ให้ผู้หญิงมาวิ่งผลัดในนี้รึไงคุณ”
“อืม ไอเดียไม่เลว งั้นคืนนี้ ฉันจะลองกับเธอคนแรก”
“อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะ ถ้าอยากจะไปนอนโรงพยาบาล ก็ลองดู”
“เดี๋ยว เอาของไปเก็บที่ในตู้ แล้ววางไว้คู่กัน”
“แล้วไงต่อ อย่าบอกนะว่าฉันต้องนอนห้องเดียวกับนาย”
“เธอนึกว่าฉันอยากรึไง เราจะนอนด้วยกันก็เพื่อไม่ให้คนสงสัย หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปนอนห้องใครห้องมัน ฉันไม่มีวันเสียความบริสุทธิ์ให้เธอหรอก”
รามนรีถอนใจ
“ปากเหรอนั่นน่ะ ว่าแต่คุณอย่าลืมสัญญาห้าข้อก็แล้วกัน”
“วางใจได้ เพราะคนอย่างฉันเป็นเสือไม่ใช่เสือหิว ที่จะกินอะไรไม่เลือก”
“นี่คุณกำลังดูถูกฉันอยู่นะ”
“ก็ดูถูกแล้วไง ฉันจำภาพวันวานของเธอ ป้าหน้าแก่ใส่แว่นตาแต่งตัวเฉิ่มเบ๊อะ ถึงวันนี้ฉันจะลงทุนปรับลุคให้ แต่ก็ยังจำมันได้ดี แค่นึกก็หมดอารมณ์แล้ว”
“หือแรงมาก”
“แล้วก็อย่าลืม ว่าเธอต้องทำหน้าที่ภรรยา อย่าให้ขาดตกบกพร่อง และอย่าลืมภารกิจพิชิตใจคุณย่ากับคุณแม่ฉัน เพื่อไปสู่เป้าหมาย ให้ฉันได้แต่งงานกับเดือนฉาย เจ้าสาวของฉัน”
“พูดแล้วก็อย่าคืนคำและจำไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
“แน่นอน คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีคืนคำ จำได้แม่นอยู่แล้ว”
“ดี ฉันสัญญา ว่าฉันจะทำหน้าที่ภรรยา ตามคำบัญชาของคุณให้ถึงกึ๋น”
“ดีมาก ถึงมากที่สุด”
ทั้งสองสบตากัน

ถวิลเข้ามาในครัวบ้านย่า พลางนั่งเต๊ะจุ๊ยสั่ง
“น้ำเย็นๆ มาแก้วนึง เร็ว”
นิดแต่งตัวเซ็กซี่เสื้อยืดรัดติ้ว อกตู้ม เดินเข้ามาด้วยท่าทางยั่วยวนถือถาดแก้วน้ำและสาคูมาให้
“พี่หวินจ๋า”
ถวิลหันไป พอเห็นนิดก็มองตาลุกวาว อ้าปากค้าง
“มีอะไรจ๊ะหนูนิด”
“นี่จ้ะ กลับมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำและสาคูนี่ก่อนนะจ๊ะ”
“ถ้าเมียพี่ดีได้ครึ่งหนูนิดก็ดีสิจ๊ะ”
“พี่หวินจ๋า เมื่อกี้นิดเห็นคุณภูมิพาผู้หญิงเข้ามาในบ้าน เขาเป็นใครเหรอจ๊ะ”
“อยากรู้เหรอจ๊ะ”
“อยากรู้สิจ๊ะ”
“อยากรู้ก็เข้ามาใกล้ๆ สิจ๊ะ เรื่องนี้ต้องกระซิบ”
นิดยื่นหูเข้าไปใกล้ถวิล ถวิลกระซิบ นิดหัวเราะคิกคัก น้ำสาดโครมเข้าใส่ทั้งสอง ทั้งสองจึงผละออกจากกัน แล้วหันไปมองงงๆ
“ว้าย อะไรกันเนี่ย พี่เภา”
เภายืนถือถังน้ำยืนจังก้าหน้าเหี้ยมอยู่ ถวิลตกใจอ้าปากค้าง สาคูเต็มปาก
“อยากได้น้ำใช่ไหม กินไปซะให้พอ”
“อยากได้จ้ะเมียจ๋า แต่ขอน้ำกินนะจ๊ะ ไม่ใช่อาบน้ำ สงสัยหูหนวกแน่วันนี้”
“ดีสมน้ำหน้า จะได้หายคันคะเยอ หรือไม่ก็ต้องให้ฉันช่วยเกา”
เภาทำท่าจะถีบนิด แต่ถวิลรีบเข้าไปห้าม
“อย่าจ้ะ อย่า”
“แกเป็นอะไร เผลอไม่ได้ ต้องดอดเข้ามาตีท้ายครัวฉันทุกทีเลยนังนิด”
บุญปลูกได้ยินเสียเอะอะโวยวาย รีบเดินเข้ามายืนฟัง
“ใครตีท้ายครัวใคร ฉันมาถามพี่หวินเรื่องผู้หญิงที่คุณภูมิพามาต่างหาก”
“แกไปสอดอะไรเรื่องเจ้านายเขา หะ งานน่ะทำเสร็จหรือยัง ไปให้พ้นเลยไป”
เภาเอาถังน้ำโยนใส่นิด นิดวิ่งหนีพลางร้องวี้ดว้ายออกไป บุญปลูกหันมามองถวิล
“แกก็เหมือนกัน เมียเผลอทีไรก็ไปทำหมาหยอกไก่ใส่เขา เคลียร์กันเอาก็แล้วกัน”
บุญปลูกพยักหน้าให้เภา แล้วเดินไป ถวิลหน้าจ๋อย เภาหันกลับมาเล่นงานถวิล
“อย่าให้ฉันจับได้นะว่าไปอี๋อ๋อกับนังนิดอีก ไม่งั้นล่ะก็จะจับเจี๋ยนต้มซุปซะเลยคอยดู”

