ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 4
ตี๋ใหญ่อยู่นอกรั้ววัด บัญชาจ่อปืนไว้ ทั้งสองมีรั้วกั้นอยู่ บัญชาจ่อปืน มองไปรอบๆ หาที่จะปีนไปจับ แต่ก็ไม่มี เขาออกคำสั่งอย่างสุขุม
“เอามือไว้บนหัว หันหน้ามา คุกเข่าลง”
ตี๋ใหญ่ทำท่าเหมือนจะยอม แต่กลับเดินยกมือหายไปในความมืด บัญชาไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเขาไม่ยิงคนข้างหลังแน่ๆ จึงได้แต่เสียดาย
ในขณะที่จ่าแดงโดนรถอัศวินชน ไซเรนวิ่งตามมาถึง มองไปไม่เห็นตี๋ใหญ่แล้ว ตะโกนด้วยความเจ็บแค้น
“มันทำอย่างนี้ทำไม ทำไม มันจะเอาอะไรกันแน่”
ไซเรนระบายออกด้วยการชกผนัง เนสเข้ามากอดห้าม
“ไซเรน อย่า”
ไซเรนขมขื่นอัดอั้นตันใจ
“เรากอดมัน เรากอดไอ้คนที่มันฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าน้องเรา มันต้องการอะไร”
บัญชากลับมาถึงมองจ่าแดงซึ่งบาดเจ็บ
“เป็นไงบ้างหัวหน้า”
น้ำผึ้งถาม บัญชาส่ายหน้า อัศวินลงมาจากรถ จักรชักปืนออกมา ถือคุมอยู่ห่างๆ อัศวินเข้ามาดูจ่าแดง สบตาบัญชา แล้วหันมาถามไซเรน
“มันเรื่องอะไรกัน ไซเรน วิ่งออกมาทำไม”
“มันคือไอ้คนที่ฆ่าครอบครัวผม ไอ้ตี๋ใหญ่ มันมาทำไม มันต้องการอะไร”
จ่าแดง น้ำผึ้ง บัญชา มองหน้ากันเมื่อรู้ว่าเป็นตี๋ใหญ่ อัศวินหันมาถามบัญชา
“คุณเห็นหน้ามันมั้ย”
“ไม่เห็นครับ”
จักรลงมาส่งสัญญาณว่าไม่ปลอดภัยให้อัศวินรีบไป อัศวินโบกมือว่าไม่เป็นไร แล้วเข้าไปปลอบไซเรน
“กลับบ้านอานะคืนนี้ นี่ก็เลยวันเข้ารายงานตัวแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้อาไปส่ง”
ไซเรนเพ้อกับตัวเอง
“มันจะเอายังไงกับผม ผมไม่ไป มันต้องกลับมาอีก ผมจะฆ่ามันให้ได้”
อัศวินพยายามทำให้ไซเรนสงบลง ประคองไปขึ้นรถ
“ไซเรน ไซเรน ใจเย็นๆ อาจะเร่งเจ้าหน้าที่ให้จับคนร้ายมาให้ได้เร็วที่สุด”
“มันต้องกลับมาอีก ผมจะฆ่ามัน”
“ไซเรน เธอมีทักษะป้องกันตัวมากแค่ไหน เธอสู้มันได้เหรอ ใช้อาวุธปืนเป็นหรือเปล่า คิดจะฆ่าคนน่ะ ถ้าฆ่าเขาได้แล้ว เธอติดคุกนะ นึกถึงพ่อเธอสิ ยุทธคงอยากให้เธอเรียนให้จบตำรวจออกมาจับมันด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
ไซเรนสงบลง มองแค้น ในขณะที่บัญชาเข้ามาดูอาการจ่าแดงที่เจ็บแขน น้ำผึ้งมองหน้าจ่าแดง “สงสัยต้องไปโรงพยาบาล”
“ก็บอกแล้ว ไอ้ผมมันแก่เกินจะลงสนามแล้วล่ะ”
อัศวินโอบไหล่ไซเรนเข้ามา ไซเรนกำลังจะขึ้นรถ เนสเข้ามาพูดกับไซเรน
“ตั้งใจฝึกนะ แล้วเราจะไปหาไซเรนนะ”
ไซเรนหน้าเศร้า รถอัศวินขับออกไป บัญชาหันมาสั่งน้ำผึ้ง
“น้ำผึ้งดูแลจ่าแดงด้วย พรุ่งนี้เจอกันที่หน่วย ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันเสี่ยงมางานศพครอบครัวที่มันเพิ่งฆ่าทำไม”
แม่พาสเวิร์ดทำงานอย่างยากลำบากด้วยมือข้างเดียว เพราะมืออีกข้างเจ็บเนื่องจากถูกผลักเข้าไปในซี่ล้อรถจักรยาน พาสเวิร์ดพยายามจะช่วย แต่กลับทำของหล่น เสียงดังโครมคราม แม่เดินมาแอบน้ำตารื้นด้วยความท้อแท้ แต่กลบเกลื่อนไม่ให้ลูกรู้ ตี๋ใหญ่กับเชนกลับมาเห็นพอดี ตี๋ใหญ่มองแล้วสงสาร นึกถึงแม่ตัวเอง คืนนั้น ตี๋ใหญ่ล้วงเงินมาจากที่ซ่อนออกมาวาง เขาสบตากับเชน
“เชน พรุ่งนี้ช่วยเอาไปแลกให้หน่อย แถวเสาชิงช้า”
“ไม่ต้องหรอกพี่ ไอ้เงินกู้นอกระบบหน้าเลือดเนี่ยเคลียร์กับมันเลยพี่ มันมาอีกแน่”
“ตอนนี้เราต้องนิ่งก่อน อย่ามีปัญหากับใครทั้งนั้น”
“แต่”
