ลมซ่อนรัก ตอนที่ 5
ปราณนต์จอดรถที่หน้าบ้าน หลังจากไปทำงานที่โรงพยาบาลมา เขามองเข้าไปในบ้านก็เห็นแสงไฟสว่างอยู่ พร้อมกับเสียงเพลงสากลจังหวะคึกคัก ปราณนต์ยิ้มให้กับความมีชีวิตชีวาที่สัมผัสได้
"ท่าทางบ้านหมอจะกลายเป็นผับตื๊ดแล้วแน่ๆ"
แต่แล้วเสียงกรี๊ดของภัทรินก็ดังขึ้น "อ๊าย"
ปราณนต์ตกใจจึงรีบวิ่งเข้าไป
"ภัท”
ปราณนต์รีบวิ่งเข้ามาในบ้าน
"ภัท”
ภัทรินนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของปราณนต์ เธอกำลังดีดดิ้นดีใจพร้อมส่งเสียงกรี๊ดดังลั่น
"เป็นอะไร มีเรื่องอะไร"
"หมอ นี่ๆๆ ดู มีบริษัทเรียกชั้นไปสัมภาษณ์งานแล้ว"
"ที่คุณแหกปาก เพราะจดหมายเรียกสัมภาษณ์งาน"
"ใช่แล้ว..เป็นบริษัทนำเข้ายาจากต่างประเทศด้วย มีฮับอยู่ที่เชียงใหม่ หรูหราไฮโซโบว์ใหญ่มากๆ วู้ๆๆ ชั้นจะมีงานทำแล้ว และชั้นก็จะเอาเงินมาคืนหมอ จะได้จบชีวิตเมียทาสซะที"
"สาธุ ขอให้ได้ไปเร็วๆเถอะ แล้วใครอนุญาตให้เอาคอมฯส่วนตัวผมมาใช้"
"แล้วใครใช้ให้ทิ้งเอาไว้"
"ยังจะเถียงอีก" ปราณนต์ว่า
"ไปทำกับข้าวให้ชั้นกินไป ชั้นหิวแล้ว"
"หา ผมกลับมาเหนื่อยๆ คุณยังจะ”
"ไปๆๆๆ"
ภัทรินผลักไสปราณนต์ไปอย่างไม่แยแส เพราะกำลังตื่นเต้นดีใจกับการได้สัมภาษณ์งานอยู่
ปราณนต์ยกครกกับสากมากยืนมองอยู่อีกด้าน "ยัยเพี้ยน"
ภัทรินหันขวับมาจ้องปราณนต์แล้วก็ชี้หน้าอาฆาต
"ไปทำกับข้าว"
"ค้าบๆๆ" ปราณนต์รีบตำยิกๆ
เช้าวันใหม่ ภัทรินเดินมายินหน้าบริษัท “CNX Bio Overseas Co.,lid.” เธออยู่ในชุดสุภาพหรูหราด้วยสีหน้ามั่นใจ ปราณนต์ที่ขับรถมาส่งยืนเซ็ง
"คุณรู้มั้ยว่าผมมีงานมีการทำเหมือนกัน"
"จะไม่ดูแลภรรยาตัวเองเหรอ รอนี่นะ เดี๋ยวจะออกมาบอกฐานเงินเดือนใหม่ หกหลัก อิอิ"
ภัทรินเดินเริ่ดๆเข้าไป ปราณนต์เซ็ง
ภัทรินนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกด้านหน้าห้องประชุมโดยเปิดแมกกาซีนอ่านเก๋ๆ สักพัก พนักงานก็เดินมาตาม
"คุณภัทรินคะ เชิญเลยค่ะ"
ภัทรินเดินเข้าไป
ภัทรินเข้ามาด้านในห้องที่มีผู้สัมภาษณ์2คนเป็นฝรั่ง ฝรั่งทั้งสองลุกขึ้นยืนต้อนรับตามธรรมเนียม
“Hi, How are you?”
ภัทรินกับฝรั่งจับมือทักทายตอบกัน แล้วฝรั่งก็ผายมือเชิญภัทรินนั่ง
ผู้สัมภาษณ์พูดภาษาอังกฤษ "รอสักครู่นะครับ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน พอดีมีคนๆนึงอยากจะสัมภาษณ์คุณด้วยตัวเอง"
ภัทรินตอบด้วยภาษาอังกฤษ "จริงเหรอคะ แหม รู้สึกเป็นคนพิเศษยังไงก็ไม่รู้"
คนเปิดประตูเดินเข้ามา
ผู้สัมภาษณ์อีกคนบอกเป็นภาษาอังกฤษ "มาพอดีค่ะ"
ภัทรินรีบยิ้มแย้มแล้วลุกยืนขึ้นเพื่อทักทาย พอหันกลับไปกำลังจะอ้าปากทัก เธอต้องผงะ ช็อก เพราะคนๆนั้นคือธนาฒน์
"สวัสดีครับภัทริน" ธนาฒน์เอ่ยทัก
อัณณากับพสุวัฒน์ยืนมองปราณที่นอนสงบอยู่ที่เตียง ขณะที่หมอกำลังตรวจเช็กอาการของปราณอยู่
"ถ้าทุกคนที่ชั้นนี้ไม่มีใครรู้เรื่อง ไม่มีใครประคองปราณ มันก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากปราณเป็นคนลุกและเดินไปที่บันไดหนีไฟด้วยตัวเอง" หมอบอก
"ปราณ ปราณฟื้นแล้ว ใช่มั้ยหมอ" พสุวัฒน์ดีใจ
"ครับ การตอบสนองดีขึ้นมาก ผมมั่นใจ ในวันสองวันนี้ คุณปราณตื่นแน่ครับ"
พสุวัฒน์มีความหวัง "รีบๆตื่นขึ้นมานะปราณ จีแอลเอสกำลังมีปัญหามาก ลูกคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยจัดการมันได้"
อยู่ๆ พสุวัฒน์ก็มีอาการวูบไปแว่บหนึ่ง
อัณณาเห็นก็รีบเข้าไปประคอง "คุณลุงคะ”
พสุวัฒน์ตั้งหลักได้ "ไม่เป็นไรๆ ชั้น คงจะพักผ่อนน้อยไปหน่อย เลยหน้ามืด"
"ถ้าอย่างนั้นคุณลุงกลับไปพักก่อนเถอะค่ะ อัณจะดูแลปราณให้เอง ปราณได้สติเมื่อไหร่ จะรีบโทรแจ้ง นะคะ"
พสุวัฒน์หันไปมองหมอเป็นเชิงขอความคิดเห็น
"ผมเห็นด้วยครับท่าน เชิญครับ เดี๋ยวผมไปส่ง" หมอบอก
"งั้น ชั้นฝากปราณด้วยนะ" พสุวัฒน์บอก
พสุวัฒน์เดินออกไปกับหมอ อัณณามองหน้าปราณอย่างมีความหวัง
ภัทรินเดินหนีออกมาที่โถงด้านนอกของบริษัท ธนาฒน์เดินตามมาดึงตัวเธอเอาไว้
"เดี๋ยวภัท หนีผมทำไม กลัวที่จะเจอหน้าผมขนาดนั้นเลย"
"ต้องการอะไรจากชั้นอีก" ภัทรินถาม
"ผมช่วยพูดให้เขารับภัทเข้าทำงานได้นะ เดี๋ยวนี้ผมไม่ใช่กระจอกๆนะ เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ของจีแอลเอสแล้ว..ผมถึงสามารถขอความร่วมมือบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีคอนแท็กกับจีแอลเอส ให้ช่วยส่งข่าวเกี่ยวกับภัทได้"
"อยากเจอชั้นทำไม มีอะไรที่ยังอยากได้จากชั้นอีก"
"ผมก็แค่เป็นห่วง อยู่ดีๆภัทก็แต่งงานกะทันหัน เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย"
ภัทรินจ้องดวงตาธนาฒน์นิ่งเพื่อสังเกตความจริงใจในสายตาของเขา
ภัทรินพูด "ฝ่ายจัดซื้อ ที่ไม่ถูกความรักครอบงำ จะมีทักษะอย่างนึง คือมองออกว่าเซลคนไหนควรคบค้าด้วย..สำหรับคุณ ชั้นจัดว่าเป็นประเภทหน้าไว้หลังหลอก เห็นแก่ได้ พูดทุกอย่างเอาดีเข้าตัว"
"ภัท”
"คนอย่างคุณ ไม่ลงทุนทำอะไรที่ไม่ได้ผลตอบแทน" ภัทรินชักสงสัย "ตัวชั้นไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรให้คุณหลอกใช้อีก ถ้าจะมีก็ สามีของชั้น"
"มันไม่ใช่อย่างนั้นภัท"
ภัทรินไล่จี้ "ทำไม กำลังสงสัยว่าทำไมชั้นถึงมาแต่งงานกับทายาทจีแอลเอสได้ ใช่มั้ย ใช่ ตอนนี้คุณไม่ใช่กระจอกๆ ชั้นก็อยากบอกว่า ชั้นก็ไม่กระจอกเหมือนกัน กลัวชั้นเหรอ โถๆๆ" ภัทรินย้อน "ถ้ามีอะไรที่อยากให้ช่วย ก็บอกได้เลยนะ ชั้นจะช่วยจัดให้เต็มที่"
ธนาฒน์อึ้งไป ภัทรินกระหยิ่มแล้วหันหลังเดินหนีไป ในที่สุดธนาฒน์ก็กลายเป็นคู่แค้นที่เธอรู้ทันจนได้
ปราณนต์ยืนรออยู่ด้านนอกบริษัท แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเพราะเห็นภัทรินเดินออกมา โดยมีธนาฒน์เดินตามหลังมาติดๆ
ธนาฒน์ตามมาขวางเพื่อไม่ให้ภัทรินออกไป
"ตั้งแต่คบกันมา ผมเพิ่งจะเห็นความฉลาดของคุณก็วันนี้" ธนาฒน์ว่า
ภัทรินชะงักที่ธนาฒน์ยังตามมาหาเรื่อง
"ที่ผ่านมา ผมเห็นแต่ความงี่เง่า ไร้สาระ เป็นผู้หญิงประเภทที่สามารถหลอกได้ด้วยกุหลาบดอกเดียว"
"ธนาฒน์ อย่ามาดูถูกชั้น"
"ผมเข้าใจ ว่าเงินสิบเจ็ดล้านมันเกินปัญญาคุณ คุณก็คิดถูกแล้วที่แก้ปัญหาด้วยการเอาตัวเข้าแลก ล้างหนี้ได้แล้วยังมีกินมีใช้สบายอีก นี่คงจะได้กระเป๋าจากสามีมาหลายใบแล้วสิ"
ภัทรินสะเทือนใจและเจ็บใจที่ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิง แต่ภัทรินก็ไม่แสดงความอ่อนแอออกมา
"ชั้นเป็นสะใภ้ของจีแอลเอสแล้ว จะพูดอะไรระมัดระวังหน่อย"
"มิน่า กับผม ถึงได้หวงนักหวงหนา ที่แท้ก็เก็บเอาไว้ใช้ประโยชน์อย่างนี้นี่เอง นี่ถ้าผมรวย ภัทก็คงเข้าแลกกับผมเหมือนกันใช่มั้ย"
ภัทรินจะเดินหนีเพราะไม่อยากคุยด้วยแล้ว แต่ธนาฒน์คว้ามือของเธอมา
"ผมยินดีด้วยนะที่ภัทได้ดี แต่เรื่องของเรามันจบไปแล้ว ก็ให้มันจบไป ต่างคนต่างอยู่อย่างสงบ เข้าใจมั้ย"
ปราณนต์เดินเข้ามาพอดี "ภัทร”
ภัทรินกระชากตัวออกมา ปราณนต์เข้ามาปกป้องภัทริน
"มีอะไรหรือเปล่า" ปราณนต์ถามธนาฒน์
"ไม่มีอะไร ก็แค่บังเอิญเจอกัน ผมก็ทักทายแฟนเก่าผมหน่อย คุณคงไม่คิดมากหรอกนะคุณหมอปราณนต์"
ปราณนต์ถามภัทริน "แฟนคนนี้เหรอที่หลอกใช้คุณจนเป็นหนี้หมดเนื้อหมดตัว"
"ภัทพูดถึงผมอย่างนี้เหรอ เอาเถอะ ถ้าพูดแล้วทำให้ภัทได้ดี ผมยังไงก็ได้" ธนาฒน์ว่า
ภัทรินกำลังจะหันเดินไป แต่อยู่ๆ ปราณนต์ก็เข้าไปชกธนาฒน์เต็มแรง
ภัทรินตกใจ "หมอ"
ธนาฒน์ตั้งหลักได้ก็ลุกขึ้นมากำหมัดด้วยความแค้นและลืมตัว
"แก”
ปราณนต์ท้าทาย "เอาสิ ถ้ากล้าก็ชกเลย"
ธนาฒน์ชะงักหมัดเอาไว้ ปราณนต์กับธนาฒน์เผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด ภัทรินรีบเข้ามาห้ามไม่ให้ทั้งคู่มีเรื่องกัน
"พอได้แล้ว พอๆๆ"
ธนาฒน์ระงับอารมณ์ไว้เพราะไม่กล้ามีเรื่องด้วยอย่างเปิดเผย
ธนาฒน์ชะงัก "คิดว่าเป็นลูกคุณพสุวัฒน์แล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ"
ปราณนต์ผลักอกแล้วพูดท้าทาย "เออ ทำไม"
มือถือของธนาฒน์ดังขึ้น ธนาฒน์ชะงักเล็กน้อย
ธนาฒน์สะกดความแค้นเอาไว้ "ไม่ทำไมหรอก ใครจะไปกล้ามีเรื่องกับลูกผู้บริหารระดับสูง ตามสบาย"
ธนาฒน์เดินแยกออกไป
ปราณนต์พูดกับภัทริน "คุณโอเคใช่มั้ย"
ภัทรินหันหลังแล้วเดินหนีไป ปราณนต์เดินตาม
ภัทรินเดินแยกออกมาด้วยความรวดเร็วเพราะอยากรีบไปให้พ้นๆ ปราณนต์รีบตามมา
"จะไปไหน รถอยู่ทางนี้"
"คุณกลับไปก่อน ชั้นอยากอยู่คนเดียว"
"จะอยู่ทำอะไร"
ภัทรินเดินแยกไป
"นี่คุณ”
ปราณนต์จะเข้าไปคว้าข้อมือภัทรินแต่ยังไม่ทันคว้า ภัทรินก็แหวใส่เสียก่อน
"อย่ามายุ่งกับชั้นได้มั้ย"
ปราณนต์ชะงักแล้วปล่อยให้ภัทรินเดินไปตามใจ
"นี่ ผมต้องไปโรงพยาบาล ถ้าไม่กลับมา ผมทิ้งจริงๆนะ"
ภัทรินเดินต่อไป ปราณนต์ได้แต่มองตามอย่างเซ็งๆ
ธนาฒน์แยกมาคุยโทรศัพท์กับชมนาดที่อีกมุมหนึ่ง
"เป็นไปได้ยังไง ผมเห็นกับตาว่าพวกมันทุกคนขึ้นไปที่ชั้นสิบหก หรือพวกมันรู้ก่อนว่าคุณสินธรจะไป มันก็เลยตลบหลังหลอกเราอีกที"
"เธอตลบหลังหลอกพวกเรากันเองน่ะสิ..มันไม่มีอะไรเลยนอกจากคุณพสุวัฒน์ป่วย เลยต้องแอบไปรักษา เธอรีบกลับมาเคลียร์กับพ่อบุญธรรมเธอเองแล้วกัน คุณสินธรหัวเสียมาก ที่เธอทำให้เขาเสียหน้า" ชมนาดว่า
"อย่างนี้คุณสินธรจะเลิกเมตตาผมมั้ยอ่ะพี่ชม พี่ต้องช่วยผมอธิบายกับคุณสินธรนะครับ นะคะพี่ชม"
"แล้วทำไมเธอไม่กลับมาอธิบายเอง"
"ผมกำลังตามภัทรินอยู่ และผมจะไม่กลับ จนกว่าจะมั่นใจว่าสองคนนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับจีแอลเอส ต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ผมก็จะตัดไฟแต่ต้นลมมันซะเลย"
ภัทรินเดินมาเรื่อยๆ ตามทาง เธอมีสีหน้าสะเทือนใจที่ถูกธนาฒน์ดูถูก ภัทรินรู้สึกทั้งเศร้า เซ็ง และเจ็บใจ ปราณนต์เดินตามมาทางด้านหลังของภัทรินอยู่ห่างๆ แบบรักษาระยะ ทั้งสองเดินผ่านที่ต่างๆไปเรือยๆ
ภัทรินเดินเรื่อยเปื่อยมายืนเหม่อลอยมาบริเวณริมน้ำปิง แล้วอยู่ๆ เธอก็หยุดดื้อๆ ปราณนต์ชะงักไปด้วย ภัทรินเดินถอยกลับมา ปราณนต์ถอยตาม ภัทรินค่อยๆทรุดนั่งที่ม้านั่งบริเวณนั้น ปราณนต์ยืนสังเกตการณ์อยู่
"นึกว่าจะเดินไปถึงกรุงเทพ" ปราณนต์บ่นกับตัวเอง
ภัทรินนั่งนิ่ง
อยู่ๆมือถือของปราณนต์ก็ดัง ปราณนต์ตกใจจึงรีบลนลานหยิบมารับสาย เพราะกลัวภัทรินจะจับได้ว่าตัวเองตามมา
ปราณนต์รีบรับโดยไม่ทันมองเบอร์ "ฮัลโหล" ปราณนต์ชะงัก "อัณณา"
อัณณากำลังพูดโทรศัพท์กับปราณนต์ โดยที่ปราณก็ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ที่เตียง
"อัณจะโทรมาแจ้งข่าวค่ะ ปราณฟื้นแล้ว"
ปราณนต์ดีใจ "จริงเหรอ พี่ปราณฟื้นแล้วจริงๆเหรอ"
"ค่ะ ตื่นขึ้นทีนึงแล้วก็หลับไปอีก หมอบอกว่าวันสองวันนี้ปราณต้องลืมตาขึ้นมาแน่นอนค่ะ"
"อัณ ผมฝากอัณดูแลพี่ปราณด้วยนะ เพิ่งฟื้นใหม่ๆระบบอะไรในร่างกายอาจยังไม่เข้าที่ ต้องทำกายภาพ คงต้องดูแลใกล้ชิด"
"อัณรู้" อัณณาลังเลว่าจะบอกดีหรือไม่ "เอ่อ ณนต์ อัณมีอีกเรื่อง ไม่รู้ว่าพ่อของณนต์ได้บอกหรือยัง"
"เรื่องอะไร"
"พ่อของณนต์ ขออัณให้แต่งงานกับปราณ"
ปราณนต์อึ้งและช็อก
ปราณนต์รวบรวมสติแล้วถามออกไป "แล้ว อัณ ว่าไง"
"ณนต์คิดว่าอัณควรว่าไงดีล่ะ"
"ผมก็" ปราณนต์พยายามร่าเริงยินดีเพื่อกลบเกลื่อน "ก็ต้องว่าดีสิ ดีที่สุดเลย พี่ปราณรักอัณมาก เขาต้องดูแลอัณได้ดี อัณเองก็จะได้ช่วยงานพี่ปราณได้มากขึ้นด้วย ไม่มีใครเหมาะสมกันเท่ากับอัณกับพี่ปราณแล้ว"
"ณนต์คิดว่าอัณควรจะแต่งงานกับปราณจริงๆเหรอ"
"แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ผมมั่นใจว่าอัณจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ"
"จริงๆอัณก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับคุณพสุวัฒน์หรอก แต่ถ้าณนต์คิดว่ามันเหมาะสมที่สุดแล้ว อัณก็จะแต่งงานกับปราณ"
ปราณนต์อึ้ง
"แค่นี้นะณนต์" อัณณาตัดบท
อัณณารีบวางสายก่อนที่จะห้ามเสียงตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไม่อยู่ ปราณนต์ยืนใบ้รับประทาน
อัณณาตั้งสติแล้วส่ายหน้าไล่ความคิด เธอหันกลับมามองที่ปราณแต่แล้วอัณณาก็ต้องผงะ เพราะปราณลืมตามองเธออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดกับปราณนต์หรือเปล่า
