สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 5
เก่งกับครามเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาถึงหน้าหลังหนึ่ง ซึ่งคิดว่าเป็นบ้านค่ายเพลง
“นี่ นี่แหละตามที่ครูห่านเขียนแผนที่ไว้ให้”
ครามดึงแผนที่มาดู “จริงด้วย ที่นี่แน่ๆ แต่ทำไมเงียบจังวะ เหมือนไม่มีคนอยู่ อย่างกับบ้านผีสิง”
“ไอ้ปากเสีย เอ็งพูดเรื่องอื่นได้ไหมเข้าป่าเขาห้ามพูดถึงเสือเข้ากรุงก็ห้ามพูดถึงผี”
“สุภาษิตไหนว่ะไม่เคยได้ยิน ว่าแต่ทำไมไม่มีคนเลยวะ”
“นั่นซิโดนหลอกหรือเปล่า”
“ใครมันมาหลอกเรื่องแบบนี้ อีกอย่างค่ายเอสเคเรดคอร์ดเขาดังจะตาย แต่จะว่าไปพี่กะเทยร่างยักษ์คนนั้นก็ดูไม่น่าไว้วางใจจริงๆ”
เสียงครูห่านดังเข้ามาทำให้เก่งกับครามสะดุ้ง
“ใครพูดถึงกะเทยกะเทยก็มา อุ้ยนั่นใครนะ”
เก่งกับครามหันมาเจอครูห่านอยู่บ้านอีกหลัง
“ครูห่านไปทำอะไรบ้านหลังนั้นครับ”
“ฉันต่า
หากต้องถามเธอว่าไปทำอะไรบ้านโน้น บ้านเพลงอยู่ที่นี่”
“แล้วบ้านนี้ล่ะครับ”
“บ้านนี้มันบ้านผีสิง ไปเถอะเข้าบ้านกัน คุณสมชายสั่งให้ครูจัดที่ทางไว้ให้เธอ 2 คนแล้ว”
ครูห่านเดินนำเก่งกับครามเข้าบ้าน สองหนุ่มเหลือบมองบ้านข้างๆ อย่างสยองๆ แล้วรีบตามครูห่านไป
มะขิ่นกับแหม่มมานั่งกินกาแฟที่ร้านเจ๊ลำไย แหม่มเหลือบมองอร อรนั่งใจลอย ลูกค้าต้องเรียกชื้อขนมหลายครั้งกว่าเธอจะรู้ตัว
“อรซื้อขนมหน่อยอรๆ อรซื้อขนม อร ตกลงจะขายหรือเปล่า”
อรรู้สึกตัว “เอ่อ ขายจ้าขาย เอาอะไรจ๊ะ”
อรตักขนมขายลูกค้า แหม่มพูดอย่างเห็นใจ
“น่าสงสารพี่อรเหมือนกันเนาะ แกไม่เคยห่างกับหลานเลยถึงจะปากแข็งแต่พอเอาเข้าจริงก็ซึมไปเลย”
“ฉันก็พอเข้าใจหรอกนะ คนเราเคยอยู่ด้วยกันก็ต้องคิดถึงกันบ้าง แต่พี่อรห่วงเกินความพอดีหรือเปล่า เก่งเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย”
“แกพูดมาก็ถูก ทำไมถึงห่วงมากมายขนาดนี้ ทำยังกับว่าเก่งไปร้องเพลงลูกทุ่งแล้วต้องตายงั้นแหละ”
อรได้ยินเรื่องที่แหม่มพูดถึงกับนํ้าตาคลอ ร้องบอกเจ๊ลำไย
“เจ๊ ฉันฝากร้านด้วยนะ”
เจ๊ลำไยพยักหน้า อรเดินนํ้าตาซึมออกไปจากร้าน เจ๊ลำไยรีบมาตีแขนแหม่ม
“นังปากไม่มีหูรูด แกไม่พูดก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอกน”
“เจ๊มาตีฉันทำไม ก็ฉันพูดความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะเจ๊”
“เออ แต่มันก็ทำให้คนพูดความจริงตายมานักต่อนักแล้ว แกไม่รู้ความจริงก็อย่าพูดดีกว่า”
“เจ๊พูดแบบนี้แสดงว่ารู้เรื่องจริง” มะขิ่นซัก
บัวเข้ามาสมทบ “นั่นซิ ฉันก็สงสัยมานานแล้ว ทำไมน้าอรถึงเกลียดวงการลูกทุ่งนักหนา”
เจ๊ลำไยถอนหายใจ “ทุกวงการนั่นแหละ มันมีทั้งคนดีและคนไม่ดี พี่กล้าพ่อของเก่งมันซวยที่ไปเจอคนไม่ดี ทำให้ต้องมาตายก่อนวัยอันควร”
“เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้” บัวบอก
“อย่าเพิ่งขัดซิ เดี๋ยวแม่ไม่เล่าเลยนี่”
เจ๊ลำไยงอนจะไม่เล่า แต่พอเห็นทุกคนตั้งใจแม้แต่ข้าวหอมยังเข้ามาร่วมวง เจ๊ลำไยเลยเล่าต่อ
“อรมันคิดว่าเพื่อนพี่กล้าวางแผนฆ่าพี่กล้าเพื่อโกงเงินทำค่ายเพลง”
“แสดงว่าพ่อพี่เก่งไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุแต่เป็นการฆาตกรรม” ข้าวหอมสรุป
“ใช่ อรมันเลยทั้งเกลียดและกลัววงการเพลงลูกทุ่ง”
ทุกคนอึ้งเรื่องที่เจ๊ลำไยเล่าให้ฟัง
เสี่ยกำธร เมฆ เดินดูนักมวยในค่ายซ้อมอย่างหงุดหงิดเพราะมีแต่นักมวยฝีมือไม่ดี
“ไม่ไหวๆ ชกเหมือนไม่ได้กินข้าวมาเป็นแรมปี”
“พ่อ ไม่ได้กินข้าวแค่ 3 วันก็ตายแล้ว”
“ข้าอุปมาอุปไมยโว้ย โอ๊ยเซ็ง นักมวยก็ไม่ได้เรื่อง ลูกก็ไม่เอาไหน สู้ไอ้ครามไม่ได้สักคน”
“พ่ออ่ะ เอาฉันไปเปรียบกับลูกกำพร้าอย่างไอ้ครามได้ไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ข้าอุตส่าห์แนะนำให้รู้จักกับคุณเอ็ม เอ็งจะได้มีอนาคต กลับไม่เอา เห็นผู้หญิงดีกว่าซะงั้น”
“ก็ฉันไม่อยากไปอยู่กรุงเทพฯนี่พ่อ ถ้าฉันไปใครจะอยู่ดูแลพ่อ พ่อเคยได้ยินไหมสำนึกรักบ้านเกิดน่ะ”