“จัดการให้หน่อย”
เวลาเดียวกันนั้น แม่พาสเวิร์ดนั่งกินข้าวไข่เจียวกับลูก พาสเวิร์ดกินข้าวเลอะปาก มืออ่านอะไรใน
แท็บเล็ตอย่างตั้งใจ แม่มองเศร้าๆ เป็นห่วง น้ำตาคลอ เอามือเช็ดปากให้ลูก
“ตั้งใจกินก่อนลูก โตแล้ว ต้องดูแลตัวเองนะ”
พาสเวิร์ดหันมายิ้มไร้เดียงสา แม่โอบเบาๆ แล้วเดินไปที่ปฎิทิน กากบาทแดงวันส่งดอกเงินกู้ กังวลจนน้ำตาไหลออกมา
เช้าวันรุ่งขึ้น อัศวินขับรถพาไซเรนมาส่งที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วยตัวเอง นักเรียนตำรวจกลุ่มหนึ่งวิ่งออกกำลังกายโดยพร้อมเพรียงกัน ไซเรนมองรอบด้าน อัศวินตบบ่าให้กำลังใจ
“คุณอาจับมันให้ได้นะครับ”
“ไซเรน อาขอถามหน่อย ถ้าเจอหน้าไอ้คนที่ฆ่าพ่อเราอีก เธอจะจำได้มั้ย”
“ผมเห็นหน้าไอ้ชั่วนั่น ไม่ชัดจริงๆ ครับ เลือดเต็มหน้าไปหมด ถ้าคุณอาได้ข่าวอะไรรีบบอกผมด้วยนะครับ”
“อาจะส่งข่าวความคืบหน้าให้เราเรื่อยๆ ไม่นานหรอกต้องได้ตัวมันมาลงโทษ ตั้งใจเรียนนะ พ่อเธอคงอยากเห็นเธอในวันประดับยศแน่ๆ”
ไซเรนไหว้อัศวินแล้วเดินเข้าโรงเรียนไป มีนักเรียนคนหนึ่งในกลุ่มที่วิ่งตัดไป หันมองไซเรนเยาะๆ
“เด็นเส้น”
ไซเรนมาตัดผม และรับชุดฝึกนักเรียนนายร้อยด้วยแววตาแข็งกร้าว เขายืนเป็นกลุ่มกับเพื่อน รับโอวาทสำหรับนักเรียนใหม่ บริเวณลานหน้าพระรูป มีคนนำพูดว่า
“ทำความเคารพ”
ครูฝึกเริ่มพูด
“สวัสดี นักเรียนนายร้อยตำรวจใหม่ทุกนาย โรงเรียนนายร้อยตำรวจยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคนด้วยความยินดี หลังจากนี้นักเรียนทุกคนมีสิทธิเท่ากัน คือ เท่ากับศูนย์ นั่นหมายความว่าไม่มีสิทธิ์อะไรเลย จะทำอะไรให้ขออนุญาตก่อนทุกครั้ง หรือให้ทำเฉพาะที่สั่งเท่านั้น ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้ หอมหวลชวนจิคไซร้ ไป่มี โคลงกลอนนี้คงบอกถึงการใช้ชีวิตในโรงเรียนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าการก้าวไปสู่ความมีเกียรติยศและเกียรติศักดิ์นั้น หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่นักเรียนหลายคนคิด แต่หนทางที่นักเรียนจะต้องก้าวต่อจากนี้ไป นักเรียนจะต้องเจอกับความยากลำบาก เพื่อฝึกทั้งร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง เพื่อที่จะพร้อมออกไปเป็นนายตำรวจให้สมกับคำว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่มีอุดมการณ์ มีความเสียสละ เชิญ เลิกได้”
“ทำความเคารพ”
ภายในห้องของแผนกสืบสวน จ่าแดงซึ่งยังใส่เฝือกอ่อนอยู่ บ่นกับน้ำผึ้ง
“เข้ากับหน้ามากเลย เฝือกสีชมพูเนี่ย”
“เอ้า ก็จ่านอนปวดอยู่ก็บอกว่าอะไรก็ได้ หนูชอบสีชมพูอ่ะ เอาน่า เฝือกก็คือเฝือกแหละ สวยดี”
บัญชาคุยกับทีม ทำชาร์ตโยงเรื่อง ว่าทำไมตี๋ใหญ่ไม่ฆ่าไซเรน ทั้งที่น่าจะทำมาหลายครั้งแล้ว บัญชาส่งแท็บเล็ตให้จ่าแดง จ่าแดงงง น้ำผึ้งเข้ามาช่วย
“ขอทำเป็นเอกสารแบบเดิมๆ ไม่ได้เหรอครับ ไอ้เครื่องนี่มันน่าจะล้ำไปสำหรับผมนะครับ”
“คดีนี้ผมได้รับคำสั่งตรงให้ติดตาม เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ใครอยู่ข้างไหน แม้กระทั่งในกรมเอง เพราะฉะนั้น คดีนี้และเรื่องที่ผมอยากให้ติดตาม ต้องเป็นความลับ คุณจะใช้ใครไปสืบ หรือหาข้อมูลภายใน ก็หาทางเบี่ยงเบนประเด็นให้ดี ผมเองในเวลานี้ก็บอกพวกคุณได้เท่าที่บอกได้ น้ำผึ้งช่วยสรุปเหตุการณ์หน่อย”