"ปราณ”
ปราณนต์เดินเข้ามานั่งข้างๆ ภัทริน ภัทรินหันมามองก็แปลกใจที่เห็นปราณนต์เดินตามมา
"นายเดินตามชั้น”
ปราณนต์ตัดบท "อยากอยู่เงียบๆไม่ใช่เหรอ"
ภัทรินงงแต่ก็ไม่พูดอะไร ปราณนต์นั่งนิ่งเช่นกัน แล้วต่างคนต่างก็นั่งจมในความคิดของตัวเอง
หมอและพยาบาลกำลังรุมตรวจอาการปราณอยู่ พวกพยาบาลรุมวัดความดัน วัดอุณหภูมิ วัดชีพจร วัดการทำงานของระบบการหายใจ อัณณาและพสุวัฒน์ยืนอยู่ด้านปลายเตียง ปราณมีแววตาเลื่อนลอยมองเพดาน
หมอกำลังส่องไฟที่ดวงตาของเขา
"รู้สึกยังไงบ้างครับ" หมอถาม
ปราณพูดเสียงแผ่วเบา "ปวด ปวดหัว"
"เพราะคุณเพิ่งผ่าตัดมา" หมอหยิกเบาๆที่แขนของปราณ "รู้สึกไหมครับ" ปราณพยักหน้า "ข้างนี้ล่ะครับ" ปราณพยักหน้ารับรู้
"ลูกปลอดภัยแล้วนะปราณ" พสุวัฒน์บอก
ปราณเลื่อนสายตามามองที่พสุวัฒน์อย่างฉงน
"คุณปราณจำได้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น" หมอถาม
ปราณทบทวน "มัน มีเสียงอยู่ในหัว ดังมาก" พอคิดมากขึ้นเขาก็มีอาการปวด "ไม่ นึกไม่ออก"
"สบายๆนะปราณ ไม่ต้องกดดันอะไร" พสุวัฒน์บอก
"คุณจำใครได้บ้างไหมครับ" หมอถาม
ปราณมองทีละคนจนไปจบที่อัณณา "อัณ”
อัณณาดีใจที่ปราณยังพอมีสติจำเธอได้
"คนอื่นๆล่ะครับ จำใครได้อีกบ้าง" หมอถาม
ปราณส่ายหน้า "ไม่"
พสุวัฒน์อึ้ง อัณณาก็อึ้งไปด้วย ปราณมีแววตาว่างเปล่าและจำได้เพียงอัณณาคนเดียวเท่านั้น
ภัทรินกับปราณนต์ยังคงนั่งนิ่ง ลมหนาวพัดมา ภัทรินยกมือลูบแขนตัวเอง
ปราณนต์หันมองด้วยความเห็นใจ "กลับมั้ย"
"อยากกลับก็กลับไปก่อน" ภัทรินว่า
ภัทรินนั่งทนหนาว เธอยกมือขึ้นมาถูกัน ปราณนต์ขยับเข้ามานั่งชิดแล้วยกมือโอบ
ภัทรินเอี้ยวตัวหนี "จะทำอะไร"
"คุณคิดอะไรกับผมเหรอ"
"ชั้นเหรอ นายนั่นแหละคิด"
"ผมไม่คิด คุณไม่คิด เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้คิดอะไรต่อกัน ก็ไม่เห็นต้องคิดมากอะไร" ปราณนต์โอบไหล่ภัทรินไว้
ภัทรินปล่อยให้ปราณนต์โอบไว้ แม้ทีแรกจะขัดเขินแต่สักพักเธอก็ปล่อยให้เขาโอบไปแบบไม่ได้แคร์อะไร
ภัทรินยังคงคิดถึงเรื่องของเธอกับธนาฒน์ ส่วนปราณนต์คิดถึงอัณณา สักพัก ภัทรินก็เอาหัวซบปราณนต์ในขณะที่ต่างคนก็ยังคงเหม่อมองออกไป ภัทรินนั่งซบปราณนต์ ปราณนต์กระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
กลุ่มพสุวัฒน์ออกมาที่ด้านนอกห้องพักของปราณ
"คุณลุงคะ ปราณเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัด สมองเขาได้รับความเสียหาย ต้องให้เวลาเขาปรับตัวนะคะ ยังไงความทรงจำของปราณต้องกลับมาแน่ๆค่ะ" อัณณาให้กำลังใจ
"คุณปราณยังจำคุณอัณณาได้ ก็แสดงว่ายังมีโอกาสจะจดจำทุกอย่างได้เหมือนเดิมนะครับ" หมอบอก
"หรืออาจจะจำอะไรไม่ได้อีกเลยก็ได้ แล้วปราณฝืนสังขาร ลุกหนีนายสินธรด้วยตัวเอง ล้มลุกคลุกคลานจากเตียงไปถึงบันไดหนีไฟ ฝืนตัวเองขนาดนั้น มันอันตรายมาก อาจจะมีอาการแทรกซ้อนทางสมองก็ได้ ผมรู้ดี ไม่จำเป็นต้องปลอบผม แค่ผมไม่เสียปราณไปผมก็ดีใจแล้ว แต่ผมห่วงบริษัท เราจะรอได้นานแค่ไหน" พสุวัฒน์ว่า
"แต่ถ้าเรายิ่งไปกดดันคาดหวังกับปราณมาก มันก็จะไม่เป็นผลดีนะคะ" อัณณาบอก
"ไม่ดีต่อตัวคุณปราณเอง และไม่มีต่อตัวคุณพสุวัฒน์เองด้วย" หมอเสริม
พสุวัฒน์ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก เขาจำต้องยอมรับ "อัณณา หนูเป็นคนเดียวที่ลูกชายชั้นจำได้ ยังไงชั้นฝากด้วยนะ"
"เพื่อนทั้งคน ถึงคุณลุงไม่ขอ อัณก็ไม่ทิ้งปราณอยู่แล้วค่ะ"
อัณณารับคำหนักแน่น
ปราณนต์ยังคงนั่งโอบภัทรินอยู่ที่เดิม ภัทรินดันตัวเองขึ้นมาก่อนจะหันมามองหน้าปราณนต์
"นายกำลังคิดอะไรอยู่" ภัทรินถาม
"เปล่า" ปราณนต์ตอบ
"โกหก ชั้นรู้ว่านายมี แต่ไม่ยอมบอก"
"คุณจะนั่งไปถึงเมื่อไหร่"
"จนดาวขึ้นมั้ง"
"กลุ่มดาวลูกเป็ดภัทริน"
"กลุ่มดาวหมอปากเสีย"
ทั้งคู่แค่นยิ้มกันแม้จะรู้สึกห่อเหี่ยวมากก็ตาม
"ทำไมเราต้องมานั่งแกร่วตากลมอย่างนี้ด้วย ไม่เห็นมันจะช่วยอะไรดีขึ้นมาเลย ทำไมเราไม่ช่างหัวมัน" ปราณนต์ว่า
"นั่นสิ ใครจะดีจะชั่วก็ช่างมัน" ภัทรินบอก
"ใครจะรักหรือไม่รักก็ช่าง ช่างมัน แล้วเราไปทำอะไรสนุกๆกันดีกว่า"
"ใช่" ภัทรินหันมามองหน้าปราณนต์แล้วเอออออย่างฮึกเหิมไปด้วยกัน "เราต้องสนุกให้สุดเหวี่ยง ให้รู้ว่ามันไม่ได้มีค่าอะไรให้เราต้องเสียใจเลยสักนิดเดียว"
"ใช่ คุณอยากทำอะไร" ปราณนต์ถาม
"ชั้นอยากกิน" ภัทรินตอบ
"ใช่ ต้องกิน เราจะไปตระเวนกินมันให้ทั่วเชียงใหม่ เอาให้พุงกางไปเลย อยากกินอะไร"
"กินทุกอย่างที่ขวางหน้า"
"หมูหมากาไก่อะไรอยู่ตรงหน้าจับกินให้หมดเลย"
"ถูกต้อง"
"งั้นเราไปกันเถอะ"
ปราณนต์ลุกโดยที่ยังกุมมือภัทรินขึ้นมาด้วย ทั้งคู่สบตากันโดยต่างไม่รู้ตัวว่ากุมมือกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างแก้เก้อ เขิน ภัทรินกำลังจะปล่อย แต่ปราณนต์กระชับไว้
"ใครไปช้า ต้องเลี้ยง"
ปราณนต์ดึงภัทรินแล้วตัวเองก็รีบวิ่งแซงไป
ภัทรินตะโกนไล่หลัง "ขี้โกง”
ปราณนต์กับภัทรินเดินกินไส้อั่ว, แคบหมู, ลูกชิ้น, หมูปิ้ง, ปลาหมึกย่าง มาตามทางในตลาดโต้รุ่ง แต่พอเจอร้านอะไรน่าสนใจทั้งสองก็พุ่งเข้าไปซื้ออีก ทั้งสองคนซื้อของกินต่างๆมากมายจนล้นมือ ภัทรินทำปลาหมึกบดอย่างสนุกสนาน ปราณนต์ร่อนแป้งโรตีด้วยตัวเอง เขาทำโรตีให้ภัทรินกินแต่เป็นโรตีสภาพเละๆ ทั้งคู่ดูสนุกสนาน ภัทรินเกือบทำถุงไก่ทอดหล่นแต่ปราณนต์เข้ามาช่วยรับ เขากุมเอามือภัทรินไว้แทนที่จะเขินแต่ทั้งคู่กลับหัวเราะสนุกสนาน แล้วก็วิ่งไปซื้อของกินต่อ
ปราณนต์ซื้อที่คาดผมเขาควายมาให้ภัทริน เขาสวมให้แล้วหัวเราะชอบใจ แต่แล้วก็ต้องผงะ เพราะภัทรินหยิบที่คาดผมรูปหูกระต่ายที่มีไฟวิบวับขึ้นมาให้ปราณนต์
ภัทรินกับณนต์เดินคู่กันโดยมีที่คาดผมด้วยกันทั้งคู่ ภัทรินเห็นร้านขายสตรอเบอร์รี่ก็วิ่งเข้าไปดูด้วยอาการตื่นเต้น
"สตรอเบอร์รี่ ว้าว"
ปราณนต์เดินย่องนำภัทรินเข้ามาที่บริเวณด้านหน้าไร่แห่งหนึ่ง ปราณนต์พาภัทรินเข้าไปด้านในก็พบว่า ภายในคือไร่สตรอเบอร์รี่ที่กำลังออกผลสีสวยสด
ภัทรินตื่นเต้น ดีใจ "โหว สตรอ”
ปราณนต์รีบเข้ามาปิดปาก "ชู่ว เดี๋ยวเจ้าของไร่มาได้ยิน"
ภัทรินเงียบเสียงลง
"นายพาชั้นมาขโมยสตรอเบอร์รี่เหรอ ทำไมเป็นคนอย่างนี้"
"ก็คุณบอกอยากกินอ่ะ"
"อยากกิน แต่ไม่ใช่ขโมย"
"หรือจะกลับ"
ภัทรินเชิดหน้า เหมือนจะกลับ แต่แล้วก็พูด "กลับก็กลัวดิ"
ทั้งคู่ยิ้มออกมาด้วยกันอย่างนึกสนุก
ภัทรินตื่นเต้น "ชั้นไม่เคยมาเก็บสตรอเบอร์รี่ด้วยตัวเองเลย ชั้นจะกวาดให้เกลี้ยงเลย"
พูดจบภัทรินรีบวิ่งเข้าไปเก็บสตรอเบอร์รี่ทันที เธอก้มเก็บอย่างสนุกสนานและตื่นเต้น ปราณนต์มองขำๆเขาเห็นภัทรินเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังตื่นเต้นกำลังสิ่งแปลกใหม่ ภัทรินเก็บสตรอเบอร์รี่เต็มอุ้งมือจนต้องเอาชายเสื้อมาทำเป็นถุง
"เก็บๆไปน่ะ รู้เหรอว่าลูกไหนเปรี้ยวลูกไหนหวาน" ปราณนต์ถาม
"มันไม่ได้หวานทุกลูกเหรอ" ภัทรินทำหน้างง
"ไม่รู้เหรอ"
ภัทรินเอาผลที่เก็บแล้วมาชิม "ฮึ่ย เปรี้ยว"
ปราณนต์เก็บมาลูกนึง "นี่ ต้องอย่างนี้" ปราณนต์กัด "หวาน"
ภัทรินเก็บลูกอื่นๆมากินอีก แต่ก็เจอแต่ลูกเปรี้ยวๆ
"สตรอเบอร์รี่หรือมะนาวเนี่ย ทำไมชั้นเจอแต่ลูกเปรี้ยวๆอ่ะ" ภัทรินบ่น
"คุณดูไม่เป็นน่ะสิ" ปราณนต์กินอีกลูกแบบเย้ยๆ "หื้ม หวาน"
"นี่ นายเอามาให้ชั้นชิมมั่ง"
ภัทรินวิ่งเข้าไปหาปราณนต์ที่กำลังจะชิมอีกลูก เธอจะแย่งมาชิมแต่ปราณนต์ไม่ให้ ภัทรินเผลอเข้าไปใกล้ชิดปราณนต์ ต่างคนต่างตะลึง ปราณนต์ยิ้มออกมาแต่ภัทรินตีหน้าขรึม
"เอามาให้ชั้น"
"อ้าปากสิ"
ภัทรินงง ปราณนต์ป้อน ภัทรินกินสตรอเบอร์รี่นั้น
ปราณนต์ถาม "หวานมั้ย"
ภัทรินไม่ยอมตอบ "ขออีกคำ"
ปราณนต์ยิ้มเล่นตัว
ภัทรินตื้อ "นะ"
ปราณนต์ยัดเข้าปากตัวเองแบบเย้ยๆ "หมดแล้ว"
"หมอตะกละ กินของเปรี้ยวไปเล้ย" ภัทรินว่า
ภัทรินจะเอาสตรอเบอร์รี่เปรี้ยวยัดปากปราณนต์ ทั้งสองยื้อแย่งกันในที่สุดสตรอเบอร์รี่เปรี้ยวๆ ก็ถูกยัดเข้าปากปราณนต์ ภัทรินหัวเราะสะใจแล้วก็วิ่งไปเก็บสตรอเบอร์รี่ต่อ ปราณนต์ยืนมองขำๆ เขารู้สึกว่าภัทรินก็น่ารักสดใสดีเหมือนกัน สักพัก เจ้าของไร่ก็เข้ามาหาหมอจากด้านหลัง
"หมอณนต์ ไหนบอกว่าแฟนอยากมาเก็บสตรอเบอร์รี่เฉยๆ แหม นี่เล่นมากุ๊กกิ๊กกันในไร่ผมเลยนะ"
"ขอบคุณนะครับที่อนุญาตให้เราเข้ามาเก็บ" ปราณนต์บอก
"ไม่เป็นไร สตรอเบอร์รี่ผมจะได้หวานๆ"
ปราณนต์เขินแต่ทำฟอร์มมองไปที่ภัทรินที่กำลังสนุกกับการเก็บสตรอเบอร์รี่อยู่ ปราณนต์เผลอยิ้มออกมา
ภัทรินเอาสตรอเบอร์รี่สีสดสวยลูกใหญ่ที่เก็บมาได้ใส่ไว้ในจาน
"ว้าว สตรอเบอร์รี่ๆๆ" ภัทรินจะหยิบกิน
ปราณนต์ตีมือภัทรินเบาๆ "อย่ามาเนียน จานนี้น่ะคือที่ผมเก็บมา ของคุณอยู่นี่" ปราณนต์ยื่นอีกจานที่สตรอเบอร์รี่แคระแกรน สีไม่สดและส่อแววว่าเปรี้ยวให้ "เอาของคุณไป เอาของผมมา"
"หูย หมอ ไปเก็บด้วยกันมาก็ต้องเอามาแชร์กันสิ"
"ไม่"
ภัทรินเสมองออกไปนอกบ้าน "ใครมา"
ปราณนต์หันไปมอง ภัทรินเอาสตรอเบอร์รี่ของตัวเองเทปนไปกับของปราณนต์ทันที
"ไม่เห็นมี เฮ้ย"
"อุ๊ย ปนกันหมดเลย แยกไม่ออกแล้วว่าของใครเป็นของใคร ต้องแบ่งกันกินแล้วล่ะ"
ภัทรินพูดจบก็คว้าจานสตรอเบอรี่วิ่งออกไปนอกบ้านทันที
"เฮ้ยคุณ จะเอาไปกินคนเดียวเหรอ"
ปราณนต์วิ่งตามภัทรินออกไป
ภัทรินหอบจานสตรอเบอรี่ออกมานั่งกินที่แคร่หน้าบ้าน ปราณนต์วิ่งตามออกมานั่งด้วย
"มาเล่นเกมกันเหอะ ผลัดกันถามคนละคำถาม ถ้าผมถาม แล้วคุณตอบถูก คุณมีสิทธิที่จะกินหรือให้ผมกินก็ได้ แต่ถ้าคุณตอบไม่ถูก ผมก็มีสิทธิจะกินหรือให้คุณกินก็ได้ กล้าป่าว"
"ก็ได้ ชั้นเริ่มก่อน" ภัทรินหยิบสตรอเบอร์รี่สีสดมาวาง "ชั้นสระผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"
"เฮ้ย คำถามยังงี้ถามมาได้ไง"
"กติกาไม่ได้บอกนี่ว่าต้องเป็นคำถามเรื่องอะไร เพราะงั้นอะไรก็เป็นคำถามได้"
"เจ้าเล่ห์มาก อื้ม" ปราณนต์พิจารณาเส้นผม "สามวัน"
"ฮะๆๆๆ" ภัทรินหย่อนสตรอเบอร์รี่เข้าปากแล้วตอบ "เจ็ดต่างหาก ฮะๆๆ"
"เฮ้ย ไม่ได้สระผมอาทิตย์นึง ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก"
ภัทรินไม่สะทกสะท้าน เธอเคี้ยวจั๊บๆ "อา หร่อย"
ปราณนต์หยิบสตรอเบอร์รี่ที่สีเพี้ยนดูก็รู้ว่าเปรี้ยวแน่นอนออกมาวาง 2 ลูก ภัทรินอึ้ง
"โห เล่นแรง เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะต้องกิน ถามมาเลย"
"วันนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับแฟนเก่า" ปราณนต์ถาม
ภัทรินอึ้ง เหวอ บรรยากาศสนุกสนานหายไปทันที
"นี่ไม่ใช่คำถาม" ภัทรินบอก
"คุณบอกเองว่าอะไรก็เป็นคำถามได้"
"ชั้นไม่ตอบ"
"งั้นก็กิน"
ภัทรินหยิบสตรอเบอร์รี่ออกมากิน แล้วหยิบสตรอเบอร์รี่สีเพี้ยนมาวาง 3 ลูก
ภัทรินยิงคำถามทันที "เรื่องที่นายกำลังเครียดอยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไร"
ปราณนต์ไม่ตอบ เขาหยิบสตรอเบอร์รี่มากินเลย
ปราณนต์เอาสตรอเบอร์รี่สวยสดมาวาง "คุณยังรักแฟนเก่าอยู่ คุณถึงได้สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลังจากที่เจอเขา ผมพูดถูกใช่มั้ย"
"ผิด ชั้นไม่ได้รักแล้ว" ภัทรินเอาสตรอเบอร์รี่ออกมา
"งั้นทำไม”
"ตาชั้นถาม" ภัทรินหยิบสตรอเบอร์รี่สีเพี้ยนมาวางหมดหน้าตัก "ชั้นไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ อย่าถามได้มั้ย"
"ไม่ได้" ปราณนต์เอาสตรอเบอร์รี่มากิน แล้วถามคืนทันที "ผมถามเพราะผมเป็นห่วง ไม่อยากให้คุณอัดอั้นทุกข์ใจอยู่คนเดียว เล่าให้ผมฟังได้มั้ย"
"ชั้น ชั้นไม่เล่นแล้ว"
ภัทรินผละเดินหนีออกไปทันที ปราณนต์คว้าแขนของเธอเอาไว้
"ภัทริน”
ในที่สุดภัทรินก็ทนเก็บไว้ไม่ไหวจึงพูดออกมา "เขาหาว่าชั้นขายตัวเพื่อล้างหนี้ และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ชั้นทำอย่างนั้นจริงๆ พอใจยัง"
ภัทรินเดินหนีเข้าบ้านทันที ปราณนต์นั่งถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ตกกลางคืน ปราณนต์ที่อยู่ในชุดนอนนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะทำงาน แต่ของเขาตาคอยเหลือบมองไปที่ภัทรินซึ่งสวมชุดนอนนั่งกอดเข่าอยู่ที่เก้าอี้รับแขก
ภัทรินถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่เหลือบไปมองปราณนต์ พอเห็นปราณนต์มองอยู่เธอก็หันไปอีกทาง ปราณนต์ตัดสินใจวางหนังสือที่อยู่ในสภาพกลับหัวเพราะไม่ได้อ่านจริงๆ ลงที่โต๊ะ ปราณนต์เดินเข้าไปหาภัทริน
"ภัท คุณก็รู้ว่าเรื่องแต่งงานมันไอเดียผม ไม่ใช่คุณ"
"ใช่ แต่ไม่มีใครรู้ข้อตกลงของเรา ทุกคนก็จะมองชั้นเป็นผู้หญิงหิวเงินอยู่คนเดียว ถึงชั้นจะเป็นยัยบ้าใช้เงินเหมือนเททิ้ง แต่ชั้นก็มีศักดิ์ศรี ชั้นใช้แต่เงินที่ชั้นหามาได้ ไม่เคยอยากได้เงินคนอื่น ไม่เคยขโมย ไม่เคยคิดทุจริตใคร"
"ผมเชื่อคุณ เชื่อจริงๆ แต่คุณอย่าไปเก็บเอาคำพูดของคนที่ไม่มีค่ามาใส่ใจเลย รกสมองเปล่าๆ"
"ชั้นเจ็บใจที่สุดก็ตรงนี้ ทำไมต้องไปแคร์ ต้องเจ็บปวดกับคำพูดของมัน มันไม่มีอะไรดีเลย ชั้นรักมันลงไปได้ยังไง แล้วยังคิดอยากแต่งงานกับมันอีก ชั้น ชั้นมันโง่งี่เง่าตาบอดที่สุดในสามโลกเลย" น้ำตาของภัทรินกำลังจะไหลออกมาแต่เธอไม่อยากร้องไห้จึงรีบกลั้นอารมณ์ "ไม่ ชั้นจะไม่ร้องไห้"
ปราณนต์เข้าไปนั่งข้างๆ ก่อนจะลูบหัวเพื่อปลอบอย่างอ่อนโยน
"ไม่ใช่แค่คุณหรอก ใครๆก็ต้องเคยโง่กันมาก่อนทั้งนั้น ช่างมันเถอะนะ นอนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้เราไปตะลุยหาของกินกันต่อ"
"ชั้นอยากกินเค้ก เค้กอร่อยๆ"
"โอเค เค้กก็เค้ก"
ปราณนต์พูดนิ่งๆ
ภัทรินล้มตัวลงนอนหันหน้าไปอีกด้านโดยหันหลังให้ปราณนต์ ปราณนต์ที่นั่งอยู่ข้างเตียงยกมือลูบเส้นผมของภัทรินด้วยความเอ็นดู
"นอนซะ ตื่นมาจะให้กินเค้ก"
อยู่ๆภัทรินที่นอนอยู่ก็สะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก
"เอ้า ร้องจนได้" ปราณนต์ว่า
"ชั้นนึกว่ามันจบแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ง่ายเลย ทำไมชั้นถึงเป็นคนอย่างนี้"
"ไม่เอา อย่าคิด"
"ชั้นไม่ได้เสียใจ แต่ชั้นเจ็บใจ เจ็บใจที่สุดเลย"
ปราณนต์ลูบต้นแขนภัทรินเพื่อปลอบใจ "ชู่ว์ๆๆๆ ไม่เอา ไม่พูด ไม่คิด ถ้าจะคิด ให้คิดถึงเรื่องดีๆอย่างอื่น เรื่องแม่คุณก็ได้"
"ถ้าแม่รู้ แม่ต้องผิดหวัง"
"คิดเรื่องผมก็ได้"
ภัทรินนิ่งคิด "ชั้นไม่รู้จะคิดถึงเรื่องอะไร"
"ด่าผมก็ได้ ด่าเลย"
ภัทรินพลิกตัวมามองหน้าปราณนต์
ปราณนต์นอนท้าวคางทำหน้าตากวนประสาทคล้ายจะยั่วให้ด่า
"หมอบ้า หมอโง่ ปากเสีย โรคจิต หน้าด้าน ลามก กวนประสาท เจ้าเล่ห์ ใจร้าย"
"ผมไม่เจ็บเลย" ปราณนต์ตะล่อมให้ภัทรินหลับตา "ทีนี้หลับตา แล้วสร้างสรรค์คำด่าผมในใจนะ จะด่ายังไงให้ผมเจ็บสุดๆ"
ภัทรินพึมพำคำด่าต่อไปเรื่อยๆ แล้วน้ำตาของเธอก็หยุดไหลก่อนจะค่อยๆสงบลง ปราณนต์รู้สึกว่าภัทรินดูอ่อนโยน บริสุทธิ์ และบอบบางก็ต้องการการทะนุถนอมมาก ภัทรินค่อยๆสงบลงแล้วก็หลับไป ปราณนต์ยกมือปาดน้ำตาให้ภัทรินโดยยังคงมองภัทรินอย่างอ่อนโยนและรักใคร่จนห้ามตัวเองไม่อยู่ เขายื่นหน้าเข้าไปหอมหน้าผากของภัทรินอย่างแผ่วเบา
ปราณนต์ถอนหน้าออกแต่อยู่ๆ ภัทรินก็ลืมตาขึ้นมามองหน้าปราณนต์ เธอจ้องเขาอย่างฉงนและสับสนเพราะไม่เข้าใจความรู้สึกของปราณนต์และของตัวเอง ปราณนต์อึ้งเหวอจนพูดไม่ออก ภัทรินพลิกตัวหันไปอีกด้าน เธอหันหลังให้ปราณนต์ทันทีโดยไม่ได้พูดต่อว่าอะไรสักคำ
ปราณนต์รู้สึกพลาดที่ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ เขาเข้าใจว่าภัทรินรังเกียจ ปราณนต์เดินออกจากห้องไป ภัทรินนอนลืมตาด้วยความสับสนที่ก่อตัวขึ้นในใจ
เช้าวันใหม่ ปราณค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเพดานอย่างเลื่อนลอย เขาตั้งสติสักพักก็รู้สึกได้ถึงลมเบาๆ ที่พัดมาจากหน้าต่าง ปราณค่อยๆหันหน้าไปมองก็เห็นบรรยากาศยามเช้า ผ้าม่านขาวปลิวไหวๆ สดชื่น แล้วอยู่ๆก็มีแจกันดอกทานตะวันสีสดมาวางอยู่ตรงโต๊ะริมหน้าต่างนั้น ปราณมองขึ้นมาก็พบว่าคนนำมาให้คืออัณณา
อัณณายิ้ม "ตื่นแล้วเหรอปราณ"
ปราณยังนิ่งเพื่อตั้งสติและระลึกความทรงจำที่มีต่อผู้หญิงคนนี้
อัณณาพูดต่อ "ร้านดอกไม้ที่นี่มีดอกทานตะวันที่ปราณชอบพอดี อัณเลยให้เขาจัดมาให้ ปราณเห็นแล้วจะได้สดใส มีพลัง เหมือนทานตะวัน" อัณณาหันมามองปราณที่ยังคงจ้องเธอนิ่ง "คิดอะไรอยู่"
"อัณณา”
"ค่ะ อยากดื่มน้ำมั้ย"
ปราณพยักหน้านิดๆ อัณณาไปหยิบน้ำแล้วเทใส่แก้วถือมาแล้วค่อยๆประคองปราณให้ลุกขึ้นนั่ง
"ระวังนะ"
อัณณาให้ปราณดื่มน้ำจากหลอด
"เข้าห้องน้ำมั้ยคะ"
ปราณส่ายหน้า
"หิวหรือเปล่า" อัณณาถามต่อ
ปราณส่ายหน้า
"หรืออยากดูทีวี"
ปราณยิ้ม อัณณาแปลกใจ
"คุณทำเหมือนผมเป็นเด็ก"
"ก็เห็นปราณเพิ่งฟื้น เผื่อยังนึกคำพูดอะไรไม่ออก อัณก็แค่จะช่วย"
ปราณยิ้ม "อัณณา”
"ค่ะ รู้แล้วว่าจำชื่ออัณได้ ไหนบอกหน่อยสิคะว่าปราณจำอะไรเกี่ยวกับอัณได้อีกบ้าง"
"คุณ เป็นเพื่อนสนิทผม"
"ค่ะ"
"และ เป็นแฟนผมด้วย"
อัณณาอึ้ง "หือ"
ปราณเห็นสีหน้าอัณณาก็สงสัย "ไม่ใช่เหรอ"
อัณณาอึกอัก เธอกำลังจะหาทางตอบ แต่หมอและพยาบาลเปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะก่อน
หมอพูดอย่างร่าเริง "เอาล่ะ ตื่นแล้ว หมอขออนุญาตตรวจอาการอย่างละเอียดอีกทีนะครับ จะได้แน่ใจว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร"
ภัทรินลืมตาตื่นขึ้นมาแต่ยังคงนอนนิ่งอยู่ เธอจมไปในห้วงความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปราณนต์เพิ่งอาบน้ำเสร็จจึงมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่ที่บ่า เขาเดินผ่านมาเห็นภัทรินนอนลืมตา
"ตื่นแล้วทำไมไม่ลุก ไม่สบายหรือเปล่า" ปราณนต์ถาม
"เปล่า"
ปราณนต์เข้ามาจับหน้าผากภัทริน
"ตัวก็ไม่ร้อนมาก กินยากันไว้สักเม็ดมั้ย ผมไปหยิบให้"
"ชั้นไม่ได้เป็นอะไร"
"แน่ใจ"
"ไปแต่งตัวไป อุบาทว์" ภัทรินว่า
"อ้าว คนอุตส่าห์เป็นห่วง"
ภัทรินหันหนีแบบไม่สนใจ ปราณนต์คิดจะแกล้งเลยยื่นหน้ามาแล้วสะบัดผมให้น้ำหยดใส่
"จะนอนขี้เกียจไปถึงไหน ลุกๆๆ"
"อี๋ๆๆๆ" ภัทรินลุกแล้วถอยหนี แต่ปราณนต์ยังตามมาแกล้ง "จะบ้าหรือไง หยุดนะ"
ปราณนต์หัวเราะสนุกแล้วก็ยังคงแกล้งไม่หยุด "ฮะๆๆ เป็นเมียหมอ ห้ามขี้เกียจนะครับ ลุก"
ภัทรินถอยหนีไปจนติดผนัง ปราณนต์ตามแกล้งไม่หยุด ภัทรินคว้าผ้าขนหนูที่บ่ามาได้ก็ใช้มันไขว้รัดคอของปราณนต์ทันที
"อ๊อก ยอมแล้ว ยอม เบาๆๆๆ แค่ล้อเล่นนิดเดียว ถึงกับจะฆาตกรรมสามีเลยเหรอ มันบาปนะ คุณต้องเป็นหม้ายนะ"
"นายไม่ใช่สามีชั้น และชั้นก็จะไม่เป็นหม้ายถ้านายตาย"
ภัทรินผละไปโดยผลักปราณนต์ออกไป
"ทำไมวันนี้โหดจัง" ปราณนต์งง
ภัทรินเดินปึงปังหนีออกไป
อัณณากำลังประคองปราณให้ลงจากเตียง โดยให้เขาลงมายืน
"ยืนดีๆนะ อัณปล่อยมือนะ"
อัณณาปล่อยมือ ปราณยืนได้ก็คิดจะเดิน
อัณณารีบมาจับไว้ "อย่าเชียว ปราณไม่ได้ลุกจากเตียงเป็นอาทิตย์ อย่าเพิ่งรีบร้อนเดินจะดีกว่า"
"เมื่อวานผมยังเดินไปที่บันไดหนีไฟได้"
"แต่ภาพในวงจรปิดที่อัณเห็นเขาไม่เรียกเดิน เขาเรียกล้มลุกคลุกคลานกระเสือกกระสนไปจนได้"
ปราณพูดอย่างแน่วแน่และชัดเจน "ผมทำได้"
"ปราณ”
ปราณแกะมืออัณณาออกแล้วจะลองเดินเองให้ได้ อัณณาจำต้องยอม เธอได้แต่ยืนดูแลอยู่ข้างๆ แต่ปราณก้าวแค่ก้าวเดียวก็ขาอ่อนเพราะหมดแรงจนเซจะล้ม อัณณารีบเข้ามาพยุงเอาไว้
"ปราณ"
อัณณาคว้าตัวปราณเอาไว้ทำให้หน้าของปราณโน้มลงมาใกล้หน้าของอัณณาจนแทบจะจูบกัน ทั้งคู่ต่างก็นิ่งงันไป อัณณาเป็นฝ่ายตัดบทขึ้นก่อน
"นั่งที่เตียงก่อนเถอะ"
อัณณาประคองปราณไปนั่ง
"ผมขอโทษ"
"ไม่เป็นไร แต่ปราณอย่าประมาทอีกแล้วกัน ห้ามแอบลุกมาเดินเองเด็ดขาด"
"ผมหมายถึง ที่เมื่อกี้ผมเกือบจะจูบคุณ"
อัณณาอึ้ง
"คุณดู ตกใจมาก แล้วก็กลัวมากด้วย" ปราณบอก
"มันไม่ใช่” อัณณาว่า
ปราณตัดบท "ไม่เป็นไร คุณคงไม่ใช่แฟนผม ผมคงจะรู้สึกไปเอง ใช่มั้ย"
อัณณาลำบากใจที่จะบอก ปราณหัวไวจึงพูดอย่างแน่วแน่และชัดเจน
ภัทรินที่แต่งตัวชุดใหม่เดินออกมาจากห้องนอน ปราณนต์แต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน เขารีบเข้ามาหาภัทรินโดยซ่อนอะไรไว้บางอย่างด้านหลังแล้วทำหน้าตามีเลศนัย
ภัทรินเห็นก็ถาม "อะไร"
"เซอร์ไพร้ส์" ปราณนต์หยิบเอกสารมายื่นให้ดู "ผมเคลียร์หนี้สิบเจ็ดล้านให้คุณเรียบร้อย คุณเป็นไทแล้ว"
"ขอบใจ แล้วชั้นจะรีบหาเงินมาคืนให้"
"อ้าว นี่ผมไมได้ทวงเงินคุณนะ ผมแค่ทำตามข้อตกลงของเรา"
"ชั้นก็พูดตามที่เราตกลงกัน เรื่องของเราเป็นแค่แผน ชั้นคืนเงินนายครบเมื่อไหร่ ชั้นก็เป็นอิสระ"
ปราณนต์รู้สึกแปลกๆที่ภัทรินตอกย้ำเรื่องนี้ แต่ก็ไม่สนใจอะไร "โอเคๆๆ ผมมีอีกเรื่องจะบอก คุณต้องชอบมากแน่"
ปราณนต์จูงภัทรินไป
ปราณนต์จูงภัทรินมาที่ระเบียงที่บนโต๊ะมีฝาชีวางอยู่ ปราณนต์เปิดฝาชีเพื่อนำเสนอ "เปงม้ง" ที่ทำเตรียมเอาไว้ให้
ภัทรินเห็นแต่ไม่รู้จัก "อะไร"
"เมื่อคืนคุณบอกอยากกินเค้ก แต่ผมไปหาซื้อให้ไม่ทัน ก็เลยทำให้คุณซะเลย..นี่เขาเรียก “เปงม้ง” เป็นขนมโบราณพื้นบ้านของชาวไทยใหญ่ ทำจากข้าวเจ้าบด น้ำตาลอ้อย ราดด้วยกะทิ กินคู่กับน้ำเต้าหู้ อร่อยเหาะเลย แต่น้ำเต้าหู้ผมซื้อมา"
"มันไม่ใช่เค้ก" ภัทรินบอก
"มองเผินๆให้เป็นเค้กช็อกโกแลตสิ"
"รสชาติมันคนละเรื่อง"
"ยังไม่ทันกินรู้ได้ไง"
ปราณนต์ตักมาจ่อที่ปาก ภัทรินจำต้องยอมกินเข้าไป ปราณนต์รอลุ้นว่าภัทรินจะว่ายังไง
"ก็ ใช้ได้ หวานไปหน่อย" ภัทรินบอก
"อร่อยก็บอกอร่อย อย่ามาใช้ดงใช้ได้" ปราณนต์ว่า
ภัทรินเหลือบไปเห็นเตาอั้งโล่ที่ยังมีถ่านอยู่โดยอุปกรณ์การทำก็ยังวางคาอยู่
"นายทำเองจริงๆเหรอ" ภัทรินถาม
"ใช่จ้ะที่รักจ๋า" ปราณนต์ตอบเสียงหวาน
"นาย จะทำดีกับชั้นทำไม"
"เอ้า ผมก็อยากเอาอกเอาใจภรรยาผมบ้างสิครับ เดี๋ยวจะหาว่าสามีไม่เทคแคร์"
"นายไม่จำเป็นต้องทำดีกับชั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วอยู่กันสองคนก็ไม่ต้องเรียกชั้นว่าภรรยา หรือที่รักจ๋า ชั้นไม่ชอบ เราก็แค่แต่งงานกันปลอมๆ ไม่ต้องมาทำดีเสียเวลาเปล่า"
"ผมรู้ ไม่เห็นจะต้องพูดย้ำบ่อยๆเลย"
"ชั้นไม่อยากให้นายลืม"
"ผมไม่ลืมหรอก แต่คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ผมอาจจะอยากให้เรื่องของเรากลายเป็นเรื่องจริงก็ได้ ใครจะไปรู้"
ภัทรินอึ้ง
"วันนี้ผมเข้าเวร กลับดึกนะ"
ปราณนต์พูดตัดบทแล้วก็ออกไปทำงาน แต่พอกลับหันหลังสีหน้าของปราณนต์ก็กลายเป็นเจื่อนและไม่เข้าใจตัวเองว่าพูดอย่างนั้นออกไปทำไม เขารีบเดินหนีไป ภัทรินยืนอึ้งเพราะไม่คิดว่าปราณนต์จะพูดเรื่องนี้ออกมา
ปราณกำลังฟังอัณณาเล่าเรื่องของตัวเองอยู่
"ผมน่ะเหรอได้รางวัลนักบริหารและจัดการองค์กรสาธารณสุขยอดเยี่ยมจากองค์กรระดับนานาชาติ" ปราณถาม
"ปราณทำให้จีแอลเอสกลายเป็นผู้นำในระดับอาเซียนได้ มันไม่ธรรมดานะ" อัณณาบอก
"เพราะผมมีคุณเป็นผู้ช่วยน่ะสิ"
"อัณก็แค่ช่วยสนับสนุน แต่ทุกอย่างมันออกมาจากหัวของคุณล้วนๆ ปราณเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว อัณกับณนต์ต้องเป็นฝ่ายพึ่งปราณตลอด"
ปราณชักสนใจและอยากรู้ "เหรอ..ยังไง"
"ปราณเป็นคนเรียนเก่ง ขยันและจริงจังกับการเรียนมาก"
ภาพปราณก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพร้อมทั้งหาข้อมูลจากโน้ตบุ๊คในเวลาเดียวกันด้วยท่าทางเคร่งเครียด จริงจังแวบขึ้นมา อัณณานั่งท้าวคางมองปราณแล้วหันไปอีกทางแล้วอัณณาก็ยิ้มกว้างขึ้น
เสียงอัณณาเล่าต่อ "ในขณะที่ณนต์ก็จะขยันบ้างเล่นบ้าง ตามประสาพวกบ้ากิจกรรม เดี๋ยวบาส เดี๋ยวบอล เดี๋ยวซ้อมดนตรี แล้วก็จะทำรายงานไม่เคยทัน ต้องรบกวนปราณให้ช่วยเข้าห้องสมุดหาข้อมูลให้ทุกที"
ภาพปราณนต์แบกกีต้าร์อยู่บนหลังเดินมากับกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่คุยกันสนุกสนานแวบขึ้นมา
อัณณายิ้มหวานมองตามปราณนต์ไป
ปราณนต์หันมาโบกมือให้อัณณาแถมทำท่าล้อเลียนปราณที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ อัณณาหัวเราะ
ปราณเหลือบมองอัณณา อัณณาหุบยิ้มก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
ปราณมองอัณณาแล้วถามต่อ
"แล้วยังไงอีก"
"แล้วเวลาที่ณนต์ไม่อยากเผชิญหน้ากับอาจารย์คนไหน หรือใครก็ตาม..ณนต์ก็จะอ้างว่าตัวเองอยู่ห้องสมุด ซึ่งจริงๆคนที่เข้าห้องสมุดคือปราณ แล้วอาจารย์ก็จะตามไปต่อว่า ปราณก็ต้องหูชาแทนณนต์ พยายามอธิบายยังไง อาจารย์ก็ไม่เชื่อ"
