เจ้านาง ตอนที่ 4
ปิ่นเมืองตกใจละล้าละลัง
“ทำไมไอ้พวกดั้งขอมันถึงบุกมาเร็วนัก ข้าหาตั้งตัวทันไม่”
“เจ้านางจะไปที่คุ้มหลวงมั้ยเจ้าข้า ที่นั่นมีทหารมากมายน่าจะคุ้มกันข้าเจ้ากับเจ้านางได้..ไปกันเถอะเจ้าข้า” ฟองว่า
“อีฟอง เอ็งคิดว่าไอ้พวกดั้งขอมันจะไว้ชีวิตเอ็งรึ ช่วยข้าขนกำปั่นสมบัติหนีไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า” ปิ่นเมืองบอก
“สมบัติ จริงสิเจ้าข้า เจ้านางอย่าทิ้งข้าเจ้าสองคนนะเจ้าข้า”
“ใช่ๆ ข้าสองคนจะจงรักภักดีต่อเจ้านางไปตลอดเลยเจ้าข้า” ฟองรับคำ
ปิ่นเมืองเร่งฝีเท้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปสั่งข้าไทคนสนิทที่ช่วยกันแบกกำปั่นสมบัติมาอย่างทุลักทุเล
“เร็วๆ เข้า ชักช้านัก”
ปิ่นเมืองตกใจ เธอเห็นหลังของละอองคำ
“อี ละอองคำ นี่เอ็งยังไม่ได้ถูกเผาเป็นผีรึ”
ละอองคำหันมาในสภาพเลือดเลอะปาก ไส้ทหารยังค้างอยู่ริมฝีปาก ดวงตาละอองคำวาว ร่างไร้วิญญาณของทหารนอนตายอยู่เบื้องหน้า
ปิ่นเมืองร้องลั่น “ว้าย”
ฟองกับฝนผงะทิ้งกำปั่นสมบัติ “ผะ ผี”
ละอองคำยืนขึ้นหันมาเช็ดเลือดที่เลอะปาก
ปิ่นเมืองถอยหลังกรูดฝนร้องออกมา
“แท้แท้ อีละอองคำคงตายไปเป็นผีแล้วเจ้าข้า ฮือๆ ข้าเจ้ากลัว เจ้านางช่วยข้าเจ้าด้วย”
ละอองคำพูด “พวกเจ้าต้องสังเวยชีวิตให้ผีเจ้าของข้า”
ละอองคำหัวเราะน่ากลัว เงาร่างของผีหญิงชราวูบใส่ปิ่นเมือง ปิ่นเมืองหวีดร้องแล้วล้มลงไป ฟองกับฝนวิ่งหนี ลมพัดแรงฟ้าครึ้ม ผีหญิงชราปรากฏเป็นกายหยาบแล้วชี้มือไปที่ฟองกับฝน สรวยดอกพุ่งอย่างเร็ว ปักเข้าไปที่คอฟองแล้วพุ่งใส่ท้องของฝน ทั้งสองคนล้มลงตายอนาถ ปิ่นเมืองกระถดร่างหนี ละอองคำเดินเข้าหา
“เมื่อเจ้าอยากให้ข้าเลี้ยงผี ข้าก็จะเลี้ยง ผีของข้าไม่ปรานีเจ้าดอก อีปิ่นเมือง” ละอองคำหัวเราะแล้วพูดเสียงดัง “ข้าขอสังเวยชีวิตมันให้ผีเจ้า”
ฟ้าร้องแล้วผ่าเปรี้ยง ปิ่นเมืองบีบคอตัวเองอย่างแรงในสภาพตาเหลือกลาน เลือดสดๆ ไหลย้อยที่มุมปากแล้วทะลักออกมา
เจ้าไทประคองราบฟ้าลงจากคุ้มหลวง เสียงปืนดังมา ทหารกับข้าไทหนีตายกันจ้าละหวั่น
เจ้าฟ้าเมืองนายประกาศิตเสียงดังเจ้าฟ้า
“อพยพผู้คนออกจากเมืองนาย แล้วเราจะกลับมากอบกู้แผ่นดินกันใหม่”
“รีบเสด็จหนีเถิดพระเจ้าข้า” เจ้าไทบอก
“ไปดูแลราบฟ้าเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”
เจ้าไทอีกคนประคองราบฟ้า แต่ราบฟ้าสะบัด
“ปล่อย ข้าจะไปหาละอองคำ”
“อย่าเสด็จไปพระเจ้าข้า อันตราย”
ราบฟ้าเงื้อดาบสะหรีกัญไชยที่ถือติดมาด้วย เจ้าไทและทหารหลบวูบ
“ราบฟ้า อย่า”
ราบฟ้าชี้ดาบขู่
“ผู้ใดขวางข้า ข้าจะไม่ไว้ชีวิต ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะมีละอองคำไปด้วย”
“ละอองคำมันตายแล้ว ราบฟ้า เชื่อพ่อสิ”
“ไม่ ถ้าแม้นละอองคำตาย ข้าก็จะเอาเถ้ากระดูกนางไปด้วย หลีกไป”
ราบฟ้าถือดาบขู่แล้วก้าวไป ทุกคนได้แต่มองดู
“ผีหลวงเมืองนายคุ้มครองลูกข้าด้วย”
พูดจบเจ้าฟ้าก็เหลียวมองไปด้านในแล้วรีบเดินเข้าไปข้างในทันที
เจ้าฟ้ามองที่หิ้งผีก็เห็นห่อผ้าขาววางอยู่ เจ้าฟ้ายกมือไหว้
“ปู่ย่าหนีไปกับข้าเถิด ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทิ้งผีปู่ย่าไปที่ใด”
เจ้าฟ้าหยิบห่อผ้าขาวมา เจ้าไทเข้ามายกมือไหว้
“รีบเสด็จเถิดเจ้าข้า”
ละอองคำเข้ามาในคุ้ม รุ้งแก้วดีใจ
“เจ้าพี่”
รุ้งแก้วโผเข้ากอด ละอองคำปลอบใจ
“ไม่ต้องกลัว น้องพี่ พี่กลับมาแล้ว”
รุ้งแก้วมองหน้าละอองคำก็เห็นสีหน้าอิ่มเอิบ
“ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าพี่จะงามขึ้น ผิวพรรณเปล่งปลั่งผิดตา” รุ้งแก้วบอก
“คนรอดตายมาก็ต้องดีใจ เรารีบหนีกันเถิดรุ้งแก้ว เมืองนายแตกแล้ว”
“จะหนีไปที่ใดเจ้าข้า”
ละอองคำมองออกไปก่อนตอบด้วยเสียงมั่นใจ
“ผีเจ้าต้องนำพาเราสองคนไปสู่ที่ดีๆ เชื่อพี่สิ”
รุ้งแก้วมองละอองคำแล้วก็อึ้งไป
ราบฟ้าถือดาบสะหรีกัญไชยวิ่งมา ทหารดั้งขอออกมาจากที่ซ่อนยิงใส่ราบฟ้า แต่ราบฟ้า
หันมาเผชิญหน้า
“ถือว่ามีปืนไฟจึงคิดเอาแผ่นดินของคนอื่นไปเป็นของตัว อย่าหมายเลยว่าข้าจะยอม”
ราบฟ้าถือดาบจังก้า ทหารดั้งขอยิงกระหน่ำใส่ราบฟ้า ร่างของราบฟ้าทรุดลงแล้วฟุบกับแผ่นดิน
ทหารดั้งขอก้าวไป บางคนก้าวข้ามร่างของราบฟ้า เสี้ยวหน้าของราบฟ้าซบอยู่กับดิน
“ละอองคำน้องพี่”
ละอองคำกับรุ้งแก้วลงบันไดมา พลันนกตัวหนึ่งตกลงมาตายต่อหน้า
“ว้าย เจ้าพี่ ข้ากลัวว่าจะเป็นลางไม่ดี”
ละอองคำหยิบนกขึ้นมาดูก็เห็นว่านกตายไปแล้ว
“เจ้าพี่ รุ้งแก้วไปรอพี่ที่ท่าน้ำนะ เราจะขอนั่งเรือของพวกพ่อค้าล่องแม่น้ำลงใต้ไปตายเอาดาบหน้า”
“แล้วเจ้าพี่จะไปที่ใด” รุ้งแก้วถาม
ละอองคำยื่นมือไปขอตะกร้าจากรุ้งแก้ว
“เอามาให้พี่”
สรวยดอกวางอยู่ในตะกร้า ละอองคำก้าวไป
ราบฟ้านอนซบหน้ากับแผ่นดิน เลือดไหลนองที่พื้น ละอองคำก้าวมาแล้วมองเห็นร่างของราบฟ้า
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ เจ้าพี่”
ละอองคำประคองร่างของราบฟ้าแล้วเขย่าตัว
“เจ้าพี่ นี่ข้าเอง ละอองคำ พูดกับข้าสิ เจ้าพี่ต้องไม่ตายนะเจ้าพี่ต้องไปกับข้า เราจะไปครองรักกัน จะไม่มีใครพรากเราจากกันอีก เจ้าพี่”
ราบฟ้าค่อย ๆ ขยับเปลือกตา ละอองคำเม้มปากแล้วยิ้มดีใจ น้ำตาของเธอไหลลงสู่ใบหน้าของราบฟ้า ราบฟ้ายกมือสั่นๆ ละอองคำร้องไห้แล้วเอามือของราบฟ้าแนบกับแก้มของตน
“น้องพี่” ราบฟ้าเรียก
“เจ้าพี่ ทำใจดีๆนะเจ้าคะ” ละอองคำบอก
“พี่รักเจ้า ละ ออง คำ”
ราบฟ้าแน่นิ่งไป ละอองคำปล่อยโฮแล้วมองไปรอบๆ
“ผีเจ้า ทำไมไม่ช่วยเจ้าพี่ ทำไม ฮือๆๆ”
เสียงผีเจ้าดังขึ้น “รีบไปเถิด รีบไปจากที่นี่”
ละอองคำร้องไห้แล้วเหลียวมองหาเสียงผีเจ้าแล้วกอดราบฟ้า
“เจ้าพี่ ฮือๆ”
ผีเจ้าตวาด “ข้าบอกให้เจ้ารีบไปจากที่นี่”
ละอองคำอึ้งไป
เจ้าฟ้าถือห่อผ้าขาวที่ใส่กระดูกผีปู่ย่าอยู่ เจ้าไทและขุนนาง
ทหารบางส่วนคอยอารักขา รุ้งแก้ววิ่งมาพร้อมห่อผ้าเล็กสีขาวเช่นกัน
“รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วทรุดตัวลงร้องไห้ “ข้ากลัว เจ้าพ่อ”
“ไม่ต้องกลัว พ่อจะอยู่ข้างเจ้า รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วมองพ่อทั้งน้ำตา“เห็นเจ้าพี่ละอองคำบางมั้ยเจ้าข้า เจ้าพี่สั่งให้ข้ามารอที่นี่”
“คนชั่วอย่างมัน คงหนีเอาตัวรอดแล้วละ”
ละอองคำเดินเข้ามาพอดี เธอก้าวเดินเชิดหน้า
“มาโน่นแล้วเจ้าข้า” เจ้าไทบอก
ทุกคนหันไปมองที่ละอองคำกำลังก้าวเข้ามา
รุ้งแก้วยิ้ม “เจ้าพี่”
ละอองคำเห็นห่อผีปู่ย่าในมือของเจ้าฟ้า และห่อผ้าเล็กๆ สีขาวของรุ้งแก้ว
“รุ้งแก้ว ทิ้งผีเดี๋ยวนี้”
รุ้งแก้วตกใจแล้วจับห่อผ้าแนบกับอกแน่นพลางส่ายหน้า
“เจ้าพี่จะให้ข้าทิ้งผีปู่ย่าได้อย่างใดกัน”
เจ้าฟ้าชี้หน้าละอองคำ
“อกตัญญู เมืองนายอยู่ดีมีสุข ก็เพราะผีปู่ย่าคอยช่วยเหลือเราอยู่”
ละอองคำหัวเราะหยัน “แล้วทำให้ไอ้พวกดั้งขอมันยอมแพ้ได้มั้ยล่ะ เอามานี่รุ้งแก้ว”
ละอองคำแย่งห่อผ้าขาวของรุ้งแก้วมาได้
“เจ้าพี่ อย่าทำอะไรผีปู่ย่านะเจ้าข้า”