ถวิลหน้าซีดเผือด

รามนรีเดินตามหลังภูมิมา มองชายหนุ่มอย่างหวาดระแวง ภูมิหันไปแล้วชะลอฝีเท้า
 
“รีบเดินเร็วคุณ”
ภูมิจะดึงแขน แต่รามนรีสะบัดออก
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันเดินเองได้ แล้วฉันก็ชักจะไม่ไว้ใจคุณ”
“หือ ทำยังกับสวยตาย อย่ามโนไปให้เยอะเลยแม่คุณ”
“ฉันไม่ได้มโน แต่คุณมันไม่น่าไว้ใจจริงๆ”
ภูมิหมั่นไส้ รีบเข้าไปคว้าตัวรามนรีมาใกล้ หญิงสาวตกใจขัดขืน
“เอ๊ะ อะไรเนี่ย”
“ถึงห้องคุณย่าแล้ว ต้องเล่นให้แนบเนียนหน่อย เราตกลงกันแล้วว่าจะทำตามสถานการณ์จริงไง จำไม่ได้รึไง อย่าให้พลาดละกัน”
รามนรีถอนใจ จำใจยอม ทั้งสองสบตานัดแนะกัน ก่อนโอบเอวรามนรี เตรียมพร้อม

ย่านั่งร้อยมาลัยอยู่ในห้องโถงกับบุญปลูกและเภา เสียงเคาะประตูห้องดัง ภูมิเปิดประตูเข้ามา มีรามนรียืนหลบอยู่ด้านหลัง
“สวัสดีครับคุณย่า”
“อ้าว ตาภูมิเองหรอกเหรอ นั่งก่อนสิ เดี๋ยวขอย่าร้อยมาลัยอีกนิดนะ”
ย่ายังคงร้อยมาลัยต่อไป ไม่ได้มอง ไม่รู้ว่ามีรามนรีเข้ามาด้วย
“เป็นยังไง เห็นรูปประกายฟ้าแล้วใช่ไหม แม่เดือนหงายคงจะสู้ไม่ได้ล่ะสิ”
“สู้ได้ หรือไม่ได้ ผมไม่รู้ คุณย่าต้องลองดูเอง”
รามนรีเข้ามาก้มลงกราบย่าอย่างนอบน้อม แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มจริงใจ
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
ย่าชะงัก หันไปมองลอดแว่นแล้วเชิดหน้าทำเมิน
“นี่เหรอ แม่เดือนฉาย แต่ต่อไปอาจจะเป็นแค่เดือนหงายไร้ค่า ในเวลาที่แกเบื่อ”
“ไม่มีทางครับคุณย่า ผมบอกแล้วไง ว่าคนนี้ ผมรักจริง และเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่ผมจะแต่งงานด้วย”
“เหรอ งั้นลองถามสิ ว่าคนที่อยู่ที่นี่มีใครเชื่อสิ่งที่แกพูดบ้าง”
ภูมิมองหน้าบุญปลูกกับเภา ขอคำตอบ แต่ทุกคนส่ายหน้าพร้อมกัน ภูมิมองหน้ารามนรี รู้สึกเสียหน้า
“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ผมจะทำให้ทุกคนเห็นว่าผมรักจริง และผมจะขออนุญาตคุณย่า พาเขามาอยู่ที่นี่กับเรา ตั้งแต่วันนี้ครับ”
ย่าตกใจอ้าปากค้าง
“หา แล้วจะเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
“ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”
ย่าตกใจหนักกว่าเดิม ก่อนตั้งสติ หันไปมองพยักหน้าให้บุญปลูกกับเภา ออกไปจากห้อง ทั้งคู่เดินออกไป ย่าหันมามองภูมิ