“ถุย อย่างเอ็งเนี่ยนะสำนึกรักบ้านเกิด เอ็งมันสำนึกรักนังข้าวหอมต่างหาก ถามจริงๆ เอ็งอยากได้มันนักทำไมไม่ฉุดมันมาทำเมียซะเลย”
“ไม่เอาพ่อ ฉันจะชนะน้องข้าวหอมด้วยใจ ใช้เล่ห์เพทุบายมันไม่แมน”
“งั้นเชิญแกแมนไปคนเดียวเหอะ ขืนช้ามีหวังไอ้หนุ่มคนอื่นมันคว้าเอาไปก่อนแน่”
“พ่อ แช่งความรักของฉันฉันไม่คุยกับพ่อแล้ว”
เมฆงอนเดินหนีไป เสี่ยกำธรมองตามเซ็งๆ
“ดูมัน ดูมัน เห็นแล้วเหนื่อยใจ เมื่อไหร่มันจะเป็นเรื่องเป็นราวกับเขาเสียทีวะ”
“เสี่ยอยากให้ลูกพี่เลิศเลอเพอร์เฟ็คท์เหมือนไอ้ครามก็ไม่ยาก” ดุ่ยบอก
“ทำไงวะ ถ้ามีทาง ข้ายอมทุกอย่างทุ่มสุดตัวเลย”
“เสี่ยก็ไปตายซิ ไอ้ครามมันได้ดีเพราะเป็นลูกกำพร้า ถ้าเสี่ยตายไป ลูกพี่ต้องได้ดีแน่นอน” ดุ๋ยแนะ
“เออดี นี่พวกเอ็งแช่งฆ่าเหรอเอ็งตาย”
เสี่ยกำธรวิ่งไล่กระทืบดุ่ยกับดุ๋ย
เอ็มกลับเข้าบ้าน ถั่วพูออกมาต้อนรับ สอบถามเรื่องนักร้องคนใหม่
“คุณเอ็มคะ นักร้องใหม่ได้ผู้ชายหรือผู้หญิงคะ”
“อย่างผมก็ต้องเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว”
ถั่วพูน้อยใจนิดๆ เลยพูดประชด
“แล้วอยู่ไหนล่ะคะ ผู้หญิงของคุณ”
นํ้าเสียงของถั่วพูทำให้เอ็มไม่พอใจ กระชากผมหญิงสาว
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน ฉันมีใครมันก็เรื่องของฉัน เธอเป็นแค่คู่นอน ไม่ใช่เมียเข้าใจไหม”
“คุณเอ็มคะ ถั่วพูเจ็บ ถั่วพูแค่เป็นห่วง ถั่วพูขอโทษค่ะ”
“ดีมาก รู้จักขอโทษ เธอมาก็ดีแล้ว ไปจัดเตรียมห้องพักไว้ ไม่นานจะมีนักร้องคนใหม่เข้ามาอยู่ ฉันจะปั้นให้ดังกว่านังเรยา”
ถั่วพูพยายามข่มอารมณ์ “แล้วจะให้พักส่วนไหนคะ”
“ไม่น่าถาม ว่าที่ซุปตาร์คนใหม่ก็ต้องอยู่ตึกใหญ่นี่ซิ ฉันเหนื่อยแล้วจะพักผ่อน จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เสร็จแล้วตามไปที่ห้องฉันด้วย”
“ค่ะคุณเอ็ม”
เอ็มเดินจากไปอย่างสบายใจ ถั่วพูมองตามอย่างเจ็บชํ้า
“นักร้องใหม่เหรอ แล้วจะได้เห็นดีกัน”
ข้าวหอมนั่งมองนามบัตรเอ็มแบบใจลอยอยู่ที่ร้านทำผม แหม่มสะกิดให้มะขิ่นดู มะขิ่นเลยตัดสินใจถาม
“เอาแต่นั่งมองนามบัตรแบบนี้มันหมายความว่าไงจ๊ะ ถ้าข้องใจก็ลองโทรหาเขาดูซิ”
“ฉันไม่แน่ใจก็เลยมานั่งคิดอยู่นี่ไง”
“แล้วทำไมไม่ปรึกษาเจ๊ลำไยดูล่ะ” แหม่มแนะ
“เธอคิดว่าเจ๊จะยอมให้หลานสาวไปหาผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เพียงพอเพราะเขาบอกว่าฉันเสียงดีอยากจะปั้นเป็นนักร้องงั้นเหรอ”
“แล้วแกชอบที่จะเป็นนักร้องไหมล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้นะแต่เวลาที่ฉันร้องเพลงฉันมีความสุข ยิ่งเห็นคนตบมือชื่นชอบเพลงที่ฉันร้องมันทำให้มีความสุขอย่างประหลาด”
“งั้นไม่ต้องสงสัยเลย แกหลงวงการมายาเข้าแล้ว”
“ข้าวหอม คนที่เข้าวงการบันเทิงเพราะอยากดังอยากรวยมีอยู่มากมาย แต่คนที่เข้าวงการเพราะรักในการร้องเพลงอย่างจริงใจมันน้อยนะ ถ้าแกมีสิ่งนี้อยู่เธอควรจะลองดูนะ” มะขิ่นแนะนำ
“ใช่ๆๆ ลองดูไม่เสียหาย ถ้าเธอจะเข้ากรุงเทพฯฉันกับมะขิ่นจะไปเป็นเพื่อนเธอเอง”
มะขิ่นสะดุ้งที่แหม่มเออออเอาเอง ข้าวหอมคิดตามที่แหม่มกับมะขิ่นพูดกัน
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
สมชายส่งโทรศัพท์มือถือใหม่ให้เก่ง เก่งมองแปลกใจ
“นี่ของเธอ จะได้ใช้โทรหาที่บ้าน”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ น้าสาวผมไม่มีโทรศัพท์”
“จำเป็นซิจ๊ะอย่างน้อยก็มีเอาไว้คุยงานกันเอง” สาลี่บอก
“ไม่เอาดีกว่าครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณสมชายเลย”
“รับไว้เถอะ นี่ก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งของบริษัทนะ”
“เราต้องทำให้นักร้องในค่ายดูดีมีชาติตระกูล โทรศัพท์ก็ถือว่าเป็นเครื่องประดับที่ใช้งานได้ด้วยอย่างหนึ่งนะ” สาลี่บอก
เก่งยกมือไหว้สมชายอย่างจริงใจ สมชายพอใจ
“ส่วนเรื่องเพลงของเธอ ตอนนี้กำลังให้เขาทำดนตรีอยู่ ทำเสร็จเมื่อไหร่เธอก็เข้าไปอัดเพลงได้เลย”
สมชายมองครามอย่างเอ็นดู
“ส่วนเธอ ฉันอยากให้เธอมาช่วยงานที่ค่ายเพลง”