ละอองคำเงื้อขึ้นจะขว้างลงแม่น้ำเจ้าฟ้าเตือน “อย่านะละอองคำ อย่าเนรคุณต่อปู่ย่า”
“ก็ในเมื่อผีปู่ย่าช่วยเหลือเราไม่ได้ เจ้าพ่อจะนับถือไปอีกทำไมกัน เอามานี่”
ละอองคำยื้อแย่งห่อผ้าในมือเจ้าฟ้าแล้วก็แย่งได้สำเร็จ ละอองคำขว้างสุดแรงเกิดทิ้งไปในแม่น้ำ
“ละอองคำ”
ละอองคำหันมาพูดเสียงดังใส่หน้าพ่อ
“ก็แค่กระดูกคนตาย เจ้าพ่อจะอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา”
เจ้าฟ้าตบหน้าละอองคำอย่างแรง รุ้งแก้วที่อยู่ด้านหลังน้ำตาไหลพราก ละอองคำกระชากห่อผ้าในมือของเจ้าฟ้ามาได้ก็ขว้างไปในแม่น้ำ
“ถ้าเลี้ยงแล้วไม่ช่วยก็อย่าอยู่เลย”
“ละอองคำ อีเนรคุณ อกตัญญู ต่อแต่นี้ไป ชีวิตเจ้าจะไม่มีวันมีความสุข”
เจ้าฟ้าชี้หน้าด่าแล้วเจ็บหน้าอกจนงอตัว ทหารตกใจ
“เจ้าฟ้า”
เจ้าไทประคองไปนั่งที่โขดหินใกล้ๆ เจ้าฟ้าหน้านิ่วแล้วก็ล้มลงเพรราะสิ้นพระชนม์รุ้งแก้วร้องไห้ “เจ้าพ่อ ฮือๆๆ”
ดวงจันทร์ส่องสกาวอยู่บนฟ้า เสียงหวูดเรือกลไฟดังมา ละอองคำกับรุ้งแก้วยืนอยู่หัวเรือ สีหน้าเศร้าทั้งสองคน
“ไปนอนก่อนเถิด พี่ขอรับลมเย็นๆ อีกประเดี๋ยวพี่จะตามเข้าไปนอนกับเจ้า”
“อย่าช้านะเจ้าพี่ ข้ากลัว”
“ไม่มีใครทำอะไรน้องพี่ได้ดอก”
รุ้งแก้วยิ้ม เธอนอนในส่วนที่กั้นเป็นห้องไว้ รุ้งแก้วก้าวเข้ามาก็ถูกมือลึกลับปิดปาก รุ้งแก้วดิ้นรนจะร้องแต่ก็ร้องไม่ได้
“สวยๆ อย่างนี้เป็นเมียพี่เถอะ รับรองว่าจะเลี้ยงดูไม่ให้อดอยากเลย”
พ่อค้าหื่นจะลวนลาม รุ้งแก้วตัวสั่น พลันสรวยดอกก็ปรากฏขึ้น ลอยวนอยู่ตรงหน้าพ่อค้า
พ่อค้างง “เฮ้ยอะไรวะ”
ละอองคำเดินกลับมาพอดีก็เห็นพ่อค้าอุดปากรุ้งแก้วอยู่
“เจ้าจะทำอะไรน้องข้า ผีเจ้า ข้าขอสังเวยชีวิตทุกคนในเรือแก่ผีเจ้า”
เงาดำวูบวาบพุ่งเข้าใส่ทหาร พวกทหารต่างกลิ้งและวิ่งหนีจนเรือโคลง พ่อค้าตกใจ ใช้ดาบฟันสรวยดอก รุ้งแก้ววิ่งมาหาละอองคำ
“คิดว่าข้ากลัวรึ” พ่อค้าว่า
พ่อค้าไล่เอาดาบฟัน สรวยดอกลอยไปหาบรรดาลูกน้อง พ่อค้าใช้ดาบฟันสรวยดอก แต่ปรากฏว่าฟันโดนลูกน้องซึ่งหนีตายกันโกลาหล
ลูกน้องล้มตาย กลิ้งตกน้ำ บ้างก็กระโดดน้ำหนีตาย พ่อค้าตกใจก็เห็นลูกน้องนอนตายกันหลายคน ตวัดสายตาไปทางละอองคำกับรุ้งแก้ว
“เลี้ยงผีเหรอ” พ่อค้าถาม
“รังแกน้องข้าก่อนนี่ ผีเจ้าไม่เอาชีวิตเจ้าไว้ดอก”
พ่อค้าเห็นสรวยดอกพุ่งเข้าใส่ตนแล้วก็กลายร่างเป็นหญิงชราที่วูบเข้ามาจนประชิดหน้า พ่อค้าตกใจ หนีถอยหลังล้มลง แล้วกลิ้งตกลงไปในน้ำ รุ้งแก้วตกใจปิดหน้า
“เจ้าพี่ ข้ากลัว”
เสียงของละอองคำดังมาก่อนตัว
“กลัวทำไม ในเมื่อมีเราสมบัติมากมาย”
ละอองคำหยิบทองคำและเพชรนิลจินดาจากกำปั่นมาดูด้วยสายตาชื่นชม
“เราจะใช้มันเลี้ยงชีวิตของเรา”
“เจ้าพี่ เราจะไปที่ใดกัน” รุ้งแก้วว่า
แสงทองจับขอบฟ้า พระปรางค์วัดอรุณฯ สมัย ร. 7 เด่นงามจับตา
บริเวณวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง ละอองคำและรุ้งแก้ว ยืนมองภาพความงามเหล่านี้จากจากในเรือ
“สยามงามเหลือเกินเจ้าพี่ ไม่ผิดที่เจ้าพี่ราบฟ้าเคยเอ่ยถึง”
“พอเถอะรุ้งแก้ว ต่อจากนี้ จะไม่มีราบฟ้า ไม่มีเมืองนาย อย่าเพ้อพกให้พี่ได้ยินอีก”
รุ้งแก้วหน้าสลด ชายตามองละอองคำ
“เจ้าค่ะ เจ้าพี่”
ละอองคำยิ้มชื่นหัวใจ
“เราจะมีชีวิตใหม่”
ละอองคำยิ้มมองกำปั่นที่ใส่เครื่องทอง สมบัติ รุ้งแก้วเกาะแขนละอองคำ ยิ้มมีความสุขทั้งสองคน
ละอองคำแหงนมองเรือนปั้นหยาสองชั้นหลังงาม นายหน้ายืนนอบน้อม
“ชอบหรือไม่ รุ้งแก้ว”
“น้องคิดถึงคุ้มของเราเหลือเกินเจ้าค่ะ”
ละอองคำอารมณ์ขุ่นมัว
“พี่บอกแล้วไงว่า จะไม่มีคุ้ม ไม่มีเมืองนาย มีแต่ละอองคำกับรุ้งแก้ว สองพี่น้องผู้ย้ายถิ่นฐานจากเมืองเหนือ”
ละอองคำตวัดตาดุๆ มองนายหน้า เชิดหน้า ตาวาวน่ากลัว นายหน้าสะดุ้ง ถอยประชิดข้างฝา
“ราคานี้ไม่แพงไปรึ”
นายหน้าโบกมือปฏิเสธ
“ไม่เลยขอรับ ราคานี้เป็นธรรมที่สุด”
“ตกลงฉันซื้อเรือนนี้ ให้คนขนของของฉันเข้ามาได้”
นายหน้าขายบ้านรับคำแบบกลัวๆ
“ขอรับ ขอรับ”
นายหน้าผลุนผลันออกไป ชายสองสามคนยกหีบสมบัติและกำปั่นเข้ามา
ภายในห้องนอน ละอองคำยกกรวยดอกไม้เหี่ยวจรดเหนือหัวแล้ววางบนหิ้ง
“ไอ้นายหน้านั่นมัดขูดรีดข้า ข้ายกมันให้ผีเจ้า จงนำเงินทองของข้ากลับมา”
ผีปอบหน้าตาน่าเกลียดบูดเบี้ยวรางๆ ตาแดงฉาน ปรากฏซ้อนทับกรวยดอกไม้แล้วเลือนหายไป ละอองคำยิ้มเหี้ยม
บนถนนสายเปลี่ยว ร้างไร้ผู้คน มืด วังเวง เสียงหมาหอนดังเข้ามา รถยนต์เก่าๆ ของคนขายบ้านแล่นผ่านมา คนขายบ้านหัวเราะ อารมณ์ดี มือตบกระเป๋าใส่เงิน
“ลาภลอยแท้ๆ”
คนขายบ้านหยุดหัวเราะ เขม่นตามอง ตกใจ เห็นละอองคำยืนอยู่ริมทาง รีบจอดรถ กดกระจกลงมาพูดด้วย
“คุณละอองคำจะไปไหนรึขอรับ ทำไมมายืนมืดๆ แบบนี้”
คนขายบ้านมองซ้ายขวา ระแวดระวังภัย
“ว่าแต่คุณละอองคำมาที่นี่ได้ยังไง ขนาดผมขับรถยังใช้เวลาตั้งนาน แล้วตะกี้คุณละอองคำก็อยู่ที่บ้านด้วย”
เสียงหมาหอนดังตลอด เสียงละอองคำช้าๆ เย็นๆ
“มารอแกนั่นแหละ”
“อึ้ย มารอผมทำไมรึขอรับ”
“มาเอาเงินคืน”
“อะไรกันคุณนาย บ้านก็เอาไปแล้ว ยังจะมาขอเงินคืนอีก แบบนี้ดูมันแปลกๆ นะ”
หน้าตาละอองคำเปลี่ยนไป เป็นภาพน่าเกลียดของผีปอบ คนขายบ้านตกใจ เบิกตาโพลง เปิดประตูรถวิ่งออกมา ผีก็พุ่งเข้าใส่ร่างทันที เขาผงะ ดวงตาเบิกโพลง ล้มนอนกลิ้ง ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ชูมือตัวเองขึ้นสูง มองมือตัวเองที่ควบคุมไม่ได้ ด้วยอาการหวาดกลัวสุดขีด มือตัวเองพุ่งใส่ท้อง เขาตาเหลือกลาน เลือดทะลักทางปาก
ภายในห้อง กรวยดอกไม้เก่าๆ บนหิ้ง ลมพัดวูบ ที่มุมปากละอองคำมีเลือดติดอยู่ เธอแลบลิ้นเลีย ยิ้มดุร้าย
วันต่อมา ที่เรือนปั้นหยาสองชั้น เสียงดนตรีไทยดังมา ฟังดูวังเวง รุ้งแก้วมองหน้าละอองคำ
“ข้าจะให้เจ้าเรียนดนตรีไทย”
รุ้งแก้ววางมือจากการเจียนใบตองอย่างอ่อนช้อย
“จำเป็นหรือเจ้าคะ เจ้าพี่”
“ลูกผู้ลากมากดีเขาเรียนกัน เราอยู่อย่างชนชั้นสูง ก็ต้องทำตัวให้เหมาะ”
รุ้งแก้วก้มหน้า รับคำ ยิ้ม
“เจ้าค่ะ”
เจ้านาง ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภายในห้อง ละอองคำปิดหน้าต่างทุกบานจนดูอึมครึม เสียงขิมตีผิดๆ ถูกๆ ดังเข้ามา
ละอองคำยิ้มน้อยๆ อย่างเอ็นดู เพราะรุ้งแก้วกำลังเรียนขิม ครูทับสอนให้อย่างตั้งใจ ธวัชนั่งมองตาหวานเชื่อมอยู่ไม่ไกล ยิ่งธวัชมองมาก รุ้งแก้วยิ่งเขิน ยิ่งเล่นผิดๆ ถูกๆ
รุ้งแก้วเรียนขิม ท่าทางคล่องแคล่วขึ้น แต่ก็ยังมีผิดบ้าง ธวัชนั่งมองตาหวานเชื่อมเหมือนเคย ครูทับมองธวัชอย่างรู้ทัน ธวัชรู้ตัว หน้าม่อย เสมองไปทางอื่น ละอองคำมองลงมาจากชั้นสอง เห็นกิริยาของรุ้งแก้วกับธวัชก็ไม่พอใจ
มุมสวนหน้าบ้าน รุ้งแก้วกำลังสีซอ สีผิดๆ ถูกๆ เสียงเพี้ยนไปบ้าง ธวัชนั่งมองอย่างชื่นชม ทับเห็นสายตาของธวัชก็เห็นใจ กระแอมให้รู้ตัว ธวัชยิ้มเขิน สบตารุ้งแก้ว รุ้งแก้วสะเทิ้นอาย ละอองคำมองลงมาจากระเบียง เห็นทั้งสองสบตากัน ก็ไม่พอใจ จึงเดินลงมา
“วันนี้พอก่อน รุ้งคงเหนื่อยแล้ว ครูทับกับคุณธวัชกลับไปก่อนเถอะค่ะ.”.