ปราณเห็นสีหน้าและแววตาของอัณณาที่พูดเรื่องของปราณนต์อย่างเป็นประกาย มีความสุข และเต็มไปด้วยความรู้สึกดีและประทับใจในทุกสิ่งทุกอย่าง ปราณได้แต่ห่อเหี่ยวและหดหู่
"แล้วมีครั้งนึงที่ณนต์แต่งตัวเหมือนปราณ เพื่อมาแกล้งทุกคน"
เหตุการณ์ในอดีต ปราณนต์แต่งตัวทำผมเหมือนปราณนั่งเรียบร้อยอยู่หน้าห้อง ปราณเดินเข้ามาเห็นปราณนต์ก็ชะงักก่อนจะยิ้มนิด ๆ แล้วนั่งข้างๆ เพื่อนๆ ซุบซิบกันว่าคนไหนคือปราณ คนไหนคือปราณนต์ อัณณาที่นั่งอยู่อีกมุมขำทั้งคู่
เสียงอัณณาเล่าต่อ "อัณจำได้ว่าวันนั้น ชุลมุนมาก มีแต่คนทักปราณเป็นณนต์ เรียกณนต์เป็นปราณ ไม่มีใครเรียกถูกสักคน มีแค่อัณที่แยกออกว่าคนไหนปราณคนไหนณนต์"
อาจารย์เดินเข้ามาแจกคะแนนให้
"คนที่ทำคะแนนได้สูงสุดคือปราณ"
ทั้งปราณนต์ทั้งปราณลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ทั้งคู่เดินไปหาอาจารย์พร้อมกัน ยื่นมือออกไปรับใบคะแนนพร้อมกันอีก อาจารย์งงว่าจะให้ใครดี อัณณาและทุกคนในห้องขำกันยกใหญ่
อัณณาที่เล่าเรื่องนี้ยังคงหัวเราะต่อเนื่อง ปราณเริ่มเครียด มือไม้เริ่มสั่น การหายใจเริ่มไม่สม่ำเสมอ
"แต่ถ้าไม่มีณนต์ เราอาจจะเป็นบ้าไปก่อนจะเรียนจบ ตอนเรียนเครียดจะตาย แต่ณนต์ก็ทำให้เราหัวเราะได้ตลอดเวลา ณนต์ทำอะไรก็ตลก เวลาอัณทำหน้าเครียดทีไร ณนต์ก็จะเล่นมุกว่ารักปราณมาก คิดถึงปราณมาก แล้วก็โผกอด หอมแก้มซ้ายขวา แล้วอัณก็ต้องหัวเราะทุกที หรือตอนที่..”
ในที่สุดปราณก็ไม่อยากฟังอีกจึงตัดบทสนทนา
"ผม จะนอนแล้ว"
ปราณล้มตัวนอน อัณณาแปลกใจ
"ปวดหัวเหรอ"
ปราณไม่ตอบ เขาหันหน้าหนีแล้วก็ตัวเกร็งๆ เหมือนไม่อยากให้มายุ่ง
"เป็นอะไรหรือเปล่าปราณ อัณตามหมอดีมั้ย"
ปราณหันมาตวาดเสียงดัง "ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่ออกไปก็พอ"
อัณณาเหวอที่อยู่ๆปราณก็อารมณ์แปรปรวนจนน่ากลัว ปราณทิ้งตัวนอน เขาหันหน้าหนีอย่างสะกดกลั้น
อัณณาเหวอแล้วก็ถอยออกไป
อัณณาเดินออกมาจากห้องด้วยความไม่เข้าใจปฏิกิริยาของปราณ พสุวัฒน์เดินรีบร้อนเข้ามา
"หนูอัณ แย่แล้ว"
"อะไรคะ" อัณณาถาม
"นักสืบที่ชั้นจ้างให้ตามประกบนายสินธรกับธนาฒน์ เพิ่งส่งข่าวมา" พสุวัฒน์ยื่นรูปใบนึงให้ดู "ธนาฒน์อยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนี้"
อัณณารับรูปที่นักสืบแอบถ่ายมาดูก็เห็นว่าเป็นรูปธนาฒน์อยู่กับภัทรินที่บริษัทนำเข้ายา
"เขาไปตามภัทริน กับณนต์" อัณณาบอก
"พวกมันต้องรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแน่ ถึงต้องตามขึ้นไปถึงเชียงใหม่"
"อัณจะรีบโทรไปเตือนณนต์ค่ะ"
อัณณากำลังจะโทรศัพท์ แต่อยู่ๆมีเสียงดังมาจากห้องพักของปราณ เป็นเสียงคนล้ม เสียงข้าวของล้ม ตามด้วยเสียงร้องของปราณ
"อ๊าก"
อัณณากับพสุวัฒน์ตกใจจึงรีบวิ่งไป
อัณณากับพสุวัฒน์วิ่งกลับเข้ามาในห้อง แต่ไม่พบปราณอยู่ที่เตียง ทั้งสองเห็นปลายเท้าของปราณอยู่ที่พื้นโดยโผล่พ้นปลายเตียงออกมา ทั้งสองเห็นว่าปราณกำลังชักอยู่กับพื้น
อัณณาตกใจ "ปราณ"
"หมอ หมอๆๆ" พสุวัฒน์ตะโกนเรียก
หมอกับพยาบาลรีบวิ่งตามเข้ามาสมทบแล้วรีบเข้าไปดูอาการปราณทันที
อัณณากับพสุวัฒน์ยืนมองอาการปราณด้วยความเป็นห่วง ปราณถูกรุมจับให้นิ่ง เขามีสภาพตาเหลือกจนน่ากลัว แต่แล้วอยู่ๆ ปราณก็ผวาเฮือกแล้วนิ่งไปแบบหยุดการเคลื่อนไหว หยุดการหายใจ อัณณากับพสุวัฒน์ช็อก
หมอก็ช็อก ทีมพยาบาลมือสั่น
หมอบอกพยาบาล "พาไปห้องฉุกเฉิน"
จักรยานภัทรินจอดอยู่ที่ข้างทาง ภัทรินกำลังเดินเล่นกับโคโค่โดยปล่อยให้โคโค่คุ้ยเขี่ยเล่นไป ภัทรินมองเหม่อแล้วก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ภาพตอนที่ปราณนต์ปลอบเธอและหอมหน้าผากของเธอย้อนกลับมา
ภัทรินสับสนเพราะไม่เข้าใจหัวใจตัวเอง
"ไม่ อย่าเพ้อเจ้อๆๆ"
ภัทรินอุ้มโคโค่ขึ้นมาถาม
"ใช่ โคโค่ หล่อนเป็นหมามีเซ้นซ์ไวกว่า หล่อนต้องบอกชั้น เขาก็แค่ทำดีเพื่อตบตาคนอื่นๆให้แนบเนียน แค่นั้นใช่มั้ย ความห่วงใย ความอ่อนโยน คำพูด ทุกอย่างที่เขาทำให้ชั้น มันก็แค่ละครฉากนึงเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นเรื่องจริงเลย ใช่มั้ย"
ภัทรินกลุ้มใจ
"ไปโคโค่ชั้นจะพาแกไปส่งบ้าน"
ภัทรินเอาโคโค่ใส่ตะกร้าหน้าจักรยานแล้วปั่นออกไป
ภัทรินปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน เธอหยิบสารพัดผักออกมาจากตะกร้าหน้ารถ ระหว่างนั้นชาย2คนซึ่งเป็นสมุนของธนาฒน์ก็มายืนด้อมๆมองๆอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ภัทรินหอบผักเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัวเลยว่าภัยกำลังมา
ชาย2คนโผล่มายืนมองใหม่อีกครั้ง แล้วชายคนนึงก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
"ผมเจอบ้านหมอณนต์แล้วครับ ได้ครับ เดี๋ยวจัดให้"
สินธรกำลังเปิดดูเอกสารตรวจสุขภาพของพสุวัฒน์อยู่
ชมนาดอธิบาย “ผลตรวจสุขภาพประจำปีของคุณพสุวัฒน์ ย้อนหลังห้าปี โรคเดียวที่ท่านเป็นคือความดัน แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก ส่วนเบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับหัวใจ ไม่มีเลย”
“แต่พี่พสุบอกว่าเป็นเนื้องอกในสมอง” สินธรบอก
“คุณเชื่อเหรอคะ”
“ผมไม่รู้ แต่พื้นฐานพี่พสุก็ไม่ใช่คนแข็งแรงอะไรมาก มันก็เป็นไปได้”
“ชมไม่เชื่อ แฝดพี่ป่วยก็เป็นความลับ แฝดน้องแต่งงานก็เป็นความลับ นี่คุณพสุวัฒน์ป่วยก็ยังเป็นความลับอีก อะไรมันจะมีความลับมากขนาดนี้ คุณเชื่อเหรอว่าที่คุณปราณผลุบๆโผล่ๆเพราะเขาต้องไปรักษาตัวประเทศนั้นประเทศนี้จริงๆ เราคือจีแอลเอสนะ เทคโนโลยีการแพทย์เราไม่เป็นรองใคร ถ้าต้องการสเปเชี่ยลลิสต์ เราอิมพอร์ตเข้ามาก็ได้ ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเดินทางไปเองเลย แล้วคุณปราณดูเหมือนคนป่วยตรงไหน คุณบอกมาสิ ไม่เลย” ชมนาดว่า
สินธรเข้ามาโอบพร้อมกับลูบต้นแขนเบาๆ เพื่อปลอบ “ใจเย็นๆคุณชม คุณเครียดมากไปแล้ว”
“ชมจะไม่ยอมเป็นนังโง่ให้พวกมันปั่นหัว ชมต้องรู้ให้ได้”
“คุณพูดถูก พวกมันมีแผนอะไรอยู่แน่ แต่เราจะเดินนำหน้ามัน เราจะต้องเป็นฝ่ายชนะ คุณเชื่อผมสิ”
“ชนะ ยังไงคะ” ชมนาดไม่เข้าใจ
“งานสัมมนาเชิงนโยบายทางการแพทย์ระดับชาติวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ผมจะทำให้เจ้าปราณไม่มีที่ยืนในจีแอลเอสอีกต่อไป”
สินธรแสดงความมั่นใจ เขาลูบแขนลูบหน้าให้ชมนาดเพื่อคลายความเครียด แต่แล้วชมนาดก็ชะงัก ผละออกเพราะมองผ่านหน้าสินธรไปแล้วเห็นแอ๋วถือจานผลไม้เดินมาแต่ไกล เธอไม่อยากให้แอ๋วจับได้
แอ๋วพูดอย่างสดใสแบบไม่รู้เรื่องอะไร “ของว่างค่ะ ขนมกลีบลำดวน แอ๋วเพิ่งหัดลองทำ คุณชมมาเป็นหนูทดลองให้แอ๋วซะดีๆ”
ภัทรินกำลังหอบเอาผักเข้าไปไว้ในส่วนครัว เธอวางเอาไว้ที่โต๊ะเตรียม
“แม่นะแม่ ให้แต่คอโรฟิล สะตงสะเต็กไม่เคยคิดจะให้ลูกกินหรอก” ภัทรินบ่น
เสียงกึกกักดังมาจากด้านในบ้าน ภัทรินหันไปมองด้วยความแปลกใจ
ภัทรินเดินกลับเข้ามามองสำรวจแต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่พอมองไปทางด้านห้องนอนที่มีผ้าม่านปิดอยู่เธอก็เห็นเงาใครบางคนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ใครน่ะ”
ภัทรินรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงคว้าแจกันขึ้นมาเพื่อจะรีบเดินตามออกไปดูด้านนอก แต่พอเดินพ้นประตูบ้านออกมาก็มีใครอีกคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูเอื้อมมือมาจับบ่าเธอทันที
ภัทรินตกใจจึงหันมาแล้วเงื้อมือจะตี
จันทร์วิภาร้องเสียงดัง “อย่า”
ภัทรินชะงักเอาไว้ได้ทัน
“ยัยจันทร์”
เนตรมณีกับเบญจคีย์วิ่งมาจากอีกด้าน ภัทรินประสาทไวจึงหันกลับมาเงื้อจะตีอีกเช่นกัน
เนตรมณีกับเบญจคีย์รีบยกมือแล้วร้องห้าม “ชั้นเองๆ”
ภัทรินชะงักมือเอาไว้ทัน เนตรมณีกับเบญจคีย์หน้าซีดและยิ้มเจื่อนๆ
สามสาวเพื่อนภัทรินเข้ามานั่งในบ้าน
“แหย่เล่นนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้ ดอยผาหมอกไม่ใช่กรุงเทพนะ จะได้มีโจรขโมยพลุ่กพล่าน” จันทร์วิภาว่า
“ใช่ แล้วที่สำคัญ ที่นี่น่ะบ้านหมอณนต์นะไม่มีโจรมาปล้นแน่นอนจ้ะ” เบญจคีย์เสริม
“ใครจะไปรู้ ทีหลังก็อย่าเล่นอย่างนี้อีก” ภัทรินบอก
“อุตส่าห์มีของดีมาฝาก เซ็งเลย” เนตรมณีว่า
ภัทรินถาม “ของดีอะไร”
เบญจคีย์กับเนตรมณียิ้มให้กันพร้อมทั้งหัวเราะคิกคัก แล้วเบญจคีย์ก็หยิบของที่ใส่ในย่ามชาวเขาออกมาวางพร้อมทั้งกางห่อกระดาษออกให้ดู
ภัทรินถาม “อะไร”
“ไม่รู้จักเหรอ ตังถั่งเช่าไง พวกชั้นไปช่วยกันเก็บมาเองกับมือเลย สรรพคุณเยอะมาก แต่ที่เด่นๆก็คือ ช่วยเรื่อง จุดจุดจุด” เบญจคีย์บอก
ภัทรินตกใจ “หา”
“มีราคาและหายากมากนะขอบอก แต่นี่เพื่อแกกับคุณหมอ ชีวิตคู่จะได้มีความสุข” จันทร์วิภาบอก
“มาๆๆ ขอถ่ายรูปรับมอบของหน่อย” เนตรมณีหยิบมือถือมาถ่ายรูปภาพส่งมอบยาให้ภัทริน “อุ๊ย แบตจะหมด ภัท ขอชาร์ตไฟหน่อยนะ”
เบญจคีย์เข้ามากระเซ้า “ภัท แกรู้ป่าว คืนนี้พยากรณ์อากาศบอกว่ายอดดอยอุณหภูมิจะลดลงอีก อากาศหนาวๆ ข้าวใหม่ปลามันจะทำอะไรให้ร่างกายอบอุ่นก็ไม่รุ” เบญจคีย์หัวเราะคิกคัก
เบญจคีย์กับเนตรมณีพูดไปก็หัวเราะคิกคักท่าทางจั๊กจี๋ไป
“เดี๋ยวนะ คือ พวกแกจะเอามาให้หมอโด๊ป เอากลับไปเลย เราไม่ได้มีอะไรกัน ชั้นหมายถึง เราไม่ได้มีปัญหาอย่างนั้น”
“แหมๆๆ ไม่ต้องอายหรอกแก หมอณนต์อาจจะทำงานหนักและเครียดมาก แต่มันแก้ไขได้”
“ใส่น้ำต้มให้คุณหมอดื่มตามต้องการ ไม่ต้องกลัวผลข้างเคียง สมุนไพรตัวนี้ยิ่งดื่มยิ่งเด่” เนตรมณีบอก
จันทร์วิภากับเบญจคีย์ช่วยแก้ “ยิ่งดี”
เนตรมณีปิดหน้าด้วยความเขิน “ว้าย ชั้นพูดอะไรออกไป”
ภัทรินทำหน้าเซ็งอย่างปฏิเสธไม่ได้ เธอหันหลังแล้วเดินหนีไป
จันทร์วิภา เนตรมณี และเบญจคีย์ชะงักอย่างงงๆ
คนร้ายผู้ชายยังคงแอบซุ่มอยู่ด้านนอกตัวบ้านเพื่อรอจังหวะ
ปราณนต์กำลังรอสายโทรศัพท์ไปด้วยดูชาร์ตคนไข้ไปด้วย พอมีคนรับสายปราณนต์ก็รีบส่งชาร์ตคืนพยาบาลแล้วคุยพร้อมกับเดินไปห้องตรวจด้วย
“อัณ พี่ปราณเป็นยังไงบ้าง”
อัณณาเดินแยกออกมาพูดสายด้านหนึ่งของโรงพยาบาลในกรุงเทพ
“ปราณฟื้นแล้ว แต่เมื่อเช้าปราณชักเพราะเครียด ค่ะ เป็นอาการปกติของคนไข้ที่มีปัญหาด้านสมอง ตอนนี้โอเคแล้ว”
“ไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษใช่มั้ย” ปราณนต์ถามต่อ
“ใช่ ก็มีแค่ปราณยังจำอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ถึงกับความจำเสื่อม แค่จำได้บางคน บางอย่าง หรือไม่ก็จำได้เป็นความรู้สึก ว่าคนๆนี้ไว้ใจได้ คนๆนี้ไว้ใจไม่ได้ ต้องใช้เวลาสมองฟื้นตัวเองอีกสักระยะกว่าที่จะกลับมาทำงานได้ ณนต์คงต้องเหนื่อยอีกสักพักนะ”
“ไม่มีปัญหา ฝากพี่ปราณด้วยนะอัณ ถ้ามีอะไรเร่งด่วนโทรหาผมทันทีนะ”
อัณณารีบเรียกก่อนจะวาง “เดี๋ยวก่อนณนต์ รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ธนาฒน์อยู่ที่เชียงใหม่”
“รู้ มันมาดักเจอภัทรินที่บริษัทนำเข้ายา ผมอยู่ที่นั่นด้วย” ปราณนต์มองไปรอบๆ เพื่อให้เห็นว่าปลอดคนก่อนจะลดเสียง “พวกมันคงกำลังดิ้นพล่านเพราะไม่รู้ว่าแผนการที่พวกเราวางไว้คืออะไร มันถึงบุกมาถึงนี่”
“เราก็ไม่รู้แผนการของพวกเขาเหมือนกัน..ก่อนหน้านี้คุณสินธรก็บุกมาที่นี่ วันนี้ธนาฒน์ไปเชียงใหม่ พวกเขากำลังไล่บี้เราทุกทาง แล้วเราก็ไม่รู้จะปกปิดความลับนี้ได้อีกนานแค่ไหน ณนต์ เราต้องรีบจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่พวกเขาจะต้อนให้เราจนมุม”
“อัณมีแผนอะไรอยู่ในใจแล้วใช่มั้ย” ปราณนต์ถาม
อัณณามีสีหน้าหนักแน่นและมั่นใจ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
สินธรกลับมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา เขาเอนหลังและหลับตาเพื่อพักเหนื่อย แอ๋วเพิ่งออกมาจากในครัวเดินมาเห็นเข้า
“คุณชมกลับไปแล้วเหรอคะ” แอ๋วถาม
สินธรตอบสั้นๆ “อื้อ”
แอ๋วเห็นสินธรมีท่าทางล้าจึงเดินเข้าไปนวดบ่าให้ สินธรปล่อยให้แอ๋วนวดอย่างสบายอารมณ์
“งานมีปัญหาเหรอคะ ตั้งแต่เกิดเรื่องทุจริต แล้วก็เรื่องที่มีคนลอบทำร้ายคุณปราณ แอ๋วเห็นคุณทำแต่งานๆ แทบไม่เคยได้พักเลย แอ๋วเป็นห่วงนะคะ”
“ขอบใจ”
