xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 1

ภายในผับหรู ท่ามกลางแสงสีอันเร้าตาเร้าใจ เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่ม ภูมิ โชว์ลีลาซุปเปอร์สตาร์เกาหลี ทั้งร้องทั้งเต้น มีแพตตี้ และสาวๆ ในชุดเซ็กซี่ คลอเคลียเต้นยั่วยวนตลอดเวลา ไผทยืนกอดอกมองปลงๆ

คืนเดียวกัน ภายในห้องนอนของรามนรี หรือ ยาย ซึ่งเดินกุมขมับไปมาอย่างหนักใจ จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น วิรัชส่งเสียงบอกเจ้าของห้อง
“หนูเล็ก เปิดประตูให้พ่อหน่อยสิลูก พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรามีอะไรจะต้องคุยกันอีกเหรอคะพ่อ ในเมื่อทุกอย่างมันจบลงแล้ว”
“น่านะ ขอพ่อเข้าไปหน่อย"
รามนรีจำใจเดินไปเปิดประตู
“เข้าใจพ่อหน่อยได้ไหม ว่าสิ่งที่พ่อทำไปก็เพื่อลูก พ่อรักลูกมากนัก”
รามนรีหันขวับมองหน้าพ่อ น้ำตารื้น ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“รักเหรอคะ พ่อรักหนูจริงๆ เหรอคะ รักแล้วทำไม ทำกับหนูอย่างนี้คะพ่อ”
“ทำไมหนูไม่เคยเชื่อในสิ่งที่พ่อพูดเลย”
“ตั้งแต่แม่จากเราไป พ่อก็พาผู้หญิงคนใหม่มาแทนที่แม่ แล้วทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป พ่อไม่เหมือนพ่อคนเดิมของหนู พ่อลืมไปแล้วใช่ไหมว่ายังมีหนูกับพี่รพี ที่เป็นลูกพ่อ”
“ทำไมคิดอย่างนี้ ไม่มีวันไหนที่พ่อจะไม่รักลูก พ่อมีเหตุผล ที่ต้องทำยาย แล้วเหตุผลของหนู พ่อเคยฟังมันบ้างไหมคะ”
กองแก้วเดินเข้ามา รามนรีเชิดหน้า
“เอาเถอะค่ะ ในเมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ หนูก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หนูง่วงนอนแล้ว ขอตัวนะคะพ่อ”
“อ้าว พอน้ามาก็ง่วงซะงั้น คุยต่ออีกหน่อยสิจ๊ะ น้าก็รักและเป็นห่วงหนูมากนะ”
“ค่ะหนูสำนึกในความหวังดีของคุณน้า จนแทบจะกระอักอยู่แล้วค่ะ”
กองแก้วกัดฟันยิ้ม
“ขอบใจมากนะจ๊ะ ที่หนูเล็กเข้าใจในความหวังดีของน้า งั้นหนูเล็กพักผ่อนเถอะ น้าไม่กวนแล้ว ไปกันเถอะค่ะคุณ”
กองแก้วดึงตัววิรัชออกไป รามนรีเหนื่อยใจ นั่งมองชุดแต่งงาน แล้วคิดหาวิธีหนี

ในผับหรู ภูมินั่งกอดโอบคอแพตตี้กับบรรดาผู้หญิง ที่คอยเอาอกเอาใจ ซับเหงื่อที่หน้าให้
“ดื่มเบียร์หรือไวน์ดีคะคุณไผท คืนนี้แพตตี้ยินดีบริการเต็มที่ค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ”
“รบกง รบกวนอะไร ในเมื่อแกเป็นเพื่อนรักของฉัน ไม่ว่าใครก็ต้องดูแลแก ไม่ต่างไปจากฉัน แพตตี้ ดูแลเพื่อนผมด้วย”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
แพตตี้เดินนวยนาดออกไป ภูมิโอบไหล่
“เป็นไงเพื่อน ลีลาฉัน ยังเจ๋งอยู่ไหมเกาหลีซ้า”
ไผทมองภูมิเหนื่อยใจ เบ้ปากใส่
“แต่ฉันว่าออกทางเกาเหลา มากกว่าเกาหลีนะ”
“นั่นปากเหรอ หมาซะไม่มี”
“อย่าเห็นว่าเขารัก เขายอมให้ แกก็เลยเอาใหญ่ อย่ามั่นใจให้มาก คนเราความอดทนมันมีขีดจำกัด โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสมอง และดีพร้อมอย่างคุณเดือน เห็นเขาไม่พูดไม่ว่า ก็ไม่ได้หมายความเขาจะไม่คิด ระวัง แกจะเป็นฝ่ายถูกทิ้ง”
ภูมิอารมณ์เสีย
“นี่แกแช่งฉันเหรอไง แล้ววันนี้ ฉันขอร้องอย่ามาทำตัวเป็นคอนด้อมพูดได้ ให้ฉันเสียอารมณ์เข้าใจไหม”
ไผทกลอกตาไปมา เซ็ง เสียงโทรศัพท์ของภูมิดังขึ้น
“เฮ้ย เอาไงดี เดือนโทรมา แล้วทำไมโทรมาตอนนี้วะ”
“แกนั่นแหละจะเอาไง แกไปโกหกเขาไว้ยังไงล่ะ”
ภูมิรีบดึงไผทเดินออกไปนอกผับ แล้วคุยกับเดือนฉาย
“ว่าไงครับเดือน”
“นี่ภูมิอยู่ไหนคะ
“ผมมาปาร์ตี้วันเกิดที่บ้านไทเขาน่ะครับ อีกสักพักก็จะกลับแล้ว นี่เดือนอยู่ไหน”
“เดือนก็มางานวันเกิดเพื่อนเหมือนกันค่ะ”
“อืมดี เดีอนได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี ว่าแต่ไปที่ไหนกันเหรอครับ”
ภูมิหน้าเหวอสะกิดไผทให้ฟังไปด้วย เมื่อได้ยินชื่อผับที่เดือนฉายไปกับเพื่อน
“ดะ ดะ เดือนมาที่ผับนี้เหรอครับ”
ภูมิหันไปมองหน้าไผท ที่ตกใจไม่แพ้กัน
“ค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะภูมิ เดือนต้องเข้าไปข้างในแล้ว”
“ไอ้ไท บรรลัยแล้ว เดือน กำลังเข้ามาข้างใน”
ไผทหน้าตื่น ภูมิกวาดตามองเลิ่กลั่ก เห็นเดือนฉายเดินเข้ามาก็ลนลาน
“ไอ้ไท แกต้องช่วยฉัน ทำยังไงก็ได้ อย่าให้ฉันถูกเดือนจับได้ และให้ฉันได้ออกไปจากที่นี่ กับน้องแพ็ตตี้อย่างปลอดภัย”
“แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ ตัวเองยังจะเอาไม่รอด แล้วยังจะมีหน้าไปห่วงผู้หญิงอื่นอีก แกชอบทำให้ฉันต้องทำเรื่องแย่ๆ ต้องรู้สึกผิดกับคุณเดือนอยู่เรื่อยเลย”
“อย่าเพิ่งมาเป็นพ่อพระตอนนี้ได้ไหม จะให้ทำยังไงรีบบอกมา เร็ว”
แพ็ตตี้เดินเข้ามา ไผทมองซ้ายมองขวา ดึงมือภูมิ ซึ่งหันไปคว้ามือแพตตี้ แล้วพากันหนีออกไป

ตอนเช้า ภายในห้องนอนรามนรี หญิงสาวเดินกลับไปกลับมา ร้อนใจ เสียงขบวนขันหมากดังลั่น
“โห่ ฮี้โห่ฮี้โห่ ฮิ้ว”
รามนรีใส่ชุดไทยสวยงามสำหรับงานหมั้น ชะเง้อมองไปหน้าห้องอย่างร้อนใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอตกใจหันไปมอง
“ใครน่ะ”
“ผ่องเองค่ะคุณหนู”
รามนรีดีใจ รีบเดินไปเปิดประตูห้อง เห็นผ่องยืนอยู่ เธอมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวงว่าใครจะมาเห็นเข้า แล้วดึงผ่องเข้ามาในห้อง ผ่องยื่นเชือกให้
“รีบหนีไปค่ะคุณหนู”
รามนรีมองซาบซึ้งยกมือไหว้
“ขอบคุณมากนะคะ หนูจะไม่ลืมบุญคุณนี้เลย”
“บุญรักษา เทวดาคุ้มครองนะคะคุณหนู ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะคะ”

รามนรีรีบเดินออกไป

กองแก้ว วิรัช และแจงรออยู่ภายในบ้านอย่างตื่นเต้น นริศรำป้อมาถึงหน้าห้อง ป้องปากร้องเป็นเพลง

