สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 4
เก่งครามต่อสู้กับเมฆ ดุ่ย ดุ๋ย เรยาและสาลี่เห็นเหตุการณ์
“นั่นมันนายเก่ง นักร้องถํ้ามองนี่สาลี่”
“ไหนๆ ใช่นายซื่อจนเซ่อจริงๆ ด้วย แล้วคนข้างๆ ที่กำลังช่วยอยู่ นายรูปหล่อกล้ามใหญ่นี่”
“สามรุมสองไม่ยุติธรรมเลย เราไปช่วยเขาดีกว่า”
เรยาขยับจะออกไปช่วยเก่ง สาลี่รีบรั้งไว้
“ไม่ได้นะเรยา นี่มันหน้างาน ขืนออกไปมีเอี่ยวชื่อเสียงเธอป่นปี้แน่”
“แต่พวกนั้นถูกรุมนะ”
“ไม่ได้ กว่าฉันจะทำให้เธอเป็นซุปตาร์มันยากลำบากแค่ไหน จะมาพังเพราะคนบ้านนอกแบบนี้ไม่ได้”
“สาลี่”
“เธอไม่เห็นเหรอว่าเพื่อนของเก่งเขาสามารถสู้ไอ้สามตัวนั้นสบายมาก แต่เขาไม่อยากทำ เห็นมะ”
เรยามองเก่ง ครามพยายามหลบหลีกไม่เอาจริง สาลี่รีบพูดต่อ
“พวกเขาคงรู้จักกัน รีบเข้าไปข้างในเถอะ เดี๋ยวเขาก็เคลียร์กันเอง”
สาลี่ไม่รอให้เรยาพูดอะไรอีก เธอรีบดึงเรยาเข้าข้างใน
นกมองไม่เห็นว่ามีคนมาสมัครเพิ่ม มองนาฬิกาแล้วบอกมดกับปลา
“หมดเวลาสมัครแล้ว เลิกเหอะ”
“เห็นด้วยเรายังไม่มีเวลาเดินไปเที่ยวในงานเลย”
“ใช่มาถึงก็ทำงานๆ หัวไม่วางหางไม่เว้น”
“งั้นเก็บของ พวกเราได้มีเวลาเหลือไปเดินอ่อย อุ๊ย เดิมชมงานกันเนอะ”
สามสาวกำลังจะเก็บของ ข้าวหอมวิ่งเข้ามาพอดี
“เดี๋ยวก่อนค่ะรอเดี๋ยวค่ะน้า”
“ใครน้าแก”
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะพี่คนสวยทั้งสาม”
“แบบนี้ค่อยรื่นหูมีอะไรว่ามา” นกบอก
“ยังเหลือผู้สมัครอีกค่ะ”
“แล้วอยู่ไหนล่ะเร็วๆ เข้า หมดเวลาแล้ว” มดเร่ง
ข้าวหอมอึกอัก ปลาตัดบท
“ถ้าไม่มี พวกฉันจะปิดรับสมัครแล้วนะ”
ข้าวหอมตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
“ฉันเองจ้ะ ฉันเป็นผู้สมัครจ้า”
“ก็เท่านั้น เอานี่ รีบๆ กรอกใบสมัครจะได้เสร็จๆ”
ข้าวหอมจำต้องรับใบสมัครมากรอกโดยที่สายตายังคงเป็นห่วงเก่งที่หน้างาน
กลุ่มเก่งและพวกเมฆต่อสู้กันอยู่หน้างาน สมชายเข้ามาตวาด
“หยุด นี่มันอะไรกัน ถ้าไม่หยุดฉันจะเรียกตำรวจ”
เมฆและลูกน้องหยุด ครามกับเก่งก็หยุดมือไปด้วย
“บอกดีๆ ไม่ชอบ ต้องให้ขู่กัน”
เมฆเสียงแข็ง “แกกล้าขู่ฉันเหรอรู้ไหมฉันลูกใคร”
“ไม่รู้ ไม่ได้เป็นเพื่อนกับพ่อ เอ็งปากดีแบบนี้แกใช่ไหมที่หาเรื่อง”
“หนอยไอ้เตี้ย กล้าว่าลูกพี่ข้าเหรอแบบนี้ เขาเรียกว่าเตี้ยแล้วอยากนอนเตียง” ดุ่ยต่อว่าเอาใจนาย