“อย่าดีกว่าครับ ผมไม่ค่อยถนัดทางนี้ ผมอยากจะไปหาค่ายมวยดีๆ แล้วไปอยู่นั่นเพื่อเป็นนักมวยมากกว่าครับ”
สาลี่เสียงดังขึ้น “ไม่ได้นะ คือว่า ถ้าเธอไปสุ่มสี่สุ่มห้า เธออาจโดนคนอื่นหลอกใช้เหมือนที่ผ่านก็ได้”
“ฉันพอมีเพื่อนฝูงในวงการมวยอยู่บ้าง พวกที่เคยเป็นนักมวยแล้วมาร้องเพลงน่ะ รอให้เสร็จเรื่องเก่งก่อนฉันจะฝากให้” สมชายบอกอย่างเอ็นดู
“ดีเหมือนกันนะคราม ถ้าเราไปหาเองอาจจะเจอคนแบบเสี่ยกำธรอีก”
สาลี่รีบสรุป “เอาอย่างนี้ ช่วงที่ครามรองานก็มาช่วยขับรถให้คุณลุงพรางๆ ไปก่อน ช่วงนี้คุณลุงยิ่งปวดหัวบ่อยๆ ด้วย”
“ถือว่าช่วยๆ กันนะคราม ฉันไม่ได้มองเห็นเธอเป็นคนอื่น ทั้งเธอทั้งเก่งอยู่ด้วยกันทำตัวให้เหมือนลูกเหมือนหลาน โอเคไหม”
“ครับผม”
เก่งกับครามมองสมชายอย่างซาบซึ้งในบุญคุณ สาลี่ยิ้มพอใจที่ครามจะได้อยู่ที่นี่ด้วยกัน
กลางคืน ข้าวหอมกับบัวช่วยกันปิดร้านกาแฟเรียบร้อย ข้าวหอมไม่เห็นเจ๊ลำไยเลยดึงบัวมาคุย
“อะไร ทำอย่างกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย”
“เบาๆ ซิเดี๋ยวเจ๊ได้ยินกันพอดี”
“เหรอ งั้นเรื่องสำคัญชัวร์มีอะไรว่ามา”
“จำเรื่องคุณเอ็มเจ้าของค่ายเพลงที่ให้นามบัตรฉันได้ไหม”
“จำได้ซิมีอะไรเหรอ”
“ฉันอยากจะลองโทรไปหาเขาเพื่อดูท่าทีน่ะ”
“ถ้าแกชอบร้องเพลงจริงๆ ก็น่าจะลองดู ถ้าโอแล้วค่อยบอกเจ๊ทีหลัง”
“แกคิดว่าเจ๊จะยอมให้ฉันไปเป็นนักร้องเหรอ เจ๊เปรียบเหมือนแม่พวกเรา ฉันไม่อยากทำอะไรตามใจแล้วทำให้เจ๊เสียใจ”
“ถ้าหลักลอยล่ะก็ไม่ยอม แต่ถ้าเอ็มมิวสิคเขายิ่งใหญ่ เป็นเรื่องเป็นราว เจ๊ไม่ขัดหรอก ถึงเจ๊จะเข้มงวดแต่ก็ปล่อยให้พวกเราเดินตามฝันเสมอนะ”
“งั้นฉันจะลองดู พรุ่งนี้เราเข้าเมืองไปโทรหาคุณเอ็มกัน”
“ทำไมต้องเข้าเมือง มะขิ่นก็มีโทรศัพท์มือถือ”
“เราแค่จะลองหยั่งเชิงดู ถ้าโทรเครื่องมะขิ่นเขาก็มีเบอร์ติดต่อกลับน่ะซิ โทรในเมืองเขาจะได้ไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน เผื่อไม่แฮปปี้เราก็เลิกติดต่อ”
“ดีเหมือนกัน ป้องกันไว้ก่อนเผื่อฟลุคฉันจะได้มีญาติเป็นนักร้องดังกับเขามั่ง”
บัวกับข้าวหอมกอดคอกันตามประสาพี่น้อง เจ๊ลำไยแอบฟังยิ้มๆ พอใจที่หลานๆ รู้จักคิด
เมฆเดินไปมาคิดถึงคำพูดของพ่อ ดุ่ย ดุ๋ย มองตามจนปวดหัว
“ลูกพี่จะเดินอีกนานไหมคร้าบ ปวดหัวหมดแล้วเนี่ย”
“คิดเป็นระยะทาง ป่านนี้ลูกพี่เดินถึงกรุงเทพฯแล้วมั้ง สรุปลูกพี่กลุ้มใจเรื่องอะไร”
“ไม่ได้กลุ้มแต่กำลังใช้ความคิด”
“คิดเรื่องที่จะให้เสี่ยตายแล้วจะได้กลับตัวเป็นคนดีใช่ป่าว”
เมฆเข็กหัวดุ่ย “นี่แน่ะ บังอาจมาแช่งพ่อข้า ข้าคิดถึงเรื่องที่พ่อพูดโว้ย”
“อ๋อ ที่เสี่ยแนะนำให้ลูกพี่ฉุดข้าวหอมน่ะเหรอ”
“ข้าไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด ขืนทำไปมีหวังข้าวหอมเกลียดข้าชัวร์ แต่ถ้าไม่ทำอะไร ข้าก็กลัวจะมีคนอื่นมาแย่งไป”
ดุ่ยนึก “อาอย่างนี้ซิลูกพี่ ใช้แผนพิชิตใจนารี”
“ยังไงวะ”
“แค่นี้ก็ไม่รู้ โง่บรม”
“ไอ้ดุ่ย”
“อุ๊ยลืมตัว”
ดุ๋ยรีบพูด “พอเลยข้าอธิบายเอง แผนพิชิตใจนารีคือวางแผนให้เธออยู่ในอันตรายแล้วเราก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปช่วย เธอก็จะเห็นความดีของเรา”
“อ๋อ แบบว่าให้แกสองคนปลอมตัวเป็นคนร้าย แล้วข้าก็ขี่ม้าขาวไปช่วย”
ดุ่ย ดุ๋ย เออออตาม เมฆคิดหนัก
“แต่เราจะไปหาม้าขาวที่ไหนล่ะ แถวบ้านเราเห็นมีแต่สีดำกับสีนํ้าตาล”
ดุ่ย ดุ๋ย เซ็งในความโง่ของลูกพี่ ต่างพากันเดินหนี เมฆยังคุยไปเรื่อยๆ
“ที่สำคัญ ข้าเองก็ขี่ม้าไม่เป็น ถ้าขี่แล้วไปช่วยไม่ได้ แถมดันไปตกม้าต่อหน้าน้องข้าวหอมอีกมีหวังได้ขายหน้าหมด อ้าวหายไปไหนแล้ว เฮ้ยมาวางแผนก่อน จะไปเอาม้าขาวที่ไหนไอ้ดุ่ยไอ้ดุ๋ย”
เมฆร้องตะโกนเรียกลูกน้อง
เก่งออกมานั่งหน้าห้องเพราะนอนไม่หลับ คิดถึงข้าวหอม จึงร้องลิเกขึ้น
“มาจะกล่าวบทไป ถึงชายคนหนึ่งที่คิดถึงแบบซึ้งๆ กับเธอ วันๆ ได้แต่ละเมออกชายเฝ้าเพ้อคงเปลี่ยวอยากเกี่ยวใจเธอมาครอง เพราะพี่รักน้องคนเดียว มาจะกล่าวบทไปถึงหัวใจผู้ชายคนนี้อยากมีรักสักทีใจนี้เดียวดายมานาน ศรรักมาปักกลางใจ เมื่อเธอมาใกล้ ทำให้ใจฉันสั่นเหมือน หนึ่งนางในฝันที่ใจของฉันมันรับว่าใช่เลย คิดถึงแต่เธอ เออ อยากบอกรักเธอ เออ เอย”