“แต่ย่าไม่อนุญาต”
“คุณย่า ผมคิดว่าคุณย่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายและจะเข้าใจ เห็นใจผม”
“แต่แกทำอะไรข้ามหัวผู้ใหญ่ แกยังเป็นลูกหลานรัตนบดินทร์อยู่ไหม”
“ผมรักและเคารพทุกคนเสมอ แต่ผมโตแล้ว ผมขอเลือกที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรัก ขืนบอกไปคุณแม่ก็ต้องไม่ยอม ผมถึงต้องทำแบบนี้เพื่อยุติปัญหา”
“แต่ฉันว่ามันจะสร้างปัญหาเสียมากกว่า แล้วเธอล่ะ สิ้นคิดแล้วหรือไง ถึงได้ยอมง่ายๆ แบบนี้ รึว่าหวังรวยทางลัด แล้วผู้ใหญ่ของเธอรับรู้หรือยัง”
ภูมิจะเถียงแทน แต่รามนรีพูดขึ้นก่อน
“ที่หนูยอมจดกับเขา เพราะไม่ได้ต้องการพิธีแต่งงานที่เลิศหรู ให้ใครๆ รับรู้ ไม่ได้อยากรวยทางลัด ขอแค่ให้เราได้รักกัน อยู่ด้วยกันอย่างเรียบง่ายและเข้าใจกัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ”
“หน้าไม่อาย ผู้หญิงสมัยนี้ใจกล้าหน้าคอนกรีตจริงๆ พูดซะดูดีเอาความรักมาอ้างเพื่อจับผู้ชายรวยๆ นึกว่าฉันจะรู้ไม่ทันเธอรึไง ถึงตาภูมิจะเป็นลูกเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูล แต่ถ้าทำอะไรไม่ดี ก็จะไม่ได้อะไรจากฉันแม้แต่สตางค์แดงเดียว”
ย่านิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด กุมหน้าอก รามนรีกับภูมิมองตกใจ
“คุณย่า”
“คุณหญิง”
ภูมิทำอะไรไม่ถูก รามนรีรีบเข้าไปประคองไว้ก่อนย่าจะทรุด
“คุณหญิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วไอออกมานะคะ ไอออกมาค่ะ”
ย่าไอออกมาถี่ๆ ภูมิช่วยประคองย่าไปนอนบนเตียง แต่ย่ายังหอบ
“ยาพ่นอยู่ไหนคะ คุณภูมิ”
ภูมิมองหายาพ่น แต่หาไม่เจอ จึงรีบวิ่งออกไปนอกห้อง

ทุกคนนั่งกินข้าวกันในห้องครัว ภูมิวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“น้าปลูกครับ น้าปลูก”
“ขาคุณภูมิ”
“ไปดูคุณย่าเร็ว โรคหัวใจท่านกำเริบอีกแล้ว”
บุญปลูกตกใจวางช้อน
“หา เร็วนังเภาๆ ไปเอายาพ่นมา แล้วรีบตามฉันไปที่ห้อง”
“จ้ะพี่”
“ถวิล ไปเตรียมเอารถอออก เร็ว”
“ครับคุณภูมิ”
ทุกคน วิ่งไปออกไป ทิ้งนิดไว้
“สุดท้ายเราก็เป็นหมาหัวเน่าอยู่คนเดียว”

นิดมองตามหน้าหงิก

ภูมิกับบุญปลูกเข้ามาในห้อง ถึงกับชะงักกึก สีหน้าจากที่ตื่นตกใจเปลี่ยนเป็นแปลกใจมาก
 