“ครับ คุณละอองคำ”
“งั้นผมลาเลยครับ”
ธวัชยกมือไหว้ละอองคำ และมองเลยไปยังรุ้งแก้ว รุ้งแก้วไหว้ทับ แล้วสบตากับธวัช ละอองคำหน้าตึง พอธวัชกลับไปแล้ว ละอองคำจึงบอกกับรุ้งแก้ว
“เล่นดนตรีได้แล้วก็คงต้องเลิกจ้างครูทับ นายธวัชจะได้ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“ทำไมล่ะคะเจ้าพี่”
“เอาเป็นว่าพี่ไม่ถูกชะตา ระวังหูตาของเราไว้บ้างนะรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วเจื่อนไป
ตอนค่ำ ละอองคำมาถึงหน้าโรงละคร รุ้งแก้วเดินตาม ทั้งสองแต่งกายตามสมัยนิยม สวยงาม ผู้คนหันมองด้วยความสนใจ ซุบซิบถามไถ่กันว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยสะดุดตาทั้งสองเป็นใคร โดยเฉพาะชายหนุ่มทั้งหลาย ต่างจับจ้องทั้งละอองคำและรุ้งแก้วตาเป็นมัน ละอองคำวางท่า ปรายตามองทุกคน ยิ้มนิดๆ จำแลงถือแก้วเหล้ามองมา สนใจทั้งสองสาวมาก ก่อนเดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับ ผมชื่อจำแลง เป็นทายาทคนเดียวของโรงละครนี้ ยินดีต้อนรับคุณผู้หญิงทั้งสอง”
ละอองคำยิ้ม แต่ไว้ตัว
“ยินดีที่รู้จักค่ะ ดิฉันละอองคำ ส่วนน้องสาวดิฉัน ชื่อรุ้งแก้ว”
“เป็นเกียรติเหลือเกินครับที่ได้รับเกียรติจากทั้งสองท่าน มาชมละครที่โรงละครของผม เชิญคุณพี่ละอองคำกับคุณน้องรุ้งแก้วที่ด้านนี้ดีกว่าครับ”
จำแลงพาทั้งสองไปยังที่นั่งพิเศษ ผู้คนมองตามด้วยความสนใจ สตรีบางรายป้องปาก นินทาด้วยความริษยา ละอองคำนั่งเชิดหน้าอยู่ตรงที่นั่งพิเศษ
เวลาต่อมา จำแลงขับรถมาส่งละอองคำและรุ้งแก้วที่หน้าบ้าน ตาโตเมื่อเห็นเรือนปั้นหยาสองชั้น ใหญ่โต แต่เงียบเชียบ จำแลงรีบวิ่งออกมาเปิดประตูให้ละอองคำ
“เอ่อ ไม่เห็นคนรับใช้ออกมาเปิดประตูสักที”
ละอองคำยิ้ม ทำหน้าเหมือนไม่สำคัญ
“เราอยู่กันสองคนพี่น้อง ไม่มีคนรับใช้หรอกค่ะ”
“บ้านใหญ่โตขนาดนี้ เอ่อ ถ้าคุณพี่ต้องการคนที่ไว้ใจได้ ผมจะส่งคนรับใช้ที่บ้านมาช่วย”
“อย่าลำบากเลยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
ละอองคำผละออกมา จำแลงรีบเดินตามไป
“อย่าลืมนัดของเรานะครับ”
ละอองคำยิ้ม ปรายตาไปทางรุ้งแก้วก็เห็นก้มหน้าอยู่ไม่กล้าสบตา
“พรุ่งนี้ค่ำๆ ผมจะมารับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับน้องรุ้งแก้ว”
จำแลงมองรุ้งแก้ว กรุ้มกริ่ม
“ค่ะ”
ละอองคำเดินเข้ามาในห้องรับแขก รุ้งแก้วตามมา ใบหน้าไม่มีความสุข
“ทำไมทำหน้าแบบนี้ คุณจำแลงอุตส่าห์มาส่ง เสียมารยาท”
“เจ้าพี่ก็ทราบ น้องไม่ชอบการสมาคม”
“จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้เพื่อนฝูงหรืออย่างไร”
“คุณจำแลงดูไม่น่าไว้ใจ”
ละอองคำปรายตามองน้องสาว
“คืนพรุ่งนี้เราจะไปงานเต้นรำตามคำเชิญของคุณจำแลง แต่งตัวให้สวย แล้วก็ทำหน้าตาให้มีความสุขหน่อยนะจ๊ะ”
รุ้งแก้วถอนใจ เศร้า
ที่หิ้งผี กรวยดอกไม้เก่าๆ ละอองคำเดินเข้ามา เสียงผีปอบดังช้าๆ เย็นๆ
“ข้าหิว”
“ข้ากำลังหาเหยื่อมาสังเวย ทนหน่อยเถอะผีเจ้า”
ละอองคำตาเป็นประกาย ดุร้าย
ค่ำวันใหม่ รถของจำแลงจอดที่หน้าบ้าน ละอองคำกับรุ้งแก้วเดินออกมา จำแลงมองอย่างตะลึง
“คุณพี่ละอองคำกับคุณน้องรุ้งแก้วงามมากเลยครับ โดยเฉพาะน้องรุ้งแก้ว ค่ำคืนนี้ต้องเป็นดาวเจิดจรัสประดับสโมสรแน่ๆ เลยครับ”
รุ้งแก้วก้มหน้า ไม่กล้าสบตา
“รุ้งแก้วอายแย่ คุณจำแลงเล่นชมกันแบบนี้”
ละอองคำกระเซ้า
“ผมพูดความจริงครับ เรารีบไปกันดีกว่า ผมอยากเต้นรำเต็มทีแล้ว เชิญครับ”
จำแลงเปิดประตูให้ รถของจำแลงแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ ธวัชเดินสวนมาพอดี เห็นละอองคำนั่งเชิดหน้า รุ้งแก้วหันมามองสบตากับธวัชพอดี
บริเวณฟลอร์เต้นรำ ในสโมสรนักเที่ยวเต้นรำกันอย่างรื่นเริง จำแลงเดินนำละอองคำกับรุ้งแก้วเข้ามาในงาน ทุกคนในงานต่างหันมอง
“น้องรุ้งแก้วชอบเต้นรำหรือเปล่าครับ”
รุ้งแก้วอึดอัด
“เอ่อ ไม่ค่ะ”
จำแลงไม่สนใจท่าทีปฏิเสธของรุ้งแก้ว
“ผมขออนุญาตคุณพี่ละอองคำ เต้นรำกับน้องรุ้งแก้วนะครับ”
ละอองคำยิ้มให้ ปรายตาดุๆ มองรุ้งแก้ว
“รุ้ง เอ่อ เต้นรำไม่เป็นหรอกค่ะ”
“ถ้างั้นผมขอตัวสักครู่นะครับ”
จำแลงเดินออกไป รุ้งแก้วนั่งก้มหน้า อึดอัด ละอองคำเตือนเสียงเครียด
“หยุดทำหน้าแบบนี้เสียที รุ้งแก้ว”
เวลาเดียวกัน ธวัชนั่งเหม่ออยู่ที่บ้านเก่าๆ ของเขา ทับมองธวัชแล้วส่ายหน้า
“อย่าคิดมากสิวะเจ้าธวัช เขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เอ็งคิดก็ได้”
“เขามีรถ ดูร่ำรวย ไม่เหมือนเรานะลุง”
ทับส่ายหน้า ธวัชอดวิตกไม่ได้
จำแลงกระดกเหล้าเข้าปาก เสียงดนตรีจากฟลอร์เต้นรำยังดังมา หญิงสาว 2 คนเดินเข้ามาหา
“อุตส่าห์ควงสาวสวยมางานเต้นรำ ทำไมมายืนเมาอยู่คนเดียวล่ะคะคุณจำแลง”
“นั่นสิ”
ทั้งสองเห็นรุ้งแก้วยืนเซ็งๆ อยู่ข้างละอองคำ
“หน้าตาสวยนะ แต่ดูจะติดดินโคลนมาจากท้องนา”
ทั้งสองหัวเราะ เยาะหยัน
“ไม่ยักรู้ว่าคุณจำแลงชอบผู้หญิงหน้าซื่อๆ เราสองคนจะได้หัดทำบ้าง”
จำแลงหงุดหงิด ส่ายหน้า
จำแลงมาส่งละอองคำและรุ้งแก้วที่บ้าน แล้วยืนคุยกันต่อ
“ดูน้องรุ้งแก้วไม่ค่อยสนุก”
“รุ้งแก้วแกติดบ้านค่ะ ไปงานไหนก็ไม่สนุก ถ้าว่างคุณจำแลงมาเที่ยวช่วงกลางวันสิคะ รุ้งแก้วจะได้ไม่เหงา”
“ยินดีเลยครับ”
จำแลงยิ้มให้รุ้งแก้ว ขณะนั้นที่หน้าต่างชั้นบน ผีเจ้ายืนมองลงมาที่คนทั้งสาม
ตอนเย็นใกล้ค่ำ รุ้งแก้วยิ้มแย้ม มีความสุข กำลังสีซอ โดยมีทับคอยสอนอย่างตั้งใจ
เธอมองธวัชเป็นระยะ ทุกครั้งที่มองธวัช ก็จะสีซอผิดจังหวะ ละอองคำนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องนอน รู้ว่ารุ้งแก้วไม่มีสมาธิเล่น ละอองคำเปรยกับผีปอบ
“ข้าไม่ชอบที่รุ้งแก้วพอใจธวัช”
“ยกมันให้ข้า เจ้าจะสมหวัง”
“ยังก่อน”
ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ผีเสื้อแสนสวยบินว่อน รุ้งแก้วเอียงอาย ธวัชเดินเข้ามาหา
“ใจคอคุณพี่ละอองคำจะให้น้องรุ้งจับเจ่าอยู่แต่ในบ้านหรือยังไง น้องรุ้งควรได้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง”
“พี่ธวัชก็พูดเข้า น้องไปข้างนอกบ่อยๆ กับคุณพี่”
“ผมเห็นแล้ว ผู้ชายคนนั้นคงรวยมาก เขามารับน้องรุ้งไปข้างนอก”
“แต่ก็มีคุณพี่ไปด้วยนะคะ”
“ไปกับคุณพี่ แล้วจะสนุกได้ยังไง คุณพี่ละอองคำน่ากลัวจะตายไป ยิ้มก็ไม่ยิ้ม หน้าตึงเปรี๊ยยังกะกลองทัด”
ธวัชหัวเราะ รุ้งแก้วทำหน้าไม่พอใจที่ธวัชล้อเลียนพี่สาว ละอองคำยืนมองจากหน้าต่างชั้นสองที่เปิดแง้มน้อยๆ ยิ่งเห็นรุ้งแก้วกับธวัชหัวร่อต่อกระซิก ก็ยิ่งไม่พอใจ ถอนสายตาไปมองหิ้งผี เหมือนจะขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง
“รุ้งขอนะคะ อย่าพูดถึงคุณพี่ในทางที่ไม่ดีอีก คือว่า”
“แหม น้องรุ้ง ก็มันจริงนี่นา คุณพี่ทำเหมือนน้องรุ้งเป็นทาสยังงั้นแหละ”
เสียงทับดังลอดเข้ามา
“โอ๊ย”
รุ้งแก้วมองหน้าธวัช ทั้งคู่รีบวิ่งไปทางต้นเสียง เห็นทับนอนบิดตัวเร่าๆ อยู่กับพื้น มือกุมท้องด้วยความเจ็บปวด
“ลุง ลุงเป็นอะไร”
“ปวดเหลือเกิน ธวัช ทำไมถึงปวดแบบนี้ ช่วยลุงด้วย”
“รีบพาลุงทับไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ รีบๆ เข้าเถอะค่ะ”
“อดทนหน่อยนะครับลุง ผมจะพาลุงไปหาหมอ”
“โอ๊ย”
ทับกระอักเลือดออกมา ทั้งสองตกใจมาก
“ลุง”
ธวัชประคองทับออกไป รุ้งแก้วคอยช่วยประคองด้วยความเป็นห่วง
ละอองคำอยู่ในห้องนอน มุมปากมีเลือดติด แหงนหน้ามองหิ้งผี รุ้งแก้วผลักประตูเข้ามา ละอองคำเช็ดเลือดที่มุมปาก หันไปทำหน้าดุ
“เจ้าพี่ทำอะไรลุงทับเจ้าคะ”
“ถามตัวเองสิ รุ้งแก้ว เจ้าทำอะไร”
“แต่ แต่ลุงทับไม่รู้เรื่องด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่รู้เรื่องรึ รุ้งแก้ว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ไม่เห็นว่าพวกเจ้าทำอะไรกัน”
รุ้งแก้วน้ำตาไหล ส่ายหน้า
“เจ้าพี่ใจร้าย”
“สิ่งใดที่พี่ห้าม ก็อย่าทำ พี่พูดกับเจ้าแล้ว จะไม่พูดซ้ำซากอีก เลิกรักนายธวัชซะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
“เจ้าพี่ใจร้าย เจ้าพี่ใจร้ายที่สุด”
รุ้งแก้ววิ่งออกไปจากห้อง
“เก่งขึ้นมากนี่ รุ้งแก้ว”
ละอองคำไม่พอใจ รุ้งแก้วเข้ามาในห้อง น้ำตาไหล เสียใจที่ละอองคำเปลี่ยนไป