“แล้วพวกเอ็งอยากนอนคุกไหมล่ะ คุกๆๆๆ”
ดุ๋ยกระซิบเมฆ “สงสัยมันจะเอาจริง ลูกพี่ ถอยดีกว่า”
เมฆเห็นด้วย สั่งถอยอย่างหงุดหงิด
“ไปโว้ยพวกเรา”
เมฆ ดุ่ย ดุ๋ย ถอยไป สมชายมองเก่ง เห็นแต่งตัวเพื่อเตรียมประกวด
“เป็นยังไงบ้างพ่อหนุ่ม จะมาประกวดร้องเพลงเหรอ”
“ครับ แต่ถูกพวกนักเลงขวางไว้ก่อนเลยเกิดเรื่องขึ้น”
“ถ้าจะประกวดก็ตามฉันมา”
ครามเห็นเก่งได้งานแล้วเลยขอตัว
“แกไปกับคุณเขาเถอะ ฉันจะได้รีบไปเวทีมวยเหมือนกัน”
“ไปเถอะ ขอบใจมากนะเพื่อน”
ครามขยับจะไป สมชายร้องถาม
“พ่อหนุ่ม เราเคยเจอกันหรือเปล่า เธอหน้าคุ้นมากเลย”
“เปล่าครับ ผมขอตัวก่อนนะ”
ครามพูดจบก็วิ่งออกไป สมชายมองตามแล้วบ่นเบาๆ
“แปลก ทำไมไอ้หนุ่มนั่นมันทำเราใจหายหรือว่า เราจะเบี่ยงเบน”
“คุณว่าอะไรนะครับ”
“อ๋อ เปล่าๆ ไปข้างในกันเถอะ”
สมชายเดินนำเก่งเข้าไปที่โต๊ะรับสมัคร
ข้าวหอมเขียนใบสมัครเสร็จแล้วแต่ยังไม่ยอมส่งให้จนมดต้องแย่งมา
“นี่แม่คู้ณ เขียนเสร็จตั้งนานแล้วก็ส่งมาซิยะ”
ข้าวหอมจำต้องปล่อยใบสมัครไป สามสาวได้ใบสมัครข้าวหอมแล้วรีบเก็บของ
“เก็บเสร็จปุ๊บเราก็ไปกันปั๊บ” นกบอก
ครูห่านเข้ามา “จะไปไหนกันยะหล่อน งานยังไม่เสร็จ”
มดรีบชี้แจง “นี่คนสุดท้ายแล้วครูห่าน ไม่เสร็จยังไง ตัวเองไปเดินร่อนมาทั่วงานแล้ว พวกฉันยังไม่ได้ไปเลย”
“หรือว่าครูห่านไปเจอของดีเลยมากันท่าพวกฉัน” ปลาแซว
สามสาวรีบกรูเข้าไปถามเหตุผลกับครูห่าน ครูห่านรำคาญโวยเสียงดัง
“โอ๊ย หยุด ฉันไปทำงานมาย่ะ ยังเหลือผู้สมัครรูปหล่ออีกคนหนึ่งจ้ะ เก่งรีบมาเขียนใบสมัครซิคะ”
เก่งแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมา ข้าวหอมดีใจที่เก่งมาทัน นกมองเก่งแทบจะกลืนกินส่งใบสมัครให้อย่างใจลอย แล้วมองเก่งไม่วางตา มดกับปลารีบประกบครูห่านทันที
“หน้าตาน่ารักน่าหยิกแบบนี้ครูไปหาที่ไหนมา”
“นั่นซิครูถ้าสียงดีมีหวังค่ายเราฉํ่าสมิหลาสงขลาปัตตานีแฟนตาซีภูเก็ตแน่”
“ภาษาอะไรของแกวะ”
“ภาษาของพวกครูห่านไง แปลว่าเลิศหรูหาอะไรเปรียบเทียบมิได้แล้ว” ปลาอธิบาย
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะเริ่ดอย่างที่แกพูดมั้ย แต่ที่แน่ๆ หล่อกระชากใจ”
เก่งเขียนใบสมัครส่งให้นก แล้วยิ้มหวานให้นกแทบละลาย ข้าวหอมเข้ามาแสดงความยินดีจับมือเก่ง
“ดีใจด้วยนะพี่เก่งมาทันจนได้”
เก่งยิ้มหวานให้
มะขิ่นแต่งหน้าทำผมให้บัวเสร็จแล้ว เหลือแต่เปลี่ยนเสื้อผ้า