ย่าลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน รามนรีกำลังบีบนวดย่าเบาๆ ให้ผ่อนคลาย ย่ารู้สึกเคลิ้มสบาย
“คุณย่าไม่เป็นไรแล้วเหรอครับ”
ย่ารู้สึกตัว รีบสะบัดตัวออกจากรามนรี
“กระดูกฉันแข็งย่ะ ไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“เฮ้อ พูดได้แบบนี้ ก็แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ”
บุญปลูกยิ้มให้
“คุณเดือนฉาย เก่งจริงๆ เลยค่ะ”
“ก็แค่ จำๆ เขามาน่ะค่ะ”
เภาเข้ามา ยื่นยาพ่นให้บุญปลูก ที่เดินเข้ามาจะพ่นยาให้ ย่าปัดออก
“ไม่ต้องแล้ว ฉันไม่เป็นไร สบายดีแล้ว บุญปลูกกับเภา แกออกไปก่อน”
“พ่นซะหน่อยไม่ดีเหรอคะคุณหญิง จะได้รู้สึกดีขึ้น”
“บอกว่าไม่ต้องไง อย่านึกว่าช่วยฉัน แล้วฉันจะยอมรับเธอเป็นหลานสะใภ้ง่ายๆ”
“หนูขอยืนยันว่าไม่ได้หวังอะไร ขอแค่ความรักและเข้าใจ จริงๆ ค่ะ”
ย่าเชิดหน้าปรายตามองภูมิกับรามนรี

ถวิลจอดรถตู้ แล้วมายืนรอที่ด้านหน้า มีนิดยืนอยู่ห่างๆ บุญปลูกกับเภา เดินเข้ามา
“คุณท่านเป็นไงบ้าง”
“เอารถไปเก็บได้แล้ว ท่านดีขึ้นแล้ว”
ถวิลโล่งใจ เภามองหน้านิด
“แล้วแกมายืนสาระแนกับผัวฉันทำไม”
“แหม ก็แค่มาถามข่าว ฉันก็เป็นห่วงท่านเหมือนกันนะ”
“เอาน่าๆ อย่าไปว่ามันเลย นี่แก ฉันว่าคุณเดือนฉายคนนี้ ดูดีกว่าที่เราคิด”
“ใช่พี่ ดูจริงใจ ไร้จริต แถมเก่งยังกับพยาบาลมืออาชีพเลย”
“ผมก็ว่าแกเหมาะกับคุณภูมิของเราไม่เบานะ”
“แล้วเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาเป็นเมียคุณภูมิได้ยังไงก็ไม่รู้เนาะ”
บุญปลูกกับเภา หันไปจ้องหน้านิด
“เรื่องของเจ้านาย เราไม่ควรไปยุ่งนะนิด”
“เอาตรงๆ ก็คือไม่ต้องเสือกน่ะ เข้าใจไหม”
นิดหายใจแรง กระแทกเท้าเดินออกไป
“ฉันรู้สึกถูกชะตากับคุณเดือนฉาย ภาวนาขอให้คุณท่านเมตตาแกด้วยเถอะ”
ทุกคนสบตา ยิ้มให้กัน