“เจ้าพ่อ ลูกคิดถึงเมืองนายเหลือเกินเจ้าค่ะ”
รุ้งแก้วปาดน้ำตาทิ้งอย่างหงอยเหงา
วันรุ่งขึ้น รุ้งแก้วถามละอองคำอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เจ้าพี่ น้องอยากไปไหว้พระ เราไม่ได้ไปวัดเลยนะเจ้าคะ”
“ไปทำไมกัน”
“น้องอยากไปทำบุญให้เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าพี่ราบฟ้าและทุกคนที่เมืองนาย”
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วรุ้งแก้วว่าอย่าพูดถึงเมืองนายอีก”
“แต่”
ละอองคำไม่พอใจ เดินไป รุ้งแก้วตัดสินใจตามไป
“เจ้าพี่ ถ้าข้าจะเช่าพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งมาบูชา”
“ข้าสั่งห้ามอะไร ก็จงทำตามที่ข้าสั่ง ห้ามเอาพระเข้ามาในบ้าน ห้ามสวดมนต์ ห้ามไปวัด”
“เจ้าพี่”
ละอองคำเดินไป รุ้งแก้วตกใจที่เห็นละอองคำเปลี่ยนไป
รุ้งแก้วชมสวนอยู่หน้าบ้าน เห็นจำแลงเปิดประตูรั้วเข้ามา ก็รีบเลี่ยงเดินออกไป ละอองคำสวนออกมาจากในบ้าน
“คุณจำแลงน่ะเอง”
จำแลงยิ้ม มองตามรุ้งแก้วที่หายเข้าไปในบ้าน
“เข้าไปในบ้านก่อนเถอะค่ะ”
จำแลงเข้ามาในห้องรับแขก ยื่นสร้อยมุกให้ละอองคำ
“ของฝากเล็กๆ น้อยๆ ขอรับ ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบไข่มุกกัน”
“คิดว่าดิฉันจะชอบเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ หรือคะ”
“โอ๊ะ เปล่าๆ ครับ หามิได้เลยครับ คือว่า เอ่อ”
“ดิฉันพูดเล่นน่ะค่ะ ดิฉันจะไปตามน้องรุ้งแก้วให้มาพบคุณจำแลงดีมั้ยคะ”
“ดีครับ ดีๆ ผมมีของฝากสำหรับน้องรุ้งแก้วด้วยครับ”
ละอองคำเดินออกไปพร้อมสร้อยมุก จำแลงหยิบกล่องสร้อยข้อมือเพชรที่เตรียมออกมา ท่าทางกรุ้มกริ่ม
รุ้งแก้วนั่งบนเตียง เศร้าเหมือนจะร้องไห้ เสียงเคาะประตูดัง เธอมองประตูอย่างหวาดหวั่น ละอองคำเคาะประตูรัว
“จะเปิดหรือไม่เปิด รุ้งแก้ว เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
“น้องไม่สบายเจ้าค่ะ น้องไม่อยากพบใคร”
“ข้าบอกให้เปิดประตู”
รุ้งแก้วน้ำตาคลอ มองประตูอย่างชั่งใจ
“รุ้งแก้ว เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ละอองคำยืนหน้าถมึงทึง ประตูเปิดออก รุ้งแก้วยืนตัวลีบ
“แต่งตัวเสียใหม่ แล้วลงไปพบคุณจำแลง”
“แต่ว่า”
“อย่าเสียมารยาท คุณจำแลงรอนานแล้ว เขามีของมาฝาก รับเอาไว้ด้วย”
ละอองคำเดินไป รุ้งแก้วน้ำตาไหล สูดหายใจลึก ปาดน้ำตา
ละอองคำยิ้ม มือถือพัดโบกเบาๆ เมื่อเห็นจำแลงสวมสร้อยเพชรที่ข้อมือรุ้งแก้ว
“ดิฉัน เอ่อ”
ละอองคำพูดแทรกทันที
“เสียมารยาท ผู้ใหญ่ให้ของ เป็นเด็กก็ต้องรับไว้ ขอบคุณคุณจำแลงเสียสิ”
ละอองคำมองตาดุๆ รุ้งแก้วจำใจไหว้
“ขอบพระคุณค่ะ”
“เล็กน้อย ถ้าน้องรุ้งแก้วชอบ ผมจะหามาให้อีกหลายเส้น”
“อย่าเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ ผมมีเครื่องเพชรที่เข้าชุดกันหลายชุดเลยนะครับ อยากให้น้องรุ้งแก้วเป็นที่ระลึก”
รุ้งแก้วอึกอัก
“รุ้งแก้วเป็นเด็กขี้เกรงใจค่ะคุณจำแลง เครื่องเพชรก็ต้องสวมให้เข้าชุดถึงจะงาม ทั้งสร้อย แหวน ต่างหู สร้อยข้อมือ จริงมั้ยคะ”
“จริงครับ คุณพี่ละอองคำ”
“รุ้งแก้วต้อนรับคุณจำแลงอย่าให้ขาดตกบกพร่องนะ พี่จะขึ้นไปพักผ่อนข้างบน”
ละอองคำยิ้มให้จำแลงแล้วมองเลยไปยังรุ้งแก้ว สายตาแกมบังคับ รุ้งแก้วเดินพาจำแลงชมสวน จู่ๆ จำแลงก็จับข้อมือรุ้งแก้ว หญิงสาวหน้าซีด
“สร้อยเพชรนี่อยู่บนข้อมือน้องรุ้งแก้วแล้วงามจริง ขับผิวน้องรุ้งแก้วให้เปล่งปลั่งมี
สง่าราศี”
รุ้งแก้วพยายามดึงมือออกก่อนจำแลงจะจูบมือ จำแลงยิ่งจับแน่นแต่รุ้งแก้วก็ขืนออกจนสำเร็จ จำแลงรวบตัวรุ้งแก้วไว้ แล้วกอด รุ้งแก้วดันชายหนุ่มออก แต่ไม่สำเร็จ
“จำที่คุณพี่บอกไม่ได้เหรอน้องรุ้งแก้ว ต้อนรับผมอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แล้วจะขัดขืนทำไม”
ธวัชเข้าประตูรั้วมา ตกใจ
“รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วได้ทีผลักจำแลงออกห่าง
“เอ่อ ผมแค่มาบอกว่าลุงทับตายแล้ว”
ธวัชเดินออกไป
“คุณธวัช คุณธวัช”
ธวัชไม่ยอมหันมา รุ้งแก้วยืนซึม น้ำตาคลอ
“ใครเหรอครับน้องรุ้งแก้ว”
“เพื่อนดิฉัน คุณจำแลงไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอกค่ะ”
ละอองคำโผล่มาจากหลังพุ่มไม้
“ไม่สบายก็ไปนอนพักซะรุ้งแก้ว อย่าทำกระฟัดกระเฟียดกับคุณจำแลง มันไม่งาม ไปสิ”
รุ้งแก้วเลี่ยงไป
“รุ้งแก้วยังเป็นเด็ก แยกไม่ได้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร หวังว่าคุณจำแลงจะให้อภัยน้องดิฉันนะคะ”
“เอ่อ ครับ”
จำแลงยิ้มแหย ละอองคำยิ้มเชิดหน้า รู้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น
เรือนปั้นหยายามค่ำคืน วังเวง เงียบเชียบ รุ้งแก้วนั่งอยู่ที่หน้าต่าง
“ธวัช เธอไม่เข้าใจรุ้งแก้ว”
“ว่าไงนะ”
รุ้งแก้วหันมาเห็นละอองคำยืนอยู่
“เจ้าพี่ เอ่อ”
“ลืมนายธวัชซะ เชื่อพี่”
ละอองคำออกคำสั่ง แล้วเดินออกไป
“เจ้าพี่ ลุงทับตายแล้ว”
ละอองคำหัวเราะเบาๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราด้วยล่ะรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วอึ้ง ก่อนจะเดินตามละอองคำเข้าไปในห้อง
“ฝีมือเจ้าพี่ใช่มั้ยเจ้าคะ”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว กลับไป”
“เจ้าพี่ ใจร้าย”
“ถ้าข้าไม่ใจร้าย เจ้าจะมีชีวิตอยู่รอดมาถึงวันนี้มั้ย”
ละอองคำจ้องหน้ารุ้งแก้ว รุ้งแก้วก้มหน้า น้ำตาร่วงพรู
ฉัตรนั่งรถลากมาที่บ้าน เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ ร่มรื่น เสียงเพลงเบาๆ ดังมาจากในบ้าน เป็นเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซ่อนกลิ่น โฉม สมาน นั่งทานข้าวกันอยู่เงียบๆ ฉัตรเดินเข้ามา มองห้องอาหารแล้วเดินผ่านไป ซ่อนกลิ่นเห็น เรียกไว้
“ฉัตร มาทานข้าวลูก”
ฉัตรชะงัก เดินเข้ามาในห้องอาหารแบบเสียไม่ได้ สมานเหลือบตามอง ไม่ยินดียินร้าย
“โฉม ตักข้าวให้พี่เขาสิลูก”
โฉมค้อน กระฟัดกระเฟียดลุกขึ้นไปหยิบจาน กิริยากระแทกกระทั้น ซ่อนกลิ่นมองอย่างไม่พอใจ
“มา พี่ตักเองก็ได้”
โฉมวางจานให้ ไม่เคารพ
“ดีค่ะ”
ซ่อนกลิ่นเกรงว่าจะเกิดปัญหา
“แม่ตักให้ดีกว่าจ้ะ”
ซ่อนกลิ่นรีบตักข้าวให้ฉัตร สมานมองอย่างไม่พอใจ แต่ไม่พูดอะไร ซ่อนกลิ่นวางจานข้าวตรงหน้าฉัตร ถามเสียงอาทร
“ไปไหนมา ฮึ ฉัตร”
“ไปหาหลวงพ่อมาครับ”
ฉัตรเริ่มทานข้าว สมานมองไม่ชอบใจ พูดเยาะหยัน
“ระวังเขาจะว่าไปขอเงินพระนะฉัตร”
ฉัตรชะงักช้อนที่จะเอื้อมไปตักอาหาร
“ไม่หรอกครับ ผมมีเงินเดือนกิน”
โฉมสบตาสมาน ซ่อนกลิ่นมองอึดอัด
โฉมมานั่งคุยกับสมานที่ห้องนั่งเล่น ส่ายหน้า เบ้ปาก
“ไม่ไหวหรอกค่ะคุณพ่อ มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ อีกอย่าง โฉมไม่ชอบพวกข้าราชการ”
“พ่อก็ข้าราชการนะโฉม”
“โฉมทราบค่ะ แต่คุณพ่อคะ นับวันข้าราชการจะลำบากขึ้นทุกที ถูกดุลออกมานั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านเป็นแถว โฉมว่าแต่งกับพวกพ่อค้าดีกว่า”
“ฮึ พวกผู้ดีใหม่”
“จะใหม่หรือเก่า ก็มีเงิน ยุคนี้มันยุคธนานุภาพนะคะ เงินมีอำนาจทุกอย่าง”
“ฉันไม่น่าให้แกเรียนหนังสือเล้ย”
“แหม คุณพ่อก็ พรุ่งนี้คุณสมชายจัดปาร์ตี้ที่บ้าน คุณพ่อไปกับโฉมมั้ยคะ จะได้คุ้นเคยกันไว้”
“ไม่ล่ะ ยังไม่อยากจะสมาคมกับพวกผู้ดีใหม่ ถ้าอยากมีเพื่อนก็ชวนพี่ชายแกโน่น”
“ก็ได้ค่ะ”
โฉมงอนๆ ซ่อนกลิ่นเดินผ่านมา สะดุดเมื่อเห็นสมาน รีบจะเดินผ่านไป แต่สมานเห็น เรียกไว้ก่อน
“คุยกันก่อนสิ แม่ซ่อนกลิ่น อะไรกัน เห็นลูกชายมาบ้านล่ะไม่ได้”
“คุณมีอะไรหรือคะ”
“ก็เรียกไม่ได้รึไง จะไปโอ๋ลูกชายก็ไปเถอะ รำคาญ”
ซ่อนกลิ่นอึ้ง น้อยใจ เดินไป โฉมหัวเราะคิก
“คุณแม่นี่กลัวคุณพ่อตั้งแต่สาวยันแก่เลยนะคะ โฉมไม่มีวันเป็นแบบคุณแม่เด็ดขาด”
เวลาเดียวกันนั้น ฉัตรยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ซ่อนกลิ่นเข้ามา
“ถ้าผมต้องออกจากราชการ ไม่มีเงินเดือนกิน เขาคงไม่ให้ผมอยู่บ้านนี้”
“พูดอะไรยังงั้นล่ะฉัตร”
“เขาไม่ใช่พ่อผม ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านนี้เป็นของเขา”
“มันคงไม่เลวร้ายอย่างนั้นหรอกฉัตร”
ซ่อนกลิ่นปลอบลูกชาย
เจ้านาง ตอนที่ 4 (ต่อ)