“เจ้าบ่าวมาแล้ว เจ้าบ่าวมาแล้ว มาแล้ว หนูเล็กรับด้วย วันนี้คนสวยใส่ชุดสีอะไร”
ผสานในชุดเจ้าบ่าว ยิ้มปลื้ม เดินนำขบวนผู้ติดตามเข้ามาถึงหน้าห้องของรามนรี ยกมือไหว้วิรัชกับกองแก้ว
“สวัสดีครับคุณพ่อตา คุณแม่ยาย”
กองแก้วมองทองของผสานตาวาว รีบสะกิดแจงเอาสร้อยมากั้นประตูเงินประตูทอง ผสานหยิบซองเงินส่งให้ไม่อั้น กองแก้วยังไม่ยอมให้ผ่าน กระดิกนิ้วขออีก ผสานส่งซองเงินให้อีก กองแก้วจะให้แจงปล่อยสร้อย แต่แจงไม่ยอมปล่อย ผสานเลยส่งซองเงินให้แจง แจงจะดึงสร้อยไปด้วย กองแก้วไม่ยอมเลยกระชากสร้อยกลับมา แจงหน้าจ๋อยไป
“ซองเงินก็ได้ละ ถ้ามีทองติดมาด้วย คงจะงามไม่ใช่น้อยนะคะคุณผสาน”
วิรัชอายจนหน้าชา สะกิดกองแก้ว แต่ไม่เป็นผล ผสานอวดรวย ควักทองเส้นเขื่องในกระเป๋า ยื่นให้
“ผมเตรียมมาเพียบ คุณแม่ยายเอาไป จะได้งามๆ”
กองแก้วเอามือทาบอก หายใจแรง
“เลอค่า สมกับเป็นนายหัวเอามากๆ”
ผสานยิ้มปลื้มวางมาดเศรษฐี กองแก้วรีบเปิดประตูห้องให้ผสาน
“เชิญเลยค่ะ”
ผสานยิ้มร่ามองหาเจ้าสาว แต่ไม่เห็น เห็นเพียงเชือกสีขาวมัดรั้งไว้กับระเบียง เขากวาดตามองรอบห้องที่ว่างเปล่า แล้วเครียด
ผสาน กองแก้ว และวิรัช เห็นรามนรีใส่ชุดเจ้าสาว พยายามสตาร์ทเครื่องเรือที่จอดอยู่ในแม่น้ำ ด้านล่าง แต่ไม่ติด
“หนูเล็ก อย่าทำอย่างนี้กับผม ผมรักคุณมากนะ”
“แต่ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่เคยเต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณ”
ผสานอับอายผู้คนจนหน้าชา กำมือแน่นระงับอารมณ์
“ยัยหนู อย่าทำอย่างนี้เลยลูกพ่อขอร้อง”
“น้าก็ขอร้องเหมือนกัน กลับมา แล้วค่อยพูดค่อยจากันดีกว่านะ”
“ไม่ อะไรที่ควรพูดหนูก็พูดไปหมดแล้ว แต่ไม่มีใครฟังหนูเลย”
ผสานมองรามนรีหน้าเหี้ยม ก่อนหันไปสั่งลูกน้อง เสียงเข้ม
“เฮ้ย ไปจับผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ อย่าให้หนีไปได้ ไป”
ชายฉกรรจ์หน้าโหด 4-5 คน วิ่งออกไป ผสานเดินตามไป รามนรีเห็นชายฉกรรจ์ วิ่งกรูเข้ามา ก็พยายามสตาร์ทเรือ
“ติดสิติด ติดสักทีสิ”
“ฮ่าๆๆ ไม่ว่าจะยังไง คุณก็หนีผมไม่รอดหรอก”
“แต่ ฉันต้องรอด”
รามนรีรวบรวมกำลังเท่าที่มี สตาร์ทเรืออีกครั้ง ชายฉกรรจ์ลุยน้ำลงไปใกล้ถึง เอื้อมมือจะคว้าเรือ แต่ไม่ทันเพราะรามนรีสตาร์ทเรือได้สำเร็จ และขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผสานหัวเสีย
“โธ่เว้ย ตามไป อย่าให้หนีไปได้นะ ทุกคนเป็นพยาน ว่าผู้หญิงคนนี้เขาเป็นของฉัน ไม่ว่าจะยังไง ฉันจะต้องเอาเขากลับมาเป็นเมียฉันให้ได้”
วิรัชมองแววตาอาฆาตของผสาน รู้สึกหนักใจ เป็นห่วงรามนรีขึ้นมาทันที

ในร้านอาหารหรูบนดาดฟ้า ที่ถูกเนรมิตให้สวยงามโรแมนติก เดือนฉายนั่งอยู่ที่โต๊ะ ตรงหน้ามีน้ำพันช์ที่หมดไปครึ่งแก้วแล้ว พลางดูนาฬิกา เธอหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนหยิบโทรศัพท์กดโทรออก
“อยู่ไหนแล้วคะภูมิ เดือนมารอตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะคะ”
“ขอโทษนะครับเดือน รถติดมากจริงๆ รออีกแป๊บเดียว ผมใกล้จะถึงแล้ว”
“งั้นเดือนจะรออีกไม่เกินสิบนาทีนะคะ”
เดือนฉายวางสาย ไฟในร้านดับพรึ่บลง ไฟจากเทียน ที่ถูกเตรียมไว้ สว่างวาบขึ้นมาแทนที่ ชายในชุดสูทหล่อเนี้ยบคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้ ยื่นให้
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ครับ”
“ภูมิ ขอบคุณค่ะ”
“เป็นไง เซอร์ไพรส์ไหมครับเดือน”
“ไม่ต้องทำให้เว่อร์วังขนาดนี้ก็ได้ เดือนเป็นคนธรรมดาไม่ใช่เจ้าหญิงเสียหน่อย”
“แต่คุณคือเจ้าหญิงของผม ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคุณ เดือนครับ วันนี้ผมมีเรื่องดีๆ ที่อยากจะบอกคุณ”
“เหรอคะ เดือนก็มีเรื่องจะบอกคุณเหมือนกัน เอาเป็นว่า ภูมิบอกมาก่อนละกัน”
ภูมิล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา แล้วเปิดออก เป็นแหวนเพชรเม็ดเขื่องสะท้อนประกายไฟระยิบระยับ
“แต่งงานกับผมนะครับเดือน”
“นี่ภูมิเล่นอะไรอีกแล้ว”
ภูมิหน้าเจื่อน
“ผมจริงจัง แต่ทำไมเดือนคิดว่าผมเล่นล่ะครับ”
“ก็ที่ผ่านมาภูมิ ไม่เคยทำอะไรจริงจัง ทำจนเดือนเห็นเป็นเรื่องเล่นไปหมด”
“ก็ผมเคยบอกแล้วไง ว่าผมรักคุณ จริงจังกับคุณคนเดียว”
“ภูมิ ก่อนจะคิดจะทำอะไร ควรคิดและตัดสินใจให้ดีก่อน”
“ผมคิดดีแล้ว ผมอยากจะมี คุณอยากจะอยู่กับคุณ เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน”
“แต่เดือนว่า ภูมิยังไม่พร้อมที่จะมีใคร”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อผมมีเงิน มีพร้อมทุกอย่างที่จะบันดาลความสุขให้คุณได้”
“แต่ความสุขของเดือน ไม่ใช่เงิน เดือนต้องการความรักและความจริงใจค่ะ”
“ก็นี่ไง ทั้งตัวและหัวใจผมให้คุณคนเดียว”
เดือนฉายถอนใจ ก่อนหยิบโทรศัพท์ โชว์ภาพ

“แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง จะปฎิเสธไหม ว่านี่ไม่ใช่ภูมิ”

ภูมิมองภาพ ก่อนหน้าเหวอ ยิ้มแห้งๆ เดือนฉายลุกออกไป น้อยใจ ยืนเหม่อมองออกไปยังแสงไฟระยิบระยับด้านล่าง น้ำตารื้น ภูมิตามออกมา