ย่ามองรามนรีด้วยสายตาสำรวจ
“ขอบใจ ที่ช่วยเหลือฉัน เอาเป็นว่าฉันจะให้เธออยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัย”
“โห คุณย่า”
“เงียบไปเลย แกมันตัวสร้างแต่ปัญหา มาให้ย่าปวดหัว แล้วยังจะทำเป็นมาปากดี จะเอาโน่นเอานี่ แค่นี้ก็ถือว่าเมตตาแล้ว”
ภูมิอ้าปากจะเถียง รามนรีหยิกที่ขาให้หยุดพูด
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูยินดีที่จะอยู่ในฐานะผู้อาศัย เอาที่คุณหญิงสบายใจดีกว่าค่ะ”
“ก็ดี ที่เธอเข้าใจ ว่าแต่เป็นลูกเต้าเหล่าใคร นามสกุลอะไรนะ”
“ฉัตรากรค่ะ หนูเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่กับป้ามาตั้งแต่เด็ก”
“อืม แล้วเธอรู้จักกับตาภูมิมากี่ปีแล้ว”
รามนรีหันไปมองภูมิเป็นเชิงถาม ภูมิแอบยกสามนิ้ว
“สามปีค่ะ”
“ก่อนหรือหลังภูมิกลับจากอังกฤษ”
รามนรีอึกอักเพราะไม่ได้นัดแนะข้อนี้ ภูมิรีบตอบแทน
“ก่อนครับ”
“ย่าถามเดือนฉาย ไม่ได้ถามแก”
“ผมขอโทษครับ”
“แล้วเธอไปทำอะไรที่อังกฤษ”
รามนรีอึกอักเล็กน้อย ภูมิคิดว่าแย่แล้ว เพราะไม่ได้นัดกันไว้ แต่แล้วรามนรีก็ตอบออกมา
“ไปช่วยญาติของป้า ทำงานในร้านอาหารไทยค่ะ ก็เลยเจอกับคุณภูมิที่นั่น”
ภูมิแอบโล่งใจ ดีใจที่รามนรีฉลาดกว่าที่เขาคิดไว้
“อะไรทำให้เธอรักตาภูมิ”
“เพราะ เพราะคุณภูมิเป็นคนดีค่ะ”
ภูมิยิ้มดีใจ ทำบีบนวดเอาใจย่า แต่ย่าบึ้งใส่ ไม่เล่นด้วย ภูมิจ๋อย
“แน่ใจนะว่า ไม่ใช่เพราะภูมิ เป็นลูกหลานเศรษฐี”
“แน่ใจที่สุดค่ะ หนูไม่รู้ว่าผู้หญิงอื่นเลือกผู้ชายแบบไหนเป็นคู่ครอง แต่สำหรับหนู ขอแค่ให้เป็นคนดี รักและจริงใจต่อกัน เพราะเงินซื้อรักแท้ซื้อใจไม่ได้ค่ะ”
“เดือนฉาย ทำไมพูดกับคุณย่าอย่างนั้น”
“เธอแน่ใจรึ ว่าภูมิเป็นคนดี”
“เขาว่ากันว่าความรักมักทำให้คนตาบอด หนูอาจจะตาบอดก็ได้ค่ะ”
“หมายความว่าเธอแน่ใจว่าตาภูมิเป็นคนดี”
“ทั้งแน่ใจ และมั่นใจค่ะ”
“แล้วเรามาพิสูจน์กัน ว่าสิ่งที่เธอพูดมันมาจากใจ และจริงไหม”
ภูมิหน้าเสีย ย่าหันไปทางภูมิ
“พาเขาไปได้แล้ว”
“ครับคุณย่า”
ภูมิแอบสะกิดรามนรี เธอหันไปบอกย่าอย่างเป็นห่วง
“คุณหญิงต้องพักผ่อนเยอะๆ นะคะ ช่วงนี้อย่าใช้สายตามาก”
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน หล่อนไม่ต้องมายุ่ง”
รามนรียิ้มให้
“ถ้าอยากให้หนูมานวดให้ ก็เรียกได้ตลอดเวลานะคะ”

รามนรีกราบย่าก่อนลุกออกไป ย่าทำเป็นไม่สนใจ หยิบมาลัยมาร้อยต่อ

ภูมิเดินไปบ่นไป มีรามนรีเดินตาม เขาหยุด หันหน้ามามองหญิงสาว ที่ชนเข้าให้อย่างจัง
 
“จะบ้าหรือไง หยุดทำไมเนี่ย”
“ผมไม่เข้าใจ คุณไปทำอวดเก่งกับคุณย่าผมทำไม ผู้หญิงไทยต้องสงบปากสงบคำ ทำติ๋มๆ เข้าไว้ ผู้ใหญ่จะได้รัก”
“แต่ฉันไม่อยากโกหกใคร ทำได้เท่าที่ทำ”
“ก็ไหนบอกว่าจะทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง”
“ก็ทำอยู่นี่ไง คุณใจเย็นๆ แล้วคอยดูไป ฉันจะทำให้ได้ตามที่ตกลง ฉันมีวิธีของฉันน่า อย่ายุ่ง”
“เก่งนัก ก็ขึ้นไปที่ห้องเลยไป ผมปวดหัวทุกทีที่คุยกับคุณ เชิญ”
รามนรีเบ้ปากใส่ เดินออกไป ไม่สนใจภูมิ เปิดประตูห้องเข้ามา กดล็อคประตูเพื่อความปลอดภัย เดินเดินสำรวจห้อง ส่องหารูหรือกล้องอะไรก็ไม่พบ
“อย่าให้รู้นะว่าซ่อนกล้องไว้ในนี้อย่างกับเรียลลิตี้ ไม่งั้นนายตายแน่”
รามนรีเดินไปเปิดทีวี แล้วเปิดกระเป๋าเดินทางนั่งรื้อเสื้อผ้าตัวเองออกมา หยิบไม้เบสบอลที่ซ่อนไว้ในกระเป๋า ชูขึ้นมามองตาวาว
“ถ้าขืนมารุ่มร่ามกับฉันล่ะคอยดู”
รามนรีลุกขึ้นซ้อม ทำท่าหวดไปมา ภูมิมาเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“เขาทำอะไรของเขา รึว่าเครียดจนเป็นลมตายในห้องน้ำ”
ภูมิหน้าเหวอ หันหลังวิ่งกลับออกไปอย่างเร็ว รามนรีอาบน้ำฮัมเพลงอย่างมีความสุข พออาบน้ำเสร็จใส่ผ้าขนหนูกระโจมอก ยืนยิ้มแฉ่งอย่างสดชื่นหน้ากระจก
“เฮ้อ ตั้งแต่เจอนายผสาน แล้วมาเจอนายภูมิ ก็มีวันนี้ที่รู้สึกดีและสดชื่นที่สุด”
รามนรียืนมองกระจกยิ้มปลื้ม

