xs
xsm
sm
md
lg

มนต์รักอสูร ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มนต์รักอสูร ตอนที่ 11

คืนนี้อ้อยต้องมานอนเป็นเพื่อนคุณหนูนันท์ สาวแซบวัยใสนอนละเมออยู่บนฟูกข้างเตียง ท่าทางเหมือนกำลังฝันดีว่า ได้รุมแกล้งน้ำผึ้งอยู่กับนันท์

“จัดการเลยค่ะคุณนันท์ ฮึๆๆ สมน้ำหน้ายายครูน้ำผึ้ง”
อ้อยยื่นมือป่ายปะออกไปโดนโคมไฟบนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หล่นโครมลงมาโดนหัวจนอ้อยตกใจสะดุ้งตื่น
“โอ๊ย” อ้อยดึงสติ เหลียวมองไปรอบๆ เริ่มรู้สึกตัว “ฝันไปเหรอเนี่ย”
แต่พออ้อยเหลียวไปมองบนเตียงก็ต้องตกใจ เพราะเตียงว่างเปล่านันท์ไม่ได้นอนอยู่บนนั้น
“คุณนันท์”
อ้อยรีบลุก กระโจนไปเปิดประตูห้องน้ำดู แต่ก็ไม่เห็น
“ตายแล้ว คุณนันท์หายไปไหนเนี่ย ถ้าคุณเทิดรู้เข้า เราตายแน่!”
อ้อยผวากลัว เครียดจัด กลัวนันท์เป็นอันตรายและโดนเทิดลงโทษ

อ้อยรีบร้อนออกห้องมา เจอน้ำผึ้งเดินมากับนันท์ที่หน้าห้องก็ดีใจ
“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ พี่อ้อยตกใจหมดเลย”
นันท์อึกอัก ไม่กล้าบอกว่าแอบไปกินข้าวมาเพราะหิว กลัวเสียฟอร์ม
อ้อยมองเหล่หาเรื่องเสียงแข็งใส่น้ำผึ้ง “พาคุณนันท์ไปเถลไถลที่ไหนมา ถ้าคุณเทิดรู้เข้า ครูโดนสองเด้งแน่ทั้งคดีเก่าคดีใหม่”
น้ำผึ้งไม่กลัวและไม่โกรธ เธอตอบนิ่งๆ มาดผู้ใหญ่
“อยากฟ้องก็ฟ้องเลยจ้ะคุณเทิดจะได้รู้ว่าอ้อยเอาแต่นอน ขนาดคุณนันท์ออกจากห้องไปก็ยังหลับไม่รู้เรื่อง”
อ้อยโกรธ “ขู่ฉันเหรอ”
“ฉันไม่ได้ขู่ แค่อยากเตือนว่าเธอควรจะเอาใจใส่คุณนันท์ให้มากกว่านี้”
อ้อยเคืองมาก แต่เถียงไม่ออก จึงหันมาหานันท์ พูดตัดบท
“ดึกแล้วคุณนันท์ไปนอนเถอะค่ะ”
นันท์จะเข้าห้องแล้วนึกได้หันมาบอกน้ำผึ้ง
“ครูอย่าลืมที่สัญญากับนันท์ไว้นะครับ”
“ค่ะครูไม่ลืมหรอก”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ค่ะฝันดีนะคะ”
นันท์เดินขึ้นห้องไป อ้อยรีบตาม
“คุณนันท์รออ้อยด้วยค่ะ”
น้ำผึ้งยิ้มโล่งใจที่ปรับความเข้าใจกับนันท์ได้

นันท์เดินนำเข้ามาในห้อง อ้อยตามติดคาใจอยากรู้เรื่องราว
“ตกลงคุณนันท์ไปไหนมา ทำไมมากับครูน้ำผึ้งได้ ครูน้ำผึ้งทำอะไรคุณนันท์รึเปล่าแล้วไปสัญญาอะไรกันโธ่คุณนันท์ อย่าเอาแต่เงียบสิตอบพี่อ้อยมาเดี๋ยวนี้”
“นันท์ง่วงแล้ว ไปแปรงฟังนอนดีกว่า”
นันท์ไม่อยากตอบเลยตัดบท หนีเข้าห้องน้ำไป
“อ้าวคุณนันท์บอกพี่อ้อยมาก่อนสิ
อ้อยยังค้างคาใจไม่คลาย

เช้าวันถัดมา นันท์ อ้อย และหอม เดินเข้ามาในห้องเรียน พบว่าน้ำผึ้งรออยู่แล้ว ครูสาวยิ้มทักทายทุกคน
อ้อยมองตาขวางไม่พอใจ “ยังไม่ไปอีกเหรอ”
“จะให้ไปไหนล่ะ ฉันต้องสอนหนังสือคุณนันท์” น้ำผึ้งไม่ถือสา
“แต่คุณนันท์ไม่อยากเรียนกับครู” อ้อยหันไปถามนันท์ “จริงมั้ยคะคุณนันท์”
น้ำผึ้งมองหน้านันท์อย่างไม่มั่นใจนัก นันท์เอาแต่นิ่งยังไม่ตอบ
อ้อยยิ้มอย่างเหนือกว่า คิดว่าตัวเองชนะแน่
“ไม่เอาน่าอ้อย อย่าหาเรื่องครูน้ำผึ้งเลยน่า” หอมติง
อ้อยแว้ดใส่หอม “เงียบไปเลยไอ้พี่หอม” แล้วหันมาทางน้ำผึ้ง “อ้อยว่าครูรีบเก็บของออกไปจากที่นี่ก่อนที่คุณนันท์จะอาละวาดเดี๋ยวจะหาว่าอ้อยไม่เตือน”
น้ำผึ้งยิ้มขำถามนันท์ว่า “ว่าไงคะคุณนันท์ ถ้าคุณนันท์ไม่อยากให้ครูสอน ครูก็จะไปค่ะ”
“ไล่ออกไปเลยค่ะคุณนันท์”
นันท์กลับดุอ้อย “เงียบๆ หน่อยได้มั้ย”
อ้อยไม่รู้ตัว “เห็นมั้ย คุณนันท์บอกให้เงียบ ไม่ต้องสอน”
“พี่อ้อยนั่นแหละเงียบๆ หน่อย นันท์จะเรียนหนังสือ”
อ้อยตกใจ
“ว่าไงนะคะ”
หอมพาซื่อ คิดว่าอ้อยไม่ได้ยินที่นันท์พูดเลยตะโกนใส่หูอ้อยสุดเสียง
“คุณนันท์บอกว่าจะเรียนหนังสือ”
“โอ๊ย ฉันได้ยินแล้ว ตะโกนมาได้ หูแทบแตก ไอ้พี่หอมบ้า คุณนันท์ไม่สบายรึเปล่า ปวดหัวตัวร้อนหรือว่าเป็นไข้ คิดยังไงจะเรียนกับยายครูนี่คะ”
นันท์ปากแข็ง
“ก็...พ่อเสียเงินจ้างมาแล้วนันท์ก็ต้องเรียนให้คุ้มค่าจ้าง”
น้ำผึ้งยิ้มกว้าง ดีใจที่นันท์ยอมเรียน หอมลิงโลดสุดๆ
“เฮ้ คุณนันท์ยอมเรียนหนังสือแล้ว! ไอ้หอมจะได้มีความรู้กับเขาซะที”
อ้อยงงมาก
“เป็นไปได้ไง เมื่อคืนยังทะเลาะกันอยู่เลย”