“หลังจากที่ปล้นรถรักษาความปลอดภัยของเอสจีซิเคียวริตี้ ครั้งแรก เราเชื่อได้ว่ามีสองคนเป็นอย่างน้อย ตี๋ใหญ่ และแฟรงค์กี้ ในการปล้น เจ้าหน้าที่ประจำรถสามคน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุสองคน ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ประจำรถอีกคนคือ ดาบยุทธ เมีย และลูกสาว เสียชีวิต แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมในเวลาต่อมาดาบยุทธ จึงไปถูกฆ่าแขวนคอที่คลีนิก”
“ถ้ามันตั้งใจฆ่า ทำไมถึงเย็บแผลที่โดนยิงให้ไอ้ยุทธก่อน” จ่าแดงติง
ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนที่จ่าแดงจะทำวงแตกด้วยการไปกดโดนในแท็บเล็ต เป็นวง G 20 เพลงของฟรีไม่มีในโลก ของโมโน จ่าเขินพยายามปิดพัลวัน
“เด็กๆ สมัยนี้เขาร้องเพลงเต้นกันน่ารักดีนะครับ”
“มันเสี่ยงมางานศพเพื่อ” บัญชาตั้งข้อสังเกต
“หรือมันจะมาปิดปากเด็กนั่น” น้ำผึ้งคาดเดา
“มันปล่อยลูกยุทธรอดมาสองครั้งแล้ว ทั้งที่มันจะฆ่าทิ้งก็ได้ ไม่น่าใช่นะผมว่า” จ่าแดงท้วง
ตี๋ใหญ่ ลงมาหน้าตึกแถวกับเชน
“ระวังด้วย”
เชนพยักหน้า ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงแก็กๆ ของหลิน เห็นหลินเรียกแท็กซี่พอดี เขานั่งรถตามไป
“ขับตามแท็กซี่คันหน้าไป”
คนขับแท็กซี่มองตี๋ใหญ่
“เมียผมมันนอกใจ”
คนขับพยักหน้าตบเข่าฉาดแล้วเริ่มพล่ามไม่หยุด
“นั่นไง นึกแล้ว ผมมองหน้าพี่เมื่อกี้ตอนเปิดประตูนะ ผมรู้เลย เต็มที่พี่ ถึงไหนถึงกัน เดี๋ยวผมจับได้ช่วยกระทืบด้วย ผมเคยโดนเหมือนพี่เลย อีส้มเช้งเมียเก่าผมน่ะ”
“ซ้าย ครับ ซ้าย”
“ครับๆ มันคลั่งเกาหลี ถึงกับเปลี่ยนชื่อเป็นซันนี่ มันบอกเปลี่ยนตามเกิร์ลกรุ๊ป อะไรนี่แหละ แล้วมันก็เต้นอะไรของมันลงเฟซทุกวัน ผมนะขับรถแทบไม่ได้ขี้ได้เยี่ยว ออกกะต้องซื้อข้าวไปประเคนมันอีก มันยังทำผมได้”
ตี๋ใหญ่ไม่ได้สนใจฟังนัก
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 4 (ต่อ)
มุมมืดในร้านเช่าพระ เจ้าของร้านนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่หลายจอ ไอแพด โน้ตบุ้ค โทรศัพท์ เชนเอาเงินออกจากซองวาง
“ขอสองแสน”
เจ้าของร้านหยิบเงินมาดู
“ของร้อน เรตเดิมคงไม่ได้”
“ก็สามแสนแลกสองแสนยังไม่พออีกเหรอไงครับพี่”
“ก็ค่าความเสี่ยงมันสูง เงินใหม่สดๆ จากแท่นพิมพ์ ตามง่ายจะตายห่า ปล่อยตอนนี้ก็ไม่ได้ ยิ่งเก็บนานเงินพี่ก็จม น้องต้องเข้าใจ ครึ่งๆ อยากได้สองแสนก็เอามาสี่”
“งั้นเดี๋ยวว่ากัน ไปถามพี่เขาก่อนว่าเอาไง”
“น้องลองที่อื่นก่อนก็ได้นะ”
เชนออกไป เจ้าของร้านโทรเช็คข่าวเรื่องเงิน เป็นภาพในจอพาดหัวว่าเงินโดนปล้นไปสองล้านเจ้าของร้านครุ่นคิด
ตี๋ใหญ่เดินมองหาหลินมาตามทาง แล้วมองเข้าไปในร้านแผ่นเสียง เห็นหลินกำลังนิ่งฟังเพลงจากแผ่นเสียงอยู่ภายในร้าน ตี๋ใหญ่แอบมองอยู่ด้านนอก เขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเธอเอาไว้ หลินยังคงเคลิบเคลิ้มกับเสียงเพลง ตี๋ใหญ่เดินหลบเข้าไปในร้านแผ่นเสียง ผ่านด้านหลังหลินใกล้ๆ พยายามสำรวจการแต่งกาย กระเป๋าสะพายที่เธอถือ ว่ามีอะไรบ้าง แต่เขาก็ยังไม่สามารถล้วงอะไรจากเธอได้ ตี๋ใหญ่รับโทรศัพท์เชน
“แม่งขอเพิ่มเป็นสี่แสนพี่ มันบอกของร้อน เรตเดิมไม่ได้”
“งั้นก็ตามนั้นกลับไปเอาเพิ่มได้เลย”
ในห้องแผนกสืบสวน บัญชายังคงคุยกับน้ำผึ้งและจ่าแดงอยู่
“เออ เรื่องเงินว่าไงน้ำผึ้ง”