“เดือน ผมขอโทษ นั่นมันก็แค่ อารมณ์ของผู้ชาย ทุกอย่างมันเป็นได้แค่ทางผ่าน”
เดือนฉายสบตาหน้าเศร้า
“เดือนก็คือหนึ่งในทางผ่านของภูมิใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่ เดือนคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักและอยากจะแต่งงานด้วย”
“มันเป็นแค่ความอยากใช่ไหม ที่ผ่านมาภูมิไม่เคยแม้แต่จะพาเดือนไปแนะนำกับครอบครัว แล้วจู่ๆ จะมาขอแต่งงาน แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง เรื่องแต่งงานมันเรื่องใหญ่ เดือนยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตร่วมกับใคร”
“แต่ผมพร้อม ผมสัญญา ว่าจะดูแลคุณไปตลอดชีวิต เดือน เราแต่งงานกันนะ”
“ภูมิคะ เดือนตัดสินใจ จะไปเรียนต่อโทที่อังกฤษเดือนหน้าค่ะ”
“ไม่นะ ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้”
“แต่นี่ มันเป็นชีวิตที่เดือนขอลิขิตเองบ้าง และอยากให้ภูมิเข้าใจ”
“ไม่ ผมไม่เข้าใจ และจะไม่ยอมเข้าใจ”
“ที่ผ่านมา มีเรื่องมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะเรื่องของภูมิ รู้ไหม ว่าเดือนต้องอดทนทำความเข้าใจกับมัน เพื่อที่จะให้เราได้รักกันต่อไป วันนี้ ถึงเวลาที่ภูมิต้องเข้าใจ ในสิ่งที่มันควรจะเป็นอย่างมีสติ”
“ก็ได้ ผมสัญญา ว่าผมจะไม่มีใคร จะรอเดือนกลับมาเป็นเจ้าสาวของผม และขอให้จำไว้ว่าเดือนคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วย”
“งั้นภูมิเก็บแหวนวงนี้ไว้ เพื่อรอคนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของภูมินะ”
ภูมิดีใจดึงตัวเดือนฉายเข้ามากอด
“ผมจะรอคุณ ตลอดไป”
เดือนฉายซบกับอกของภูมิ ครุ่นคิด
ภายในสำนักงานกฎหมายสัทธาเทพ
“อะไรนะ”
ไผทร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อฟังสิ่งที่ภูมิพูด
“เพราะแกแช่งฉัน เดือนเขาถึงได้ทิ้งฉันไปอย่างนี้”
“ยังจะมีหน้ามาโทษคนอื่น ฉันเตือนแกแล้ว แต่แกก็ไม่เคยฟัง ความฝันของผู้หญิงคือการแต่งงาน แต่ที่เขาปฎิเสธแก ก็เพราะแกมันไม่เอาไหน ยังไม่เข้าใจอีกเหรอวะ”
“ไม่เข้าใจ และไม่ว่าจะยังไง แกก็ต้องทำให้เขาเปลี่ยนใจ ไม่ไปอังกฤษให้ได้”
“แล้วทำไมไม่คุยเอาเอง”
“คุยแล้ว แต่เขาไม่ยอม ฉันก็เลยต้องตามน้ำ ต้อง เออออ ไป แกต้องช่วยฉัน”
“ขนาดแก ยังรั้งเขาไว้ไม่ได้ แล้วฉันเป็นใคร จะทำได้ยังไงล่ะ”
“ต้องทำได้สิ ในเมื่อเดือนเขาชอบคุยกับแก ไว้ใจแกมากกว่าฉันเสียอีก ไอ้ไท ฉันขอร้องให้แกทำเพื่อฉันสักครั้งนะ”
ไผทส่ายหน้าหมดปัญญา
“แกก็รู้ว่าฝันของฉัน คือการได้มีครอบครัวที่อบอุ่น และฉันก็เลือกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ คือว่าที่แม่ของลูกฉัน เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน”
“ถามใจตัวเองให้ดี ว่าสิ่งที่แกทำเพราะรักเขา หรือแค่จะเอาเขามาเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไปในวัยเด็กของแก หรือว่าแกแค่อยากเอาชนะเขา เพราะเขาไม่เคยวิ่งไล่ตามแก เหมือนผู้หญิงคนอื่น”
“เฮ้ย ความรักมันไม่ใช่การเอาชนะกัน ฉันผ่านผู้หญิงมาเยอะฉันรู้ดี”
“แต่แกก็ไม่เคยใช้ความเยอะให้เป็นประโยชน์กับรักแท้ของแกเลย”
“ต่อไป ฉันสัญญา ว่าฉันจะทำ ฉันจะรอจนกว่าเขาจะกลับมาจากอังกฤษ แล้วเราก็จะแต่งงานกันทันที”
ไผททำใจ ก่อนหันไปจับไหล่ภูมิ
“ขอให้แกจำไว้ ว่าคุณเดือน คือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตแก แกต้องสัญญากับฉัน ว่าแกจะดูแลรักษาของสิ่งนี้ให้ดีที่สุด ไม่งั้น ฉันจะเอาเรื่องแก”
“ได้ๆ ฉันสัญญา ว่าแต่แกต้องช่วยฉันนะ นะ นะ”
ไผทสบตาพยักหน้าให้ภูมิ
“เยส ขอบใจมาก แกเป็นเพื่อนรักเพื่อนแท้ คนเดียวของฉันจริงๆ”

วิรัชนั่งคอตก เพราะเป็นห่วงรามนรี กองแก้วเดินเข้ามา แอบปรายตามอง เบ้ปากใส่
“นี่คุณ หยูกยา ก็หัดหากินเองบ้างนะ อย่ามัวรอแต่คนอื่นมาทำให้ อย่าทำตัวให้เป็นภาระของคนอื่น แล้วข้าวกลางวันฉันเตรียมไว้ให้แล้ว”
“แล้วนี่คุณจะไปไหน หมู่นี้ออกถี่เหลือเกินนะ”
“ถี่แล้วไง ก็คนต้องไปทำธุระส่วนตัว นี่นา”
“ผมเครียดมาก เครียดจริงๆ เป็นห่วงยัยหนูเล็ก”
“จะไปเป็นห่วงมัน เอ๊ย เขาทำไม ในเมื่อเขาตั้งใจหนีไปเอง นี่ดีนะที่พ่อผสานเขาไม่มาถอนหงอกเอา และเอาทองคืน”
เสียงกริ่งที่หน้าประตูดัง
“คุณคะ คุณผสาน มาค่ะ”
ผ่องเข้ามารายงาน กองแก้วหน้าเหวอ
“อุ๊ยตาย รึว่าเขาจะมาถอนหงอกเราและเอาทองคืน งั้นคุณอยู่รับหน้าไป ฉันไปก่อนนะ”
กองแก้วย่องออกไป แต่ต้องชะงัก เมื่อเจอหน้าผสาน
“สวัสดีครับคุณพ่อ แล้วนั่น คุณแม่ยาย จะไปไหนเหรอครับ”
“ไม่ได้ไป คุณแม่ยายก็แค่ จะไปเตรียมน้ำเตรียมท่ามาต้อนรับน่ะค่ะ”
“ไม่ต้อง ผมมาเพื่อต้องการจะรู้ข่าวของเจ้าสาวของผม”
ผ่องเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ ยืนหลบแอบฟัง วิรัชส่ายหน้าให้ผสาน
“ผมทุกช์ใจมาก เขาไม่ยอมส่งข่าวคราวกลับมาเลย”
“งั้นไม่เป็นไร ผมมีเงิน ผมจะขออนุญาต ประกาศตามหาคนหาย และจะเป็นคนตามหารักแท้ ด้วยตัวผมเอง”
“จะดีเหรอครับ”
กองแก้วหยิกเอววิรัช
“ดีสิคะ อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลยค่ะคุณผสาน ฉันเชียร์เต็มที่”
“ป่านนี้ ไม่รู้ว่ายัยหนู จะไปอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรก็ไม่รู้”
วิรัช เศร้าใจ

รามนรีสวมแว่นแต่งตัวเชยๆ กำลังนวดแผนโบราณให้กับชายคนหนึ่ง
“ฮึบ ฮึบ”
“ดีครับดี แรงหน่อยครับ เห็นตัวเล็กๆ แต่แรงเยอะดีจัง”
“ขอบคุณค่ะ จะให้เน้นตรงไหนเป็นพิเศษ ก็บอกได้นะคะ”
รามนรีรู้สึกแปลกๆ ที่ขาอ่อน จึงหันไปมอง เห็นมือของชายคนนั้นกำลังลูบไล้ขาของเธออยู่ จึงรีบปัดมือออก เขากลับแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ แล้วยังกล้ามาจับก้นเธออีก รามนรีจึงกดลงบนจุดใกล้หว่างขาของชายคนนั้นอย่างแรง
“อ๊าก”
“เป็นไง แรงพอหรือยัง หรืออยากให้แรงกว่านี้”
ชายคนนั้นชักกระตุกตาตั้ง รามนรีจึงถูกผู้จัดการสาวใหญ่เรียกไปพบ
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม กฎข้อหนึ่งของที่นี่ ลูกค้าสำคัญที่สุดเสมอ”
“เข้าใจดีค่ะ ถ้าเขาไม่ได้ลวนลาม หนูก็ยินดีบริการอยู่แล้วค่ะ”
“เรื่องแค่นี้ หยวนได้ก็หยวนไป จะโวยวายทำไมให้เสียลูกค้า หัดดูหน้งหน้าตัวเองที่ทั้งเฉิ่มทั้งเชย ใครเขาจะไปคิดอะไรกับหล่อนได้ อย่ามโนให้มาก”
“ถึงหนูจะหน้าตาแบบนี้ หนูก็เลือกนะคะ ถ้าอีตาบ้านั้นมันไม่ลวนลาม ไม่บ้ากาม หนูจะทำอย่างนั้นไปทำไม มันทำเกินไปก่อนนี่คะ”
“โอ๊ย เถียงฉอดๆ อย่างนี้ ก็เชิญแกออกไปหางานใหม่เถอะย่ะ”
รามนรีเล่นบทโศกทันที เบะปากเหมือนจะร้องไห้ แล้วยกมือไหว้ผู้จัดการ
“พี่คะ อย่าไล่หนูออกเลยนะคะ เดือนนี้หนูยังไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องเลย”
“นั่นมันเรื่องของแก ไม่เกี่ยวกับฉัน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไป๊”
ผู้จัดการควักเงินให้สามร้อยบาท