เทิดกับผันเข้ามายืนมองเข้าไปในห้องเรียน เห็นน้ำผึ้งกำลังสอนหนังสือนันท์อย่างแข็งขัน นันท์เองก็ดูตั้งใจเรียน แม้ไม่ได้ยิ้มแย้มเป็นพิเศษ แต่เรียนนิ่งๆ ไม่อาละวาดใดๆ
เทิดแปลกใจมาก แต่ไม่ได้พูดอะไร ผันยิ้มอย่างภูมิใจ
“คุณนันท์ตั้งใจเรียนหนังสือดีนะครับ”
เทิดหมั่นไส้ “ฉันเห็นแล้วไม่ได้ตาบอด”
“แบบนี้รับรองว่าคุณนันท์สอบติดแน่นอนครับ”
เทิดยังไม่ค่อยเชื่อถือน้ำผึ้ง
“หวังว่าครูน้ำผึ้งของแกจะไม่ดีแตกซะก่อนนะ ยังไงก็กำชับหอมกับอ้อยให้ดูแลคุณนันท์ดีๆ อย่าให้คลาดสายตา ฉันยังไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้!”
“ครับ”
เทิดเดินออกไป ผันยิ้มดีใจที่น้ำผึ้งทำให้นันท์ยอมรับได้

ถัดมาไม่นานเทิดพาตัวเองมาอยู่ที่ไร่องุ่น เวลานี้เดินคุยมากับแซม ด้านหลังสองคนคือคนงานกำลังตัดองุ่นอย่างแข็งขัน
“ลูกค้าสั่งองุ่นสดล็อตใหญ่กำหนดส่งของพรุ่งนี้” เทิดยื่นใบสั่งของให้แซม “รายละเอียดตามนี้”
แซมรับมาอ่านแล้วยิ้ม บอกทันทีว่า
“สบายมากครับคุณเทิดคนงานเราทำทันแน่นอน” ก่อนหันมาบอกคนงาน “เอ้า เร่งมือเข้าต้องให้ทันส่งพรุ่งนี้”
คนงานรับ “ครับ” รับ “ค่ะ” พร้อมกัน
ระหว่างนี้เก่งคนงานชายที่พูนลูกน้องเสี่ยทรงยศให้เป็นสายรายงานความเคลื่อนไหวในไร่เทิด เก็บองุ่นเหมือนคนงานอื่นๆ ท่าทางมีพิรุธแต่ไม่มีใครสังเกตเห็น

เก่งแอบย่องหลบมาในมุมลับตา คนงานอื่นๆ กำลังเร่งเก็บองุ่นไปจึงไม่มีใครสนใจ เก่งกดโทรศัพท์โทร.ออกท่าทางระวังตัว
“น้าพูนเหรอ”
พูนอยู่กับทรงยศ คุยสายกับเก่งเสร็จก็รีบมารายงานเสี่ยทันที
“ไอ้เก่งส่งข่าวมาว่าไอ้เทิดได้ออเดอร์ใหญ่จากลูกค้าครับ”
“ทำยังไงก็ได้ อย่าให้มันส่งของได้ให้มันเสียลูกค้าเสียชื่อไปเลยยิ่งดี”
“ครับนาย”
“ถ้ามันไม่มีรายได้ มันก็อยู่ไม่ได้ สุดท้ายมันต้องยอมขายไร่ให้ฉัน”
ทรงยศยิ้มชั่วออกมา วาดหวังว่าแผนการจะต้องสำเร็จ

ไม่นานต่อมา พูนนัดเจอเก่งด้านนอกไร่ และส่งขวดยาถ่ายให้ เก่งรับมาดูสีหน้าฉงนท่าทางไม่สบายใจนัก
“ยาอะไรเนี่ยน้า”
“ไม่ต้องกลัวไม่ถึงตายหรอก แค่ทำงานไม่ได้สักวันสองวันเท่านั้นเอง”
เก่งกลัว
“ฉันไม่เอาด้วย”
“ถ้าไอ้เทิดรู้ว่าแกติดพนันแกก็โดนไล่ออกอยู่ดี ฉันได้ยินว่ามันสั่งห้ามคนงานเล่นการพนันเด็ดขาด”
ถูกขู่ขนาดนี้แต่เก่งก็ยังอึกอักลำบากใจอยู่อย่างเก่า
“ตามใจไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำหาเงินมาใช้หนี้คุณทรงยศซะ หรือไม่ก็ชดใช้ด้วยชีวิตของแก”
เก่งชักกลัว
“หยะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันยอมแล้วฉันจะทำ”
“ดี...แล้วระวังอย่าให้ไอ้เทิดมันจับได้ล่ะ”
เก่งไม่สบายใจ แต่จำเป็นต้องทำ