“เงินที่ถูกปล้น เอสจี เพิ่งไปรับมาจากแบ็งค์ เป็นแบงค์ใหม่มีรหัส ถ้ามีการเอามาใช้เรารู้แน่นอนค่ะ ส่วนเศษยาที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นโคเคนนำเข้าเกรดเอ ซึ่งเป็นของเล่นของคนมีตังค์เท่านั้นค่ะ”
“คนที่อยู่กับอัศวินเป็นใคร น้ำผึ้งตามให้หน่อยนะ”
จ่าแดงรีบบอก “มันชื่อจักร ติดตามพลตรีอัศวินมาตั้งแต่จบใหม่ ตอนนี้ก็น่าจะร้อยเอกแล้วมั้ง แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรให้กับท่านอัศวินกันแน่”
“ผมว่าพวกเราออกไปหาข่าวกันหน่อยดีกว่า”
มิลค์กำลังเจรจากับชายค้ายาซึ่งนั่งอยู่ในรถเปิดกระจก
“จะบ้าหรอ เข้ามาในรถสิ”
“ก็เอามาเลยจะรีบไป”
ชายคนนั้นปิดกระจก
“ตามใจ”
มิลค์ตัดสินใจขึ้นรถไป หญิงสาวขายยาอีกคนซึ่งเป็นคนขับรถทำหน้าเจ้าเล่ห์ แล้วออกรถ มิลค์ตกใจ
“จะไปไหน”
ชายคนนั้นยื่นยาให้
“จะอยู่รอตำรวจหรือไง สามพันห้า”
“ทำไมแพงอ่ะ”
“ของดี ไม่เอาก็ได้นะ”
มิลค์หยิบเงินส่งให้ ชายมองมิลค์เห็นอาการอยากยา
“เล่นเลยก็ได้นะ”
รถมาจอดอีกที่หนึ่ง ผู้หญิงที่อยู่หน้ารถมองควันที่ลอยอยู่ในรถ ชายขายยาลวนลามมิลค์ ลูบขา มิลค์ตบหน้าไปทีหนึ่ง ชายคนนั้นกอดรัด หญิงคนขับรื้อกระเป๋าเอาเงินมิลค์ เสร็จแล้วหันมาช่วยล็อค ทันใดนั้นจักรใช้ศอกทุบกระจกฝั่งคนขับเข้ามาลากเอาผู้หญิงออกไป ผู้ชายเปิดประตูออกมาจะต่อยจักร จักรจับล็อคหัวโขกกับรถร่วงไป มิลค์อยู่ในอาการตื่นตระหนก มองหน้าจักร
ที่ร้านปรุงน้ำมันหอมที่หลินทำงานอยู่ ตี๋ใหญ่กำลังเดินวนอยู่หน้าร้าน สองจิตสองใจ ว่าจะทำอย่างไรดีกับหลิน เขาเห็นเธอยืนเลือกกลิ่นผสมอยู่ ตี๋ใหญ่ตัดสินใจ เฉไฉเดินโฉบเข้าไปใกล้ๆ หลิน พยายามจะหยิบเอาสมุดหรือหลักฐานอะไรก็ได้จากกระเป๋าสะพายของเธอที่เปิดอยู่ แล้วอยู่ๆ หลินก็พูดขึ้นโดยที่ไม่หันมามองเขา
“ตามหาอะไรรึเปล่าคะ”
ตี๋ใหญ่ชะงัก ดึงมือกลับ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง หลินยิ้ม เดินเข้าหา จนชนตี๋ใหญ่
“โอ๊ะ ขอโทษ ก็เห็นตามมาตั้งหลายวันแล้วนี่คะ”
“ผมไม่ได้ตาม จำผิดคนแล้ว”
หลินเข้าไปดมใกล้ๆ ตี๋ใหญ่ ตี๋ใหญ่ถอยกรูดจนติดผนัง
“ไม่ใช้น้ำหอม อาบน้ำด้วยสบู่เด็กที่แทบจะไม่มีกลิ่น กลิ่นใบเตยในรถแท็กซี่ แล้วก็กลิ่นความกลัว”
“ผมต้องกลัวอะไร สติดีรึเปล่า”
“คุณกลัว”
“ลาเวนเดอร์ขวดนึง”
“คุณกลัว เอาไปทำไม คุณไม่ใช้น้ำหอม”
“ผมไม่ได้กลัว”
“คุณกลัว แล้วตามฉันทำไม ตั้งแต่ที่ร้านแผ่นเสียงแล้ว ที่คุณโฉบไปโฉบมา ต้องการอะไรคะ”
“อือ ผมว่าผมน่าจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่านะ ว่าคุณต้องการอะไร”
หลินไม่เข้าใจ
“คุณตามดูผมมาตั้งแต่ที่พัก”
หลินยิ้ม เผลอหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร ไม่กลัวเหรอ ผมอาจทำร้ายคุณก็ได้”
“คุณกำลังกลัวมากขึ้นนะเนี่ย ขู่ใหญ่เลย”
“คุณรู้ได้ไง ว่าผมกลัวคุณ”
“ความกลัวมันมีกลิ่น”
“คุณนั่งแท็กซี่ตาม คุณเป็นคนเดียว ที่จ้องหน้าผมแบบไม่หลบตา”
หลินกลั้วหัวเราะ ขำไปพูดไป พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนตี๋ใหญ่เขิน
“จ้องหน้าไม่หลบตาด้วย”
หลินล้วงไปที่กระเป๋าหยิบไม้เท้าคนตาบอดออกมา
“คนตาบอดจะจ้องหน้าคนตาดีได้ยังไงน้า ฉันไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาซะด้วยซ้ำ”
“ก็เมื่อกี้คุณยังเดินเป็นปกติเลยนี่”