ละอองคำหน้าตาดุดัน ผลักประตูเข้ามาในห้องรุ้งแก้วโดยไม่เคาะ รุ้งแก้วยืนอยู่หน้ากระจก ตกใจ
“มัวทำอะไรอยู่ ฮึ รุ้งแก้ว ปล่อยให้คุณจำแลงรอนานแล้วนะ”
“น้องไม่อยากไป”
“ทำไม”
“เจ้าพี่ก็รู้ว่าน้องไม่ชอบการสมาคม อีกอย่าง น้องก็ไม่รู้จักคุณสมชาย”
“บ้านเมืองมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จะหมกตัวอยู่ในบ้านคงไม่ได้”
“ถ้างั้นเจ้าพี่ไปกับน้องด้วยสิเจ้าข้า”
“คุณจำแลงชวนเจ้า ไม่ได้ชวนพี่ อย่าโยกโย้ รีบแต่งตัวได้แล้ว”
ละอองคำไม่ฟังคำอ้อนวอนของรุ้งแก้ว รุ้งแก้วน้ำตาคลอ
รุ้งแก้วใส่ชุดไทยพระราชนิยม สวยสง่าสะดุดตา เดินเข้ามา จำแลงตาโตตะลึงละอองคำปรายตามองจำแลง ยิ้มสมใจ
“ไหนคุณจำแลงว่ามีของขวัญพิเศษให้รุ้งแก้วไงคะ”
“เอ่อ ครับๆ ครับคุณพี่ แหม คุณน้องรุ้งแก้วงามจนผมตะลึง”
จำแลงหยิบกล่องเครื่องเพชร สวมให้รุ้งแก้ว รุ้งแก้วอิดเอื้อน
“รุ้งสวมเองก็ได้ค่ะ”
ละอองคำส่งสายตาดุ แกมบังคับ ทำให้รุ้งแก้วต้องปล่อยให้จำแลงสวมเครื่องเพชรจนเสร็จ
บริเวณสนามหน้าบ้านสมชาย โฉมยืนคล้องแขนสมชาย แสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้า ไม่แคร์สายตาใคร
“อุ้ย คุณสมชายขา นั่นพี่ชายของโฉมค่ะ”
ฉัตรยืนคุยกับผู้ร่วมงานสองสามราย โฉมดึงสมชายเข้าไปหา
“ผมเพิ่งทราบว่าคุณโฉมมีพี่ชาย”
“คนละพ่อค่ะ”
ฉัตรหันมาเห็น พูดเบาๆ ขอตัวจากคู่สนทนา หันมาทางสมชายกับโฉม
“พี่ฉัตรขา นี่คุณสมชายค่ะ”
“สวัสดีครับ ยินดีที่รู้จัก”
“เช่นกันครับ ประทานโทษ คุณฉัตรทำงานที่ไหนหรือครับ”
“พี่ฉัตรอยู่กระทรวงธรรมการค่ะ”
“อ้อ”
“คุณสมชายคงทำการค้าสิครับ”
“ใช่ครับ ค้าขายดีกว่าทำราชการ เอ๊ะ ไม่ทราบว่าคุณถูกดุลออกจากราชการกับเขาด้วยหรือเปล่า”
ฉัตรหน้าเจื่อนไป จำแลงเดินมากับรุ้งแก้ว คนในงานหันมองเป็นตาเดียว
“คุณจำแลงน่ะเอง มากับใคร สวยจริง”
สมชายเปรย โฉมไม่พอใจที่สมชายชมรุ้งแก้ว เบ้ปากให้ด้วยความริษยา รุ้งแก้วอึดอัด
ธวัชด้อมๆ มองๆ อยู่นอกรั้วบ้านละอองคำ เห็นบ้านปิดสนิท เขาเกาะรั้วมองอย่างมีความหวัง
ละอองคำอยู่ในห้องนอน หวีผมสลวย กรวยดอกไม้เก่าๆ ลอยวนอยู่บนหิ้ง เสียงผีปอบพูดขึ้น
“มันมาแล้ว”
ละอองคำเอียงหน้ามองกระจก เงาสะท้อนจากกระจกเห็นดวงตาแดงฉาน น่ากลัว ละอองคำลุกขึ้นเดินออกไป ธวัชตกใจ จู่ๆ ประตูรั้วก็เปิดออกกะทันหัน ละอองคำยืนอยู่ ยิ้มเย็น
“มาหาน้องรุ้งแก้วหรือคะ เชิญข้างในสิคะ คุณธวัช”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ธวัชเดินนำละอองคำเข้าไปในบ้าน ประตูปิดเอง แต่ธวัชไม่ทันเห็น ละอองคำเดินตาม ตาสีแดงฉาน แลบลิ้น ธวัชหันมาที่ละอองคำ เธอยิ้มให้
“เดี๋ยวฉันจะไปตามรุ้งแก้วมาให้”
ธวัชกำลังจะก้าวเข้าบ้าน ละอองคำยิ้มน่ากลัว เงาผีหลุดออกจากร่างของเธอ จะแฝงเข้าร่างธวัช เมื่อปะทะร่างธวัช เกิดแสงสีทองสว่างจ้า ผีเจ้าดิ้นทุรนทุรายเหมือนถูกไฟเผา รีบกลับเข้าร่างละอองคำ
“โอ๊ย”
ละอองคำล้มลง ดิ้นทุรนทุราย ธวัชตกใจ
“คุณพี่ละอองคำ”
ธวัชจะเข้าไปประคอง ตะกรุดเงิน แสงสว่างเรือง จนละอองคำกลัว กระถดตัวหนี
“ไปนะ ไป ออกไป อย่ามาบ้านฉันอีก ไปซี ไป๊”
“คุณพี่เป็นอะไรครับ”
“ไป อย่ามายุ่งกับฉัน ไป๊”
ธวัชออกไปด้วยความสงสัย ละอองคำลุกขึ้นนั่ง ลูบผิวกาย โกรธแค้น
รุ้งแก้วนั่งอยู่ที่โต๊ะภายในงาน จำแลงหยิบอาหารให้ คอยบริการเอาใจตลอดเวลา
สมชายมองรุ้งแก้วอย่างพึงพอใจ แล้วเดินเข้ามาร่วมโต๊ะ
“ขอโทษครับ ขอผมร่วมวงด้วยคนได้มั้ยครับ”
“ได้ซี คุณสมชาย เชิญๆ”
สมชายมองรุ้งแก้วตลอดเวลา จนจำแลงรู้สึกได้ สมชายพูดกับรุ้งแก้วโดยไม่สนใจจำแลง
“สวัสดีครับ ผมชื่อสมชาย ทำกิจการค้าอยู่แถวเยาวราช”
“ยินดีที่รู้จักค่ะ ดิฉันชื่อรุ้งแก้ว”
จำแลงรีบกันท่า
“คุณรุ้งแก้ว เธอเป็น เราจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้”
จำแลงจับมือรุ้งแก้วส่งสายตาหวานเชื่อม รุ้งแก้วอึดอัด สมชายชะงัก ผิดหวัง
“อ้อ ยินดีด้วยครับ แต่จะรังเกียจมั้ย ถ้าผมจะเป็นเพื่อนกับคุณรุ้งแก้วด้วยคน”
รุ้งแก้วไม่ตอบ ยิ้มบางๆ จำแลงมองสมชายไม่พอใจ โฉมเดินเข้ามา ค้อนไปทางรุ้งแก้ว
“ต๊าย คุณสมชายอยู่นี่เอง ปล่อยให้โฉมคุยกับพี่ฉัตรตั้งนาน”
จำแลงยิ้มเจ้าเล่ห์
“คุณรุ้งแก้วครับ นี่คุณโฉม คู่รักคุณสมชาย”
“สวัสดีค่ะ”
สมชายปาดเหงื่อเมื่อความจริงถูกเปิดเผย โฉมมองรุ้งแก้วอย่างไม่เป็นมิตร
“ดิฉันไม่เคยเห็นคุณรุ้งแก้วออกงานสโมสรหรือสมาคมใดๆ เลย แม้กระทั่งร้านไอศกรีมแถวพัฒนาการก็ไม่เคยเห็น ประทานโทษ เพิ่งกลับจากยุโรปหรือปีนังคะ”
“เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ค่อยได้ออกงานบ่อยนัก”
โฉมหัวเราะสะใจ ฉัตรเดินเข้ามามองปรามโฉมด้วยสายตา
“โฉม เราไปนั่งด้านโน้นดีกว่า”
ฉัตรคว้าข้อมือโฉมลากออกไปทันที
“เอ๊ะ พี่ฉัตรนี่”
รุ้งแก้ว มองโฉมกับฉัตร ด้วยความอึดอัด
รถลากเจ๊กวิ่งมาตามถนน โฉมกับฉัตรนั่งอยู่บนรถ โฉมไม่พอใจมาก
“ความจริงคุณสมชายน่าจะขับรถมาส่งพี่ฉัตรกับโฉมนะคะ”
ฉัตรส่ายหน้า ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ โฉมฮึดฮัด
“เขายุ่งน่า ต้องเก็บของอีก”
“บ่าวไพร่ออกเยอะแยะ ชี้นิ้วทีเดียวก็ได้ คุณสมชายจัดปาร์ตี้บ่อยจะตาย เนี่ย ต้องเป็นเพราะอีบ้านนอกนั่นแน่ๆ”
รถลากจอดที่หน้าบ้าน
“โฉมว่าใคร”
“ก็นังรุ้งแก้วน่ะสิคะ หมั่นไส้นัก”
ฉัตรส่ายหน้า โฉมไม่พอใจ
รุ้งแก้วเพิ่งกลับจากงาน ผลักประตูเข้ามาในบ้าน เห็นบ้านมืดและเงียบ
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าขา เจ้าพี่อยู่หรือเปล่าเจ้าข้า”
รุ้งแก้วเปิดไฟสว่างจ้า เห็นละอองคำนอนนิ่งอยู่ที่เตียงอย่างหมดแรง เธอรีบเข้าไปหาด้วยความห่วงใย
“เจ้าพี่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ถึงนอนซมอย่างนี้”
ละอองคำเบือนหน้าหนี
“ไม่มีอะไรหรอก คุณจำแลงมาส่งหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“ไปพักผ่อนเถอะ”
“เจ้าพี่ทานยาหรือยังเจ้าคะ”
“อย่ามายุ่งกับข้า”
รุ้งแก้วชะงัก แต่ก็จำใจเดินออกไป พอหันหลังให้ละอองคำ ก็ได้ยินเสียงเย็นๆ ช้าๆ
“ข้าหิว”
รุ้งแก้วหันขวับ
“เจ้าพี่พูดกับน้องหรือเจ้าคะ”
“เปล่า ข้าไม่ได้พูดอะไรสักคำ ไปได้แล้ว”
รุ้งแก้วออกไป ละอองคำนอนซม แต่ดวงตาแดงฉาน น่ากลัว ผีเจ้าปรากฏนั่งข้างๆ “ข้าหิว หิวเหลือเกิน หิว เจ้าเลี้ยงข้าให้อดอยาก ระวัง”
ละอองคำนิ่วหน้า กระถดตัวหนี ผีเจ้าเลือนหายไป รุ้งแก้วอยู่ในห้องนอน นั่งประนมมือ เศร้าหมอง
“เจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าขา เจ้าพี่ละอองคำยิ่งแปลกขึ้นทุกวัน ลูกจะช่วยเจ้าพี่ละอองคำได้อย่างไรเจ้าคะ ลูกคิดถึงเมืองนายเหลือเกิน”
รุ้งแก้วน้ำตาไหลพราก
ตอนเช้า ละอองคำหน้าหมอง ไม่สดชื่น รุ้งแก้วเดินเข้ามา
“นั่นเจ้าจะไปไหนแต่เช้า”
“ไปวัดเจ้าค่ะ”
“ข้าเคยสั่งห้ามแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ไป”
“เจ้าพี่ เราไม่เคยทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าพ่อเจ้าแม่ เจ้าพี่ราบฟ้า และ”
ละอองคำชี้หน้ารุ้งแก้ว
“พอเถอะ อย่าเอ่ยชื่อคนเหล่านี้ให้ข้าได้ยินอีก เจ้าก็รู้ รุ้งแก้ว ที่เราต้องเป็นอย่างนี้ ก็ไม่เพราะคนที่เจ้าเอ่ยถึงหรอกหรือ”
“แต่คนอกตัญญูบรรพบุรุษย่อมไม่เจริญ ให้น้องไปเถอะเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องไป”
“น้องจะไปเจ้าค่ะ”
รุ้งแก้วรีบเดินออกไป
“ร้ายนักนะ รุ้งแก้ว แล้วจะได้เห็นกัน”
ละอองคำมองรุ้งแก้วไม่พอใจ
รุ้งแก้วเดินผ่านประตูวัดเข้ามา หันมองด้านหลัง มีเพียงความว่างเปล่า
เธอถอนใจ เดินช้าลง สำรวมกิริยาสมกับอยู่ในเขตวัด มือยังอุ้มขันข้าวกับมาลัยดอกมะลิ ธวัชเดินผ่านหน้าโบสถ์ เศร้าสร้อย รุ้งแก้วเข้ามาในโบสถ์ ก้มกราบหลวงพ่อ
“เจริญพรเถอะโยม อยู่แถวนี้รึ”
“อยู่ใกล้ๆ วัดนี่แหละเจ้าค่ะ หลวงพ่อ”
“คงไม่ใช่คนย่านนี้สินะ หลวงพ่อเกิดที่นี่ รู้จักคนย่านนี้ดี”
“เจ้าค่ะ ดิฉันมาทำบุญและกราบพระเจ้าค่ะ”
“เจริญพร พระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์นัก หากอธิษฐานดีๆ โยมจะสมความปรารถนา”
รุ้งแก้วมองไปที่พระประธานด้านหลังหลวงพ่อ ฉัตรคลานเข่าเข้ามา ก้มกราบ
“ว่าไงล่ะ ฉัตร”