รามนรีคว้าเงินก้อนสุดท้าย แล้วเดินคอตกออกไป

ไผทมาหาเดือนฉายที่บ้าน เจ้าของบ้านออกมาต้อนรับยิ้มแย้มให้

“สวัสดีค่ะไท วันนี้นึกยังไง ถึงได้มาหาเดือนถึงที่นี่”
“เอ่อ คือ ผม ผม”
“ภูมิ ให้มาใช่ไหมคะ”
“คือ ผมอยากให้คุณเดือนลองคิดดูอีกทีจะได้ไหม เรื่องจะไปเมืองนอก ผมไม่อยากเห็นเพื่อนรักของผมต้องเสียใจ”
เดือนฉายสบตาไผท หน้าเศร้า
“แล้วฉันล่ะคะ ฉันก็เสียใจเป็นเหมือนกันนะ”
ไผทหลบตาต่ำ
“ฉันรู้ ว่าคุณรู้จักภูมิดี และอาจจะมากกว่าฉันด้วยซ้ำ เมื่อก่อนฉันรักเขามาก รักโดยไม่มีข้อแม้ และหวังว่าจะได้รักแท้จากเขา แต่วันนี้ฉันชักไม่แน่ใจ คุณว่า รักแท้มันยังมีอยู่จริงไหมคะ”
“มีอยู่จริงสิครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะได้พบเจอกับมันไหม”
สองคนสบตาหน้าเศร้า
“หนึ่งปี ที่เดือนหายไป คงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของภูมิที่มีต่อเดือนว่ามั่นคงแค่ไหน อะไรๆ ก็อาจจะเปลี่ยนไป”
“ไม่หรอกครับ ผมไม่เคยเห็นเจ้าภูมิมันจริงจังกับใครเท่าเดือนมาก่อน คุณเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้เขาได้รู้จักรักแท้ อย่าลืมสัญญาว่าจะกลับมาเป็นเจ้าสาวของภูมินะ”
“อนาคตมันเป็นเรื่องไม่แน่นอน คนเราถ้าเป็นคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน ถ้าใช่ก็ต้องใช่ ต่อไปเดือนจะไม่คาดหวังอะไร และจะไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักกันเด็ดขาด”
“คุณเดือน อย่าพูดอย่างนี้สิ”
“มันถึงเวลาที่เราต้องพูดความจริงกันแล้วค่ะ ที่ผ่านมา เดือนขอบคุณมากนะที่ไทคอยห่วงใยมาตลอด ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างภูมิ ไม่เคยทิ้งเขาไปไหน เดือนสัญญา ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของไทตลอดไป”
ไผทยิ้มรับ แต่ยังมีรอยเศร้าอยู่ลึกๆ เพราะแอบรักข้างเดียว

รามนรีถือถุงข้าวกล่อง เดินหมดแรงมานั่งที่โต๊ะในสวนสาธารณะ ควักเงินในกระเป๋าออกมาดู
“เงินค่าแรงสามร้อย กับค่าเช่าห้องตั้งพันห้า แล้วฉันจะทำอีท่าไหนดีเนี่ย”
รามนรีมองเงินหน้าเครียด คิดอะไรไม่ออก รู้สึกท้อแท้
“กลับบ้าน เราต้องกลับบ้านไปหาพ่อ”
รามนรีเดินออกไป ก่อนหันหลังกลับมาที่เดิม
“ไม่ได้ เราต้องไม่ท้อ ต้องไม่แพ้ เราต้องอยู่ให้ได้ เราต้องกินให้อิ่ม สมองจะได้แล่น เธอจะต้องสู้ต่อไป จะแพ้ไม่ได้ นะยายนะ”
รามนรีกินข้าวกล่อง ในวันที่ต้องกลายมาเป็นคนตกยากอย่างรู้คุณค่า กินจนเกลี้ยงไม่เหลือสักเม็ด

ตอนค่ำ ภูมินอนดูตลกฝรั่ง หัวเราะลั่นห้อง ไผทเดินเข้ามา
“เฮ้ย แกดูสิ ฮามาก”
“หัวเราะซะให้พอ แล้วจะได้ร้องไห้ต่อไปเลย”
ภูมิหันขวับไปมอง รีบกดรีโมทปิดทีวี
“แก หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่า”
“ใช่ คุณเดือนไม่เปลี่ยนใจ แถมยังจะไปให้ไวกว่าเดิมอีก”
“หา เมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้า”
“ตกลง ฉันจะต้องเสียเขาไปจริงๆ เหรอนี่ โธ่ ฉันไม่น่าให้แกไปเลย”
ภูมิร้องโวยวายเสียงดังเหมือนเด็กๆ ไผทมองสังเวช

ที่บริษัทรัตนคาม ภูมินั่งคีย์คอมพิวเตอร์รัวๆ กำลังคุยกับเดือนฉายซึ่งอยู่ที่ลอนดอน เขาส่งแต่สติ๊กเกอร์คำว่า คิดถึง เต็มหน้าจอไปหมด หน้าของเดือนฉายปรากฏบนจอ
“กลับไปทำงานได้แล้วค่ะภูมิ มัวแต่คุยกับเดือน เดี๋ยวงานไม่เสร็จกันพอดี”
ภูมินั่งเท้าคางตอบกลับไปสายตาหวานเชื่อม
“งานของผมก็คือคุยกับเดือนไง”
“ไม่เอาค่ะภูมิ อย่างอแงนะคะ เดือนต้องรีบไปเรียนแล้วด้วย เดี๋ยวไม่ทัน”
“อย่าเพิ่งไปซี่ คุยต่ออีกหน่อยนะ”
เสียงของรุ่งแปร๋นเข้ามาดังมาก
“บอกว่าเข้าไปไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”
“เสียงอะไรคะภูมิ”
แพตตี้เปิดประตูโผล่เข้ามา ใส่เสื้อโชว์เนินอก กางเกงสั้นกุด
“ภูมิคะ โอ๊ย”
แพตตี้ถูกรุ่งกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว
“เข้าไปไม่ได้นะคุณ”
ภูมิตกใจ หันไปพูดกับเดือนฉาย
“ไม่มีอะไรนะครับเดือน ผมเลิกกับเขานานแล้ว”
“งั้นไปเคลียร์กับเขาให้เรียบร้อยก่อนเถอะค่ะ เดือนขอตัวนะคะ”
“เดือน เดี๋ยวก่อนสิเดือน มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
เดือนฉายกดปิด เธอหายไปจากหน้าจอ ภูมิมองหน้าจอเหนื่อยใจ ในขณะที่รุ่งกันแพตตี้ออกมา
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะเข้าไปหาคุณภูมิ”
“คุณภูมิกำลังทำงาน ห้ามรบกวนเด็ดขาด”
“แต่ฉันเป็นคนสำคัญ และมีธุระสำคัญจะคุยกับเขา เข้าใจไหม พวกขี้ข้า ปล่อย”
แพตตี้สะบัดหลุดจากรุ่ง รุ่งตามเข้าไปดึงไว้อีก
“เอ๊ะ บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”
แพตตี้กับรุ่งดึงกันไปมาชุลมุนวุ่นวาย ภูมิเข้ามาดึงแพตตี้ออก
“พอแล้วแพตตี้”
“คุณภูมิ”
“มานี่”
ภูมิดึงแพตตี้ออกไป
“ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ”
“ทำไมล่ะคะคุณภูมิ แพตตี้คิดถึง อยากเจอคุณนี่คะ ไลน์มาคุณก็ไม่ตอบ โทรก็ไม่รับสาย แพตตี้เป็นห่วงว่าคุณจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
ภูมิดึงแพตตี้เข้ามาจูบ แพตตี้อึ้งไป อ่อนระทวย
“เวลาผมทำงานจะยุ่งมาก ไม่มีเวลาคุยกับใคร ไม่อยากให้คุณเสียเวลามาที่นี่”
“แต่ว่า”
ภูมิจูบแพตตี้อีก
“จบไหม”
“คืนนี้ค่อยไปจบกันดีไหมคะ”
“งั้นคืนนี้ค่อยว่ากันอีกที ว่าจะจบ หรือไม่จบ”

สองคนส่งสายตาท้าทายให้แก่กัน

อ่านต่อหน้า 2

เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ภูมิขับรถกลับมาถึงบ้านรัตนคาม เหนื่อยหน่าย
“เฮ้อ ถึงบ้านซะที”
“ภูมิคะ”
ภูมิหน้าเหวอ เหมือนโดนผีหลอก เมื่อเห็นเอมี่มาเคาะประตูรถ
“เฮ้ย มาได้ไง”
“ทำไมเอมี่โทรหาคุณกี่ทีๆ คุณก็ไม่ยอมรับสาย”
“ผมไม่ว่างจริงๆ หมู่นี้งานยุ่งมากครับ”
“ไม่ต้องเอางานมาอ้าง เมื่อก่อนคุณมีเวลาพาเอมี่ไปไหนมาไหนทั้งวันทั้งคืน จู่ๆ จะมาบ้างานแบบนี้ เอมี่ไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นไป ผมจะทำให้คุณเชื่อเอง”
ภูมิเปิดประตูรถ เอมี่ ยิ้มดีใจ เข้าไปกอดนัวเนีย ก่อนที่จะดึงมือเข้าไปในรถขับออกไป ย่าของภูมิหน้าเหวอ บุญปลูก เภา นิด ถวิล ยืนมองเจื่อนๆ