เก่งนั่งคิดถึงข้าวหอมอย่างมีความสุข เรยาแอบมองชายหนุ่มด้วยสายตาแห่งความรักและอยากเป็นผู้หญิงที่เก่งฝันถึง ภูมิเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งเรยาและเก่ง ด้วยความเศร้า เมื่อรู้ว่าเรยาเริ่มสนใจเก่งอย่างจริงจัง
มะขิ่น แหม่ม มาที่ร้านกาแฟแต่เช้า อรร้องทัก
“จะไปไหนกันแต่เช้า แต่งตัวสวยเชียว”
“จะเข้าเมืองจ๊ะพี่อรเอาอะไรไหม” มะขิ่นบอก
“ไม่ล่ะขอบใจนะ”
เจ๊ลำไยแกล้งถาม “พวกแกเพิ่งเข้าเมืองกันไปนี่นา จะไปอะไรบ่อยๆ หรือว่า จะไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีแล้วไม่อยากให้ใครรู้”
แหม่มรีบปฏิเสธ “เปล่าน้า ฉันเปล่าทำ มะขิ่นเขา”
มะขิ่นชิงพูด “พอเลยนังแหม่ม ไม่ต้องพูด วันนั้นพวกฉันไปทำงานไม่ได้เที่ยว ของก็ยังไม่ได้ซื้อเข้าร้านเลยนี่ ก็กะว่าจะมาชวนบัวกับข้าวหอมไปช่วยกันถือของหน่อย เจ๊คงไม่ว่านะ”
“ฉันจะไปว่าอะไรมันได้ มันโตๆ กันแล้ว ว่าแต่พวกมันอยากจะไปหรือเปล่า”
ข้าวหอมกับบัวรีบพูดพร้อมกัน
“อยากไปจ้ะ”
“แหม ทีเรื่องเที่ยวเนี่ยประสานเสียงกันเชียวนะ”
อรยิ้มๆ “ให้เด็กๆ มันไปกันเถอะเจ๊ งานที่ร้านเดี๋ยวฉันอยู่ช่วยเอง”
ข้าวหอม บัวและทุกคนรอฟังคำตอบ เจ๊ลำไยมองซ้ายมองขวา
“อยากจะไปก็เชิญ แต่อย่ากลับให้มันมืดคํ่านัก เข้าใจไหม”
ข้าวหอม บัวดีใจกอดหอมเจ๊ลำไย อรมองภาพชื่นมื่นแล้วยิ้มเศร้าๆ นึกถึงเก่ง
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เก่งกับครามวิ่งออกกำลังแต่เช้า นก มด ปลา เปิดประตูห้องออกมา นกบิดขี้เกียจ แล้วเห็นคราม เก่งออกกำลังกาย สองหนุ่มถอดเสื้อออกกำลังกาย นกตาโต อ้าปากค้าง มดสงสัย
“นังนกเป็นอะไรของแกนี่ ค้างเป็นหุ่นขี้ผึ้งแต่เช้าเชียว”
ปลามาช่วยเช็ดนํ้าลายที่ย้อยออกมาให้นก
“ดูซินํ้าลายไหลย้อยด้วยหรือว่ามันจะโดนหมาบ้ากัด”
“ตายแล้วนังนกแกอย่าเป็นอะไรนะ”
นกหน้าหื่นๆ “ฉันไม่ได้เป็นอะไร พวกแกดูนั่น”
มด ปลา มองไปตามที่นกบอก สามสาวอ้าปากค้างออกอาการหื่นอยากได้
“พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย อีกคนก็หุ่นหน้ากิน อีกคนดวงหน้าก็น่ามอง อาหารตายามเช้าแท้ๆ” นอกเคลิ้ม
“สวรรค์โปรดเหมือนนํ้าทิพย์ที่ไหลหยดมาจากเทือกเขาหิมาลัยลงสู่แม่นํ้าคงคา แล้วเลยมารดหัวใจสาวแก่อย่างพี่” มดมดตาลอย
“แล้วๆๆๆ ถ้าจัดให้ปลาสักดอกสองดอกรับรองเฮฮาปาร์ตี้จักกะดี้ริงโก้อีโต้บึ้มๆ”
สามสาวมองเก่งกับครามออกกำลังอย่างเพลิดเพลิน ครูห่านเข้ามาจิก
“มาคันธมาศอะไรอยู่แถวนี้ยะ แม่นก มด ปลา งานการมีไม่รู้จักทำ มาถํ้ามองหนุ่มๆ อยู่ได้”
“แล้วถ้าเป็นครูห่านล่ะมองไหม” นกถาม
“มอง โอ๊ยพูดอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระ ไป ไปทำงานกันได้แล้ว ชุดนักร้องชุดแดนเซอร์ตั้งเยอะแยะที่ยังไม่ได้ซ่อมนะ ไป”
สามสาวเดินหน้างอจากไป ครูห่านหันมองเก่งกับครามแล้วออกอาการฟินจนสามสาวต้องเรียก
“ครูห่าน”
ครูห่านถึงกับสะดุ้ง รีบเดินไปสมทบสามสาวอย่างเสียดาย
เก่งออกกำลังกายเสร็จมานั่งพักดื่มนํ้าแล้วนั่งใจลอย ครามชำเลืองมองเพื่อนอย่างเห็นใจ
“ถ้าแกเป็นห่วงทางบ้านมากขนาดนี้แกจะทำตามที่ฝันได้ไงเพื่อน”
“มันอดไม่ได้นี่หว่า ฉันไม่เคยจากบ้านจากน้าอร”
“จากข้าวหอมด้วยใช่ม้า”
เก่งเขินๆ ครามนึกออก
“เอาอย่างนี้ซิ ถ้าแกเป็นห่วงเราก็ถาม จะได้รู้คำตอบ”
“ถามยังไง กรุงเทพฯกับปากช่องห่างกันเกือบสองร้อยโล”
“ไม่เห็นยากในเมื่อเรามีไอ้นี่”
ครามชูโทรศัพท์ที่เก่งเพิ่งได้มาให้ดู เก่งยิ้มดีใจ
มะขิ่นเดินมากับแหม่มและข้าวหอม บัว ครามโทรศัพท์เข้ามา มะขิ่นหยิบขึ้นมาดู
“เบอร์ใครวะไม่คุ้นเลย”
“ไหนๆ ดูซิ เออว่ะไม่คุ้น” แหม่มเออออตาม
“แกจะคุ้นได้ยังไงนี่มันโทรศัพท์ฉัน”
“ถึงเป็นของแกฉันก็รู้ แกลืมไปแล้วเหรอฉันน่ะสุดยอดนักข่าว รู้ลึกรู้จริงต้องแหม่มทีวีพูล”