ภูมิกำกุญแจสำรอง วิ่งกลับมาที่หน้าประตู เปิดประตูมือไม้สั่น หายแว่บเข้าไปในห้อง รามนรีใส่กระโจมอกยิ้มร่า เปิดประตูผลัวะออกมา ก่อนหุบยิ้มหน้าเหวอ เห็นภูมินั่งกอดอกพิงพนักเตียง มองมาหน้าหื่น
“ว้าย”
“จะแหกปากร้องไปทำไม ให้คนเขาสงสัย หะ ว่าแต่ ขาวอวบไม่เบานะเราเนี่ย”
รามนรีรีบเอาเสื้อคลุมมาสวมทับกันโป๊
“ก็คุณอยากเข้ามาทำไม แล้วเข้ามาได้ยังไง ทำไมไม่เคาะประตู”
“ก็เคาะแล้ว คุณได้ยินที่ไหนล่ะ”
“แล้วทำไม ไม่เคาะดังๆ”
“ก็เคาะดังจนมือจะพังก่อนประตูอยู่แล้วเนี่ย เห็นไหมแดงหมดเลย ผมไม่น่าเป็นห่วงคนอย่างคุณเล้ย ไอ้เราก็นึกว่าเป็นลมตายในห้องน้ำ”
“นี่คุณแช่งฉันเหรอ”
“จะแช่งไปทำไม ผมจ่ายไปตั้งสามแสน คุณทำงานให้แค่ไม่กี่ขั่วโมง ผมไม่ยอมให้คุณตายง่ายๆ หรอก เดี๋ยวไม่คุ้ม”
“แล้วคุณเข้ามาได้ยังไง”
ภูมิชูกุญแจสำรอง
“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ เอากุญแจมาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“เรื่องอะไรจะให้”
รามนรีเข้าไปแย่งกุญแจ ภูมิไม่ยอม วิ่งไปรอบห้อง ทั้งคู่ยื้อกันไปมาคว้ากุญแจ
“หยุดๆๆ แล้ว เข้าใจว่า ผมต้องมีกุญแจสำรองไว้ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน ลืมแล้วรึไงว่าผมเป็นเจ้าของบ้าน”
รามนรีฉุกคิด
“แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าผมจะมาปล้ำคุณ เพราะคุณไม่ใช่สเปค ไม่ใช่คนสวยรวยเสน่ห์ แถมยังขี้เหร่อีกต่างหาก จำไว้ว่า คุณมีหน้าเป็นอาวุธ”
รามนรีฉุนขาด หยิบของใกล้มือขว้างออกไป
“อ๊าย ออกไปนะไอ้บ้า”
ภูมิวิ่งไปที่ประตู เอาบังตัวโผล่หน้ามา
“ผมแค่จะมาบอกว่าให้รีบหน่อย ตอนนี้ คุณย่ารอกินข้าวอยู่นะจ๊ะเมียจ๋า”
ภูมิออกไป รามนรีขว้างหนังสือเกือบโดนหน้าเขา แต่ภูมิปิดประตูทัน
“หือไอ้เจ้าเล่ห์ ไอ้หื่น ไอ้ลามก ไอ้หัวงู ไอ้ สารพัด ไอ้”

รามนรีหอบหายใจแรง แค้นภูมิ
 
จบตอนที่ 3 


กำลังโหลดความคิดเห็น