รุ้งแก้วหันมา จำฉัตรได้ ทั้งสองยิ้มให้กัน ฉัตรมองรุ้งแก้วอย่างพอใจ
ธวัชก้มกราบแม่ชีน้อม จิตหันสบตาแม่ชี ถอนใจ
“สบายใจขึ้นหรือยัง ธวัช”
“ยังไม่ชินขอรับแม่ชี แต่ก่อนเคยมีกันสองคน”
“ลุงทับไปสู่สุขคติแล้ว อย่าทำให้เขาต้องห่วงกังวลเลยนะ”
ธวัชก้มหน้า แม่ชีน้อมมองด้วยความเห็นใจ
“อุ้ย นั่นใครกันค่ะ อิฉันไม่เคยเห็น หน้าตาสะสวย”
ทั้งสองหันมองตามสายตาของจิต ธวัชตกใจ เมื่อเห็นรุ้งแก้วกับฉัตรเดินออกมาจากโบสถ์ คุยกันอย่างสนิทสนม ธวัชหน้าเจื่อน รุ้งแก้วเดินคู่กับฉัตร หน้าแช่มชื่นทั้งคู่
“ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณรุ้งแก้วที่นี่ ประทานโทษ คุณจำแลงไม่ได้มาด้วยหรือครับ”
“เปล่าค่ะ ดิฉันมาคนเดียว”
“บ้านคุณรุ้งแก้วคงอยู่แถวนี้ ถึงมาวัดคนเดียวได้”
“ค่ะ ดิฉันอยู่กับพี่สาวสองคน จากบ้านก็มองเห็นหลังคาโบสถ์เลยนะคะ”
“ผมมากราบหลวงพ่อบ่อยๆ ไม่ยักพบคุณรุ้งแก้ว”
“ดิฉันไม่ได้มาบ่อยนักหรอกค่ะ”
ฉัตรมองรุ้งแก้วด้วยสายตาพึงพอใจ ธวัชมองมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่พอใจ รีบเดินออกไปจากวัด รุ้งแก้วหันไปเห็น อุทานเบาๆ
“คุณธวัช”
ธวัชหันมา ยิ้มฝืนๆ แล้วรีบเดินไป รุ้งแก้วลุกลี้ลุกลน รีบร้อน
“ดิฉันต้องไปก่อนนะคะ”
ฉัตรมองงงๆ รุ้งแก้วเดินตามธวัชไป
“คุณธวัชคะ คุณธวัช”
ธวัชหันมา ยิ้ม ฉัตรยังยืนมองจากที่เดิม หน้าสลด รุ้งแก้วยิ้มเขินๆ ธวัชมองหญิงสาวด้วยดวงตาแสนรัก
“รู้มั้ย ผมคิดถึงคุณรุ้งแก้วเหลือเกิน”
รุ้งแก้วหลบตาต่ำ ไม่ยอมตอบ แต่ยิ้มมีความสุข
“มาทำบุญทีไร ก็อธิษฐานว่าให้ได้พบคุณอีกสักครั้ง วันก่อนผมแวะไปหาคุณที่บ้าน”
“เอ่อ คุณไปหารุ้ง เอ้อ แล้ว พบอะไร มั้ยคะ”
“ไม่นี่ครับ ก็พบคุณพี่ละอองคำ ผมรู้สึกว่าคุณพี่มีอาการแปลกๆ เธอไม่สบายหรือเปล่าครับ”
รุ้งแก้วอึกอัก ทำหน้าไม่ถูก
“ไม่นี่คะ เอ่อ คุณพี่ละอองคำ สบายดี”
รุ้งแก้วก้มหน้า แล้วเสมองไปทางอื่น กลัวธวัชถามความจริง
ละอองคำแย้มหน้าต่างมอง เห็นจำแลงเดินมาที่ประตูรั้ว เธอปล่อยผมสยาย ตาแดงเป็นประกาย เสียงผีเจ้าดังขึ้น
“เหยื่อของข้ามาแล้ว เร็วเข้าสิ”
ละอองคำหันไปทางประตู ยืนอยู่หน้าบ้าน
“มาหาน้องรุ้งแก้วหรือคะ”
“ครับ”
“รุ้งแก้วไม่อยู่หรอกค่ะ ไปบ้านญาติ”
“แหม เสียดายจริง ตั้งใจจะพาน้องรุ้งแก้วไปทานอาหารแถวราชวงศ์อยู่ทีเดียว”
“งั้นเชิญด้านในก่อนสิคะ”
ละอองคำหลีกทางให้จำแลงเดินนำเข้าไปในบ้าน เธอแลบลิ้น เลียริมฝีปาก ดวงตากระหยิ่มที่จะได้กินเหยื่อ จำแลงเดินเข้ามาในห้องรับแขกอย่างคุ้นเคย ละอองคำเดินตามมา ตาแดงฉาน จำแลงหยิบกล่องกำมะหยี่ออกจากกระเป๋า
“ผมมีแหวนเก่าแก่มาฝากน้องรุ้งแก้ว วงนี้ผมได้มาจากเมืองเพชร ช่างทองที่นั่นฝีมือดี เพชรก็น้ำงามครับ”
ละอองคำรับแหวนมา
“เป็นบุญของรุ้งแก้วนะคะที่คุณจำแลงเมตตา”
“ไว้วันหลังผมจะแวะมาใหม่ก็แล้วกันครับ”
“น้องรุ้งแก้วมัวเถลไถลอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เห็นทีต้องอบรมซะบ้าง”
จำแลงหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเดินออกไป ละอองคำเดินตามออกไปส่ง เสียงผีเจ้าดังอีก
“ทำไมปล่อยมันไป”
จำแลงหันกลับมา
“คุณพี่ละอองคำว่าอะไรนะครับ”
“เปล่านี่คะ เอ๊ะ คุณจำแลงได้ยินอะไรหรือคะ”
“เปล่า เปล่าครับ ไม่ได้ยินอะไร”
จำแลงเดินออกไป ละอองคำเข้ามาในห้อง ชะงัก กรวยดอกไม้ลอยวนอยู่ตรงหน้า
“ทำไมไม่จัดการมัน ไม่รู้เหรอ ข้าหิว”
“ข้าขอเถอะ เขาเป็นบ่อเงินบ่อทองของข้า”
กรวยดอกไม้เปล่งแสงสว่างเรือง แล้วกลายเป็นเงาผี น่าเกลียด
“ข้าหิว ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”
“ทนหน่อยเถอะ ผีเจ้า”
ผีเจ้าตวัดสายตาไปทางนอกบ้าน
“เหยื่อของข้ามาอีกแล้ว อย่าปล่อยให้หลุดมือไปล่ะ”
เงาผีเจ้าวูบเข้าร่างละอองคำ ละอองคำดวงตาแดงฉาน แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะไปปรากฏตัวที่หน้าบ้าน มองสมชายที่มาด้อมๆ มองๆ ริมรั้ว ถามเสียงเข้ม วางอำนาจ
“มาพบใคร”
สมชายสะดุ้ง
“ใช่บ้านคุณรุ้งแก้วมั้ยครับ”
“ฉันเป็นพี่สาวเขา มาหาเขาทำไม”
สมชายยิ้มประจบทันที
“ผมซื้อแพรจากฝรั่งเศสมาฝาก เดี๋ยวผมไปเอาที่รถมาให้นะครับ”
สมชายผละออกไปจากรั้ว หัวเราะอารมณ์ดี ละอองคำจ้องสมชายเขม็ง สมชาย กำลังหยิบค้นผ้าแพร ลมพายุมา จู่ๆ เขาก็เซถลาเข้าไปในรถเหมือนถูกผลัก
“โอ๊ย อะไรกันโว้ย”
ฉับพลัน รถของสมชายก็เคลื่อนไปข้างหน้าได้เอง สมชายหวาดกลัว ผมตั้งชัน
“โอ๊ย ช่วยด้วย”
รถของสมชายแล่นไปในความมืด แล้วหยุดที่ถนนสายเปลี่ยว แดดจัดจ้ากลายเป็นความมืด เมฆดำเคลื่อนผ่าน รอบกายมีแต่ความมืด สมชายตกใจ มองซ้ายขวาด้วยความหวาดกลัว
“อะไรวะ ตะกี้ฟ้ายังแจ้งอยู่เลย”
เสียงหมาหอนดังมา บรรยากาศรอบตัวน่ากลัว จู่ๆ ร่างละอองคำก็ปรากฏขึ้นในรถ สมชายตกใจ ละอองคำหัวเราะ ดวงตาแดงก่ำ
“เฮ้ย คุณ อ๊าย”
สมชายมือไม้สั่น เปิดประตูรถออกไป วิ่งไม่คิดชีวิต
ละอองคำยืนดักหน้า สมชายชะงัก จู่ๆ ใบหน้าของละอองคำกลายเป็นใบหน้าของผีเจ้า สมชายหันหลังกลับ แต่เพียงไม่กี่ก้าว ผีเจ้าก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเขา เขาผงะ ล้มลง หวาดกลัวสุดขีด มือค่อยๆ ชูสูงขึ้น สมชายตัวสั่นควบคุมมือตัวเองไม่ได้ จู่ๆ มือก็พุ่งเข้าที่ท้อง สมชายหวีดร้องสุดเสียง เลือดทะลักออกจากปาก ตาเหลือกลาน เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังอยู่ในความมืด แม่ชีน้อมนั่งหลับตา เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังเข้ามา
“เราจะช่วยเจ้าได้อย่างไร”
แม่ชีน้อมถอนใจ ก้มกราบพระ
ที่หิ้งผี กรวยดอกไม้เก่าๆ นิ่งสงบ ละอองคำนั่งอยู่ปลายเตียง เสียงเคาะประตูดังมา เธอหันมอง ตาดุ ริมฝีปากมีเลือดติดอยู่ ประตูถูกผลักเข้ามา
“เจ้าพี่อยู่ยังไงกันเจ้าคะ ไฟฟืนไม่เปิด”
รุ้งแก้วเปิดไฟสว่างจ้า ละอองคำเลียเลือดตรงริมฝีปากจนหมด
“อย่าเฉไฉ รุ้งแก้ว ไปไหนมาทั้งวัน รู้มั้ยว่าข้าเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน”
“ก็น้องบอกเจ้าพี่แล้วนี่เจ้าคะว่าน้องไปวัด”
“ไปวัด ทำไมกลับเอาจนป่านนี้ แอบไปพบไอ้ธวัชมาล่ะสิ”
“น้องไปเรียนสมาธิกับแม่ชีมาเจ้าค่ะ”
รุ้งแก้วผละออกมา กลัวถูกจับได้ว่าไปพบธวัชมาจริงๆ แต่ละอองคำเรียกไว้
“เดี๋ยว รุ้งแก้ว”
“อะไรเจ้าคะ”
“หน้าตาเจ้าเปล่งปลั่งสดใสผิดปกตินี่ ฮึ”
“เจ้าพี่ก็เหมือนกัน ก่อนน้องไปวัดยังดูซึมๆ แต่ตอนนี้สดใสขึ้นมาก เจ้าพี่ไปทำอะไรมาเจ้าคะ”
ละอองคำเบือนหน้าหนี รุ้งแก้วรีบออกไป ละอองคำนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูตัวเอง ใช้มือไล้ไปตามแก้ม เครียดขึ้นมา
“ปีกกล้าขาแข็งนักนะรุ้งแก้ว”
พลันละอองคำตกใจ เห็นเงาของราบฟ้ากับปิ่นเมืองในกระจกเงา
“เจ้าพี่”
ละอองคำหันไป เห็นราบฟ้ายืนอยู่ข้างปิ่นเมือง ปิ่นเมืองโบกพัดด้ามจิ๋ว ลอยหน้า
“เห็นหรือยังเจ้าข้า แม่มันเป็นอย่างใด มันก็เป็นเยี่ยงนั้น นี่คงหมายเอาสมบัติผู้อื่นมาเป็นของตน ดีนะเจ้าข้าที่เมืองนายล่มไปแล้ว หาไม่ มันคงชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน พาลให้เมืองนายล่มจม”
ละอองคำถลาไปจะตบปิ่นเมือง
“หยุดนะปิ่นเมือง ข้าไม่ได้ชั่วช้าสามานย์อย่างที่เจ้าพูดดอก หัดมองดูตัวเองเสียบ้าง ถ้าหากะโหลกกะลาใส่น้ำให้ชะโงกดูเงาตัวเองไม่ได้ ก็ดูตัวเองในคันฉ่องนี่”
“ละอองคำเหย ไม่ต้องสอนข้าดอก หัดเตือนตัวเองดีกว่าว่าเจ้ากำลังทำอันใดอยู่ จริงหรือไม่เจ้าพี่”
“ใช่ คิดจะเอาน้องรุ้งแก้วไปเร่ขายเยี่ยงผักเยี่ยงปลา เจ้าไม่อดสูใจบ้างหรือละอองคำ”
ละอองคำตกใจหันมองราบฟ้า
“เจ้าพี่ ทรงฟังคำชั่วช้าอีปิ่นเมือง มากกว่าเชื่อใจข้าหรือเจ้าคะ”
“ถ้าเจ้าว่าปิ่นเมืองชั่ว ก็ลองตรองดูเถิดว่าระหว่างปิ่นเมืองกับเจ้าใครชั่วกว่ากัน”
ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน กอดราบฟ้าไว้
“อย่าใส่ใจอีหญิงชั่วช้า แผ่นดินกลบหน้าก็หารู้สึกไม่”
“ใช่ ไปกันเถิด”
ราบฟ้ากับปิ่นเมืองหายไป ละอองคำมองหา น้ำตาไหลพราก
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ ฮือๆๆ”
ละอองคำผวาตื่น เหงื่อเต็มใบหน้า
“ฝันไปหรือนี่ เจ้าพี่ ข้ารักเจ้าพี่ผู้เดียว จะหาใครมาแทนเจ้าพี่อีกแล้วไม่ได้ในชาตินี้”