“ถ้าปัญหาเรื่องงานทุเลาแล้ว แอ๋วว่าเราไปพักผ่อนยาวๆต่างจังหวัดกันบ้าง เถอะ ปีนี้ทั้งปีคุณยังไม่ได้หยุดสักวันเลยนะคะ”
“หยุดทำไม นวดต่อ ผมจะได้พักก็ต่อเมื่อนายปราณลาออกนั่นแหละ”
“ทำไมคะ” แอ๋วถาม
“คุณไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่ามันคือปัญหาเดียวของผมตอนนี้” สินธรบอก
“เกี่ยวกับการที่ปราณต้องไปพักรักษาตัวต่างประเทศ เลยไม่ค่อยได้เข้าบริษัทใช่มั้ยคะ”
สินธรลืมตาเงยหน้ามองแอ๋วอย่างทึ่งนิดๆ ที่เธอรู้เรื่องงานด้วยเหรอ แอ๋วยิ้มภาคภูมิเพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้คือปัญหาที่แท้จริงของสามี
“แอ๋วไม่ใช่แม่บ้านบื้อๆที่วันๆสนใจแต่งานบ้าน แต่งานของสามีไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรอกนะคะ” แอ๋วเสริม
สินธรขำๆ “อ้อเหรอ ไม่ยักรู้ว่าคุณใส่ใจเรื่องงานด้วย แล้วรู้อะไรอีก”
“แอ๋วรู้ว่าทุกวันนี้จีแอลเอสจะทำอะไรทีก็ยาก ล่าช้าไปหมด แล้วกำลังจะมีงานสัมมนาระดับชาติด้วย คุณก็คงจะกังวลว่าปราณจะโผล่มาร่วมงานนี้ด้วยหรือเปล่า ใช่มั้ยคะ”
สินธรพูดประชดขำๆ “โห คุณไม่ใช่แม่บ้านธรรมดานะเนี่ย รู้ขนาดนี้ ฮะๆๆ”
“นี่ถ้าน้องชายฝาแฝดของปราณอยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะช่วยอะไรได้” แอ๋วบอก
“ช่วยยังไง”
“ก็ถ้าเกิดปราณไม่มาหรือมาสาย ก็ให้น้องชายไปหน้าแขกก่อนไงคะ เด็กแฝดคู่นี้ชอบสลับตัวกันหลอกคนอื่นอยู่แล้ว เดี๋ยวปราณเป็นปราณนต์ เดี๋ยวปราณนต์เป็นปราณ แอ๋วจำได้ว่าพ่อกับแม่เขาบางทียังสับสนเลย ถ้าเป็นคนอื่นไม่มีทางจำได้แน่” แอ๋วพูด
สินธรตะลึงจนตาโตเพราะฉุกคิดขึ้นมาได้
“ปราณเป็นปราณนต์ ปราณนต์เป็นปราณ” สินธรทวนเบาๆ
ชมนาดพูดโทรศัพท์กับสินธร
“ทำไมเราถึงไม่เคยคิดประเด็นนี้เลย” ชมนาดว่า
สินธรพูดโทรศัพท์กับชมนาดจากมุมหนึ่งในบ้าน
“แต่มันก็ไม่แน่นะคุณชม เจ้าณนต์ไม่ลงรอยกับพ่อมันมาแต่ไหนแต่ไร มันไม่น่าจะมายุ่ง” สินธรว่า
“แต่นี่พี่ชายเขานะคะ มันก็อาจจะเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องห่วง จะใช่หรือไม่ใช่ เดี๋ยวชมจะพิสูจน์เอง”
ธนาฒน์ที่นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟมองสาว ๆ ไปคุยโทรศัพท์ไป
“ให้ผมตามประกบหมอณนต์เอาไว้ ทำไมครับ”
ชมนาดพูดโทรศัพท์กับธนาฒน์อยู่ที่ระเบียง
“ไม่ต้องถาม ประกบมันเอาไว้ อย่าให้มันเข้ากรุงเทพได้จนกว่าจะผ่านวันจันทร์นี้ไป เข้าใจมั้ย”
“วันจันทร์เลยเหรอครับ อ้าว อย่างนี้ผมก็ไม่ได้เข้าร่วมงานสัมมนา”
“สิ่งที่ชั้นให้เธอทำสำคัญกว่างานสัมมนาเพื่อชาตินั่นมาก เธอจะทำเพื่ออนาคตชาติหรือเพื่ออนาคตตัวเอง”
“ถามอะไรแปลกๆ ผมก็ต้องทำเพื่อพี่ชมน่ะสิครับ” ธนาฒน์ยกมือทักทายสาวๆ
ชมนาดมั่นใจจนตาวาว
“เอาจริงนะครับพี่ชม ป่านนี้หมอณนต์อาจจะเละไปแล้วก็ได้ ก็แค่สั่งสอนนิดๆหน่อยๆแค่นั้นเอง หึๆๆ” ธนาฒน์หัวเราะเบาๆ
ภัทรินนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ชานบ้าน จันทร์วิภา เนตรมณีและเบญจคีย์เดินมาหาเพราะเข้าใจว่าภัทรินเครียดเรื่องปราณนต์ ทั้งสองเลยเข้ามาปลอบ
“ภัท ไม่ต้องกลุ้มหรอก ลองให้หมอกินถั่งเช่าดูก่อน มันต้องช่วยได้” จันทร์วิภาบอก
“ชั้นไม่ได้กลุ้มเรื่องนั้น” ภัทรินว่า
“อ้าว” เนตรมณีแปลกใจจึงมองหน้าเบญจคีย์แล้วหันมาถามภัทริน “แล้วเรื่องอะไร”
ภัทรินหันกลับมาเหมือนอยากจะปรึกษา แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง “แก คือ ผู้ชาย สามารถจูบผู้หญิงที่ไม่ได้รู้สึกพิเศษ ไม่ได้รัก ได้ป่ะ”
สามสาวตอบพร้อมกัน “ได้”
เบญจคีย์มีท่าทางของขึ้น “เรื่องนี้อย่าให้ชั้นต้องพูดเลย”
จันทร์วิภาถาม “แกมีประสบการณ์”
“ไม่มีเลย แต่ชั้นก็อ่านหนังสือนะ ผู้ชายทำอะไรหลายๆอย่างโดยปราศจากความรักได้ ไม่เหมือนกับผู้หญิงเรา” เบญจคีย์บอก
“แล้วถ้าเขาทำดีด้วย อ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใย มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยใช่มั้ย” ภัทรินถาม
“ถามทำไม อย่าบอกนะว่ากำลังสงสัยว่าหมอไม่รักแก” เนตรมณีว่า
ภัทรินตกใจจึงรีบปฏิเสธ “เปล่าๆๆ หมอจะไม่รักชั้นได้ไง เราแต่งงานกันแล้ว สวีทกัน ออกจะตาย พวกแกอย่าไปบอกให้แม่ชั้นรู้เชียว ชั้นขี้เกียจตอบคำถาม เข้าใจมั้ย”
“แล้วแกจะถามทำไม หรือมีคนอื่นมาจูบแก” จันทร์วิภาถามต่อ
“ไม่มี ไปกันใหญ่แล้วพวกแก ไปๆๆ กลับไปได้แล้ว ชั้นอยากนอนแล้ว”
สามสาวยังข้องใจ “แต่”
ภัทรินถามทันที “พวกแกไม่กลับไปดูละครเหรอ”
“ว้าย จริงๆด้วย ไปก่อนนะแก มีอะไรโทรปรึกษากันได้เลยนะ ไปแล้วๆๆ” จันทร์วิภารีบไป
สามสาวรีบวิ่งออกไปคว้ามอเตอร์ไซค์ของตัวเองขี่และซ้อนท้ายกันออกไปทันที ภัทรินยิ้มนิดๆที่เห็นเพื่อนติดละครขนาดนี้
ภัทรินเดินกลับเข้ามาในบ้านโดยที่มือถือของเนตรมณียังเสียบชาร์ตไฟค้างไว้อยู่
“ยัยเนตร ลืมมือถือ” ภัทรินบ่น
สักพักก็มีเสียงแก๊กๆดังมาจากด้านนอก ภัทรินคิดว่าเพื่อนคงกลับมาเอามือถือเลยหยิบเพื่อจะเอาไปให้
“พวกแกกลับไปดูละครไม่ทันแน่ๆ” ภัทรินว่า
แต่เมื่อภัทรินเดินออกมาก็ต้องผงะ เพราะคนที่สวนเข้ามายืนหน้าประตูคือชายคนร้าย
“คุณ มาหาใคร” ภัทรินถาม คนร้ายเดินกดดันเข้ามาด้วยสีหน้าแววตาที่บ่งบอกว่าไม่ได้มาดี ภัทรินถอยพร้อมกับมองหาทางหนีทีไล่ไปด้วย “ถ้าจะเอาทรัพย์สินก็เอาไปเลย”
“ใครจะไปอยากได้ทรัพย์สิน”
คนร้ายมองภัทรินแบบหื่น ๆ
ภัทรินตกใจจึงรีบถอยหนีเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดประตูก่อนจะเอาไม้มาขัดล็อกประตูทันที เธอรีบกดมือถือของเนตรมณีโทรออกไปหาตำรวจพร้อมกับร้องขู่คนร้าย
“ออกไป หรือจะให้ชั้นแจ้งตำรวจ”
คนร้ายขำ “ฮะๆๆ กว่าตำรวจจะขึ้นดอยมาได้ เราก็ถึงไหนต่อไหนกันแล้ว”
ภัทรินหน้าซีดเพราะกลัวถูกทำมิดีมิร้าย
เสียง “ตึง” ดังมาจากด้านหลัง ภัทรินหันกลับไปมองก็เห็นคนร้ายอีกคนที่อยู่ด้านนอกกำลังทุบฝาบ้าน และทุบกระจกเพื่อขู่ภัทริน ภัทรินตกใจก้าวถอยหลัง แต่คนร้ายที่อยู่ตรงประตูห้องนอนก็ทุบประตูขู่ ทำให้ภัทรินอยู่ตรงกลางระหว่างคนร้าย2คนที่ไล่ทุบฝาบ้านเพื่อขู่เธอ
ภัทรินกลัว “พวกแกต้องการอะไร”
คนร้ายทุบกระจกที่ประตู ทั้งสองทุบจนกระจกแตกไปหลายบานก่อนจะเอื้อมมือเข้ามาดึงสลักที่ล็อคประตูเอาไว้ออก ภัทรินหน้าซีด
ภัทรินตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย”
คนร้ายคนหนึ่งผลักประตูเปิดแล้วรีบบุกเข้ามาประชิดตัวแล้วกระชากมือถือโยนทิ้งไป ก่อนจะพยายามปิดปากภัทริน ภัทรินอาศัยจังหวะนั้นคว้านิ้วก้อยคนร้ายแล้วจับหักขึ้นจนพับไปกับหลังมือ คนร้ายร้องลั่น
“อ้าก”
ภัทรินผลักคนร้ายแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทางประตู แต่คนร้ายก็ตามมาคว้า ภัทรินเตะผ่าหมาก คนร้ายจุกจนทรุดลง แล้วภัทรินก็รีบวิ่งหนีออกไป
ภัทรินวิ่งหนีออกมาด้านนอก คนร้ายอีกคนวิ่งเข้ามาดักรวบตัวภัทรินเอาไว้ ภัทรินดิ้นและโวยวาย
“ปล่อยชั้นนะปล่อย ช่วยด้วย”
คนร้ายยกตัวภัทรินขึ้นแล้วเดินมุ่งหน้าจะเข้าบ้าน
ภัทรินเอาหัวโขกไปที่หน้าคนร้าย
คนร้ายร้องลั่น “โอ้ย”
คนร้ายเจ็บเลยยอมคลายมือออก ภัทรินดิ้นจนหลุดแล้วจะวิ่งหนี คนร้ายยื่นมือกระชากผมภัทรินเพื่อดึงตัวกลับมา คนร้ายจับตัวภัทรินบิดมาหาแล้วตบเข้าที่หน้าของเธอ
ภัทรินทั้งเจ็บทั้งมึนแต่พยายาม ข่วน ทุบ เตะคนร้ายแต่เขาก็ไม่สะเทือนทำได้แค่สร้างความรำคาญเท่านั้น คนร้ายอีกคนเดินท่าทางจุกๆ ออกมาจากในบ้านก่อนจะเข้ามารวบตัวภัทรินจากทางด้านหลัง ภัทรินพยายามดิ้นรน
คนร้ายคนแรกรวบขาภัทรินยกขึ้น แล้วทั้งคู่ก็เดินเพื่อจะเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นก็มีมือยื่นมาจับหัวผู้ร้ายคนหนึ่งแล้วกระชากจนหงายก่อนจะใช้อีกมือฟันเข้าที่คอหอย คนร้ายสำลักและปล่อยขาภัทริน ส่วนตัวเองก็ทรุดลง ปราณนต์คือคนที่มาจัดการคนร้ายจนลงไปกองนั่นเอง
ภัทรินได้โอกาสก็กระทืบเท้าคนร้ายอีกคนเต็มๆ พร้อมทั้งศอกถอง คนร้ายคลายมือที่รัดภัทรินไว้ แต่ยังจับข้อมือของเธออยู่ ภัทรินเอานิ้วจิ้มตาคนร้ายเข้าเต็มๆ
ปราณนต์กระชากคนร้ายขึ้นมาแล้วต่อยเข้าที่ลิ้นปี่ เขาต่อยซ้ำ ๆ จนคนร้ายร่วงลงไปกองอีก คนร้ายอีกคนยังไม่ยอมปล่อยภัทริน เขาจับข้อมือภัทรินไว้แน่นแล้วจะตบภัทรินแต่ปราณนต์เอามือมากันไว้แล้วจับมือคนร้ายบิดพร้อมทั้งดันไปด้านหลัง คนร้ายเจ็บจึงปล่อยมือจากภัทริน
คนร้ายบิดแขนกลับเพื่อแก้จากการโดนปราณนต์จับเอาไว้ คนร้ายต่อยเข้าที่หน้าปราณนต์ แล้วจับปราณนต์มาตีเข่าทำให้ปราณนต์เริ่มสะบักสะบอม ภัทรินเอาไม้มาฟาดกบาลคนร้ายเพื่อช่วยปราณนต์ คนร้าย ทรุดลงไปกองกับพื้น ปราณนต์ขยับมาหาภัทริน
คนร้ายอีกคนเริ่มหายจุกจึงลุกขึ้นยืนและชักมีดออกมา ภัทรินเห็นคนร้ายมีมีดก็ร้องบอกปราณนต์
“หมอณนต์ มันมีมีด”
ปราณนต์หันไปประจันหน้ากับคนร้าย คนร้ายจะแทง ปราณนต์จับข้อมือคนร้ายแล้วกระชากเข้าหาตัว คนร้ายเสียหลักถลาเข้าไปหาปราณนต์ ปราณนต์บิดข้อมือคนร้ายพร้อมทั้งกดไหปลาร้าแล้วแย่งมีดมาได้ คนร้ายอีกคนลุกขึ้นมาจะช่วยเพื่อน แต่เจอภัทรินเอาไม้ฟาดหน้าหงายไปอีก คนร้ายคนแรกต่อยมือข้างที่ไม่โดนจับเข้าที่สีข้างของปราณนต์ ปราณนต์จุกจึงปล่อยมือ คนร้ายคนนั้นสะบัดจนหลุดแล้วเตรียมจะซ้ำ อยู่ๆ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้น จันทร์วิภา เบญจคีย์ และเนตรมณีขี่รถซ้อนสามกลับเข้ามา
“พวกแกเป็นใคร ตายแล้ว!! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” เบญจคีย์ตะโกนลั่น
เนตรมณีล้วงกระเป๋าแล้วคว้านกหวีดขึ้นมาเป่ารัวๆ “ปรี๊ดดด”
จันทร์วิภา เนตรมณี และเบญจคีย์ต่างก็ล้วงเอานกหวีดขึ้นมาเป่าบ้าง ทั้งสามเป่าอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ยอมหยุด คนร้ายตกใจจึงตะเกียกตะกายหนีกันไปอย่างรวดเร็ว เนตรมณีกับเบญขคีย์วิ่งไล่ตามเป่าไม่หยุด
ภัทรินรีบไปดูแลปราณนต์
“หมอ เจ็บหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร พวกมันทำอะไรคุณหรือเปล่า ผมขอโทษนะภัทริน ขอโทษที่ทิ้งคุณไว้คนเดียว” ปราณนต์ดึงภัทรินเข้ามากอด
“ไม่ ชั้นไม่เป็นไร ชั้นไม่เป็นไร” ปากบอกไม่เป็นไร แต่จริงๆ ภัทรินกลัวมากจนน้ำตาไหล ตัวสั่น
ภัทรินน้ำตาไหลด้วยความกลัว ปราณนต์กอดปลอบ
“ไม่มีอะไรแล้วนะ ปลอดภัยแล้ว”
จันทร์วิภา เนตรมณี เบญจคีย์วิ่งกลับเข้ามาในสภาพหอบแฮ่ก
“พวกมันซ่อนรถเครื่องเอาไว้ในพงหญ้าข้างทาง มันขี่หนีไปแล้ว” เบญจคีย์บอก
“โชคดีนะที่ชั้นกลับมาเอามือถือ” เนตรมณีบอก
“แล้วก็โชคดีที่พวกเราเคยผ่านการอบรมอาสาสมัครหมู่บ้าน เลยต้องพกนกหวีดติดตัวกันเหตุฉุกเฉินตลอด ได้ใช้จริงๆซะที” จันทร์วิภาเสริม
เพื่อน ๆ มองไปทางภัทรินที่ยังตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ ปราณนต์
“แกเป็นยังไงมั่งภัท โดนมันทำร้ายตรงไหนรึเปล่า”
ภัทรินหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติ
“ชั้นไม่เป็นไร พวกแกอย่าบอกแม่นะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง” ภัทรินน้ำตาจะไหลแต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้
“อืม แกเข้าไปพักผ่อนเหอะ เบญ เนตร ไปช่วยภัทข้างในก่อน ชั้นขอคุยกับหมอแป๊ปนึง”
เบญจคีย์กับเนตรมณีมาประคองภัทรินให้ลุกขึ้น ภัทรินหันไปมองปราณนต์ ปราณนต์พยักหน้าให้
ภัทรินเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับเนตรมณีและเบญจคีย์
จันทร์วิภาเดินนำปราณนต์มาอีกมุมนึง จันทร์วิภามองซ้ายมองขวา ปราณนต์ทั้งขำทั้งงงกับท่าทีของจันทร์วิภา
“มีอะไรเหรอคุณจันทร์” ปราณนต์ถาม
“หมอคะ ดอยผาหมอกไม่เคยมีขโมย ยิ่งพวกที่บุกมาอาละวาดอุกอาจขนาดนี้ ยิ่งไม่เคยมี” จันทร์วิภามองหน้าปราณนต์ “ช่วงหลังดูคุณหมอมีลับลมคมใน ลากิจก็บ่อย คุณหมอแอบไปทำอะไรมารึเปล่าคะ”
“คิดมากน่าคุณจันทร์ ที่ผมลากิจก็ไปจัดการเรื่องหนี้สินของภัทเค้าน่ะ แต่คุณอย่าบอกเค้านะ คุณก็รู้ว่าเพื่อนคุณเป็นยังไง”
จันทร์วิภามองหน้าปราณนต์แต่ก็ไม่เห็นพิรุธ
“จันทร์จะเชื่อหมอนะคะ ฝากหมอดูแลภัทด้วย ที่บอกว่าไม่เป็นไรน่ะไม่จริงหรอกค่ะ ภัทมันไม่ใช่คนแข็งแกร่ง มันแค่สร้างเกราะขึ้นมาไม่ให้คนเป็นห่วงเท่านั้นเอง”
ปราณนต์มองหน้าจันทร์วิภาแล้วหันมองกลับไปในบ้านด้วยความเป็นห่วงภัทริน