“อยากรู้ความลับของผู้หญิงตาบอดมั้ยคะ ตามฉันมาก็ได้นะ ฉันจะไปร้านกาแฟใกล้ๆ แถวนี้”
จักรเดินมาจะขึ้นรถ มิลค์เดินตาม
“นายจะไม่บอกพ่อใช่มั้ย”
“หน้าที่ผมแค่ดูแลคุณ ส่วนคุณจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องของผม แต่มาชนของเองแบบนี้มันอันตราย”
จักรหยิบซองยาออกมายื่นตรงหน้า มิลค์จะหยิบ จักรไม่ให้
“ของฟรีไม่มีในโลก”
ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ครูฝึกประจำคนหนึ่งใส่แว่นปรอทติดหน้าตลอด ผอมเกร็ง ยศร้อยตรี หนุ่มเป็นผู้ฝึก คอยคุมฝึกกลุ่มไซเรนตลอด และชอบพูดเป็นกลอน ไซเรนและกลุ่มเพื่อน กอดคอกันเป็นหน้ากระดานกระโดดกบ ไซเรนพาเพื่อนล้ม จนเพื่อนเริ่มหมั่นไส้
“แม้หนทางข้างหน้ายังว่างเปล่า แดดจะเผาผิวผ่องให้หมองไหม้ ที่ตรงนี้มีหุบเหวและเปลวไฟ ถ้าอ่อนแอจะก้าวไปอย่างไรกัน มีคนอู้ นักเรียนมีคนอู้”
“มีคนอู้”
นักเรียนพูดตามพลางมองหาคนอู้
“ไม่ไหวเหรอนักเรียน ลำพังแถวเดียวกันมีอยู่ไม่กี่คน นักเรียนยังช่วยกันพยุงไม่ได้ นับประสาอะไรกับที่ต้องออกไปดูแลประชาชน ฮะ พวกมึงต้องออกไปดูแลทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดนจวกแค่นี้ก็ไม่ไหวซะแล้ว ไอ้อ่อน พวกมึงมันอ่อนนัก เอ้าหิวน้ำ มั้ย”
“ไม่หิวครับ”
“ถอดเสื้อ นอนหงาย”
ผู้ฝึกฉีดน้ำใส่นักเรียน ซึ่งกอดคอกันซิทอัพอยู่ ไซเรนถ่วงเพื่อน ครูฝึกเริ่มสังเกตเห็น
“นักเรียนช่วยกัน ไม่ไหวหรือไง เอี้ยมาดังๆ”
ทุกคนพูดพร้อมกัน ไซเรนไม่ไหว ไม่ออกเสียง
“มีคนอู้ นักเรียนมีคนอู้”
“มีคนอู้”
นักเรียนพูดตามพลางมองมาที่ไซเรน
“มีคนอู้ ต่ออีกห้าครั้ง”
นักเรียนคนเดิมที่เคยเหล่มองไซเรนตอนอัศวินมาส่ง เหลือบมองไซเรนอีกครั้ง
“แม่งเอ๊ย เด็กเส้น”
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 4 (ต่อ)
จ่าแดงกับน้ำผึ้งคุยกับวินมอเตอร์ไซค์ริมถนนเพื่อสืบข่าว จากนั้นก็ไปที่โต๊ะสนุ้กเถื่อน จ่าแดงแทงสนุ้กคุยไปด้วย น้ำผึ้งเบื่อ สักพักมีคนซึ่งเป็นสายตำรวจมาคุย จ่าแดงยื่นเงินให้
“มีข่าวโทรมาด้วย”
“พวกนี้นะจ่า”
จ่าแดงมองปราม น้ำผึ้งนึกได้
“อ๋อ พี่แดง ดูเหมือนเคยไปพักร้อนในบางขวางมาแล้วทุกคน”
“อยากได้ข่าวโจร จะให้ไปคุยกับพระหรือไง”
ควันจากแก้วกาแฟในมือหลินลอยฉุย ตี๋ใหญ่รู้สึกประหลาดใจกับความสดใสและจริงใจ อบอุ่นของผู้หญิงคนนี้ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้คุยเรื่องที่ผ่อนคลายกับผู้หญิงคนหนึ่งบ้าง
“จริงๆ ไม่ได้ชอบกินกาแฟนะ แค่ชอบกลิ่นมัน หลังๆ กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นติดไปซะแล้ว มันคงเป็นสิ่งเสพติดชนิดเดียวที่ถูกกฎหมายอย่างออกนอกหน้ามากเลยนะ”
ระหว่างที่หลินพูด ตี๋ใหญ่พยายามพิจารณา มองหน้าเธออย่างตั้งใจ
“คุณรู้ได้ไง ว่าผมตามคุณไปที่ร้านแผ่นเสียง”
“ให้ทาย”
หลินทำเป็นสูดลมหายใจเข้าแรงๆ
“กลิ่น คุณตาบอดแล้วไม่ต้องใช้ไม้เท้า มันชินทางหรือ”
หลินเอาอุปกรณ์ทำเสียงให้ดู
“ฉันใช้อุปกรณ์อันนี้ค่ะ ฉันตาบอดตั้งแต่เกิด แล้วก็ค้นพบว่าฉันสามารถสร้างโครงร่างของพื้นที่สิ่งกีดขวาง ขึ้นในสมองได้ รู้ว่าเสียงสะท้อนเกิดจากกำแพงสูงขนาดไหน ประตูเปิดตรงไหน มีอะไรขวางรึเปล่า จากการฟังเสียงสะท้อนค่ะ เหมือนค้างคาวที่บินได้ในความมืดไง ส่งคลื่นเสียงออกไป และสร้างแผนที่ในหัวได้เอง”
หลินทำเสียงจิ้ดแบบค้างคาว ตี๋ใหญ่เผลอยิ้มออกมา