“ละอองคำ อย่าตกเป็นทาสความคิดของตัวเองสิ”
“ผีเจ้า”
ผีเจ้าปรากฏร่างขึ้น วูบเข้าหาละอองคำ
“ลืมผีปู่ย่า ลืมเมืองนาย ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยผ่านมาให้หมด ต่อแต่นี้ไป เจ้ามิใช่เจ้านางละอองคำ”
“ข้าไม่ใช่ละอองคำ แล้วจะให้ข้าเป็นอะไร”
“ถามได้ อีละอองคำเหย เจ้าก็เป็นทาสของข้าอย่างใดเล่า”
ผีเจ้าหัวเราะ แล้วค่อยๆ เลือนหายไป ละอองคำน้ำตาคลอ ทั้งเสียใจและเจ็บใจ
ตอนเช้า โฉมวิ่งเข้ามาในบ้าน กรีดร้องเสียงดัง ทุกคนในบ้านตกใจ ซ่อนกลิ่นวิ่งออกมาจากในครัว
“เกิดอะไรขึ้น โฉม โฉม เกิดอะไรขึ้นลูก บอกแม่ซิ”
โฉมโผเข้าอ้อมกอดแม่ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณสมชายค่ะแม่ คุณสมชายตายแล้ว”
“หา ว่าไงนะโฉม”
“คุณสมชายตายแล้วค่ะ บ่าวที่เรือนเพิ่งมาแจ้งข่าว”
“แล้วแกจะร้องไห้ทำไม ฮึ โฉม คนตายไปแล้ว จะร้องให้มันฟื้นขึ้นมาหรือไง”
“ก็โฉมรักเขานี่คะคุณพ่อ”
สมานส่ายหน้าระอา
“คุณคะ ลูกกำลังเสียใจ”
โฉมร้องไห้โฮ ฉัตรเดินเข้ามาในบ้าน
“แปลกมากเลยครับคุณแม่ บ่าวที่มาแจ้งข่าวบอกว่า หมอชันสูตรพบว่าคุณสมชายแกตกใจสุดขีด แต่”
“แต่อะไร ฮึ” สมานถาม
“เหมือนว่าแกจกท้องตัวเอง แล้ว”
“เป็นอะไรของแกฮึ ตาฉัตร อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นั่นแล้ว”
“ตับไตไส้พุงไม่มีเหลือเลยครับ”
ทุกคนตกใจ
“ว้าย เหมือนถูกปอบกิน”
โฉมชะงัก ผละจากอกซ่อนกลิ่น
“ผีปอบ”
“เหลวไหลน่า นี่มันยุคประชาธิปไตยแล้วนะ แม่ซ่อนกลิ่น”
ฉัตรครุ่นคิด
เจ้านาง ตอนที่ 4 (ต่อ)
รุ้งแก้วเดินเข้ามาในบ้าน ละอองคำมอง ไม่ใส่ใจ
“เจ้าพี่ฆ่าคุณสมชายใช่มั้ยเจ้าคะ”
“สมชายไหน ข้าไม่เคยรู้จัก เจ้าอย่าปรักปรำข้านะ รุ้งแก้ว”
“แต่ศพของคุณสมชายผิดปกติ”
ละอองคำจนด้วยคำพูด รุ้งแก้วมองผิดหวัง แล้วจะออกไป
“นั่นเจ้าจะไปไหน”
“ไปวัดเจ้าค่ะ น้องจะไปวัด”
“ข้าไม่ให้ไป กลับมานี่นะ รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วเดินไป ไม่ยอมฟังคำห้ามปรามของพี่สาว
“กลับมานะรุ้งแก้ว กลับมา”
ละอองคำตามรุ้งแก้วมาทันที่ประตูรั้ว
“น้องจะไป”
“อย่าทำให้ข้าโกรธนะ รุ้งแก้ว”
“น้องจะไปปฏิบัติธรรม สร้างบารมีช่วยเจ้าพี่ น้องรู้นะเจ้าคะว่าเจ้าพี่กำลังตกอยู่ในอำนาจของผีร้าย”
“หยุดนะ รุ้งแก้ว พูดอะไรของเจ้า”
“เจ้าพี่หลอกน้องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
รุ้งแก้วไม่ฟัง วิ่งออกไป
“กลับมา รุ้งแก้ว เจ้าอย่าขัดใจข้านะ”
รุ้งแก้ววิ่งมาถึงหน้าวัด ละอองคำวิ่งตามมา รุ้งแก้วผ่านประตูวัดเข้าไป ละอองคำวิ่งตาม ผงะ แสงสีทองสว่างวาบ เธอล้มลง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างหวาดกลัว
“นังรุ้งแก้ว นึกว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้ารึ”
แม่ชีน้อมยืนมองอยู่ไกลๆ เห็นละอองคำยันตัวลุกขึ้น แม่ชีมองด้วยความเวทนา
ละอองคำเดินกลับจากหน้าวัด โกรธรุ้งแก้วอย่างที่สุด หญิงชาวบ้านสองสามคน กลับจากซื้อของ เดินผ่านมา
“ตะวันตกดินปั๊บ ฉันงี้ ไม่กล้าออกจากบ้านเลย น่ากลัวเหลือเกิน”
“นั่นสิ เขาว่าไส้พุงไม่มีเหลือ ปอบกินแน่ๆ”
“หลายรายแล้ว ลุงทับนั่นเขาก็ว่าปอบกิน พวกเราจะทำยังไงกันล่ะทีนี้”
ละอองคำเดินสวนหญิงทั้งสามมาพอดีหันขวับ แต่หญิงทั้งสามไม่ได้สนใจ
“คงต้องหาของดีไว้ป้องกันตัว”
“จะไปหาที่ไหนได้ล่ะ”
“อ้าว ก็แม่ชีที่วัดไง เห็นแม่จิตว่ามีของดีป้องกันภูตผีร้ายได้”
“แม่ชีที่เพิ่งมาอยู่วัดเราน่ะหรอ”
“นั่นแหละ”
“ดีๆ ถึงบ้านข้าแล้ว พวกแกก็อย่ามัวโอ้เอ้นะ เดี๋ยวมืดค่ำ มันน่ากลัว”
“จ้ะๆ ไปก่อนนะ”
ทั้งสามแยกย้าย ละอองคำหยุดยืนมองตาขวาง
ละอองคำเดินหงุดหงิดอยู่ในบ้าน ปล่อยผมยาวสลวย ลมพัดมาวูบหนึ่ง เธอหันขวับ จ้องหน้าต่างเขม็ง ตาเริ่มกร้าวขึ้น เงาร่างของแม่ชีน้อมปรากฏอยู่ในดวงตา ละอองคำโกรธจัด เดินไปที่หน้าต่าง แสงสว่างเป็นลำพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ละอองคำหลบวูบ แล้วตวัดตามอง กายทิพย์ของแม่ชีน้อมนั่งขัดสมาธิลอยอยู่ตรงหน้าต่าง
“เจ้าเป็นใคร มายุ่งอะไรกับข้า”
แม่ชีน้อมเปิดเปลือกตาขึ้น ยิ้มปรานี
“ฉันสงสารเธอ”
กายทิพย์ของแม่ชีน้อมลอยห่างออกไป ละอองคำตะโกนก้อง
“อย่าแส่เรื่องของข้า ใครขวางข้า ข้าจะจับกินซะให้หมด”
ละอองคำมาที่หน้าต่าง พลันหน้าต่างกระชากปิดเองอย่างแรง เธอคำตกใจ ผงะ ยืนตะลึง หอบตัวโยนด้วยความโกรธ
ที่กุฏิ แม่ชีน้อมค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น รุ้งแก้ว ธวัชและจิต ต่างจ้องเขม็ง จิตถามทันที
“แม่ชีไปไหนมาหรือคะ หลับตาอยู่เป็นนาน”
“จิต ลองตรองดูซิ รู้แล้วได้อะไร ไม่รู้แล้วได้อะไร”
จิตก้มหน้ารู้ว่าถูกตำหนิ ธวัชกังวลมาก
“มีอะไรร้ายแรงหรือครับ แม่ชี”
น้อมไม่ตอบ หันไปมองรุ้งแก้ว
“การปฏิบัติธรรม เป็นสมบัติส่วนตัว ใครทำใครได้ เราน่ะโชคดีแล้วนะ ได้ใกล้ชิดพระศาสนา”
“เจ้าค่ะ ดิฉันอยากมีที่พึ่ง ห่วงพี่สาวเหลือเกิน”
“รุ้งแก้ว วิบากกรรมที่เราทำร่วมกับเขามานั้น จะหนีได้ก็ด้วยการเร่งปฏิบัติบารมีให้กล้าแกร่ง บารมีของมันมากเหลือเกิน บางที”
แม่ชีน้อมหยุด ตรองว่าควรพูดหรือไม่ รุ้งแก้วยิ่งร้อนรน
“อะไรหรือเจ้าคะ”
“รุ้งแก้ว เธออาจต้องช่วยมวลมนุษย์ในวันข้างหน้า”
“ดิฉันหรือคะ”
แม่ชีน้อมพยักหน้าช้าๆ รุ้งแก้ววิตก รุ้งแก้วเดินมาใต้ร่มไม้ใหญ่ ตรงลานวัด ธวัชลอบมองเป็นระยะ
“ที่แม่ชีพูดกับน้องรุ้ง เรื่องอะไรหรือครับ”
รุ้งแก้วอึดอัด
“รุ้งยังไม่ค่อยกระจ่างนักหรอกค่ะ”
“พี่เป็นห่วงน้องรุ้ง น้องรุ้งแก้วต้องระวังตัวให้มากนะ แม่ชีเตือนให้พี่ระวังตัวด้วยเหมือนกัน”
“ค่ะ”
ธวัชกุมมือรุ้งแก้วไว้
รุ้งแก้วเข้ามาในบ้าน ละอองคำถลาเข้ามา ดันตัวรุ้งแก้วไปติดราวบันได
“ไปไหนมา”
“ข้าบอกเจ้าพี่แล้วไงว่าไปวัด”
“อย่าบอกนะว่าไปกราบนังแม่ชีนั่น”
รุ้งแก้วตกใจ
“เจ้าพี่รู้จักแม่ชีน้อมด้วยหรือเจ้าคะ นี่เจ้าพี่แอบไปกราบแม่ชีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“กราบรึ มีแต่จะฆ่ามันต่างหาก”
รุ้งแก้วหน้าเสีย
“แม่ชีเป็นคนดี ทำไมเจ้าพี่ถึงได้”
“หยุด ข้าไม่อยากฟังเจ้าสรรเสริญมัน จำไว้ ถ้าข้ารู้อีกว่าเจ้าไปที่วัด ข้าไม่ปรานีเจ้าแน่ รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วกลัวละอองคำสุดชีวิต
โฉมก้าวเข้ามาในบ้านจำแลงอย่างถือวิสาสะ คนรับใช้ตกใจ
“มาพบใครหรือเจ้าคะ”
“คิดว่าฉันมาพบใครล่ะ ที่นี่บ้านคุณจำแลงไม่ใช่รึ”
“จะให้เรียนท่านว่าใครต้องการพบเจ้าคะ”
“เรียนเธอว่าคุณโฉม ธิดาคุณสมานมาพบ”
“เอ่อ คุณสมาน คุณสมานไหนหรือเจ้าคะ”
โฉมถมึงตาใส่
“เอ่ยชื่อคุณสมาน คนทั้งพระนครนี้ต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่าหมายถึงคุณสมาน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กระทรวงธรรมการ โง่นัก”
“ประทานโทษเจ้าค่ะ อิฉันมาจากเมืองเพชร”
“นี่หล่อนกล้าตีฝีปากกับฉันรึ”
“อุ้ยๆ มิได้เจ้าค่ะ มิได้”
จำแลงเดินออกมา
“อะไรกัน เอะอะเชียว อ้าว คุณโฉม”
โฉมถือวิสาสะเดินเข้ามาถึงตัวจำแลง ทั้งสองพากันไปนั่งคุยที่ศาลาริมน้ำ โฉมรีบบอกเรื่องร้อนใจ
“โฉมอยากทราบค่ะ ว่าแม่รุ้งแก้ว เป็นใครกัน”
“เอ๊ะ เกี่ยวอะไรกันน้องรุ้งแก้วด้วย”
“เกี่ยวสิคะ ที่คุณสมชายต้องตาย ก็เพราะไปหามัน นังคนนี้มันทำให้ชีวิตของโฉมต้องพังพินาศ”
“สมชายไปถึงที่บ้านน้องรุ้งแก้วของผมเชียวรึ”
โฉมนึกขึ้นได้ รีบปรับสีหน้า
“ค่ะ เชื่อมั้ยคะ นังคนนี้ใครเห็นเป็นติดใจ ตอนนี้ผู้ชายทั้งพระนครต่างก็อยากยลโฉมแม่คนนี้กันทั้งนั้น โฉมชักจะสงสัยแล้วว่ามันเป็นแม่มด หมอผี ปลอมตัวมาหรือยังไง ใครต่อใครถึงอยากใกล้ชิดมันนัก”
“คุณโฉม อย่าก้าวร้าวน้องรุ้งแก้วอย่างนั้นสิ ผมไม่ชอบ”
“ขอประทานโทษค่ะ แต่โฉมขอถามอีกคำเดียว เทือกเถาเหล่ากอของแม่คนนี้เป็นอย่างไร สืบสาแหรกจากพระน้ำพระยาสายไหน”
“เปล่าหรอก คุณรุ้งแก้วเธออพยพมาจากเมืองเหนือโน่น”
“อพยพมาจากเมืองเหนือ”
“คุณโฉมขำอะไร”
“สาวๆ ลูกขุนน้ำขุนนางออกเต็มเมืองไม่หลงใหลกัน กลับไปลุ่มหลงผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าจากหัวเมืองบ้านนอกโน่น แปลกนะคะ สุภาพบุรุษยุคนี้”
โฉมลอยหน้า จำแลงมองไม่พอใจ