ที่ครัวโรงอาหารไร่ พริกแกงในกระทะบนเตาส่งกลิ่นหอมฉุยควันโขมง ชมพู่กำลังผัดพริกแกงเพื่อทำแกงเขียวหวานไก่ พรซึ่งมาคุมทำอาหารกับชมพู่แทนแม่ครัวไร่ที่ลากลับบ้านต่างจังหวัด เดินมาดูกระทะแล้วหยิกแขนชมพู่เบาๆ
“โอ๊ย ป้า”
พรบ่นชมพู่ “ไฟแรงเกินไปพริกแกงจะไหม้แล้ว!”
ชมพู่รีบหรี่ไฟ พรบ่นไม่หยุด
“ต้องให้บอกทุกครั้ง โตมาด้วยปลาทองรึไง ทำไมความจำแกมันสั้นนักนะนังชมพู่”
ระหว่างนี้เก่งแอบย่องมาเทน้ำมันพืชที่พื้นหน้าห้องครัว แล้ววางขวดล้มกลิ้งไว้ทำเป็นเหมือนว่ามันตกมาหกแล้วรีบหลบ
พรเดินดูคนงานที่เป็นลูกมือกำลังเตรียมอาหาร คนงาน 1 หั่นไก่ คนงาน 2 เด็ดผัก ส่วนคนงาน 3 ปอกเปลือกไข่ต้ม
พรกำชับกับคนหั่นเนื้อไก่ “หั่นชิ้นใหญ่ๆ หน่อยสิ หั่นชิ้นเล็กอย่างนี้จะทำแกงเศษไก่รึไง” แล้วไม่ถูกใจ หันบ่นคนปอกไข่ต้ม “เบาๆหน่อยมือหนักจริงแม่คนนี้”
พรเดินบ่นบ้าอยู่โดยไม่ทันมองพื้น เหยียบน้ำมันพืชลื่นไถลล้มลงอย่างแรง
“โอ๊ย”
ชมพู่กับพวกคนงานต่างตกใจ
“ว้ายป้า”
ชมพู่กับพวกคนงาน รีบไปดูอาการพรทิ้งงานที่ทำค้างไว้
“โธ่ป้าอย่าตายนะ”
“ฉันยังไม่ตายแกแช่งฉันเรอะนังชมพู่! โอ๊ย!” พรปากเก่งแต่ฝืนสังขารไม่ไหว
ระหว่างที่ทุกคนกำลังวุ่นวายช่วยป้าพรอยู่นั้น เก่งโผล่มาตรงหน้าต่างเทยาถ่ายลงในหม้อกะทิที่เตรียมไว้ทำแกง ก่อนจะเร้นกายหายไปโดยไว

ด้านนันท์ทำแบบฝึกหัดอยู่ น้ำผึ้งช่วยดูและคอยอธิบาย หอมฟังด้วยความตั้งใจ ส่วนอ้อยเบื่อหน่ายไม่อยากเรียน
สักพักชมพู่ก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามาหาอ้อย ทำเอาทุกคนต่างตกใจ
“นังอ้อยมียามั้ยยาอยู่ไหน”
“ใครเป็นอะไรนังชมพู่”
“ป้าพรน่ะสิ”
หอมตกใจและเล่นใหญ่มากเขย่าตัวชมพู่สุดแรงจนชมพู่พูดไม่ออก
“ป้าพรเป็นอะไรบอกมาสิชมพู่ป้าพรเป็นอะไร”
อ้อยรำคาญบิดหูหอม
“เลิกเขย่าตัวมันซะทีสิมันจะได้พูด”
“เออจริงด้วย”
หอมปล่อยชมพู่
“ป้าพรลื่นล้ม”
น้ำผึ้งตกใจนึกเป็นห่วง “เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เห็นแกร้องไม่หยุดเลยท่าทางจะเจ็บมาก”
“ทำไงดีล่ะไอ้พี่หอมไปดูหน่อยสิ”
“ฉันไม่ใช่หมอนะจะไปช่วยอะไรได้”
น้ำผึ้งคิดปราดเดียว
“หอม อ้อย ฝากดูคุณนันท์ด้วยนะเดี๋ยวฉันไปดูป้าพรเอง คุณนันท์ทำแบบฝึกหัดชุดนี้ให้เสร็จนะคะเดี๋ยวครูมา”

น้ำผึ้งตามชมพู่ไป สามคนมองหน้ากัน ต่างไม่สบายใจเป็นห่วงป้าพรทั้งแถบ

อ่านต่อหน้า 2




มนต์รักอสูร ตอนที่ 11 (ต่อ)

น้ำผึ้งและชมพู่เข้ามาที่ครัว ชมพู่ถือกล่องยามาด้วย น้ำผึ้งดูอาการป้าพรที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น

“ป้าเจ็บตรงไหนบ้างคะลุกไหวมั้ย”
“ลุกไม่ไหวเลยค่ะครู” ชมพู่บอก
“ถ้างั้นไปหาหมอเถอะค่ะ”
พรไม่ยอม “ไปไม่ได้หรอกป้าต้องทำกับข้าวให้คนงานกินกัน”
“ป้าแกดื้อจะตายค่ะชมพู่บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอม”
“ป้าไม่เป็นไรมากหรอกค่ะทายาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย”
“ยืนยังไม่ไหวจะทำครัวได้ไงคะ ให้คนอื่นทำแทนไม่ได้เหรอ”
“โอ๊ยไม่ได้เรื่องหรอกค่ะนังพวกนี้”
ชมพู่หน้าเจื่อน
“ชมพู่จำไม่ได้หรอกค่ะว่าต้องใส่อะไรก่อนอะไรหลังปกติป้าพรแกคอยกำกับทุกขั้นตอนเลยค่ะ”
น้ำผึ้งคิดหนัก
“เอางี้ละกัน ป้าไปหาหมอ น้ำผึ้งทำกับข้าวให้เอง”
พรกังวลพอๆ กับเกรงใจ “จะไหวเหรอคะ”
น้ำผึ้งรับปากแข็งขันกับพร “ไม่ต้องห่วงค่ะถ้ามีอะไรน้ำผึ้งรับผิดชอบเอง” น้ำผึ้งหันไปทางคนงาน “เอ้าพวกเราช่วยกันประคองป้าพรไปขึ้นรถเร็ว”
คนงานหญิงช่วยกันประคองป้าพร
“ขอบคุณนะคะ”
คนงานประคองพรออกไปขึ้นรถ น้ำผึ้งได้กลิ่นเหม็นไหม้
“กลิ่นอะไรไหม้”
ชมพู่ตกใจนึกได้ “พริกแกง”
สองสาวแจ้นไปดูกระทะ
“ไหม้หมดเลย ต้องโขลกพริกแกงใหม่ชมพู่จำไม่ได้ด้วยค่ะว่าป้าพรแกใส่อะไรเท่าไรบ้างทำไงดีคะเนี่ย”
“ไม่ต้องห่วงฉันจัดการเอง”