“พระเจ้าคงให้มาแทนตาของฉันที่เสียไปมั้ง แต่ก็ไม่ทุกคนนะ ทั่วโลกมีอยู่ไม่กี่คน”
“แต่ดีนะที่หน้าคุณไม่เหมือนค้างคาว”
หลินหัวเราะ “ถือว่าเป็นคำชมนะคะ แต่ถ้าที่ไหนเสียงดังและไม่เคยไปก็ต้องใช้ไม้เท้าอยู่ดี คุณหนีใครอยู่เหรอ”
“หือ”
“คุณดูไม่สบายใจ เวลาที่คิดว่ามีคนมอง”
“เปล่า”
“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เลี้ยงกาแฟนะคะ”
“ผมแค่ไม่อยากให้ใครจำหน้าได้”
“งั้นก็ปลอดภัย ฉันจำหน้าคุณไม่ได้แน่ๆ หลิน ค่ะ”
หลินยื่นมือมาตรงหน้า ตี๋ใหญ่อึกอัก ยื่นมือมาจับ
“ยินดีครับ”
“ยินดีครับ แล้วยังไงต่อ หลินค่ะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้ม “ใหญ่ ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณใหญ่ คงไม่ต้องเดินสะกดรอยตามกันอีกนะคะ”
หลินหัวเราะร่วน ตี๋ใหญ่มองเธอ แล้วก็ยิ้มตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
มุมมืดในร้านให้เช่าพระ เจ้าของร้านนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่หลายจอ เชนนับเงิน บนโต๊ะมีเงินสี่แสนที่เอามาแลก
“สองแสน”
เชนรับซองเดินออก ลูกน้องหนึ่งคนเดินออกจากมุมมืด เจ้าของร้านพยักหน้าให้ตามไป
“ไปเอาที่เหลือมาด้วย”
เจ้าของร้านหยิบเงินมาดู มองรหัสแบงค์ แล้วยกหูโทรศัพท์
มีคนเดินตามเชนเข้าไปในตึกแถว จากนั้นแม่พาสเวิร์ดก็อุทานเสียงดัง
“สองแสน เอามาจากไหนลูก”
“ไม่ต้องห่วง เขาให้ทำงานผ่อนเอา ไม่มีดอกด้วย”
แม่มองงง พาสเวิร์ดยิ้มหน้าบาน
ตอนค่ำ ตี๋ใหญ่กับหลินเดินคุยกันตรงไปยังตึกแถว
“ทำไมไม่ให้แท็กซี่ไปจอดหน้าซอยเลยล่ะ”
“รถติด”
“ถึงตาจะมองไม่เห็น ก็รู้ว่ารถไม่ติดค่ะ”
“การจราจรมีกลิ่นบอกด้วย”
หลินชี้หูตัวเอง “รถเคลื่อนที่ตลอด ไม่ต้องใช้กลิ่น ใช้ความรู้สึกค่ะ”
ตี๋ใหญ่หัวเราะ “คุณเป็นคนตาบอดที่อารมณ์ดีมากนะ”
“ทำไม พิการต้องซอมซ่อ สงสารตัวเอง ซึมเซาด้วยเหรอคะ”
“เปล่า ผมคิดเอง นึกว่าส่วนใหญ่เขาเป็นงั้น”
“ยังไม่บอกเลย ทำไมไม่ให้รถไปส่งถึงที่พัก”
“อยากเดินคุยกันไง”
“ไม่อยากให้คนรู้ว่าอยู่ที่ไหน ว่างั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วนะว่าเราอยู่ซอยเดียวกัน ฆ่าปิดปากเลยมั้ย”
ตี๋ใหญ่ยิ้มแต่สะดุดนิดหนึ่ง
“บ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณก่อนดีกว่า”
ภายในโรงนอน โรงเรียนนายร้อย ทุกคนปิดไฟนอนกันแล้ว มีคนหนึ่งลุกขึ้นไปปลุกคนอื่นๆ ย่องๆ รวมกันหลายคนหยิบผ้าห่มไปที่เตียงไซเรน คลุม แล้วรุมเตะต่อย
“มึงจำไว้นะถ้าไม่ไหว ก็ลาออกไป เลิกทำให้พวกกูเดือดร้อนได้แล้ว”
ตอนเช้า เนสมาคุยกับไซเรนที่โรงเรียนนายร้อย
“ใครทำอะไร ไซเรน”
“ล้มตอนฝึก”
“ไม่จริงอ่ะ เราร้องเรียนได้นะ”
“ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวเราบอกครูฝึกเอง”
“อย่ายุ่ง ที่นี่มันก็มีวิถีของมัน เธอไม่เข้าใจหรอก แล้วมาทำไม เดี๋ยวเราก็ได้ปล่อยกลับบ้านแล้ว”
มุมมืดในร้านเช่าพระ เจ้าของร้านนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่หลายจอ
“กูอ่านข่าวว่ามีเงินทั้งหมดสองล้าน มึงไปเอาที่เหลือมาด้วย เอาไอ้เจี๊ยบไปช่วยด้วย”
เจ้าของร้านโทรศัพท์
“เงินที่ถูกปล้นโผล่ที่ผมแล้วครับคุณจักร มันจะเอาแค่สองแสน”
จักรยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้านอัศวิน
“แล้วให้คนตามไปรึเปล่า”
“ผมให้เด็กผมตามไปแล้ว แต่คลาดกัน เลยไม่รู้ว่าเงินที่เหลืออยู่ที่ไหน“