ภัทรินที่สวมชุดนอนแล้วพยายามจะซ่อมประตูที่โดนทุบพัง โดยเอาผ้าก๊อซสำหรับพันแผลมาพันที่ประตู แต่เธอพันไปก็ร้องไห้ไป ปราณนต์อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำเข้าไปจับมือภัทรินเอาไว้
“ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมให้คนมาซ่อมให้”
ภัทรินดึงมือออกจากมือปราณนต์แล้วพันประตูต่อ
“ประตูพังแบบนี้ชั้นนอนไม่ได้หรอก ชั้นจะซ่อมมันเอง” ภัทรินบอก
“คุณต้องพัก เชื่อผมนะ” ปราณนต์บอก
ปราณนต์จูงภัทรินพามานอนที่เตียง แล้วก็ลงไปนั่งข้าง ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ นอนหลับให้สบาย ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณอีก ผมจะนั่งเฝ้าคุณทั้งคืนเลย ผมจะเป็นประตู เป็นหน้าต่าง เป็นบ้านให้คุณเอง”
ภัทรินเอามือไปจับมือปราณนต์มากุมไว้ข้างหมอน
“นายห้ามปิดไฟ แล้วก็ห้ามไปไหนนะ” ภัทรินกำชับ
“ครับ จะไม่ไปไหน จะไม่ปิดไฟ นอนซะคนดี”
ภัทรินค่อย ๆ หลับตาลง มือที่จับมือปราณนต์ไว้เริ่มคลายออก ปราณนต์เฝ้ามองภัทรินที่หลับแล้วก่อนจะค่อย ๆ เขี่ยผมที่ปรกหน้าภัทรินออก เขาไล่นิ้วลงมาจนนิ้วมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของภัทริน ปราณนต์ก้มหน้าลงช้า ๆ เหมือนจะจูบแต่ก็หยุดชะงักก่อนที่ปากจะถึง ปราณนต์ตกใจตัวเองเหมือนกันที่จู่ๆ ก็จะแอบจูบภัทริน
ปราณนต์หันมองหน้าภัทรินที่หลับไม่รู้เรื่อง เขาคิดว่าอยู่ต่อไม่ได้แล้วจึงสูดหายใจเข้าและออกลึก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือตัวเองออกแล้วเดินออกไป
ปราณนต์นั่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน
ภัทรินที่นอนอยู่ในห้องผวาตื่นมาแล้วไม่เห็นปราณนต์อยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มใจเสีย เธอหันมองซ้ายขวาจนเห็นปราณนต์นั่งอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน ภัทรินเดินออกไปหา
ภัทรินลงมานั่งข้าง ๆ ปราณนต์
“ไหนบอกว่าจะไม่ไปไหนไง นายไม่อยู่ข้าง ๆ ชั้นเลยนอนไม่หลับเลย” ภัทรินว่า
“นอนไม่หลับหรือยังกลัวอยู่” ปราณนต์ถาม
ภัทรินมองหน้าปราณนต์แล้วก็ต่อมน้ำตาแตก
“ชั้นกลัวมากเลย ถ้านายกลับมาไม่ทัน ชั้นจะเป็นยังไง”
ปราณนต์โอบภัทรินเข้ามาแน่น
“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณจะเป็นยังไง แต่ผมคงอยู่ไม่ได้”
ภัทรินชะงักแล้วเงยหน้ามองปราณนต์ ปราณนต์เช็ดน้ำตาให้
“ผมคิดถึงแต่คุณ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อวานตอนเห็นคุณอยู่กับแฟนเก่า ผมอยากเข้าไปดึงคุณออกมาแล้วบอกให้คุณมองแต่ผม ตอนที่เห็นคุณร้องไห้ เสียใจ ผมว่าผมเสียใจกว่าคุณนะ แล้วตอนที่เห็นคุณโดนจับตัวเมื่อกี้ ผมบอกไม่ถูกเลยว่ากลัวจะเสียคุณไปมากขนาดไหน คุณเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร”
“ชั้น”
“ผมเรียกมันว่าความรัก”
ภัทรินอึ้งไป เธอรู้สึกดีใจแต่ก็สับสนมาก ปราณนต์มองหน้าภัทรินแล้วถาม
“คุณไม่รู้สึกแบบเดียวกับผมเหรอ”
ภัทรินหลบตา
“ชั้นว่า ชั้นกลับไปนอนบ้านแม่ดีกว่า”
ภัทรินจะลุกหนี แต่ปราณนต์รีบมาขวางหน้าแล้วจับมือเธอเอาไว้
“ทำไม” ปราณนต์ถาม
“เราควรอยู่ให้ห่างกัน ไม่อย่างนั้นจะต้องมีคนเสียใจ” ภัทรินดึงมือออกแล้วจะเดินไป
ปราณนต์ตามรั้งเธอไว้ โดยจับตัวภัทรินเพื่อไม่ให้เธอไป เขาถามพร้อมกับจ้องหน้า “คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ ระหว่างเรา”
ภัทรินมองหน้าปราณนต์ด้วยแววตาหวั่นไหว
ปราณนต์มองหน้าภัทรินด้วยความรักอย่างเปิดเผยจนหมดใจ
ภัทรินทนสายตาปราณนต์ไม่ไหวจึงหลบตาเขินๆ
ปราณนต์ยิ้มเพราะรู้ว่าภัทรินก็ชอบเขาเหมือนกัน
“ให้ผมจูบคุณได้มั้ย”
ภัทรินมองปราณนต์ตาโต “ว่าไงนะ”
ปราณนต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ผมอยากจูบคุณ”
ภัทรินเบือนหน้าหนี “อย่า”
“คุณกลัวอะไร เราแต่งงานกันแล้วนะ” ปราณนต์บอก
“แค่แต่งหลอกๆ ”
“เราทำให้เป็นเรื่องจริงได้นี่”
“ชั้น เจ็บเพราะความรักมามากพอแล้ว”
ปราณนต์รีบกุมมือภัทริน “ผมไม่เหมือนแฟนเก่าคุณ ผมไม่มีวันปล่อยมือคุณ ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ”
ปราณนต์โน้มตัวจูบภัทริน ภัทรินนิ่งอย่างยินยอม เธอหลับตาและกอดตอบ ปราณนต์อุ้มภัทรินขึ้นมา แล้วจะเดินเข้าไปในบ้าน
“นายเคยสาบานว่าจะไม่ล่วงเกินชั้น”
“ผมจำได้” ปราณนต์สบตาหวาน “คุณไม่ได้คิดว่าถูกผมล่วงเกินใช่มั้ย”
ภัทรินไม่ตอบ เธอเขินจึงเอาหน้าซุกกับอกของปราณนต์แทน ปราณนต์ยิ้มมีความสุข เขาอุ้มภัทรินเข้าไปในบ้าน แล้วไฟทุกดวงในบ้านก็ดับลงพร้อมกัน
แสงแดดยามเช้าสาดส่อง ลมพัดเอื่อยๆ ทำให้ผ้าม่านปลิว ปราณลืมตาตื่นขึ้นมา เขากระพริบตาปริบๆ มองเพดานแล้วหันมองไปทางหน้าต่างด้วยสีหน้าสงบเงียบเรียบเฉย
สักพักเสียงของอัณณาก็ดังสดใส
อัณณายิ้มแย้ม “ตื่นแล้วเหรอคะ”
ปราณหันไปมองก็พบว่าอัณณานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงของเขา ปราณมองด้วยสีหน้าเรียบแบบไม่ยินดียินร้าย
“คุณจะมาเฝ้าผมทำไม” ปราณถาม
“ถ้าอัณไม่ทำ แล้วใครจะทำล่ะคะ ไม่มีใครรู้ใจปราณดีเท่าอัณแล้ว”
“แต่ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
“แน่ใจเหรอ วันนี้อัณขออนุญาตคุณหมอพาปราณออกจากห้องนี้ได้ชั่วคราวนะ ถ้าไม่อยากเห็นหน้าอัณ ก็อดนะ”
ปราณนิ่งเพราะเถียงไม่ออก อัณณายิ้มแย้มให้เขาตลอด
อัณณาเข็นรถเข็นที่ปราณนั่งมาในบริเวณสวนหย่อมเล็กๆ บนชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล
“ปกติสวนนี้ก็เปิดให้คนทั่วไปมาใช้บริการได้ค่ะ แต่ช่วงนี้ปิดให้เฉพาะปราณคนเดียวเท่านั้น.. โชคดีเช้านี้อากาศดี แดดไม่ร้อนมาก ปราณอยากไปทางไหนคะ” อัณณาบอก
ปราณนิ่งไม่พูดอะไร
อัณณาพูดต่อ “เดี๋ยวอัณพาวนไปรอบๆแล้วกัน ถ้าอยากหยุดตรงไหนก็บอกนะคะ”
อัณณาเข็นปราณมาอีกด้านของสวน
“ทำไมคุณไม่ไปทำงาน จะมาเสียเวลากับผมทำไม” ปราณถาม
“นี่แหละค่ะงานของอัณ อัณเป็นผู้ช่วยปราณนะคะ”
“งั้นผมสั่งให้คุณกลับไปออฟฟิศ”
อัณณายิ้มแย้มอย่างรู้ทัน “ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ เพราะยังไงอัณก็ไม่ไป ยิ่งปราณอารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างนี้ อัณยิ่งทิ้งให้ปราณอยู่คนเดียวไม่ได้”
ปราณขัดใจจึงฮึดฮัด อัณณาเข็นปราณต่อ ทันใดนั้นมือถือของอัณณาก็ดังขึ้น
อัณณาชะงักก่อนจะหยิบมือถือมาดูเบอร์ “ขออนุญาตนะคะ” อัณณารับสาย “สวัสดีค่ะคุณท่าน..ค่ะ คุณปราณฟื้นแล้ว” อัณณาเหลือบมองปราณแล้วแกล้งพูดแหย่ “ไม่มีอะไรน่าห่วงเลยค่ะ ยิ้มแย้ม อารมณ์ดี ไม่มีอาการเครียดเลยสักนิด”
ปราณจะเข็นรถตัวเองหนี แต่อัณณาจับเอาไว้แล้วเอี้ยวคอมองเหมือนตำหนิเด็กดื้อ
อัณณายังพูดโทรศัพท์ต่อ “เรื่องงานสัมมนาวันจันทร์ อัณเคยแจ้งคุณณนต์ไปแล้วค่ะ เดี๋ยวอัณจะโทรไปย้ำอีกทีค่ะ ได้ค่ะท่าน”
อัณณาวางสาย ปราณที่ได้ยินเรื่องของปราณนต์หันมาสนใจ
“คุณณนต์ น้องชายฝาแฝดของผมใช่มั้ย มีเรื่องอะไร” ปราณถาม
“วันจันทร์นี้ มีสัมมนาใหญ่ของวงการแพทย์ค่ะ ปราณจะต้องไปปรากฏตัวในฐานะผู้บริหารจีแอลเอส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้หน่วยงานต่างๆ”
“แล้วทำไมต้องตามณนต์” ปราณถามต่อ
“เรื่องที่คุณถูกลอบทำร้ายจนเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครรู้ เราช่วยกันปกปิดเพราะไม่อยากให้กรรมการบริษัทหมดความเชื่อมั่นในตัวคุณ อัณกับพ่อของคุณก็เลยขอให้หมอณนต์มาช่วย ปลอมตัวเป็นปราณ”
“ปลอมเป็นผม” ปราณทวน
“ค่ะ ที่ผ่านมาก็ได้ณนต์นี่แหละที่ช่วยจัดการงานทุกอย่างแทนปราณ”
“งั้นตอนนี้ผมฟื้นแล้ว ผมไปงานเองได้”
“ปราณจะไปได้ยังไง ปราณยังจำอะไรๆไม่ได้เลย พักรักษาตัวให้หายก่อน ไม่ต้องกังวลเรื่องงาน ปล่อยให้ณนต์จัดการแทนไปก่อนนะคะ”
ปราณไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกขัดใจ อัณณาเข็นปราณไปต่อ
“คุณคงอยากให้เป็นอย่างนี้สินะ” ปราณว่า
อัณณางง “คะ”
“คุณคงอยากให้ณนต์มาเป็นผม เพราะเขาจะได้มาอยู่ใกล้ๆคุณใช่มั้ย”
ปราณพูดจริงจังพร้อมทั้งจ้องเขม็งอย่างรอคำตอบ อัณณายิ้มแย้มอย่างไม่ถือสากับคำพูดของปราณ
“อัณอยากอยู่ใกล้ๆคุณทั้งสองคนนั่นแหละ ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว กลับห้องดีกว่านะคะ”
ภัทรินตื่นนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอค่อยๆ ลืมตาตื่นแล้วก็พบว่าบริเวณหมอนของปราณนต์มีช่อดอกมะลิที่จัดง่ายๆ น่ารักๆ วางอยู่ ภัทรินยิ้มแล้วหยิบช่อมะลิมาดมอย่างรู้สึกดี เธอเผลอยิ้มแล้วทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ สักพักเสียงร้องเพลงของปราณนต์ก็ดังเข้ามา
“ลัลลาลัลลา ลัลลาลัล ลัลลัลลาลัลลา ลัลลาลัล ลัลลัลลาลัลลา ลัลลาลาลาลัลลา ฮู้ ฮู”
ภัทรินเดินออกมาที่ชานบ้าน เธอมองไปที่สนามก็เห็นปราณนต์กำลังรดน้ำต้นไม้ด้วยท่าทางร่าเริงสดใสแถมยังร้องเพลงอย่างมีความสุขและเต้นยึกยักไปคนเดียว โดยไม่รู้ว่าภัทรินออกมาแล้ว
“ปี้สาวครับ ต๋อนนี้ผมเป๋นหนุ่มแล้วครับ มีแม่หญิงมาไล่ จับ จะยับเอาผมไปเป็นแฟน ล้าลา เจอกันเมื่อสองสามปี๋ก่อน ผมยังละอ่อน และซน แก่น ฮักเป๋นปี้สาว บ่ได้เหมาเอาเป๋นแฟน ปี้ก่ฮักผมเป็นน้องจาย”
ภัทรินเห็นพฤติกรรมปราณนต์ตอนอยู่คนเดียวแล้วก็อดขำไม่ได้ เธอหัวเราะคิกคักออกมา ปราณนต์ร้องไป หมุนไป พอหมุนกลับมาเห็นภัทรินยืนยิ้มอยู่พอดีเขาก็ชะงักเล็กน้อย แต่ก็ร้องต่อไป
“ปี้สาวครับ ต๋อนนี้ผมฮักปี้แล้วครับ จะฮักปี้บ่มี หน่าย บ่อยากเป็นน้องจายแล้วล่ะ”
ปราณนต์ฮัมเพลงแล้วคว้ามือภัทรินมาหมุนเพื่อให้เต้นด้วยกันเล็กๆ
“ลัลลาลัลลา ลัลลาลัล ลัลลัลลาลัลลา ลัลลาลัล ลัลลัลลาลัลลา ลัลลาลาลาลัลลา ฮู้ ฮู”
ทั้งคู่หัวเราะสนุกสนาน พอหมุนจบปราณนต์ก็ไปหยิบเอาช่อดอกไม้ที่ทำเป็นมงกุฎมาสวมศีรษะให้ภัทริน
“สำหรับที่รักของผม” ปราณนต์จะหอมภัทริน
ภัทรินรีบห้าม “อะไร”
“หอมรับอรุณไงครับ” ปราณนต์บอก
“ไม่ต้องเลย นายผิดคำสาบาน ระวังให้ดีเถอะจะมีอันเป็นไป” ภัทรินว่า
“คุณก็ผิดเหมือนกัน ผมได้มั้ยว่าสาบานว่าอะไร ถ้าคุณเป็นฝ่ายคิดลามกอนาจารกับผม คุณจะต้องตกหลุมรักผมหัวปักหัวปำ ทุกข์ทรมานเพราะรักผมจนขาดใจ และเมื่อคืน ก็ชัดเจนว่าคุณ”
“ทะลึ่ง ชั้นไม่ได้สาบาน นายพูดเองเออเอง” ภัทรินผลักปราณนต์ออกแล้วเดินเสไปชื่นชมดอกไม้
ปราณนต์เข้ามาด้านหลังแล้วสะกิดไหล่เรียกจากด้านหนึ่ง ก่อนจะวกแอบไปดักหอมที่อีกด้านเมื่อภัทรินหันกลับมา
“หื้ม ชื่นจาย”
“นี่”
“จะหอมผมคืนก็ได้นะ จะได้ยุติธรรม” ปราณนต์ว่า
ภัทรินหมั่นเขี้ยว เธอเดินไปหยิบสายยางรถน้ำแล้วเอามาฉีดใส่ปราณนต์แทน
ปราณนต์สะดุ้งโหยง เพราะน้ำเย็นมาก “เฮ้ย คุณ อย่าๆ น้ำมันเย็น หนาว”
“สมน้ำหน้า”
ภัทรินไล่ฉีดไม่หยุด ปราณนต์พยายามหลบ สุดท้าย ปราณนต์ก็พยายามจะฝ่าน้ำเข้าไปแย่งสายยางในมือของภัทรินให้ได้จนกระทั่งเขาจับเอาไว้ได้ ทั้งคู่เปียกปอนไปด้วยกัน และยืนอยู่ใกล้ชิดกัน
“ภัท เรื่องเมื่อคืนนี้ ที่ผมพูดและทำ มันคือความจริงนะ ผมรู้สึกอย่างที่บอกคุณไปจริงๆ มันไม่ใช่แค่ละคร”
“ชั้นก็ขอให้เป็นอย่างนั้น เพราะชั้นไม่อยากผิดหวังซ้ำอีก” ภัทรินบอก
ปราณนต์ยิ้ม “ตัวเปียกหมดแล้ว อย่างนี้ต้องไปอาบน้ำ พร้อมกัน”
ปราณนต์จะอุ้ม ภัทรินดิ้น
“อย่านะ อย่า”
สุดท้าย ปราณนต์ก็อุ้มภัทรินขึ้นมาได้และกำลังจะพาไป แต่ภัทรินชะงักเพราะเห็นบางอย่างเกาะอยู่ที่หน้าแข้งตัวเอง
“อะไรเกาะขาชั้น”
“อ๋อ ทาก” ปราณนต์พูดเรียบๆ
ภัทรินตกใจ “ทาก อ๊ายๆๆ”
ภัทรินร้องโวยวายและดีดดิ้นจนปราณนต์ต้องรีบวางเธอลง ภัทรินกระโดดพร้อมทั้งสะบัดเท้าเร่าๆๆๆ หวังจะให้ทากหลุดออกไป แต่ก็ไม่หลุด ปราณนต์ขำกับท่าทางของภัทริน
ภัทรินกระโดดเหยงๆ “ออกไปๆๆ”
ภัทรินนั่งเกร็งพร้อมทั้งยื่นขาออกไปให้ห่างตัวที่สุด เธอหันหน้าหนีเพราะไม่อยากมองและขยะแขยง ปราณนต์นั่งยองๆ ลงตรงหน้าก่อนจะจับเท้าภัทรินวางบนหน้าขาตัวเอง
“จับมันออกไปสิ เร็วๆ”
“จับออกไม่ได้ เดี๋ยวเลือดไหลไม่หยุด ใช้นี่ราด” ปราณนต์เอาน้ำส้มสายชูเทราดไป “ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชู จะทำให้ทากหลุดออกไปเอง”
“มันหลุดหรือยัง!”