ถัดมาน้ำผึ้งโขลกพริกแกงอย่างคล่องแคล่ว มีชมพู่คอยมองอย่างไม่แน่ใจว่าน้ำผึ้งจะทำได้รึเปล่า ชมพู่ยกหม้อใส่หางกะทิขึ้นตั้งบนเตา โดยไม่รู้ว่าเป็นหม้อที่เก่งใส่ยาถ่ายลงไปแล้ว น้ำผึ้งใส่พริกแกงที่ผัดแล้วใส่เนื้อไก่มะเขือและปรุงรส ชมพู่มองอย่างสุดจะทึ่ง

อีกฟากฟ้าใสคุยกับลูกค้าอยู่ในร้านเวดดิ้ง จนเห็นภูฤทธิ์เดินเข้ามาจึงพยักหน้าเรียกพนักงาน และขอตัวกับลูกค้า
“เชิญเลือกแบบก่อนนะคะ”
ลูกค้าเดินดูแบบชุดที่ราวแขวนตรงมุมร้านไปกับพนักงาน ฟ้าใสเดินยิ้มมาหาภูฤทธิ์
“คุณภูมาธุระแถวนี้เหรอคะ”
“ไม่ได้มาธุระหรอกครับผมตั้งใจมาหาคุณฟ้า”
ฟ้าใสยิ้มเขิน ดีใจที่ภูฤทธิ์ตั้งใจมาหา
“มาหาฟ้ามีอะไรรึเปล่าคะ”
ภูฤทธิ์ออกอาการเหมือนคนไม่สบายใจ
“คุณน้ำผึ้งติดต่อมาบ้างมั้ยครับ”
ฟ้าใสดีใจเก้อ
“น้ำผึ้งเหรอคะ”
“ครับ”
“ฟ้าก็ยังไม่ได้คุยกับน้ำผึ้งเลยค่ะ คุณภูเป็นห่วงทำไมไม่โทร.ไปคุยล่ะคะ คุณภูก็มีเบอร์น้ำผึ้งนี่”
“คือ...ผมไม่รู้จะคุยอะไรกับคุณน้ำผึ้งน่ะครับ”
ฟ้าใสขำ
“โธ่ อยากคุยอะไรก็คุยสิคะ ถามเรื่องที่คุณภูอยากรู้ก็ได้”
“ผมไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆครับให้ทำไร่ทำสวนยังง่ายซะกว่าคุณฟ้าช่วยหน่อยเถอะ ผมอยากรู้ว่าคุณน้ำผึ้งเป็นไงบ้างคุณเทิดทำอะไรคุณน้ำผึ้งรึเปล่า”
เห็นภูฤทธิ์มีท่าทีห่วงน้ำผึ้งจริงจังแบบนี้ จนฟ้าใสเห็นใจ
“ได้ค่ะเดี๋ยวฟ้าโทร.ให้”

อาหารการกินทุกอย่างเสร็จแล้ว หน้าตาสวยงามน่ากินมาก ชมพู่สูดกลิ่นชื่นใจ
“หอมจังเลย แค่ได้กลิ่นก็หิวแล้ว”
โทรศัพท์มือถือดังขึ้น น้ำผึ้งหยิบมาดูเห็นชื่อฟ้าใสโทร.มา จึงกดรับสาย
“ฟ้ามีอะไรรึเปล่า”
ฟ้าใสอยู่ที่ร้านเวดดิ้ง “ไม่มีอะไร โทร.มาคุยเล่น คิดถึง”
“พอดีฉันยุ่งอยู่เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
“จ้ะๆ”
น้ำผึ้งวางสาย พลางดูนาฬิกาข้อมือแล้วหันมาบอกกับชมพู่
“ได้เวลาแล้วรีบไปเถอะ”
ชมพู่และคนงานหญิงช่วยกันยกหม้อแกงใส่รถเข็น เข็นไปตั้งโต๊ะในโรงอาหารน้ำผึ้งตามไปด้วย

พอฟ้าใสวางสาย ภูฤทธิ์ก็รีบถามทันที
“เป็นไงบ้างครับ”
“ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ น้ำผึ้งบอกว่ายุ่งอยู่”
“ขอบคุณคุณฟ้ามากนะครับ”
ฟ้าใสล้อ “แหมคุณภูเนี่ยหายใจเข้าออกเป็นน้ำผึ้งเลยนะ”
“คุณฟ้าอย่าล้อผมสิครับ เอาไว้ถ้าคุณฟ้าชอบใครผมจะช่วยเต็มที่เลยครับ”
ภูฤทธิ์ยิ้มจริงใจมาให้ ฟ้าใสบ่นกับตัวเองเบาๆ
“ไม่ได้รู้ตัวเล้ย”
ภูฤทธิ์ได้ยินไม่ถนัด “คุณฟ้าว่าไงนะครับ”
“เอ่อ...ฟ้าหมายถึง ยายน้ำผึ้งน่ะค่ะไม่ได้รู้ตัวเล้ย...ว่าคุณภูเป็นห่วงมากแค่ไหน”
ฟ้าใสเฉไฉยิ้มแก้เก้อ โล่งอกที่ภูฤทธิ์ไม่สงสัย