“ถ้ามันกลับมาอีกโทรบอกผมทันที เจอเงินส่วนหนึ่งแล้วครับ” จักรหันมาบอกอัศวิน
“ตี๋ใหญ่รึเปล่า”
“แต่ยังไม่ได้ตัว ไม่รู้จะกลับมาอีกรึเปล่า”
“ตี๋ใหญ่รึเปล่า ตามไปดูให้แน่ไป”
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 4 (ต่อ)
ตี๋ใหญ่เดินเข้าไปในตึกแถว ด้านล่างไม่มีใครอยู่ เขารู้สึกแปลกๆ มองเห็นชามข้าวหกเลอะเทอะ เขาเดินระวังตัวขึ้นไป ระหว่างชั้น เชนออกจากเงามือล็อคคอตี๋ใหญ่แล้วให้สัญญาณว่าข้างบนมีคน ลูกน้องเจ้าของร้านพระคนหนึ่งโผล่หน้ามาดูต้นทางเป็นระยะๆ เชนเลาะกำแพงเข้าใกล้ห้อง แต่กลับมีปืนยื่นมาจ่อหัวเชน เชนหน้าเสีย แต่ตี๋ใหญ่โผล่มาจากหลังเชน เอาปืนจ่อหัวปลดอาวุธแล้วดันเข้าห้องไป
ขณะที่สองคนอยู่กลางห้องกำลังวัดใจกันว่าใครจะยิงใครก่อน ตี๋ใหญ่นิ่ง ขึ้นนกช้าๆ เจี๊ยบถอดใจลดปืนลงจากหัวเชน ตี๋ใหญ่เก็บปืนไว้ เสียงชักโครกก็ดังมาจากห้องน้ำ เชนเห็นถุงเงินที่ปืนวางทับอยู่ เขาสะดุ้ง จะเข้าไปหยิบปืน เสียงชักโครกดัง
“ส้มตำมึงเล่นกูซะขี้แตกเลย ไปๆ เสร็จและ”
ทั้งคู่เจอกันแต่เชนช้ากว่า ชายคนหนึ่งหยิบปืนได้ จ่อไปที่เชน บรรยากาศตึงเครียด ตี๋ใหญ่พูดขึ้น
“อยากได้เงิน ก็เอาไป ปล่อยน้องผม แล้วออกไปเงียบๆ เสียงดังไปก็เกมกันหมด”
“วางปืนลง” ชายคนนั้นบอก
“งั้นแลกตัวกันที่ประตู” ตี๋ใหญ่ยื่นข้อเสนอ
“งั้นให้ไอ้เจี๊ยบมาเอาเงินไปวางหน้าห้องก่อน”
ตี๋ใหญ่เดินคุมมากับเจี๊ยบลากถุงเงิน ชายคนนั้นจะลากเชนไปที่ประตู ก่อนจะแลกตัวกัน เชนโดนทุบด้วยด้ามปืน หัวเลือดไหล เกิดชุลมุนกันสองคู่ สุดท้ายก็จับตัวเอาเทปมัดมือไว้ได้ ตี๋ใหญ่ถามเสียงเครียด
“มึงพวกไหน”
ยังไม่ทันได้ถามก็มีเสียงของตกด้านล่าง ตี๋ใหญ่นำเชนลงไปดู เปิดประตูห้องน้ำไปเจอพาสเวิร์ดถูกมัดอยู่กับแม่เลือดท่วม พาสเวิร์ดสีหน้าเป็นปกติ ตี๋ใหญ่กับเชนตกตะลึง เชนเข้าแก้มัด ตี๋ใหญ่ทรุดลงเศร้าและแค้นมาก ไม่อยากจะเชื่อ เชนเขาไปดูอาการแม่ซึ่งถูกปาดคอ หันมาหาตี๋ใหญ่ส่ายหน้า พาสเวิร์ดหายไปช่วงที่รุมดูอาการแม่ ตี๋ใหญ่แค้นกลับขึ้นไปจะเอาเรื่อง เจอพาสเวิร์ดปาดคอทั้งคู่ไปเรียบร้อยแล้ว
“มันทำแบบนี้กับแม่ แม่บอกว่าคนชั่วต้องได้รับกรรม ใครทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่แม่เป็นคนดี แม่ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว”
ตี๋ใหญ่ช็อค นั่งลงกุมหัว ทำอะไรไม่ถูก เดินออกไปสูดอากาศที่ระเบียง เชนถาม
“เอาไงดีพี่”
“ก็ทำงี้ไง เคยอ่านข่าว”
พาสเวิร์ดสับไปที่แขน ตี๋ใหญ่ เชน เบือนหน้า
“ไม่ยาก ตอนเด็กๆ ผมอยู่แถวโรงเชือดหมู เคยเห็นแล้วจำได้”
จากนั้นเชนช่วยลากศพเข้าห้องน้ำ แล้วเชน ออกมาดูลาดเลา ตี๋ใหญ่ พาสเวิร์ด พยุงแม่ขึ้นรถ
พร้อมทั้งโยนถุงดำศพขึ้นรถขับออกไป
นักเรียนนายร้อยตำรวจยังอยู่ในท่าซิทอัพ ครูฝึกตะโกน
“เอามือลง นักเรียนเห็นต้นไม้นั่นมั้ย วิ่งไป อ้อมต้นไม้จากซ้ายไปขวาแล้วกลับมาเข้าแถวตามเดิมทุกคนทราบ เรียบร้อย ไปได้”
คอนวิ่งข้่างๆ ไซเรน
“แม่งเอ๊ย มึงไม่ไหวก็ออกไป”
คอนวิ่งชนไซเรนล้ม ไซเรนลุกวิ่งต่อ แต่กลับมาเป็นคนสุดท้าย
“มีคนช้า รอบต่อไปจับเวลา 30 วินาที ไปได้”
ไซเรนวิ่งรั้งท้ายแอบเอายามาพ่น เขากลับมาคนสุดท้ายเป็นเหตุให้ทั้งหมดโดนทำโทษ
“ไม่ทันเวลา พุ่งหลังท่าเตรียม ยี่สิบยก เริ่ม”
นักเรียนทั้งหมดพูดทวนครูฝึกแต่ละคำสั่ง