ข้าวหอมรีบบอก “รับสายก่อนเถอะมะขิ่น จะได้รู้ใครโทรมา เผื่อเป็นพี่เก่งกับครามก็ได้”
มะขิ่นนึกได้รีบรับสาย
“ฮาโหล ครามเหรอ ดีใจจังเลย”
บัวชำเลืองมอง พอแหม่มหันมองบัว เธอทำมองไปทางอื่น มะขิ่นคุยต่ออย่างดีใจ
“นี่เบอร์เก่งใช่ไหม ได้ๆ เดี๋ยวฉันเมมไว้ บอกเก่งด้วยไม่ต้องห่วงข้าวหอม”
ข้าวหอมยิ้มที่มีการถามถึงเธอ มะขิ่นคุยไปเดินไปขึ้นรถ ทุกคนเดินตาม
“นี่พวกฉันกำลังจะเข้าเมือง มากันหมดเลย ดีจังมีโทรศัพท์แล้ว เวลาคิดถึงจะได้โทรหากัน น้าอรสบายดีไม่ต้องห่วง”
บัวหงอยๆ เพราะไม่มีคนถามถึง ได้แต่เดินขึ้นรถตามทุกคนไป จนรถวิ่งออกไป เมฆ ดุ่ย ดุ๋ย แอบมองอยู่
“เข้าเมือง ดีแล้ว เราจะได้ทำตามแผนสะดวกไปโว้ยพวกเราตาม”
ครามวางโทรศัพท์ เก่งตื่นเต้นรอฟังแต่ครามแกล้งทำลีลา
“ว่าไง มะขิ่นว่าไง น้าอรกับข้าวหอมเป็นไงบ้าง สบายดีไหม กินข้าวหรือเปล่าแล้วมีใครไปรังแกหรือไม่”
“พอๆ เลย ถามเป็นชุดแบบนี้ใครจะตอบได้วะ สรุปว่าทั้งน้าทั้งแฟนแกสบายดี มะขิ่นบอกว่ากำลังจะเข้าตัวเมืองไปซื้อของ เดี๋ยวจัดการธุระเรียบร้อยจะโทรหา”
เก่งยิ้มๆ “มีโทรศัพท์มันดีแบบนี้นี่เอง”
“คุณสมชายเขาดีกับพวกเรามาก เอ็งตั้งใจทำงานล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันต้องเป็นนักร้องดังให้ได้ ฉันจะได้มีโอกาสสืบเรื่องเพื่อนทรยศของพ่”
ภูมิเข้ามาตามเก่งกับครามทำให้สองหนุ่มหยุดการสนทนา
“ใครเป็นเพื่อนทรยศ” ภูมิถาม
เก่งกลบเกลื่อน “ไอ้คราม นี่ไงคุณภูมิ มันว่าถ้ามันได้งานมันจะทิ้งผมไป”
ภูมิขำๆ “เห็นทีจะไปไม่ได้นะคราม บอสให้มาตามเก่งเตรียมตัวไปห้องอัดเสียง ส่วนครามก็ให้ไปช่วยขับรถ”
“งั้นรีบไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะเสียงาน”
ครามรีบสรุป แล้วพากันเดินไป
ข้าวหอม บัว มะขิ่น แหม่ม หอบของพะรุงพะรังมาในตลาด มะขิ่นเดินมาหน้าร้านขายของส่งเสริมสวย
“ฉันแวะซื้อของอีกที่เดียวก็ครบแล้ว”
“แล้วเมื่อไรจะไปโทรหาคุณเอ็มอะไรนั่นสักทีล่ะ มาถึงก็ซื้อของเข้าร้านอย่างเดียวจนเมื่อยไปหมด” บัวถาม
“เออน่า ใจเย็น ซื้อของเสร็จไปกินข้าวให้สบายใจแล้วค่อยโทรก็ได้”
“มะขิ่นจัดโปรแกรมเลยพวกฉันเป็นผู้ตาม” ข้าวหอมบอก
“ถ้าบัวกับข้าวหอมเบื่อก็นั่งรอร้านกาแฟแถวนี้ก็ได้ ฉันจะไปเป็นเพื่อนมะขิ่นเอง” แหม่มบอก ล
บัวดีใจ “ดีๆ ฉันเมื่อยแล้ว ขอพักแป๊บนึงนะ”
มะขิ่นกับแหม่มเดินเข้าร้านขายส่ง บัวพาข้าวหอมเดินไปนั่งพักร้านค้าใกล้ๆ
เมฆ ดุ่ย ดุ๋ย ตามมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านที่ข้าวหอมและบัวเข้าไปนั่งพัก เมฆวางแผน
“ตรงนี้แหละเหมาะ แกสองคนเตรียมพร้อมหรือยัง”
ดุ่ย ดุ๋ย ชูอุปกรณ์ที่ปิดหน้าสีดำและชุดดำ
“พร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้วลูกพี่”
“เอาเลยไหมเครื่องกำลังร้อน”
“เดี๋ยว ทำไมต้องชุดดำวะ สีอื่นไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ลูกพี่ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายต้องชุดดำมันจะได้อินเทรนด์”
“เออๆ ตามใจเอ็ง รีบๆ ไปเปลี่ยนชุดเลย เดี๋ยวมะขิ่นกับโทรโข่งแหม่มมามันจะเสียเรื่อง”
ดุ่ย ดุ๋ย รีบแยกตัวออกไป เมฆมองข้าวหอมอย่างมีหวัง
“น้องข้าวหอม ทีนี้ล่ะ เอ็งจะติดบุญคุณพี่เมฆไปชั่วชีวิตฮ่าๆๆๆ”
คนเดินไปมามองเมฆหัวเราะพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า เมฆรู้สึกตัวอายๆ รีบเดินจากไป
ป้าสีวังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในรถ ภายในตลาด
“ค่ะท่าน ของดีก็ต้องใจเย็นๆ ซิค่ะ เดี๊ยนจะหาช้างเผือกไปถวายให้ท่านแน่นอนค่ะ ไม่ต้องห่วง”
ป้าสีวังปิดโทรศัพท์แล้วบ่นหงุดหงิด
“ไอ้แก่ตัณหากลับเอ๊ย ได้หนึ่งไม่พอจะเอาสองเอาสามใครจะไปจัดหาทันวะ เสียดายเด็กนังมะขิ่น สวยออก ถ้าได้ตำแหน่งสักหน่อยรับรองถวายงานได้สบายๆ”
รถแล่นผ่านร้านที่บัวกับข้าวหอมนั่งกินนํ้ารอมะขิ่นอยู่ ป้าสีวังสะดุดตาสั่งให้คนรถจอด
“ไอ้แต้มจอดๆ นั่นมันหนูบัวญาตินังมะขิ่นนี่”
ป้าสีวังยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไอ้แต้ม เห็นทีแกต้องหาคนลงไปเชิญหนูบัวมาคุยกับฉันสักหน่อยแล้วล่ะ”