พวกคนงานชายและหญิง เริ่มโวยเพราะรออาหารนาน เก่งก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ทำไมข้าวยังไม่มาอีก”
เก่งผสมโรง “เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว มัวทำอะไรกันอยู่เนี่ย”
ชมพู่และคนงานหญิงช่วยกันเข็นรถหม้อแกงเข้ามา
“มาแล้วๆ จ้า”
“ทำไมวันนี้ช้านัก” เก่งทำเป็นโวย
คนงานชายหญิงต่อคิวรอข้าว น้ำผึ้ง ชมพู่ และ คนงานหญิง ลูกมือในครัว 3 คน ช่วยกันตักข้าวแกงไข่ต้มให้คนงานอื่นๆ
คนที่ได้จานต่างลงมือกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย

เก่งนั่งกินข้าวอยู่ตรงโต๊ะอีกมุมหนึ่ง แต่ตักข้าวเปล่ากินกับไข่ต้มไม่ยอมกินแกงโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ส่วนชมพู่ตักแกงเติมให้คนงานจนหมดเกลี้ยงหม้อ
“หมดแล้วจ้ะ”
“ทำไมวันนี้ทำน้อยจัง” คนงานบ่น
“ทำเท่าเดิมทุกวันนั่นแหละ” ชมพู่ยิ้มชื่นชมน้ำผึ้ง “ครูน้ำผึ้งเก่งจริงๆ ค่ะ คนงานชมกันทุกคนขอเติมกันจนหมดเกลี้ยงเลย ครูน้ำผึ้งหิวมั้ยคะ ชมพู่เก็บแกงไว้ให้ชามหนึ่ง”
“ให้คนงานกินให้อิ่มเถอะจ้ะจะได้มีแรงทำงาน”
“ได้ค่ะ”
ชมพู่ยกชามแกงให้คนงานไป น้ำผึ้งมองหาแซมแต่ไม่เจอก็แปลกใจ
“แล้วลุงแซมไปไหนล่ะจ๊ะ ไม่เห็นเลย”
“ลุงแซมแกไม่กินที่โรงครัวหรอกค่ะ แกชอบทำกินเอง แกว่าคนอื่นทำไม่ถูกปากค่ะ”
“แล้วชมพู่ล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะชมพู่แบ่งไว้จานหนึ่งแล้ว”
ชมพู่ชี้ให้น้ำผึ้งดูจานข้าวราดแกงของตัวเอง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปดูคุณนันท์ก่อนนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะถ้าไม่ได้ครูน้ำผึ้งพวกเราแย่แน่ค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะมีอะไรก็ต้องช่วยกัน”
น้ำผึ้งรีบออกไป ชมพู่มองตามด้วยแววตาปลื้มปริ่ม
“คนอะไรไม่รู้ สวยแล้วยังมีน้ำใจอีก”
ชมพู่หันมาจะกินข้าว แต่ดันมีคนงานชายกำลังตักข้าวจากจานของชมพู่เข้าปาก ชมพู่โมโห
“นี่ของฉันนะ”
คนงานชะงักค้างแต่ในที่สุดก็กินด้วยความอร่อย
“ยังจะกินอีก เอาของฉันคืนมา”
คนงานชายถือจานวิ่งหนีไปเลย ชมพู่เซ็งที่อดกิน

อีกฟาก นันท์และหอมนั่งทำแบบฝึกหัดอยู่ นันท์ทำได้ แต่หอมเครียดจัดคิดหนักมาก อ้อยดูซีรีย์เกาหลีในมือถือตัวเองยิ้มจนเยิ้ม ดูไปฟินไปกับความหล่อลากไส้และสุภาพของพระเอกแดนกิมจิคนโปรด
“หล่อจังเลยเมื่อไรอ้อยจะเจอพระเอกของอ้อยบ้างนะ”
หอมเทน้ำมาลูบผมตัวเองปัดๆ ให้ดูเป็นหนุ่มเกาหลีเก๊กเสียงหล่อว่า
“ซารางเฮโย”
อ้อยกลอกตา มองหอมเซ็งๆ
“หน้างออย่างกับไม้เกาหลังไปไกลๆ เลยไอ้พี่หอม”
จู่ๆ ท้องอ้อยร้องโครกคราก
“คุณนันท์หิวมั้ยคะ”
“ยังไม่หิวนันท์จะทำแบบฝึกหัดให้เสร็จก่อน”
อ้อยผิดหวังคะยั้นคะยอคุณหนูนันท์
“หิวเถอะค่ะเดี๋ยวพี่อ้อยไปหาของว่างให้นะคะ ฝากดูคุณนันท์ด้วยนะพี่หอมเดี๋ยวฉันไปหาของว่างมาให้คุณนันท์ก่อน”
หอมรู้ทัน “หาของว่างให้คุณนันท์หรือจะหาของกินเองกันแน่”
“เรื่องของฉัน”
อ้อยเดินปร๋อออกจากห้องไป

หอมนั่งมองนันท์ทำแบบฝึกหัด จนตาปรือนอนสัปหงกเอามือเท้าคาง นันท์ทำแบบฝึกหัดจนเสร็จ
“เรียบร้อย”
นันท์มองหอม
“พี่หอมนันท์ทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้ว”
ปรากฏว่าหอมสัปหงกเป็นจังหวะเหมือนพยักหน้ารับคำ นันท์ส่ายหน้าระอาใจ พลางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย
“ครูน้ำผึ้งทำไมยังไม่มาอีกน้า”
นันท์ไปมองที่หน้าต่างมองหาน้ำผึ้งแต่ไม่เห็นวี่แวว รังนกพร้อมไข่ตกลงมาบนพื้นหญ้า นันท์เงยมองบนต้นไม้ แล้วหันมาบอกหอม
“พี่หอมๆ เก็บรังนกขึ้นไปไว้บนต้นไม้ที”
หอมสัปหงกไม่รู้เรื่อง นันท์เขย่าแขน
“พี่หอมตื่นพี่หอม”
พอนันท์เขย่าตัวหอมหอมเลยฟุบหลับไปกับโต๊ะ นันท์เห็นท่าไม่ได้เรื่อง