รามนรีเดินออกมาตามถนนด้วยท่าทางอ่อนล้า
“เฮ้อ ทำไมงานมันหายากเย็นอย่างนี้นะ”
รามนรีหยิบกระดาษที่จดออกมาจากกระเป๋า พลางดูนาฬิกา
“ยังพอมีเวลาไปอีกที่ ต้องได้สักที่สิน่า”
รามนรีเก็บกระดาษใส่กระเป๋า พอเงยหน้าขึ้นก็ถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นผสานนั่งอยู่ในรถ มองสอดส่ายสายตา รามนรีจะหลบแต่หลบไม่ทัน ผสานเปิดกระจกตะโกนสุดเสียง
“คุณหนูเล็ก เจ้าสาวของผม”
รามนรีหันไปเห็นผสาน เปิดประตูรถลงมา เธอรีบวิ่งข้ามถนนหนีไปฝั่งตรงข้าม แต่แล้วก็ต้องตกใจ เพราะมีรถแล่นตรงมาจะชน
“ว้าย”
รถคันนั้นเบรกเสียงดัง รามนรีล้มฟุบลงไปบนพื้นหน้ารถ ภูมิซึ่งอยู่ในรถ ตกใจมาก รีบวิ่งลงไปดู
“คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า”
ภูมิประคองรามนรีขึ้นมา หญิงสาวกวาดตามองเห็นผสานยืนติดไฟแดงรอข้ามถนนมา เธอรีบหาทางเอาตัวรอด แกล้งเป็นลมล้มพับอาการหนักมาก เอมี่ลงจากรถลงมาดูอย่างรำคาญ เห็นว่ารามนรีทำไปเพราะมีแผน รามนรีพูดกับภูมิเสียงอ่อยๆ
“คุณคะ ช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลที ฉันไม่ไหวแล้ว”
“ได้ๆ คุณทำใจดีๆ ไว้ อย่าเป็นอะไรนะ”
ภูมิรีบข้อนร่างหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด เอมี่ทนไม่ได้
“นี่หล่อน อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำ ฉันรู้ทันแก ภูมิคะ วางมันลง มันไม่ได้เป็นอะไร นอกจากจะหลอกเรา เอาเงินให้ไปสักสี่ห้าร้อย ก็คงวิ่งปร๋อแล้วล่ะค่ะภูมิ”
“เอมี่ ทำไมคุณมองโลกในแง่ร้าย ทำไมใจร้ายอย่างนี้ ถ้าคุณไม่ช่วยเขาก็ถอยไป”
“เพราะนังสิบแปดมงกุฎนี่ ภูมิกล้าพูดกับเอมี่ขนาดนี้เลยเหรอคะ”
รามนรีปรายตามองเอมี่ ยิ้มเยาะก่อนแอบแลบลิ้นปริ้นตาใส่ พอภูมิมองมาก็ทำเป็นอาการหนัก เอมี่ถลึงตาใส่
“เป็นไง เป็นกัน วันนี้ เอมี่ไม่ยอม”
เอมี่จะดึงภูมิออกมา แต่รามนรียังกอดภูมิไว้แน่น
“อย่าเอมี่”
ภูมิผลักเอมี่ออกเบาๆ แต่เอมี่เซไปเพราะส้นสูงหัก
“อ๊าย ทำไมภูมิทำอย่างนี้กับเอมี่ เอมี่โกรธจริงๆ ด้วย”
เอมี่สะบัดหน้าใส่ภูมิ แล้วกระทืบเท้าเดินเซออกไป รามนรีหรี่ตามอง เห็นผสานกำลังวิ่งตามมา เธอรีบทำชักกระตุกอาการหนัก ภูมิตกใจ รีบอุ้มหญิงสาวไปนอนเบาะหลัง แล้วรีบบึ่งรถออกไป ผสานมองตามอย่างหงุดหงิด

ภูมิรีบบึ่งรถไปโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ รามนรีลุกมามองที่กระจกหลัง โล่งอก ตบมือเบาๆ ดีใจมากจนลืมไปว่ามีภูมิแอบมองดูอยู่ ภูมิเบรครถ จอดข้างทาง จนรามนรีหัวทิ่ม พุ่งมาชนไหล่เขา
“จะบ้ารึไง เบรกทำไมเนี่ย”
“นี่ ตกลงคุณไม่ได้เป็นอะไร คุณหลอกผมอย่างที่เอมี่ว่าใช่ไหมเนี่ย”
“ฉันไม่ได้หลอก แค่เอาตัวรอดเฉยๆ จะว่าไปฉันขอบใจคุณมากเลยนะ”
ภูมิโมโหมาก เปิดประตูรถออกมา ลากรามนรีออกมาด้วย
“นี่นายจะบ้ารึไง มาทำอย่างนี้กับผู้หญิงได้ยังไง นายเป็นผู้ชายรึเปล่าเนี่ย”
ภูมิหน้าเหี้ยม จับไหล่รามนรีจ้องหน้า
“จะลองดูไหมล่ะ จะได้รู้ว่าเป็นผู้ชายไหม”
รามนรีจ้องหน้า รู้สึกคุ้นหน้า แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน เธอยิ้มแหย ส่ายหน้า รีบแกะมือภูมิออก
“ไม่ ไม่ต้องก็ได้”
“คุณเอาเรื่องเป็นเรื่องตาย มาล้อเล่นกับผมอย่างนี้ได้ยังไง แถมยังทำให้ผู้หญิงของผมโกรธ จนหนีไป คุณนี่มันวิปริตทางอารมณ์จริงๆ”
“แรงไปไหมเนี่ย นายนั่นแหละวิปริตผิดมนุษย์ คนอะไร ชอบใช้ความรุนแรง ถอยไป ฉันจะกลับ”
“ยังกลับไม่ได้”
“ต้องได้ ถอยไป”
ภูมิดึงตัวรามนรีไว้
“ถ้าคุณไม่ขอโทษผมก่อน ก็ไม่ต้องกลับ”
“ขอโทษอะไร ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
ทั้งคู่ยื้อกันไปมา รามนรีเสยหมัดตรงไปที่เบ้าตา ภูมิร้องลั่น รีบปล่อยมือ
“นายรู้จักฉันน้อยไป ไอ้หมีแพนด้า ตาเดียว บาย”
รามนรีวิ่งหนีไป
“หือ ฝากไว้ก่อนเถอะยัยป้าหน้าแก่ สักวันฉันจะต้องเอาคืนเธอให้ได้ คอยดู”

ภูมิยืนกุมเบ้าตา ด้วยความเจ็บใจ

ที่บ้านภูมิ ย่านั่งหน้าเข้มอยู่กับบ่าวไพร่ ภูมิเดินเข้ามา เห็นทุกคนมองมาเป็นตาเดียว ก้มหน้าหลบ รีบเดินขึ้นไปที่ห้อง
“จะรีบไปไหน เห็นไหม ว่าเขาเปิดศาลไคฟง รอแกอยู่เนี่ย มานี่ เดี๋ยวนี้”
“โห คุณย่า ขอเป็นวันหลังได้ไหม วันนี้ผมเหนื่อยมากๆๆ”
อ๋อยยิ้มกริ่ม “ถ้าจะจริง คนเสียเหงื่อมาก มักจะเหนื่อย”
“ก็แหงสิ ก็ดูคู่ขาของคุณเขาสิ ทั้งอวบทั้งอึ๋ม ซะขนาดนั้น” เภาพูดตาวาว
“ใช่ ใครไม่เคยเจอความขาว ความอึ๋มไม่มีวันเข้าใจหรอก แต่ผมเข้าใจ”
เภาหันไปตบหัวถวิล สามี เสียงดัง
“บอกมา ว่าแกไปเจอมาที่ไหน ไอ้ขาวอึ๋มเนี่ย”
เภารัวมือตบตึถวิลเป็นชุด
“หยุดและจับแยกเดี๋ยวนี้”
บุญปลูกสั่ง ทุกคนรีบเข้าไปห้ามไว้ ย่าปรายตามองบุญปลูกซึ่งยื่นไม้ตะพดให้
“นี่ค่ะคุณอย่างย่า ไม้อาญาสิทธิ์”
ภูมิมองหน้าเหวอ ย่าเคาะไม้
“ตกลง จะมารึไม่มา”
ภูมิวิ่งปรู๊ด เข้ามาหาย่าเหมือนเด็กๆ
“ต่อไปนี้ ฉันขอสั่งให้หยุดพูดและทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในบ้านฉัน ไม่งั้น โดน”
“นี่ทุกคน พูดเรื่องอะไรกัน ผมไม่เข้าใจ”
ย่าฟาดไหล่ภูมิ
“ยังจะมีหน้ามาพูด ก็ใครมันพาผู้หญิงเข้ามาทำอะไรกันในบ้านกลางวันแสกๆ ไม่อายผีอายสาง เคยบอกแล้วใช่ไหม ถ้าไม่ชัวร์ไม่ใช่ตัวจริงอย่าพามาให้รกลูกกะตาฉัน”
ภูมิเพิ่งนึกได้ ยิ้มแหย ยอมจำนน ยกมือไหว้
“ผม ขอโทษนะครับคุณย่า แล้วผมก็เปล่าน้า เขามาเองจริงๆ”
“ถ้ามีอีก ฉันจะแพ่นกบาลแกด้วยตัวฉันเอง ไม่เชื่อก็ลองดู”
“ไม่ครับคุณย่า ผมเป็นคนไม่ชอบลองของ ผมขอตัวนะ”
ภูมิวิ่งปรู๊ดออกไป ย่าอมยิ้ม