“ใจเย็นๆสิ” ปราณนต์เห็นทากหลุดออกไป “เอ้า หลุดแล้ว” ภัทรินจะลุก แต่ปราณนต์รีบจับขาเธอไว้ “อยู่เฉยๆ ล้างแผลก่อน เดี๋ยวติดเชื้อพอดี”
ปราณนต์เอาแอลกอฮอล์ที่เตรียมไว้มาล้างแผลให้ภัทริน ภัทรินร้อง
“อ๊าย เบาๆๆ”
ปราณนต์ล้างแผลเสร็จก็ใส่ยาโพวิเดนไอโอดีนให้เรียบร้อย
“เอ้า เสร็จแล้ว ทากตัวกะจิดเดียว ร้องเสียงดังอย่างกับเจอปลิงควาย”
“อี๋ ถ้าเจอปลิงควายจริง ชั้นจะร้องให้ได้ยินไปทั้งดอยเลย คอยดู”
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย ข้าวใหม่ปลามัน อายเขา”
“ทะลึ่ง”
ภัทรินถลึงตาใส่กลบเกลื่อนอาการเขิน ปราณนต์ยิ้ม
อ่านต่อหน้าที่ 4
ลมซ่อนรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ปราณนั่งอยู่ที่เตียง อัณณาหยิบอัลบั้มรูปเก่ามานั่งข้างๆ ก่อนจะยื่นให้ดู
“หมอบอกว่า อัลบั้มรูปเป็นสิ่งที่จะช่วยกระตุ้นความทรงจำได้ดีที่สุด ปราณลองดูสิ แล้วมีรูปไหนที่คุ้นตาหรือพอจะจำอะไรได้บ้างมั้ย” อัณณาบอก
อัณณามายืนข้างๆ พร้อมทั้งเปิดอัลบั้มรูปให้ปราณดู ปราณมองผ่านๆ แล้วหันมาจ้องอัณณา
“รู้แล้วว่าจำอัณได้ ดูรูปสิคะ” อัณณาบอก
ปราณจ้องนิ่งเพื่ออ่านสีหน้าของอัณณา “คุณไม่ได้อยากแต่งงานกับผมใช่มั้ย”
อัณณาชะงัก “ปราณ”
“ผมได้ยิน ที่คุณพูดโทรศัพท์บอกณนต์ว่าพ่อขอให้คุณแต่งงานกับผม ผมเห็นว่าคุณรู้สึกยังไง คุณไม่ดีใจ ไม่ได้อยากแต่งกับผม แต่ปฏิเสธพ่อไม่ได้ ผมพูดถูกใช่มั้ย”
อัณณาปิดอัลบั้มแล้วลุกขึ้นยืนยิ้มแย้ม “โอเค ถ้าคุณยังไม่พร้อมจะทบทวน งั้นนอนพักดีกว่านะคะ”
“ตอบคำถามผม” ปราณเสียงเข้ม
“คุณอย่าเพิ่งคิดเรื่องที่จะทำให้คุณเครียดดีกว่า”
ปราณโวยวายเพราะอารมณ์พุ่งปรี๊ด “ตอบผมมา ตอบผม ตอบๆๆ”
ปราณอารมณ์พุ่งขึ้นกะทันหัน อัณณาผงะด้วยความกลัว
“อัณจะไปตาม”
อัณณายังพูดไม่ทันขาดคำ ปราณก็คว้าโทรศัพท์ที่ข้างเตียงมาทุ่มใส่พื้นดังโครม
อัณณาช็อก “คุณเป็นอะไร”
ปราณลงจากเตียงแล้วพยายามจะพุ่งไปหาอัณณาแต่เขายังไม่แข็งแรงพอ “คุณไม่ได้รักผม ไม่ได้อยากแต่งงานกับผม”
ปราณเกือบล้ม อัณณาผวาเข้ามารับ
“ปราณ”
ปราณเกาะยึดอัณณาเอาไว้ “เพราะคุณรักณนต์ใช่มั้ย มันคือคนสำคัญของทุกคน ไม่เหมือนผม ตัวปัญหา พึ่งพาไม่ได้ คุณถึงไม่อยากแต่งงานกับผม ใช่มั้ย”
“พอได้แล้วปราณ มีสติหน่อย” อัณณาเตือน
“ตอบผมสิ ตอบผม”
ปราณบีบต้นแขนอัณณาแล้วจับเขย่า สักพักพยาบาล3คนก็วิ่งเข้ามาช่วยกันกันปราณออกจากอัณณา และพาปราณกลับไปที่เตียง
“ไปตามหมอมาไป” หัวหน้าพยาบาลสั่ง
พยาบาลอีกคนรีบวิ่งออกไป คนที่เหลือประคองปราณให้นอน ปราณลงไปนอนนิ่งด้วยท่าทีที่ยังคงเครียด แต่ไม่ถึงกับคลุ้งคลั่งแล้ว เส้นเลือดคอและแขนของเขาปูดขึ้น ฝ่ามือมีอาการเกร็ง จนพวกพยาบาลต้องช่วยนวดคลาย
ปราณบ่นพึมพำ “ทำไม ทำไม”
อัณณายืนช็อกและสั่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
ภัทรินนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียงบ้าน ปราณนต์เดินเข้ามาหา
“ขอมือซ้ายหน่อย”
ภัทรินกำมือแน่น
“จะแกล้งอะไรชั้น” ภัทรินถาม
“ไม่แกล้งหรอกน่า ใครจะแกล้งที่รักจ๋าได้ลง น่าขอมือหน่อย”
ภัทรินไม่ค่อยไว้ใจแต่ก็ยื่นมือให้
ปราณนต์จับมือภัทรินคว่ำลงแล้วสวนแหวนให้
“ต่อไปนี้ห้ามถอดแหวนออกแล้วนะ คุณมีเจ้าของแล้ว”
ภัทรินอมยิ้มอย่างมีความสุข
ปราณนต์ทำแก้มป่องใส่ภัทริน แล้วเอานิ้วจิ้มที่แก้มตัวเอง
“รางวัล จุ๊บมาเลยจ้ะ ที่รัก จุ๊บมาเลย”
ภัทรินยิ้มขำ
ปราณนต์พูด “ไม่เป็นไร เค้าจุ๊บตะเอง เองก็ได้”
ปราณนต์ทำปากยื่นสุดชีวิตเพื่อจะไปจุ๊บแก้มภัทริน
จันทร์วิภา อะเล เนตรมณี และเบญจคีย์มายืนอยู่หน้าบ้าน ทุกคนเห็นปราณนต์กำลังทำท่าทะเล้นก็งงๆ เพราะไม่เคยเห็นหมอณนต์ทำท่าอย่างนี้มาก่อน
ภัทรินจับหน้าปราณนต์บิดให้เห็นว่าทุกคนยืมมองอยู่ ปราณนต์หันกลับมาเจอทุกคนยืนอยู่ก็สะดุดแล้วรีบยืนเก็กทันที ภัทรินขำ
“ตังถั่งเช่าได้ผลจริงๆ” เบญจคีย์แซว
“แหมๆๆ สวีทกันมากเกินหรือเปล่าคะ อิจฉาค่ะอิจฉา” จันทร์วิภาว่า
“เอ่อ ผมขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้ภรรยาก่อนนะครับ เดี๋ยวภัทโมโหหิวขึ้นมา ผมขี้เกียจกำราบอะเลไปดูประตูที่จะให้ซ่อมกัน” ปราณนต์ชิ่ง
“ครับ คุณหมอ” อะเลรับคำ
เบญจคีย์ตะโกนตาม “ทำเผื่อพวกเราด้วยนะคะ”
ปราณนต์กับอะเลแยกออกไป เพื่อนๆหันมารุมแซวภัทริน
“แหมๆๆๆ หยอกเย้ากระเซ้าแหย่กันตลอดๆ ภัทเพื่อนร้ากกก พักนี้หน้าตาดูอิ่มหมีพีมันดีนะ”
“อิ่มอะไร บ้า” ภัทรินว่า
ภัทรินเดินแยกตามหมอไป เพื่อนๆ ส่งเสียงแซวกิ๊วก๊าว
“จะตามไปสวีทกันต่อหรา”
“ชั้นจะไปห้องน้ำย่ะ” ภัทรินว่าแล้วรีบเดินหนีไป
ภัทรินเดินตามเข้ามาด้านใน เธอเดินผ่านโต๊ะทำงานของปราณนต์ซึ่งมีกระเป๋าทำงาน อุปกรณ์ทำงานต่างๆวางอยู่ รวมถึงโทรศัพท์มือถือด้วย ทีแรกเธอจะเดินผ่านไป แต่เห็นว่าโทรศัพท์มือถือของณนต์กำลังสั่นภัทรินชะงักมองมือถือแล้วไปหยิบขึ้นมาดู เธอเห็นว่าที่หน้าจอแสดงชื่อคนโทรเข้ามาว่า “อัณณา”
“อัณณา ผู้ช่วยของคุณปราณ โทรมาทำไม” ภัทรินสงสัย
ภัทรินตัดสินใจกดรับสาย เธอเอามือถือแนบหูแต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงจากปลายสายก็ดังเข้ามาทันที
“ทำไมถึงไม่รับสาย มัวทำอะไรอยู่ อัณโทรหาคุณเป็นสิบรอบแล้วนะ”
“เอ่อ ขอโทษนะคะ พอดีคุณหมอไม่สะดวกรับสาย ดิฉันเป็นภรรยาเขา มีอะไรฝากมั้ยคะ”
อัณณาตกใจจึงพูดไปโดยไม่ทันคิด “ขอโทษค่ะโทรผิด”
อัณณารีบวางสายไปทันที แล้วก็นึกโกรธตัวเองที่พูดออกไปได้ว่าโทรผิด
ภัทรินงง “โทรผิดเหรอ”
ภัทรินสงสัยและข้องใจ ทันใดนั้นปราณนต์ก็เดินเข้ามา
“ทำอะไร” ปราณนต์ถาม
ภัทรินอึกอัก “เอ่อ”
“อย่าบอกนะว่าไม่ทันไรก็เริ่มเช็กมือถือผมแล้ว”
“มีคนโทรเข้า ชั้นเห็นมันสั่น เลยรับให้” ภัทรินยื่นมือถือคืน “คุณอัณณา”
ปราณนต์อึ้ง
“อ้อ สงสัยพี่ปราณจะให้ผู้ช่วยโทรมาหา สงสัยจะเรื่องงาน ผมขอตัวไปโทรกลับก่อนนะ”
ปราณนต์รีบแยกออกไป ภัทรินแปลกใจและข้องใจ
ภัทรินเดินออกมานั่งคิดที่ชานบ้าน
“คุณปราณโทรมาเรื่องงานเหรอ แต่น้ำเสียงคุณอัณณา มันไม่ใช่”
“มานั่งเหม่ออะไรคนเดียวภัท” เสียงจันทร์วิภาถามขึ้น
“เอ่อ” ภัทรินอึกอัก
อยู่ๆ ปราณนต์ก็แต่งตัวอย่างรีบร้อนออกมา
ปราณนต์เร่งรีบจะออกไป “ภัท ผมถูกเรียกตัวด่วน ต้องรีบไปโรงพยาบาล แล้วผมจะรีบกลับมานะ”
“วันนี้คุณหมอไม่ต้องเข้าเวรดึกไม่ใช่เหรอคะ”
“มีเคสพิเศษเข้ามาน่ะ ผมต้องรีบไป”
“อ้าว แล้วข้าวเช้าล่ะคะคุณหมอ”
ปราณนต์รีบร้อนไปที่รถ ภัทรินมองตามด้วยความแปลกใจ
“เดี๋ยวก่อนหมอ”
ภัทรินรีบวิ่งตามหมอไป
ภัทรินวิ่งตามออกมาแต่ก็ไม่ทันเพราะรถของปราณนต์แล่นออกไปแล้ว ภัทรินตามไปทันก็เซ็ง เธอฮึดฮัดและสงสัย สักพักจันทร์วิภาก็วิ่งตามออกมา
“แกเป็นอะไรภัท”
ภัทรินหันไปเห็นจักรยานจอดอยู่ก็ตัดสินใจวิ่งไปคว้าจักรยานทันที
“เดี๋ยวๆ แกจะตามหมอไปเหรอ” จันทร์วิภาถาม
“ใช่ ชั้น มีเรื่องด่วน” ภัทรินบอก
“แล้วจักรยานจะไปตามทันได้ไง นี่” จันทร์วิภาหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์ออกมา “เดี๋ยวชั้นขี่ไปให้”
ภัทรินรีบไปซ้อนมอเตอร์ไซต์จันทร์วิภาที่ขี่ตามปราณนต์ไป
จันทร์วิภาขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทาง ภัทรินที่นั่งซ้อนท้ายมองหารถกระบะด้วยท่าทางร้อนใจ แต่ก็มองไม่เห็นรถกระบะแล้ว
“แกโทรคุยกับหมอง่ายกว่ามั้ยภัท” จันทร์วิภาเสนอ
ภัทรินชี้ไปทางข้างทางอีกด้านที่อยู่ไกลออกไป “นั่นไงๆ รถหมอจอดอยู่ตรงนั้น”
จันทร์วิภาขี่รถมาจอดตรงที่รถกระบะของปราณนต์จอดอยู่และมีรถของอัณณาจอดอยู่บริเวณนั้นด้วย
“แล้วอีกคันนี่ของใคร หมอนัดใครมาเจอ” จันทร์วิภาสงสัย
“แกกลับไปก่อนได้เลยจันทร์ เดี๋ยวชั้นกลับกับหมอเอง” ภัทรินบอก
ภัทรินเดินไปตามทางที่เป็นทางคนเดินซึ่งตัดลงไปยังทางด้านล่าง
ภัทรินเดินลงมาตามทางซึ่งเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ลำธารน้ำตกเล็กๆ บรรยากาศสวยสงบ วิเวก ปลอดผู้คนยิ่งเดินไปภัทรินก็ยิ่งสงสัยว่าปราณนต์มาทำอะไรในสถานที่ลึกลับอย่างนี้
“มาทำอะไรในที่อย่างนี้เนี่ย”
ภัทรินเดินมาจนถึงจุดหนึ่ง แล้วก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็นตรงหน้า
ภัทรินเห็นปราณนต์ยืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งไกลออกไป ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ากลับมาทำให้ภัทรินเห็นหน้าชัดๆ ว่าคืออัณณา
“คุณอัณณา”
แล้วอัณณาก็โผเข้ากอดปราณนต์ ภัทรินอึ้ง
ปราณนต์ดึงตัวอัณณาออกจากการกอด
“อัณทำอย่างนี้ทำไม บอกแล้วไงว่าห้ามมาที่นี่”
“อัณก็ไม่ได้อยากมา แต่ณนต์ไม่รับสาย และอัณก็ทนไม่ไหวแล้วณนต์ แค่ปัญหาเรื่องงาน อัณก็ไม่รู้จะสับขาหลอกทุกคนยังไงไหวแล้ว นี่ยังต้องรับมือกับอารมณ์ของปราณอีก อันทำทุกอย่างคนเดียวไม่ไหว”
ภัทรินยังคงมองมาเห็นปราณนต์กับอัณณาคุยกันอย่างสนิทสนมแต่ไม่ได้ยินเรื่องราวที่ทั้งสองคุยกัน ภัทรินยกมือปิดปากตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เผลอหลุดส่งเสียงใดๆออกมา
ปราณนต์ลูบไหล่เพื่อปลอบอัณณาให้สงบ “คุณก็รู้ว่าพ่อกับพี่ปราณไม่มีใครที่ไว้ใจได้อีกแล้ว มีแค่อัณคนเดียว อดทนหน่อยนะอัณ อีกไม่นานพี่ปราณต้องจำทุกอย่างได้”
“แล้วณนต์ล่ะ ทำอะไรอยู่”
“ผมก็ สืบหาหลักฐานที่จะเอาผิดคนที่โกงจีแอลเอสตัวจริงอยู่”
“ณนต์แน่ใจเหรอว่าหาหลักฐานอยู่ ไม่ใช่ว่ากำลังมีความสุขจนลืมพ่อลืมพี่ชายไปแล้วหรอกนะ”
“อัณ”
“อีกสามวัน จะถึงวันสัมมนา ณนต์ยังจำได้หรือเปล่า”
“ผมไม่ลืมหรอก”
“หลังจากงานสัมมนานี้ อัณอยากให้ณนต์ทำตามแผนของอัณ”
“แผน” ปราณนต์ทำหน้างงๆ
“ใช่ ณนต์รู้อยู่แล้วว่าแผนอะไร คุณสินธรสงสัยมากแล้ว เราคงปิดเรื่องที่ปราณอยู่โรงพยาบาลเอาไว้ได้อีกไม่นาน ณนต์ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”
ปราณนต์อึ้งและสับสน
อัณณาขยับมาจับมือปราณนต์ “อัณเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ไปกรุงเทพกับอัณวันนี้เลยนะคะ”
ภัทรินยังจับตามองอยู่ ทันใดนั้นเสียงมือถือของภัทรินก็ดังขึ้น ปราณนต์กับอัณณารีบหันกลับไปมอง ภัทรินตกใจที่ถูกจับได้
ปราณนต์อึ้ง “ภัท”
ภัทรินผงะ ถอย แล้วรีบวิ่งถอยหนีออกไปทันที
ปราณนต์ร้องเรียก “เดี๋ยว!”