เทิดเดินผ่านห้องเรียนนันท์เห็นเงียบๆ เลยแวะเข้าไปดู พอเข้ามาในห้องกลับไม่เห็นนันท์ รวมทั้งน้ำผึ้ง เห็นแต่หอมฟุบหลับอยู่ ส่วนอ้อยเพิ่งยกถาดใส่นมกับขนมเข้ามาพอดี
“ของว่างมาแล้วค่า อุ๊ย คุณเทิด”
“หายไปไหนกันหมด”
อ้อยมองหาไม่เห็นนันท์ก็ตกใจ
“ตายแล้วคุณนันท์หายไปไหน”
เทิดดุเสียงดัง “ถามฉันแล้วฉันจะรู้มั้ย”
“เมื่อกี้คุณนันท์ยังอยู่เลยค่ะ”
อ้อยหน้าเสีย รีบวางถาดของ หันปลุกหอม
“พี่หอมตื่นๆๆ เร็วเข้า”
หอมสะดุ้งตื่น “เสียงดังอะไร”
“คุณนันท์หาย”
“อ๋อ” หอมงัวเงียอยู่ครู่หนึ่งจึงนึกได้ “หา คุณนันท์หาย”
“คุณนันท์หายไปไหน”
“ไม่รู้”
“นันท์อยู่นี่”
สามคนหันไปมองตามเสียง เห็นนันท์กำลังปีนต้นไม้เอารังนกไปวางบนกิ่งไม้ใหญ่ เทิดใจหล่นวูบ
“คุณนันท์”
“ว้ายคุณนันท์ ขึ้นไปทำอะไร”
เทิดรีบร้องบอก “ลงมาเดี๋ยวนี้นะคุณนันท์!”
นันท์ก้าวพลาด เสียหลักหล่นจากต้นไม้
อ้อยกรี๊ดลั่น
“ว้ายคุณนันท์”

เทิดรับลูกชายไว้ได้ อ้อยกับหอมโล่งอก

อ่านต่อหน้า 3




มนต์รักอสูร ตอนที่ 11 (ต่อ)

เทิดดุอ้อยกับหอมอยู่ในห้องทำงานมาสักพัก จนทั้งสองสลด

“ฉันสั่งแล้วใช่มั้ยให้ดูแลคุณนันท์ให้ดีถ้าฉันมาไม่ทันคุณนันท์จะเป็นยังไง”
อ้อยรีบเอาตัวรอด “อ้อยไปจัดของว่างให้คุณนันท์พี่หอมแหละเอาแต่นอน”
หอมจ๋อยสนิท “ขอโทษครับหอมเผลอหลับไป”
“แล้วครูน้ำผึ้งไปไหน”
น้ำผึ้งโผล่มาพอดี
“ฉันอยู่นี่ค่ะ” ครูสาวจอมสาระแนมองฉงน ท่าทีแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“คุณนันท์เกือบตกต้นไม้” เทิดบอกเสียงขุ่น
“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ” น้ำผึ้งถาม
“โชคดีที่คุณเทิดมาทันครับ” หอมบอก
เทิดโมโห “เธอนี่มันแย่ที่สุดเป็นครูประสาอะไร ทิ้งลูกศิษย์ไว้มัวไปเถลไถลที่ไหนมา”
“ฉันไม่ได้เถลไถลนะคะ ฉันไป...”
น้ำผึ้งยั้งคำพูดไว้ ไม่ทันได้อธิบาย ชมพู่ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงาน
“แย่แล้วคะ คุณครู คนงานในไร่ไม่สบายหนัก ท้องเสียกันทั้งไร่เลยค่ะ”
ทุกคนตกใจทั้งแถบ

เทิดพร้อมกับแซมบึ่งมาที่บ้านพักคนงานทันที เห็นคนงานนอนปวดท้องร้องโอดโอยอยู่เสียงดังระงม เก่งสวมรอยทำเป็นร้องโอดโอยไปด้วย ทั้งที่ไม่ได้กินข้าวเข้าไปสักคำ และไม่ได้เป็นอะไร
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ผมก็ไม่รู้ครับเมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลย”
ผันพาหมอลพเข้ามา
“หมอมาแล้วครับ”
เทิด แซม และผันต่างกังวล

กว่าจะตรวจเสร็จก็ล่วงเข้าสู่ตอนเย็น หมอลพ ซึ่งเป็นหมอประจำครอบครัวเทิด และไร่ บอกสาเหตุหลังวินิจฉัยเสร็จ โดยเทิด ผัน และแซมอยู่ฟังด้วยหันในห้องทำงานเทิด
“ว่าไงนะ อาหารเป็นพิษเหรอ”
“ครับ ผมจ่ายเกลือแร่กับยาฆ่าเชื้อให้แล้วพักสักสองวันก็หายครับ”
“สองวันเลยเหรอ อย่างนี้เก็บองุ่นไม่ทันส่งตามออร์เดอร์แน่” แซมกังวล
“อาหารเป็นพิษได้ยังไง ป้าพรอยู่ไหนไปตามมาพบฉันเดี๋ยวนี้”
เทิดหน้าเข้มดุ

เทิดซักถามพรเสียงแข็งเป็นเชิงตำหนิ
“ป้าทำอาหารยังไง คนงานล้มป่วยขนาดนี้ ป้ารู้ไหมว่าตอนนี้มีลูกค้าสั่งองุ่นล็อตใหญ่เข้ามา แล้วถ้าเราทำให้เขาไม่ได้มันจะเกิดอะไรขึ้น”
พรก้มหน้างุด ยอมรับผิดเองทั้งหมด โดยไม่ยอมพาดพิงน้ำผึ้ง
“ป้าไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของป้าเอง”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมป้าถึงเป็นคนทำอาหารได้”
“ยายจำเนียรที่โรงครัวแกลากลับบ้าน ป้าเลยอาสามาทำเอง ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โตขนาดนี้”
เทิดมองไปที่ขาของพร
“แล้วขาป้าเป็นอะไร”
พรไม่อยากให้เทิดซักไปจนถึงน้ำผึ้ง จึงตัดบท
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อุบัติเหตุ คุณเทิดคะ ฟังป้าเถอะ ยังไง ป้าจะขอรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
“ป้าจะรับผิดชอบยังไง”
“ป้าจะขอลาออกค่ะ”
เทิดชักหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
“มันไม่ใช่เวลาที่ป้าจะมาขอลาออกเพื่อตัดปัญหานะ ผมเองไม่ได้เรียกป้าเข้ามาเพื่อจะตะเพิดหรืออะไร ผมแค่อยากรู้สาเหตุว่ามันมาจากไหน แต่ถ้าป้าไม่บอกผม ผมก็จัดการมันไม่ได้”
“ป้าเองก็ทำได้แค่นี้เหมือนกันค่ะ ป้าตอบคำถามของคุณเทิดไม่ได้จริงๆ”
เทิดพยายามสงบสติอารมณ์
“ป้าออกไปก่อนไป”
พรงง “คะ”
เทิดดุ “ออกไป”