ข้าวหอมกับบัวนั่งกินนํ้ากันอยู่แล้วมีผู้ชายสองคนใส่ชุดดำคลุมหน้าไหมพรม เข้ามาฉุดกระชากบัว
“เฮ้ยอะไรกัน แกเป็นใคร”
“ไม่ต้องถาม นายฉันอยากคุยด้วย มานี่”
“นายแกเป็นใครฉันไม่รู้จัก ไม่ไปโว้ย”
บัวเตะผ่าหมากจนชายคนนั้นทรุด ชายอีกคนจะเข้ามาช่วย ข้าวหอมเอาถาดตี แล้ววิ่งมารวมกับบัว
“พูดดีๆ ไม่ชอบ แบบนี้นี้ต้องชุดใหญ่”
ชายชุดดำ 2 คนเดินย่างสามขุมเข้าหาบัวกับข้าวหอมซึ่งกำลังตกใจกลัว แต่แล้วมีรองเท้าข้างหนึ่งปามาโดนหัว ชายชุดดำทั้งหมดหันมอง เมฆก้าวมาอย่างองอาจใส่รองเท้าข้างเดียว
“เฮ้ย แกเป็นใคร บังอาจมาก่อกวนน้องข้าวหอมขวัญใจข้า”
“มันเป็นใครวะ”
“ไม่ต้องสน ลุยแม่งเลย”
ชายชุดดำสองคนเข้ารุมกระทืบเมฆ เมฆพยายามกระซิบบอก
“เฮ้ย สมจริงไปหรือเปล่า”
“มันต้องสมจริงอยู่แล้ว”
“แกเป็นใครวะ”
เมฆสงสัยกระชากหมวกไหมพรมออก เห็นไม่ใช่ดุ่ย ดุ๋ย เมฆตกใจ
“เฮ้ย แก ขอโทษนะฉันมาผิดคิวไปหน่อย”
“ไม่ทันแล้ว”
เมฆทำท่าจะหนี ชายชุดดำทั้ง 2 คน ไม่พูดพรํ่าทำเพลง กระชากเมฆมารุมอัด ข้าวหอม บัวมองเมฆถูกกระทืบอย่างสยดสยอง ดุ่ยกับดุ๋ยใส่ชุดดำออกมาเห็นลูกพี่ถูกรุมอัดก็ตกใจรีบเข้าไปช่วย
“ลูกพี่นั่นไม่ใช่ฉัน”
“พวกฉันอยู่นี่ เอาไงดีวะ”
“เอาไงก็ต้องไปช่วยนะซิ ขืนปล่อยแบบนี้เสี่ยเอาเราสองคนตายแน่”
ดุ่ย ดุ๋ยรีบวิ่งเข้าไปช่วย แต่ก็โดนยันออกมาทุกครั้ง ทั้งสองก็พยายามวิ่งเข้าไปอีกหลายครั้ง มะขิ่นแหม่มวิ่งมาพร้อมตำรวจ มะขิ่นตะโกนลั่น
“จับมันเลยค่ะคุณตำรวจจับมันเลย”
ชายชุดดำเห็นตำรวจมารีบวิ่งหนี มะขิ่น แหม่ม รีบเข้ามาหาข้าวหอมกับบัว
“เป็นอะไรหรือเปล่า พวกมันเป็นใครน่ะ” แหม่มถาม
“ฉันก็ไม่รู้ มันบอกว่านายมันอยากคุยกับฉัน” บัวเล่า
มะขิ่นเห็นรถป้าสีวังปิดกระจกแล้วขับเลยไป จึงพูดเครียดๆ
“แต่ฉันคิดว่าฉันรู้นะว่ามันเป็นใคร”
ข้าวหอม บัว แหม่ม มองมะขิ่นงงๆ
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 5
ที่ร้านกาแฟ มะขิ่นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ๊ลำไยกับอรฟัง
“มันต้องเป็นพวกของนังคุณป้ามหาภัยแน่ๆ”
“แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ ถ้าเป็นอย่างที่มะขิ่นพูดจริงๆ บัวกับข้าวหอมไม่ปลอดภัยแน่” อรกังวล
“ใครลองมาแตะหลานฉันฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่ตายเป็นตายงานนี้”
“เจ๊ไม่ปล่อยหรือนังป้าสีวังมันไม่ปล่อย มันมีอิทธิพลหนุนหลังนะเจ๊” แหม่มท้วง
“จริงจ้าเจ๊ ที่ฉันต้องออกจากวงการพี่เลี้ยงนางงามเพราะมีคนเลวแบบนี้แฝงตัวอยู่นี่แหละ” มะขิ่นบอก
บัวหน้าเสีย “ฉันไม่ยอมไปเป็นเมียเก็บผู้ใหญ่หรอก”
“ฉันด้วย มะขิ่นต้องช่วยเรานะ” ข้าวหอมขอร้อง
เจ๊ลำไยกอดหลานทั้งสอง
“มะขิ่น แกพอมีหนทางไหม ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไป ฉันขาดใจตายแน่ๆ”
“มันก็พอมีทางออกนะ ถ้าบัวกับข้าวหอมมีชื่อเสียง ยัยป้ามหาภัยไม่กล้าแตะต้องแน่”
“แล้วจะมีชื่อเสียงได้ยังในเมื่อเรามันอยู่บ้านนอกคอกนาแบบนี้” อรสงสัย
มะขิ่นชูนามบัตรเอ็ม
“เอ็มมิวสิคนี่แหละทางออกของเรา”
เอ็มนอนหลับอยู่โดยมีถั่วพูนอนกอดอยู่ข้างๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ถั่วพูบ่น
“ใครวะโทรมาอยู่ได้”
เอ็มจะลุกขึ้นรับโทรศัพท์ ถั่วพูอ้อน
“ไม่ต้องรับหรอกค่ะเสียเวลา มาต่ออีกรอบนะคะ”
เอ็มผลักถั่วพูออก
“ไร้สาระ เผื่อเป็นคนสำคัญโทรมา”
เอ็มหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
“ฮาโหล ครับ ผมเอ็มครับ”
“คุณเอ็มจำข้าวหอมได้ไหมค่ะ”
เอ็มดีใจ “จำได้สิครับ คนสวยเสียงดีมีพรสวรรค์อย่างหนูข้าวหอมใครจะลืมได้”
“คือ ข้าวหอมอยากจะลองทำตามที่คุณเอ็มแนะนำค่ะ”
“หนูคิดถูกแล้วล่ะ ถ้าหนูอยากเป็นนักร้อง ไม่มีค่ายไหนที่จะเหมาะสมกับหนูเท่ากับเอ็มมิวสิคอีกแล้วล่ะ”
เอ็มคุยโทรศัพท์กับข้าวหอมอย่างดีใจที่จะได้นักร้องใหม่ ถั่วพูมองด้วยความริษยา
ข้าวหอมกดปิดโทรศัพท์ ทุกคนรอฟังอย่างใจจดจ่อ เจ๊ลำไยรีบถาม