ภูมิเข้ามาในบ้าน พร้อมกับกุมลูกตาที่เขียวปั้ด
“โอ๊ย วันนี้มันราหูเข้าแล้วมาเขย่าโลกหรือไงวะเนี่ย เจอแต่เรื่องทั้งวันเลย”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ทันดูหน้าจอ ภูมิรีบกดรับ
“สวัสดีครับ เดือนเหรอครับ”
สราญคุยกับภูมิจากห้องพักในโรงแรมที่อเมริกา
“เดือนแดนอะไรกัน นี่แม่เอง รอโทรศัพท์สาวอยู่ล่ะซี่”
“เปล่าครับ ก็ทุกทีไม่เห็นคุณแม่เคยโทรมา คงเที่ยวกันสนุกจนลืมผมแล้ว”
“แม่ตามพ่อแกมาทำงานนะ ไม่ได้มาเที่ยว อีกสองอาทิตย์ก็จะกลับแล้ว ได้ข่าวว่าที่ออฟฟิศเกิดเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน”
“อ๋อ ช่วงนี้มีออร์เดอร์เข้ามาล็อตใหญ่ ก็วุ่นวายหน่อยน่ะครับคุณแม่”
“วุ่นเรื่องงาน หรือเรื่องผู้หญิงกันแน่ยะ ฉันได้ยินว่ามีผู้หญิงมาร้องแรกแหกกระเชอหาแกทุกวัน”
“ก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนหล่อน่ะครับคุณแม่”
“ภูมิ แม่หาผู้หญิงไว้ให้แกแล้ว”
ภูมิหัวเราะดังลั่น เห็นเป็นเรื่องตลก
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับแม่ ผมขอสักสิบคนนะครับ”
“แม่ไม่ได้พูดเล่น พ่อกับแม่ทาบทามหนูประกายฟ้าไว้ให้แกแล้ว ทางพ่อแม่เขาก็เห็นดีเห็นงาม ที่จะยกหนูฟ้าให้แต่งงานกับแกแล้วด้วย”
ภูมิอึ้ง
“ภูมิๆ ฟังแม่อยู่ไหม”
“แต่งงาน ไม่นะครับคุณแม่ ผมไม่แต่งงาน ผมไม่เคยเจอเขา แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไง”
“ไม่ต้องห่วง อีกไม่นาน แกจะได้เจอหนูประกายฟ้า แม่ว่าแกต้องปิ๊งเขาแน่ๆ”
“ไม่นะครับ ผมมีคนที่ผมรัก และจะแต่งงานด้วยแล้ว”
“ไม่ได้ เพราะฉันจะไม่ยอมให้แกไปแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้เลือกให้เด็ดขาด”
ภูมิอ้าปากจะเถียงแต่ไม่ทัน
“แก ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น หมดเวลาคาสโนของแก และต้องหยุดทุกอย่างไว้ที่ผู้หญิงที่ฉันเลือก แกต้องเตรียมตัวเป็นฝั่งเป็นฝา เป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลของเรา ทันทีที่ถึงเมืองไทย แกเตรียมตัวแต่งงานกับหนูประกายฟ้าแบบสายฟ้าแล่บได้เลย 555 “
สราญ ยิ้มสะใจ วางสาย ไม่ให้ภูมิเถียงได้อีก
“ไม่นะคุณแม่ ยังไงผมก็ไม่แต่ง คุณแม่ๆ เฮ้อ ซวยโคตรๆ”
ภูมิวางสาย กุมขมับ เครียดมาก

ย่านั่งฟังเภาอ่านหนังสืออยู่ เภาอ่านตะกุกตะกักจนน่ารำคาญ
“พอแล้วๆ อ่านติดๆ ขัดๆ อย่างนี้เสียรสนิยายหมด ไปได้แล้วนังเภา”
“เจ้าค่ะ”
เภาออกไปจ๋อยๆ ภูมิเดินเข้ามา
“คุณย่าครับ คุณย่า”
ย่าเงยหน้าขึ้น มองลอดแว่นสายตาอย่างงุนงง
“มีอะไรตาภูมิ วิ่งมาซะหน้าตื่น แล้วนั่นตาไปโดนอะไรมา”
“ช่างมันเถอะครับคุณย่า ตอนนี้ใจผมแย่กว่าตาผมซะอีกครับ”
ภูมิเข้ามาคุกเข่าข้างย่า ซบลงกับตักอย่างประจบ
“คุณย่าต้องช่วยผมด้วยนะครับ”
“เรื่องผู้หญิงอีกล่ะซี่”
“แย่กว่านั้น เพราะคุณพ่อคุณแม่กำลังจะจับผมแต่งงานกับใครก็ไม่รู้”
“ก็ดีแล้วนี่ พ่อแม่แกคงระอากับนิสัยเจ้าชู้เพลย์บอยของแกเต็มทีแล้ว”
“ผมเลิกหมดแล้วนะครับคุณย่า แล้วตอนนี้ผมมีคนที่ผมจะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว”
“แล้ว ทำไมไม่เคยเห็นพามาให้ย่าดูตัวบ้างเลย”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่อังกฤษครับ ถ้ากลับมาเมื่อไรผมจะพามาหาคุณย่าทันที”
“โอ๊ย.อยู่ไกลขนาดนั้น ย่าว่าเดี๋ยวแกเจอคนใหม่ก็เปลี่ยนใจ”
“ไม่มีทางครับคุณย่า ผมรักและจะแต่งงานกับเดือนฉายคนเดียวเท่านั้น คุณย่าช่วยพูดกับคุณพ่อคุณแม่ให้ที ว่าเดี๋ยวนี้มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้ว”
“ย่าช่วยแกไม่ได้ เพราะย่าไม่เคยรู้จักแม่เดือนหงายของแก จะไปการันตีได้ยังไง”
“เขาชื่อเดือนฉาย ไม่ใช่เดือนหงายครับคุณย่า”
“แล้วถ้าคนที่พ่อแม่แกหามา เกิดดีกว่าแม่เดือนฉายนั่น ย่าก็หน้าแตกซิ”
“ผมรับรองครับ ว่าเดือนฉายเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด น่ารักที่สุด เก่งและเลิศเลอเพอร์เฟ็คท์สุดในสามโลกแล้วล่ะครับ คุณย่า”
“อืม ไม่ค่อยเว่อร์เลยนะหลานย่า เอาเป็น ว่าถ้าอยากจะให้ช่วย ก็ต้องไปพาเขามา ย่าถึงจะเชื่อว่าแม่คนนี้มีตัวตนอยู่จริง ไม่ใช่แกกุขึ้น เพราะยังอยากจะเป็นเสือตะครุบเหยื่อไปเรื่อยๆ”

ภูมิมองย่าอย่างอ่อนใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

คืนนั้น ภูมิโวยวายกับไผทอย่างร้อนใจ

“แกต้องช่วยฉันนะไท”
“อะไรอีกละ เดือนนี้ฉันถูกแกขอให้ช่วยหลายรอบแล้วนะ”
“แต่ครั้งนี้ของจริง ไม่งั้นฉันต้องถูกจับคลุมถุง แล้วโหม่งหัวชนกับยัยประกายฟ้า ประกายดินนั่นแน่ๆ”
“โห พูดซะน่ากลัวเชียว อะไรที่ยังไม่เกิดแกก็อย่าตีโพยตีพาย หัดใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คิดแก้ปัญหา จะได้ไหม บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่แกคิดก็ได้”
“ก็ฉันใจร้อนนี่นา และฉันจะไม่มีวันที่จะผิดสัญญากับเดือนฉาย”
ไผทตาวาบขึ้นนิดหนึ่งเพราะเห็นใจในความรักของภูมิที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“แกก็ไปให้คุณย่าช่วยสิวะ ให้ท่านช่วยพูดกับพ่อแม่แกน่าจะง่ายกว่า”
“ไปมาแล้ว แต่คุณย่าไม่เชื่อว่าเดือนฉายมีตัวตนอยู่จริง คิดว่าฉันกุขึ้นมาเพราะไม่อยากแต่งงาน ก็เลยไม่ยอมช่วยฉัน นอกเสียจากฉันจะพาเดือนมาให้ท่านดู”
ไผทครุ่นคิด ก่อนปิ๊งไอเดียอะไรบางอย่าง โพล่งออกมา
“งั้นแกก็รีบเอาคุณเดือนฉายไปแสดงตัวกับคุณย่าสิ”
“พูดเป็นเล่นไปได้ แกก็รู้ว่าเดือนเขาอยู่อังกฤษ จะมาได้ยังไง”
“แกก็หาเดือนคนใหม่ มาพบคุณย่าสิ”
ภูมิมองไผทงงๆ ไผทยิ้มเจ้าเล่ห์