กลางคืน ละอองคำผลักประตูเข้ามา หงุดหงิดที่รุ้งแก้วยังไม่กลับบ้าน หิ้งผี กรวยดอกไม้เก่า ลอยมาตรงหน้าละอองคำ
“ข้าหิว”
“จะให้ข้าทำยังไง ไอ้ธวัชเจ้าก็กินมันไม่ได้”
กรวยลอยขยับไปมาเร็วขึ้น ส่งเสียงประกายวูบวาบ
“ข้าหิว ระวังนะ เลี้ยงข้าไม่ดี ข้าจะกินนังรุ้งแก้ว”
ละอองคำหันขวับ ตาขวาง
“อย่าแตะต้องรุ้งแก้วเด็ดขาด”
กรวยดอกไม้ส่ายลอยอยู่ตรงหน้า เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังมา
“ข้าขอร้องนะ ผีเจ้า ถึงรุ้งแก้วมันจะดื้อ ไม่อยู่ในคำสั่งของข้า แต่มันก็เป็นน้องข้า ข้าขอนะผีเจ้า”
ละอองคำยกมือไหว้กรวยดอกไม้
“ไม่ให้ข้ากินนังรุ้งแก้ว แล้วจะให้ข้ากินใคร ข้าหิว เจ้าได้ยินมั้ย”
ที่บ้านยายฟัก เงียบเชียบ วังเวง เสียงมาหอนแว่วมาแต่ไกล เสียงเคาะประตูแรงๆ ดังขึ้น
“เออๆ มาแล้ว เคาะอยู่นั่น”
ไฟหน้าบ้านสว่างขึ้น
“ตาแม้นนะตาแม้น ข้าบอกแล้วว่าอย่ากลับดึก ปอบยิ่งอาละวาด”
ยายฟักประตูเปิดออกมา แล้วตกใจ เห็นละอองคำยืนอยู่หน้าบ้าน
“อ้าว แม่คุณ มาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ ฉันตกใจหมด”
“ข้าหิว”
“หิวก็ไปที่อื่นสิ ที่นี่ไม่มีอะไรให้กินหรอก ไปซะ ไป๊”
ละอองคำยืนนิ่ง มองหน้า
“เอ๊ะ ข้าบอกให้ไปที่อื่น ไป๊”
ละอองคำแสยะยิ้ม ชูมือขึ้น เล็บค่อยๆ ยาวขึ้น
“ข้าหิว ขอไส้ให้ข้ากินหน่อยเถอะ”
ฟักตาโต ตกใจสุดขีด ละอองคำคว้าคอบีบ ยายฟักตาเหลือกลาน ดิ้นรน แล้วล้มลง เสียงหมาหอนดังระงม ละอองคำเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม เลือดติดริมฝีปาก
ตอนเช้า หน้าต่างห้องละอองคำค่อยๆ เปิดออก เธอมองลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง
“วุ่นวายกับข้านัก เดี๋ยวเถอะ”
โฉมมองลอดลูกกรงเข้ามาในบ้าน ลมพัดเบาๆ โฉมขนลุก
“อุ๊ย ทำไมขนลุก”
โฉมเหลียวไปรอบๆ หวาดๆ เห็นบ้านทรงปั้นหยาเงียบเหมือนไม่มีคนอาศัย เธอคิดถึงเรื่องที่คุยกับฉัตร
“พี่ฉัตร พี่ฉัตรจำแม่รุ้งแก้ว แฟนคุณจำแลงได้หรือเปล่าคะ”
“มีอะไรเหรอ”
“พี่ฉัตรรู้มั้ยคะว่าบ้านมันอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้ แต่เคยเจอเขาที่วัด”
“วัด”
“ใช่ พี่ไปหาหลวงพ่อ โฉมถามทำไม”
“เปล่าค่ะ”
โฉมเดินแยกไป ซ่อนกลิ่นถามฉัตร
“ใครกัน รุ้งแก้ว”
ฉัตรไม่ตอบ ครุ่นคิด มองตามโฉมไป
“ถามก็ไม่ตอบ เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง”
สมานส่ายหน้า ซ่อนกลิ่นครุ่นคิด
โฉมยืนมองบ้านละอองคำ เห็นว่าเงียบมากราวกับบ้านผีสิง ขณะที่รุ้งแก้วเห็นละอองคำเดินลงบันไดช้าๆ
“เจ้าพี่จะไปไหนหรือเจ้าคะ”
“มีแขกมาบ้าน”
ละอองคำแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวโหย รุ้งแก้วฉุกคิด รีบก้าวตามมา“เจ้าพี่ เดี๋ยวน้องต้อนรับเขาเองเจ้าค่ะ”
“ถอยไป อย่ามายุ่ง”
“เจ้าพี่”
“นั่นเจ้าจะไปไหน”
รุ้งแก้วหลบตา
“ไปวัดเจ้าค่ะ”
“ในวัดมันมีอะไรดี ข้าก็สั่งห้ามเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็ไม่เคยเชื่อข้า หรือว่า นัดเจอกับไอ้ธวัช”
รุ้งแก้วเดินไป ละอองคำโมโห เดินกลับขึ้นบันได ผีเจ้าปรากฏขึ้น ขวางที่บันได
“ข้าอยากกินมัน”
“ผีเจ้า ข้าไม่อยากให้รุ้งแก้วรู้ เห็นใจข้าเถอะ ยังไงมันก็เป็นน้องข้า”
“อย่าปล่อยให้ข้าหิว เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะเลี้ยงข้าให้ดี อย่าลืม”
ผีเจ้าเลือนหายไป ละอองคำหน้าเสีย กังวล
รุ้งแก้วออกมาหน้าบ้าน เห็นโฉมด้อมๆ มองๆ โฉมเห็นรุ้งแก้วพอดี“อยู่บ้านนี้จริงๆ ด้วย จำฉันได้มั้ย”
“ค่ะ จำได้ คุณมีธุระอะไรคะ”
“ฉันอยากรู้ว่าบ้านนี้มีอาถรรพ์อะไร ทำไมใครๆ ถึงเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่”
“พูดอะไรของคุณ”
“คุณสมชาย ต้องตายก็เพราะมาหลงเสน่ห์แก แกทำอะไรเขา”
“ถ้าบ้านนี้มีอาถรรพ์ มันก็อาจทำให้คุณไม่ปลอดภัย”
“นี่แกขู่ฉันเหรอ”
“ฉันขอเตือนให้คุณกลับไปซะ”
รุ้งแก้วผละออกมา แต่ยังหันมองโฉมเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง โฉมมองขึ้นไปบนเรือน ทำท่าจะผลักประตูรั้วเข้าไป หน้าต่างห้องละอองคำที่ปิดสนิท ก็เปิดออก แล้วปิดเองดังปัง
โฉมสะดุ้งสุดตัว หวาดกลัว ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง
รุ้งแก้วเดินผ่านประตูวัดเข้ามา ละอองคำเดินพล่านอยู่ในห้อง มองกรวยดอกไม้เป็นระยะ
รุ้งแก้วนั่งสมาธิ ธวัชกับจิต นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ กัน โดยมีแม่ชีน้อมคอยสอน เฝ้ามองด้วยความเป็นห่วง ละอองคำกระแทกตัวนั่งบนเตียง มือบีบกันแน่น เมินหน้าหนีกรวยดอกไม้ แม่ชีน้อมเดินเข้าไปอีกห้อง คุกเข่า พนมมือ ต่อหน้าพระพุทธรูป
“สาธุ ขอพระพุทธบารมีเป็นที่พึ่ง ผีร้ายมันสิงสถิตอยู่กลางเมือง ขออย่าให้มันมีอิทธิฤทธิ์ทำให้คนต้องล้มตาย พินาศย่อยยับ เพราะมันเลยเจ้าข้า”
แม่ชีน้อมก้มกราบ ละอองคำนั่งสางผมอยู่บนเตียง พยายามระงับอารมณ์กระสับกระส่ายทำใจให้สงบ หน้าต่างทุกบานปิดทึบ ลมกระโชกแรง หน้าต่างเปิดปิดๆ ละอองคำหันขวับ อารมณ์โกรธที่พยายามระงับไว้ปะทุทันที ดวงตาน่ากลัว
“ใคร ใครท้าทายข้า ใคร”
ยายเขียวและยายหยวกก้มกราบแม่ชีน้อม แม่ชีน้อม ยิ้มอารี รุ้งแก้ว ธวัช และจิต มองดูทั้งสองเงียบๆ
“ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านแล้ว ผีมันดุเหลือเกิน”
แม่ชีน้อมนั่งฟังนิ่งๆ ธวัช จิต และรุ้งแก้ว มองหน้ากันโดยไม่นัดหมาย ยายเขียวสีหน้าหวาดๆ
“เมื่อคืนก่อน ยายฟัก เมียตาแม้นก็เพิ่งถูกปอบกิน ตับไตเงี้ย ไม่มีเหลือเลยค่ะ แม่ชี”
“จริงเหรอ ยายเขียว ยายหยวก ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
“ก็แม่จิตอยู่แต่ในวัด จะรู้ได้ยังไง มันดุเหลือเกินแม่เอ๊ย”
“แม่ชีช่วยรดน้ำมนต์ให้อิฉันทั้งสองทีเถอะ กลัวจนหัวหดแล้วค่ะ มีของดีอะไร ก็กรุณาพวกอิฉันด้วยนะคะ”
แม่ชีน้อมหยิบของจากย่าม
“สายสิญจน์นี่จะคุ้มภัยผีร้ายได้ แต่อย่าไปท้าทายเขานะ ต่างคนต่างอยู่ ภพภูมิของใครก็ของมัน”
“มันไม่ยังงั้นซีคะ แม่ชี กลางวันมันก็เป็นคน กลางคืนถึงจะออกหากิน”
“ยายหยวกก็พูดเหมือนเคยเห็น”
จิตท้วง ยายเขียวป้องปาก กระซิบกระซาบ แต่เสียงดังได้ยินกันหมดทุกคน
“แหม พูดแล้วก็จะหาว่าใส่ความ เขาว่าสองพี่น้องที่อพยพจากเมืองเหนือนั่นแหละ เป็นปอบ”
ธวัชฮึดฮัด รุ้งแก้วสีหน้าไม่สู้ดี แม่ชีน้อมยิ้มบางๆ
“รู้จักเขาเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ แม่ชี แต่เขาโจษกัน ท่าจะจริงค่ะ”
แม่ชีน้อมหันมองรุ้งแก้ว
“เขาว่าเธอเป็นปอบแน่ะ รุ้งแก้ว แล้วเธอเข้ามาอยู่ในวัดได้ยังไง”
จิตหัวเราะเสียงดัง ยายเขียวกับยายหยวกหน้าเสีย มองหน้ากัน
“อุ้ยตาย ขอโทษนะจ๊ะ แหม ไอ้ฉันก็พูดไปเรื่อย”
ธวัชกับรุ้งแก้วสีหน้าดีขึ้น
สมานนั่งเก้าอี้โยกฟังเพลงจากแผ่นเสียง สบายอารมณ์ ซ่อนกลิ่นเดินเข้ามา ตรงไปปิดแผ่นเสียง
“มันเรื่องอะไรกัน แม่ซ่อนกลิ่น กำลังฟังเพลงเพลินๆ”
“คุณคะ เอ่อ”
“ทำไม มีอะไรก็ว่ามา”
“เอ่อ เรื่องลูกน่ะค่ะ คุณช่วยไม่ได้เหรอ ถ้าถูกดุลออกจากราชการล่ะก็แย่เลย”
“เธอนี่ก็แปลกคน ฉันเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลวงท่านดุลคนออกแต่เรากลับช่วยลูกตัวเอง คนเขาจะนินทาฉันขนาดไหน ไปๆ ไปได้แล้ว”
ซ่อนกลิ่นน้ำตาคลอ เสียใจ
“ก็เพราะตาฉัตรไม่ใช่ลูกคุณ”
“เอ๊ะ เธอนี่ยังไง พูดไม่รู้เรื่อง ออกไป ไป๊”
สมานลุกขึ้นไปเปิดเครื่องเสียง ซ่อนกลิ่นปาดน้ำตา มองสามีอย่างผิดหวัง แล้วผละออกไป สมานกลับมานั่งอย่างเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โฉมกับฉัตรเข้ามาในบ้าน
“โฉมพูดจริงๆ นะ โฉมไปบ้านมันมาแล้ว น่ากลัวจะตายไป เหมือนบ้านผีสิง ลึกลับ วังเวงพิกล แล้วจู่ๆ นะคะ หน้าต่างมันก็เปิดปิดเอง อุ้ย พูดแล้วขนลุก”
ฉัตรส่ายหน้า
“แล้วโฉมไปที่นั่นทำไม”
“ก็ไปดูน่ะสิ ว่ามันมีดีอะไร คุณสมชายถึงต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น โฉมว่ามันต้องเป็นผีแน่ๆ เลย”
“เหลวไหลน่า โฉม ผีเผอที่ไหนกัน”
ฉัตรขึ้นบันไดไป
“อะไรกัน ยัยโฉม ผีสางอะไรกัน”
“ผีที่ บ้านผีสิงค่ะ น่ากลัวจริงๆ นะคะคุณพ่อ”
สมานส่ายหน้าไม่เชื่อ
จบตอนที่ 4
อ่านต่อตอนที่ 5 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.