พรรีบออกไป

อ่านต่อหน้า 4




มนต์รักอสูร ตอนที่ 11 (ต่อ)

ชมพู่รอฟังข่าวพรอยู่ที่ห้องรับแขก ท่าทางกระวนกระวายมาก น้ำผึ้งเดินเข้ามาเห็นท่าทีจึงถามขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นคนงานเป็นอะไร”
“เห็นว่าอาหารเป็นพิษค่ะ”
“อาหารเป็นพิษ”
“ค่ะ ตอนนี้คุณเทิดกำลังสอบสวนป้าพรอยู่”
น้ำผึ้งทั้งตกใจและร้อนใจมาก ชมพู่มองไป เห็นพรเดินมาพอดีรีบวิ่งเข้าไปหา น้ำผึ้งตามมาด้วย
“ป้า เป็นไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร แต่ป้าขอลาออกเพื่อรับผิดชอบเอง”
น้ำผึ้งยิ่งตกใจ “ทำไมล่ะคะป้า”
“มีองุ่นล็อตใหญ่ต้องส่งน่ะสิ แล้วตอนนี้คนงานของเราก็มาเป็นแบบนี้”
พรอัดอั้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ น้ำผึ้งทนไม่ได้
“ป้าคะ ไม่ใช่ความผิดของป้าเลยนะคะ ฉันเป็นคนทำเอง ฉันจะรับผิดชอบค่ะ”
พรตกใจ “ครูจะทำยังไงคะ”
“ฉันจะคุยกับคุณเทิดเรื่องนี้เองค่ะ ฉันจะไม่ยอมให้ใครเดือดร้อนเพราะฉันเป็นอันขาด”
น้ำผึ้งรีบเร่งเดินออกไป พรมองตามด้วยความเป็นห่วง

เทิดดุแซมเรื่ององุ่นที่จะส่งไม่ทัน แล้วจึงเดินกดโทรศัพท์คุยกับไร่อื่น เพื่อติดต่อยืมองุ่นมาส่งก่อน
“องุ่นในสต็อกไม่เหลือเลยเหรอครับ ได้ครับ ไว้ผมจะลองถามไร่อื่นว่ามีองุ่นสำรองให้เราก่อนไหม ครับ ขอบคุณครับ”
เทิดกลุ้มใจหนัก เดินหน้าเครียดหาทางแก้ปัญหาเรื่ององุ่นล็อตนี้ น้ำผึ้งวิ่งตามมาเจอเทิดเข้าก็ตะโกนเรียก
“คุณเทิดคะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
แต่เทิดไม่สนใจ แถมเดินหนี น้ำผึ้งตามไม่ลดละ เทิดผลักไปให้พ้นๆ ทาง น้ำผึ้งไม่ยอมวิ่งไปขวางหน้าไว้เทิดรำคาญสุดขีด
“ไม่เห็นหรือไงฉันไม่ว่าง จะไปไหนก็ไป”
“ไม่ไปค่ะ ฉันต้องคุยกับคุณ”
“ฉันไม่มีเวลามาเสวนาเรื่องไร้สาระกับเธอ ถอยไป”
เทิดจะหนีอีกไป น้ำผึ้งเลยตะโกนโพล่งขึ้นมา
“วันนี้ฉันเป็นคนทำอาหารให้คนงานกินค่ะ”
เทิดชะงักกึก หันหน้ามาถามย้ำใหม่อีกครั้ง
“ไหนเธอลองพูดใหม่ซิ ใครเป็นคนทำอาหารให้คนงาน”
“ฉันเองค่ะ”
น้ำผึ้งจ้องหน้าเทิดแน่วนิ่ง ส่วนเทิดอึ้งนิ่งงันไป ยัยครูจอมสาระแนทำเรื่องอีกแล้ว

เทิดลากแขนน้ำผึ้งเข้ามาในห้องทำงาน แล้วเหวี่ยงออกไป ตะคอกถามเสียงดัง
“ฉันจ้างเธอมาเป็นครูสอนคุณนันท์ ใครใช้ให้ไปยุ่งในครัว”
เทิดดุจนน้ำผึ้งนึกกลัว แต่นางพยายามทำใจดีสู้เสือ
“ป้าพรลื่นล้มขาเจ็บ ฉันเลยอาสาทำแทนค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้”
“ไม่คิดเหรอพูดง่ายๆ”
เทิดคุมแค้น ดึงแขนน้ำผึ้งไปบีบอย่างรุนแรงจนเธอเจ็บระบมไปหมด
“มาบอกตอนนี้มันจะทำอะไรได้”
น้ำผึ้งหันมาเผชิญหน้ากับเทิดอย่างถือดีตามนิสัยไม่ยอมคน
“ได้สิคะ ยังไงฉันก็จะรับผิดชอบ”
“เธอจะรับผิดชอบยังไง คิดว่าเรื่องที่มันเกิดอยู่ตอนนี้มันแก้ไขกันง่ายๆ งั้นเหรอ”
“เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ถ้าไม่คิดแก้ไขสิคะถึงจะผิด”
“เถียงคำไม่ตกฟาก คนงานป่วยทั้งไร่แบบนี้เธอจะทำยังไง เธอคิดว่าตัวเองทำงานแทนเขาได้หมดหรือไง”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าได้ล่ะคะ” น้ำผึ้งอวดเก่ง
เทิดยิ้มเยาะ
“อย่าทำอวดเก่งให้มันมากนักเลยครูน้ำผึ้ง”
“ฉันเก็บองุ่นแทนทุกคนได้จริงๆ นะคะ”
เทิดเหนื่อยใจ “ฉันบอกเธอกี่ทีแล้วว่าอย่าคิดอะไรตื้นๆ”
“ไม่ตื้นค่ะ แล้วฉันจะทำให้คุณดู”
เทิดชักรำคาญมากขึ้น
“เธอนี่มัน”
“ฉันจะหาองุ่นมาส่งให้ลูกค้าคุณให้ได้ภายในพรุ่งนี้ ถ้าฉันทำไม่ได้ฉันจะไปจากที่นี่เอง”
“ฉันเบื่อจะคุยกับคนอย่างเธอเต็มทนแล้ว ถ้าคิดว่าไหวก็ทำให้ได้แล้วกัน”
น้ำผึ้งจ้องหน้าสู้สายตาอย่างไม่กลัวเกรง เทิดหงุดหงิดสุดขีด