“ว่าไง เขาว่ายังไงบ้าง”
“คุณเอ็มยินดีต้อนรับพวกเราค่ะเขาอนุญาตให้บัวไปอยู่ด้วยกัน และให้ข้าวหอมมีผู้จัดการส่วนตัวได้ด้วย”
“แล้วไอ้ผู้จัดการส่วนตงส่วนตัวนี่มันยังไง ใครจะไปเป็น ข้าไม่เอาด้วยคน” เจ๊ลำไยรีบบอก
“ฉันก็ไม่ไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่รู้จักใคร ขืนไปฉันเสียตำแหน่งแหม่มทีวีพูลหมดกัน เพราะไม่รู้จะไปเมาท์เรื่องใคร”
“คนที่จะไปต้องฉลาดรู้ทันเล่ห์เหลี่ยม บัวกับข้าวหอมจะได้ปลอดภัย” อรบอก
“งั้นฉันไปเอง ฉันเป็นคนเอาบัวมันไปประกวดนางงาม จนเกิดเรื่อง ฉันจะไปคอยดูแลข้าวหอมกับบัวให้เองเจ๊”
มะขิ่นพูดอย่างแข็งขัน
เก่งกำลังฝึกซ้อมร้องเพลงกับภูมิ ครามวิ่งเข้ามาบอกเก่งอย่างดีใจ
“เก่งๆ มีเรื่องแล้ว”
“มีเรื่องอะไร ใครเป็นอะไร”
“ข้าวหอมๆ บัวแล้วก็มะขิ่น”
“ข้าวหอมเป็นอะไร พูดมาซิ อํ้าอึ้งอยู่ได้”
“ใจเย็นๆ เก่ง ครามวิ่งมาอาจจะเหนื่อย ครามค่อยๆ เล่าเกิดอะไรขึ้น”
“ข้าวหอมจะมากรุงเทพฯพร้อมกับบัวและมะขิ่น”
เก่งดีใจออกนอกหน้า “ไอ้เพื่อนเฮงซวย เกริ่นหัวซะน่ากลัว แล้วจะมาเมื่อไร มาทำอะไร พักที่ไหน”
“เออว่ะ ดีใจจนลืมถามเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก มะขิ่นมีเบอร์พวกเราแล้ว เดี๋ยวคงโทรบอกเองแหละ”
“ข้าวหอมนี่คงเป็นคนสำคัญของเก่ง ดูท่าทางตื่นเต้นมาก” ภูมิถาม
“สำคัญมาก ข้าวหอมเนี่ยเป็นสุดยอดดวงใจของเก่งเลยภูมิ”
เก่งยิ้มอายๆ ภูมิมองอย่างเข้าใจ
“มีคนรักแล้วแบบนี้ก็ร้องเพลงรักสบายใจซิ งั้นเรามาซ้อมเพลงกันต่อนะ”
เก่งพยักหน้า ภูมิเริ่มต่อตัวโน้ตกับเก่งต่อ ครามนั่งฟังอย่างเพลินๆ สาลี่แอบฟังด้วยความริษยา
เรยานั่งทาเล็บฮัมเพลงอย่างสบายใจ สาลี่รีบเข้ามาบอก
“มัวแต่ฮัมเพลงสบายใจอยู่นั่นแหละ แฟนพ่อนักร้องคนดีของเธอกำลังจะมาหากันแล้ว”
“ข้าวหอมที่ร้องเพลงเพราะนั่นนะเหรอจะมากรุงเทพฯ”
“ใช่น่ะซิ ฉันแอบได้ยินครามพูดกับเก่ง พวกมันยกขบวนกันมาหลายคน เลยไม่รู้ว่ามีกิ๊กของครามด้วยหรือเปล่า”
“เราจะยอมให้พวกมันมาพบกันอย่างมีความสุขไม่ได้ เก่งต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
“แต่เขาเป็นแฟนกันตั้งแต่อยู่บ้านนอกนะ”
“ถึงมีแฟนแล้วฉันก็ไม่สน ฉันจะเอา หรือว่าเธอจะยอมหากครามมีแฟนอยู่แล้ว”
“ไม่มีทาง อย่าว่าแต่แฟนเลย ต่อให้เป็นเมียฉันก็จะทำให้มันเลิกกันให้ได้”
“ถูกต้อง ผู้หญิงหัวสมัยใหม่อย่างเราไม่แคร์อยู่แล้ว เราทั้งสวยทั้งรวยและมีชื่อเสียง ไม่มีทางแพ้นังบ้านนอกพวกนั้น”
“เราสองคนต้องร่วมมือกันขัดขวางพวกมันจนถึงที่สุด”
“ใช่ เขาเป็นแฟนกันได้ มันก็ต้องเลิกกันได้”
สองสาวยิ้มสะใจด้วยความริษยา ครูห่านแอบได้ยินเรื่องที่สาลี่กับเรยาคุยกันที่หน้าประตู แอบพึมพำ
“เลว เขามีแฟนแล้วก็ยังจะแย่งเลวจริงๆ”
นก มด ปลา นั่งฟังเรื่องที่ครูห่านเล่าให้ฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่น่าเชื่อ คนสวยมีการศึกษาอย่างเรยากับสาลี่จะหน้ามืดตามัวขนาดนี้” นกเซ็ง
“ฉันว่าฉันแรงเรื่องแบบนี้แล้วนะ เจอแม่ลูกผู้ดีมีเงินคิดชั่วๆ แบบนี้ได้ฉันงงจริงๆ” มดบ่น
“แหม ก็คุณเธอเกิดที่ประเทศไทเปตอน 1 ทุ่มนี่จ๊ะ” ปลาบอก
“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”
“เชยจริงๆ เป็นคำอุปมาอุปไมว่าสองสาวไฮโซนั่นสามารถทำอะไรก็ได้ เธอทุ่มให้ผู้ชายได้หมดตัวไง”
“ฉันเห็นด้วยกับที่พวกแกพูดนะ แต่ถามหน่อยเถอะว่าพวกแกไม่อยากกินเก่งกับครามเหมือนเรยากับคุณสาลี่เหรอ”
“อยาก”
สามสาวตอบพร้อมกันอย่างไม่ลังเล
“แล้วพวกแกจะมานั่งด่าเขาทำไม ในเมื่อก็จะทำเหมือนเขา”
“ไม่เหมือน พวกฉันแค่อยากกิน ได้กินแล้วก็ผ่านเลยไป ไม่ต่อเนื่องไม่ผูกมัดแค่สนุกๆ ขำๆ”
“พวกเราเคยถูกแย่งของรักมาก่อนจนต้องมาอยู่หมู่บ้านคานทองนิเวศน์แบบนี้ เราแค่หาของเล่นใหม่แก้เซ็ง ไม่ได้ยึดครองใช่ไหมนังนก” ปลาถาม
มดร้องเพลง “หลงรักคนมีแฟนแล้วมันผิดตรงไหน สิทธิของหัวใจ รักใครก็แล้วแต่ฉัน แค่พันผูกทางใจจะเดือดร้อนใครเท่าไหร่กัน ต่อให้ทุกข์ทนต่อให้ทรมานฉันก็ยอม”