จันทร์วิภากำลังกดโทรหาภัทรินซ้ำอยู่ สักพักภัทรินก็วิ่งออกมา
จันทร์วิภารีบเรียก “ยัยภัท ชั้นกำลังโทรตามแกเลย เจอคุณหมอมั้ย”
ปราณนต์วิ่งตามมาพร้อมกับตะโกนเรียก
“ภัท เดี๋ยวก่อน”
ภัทรินรีบวิ่งไปซ้อนรถจันทร์วิภาทันที “ไป ไปเร็ว”
จันทร์วิภางง “อะ อะไร”
ภัทรินเร่ง “ไปเถอะน่า ไป”
จันทร์วิภาไม่รู้เรื่องแต่ก็รีบออกรถตามใจภัทริน ปราณนต์วิ่งตามออกมาไม่ทันจึงได้แต่เซ็ง
อัณณาเดินตามมา “ช่างเขาเถอะค่ะณนต์”
ปราณนต์ข้องใจ “ช่างเหรอ”
ปราณนต์จะตามภัทรินไป แต่อัณณาคว้าแขนเขาเอาไว้
“เขาไม่จำเป็นสำหรับณนต์อีกแล้ว” อัณณาบอก
ปราณนต์งง “หือ”
“ไม่มีเรื่องหรือข้อมูลอะไรที่ณนต์ต้องการจากผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว..เขาจะเข้าใจอะไรผิดก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ อ้อ จริงๆต้องพูดว่า คุณภัทเข้าใจถูกต้องแล้ว ณนต์ไม่ควรไปทำให้เขาเข้าใจผิดอีก”
ปราณนต์สงวนคำพูดไว้ก่อนจะตัดบท “ผมว่าอัณกลับไปเถอะ แล้วผมจะตามไปเอง”
ปราณนต์ผละจะไปขึ้นรถ แต่อยู่ๆ ก็มีบิ๊กไบท์ 3คันแล่นมาจอดขวางถนน ปราณนต์และอัณณาชะงัก คนขี่บิ๊กไบท์คนนึงถอดหมวกออกเผยให้เห็นว่าคือ ธนาฒน์ ส่วนคันที่เหลือคือสมุนของเขา
ปราณนต์กับอัณณาอึ้งเพราะคาดไม่ถึง
“โอ๊ะๆ ดูสิว่าใครแอบมาพบกันสองคน” ธนาฒน์ว่า
จันทร์วิภาขี่มอเตอร์ไซค์ ภัทรินที่ซ้อนท้ายอยู่มีสีหน้าช็อกเพราะไม่อยากเชื่อสายตา น้ำตาของเธอคลอรื้นออกมา จันทร์วิภามองผ่านกระจกข้างก็เห็นภัทรินมีน้ำตา
“แกร้องไห้เหรอ เป็นอะไรหรือเปล่าภัท”
“เปล่า ไม่เป็นไร”
“อย่ามา มีอะไรก็บอกชั้นได้นะแก”
“ขี่ไปเถอะน่า”
ภัทรินตัดบท จันทร์วิภาเป็นห่วงเพื่อนแต่ก็ยังขี่รถต่อไป
ธนาฒน์เหล่มองอัณณากับปราณนต์ที่ลักลอบมาพบกัน
“เซอร์ไพร้ส์มาก คุณอัณณาบินมาลงเชียงใหม่และเช่ารถขับมาถึงนี่เชียวเหรอ เวลานี้คุณควรจะอยู่เตรียมเอกสารสำหรับการสัมมนาให้คุณปราณมากกว่า แต่มาโผล่ที่นี่ หมายความว่าไงหือ”
อัณณาอึกอัก “ก็”
ปราณนต์ชิงถาม “คุณต้องการอะไร”
ธนาฒน์ยอกย้อน “คุณหมอต่างหากต้องการอะไร มีภรรยาแล้วแต่ก็ยังแอบมาพบอดีตเพื่อนสนิทสองต่อสอง ในป่าริมทาง ชอบแบบนี้กันเหรอครับ”
“พูดให้มันดีๆนะคุณธนาฒน์” ปราณนต์ไม่พอใจ
สมุนของธนาฒน์ขยับแบบพร้อมปกป้อง อัณณาจับแขนปราณนต์เอาไว้เพื่อปราม
“เราจะนัดพบกันเรื่องอะไร มันก็เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่ธุระของคุณ” อัณณาว่า
“ผมรู้ แต่บังเอิ๊ญผมมีหน้าที่ตามสืบคดีทุจริตของบริษัท แล้วคุณปราณกับคุณก็เป็นผู้ต้องสงสัย” ธนาฒน์เหล่ตามองแล้ววางท่ากวน “อื้มม จากรูปการแล้ว คุณสองคนอาจจะอยากรื้อฟื้นอดีตกัน แต่มันคงไม่ใช่เหตุผลหลัก ต้องมีเหตุผลอื่นอีก อย่างเรื่องคุณปราณ”
ปราณนต์กับอัณณาอึ้ง ปราณนต์ตัดบท
“ผมว่าอัณกลับไปก่อนเถอะ”
ปราณนต์พาอัณณาไปที่รถเพื่อจะให้ขึ้นรถกลับ แต่สมุนของธนาฒน์ขยับมายืนขวางไว้ ปราณนต์ไม่ยอมจึงกระชากคอเสื้อสมุนและเหวี่ยงออกไปให้พ้นทาง สมุนไม่ยอมไปจึงกระชากคอเสื้อและฮึดฮัดกันเล็กน้อย ธนาฒน์จึงยกมือให้สัญญาณห้ามพวกสมุนว่าอย่าทำอะไรรุนแรง พวกสมุนจึงผละออก
“คุณแต่งงานกับผู้หญิงที่ทุจริตเงินบริษัท พี่ชายคุณมาเชียงใหม่ อัณณาก็มาเชียงใหม่อีก พวกคุณสมคบคิดกันทำอะไร” ธนาฒน์ถาม
“หาความจริงไง คุณก็น่าจะรู้ รู้มั้ยว่าแค่ผมบอกภัทรินว่าจะช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ ภัทรินก็ให้ข้อมูลและหลักฐานกับผมเพียบบ” ปราณนต์ว่า ธนาฒน์อึ้ง “ถึงกับหน้าเจื่อนเลยเหรอ”
“หึ อย่ามาอำ ภัทรินไม่มีหลักฐานอะไรจะให้พวกคุณหรอก”
“ถ้าไม่มี งั้นที่คุณมาถึงนี่ เพราะอะไร” ปราณนต์ย้อนถาม
ปราณนต์ยิ้มกระหยิ่มอย่างมีเลศนัย
“กลับเถอะอัณ” ปราณนต์บอก
ปราณนต์เปิดประตูให้อัณณาขึ้นรถแล้วขับออกไป
ปราณนต์ส่งอัณณาเสร็จก็หันกลับมาพูด “ภัทรินคือตัวแปรสำคัญของเกมนี้ แต่บังเอิ๊ญ เขาเป็นภรรยาผม หึๆ อีกไม่นานเราคงจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ทุจริตจีแอลเอส”
ปราณนต์ขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไป ธนาฒน์ได้แต่ฮึดฮัดด้วยความแค้น
อัณณาขับรถแยกออกมา เธอหยิบมือถือแล้วกดโทรออกไปหาปราณนต์
พอปราณนต์รับสายอัณณาก็พูดอย่างชัดเจนทันที “ณนต์ พรุ่งนี้ณนต์ต้องเข้ากรุงเทพ ไม่ อัณไม่มีทางเลือกอื่นให้ ถ้าณนต์อยากจะช่วยพี่ชายและพ่อ ณนต์ต้องทำตามอัณ”
ปราณนต์ที่ขับรถอยู่อีกด้านมีสีหน้าลำบากใจที่ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด
“ผมรู้ ผมก็แค่เป็นห่วงภัทริน”
อัณณาอึ้ง “เลิกอ้างผู้หญิงคนนั้นซะที พรุ่งนี้อัณจะ”
อยู่ๆ อัณณาก็ชะงักเพราะมองกระจกหลังแล้วเห็นว่ารถของสมุนธนาฒน์ขี่ไล่บี้มาที่ด้านหลังพร้อมกับบีบแตรไล่
ปราณนต์แปลกใจที่อัณณาเงียบ “อัณ”
อัณณาพยายามเร่งเครื่องหนี แต่มอเตอร์ไซค์ก็เร่งตามแล้วตีคู่ขึ้นมาขนาบข้าง พร้อมกับเบิ้ลเครื่องส่งเสียงคำรามน่ากลัวแล้วก็เร่งเครื่องแซงไปข้างหน้าโดยขี่ปาด อัณณาตกใจเพราะกลัวชนจึงรีบเบรกเอี๊ยดจนหน้าคะมำ
“ว้าย”
ปราณนต์ได้ยินเสียงร้องอัณณาก็เป็นห่วง
“อัณ มีอะไร เกิดอะไรขึ้น อัณ”
พวกมอเตอร์ไซค์จอดรถด้านหน้าไกลออกไป พวกมันเปิดหมวกกันน็อกออกมาหัวเราะเยาะ ยกปืนออกมาข่มขู่ อัณณาตกใจ แล้วพวกมันก็หัวเราะสนุกสะใจก่อนจะเก็บปืน แล้วขี่จากไป
อัณณาแค้นใจและหงุดหงิด เธอมองไปที่มือถือ เสียงปราณนต์เรียกดังมา
อัณณาหยิบมือถือมาพูดอีกครั้ง “ไม่มีอะไร พวกมันคงแค่มาข่มขู่ แต่ครั้งต่อไป อัณอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้ ณนต์จะปล่อยให้อัณเสี่ยงอันตรายอยู่คนเดียวงั้นเหรอ ณนต์ไม่สงสารไม่เป็นห่วงอัณบ้างเหรอ”
ปราณนต์ลำบากใจ
ปราณนต์วิ่งกลับเข้ามาในบ้านแล้วรีบตามหาภัทรินตามมุมต่างๆในบ้าน
“ภัท ภัทริน!”
ปราณนต์วิ่งออกมาที่สนามด้านหลังบ้านที่มีลมพัดแรง ภัทรินยืนรออยู่
“ภัท คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรไปเองนะ ขอให้ผมอธิบายก่อน” ปราณนต์ขยับเข้าใกล้ “ผมกับอัณณาไม่ได้มีอะไรกัน”
ภัทรินไม่ฟัง เธอตบหน้าปราณนต์ดังเพี๊ยะทันที
“นายหลอกชั้นทำไม” ภัทรินว่า
“ภัท”
“นายพูดทำไมว่าจะไม่ทำให้ชั้นเสียใจ พูดทำไมว่าจะไม่หลอกชั้น”
“ผมกับอัณณาไม่ได้มีอะไรกัน อัณณาก็แค่เพื่อนเก่า แล้วพอดี เขามีปัญหาเรื่องงาน ที่อยากปรึกษาผม”
“ปรึกษานาย หมอบ้านนอกอย่างนายให้คำปรึกษาเลขาฯบอสใหญ่บริษัทระดับโลกได้ จะโกหกชั้นไปถึงไหน ถ้านายบริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่บอกตามตรง ทำไมต้องโกหกว่าถูกเรียกตัวไปโรงพยาบาล”
“ก็”
“นายก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้ชายที่ชั้นเคยเจอ”
ภัทรินเดินหนีเพื่อจะออกไปจากบริเวณบ้าน ปราณนต์รับตามไปจับแขนเธอไว้
“ไม่ใช่นะภัท”
ภัทรินผวา “อย่ามาแตะต้องตัวชั้น”
ภัทรินผวาตัวออกห่างโดยไม่ยอมให้เขาใกล้ชิด ปราณนต์อ่อนใจ
“เชื่อใจผมหน่อยได้มั้ยภัท ผมขอร้องล่ะ”
“ชั้นมาคิดทบทวนดูแล้ว นายไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับตัวนายให้ชั้นรู้เลย ชั้นรู้ด้วยตัวเองทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่นายมีฝาแฝด เรื่องที่นายเป็นทายาทจีแอลเอส และเรื่องคุณอัณณา”
“ที่ผมไม่เล่าก็เพราะมันไม่มีอะไร”
“แล้วที่ชั้นเห็นนายกอดกัน กับท่าทีห่วงใยกันและกัน มันคืออะไร”
“มันไม่ได้มีความหมายอะไร”
“ถ้านายมีคนรักอยู่แล้ว จะมาทำร้ายชั้นอีกทำไม ชีวิตชั้น ยังย่อยยับแหลกเหลวไม่พอหรือไง”
“ผมไม่ได้อยากทำร้ายคุณ”
ภัทรินเจ็บปวดจนน้ำตาไหล “นายทำร้ายชั้น”
ปราณนต์อึ้งที่เห็นภัทรินน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด ปราณนต์รู้สึกผิดและเจ็บปวดไม่ต่างกัน เขาอยากปลอบใจจึงขยับก้าวเข้าไปหา แต่ภัทรินก้าวถอยแล้วหันหลังเดินหนีไป
ภัทรินเดินหนีออกมาด้านนอกบ้าน ปราณนต์วิ่งตามมาแล้วดึงภัทรินเข้ามากอด ภัทรินดื้อดึงและพยายามกระชากตัวเองให้หลุด
“ปล่อยชั้น”
ภัทรินทั้งตีทั้งทุบใส่ปราณนต์ไม่ยั้งมือ
“คุณกำลังเข้าใจผมผิด ผมขอเถอะภัท แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เชื่อใจผมหน่อย แล้วเมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณทุกอย่าง”
“ไม่ต้องบอกอะไรชั้นทั้งนั้น ชั้นรู้ซึ้งแล้วว่านายก็ทำทุกอย่าง ก็เพื่อความสนุกสะใจตามประสาคนรวยที่อยากจะย่ำยีชีวิตใครก็ได้”
ภัทรินรัวกำปั้นใส่ปราณนต์จับมือภัทรินกระชับแล้วดึงร่างภัทรินเข้าไปประชิด
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ปราณนต์พูด
ภัทรินจ้องปราณนต์ตอบเขม็ง “แล้วมันคืออะไร”
ปราณนต์ลังเลสับสน “ผม ผม บอกตอนนี้ไม่ได้”
“เป็นเรื่องที่บอกชั้นไม่ได้และเกี่ยวกับคุณอัณณา ทำไมล่ะ ทำไมถึงบอกไม่ได้ คุณกลัวอะไร”
ปราณนต์สบตาแล้วขอร้อง “เอาเป็นว่า ถ้าคุณรักผม ก็ขอให้เชื่อใจผมแค่นั้นพอ”
ภัทรินจ้องตอบแล้วพูดเสียงเยือกเย็น “ชั้นไม่รักนาย”
ปราณนต์อึ้ง “คุณ”
“ชั้นไม่เคยพูดสักครั้งว่ารักนาย อย่าคิดว่าที่ชั้นยอมให้นายล่วงเกิน มันแปลว่ารัก ไม่ใช่ มันก็แค่อารมณ์พาไป ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อชั้นเลย”
ลมที่พัดบริเวณนั้นเบาลง ปราณนต์อึ้ง มือที่จับมือภัทรินอยู่ค่อยๆ อ่อนแรงแล้วปล่อยให้ภัทรินดึงมือออกได้โดยง่าย
ปราณนต์เปรยออกมา “นั่นสิ”
ภัทรินเอะใจเล็กน้อยกับท่าทีและสีหน้าสลดเศร้าของปราณนต์
“ไม่ต้องแสดงละครแล้วได้มั้ย ชั้นเบื่อ”
“ใช่ ความรู้สึกของผม ก็แค่ละคร” จากที่สลดอารมณ์ของปราณนต์กลายเป็นฉุน “ต้องการอย่างนั้นใช่มั้ย ผมก็แค่เสแสร้งแกล้งทำดีกับคุณ เพราะผมโกรธที่คุณโกงเงินบริษัทพ่อผม ผมเลยอยากล้างแค้น ทำให้คุณเจ็บปวด และผมก็ได้ย่ำยีจิตใจและร่างกายคุณสำเร็จแล้ว ผมมีความสุขและสะใจมาก อยากให้ผมพูดอย่างนี้ใช่มั้ย” ปราณนต์มีสีหน้าเจ็บปวดราวกับจะร้องไห้ “คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่ละคร แต่สำหรับผม มันไม่ใช่”
ปราณนต์เดินจากไป ภัทรินแปลกใจและสับสน
อ่านต่อตอนที่ 6