เชน ตี๋ใหญ และพาสเวิร์ด ช่วยกันโยนศพที่หั่นแล้วทิ้งน้ำ แม่พาสเวิร์ดนอนอยู่บนยางรถยนต์ พาสเวิร์ดหอมแก้มแม่แล้วโบกมือลา
“เจอกันบนสวรรค์นะแม่
สามคนยืนหน้าไฟที่ลุกโชนท่วมร่างแม่ จากนั้นตี๋ใหญ่กับพาสเวิร์ดจอดรถที่ข้างถนนสายเปลี่ยว
“เสียบคาเอาไว้อย่างงั้นแหละ”
“เอ้า เดี๋ยวมีใครมาเอาไป”
“ก็ดีเลย ยังไงเราก็ไม่ใช้มันอีกแล้ว”
“แล้วต้องเดิน อีกไกลมั้ย นี่เราอยู่ที่ไหนอ่ะ”
พาสเวิร์ดยังคงพูดเจื้อยแจ้ว แล้วก็โยนกุญเเจคืนเข้าไปในรถ ทั้งสามเดินหายไปในความมืด
ตอนเช้า ครูฝึกพูดก่อนส่งนักเรียนขึ้นรถบัส ในการได้กลับบ้านครั้งแรก นักเรียนเข้าแถวอยู่หน้ารถ สั่งทำความเคารพ มีนายตำรวจผู้ฝึกชี้แจง
“การกลับบ้านครั้งนี้เป็นครั้งแรกของนักเรียน ฉะนั้นให้ทุกนายรักษาไว้ด้วยเกียรติยศของนักเรียนนายร้อยตำรวจด้วย ห้ามถอดเครื่องแบบก่อนกลับถึงบ้าน การยืนรอรถให้อยู่ในอาการสำรวม ไม่สอดส่ายสายตาไปมา อย่าลืมเรื่องความเสียสละ และการช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอเมื่อมีโอกาส หลังจากนี้ เชิญแยกย้ายขึ้นรถได้”
“ทำความเคารพ”
เมื่ออยู่บนรถ ครูแว่นปรอทพูดขึ้น
“พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ ชาติหวังกำลังฝีมือ เจ้าคือความหวังทั้งมวล กลับไปคราวนี้ อย่าลืมไปกราบเท้าพ่อแม่เรา ท่านคงภูมิใจ และรอคอยเรากลับไปหา หลายคนในที่นี้ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกราบเท้าพ่อแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว คราวนี้เรามีโอกาสแล้ว กลับไปกอดท่าน กราบท่านที่เท้า หรือเอาน้ำมาล้างเท้าให้ท่านก่อนกราบก็ได้ จำไว้ บุญคุณของพ่อแม่ทดแทนเท่าไหร่ก็ไม่หมด กลับมาพบกันใหม่ในเย็นวันอาทิตย์”
“ออกรถ” ครูด้านล่างตะโกนขึ้นมา
บัญชานั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง น้ำผึ้งนั่งดูเอกสารหลักฐานในแฟ้มอยู่
“คดีปล้นเงิน และตายทั้งครอบครัว เงียบเป็นเป่าสากไปเลย”
“ก็ไม่เห็นมีผู้เสียหายตามเรื่องนะคะ แปลก”
“บริษัทของพลตรีอัศวินดูแล ทำไมเขาไม่ใช้เส้นสายในกรม ตัวลูกชายอ่ะ เป็นไงมั่ง”
“จ่าแดงบอกว่า โรงเรียนปล่อยกลับบ้านครั้งแรกวันนี้ค่ะ”
จ่าแดงเปิดประตูเข้ามา
“สายให้รายชื่อ แหล่งฟอกเงินที่เราน่าจะไปเฝ้าดูซะหน่อยเผื่อมันจะเอาเงินที่ปล้นมาปล่อย”
“ดี ไปดูกันหน่อย”
ทั้งหมดออกไป
ที่ร้านเช่าพระ จักรดูรหัสเงินแล้วเก็บไป
“แล้วไอ้คนที่มันเอามาแลกอยู่ที่ไหน มันเป็นใคร”
“ไอ้ผมยาวนี่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่คนที่ส่งมันมาต้องรู้จักผมแน่ ไม่งั้นมันมาไม่ถึงผมแน่ ผมส่งลูกน้องตามไป แต่หายหัวไปเลย โทรไปก็ปิดเครื่อง ไม่รู้เกิดไรขึ้น”
“มันเชิดเงินเฮียรึเปล่า”
“ไม่หรอก เมียมันก็ทำงานอยู่กับผม ได้เรื่องแล้ว ผมจะรีบติดต่อไปเลยครับนาย”
จักรกลับมาที่บ้านอัศวิน
“ผมไม่รู้ว่าไอ้คนขายพระมันโกหกรึเปล่าครับ แต่ให้คนเฝ้าไว้แล้ว ส่วนเงินผมตรวจสอบแล้ว ใช่ที่มันปล้นเราไปจริงๆ”
“เฝ้าให้ดี ฉันว่ามันต้องกลับมาอีกแน่”
ทันใดนั้นไซเรนซึ่งกลับมา ยืนฟังอยู่นานแล้ว
“ผมขอตามไปเฝ้ามันด้วยคนนะครับ ผมเคยเห็นมันมาแล้ว ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่ก็จำวิธีเดินกับท่าทางของมันได้ ไอ้ตี๋ใหญ่ นะครับคุณอา ผมขอ”
ไซเรนยกมือไหว้ อัศวินมองหน้าเด็กหนุ่ม แต่ยังไม่ตอบอะไร
อ่านต่อตอนที่ 5