แซมรออยู่หน้าบ้าน เห็นน้ำผึ้งเดินมาหาก็พอเดาเหตุการณ์ออก
“ว่าแล้ว ครูจะไปเก็บองุ่นใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“ครู องุ่นเก็บได้ช่วงเวลา 04.00-07.00 น. นะ”
“ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้ำผึ้งจะไปเก็บค่ะ”
ลุงแซมมองเหมือนจะดุ น้ำผึ้งหน้าเสีย
“ครูนี่มันบ้าดี ขอนายตัดองุ่นเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำคนเดียวไม่มีทางทัน”
“ฉันต้องรับผิดชอบนี่คะ แล้วฉันก็ไม่อยากให้ใครถูกคุณเทิดไล่ออกอีก”

น้ำผึ้งพาตัวเองมาที่ไร่องุ่นตอนเช้ามืด ตามเวลาที่แซมบอกไว้ ครูสาวยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าแปลงองุ่น เพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงก่อน แต่พอนึกตอนที่เทิดพูดจาดูถูก ก็เกิดฮึดสู้ขึ้นมา
“ทันอยู่แล้ว แค่นี้เอง สู้สิผึ้ง”
น้ำผึ้งมองกล่องอุปกรณ์แล้วหยิบกรรไกรตัดองุ่นมาถืออย่างมุ่งมั่น ระหว่างจะเดินเข้าไปในไร่ เสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“สู้อยู่คนเดียวมันจะไหวเหรอ”
น้ำผึ้งหันไป เห็นแซมเดินมา
“ลุงแซม”
เห็นแซมทอดถอนใจ น้ำผึ้งยิ่งจ๋อยเข้าไปอีก แต่แล้วแซมก็ชูกรรไกรตัดองุ่นขึ้นมา
น้ำผึ้งงง “ลุงแซมทำอะไรคะ”
“จะอะไรเล่า ก็ไปตัดองุ่นไงครู”
แซมเดินนำเข้าไปในไร่ น้ำผึ้งยิ้มกว้างดีใจ ตามไปติดๆ

ขณะเดียวกัน ภูฤทธิ์ร้อนใจเรื่องน้ำผึ้ง จึงกดโทร.ถามฟ้าใส
“คุณฟ้าขอโทษที่โทร.มารบกวนแต่เช้าคุณน้ำผึ้งโทร.กลับมารึยังครับ”
“ยังเลยค่ะหายเงียบไปเลย” ฟ้าใสอยู่ที่บ้าน กำลังเตรียมไปที่ร้านเวดดิ้ง
ภูฤทธิ์ไม่สบายใจ
“คุณฟ้าช่วยโทร.หาคุณน้ำผึ้งอีกทีได้มั้ยครับ”
“ได้ค่ะรอสักครู่นะคะ”
ฟ้าใสกดโทร.หาน้ำผึ้ง
แต่ปรากฏว่าน้ำผึ้งลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องนอน เสียงโทรศัพท์ดังกล่อมห้องโดยไม่มีคนรับ
ฟ้าใสรอจนสายตัดไป แล้วจึงโทร.บอกภูฤทธิ์
“น้ำผึ้งไม่รับสายเลยค่ะสงสัยจะยุ่งอยู่”
ภูฤทธิ์จิตใจร้อนรุ่มไปหมด
“ผมไม่สบายใจเลยครับกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับคุณน้ำผึ้ง”
“คุณภูใจเย็นก่อนนะคะ รอสักพัก เผื่อน้ำผึ้งจะโทร.กลับมาค่ะ”
“ผมรอไม่ไหวแล้วครับผมจะไปหาคุณน้ำผึ้งเดี๋ยวนี้”
“ไปหาน้ำผึ้ง”
 
ฟ้าใสตกใจกับความมุ่งมั่นของหนุ่มในฝัน

อ่านต่อตอนที่ 12


มนต์รักอสูร ตอนที่ 10
มนต์รักอสูร ตอนที่ 10
พอส่งนันท์เข้านอนเรียบร้อย อ้อยก็ออกจากห้องลงเรือนไป เทิดแอบยืนดูอยู่อีกมุม รอจนอ้อยลงบันไดลับตัวไปแล้ว เขาจึงเดินไปเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชาย ยืนมองดูนันท์ที่หลับอยู่เงียบๆ คิดอะไรมากมายในหัว ฝ่ายอ้อยเดินลงมาจากห้องนันท์ เจอผันยืนรออยู่ หน้าเครียดเคร่ง “พ่อ” “มานี่หน่อย พ่อมีเรื่องจะคุยกับเอ็ง” ผันเดินนำไปออกไป อ้อยจำใจต้องตาม น้ำผึ้งลงมาที่ชั้นล่าง เจอเทิดนั่งอยู่ในห้องโถง เลยจะเดินเลี่ยงไปทางครัว แต่ถูกเทิดเรียกไว้ “น้ำผึ้ง” น้ำผึ้งหยุดเดินหันไปหา “คะ” เทิดลุกขึ้นเดินมาหาน้ำผึ้งแล้วยื่นสมุดพกของนันท์ให้ น้ำผึ้งมองฉงน “นี่มัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น