หน้าบริษัทสัทธาเทพ มีป้ายรับสมัครงานอันใหญ่โต มีข้อความว่า
“รับสมัครหัวหน้าแม่บ้าน อายุ 25-28 ปี ความรู้ขั้นต่ำปริญญาตรี หน้าตาและบุคลิกดี ฉลาดรอบรู้ รักการบริการ มีความรับผิดชอบสูง อดทน มีจิตวิทยาเข้าใจผู้สูงอายุ สามารถดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจได้ดี เงินเดือนขั้นต่ำ 30,000 บาทขึ้นไป ถ้ามีประสบการณ์จะพิจารณาเป็นพิเศษ”
ผู้หญิงทั้งสาวแท้สาวเทียมทุกวัยยืนรอคิวสมัครกันอย่างล้นหลาม ยาวตั้งแต่หน้าบริษัทไปจนถึงทางเดินไกลสุดลูกหูลูกตา ไผทนั่งดูใบสมัครของหญิงสาวคนหนึ่ง ถึงกับกลืนน้ำลาย เสียงที่ถามเหมือนหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง
“เห็นคุณบอกว่ามีความสามารถพิเศษหลายอย่าง”
หญิงสาวคนนั้นแต่งตัวเซ็กซี่มาก เสื้อโชว์เนินอก กระโปรงแค่คืบ ตอบเสียงเซ็กซี่
“ใช่ค่ะ ซูซี่มีความสามารถพิเศษ ล้นหลามเลยค่ะ”
“มีอะไร บ้างครับ”
ปลายเสียงไผทสั่นเล็กน้อย ถามเกือบไม่จบประโยค ตาลุกโพลงเมื่อเห็นหญิงสาวยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง กระโปรงที่สั้นกุดเกือบเห็นอะไรต่อมิอะไร
“ต้องเล่ายาวเลยนะคะ”
“ผมมีเวลาฟังครับ”
“งั้นซูซี่ขอนั่งเล่าแบบสบายๆ กันเองได้ไหมคะ”
“เชิญครับ”
สาวเซ็กซี่ลุกขึ้นเดินบิดก้นไปนั่งตักไผท ไผทถึงกับอึ้งไป
“ตั้งแต่เกิดมา ซูซี่ก็ดูแลคุณยาย เช็ดตัวให้ท่านแบบนี้ทุกวัน”
สาวเซ็กซี่ทำท่าเช็ดตัว ลูบไล้จนไผทเคลิ้ม

สาวคราวยายคนหนึ่งแต่แต่งตัววัยรุ่นเด็กแนวมาก ย้อมผมสีทอง ซอยผมทรงเกาหลี ใส่แว่นดำ เสื้อยืดผ้าบางๆ ย้วยๆ สกรีนลายวงร็อค กางเกงยีนส์ขาเดฟฟิตเปรี๊ยะ ไผทมองจ้อง
“ช่วยถอดแว่นหน่อยได้ไหมครับ”
สาวพูดสำเนียงกระเง้ากระงอดแบบวัยรุ่น
“ต้องถอดด้วยเหรอค้า”
“ถอดดีกว่าครับ จะได้เห็นหน้าชัดๆ”
“ได๋ค่า”
สาวถอดแว่นออกมา ไผทถึงกับตะลึง เธอเขียนขอบตาเฉี่ยวแบบเกาหลีและใส่บิ๊กอาย แต่ดูน่ากลัวมากกว่า ไผทก้มลงดูใบสมัครแล้วเงยหน้ามองหญิงสาวอย่างไม่แน่ใจ
“คุณ กรอกในใบสมัครว่าอายุ 25”
“ใช่ค่ะ”
“เอ่อ ขอโทษนะครับที่ต้องพูดตรงๆ หน้าตาคุณล้ำกว่าอายุเยอะเลยนะครับ”
“แม่บอกว่าเจนนี่เป็นผู้ใหญ่เกินวัยค่ะ”
“แก่กว่าวัยมากกว่า”
“อะไรนะคะ”
“เอ่อ ทำไมในสำเนาบัตรประชาชนของคุณเขียนว่าเกิด พ.ศ. 2509”
“หืม ไม่จริง เขาต้องเขียน พ.ศ.ของเจนนี่ผิดแน่ๆ เจนนี่เกิด 2529 ต่างหากล่ะคะ เชื่อเจนนี่นะคะพี่ขา”
สาวทำปากจู๋แบบวัยรุ่น ตาปริบๆ แบ๊วๆ ไผทถึงกับกุมขมับ

สาวรายหนึ่งย่อตัวไหว้อย่างสวยงามราวกับนางสาวไทยดูสมบูรณ์แบบมาก ไผทถึงกับตะลึง มองอย่างพอใจ คิดว่าคงได้คนก็คราวนี้
“คุณอรุณวิไล ความสามารถของคุณตรงกับที่เราต้องการทุกอย่าง ทั้งบุคลิกดี ความรู้ปริญญาโท เคยทำงานพยาบาลผู้ป่วยโรคหัวใจมาก่อน เคยดูแลเรื่องอาหารการกินที่บ้านพักคนชราด้วย เอกสารรับรองครบถ้วนทุกอย่าง ขาดแต่เรื่อง ชอบเย็บปักถักร้อย”
สาวคนนั้นรีบหยิบโครเชต์จากกระเป๋ามาถักให้ ไผทดูอย่างคล่องแคล่ว ไผทถึงกับทึ่ง
“งั้นพรุ่งนี้คุณกลับมาที่นี่อีกครั้งนะครับ ผมจะให้คุณพบกับนายจ้างตัวจริง”
สาวคนนั้นพูดออกมา ปรากฏว่าเป็นเสียงห้าวแบบสาวเทียม
“อ๊าย ว้าย น้ำหวานได้งานแล้วเหรอคะ ขอบคุณค่ะ”
สาวปรี่เข้าไปหอมแก้มไผทซ้ายขวา ไผทถึงกับผงะ

รามนรีหอบเอกสารสมัครงานกลับมาที่ห้องเช่าด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน มองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใครแล้ว จึงรีบขึ้นบันได ผู้ชายคนหนึ่งออกจากมุมมืดตามขึ้นไป รามนรีกำลังจะเปิดประตูห้องพัก แต่หวังเอามือเข้ามาขวาง
“เดี๋ยวก่อน”
รามนรีตกใจ พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มแหย
“พี่หวังนี่เอง”
“ทำไมน้องยังไม่ย้ายออกไปอีก”
“หนูขอเวลาอีกเดือนนะคะพี่ หนูเพิ่งได้งาน เดี๋ยวเงินเดือนออก หนูจะรีบเอามาให้ทันทีเลย”
“ไม่ได้ มีคนจะมาเช่าต่อแล้ว ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ย้ายออกไป”
“หนูขอร้องล่ะค่ะ ช่วยหนูด้วยเถอะ จะให้หนูทำยังไงก็ได้ หนูช่วยทำความสะอาดหอพักก็ได้นะคะ หรือจะให้ช่วยอย่างอื่น”
หวังมองหญิงสาวหัวจรดเท้าด้วยสายตาสำรวจแบบลวนลาม รามนรีมองกลัวๆ
“ช่วยอย่างอื่นเหรอ ก็ได้ งั้นคืนนี้เรามาเล่นจ้ำจี้ เพื่อใช้หนี้แทนค่าเช่านะ”
หวังเชยคางรามนรี เธอกำมือแน่นระงับอารมณ์ มองหวังนิ่ง หวังนึกว่าหญิงสาวยอมแล้ว จึงเอามือเท้าผนังกันเธอไว้ อีกมือจะหมุนลูกบิดประตูห้องให้เปิด รามนรีอาศัยจังหวะนั้นเตะเป้าของหวังอย่างแรงจนหวังทรุดลงไป
“นี่แน่ะ เอาค่าเช่าเป้าระเบิดของแกไป”
ยายรีบวิ่งเข้าห้องแล้วล็อคประตู หวังนอนกุมเป้าหน้าเขียวหน้าเหลือง

เช้าวันรุ่งขึ้น รามนรีเก็บของใส่กระเป๋าย้ายออกจากบ้านเช่า เดินท่อมๆ มาตามทาง แล้วนั่งลงที่ป้าย
รถเมล์อย่างเหนื่อยล้า
“เฮ้อ คืนนี้จะไปนอนที่ไหนล่ะเนี่ย เงินก็ไม่เหลือสักบาท”
รามนรีเหลือบไปเห็นใบประกาศรับสมัครงานติดไว้ที่ข้างเสา เพ่งมองข้อความ
“รับสมัครหญิงสาวสอายุ 25-28 ปี ความรู้ขั้นต่ำปริญญาตรี หน้าตาและบุคลิกดี ฉลาดรอบรู้ รักการบริการ มีความรับผิดชอบสูง อดทน มีจิตวิทยาเข้าใจผู้สูงอายุ สามารถดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจได้ดี เงินเดือนขั้นต่ำ 30,000 บาทขึ้นไป ถ้ามีประสบการณ์จะพิจารณาเป็นพิเศษ เฮ้ย อย่างนี้ เราก็พอมีหวังน่ะสิ”

รามนรีดูมีความหวังขึ้นมาทันที

ตกตอนเย็น รามนรีเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวในชุดเชยๆ และทำทรงผมเกล้ามวยเหมือนคนแก่ วิ่งกระหืดกระหอบมาถึง เหมียวเอาป้ายออกพอดี เธอรีบเข้าไปจับไว้

“เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว ขอสมัครด้วยคนนะคะ”
“เสียใจด้วยค่ะ เราปิดรับสมัครแล้ว”
“ขอฉันอีกแค่คนเดียวนะคะ ฉันมีคุณสมบัติตรงกับที่ต้องการ ชอบดูแลคนแก่ รักงานบริการ อดทน แถมยังนวดเก่งอีกด้วยค่ะ”
รามนรีชะงักกึก เมื่อเห็นภูมิคนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เธอจำเขาได้ รีบเบือนหน้าหลบ เหมียวรีบเข้าไปบอกกับภูมิ
“คุณไผทรออยู่พอดีเลยค่ะ เชิญค่ะ”
ภูมินิ่วหน้ามองรามนรีอย่างคุ้นหน้า หญิงสาวใช้เหมียวบังตัวเอง ภูมิเอี้ยวหน้ามอง รามนรีก็หลบไปอีกทาง ภูมิเลิกสนใจ เหมียวนำภูมิไป รามนรีรีบก้มหน้างุดออกไปนอกตึกทันที

ภายในห้องทำงานไผท ลดาปิดปากตัวเอง ดีใจมาก
“อะไรนะคะ ลดาได้งานแล้วเหรอคะ จริงเหรอคะ คุณอย่าหลอกลดานะคะ”
“คุณได้งานนี้จริงๆ ครับ”
ลดาถึงกับน้ำตาไหล ราวกับได้มงกุฎนางงาม
“คุณช่างดีกับลดาจริงๆ คุณชุบชีวิตลดาขึ้นมาอีกครั้ง ขอบพระคุณค่ะ”
ลดาย่อตัวไหว้อย่างสวยงาม
“สมกับเป็นกุลสตรีจริงๆ งั้นเดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณพบกับนายจ้างโดยตรงของคุณเลยนะครับ คุณภูมิ รัตนบดินทร์”
ไผทผายมือไปทางด้านหลังห้อง ภูมิก้าวออกมาแบบเท่ๆ ลดามองตะลึง
“คุณ คุณภูมิ รัตนบดินทร์.แอบได้ยินข่าวกอสซิบ บ๊อยบ่อยนะคะ คาสนาโว่โฮไซ”
ภูมิกับไผทช่วยแก้ให้ พร้อมกัน
“คาสโนว่าไฮโซ”
“ใช่จริงๆ ด้วย คาสโนว่าโฮไซ ตัวจริงเสียงจริง อ๊าย”
ลดากรีดร้องออกมาเหมือนร้องโอเปร่า หลังจากนั้นก็ตาเหลือก แล้วเป็นลมล้มฟุบลงไป ภูมิกับไผทตกใจมาก รีบแจ้งรถพยาบาลมารับตัวไป
“ท่าทางอาการหนัก สงสัยต้องรับสมัครคนใหม่อีกแล้วว่ะ”
“เฮ้ยไม่ได้ กว่าจะได้คนใหม่พ่อแม่ฉันก็กลับมาพอดี”
“งั้นแกจะให้ฉันทำยังไง”
“เรียกคนที่แกคัดออกไปกลับมาสิ”
“ไอ้คนที่ตกรอบไม่เข้าข่ายสักคน คนนี้แหละเพอร์เฟ็คท์ที่สุดแล้ว”
“นี่เหรอเพอร์เฟ็คท์ของแก เจอเรื่องแค่นี้ยังตกใจจนเป็นลม ถ้าไปเจอคุณหญิงย่า แล้วเจอคุณแม่ฉันอีก ไม่ลมจับวันละสิบรอบเหรอวะ”
ทั้งสองมองหน้ากัน มืดแปดด้าน

ไผทออกมาส่งภูมิที่รถ ซึ่งจอดอยู่หน้าบริษัท
“ยังไงแกกลับไปก่อนนะ ถ้าฉันคิดอะไรออกแล้วจะโทรบอกแกอีกที”
“เร็วๆ นะไท ไม่งั้นมีหวังฉันต้องถูกจับแต่งงานแน่ๆ”
ภูมิขึ้นรถขับออกไป ไผทเดินจะกลับเข้าบริษัท รามนรีนั่งกุมขมับเซ็งๆ อยู่กับขอบฟุตบาทหน้าบริษัท เสียงโทรศัพท์ดัง ไผทหยิบโทรศัพท์ที่เหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมา มีเงินแบงค์พันร่วงตามมาที่พื้นด้วย รามนรีเห็นไผททำเงินร่วง รีบตะโกนเรียก
“คุณคะ เงินคุณหล่นค่ะ”
ไผทกดรับโทรศัพท์แล้วเดินหายเข้าไปในออฟฟิศ รามนรีลุกขึ้นมาหยิบเงิน มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร ไผทกลับเข้ามาที่บริษัท บอกกับเหมียว
“พรุ่งนี้คุณเรียกผู้สมัครที่ผ่านรอบสุดท้ายกลับเข้ามานะ”
“ค่ะคุณไท”
ไผทกำลังจะเข้าลิฟท์ เสียงรามนรีดังขึ้น
“เดี๋ยวค่ะคุณ เดี๋ยวก่อน”
ไผทชะงักหันไป เห็นเหมียวเข้าไปกันรามนรีไว้
“เข้าไปไม่ได้นะคะ”
“ฉันไม่เข้าไปก็ได้ แต่รบกวนให้คุณช่วยเอาเงินนี่ไปคืนคุณผู้ชายคนนั้นด้วยนะคะ เขาทำหล่นไว้นะค่ะ”“คุณเป็นคนดีที่น่าชื่นชม คนอย่างนี้ที่สังคมกำลังต้องการ”
“ฉันก็แค่เก็บได้ แล้วของนี้ก็ไม่ใช่ของๆ เรา ยังไงก็ต้องเอามาคืนค่ะ”
รามนรียื่นเงินให้เหมียว แล้วหันกลับออกไป ลิฟท์เปิดออกอีกที ไผทรีบออกมา
“เดี๋ยวก่อนครับคุณ”
รามนรีชะงัก มองไผทอย่างงงๆ ไผทพารามนรีมาที่ห้องทำงานของเขา เห็นใบสมัครก็ตกใจ
“คุณยาย ม่านแก้ว คุณชื่อนี้จริงๆ เหรอ”
“ชื่อนี้มาตั้งแต่เกิดค่ะ”
“อายุ 25”
“ค่ะ”
ไผทมองรามนรีหัวจรดเท้าด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ก่อนเดินวนรอบตัว หญิงสาวหวั่นๆ
“คุณบอกว่าจบปริญญาตรี เคยมีประสบการณ์ดูแลคนป่วยโรคหัวใจ เคยเป็นแม่บ้าน แต่ทำไมไม่มีเอกสารอะไรมาแสดงเลยสักอย่าง”
รามนรีกลอกตาไปมาคิดแผน แล้วแกล้งปล่อยโฮออกมา
“ฮือๆ เมื่อวันก่อนบ้านดิฉันโดนไฟไหม้วอดไปทั้งหลัง หลักฐานทุกอย่างถูกไฟไหม้ไปหมดเลย ตอนนี้ฉันหมดตัว จะมีก็แต่ลมหายใจ ที่เอาไว้สู้ต่อ”
ไผทมองหญิงสาวด้วยความสงสาร และเห็นใจ
“คุณเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก ผมขอเป็นกำลังใจให้ อย่าท้อนะครับ ผมยินดีที่จะพิจารณาเรื่องงาน แต่คุณต้องพิสูจน์ว่าคุณมีคุณสมบัติตรงกับที่เราต้องการ”
รามนรีเปิดกระเป๋าควักเอาตำราอาหารออกมา
“ดิฉันทำอาหารเป็นนะคะ นี่เป็นตำราอาหารที่หยิบออกมาทันตอนไฟไหม้บ้าน มีทั้งอาหารฝรั่ง อาหารจีน อาหารไทย อาหารอินเดียก็ได้นะคะ”
รามนรีหยิบสากออกมา
“ตำส้มตำก็เป็น จะให้เจียวไข่ หั่นผักสับหมู หั่นเนื้อ หรือหั่นอะไรก็ได้หมด”
ไผทถอยออกมาจากรามนรีอย่างหวาดๆ
“เราไม่ได้จ้างคุณมาเป็นแม่ครัวนะครับ เราจ้างมาช่วยดูแลคนแก่อายุ 70”
“ได้เลยค่ะ ฉันเข้ากับคนแก่ได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ แถมยังบีบจับเส้น และนวดเก่งอีกต่างหาก มาค่ะถ้าไม่เชื่อ จะนวดให้ดู”
รามนรีทำท่าจะเข้าไปนวดให้ไผท แต่เขาลุกขึ้นเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร รบกวนรอสักครู่นะครับ”
ไผทรีบออกไปนอกห้อง รามนรีมองลุ้น

ภูมิขับรถสปอร์ตหรู เปิดเพลง ลอยหน้าลอยตา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“หา ว่าไงนะ จริงเหรอ ได้ ได้ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

ภูมิดีใจ เบรกรถเสียงดัง แล้วปาดเลนกลับรถไปทันที

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น