“พอเลยสรุปว่าพวกแกก็จะเอาเหมือนกันนั่นแหละ”
สามสาวยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ครูห่านทำหน้าเชิด
“เฮ้อนึกว่าจะเป็นคนดี ที่แท้ก็มารหัวใจทั้งนั้น พวกนังเรยา ชอบแย่งชิงผู้ชายกับกะเทยเชอะ”
เสี่ยกำธรเดินตามหาลูกชาย เห็นดุ่ย ดุ๋ย ทำลับๆ ล่อๆ พอเสี่ยกำธรเดินเข้ามา ดุ่ย ดุ๋ย รีบหนี
“ไอ้ดุ่ยไอ้ดุ๋ยจะไปไหน”
“ไปห้องนํ้า”
“ไปห้องนอน”
“มีพิรุธ ตกลงจะไปไหนห้องนํ้าหรือห้องนอน ว่าไงบอกมา”
“ไปห้องนํ้า”
“ไปห้องนอน”
“คือว่าฉันสองคนจะไปห้องนํ้าแล้วเลยไปห้องนอนจ้า”
เสี่ยกำธรสังเกตเห็นหน้าดุ่ย ดุ๋ย มีบาดแผล
“หน้าเอ็งสองคนไปโดนบาทาใครที่ไหนมา ไปหาเรื่องคนอื่นมาอีกแล้วใช่ไหม เห็นทีจะต้องไล่แกสองตัวออกแล้ว ทิ้งให้ดูแลลูกข้าไม่ได้”
ดุ๋ยจะร้องไห้ “อย่าไล่ฉันออกเลยนะเสี่ย ฉันทำเลวกับคนอื่นไว้เยอะ ถ้าต้องตกงานไม่มีใครรับฉัน 2 คนแน่”
“ที่ฉันทำเลวทำชั่วก็มาจากคำสั่งลูกพี่เมฆทั้งนั้น”
“หนอย มาโทษลูกข้า นี่คงไม่บอกว่าที่หน้าเอ็งยับเยินแบบนี้เป็นเพราะลูกข้าอีกล่ะซิ”
“คร้าบเสี่ย พวกผมเนี่ยยังน้อย ลูกพี่เมฆหนักกว่าอีกคร้าบ”
เสี่ยกำธรตกใจ
เมฆนอนโอดครวญร้องหาดุ่ย ดุ๋ยอยู่ที่บ้าน
“โอ๊ย เจ็บไปหมดเลย ไอ้ดุ่ย ไอ้ดุ๋ย อยู่ไหนวะ ข้าให้ไปหายาแก้ปวด หายหัวไปไหน ปวดจะแย่อยู่แล้ว”
มือหนึ่งส่งยาแก้ปวดกับนํ้ามาให้ เมฆรีบรับมากินแล้วด่าลูกน้องต่อ
“กว่าจะได้ต้องให้ด่า โอ๊ยเจ็บ”
“แกไม่ต้องด่า ข้าจะด่าแทน”
“พ่อ”
เมฆตกใจเห็นดุ่ย ดุ๋ย ก้มหน้าข้างๆ พ่อ เมฆทำท่าจะด่า
“ไม่ต้องไปด่ามัน ข้าสั่งให้มันเล่าเอง นี่เอ็งคิดยังไงไปมีเรื่องกับพวกคนมีสี”
“พ่อรู้ได้ไงว่าไอ้โม่งพวกนั้นเป็นคนมีสี”
“มีเรื่องอะไรในโคราชที่ข้าไม่รู้บ้าง เอ็งนี่มันหาเรื่องจริงๆ เห็นทีจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว เอ็งหายดีเมื่อไหร่ข้าจะส่งไปอยู่กับคุณเอ็มที่กรุงเทพฯ”
เสี่ยกำธรพูดจริงจัง เมฆตกใจ
เก่งนั่งรอลุ้น ครามคุยโทรศัพท์กับมะขิ่น
“ว่าไงมะขิ่น ตกลงจะมากันเมื่อไร”
“แหม รีบร้อนถามแบบนี้แสดงว่าคิดถึงมะขิ่นล่ะซิ”
“ห่างกันไม่กี่วันจะคิดได้ไง สรุปว่ามาเมื่อไร”
“แหย่เล่นนิดหน่อยอย่าโกรธน่า ไปกันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่รู้ว่ากี่โมงนะจ๊ะ”
“อ้าว แล้วจะรู้ได้ไง”
“ก็ไม่รู้ว่ารถจะมารับกี่โมง”
“รถมารับ ตกลงพวกเธอมากรุงเทพฯทำไม แล้วจะพักอยู่กับใคร”
มะขิ่นอึกอักรีบสรุป “เจอกันแล้วค่อยคุยกันนะ ส่วนเวลาสถานที่จะโทรบอกอีกที เปิดมือถือไว้แล้วกัน”
มะขิ่นรีบวางสาย ครามหงุดหงิด
“มะขิ่นเดี๋ยวซิมะขิ่น”
มะขิ่นวางหูไปแล้ว ครามหันมาคุยกับเก่ง
“เฮ้อ เลยไม่รู้เรื่องกันอีก”
“ว่าไงมะขิ่นว่าไงบ้าง”
“อย่างที่แกฟังนั่นแหละ รู้แต่ว่ามีรถมารับ แต่จะมาถึงกี่โมงที่ไหนไม่รู้ พรุ่งนี้มาถึงแล้วค่อยโทรบอก”
“จะปลอดภัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ห่วงจัง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก มะขิ่นเคยอยู่กรุงเทพฯนะ แถมมียัยบัวม้าดีดกะโหลกมาด้วย ข้าวหอมของแกไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก”
“มันก็จริง ถ้าอันตรายเจ๊ลำไยไม่ปล่อยให้มาแน่”
“ไปนอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้แกต้องเข้าอัดเสียงแล้วฉันจะชาร์ตแบตโทรศัพท์ไว้ให้เต็มรอรับโทรศัพท์จากมะขิ่นพรุ่งนี้”
“ตามนั้น ยังไงฝากแกด้วยแล้วกัน”
เก่งตัดสินใจล้มตัวลงนอน ครามดูแลชาร์ตแบตโทรศัพท์
สาลี่นั่งคุยกับเรยาในห้อง
“พรุ่งนี้อีพวกบ้านนอกมาจะมา เราต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นเราแพ้แน่”
“ฉันไม่มีวันยอมแพ้”
“ถ้าแพ้คงต้องเอาปี๊บคลุมหัว นักร้องสาวชื่อดังแพ้นักร้องบ้านนอก”
“ฉันถึงไม่ยอมไง”
“แล้วเธอจะทำยังไงไม่ให้มันเจอกับเก่งพรุ่งนี้ มันบอกว่าจะโทรบอกที่อยู่มันในกรุงเทพฯ”
“มันอยากจะโทรก็ให้มันโทรไป เพราะโทรศัพท์จะไม่ได้อยู่ที่เก่งกับครามทั้งวัน”
สองสาวมองหน้ากันอย่างสะใจ ที่จะแกล้งข้าวหอมกับเพื่อนๆ ได้
อ่านต่อตอนที่ 6