“เป็นไง ฝีมือฉันเปลี่ยนดินให้เป็นดาวเปลี่ยนก้อนกรวดให้เป็นเพชร”
บัวมองตัวเองในกระจก “สวยมากเลย สวยจนฉันจำตัวเองไม่ได้”
“แน่ซิ ฉันเนี่ยอดีตเป็นนักแต่งหน้านางงามมือทองเชียวนะ”
“แล้วทำไมเลิก หนีมาเปิดร้านเล็กอยู่บ้านนอกล่ะ”
“ฉันเบื่อวงการมายามันวุ่นวาย มีแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ทิ่มแทงข้างหลังเพื่อนเพื่อความเป็นใหญ่ ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน เพียงแค่ไม่อยากให้ใครได้ดีเกินหน้า”
บัวฟังเริ่มเคลิ้ม สงสารมะขิ่น แล้วมะขิ่นก็ร่าเริงกะทันหัน
“สู้มาอยู่บ้านนอกไม่ได้ อย่างน้อยก็มีครามสุดหล่อเป็นแหล่งพักใจ”
บัวถอนหายใจเซ็งๆ
“นึกว่าจะดีแล้วเชียว สุดท้ายก็เหมือนเดิม”
ป้าสีวังเข้ามาดูบัว
“ต๊าย เริ่ดค่ะ แม่มะขิ่น ฝีมือหล่อนนี่ไม่เคยตกเลยนะ เด็กคนนี้สวยจับใจจริงๆ ขอฉันได้ไหม”
“เห็นทีจะไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า บัวมันเป็นน้องสาวฉันเอง ฉันไม่ได้หวังให้มันเป็นแค่นางงามเพื่อเพิ่มค่าตัว แต่ฉันหวังให้มันไปไกลกว่านี้ ไปบัวไปแต่งตัวกัน”
มะขิ่นลากบัวไปให้พ้นแมวมองนางงาม ป้าสีวังมองตามยิ้มๆ
“นังมะขิ่น ถ้าอะไรที่ฉันอยากได้ฉันต้องได้ แกเคยขวางทางฉันสำเร็จด้วยเหรอ”
บรรยากาศหลังเวที ผู้สมัครต่างพยายามฮัมเพลงเพื่อฝึกซ้อมเตรียมขึ้นเวที ข้าวหอมรู้สึกไม่สบายใจ เก่งมองข้าวหอมอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรข้าวหอม ตัวสั่นเชียว”
“ฉันก็ นี่พี่เก่ง ฉันแค่อยากจะถ่วงเวลาให้พี่เลยเขียนใบสมัครไปไม่ได้จะสมัครจริงๆ ซะหน่อย”
“เอาน่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองดูก็ไม่เสียหาย ข้าวหอมเองก็ชอบร้องเพลงนี่”
“ร้องเล่นกับร้องประกวดมันต่างกันนะพี่”
“เอาอย่างนี้ เวลาขึ้นเวที ข้าวหอมก็มองคนดูเป็นทุ่งนา กรรมการเป็นกบเขียด นักดนตรีเป็นนกหนูไก่กา เท่านี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว”
“จริงซินะ ถ้าเราคิดว่าเราร้องเพลงอยู่กลางท้องทุ่งก็ไม่มีอะไรที่เราต้องกลัวอีก”
เก่งกับข้าวหอมยิ้มให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
เจ๊ลำไยนั่งด่าแหม่มที่ปากโป้ง
“เพราะแกทีเดียว อรมันถึงได้รู้ความจริงทุกอย่างกำลังไปได้ดีแล้วเชียว”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่เจ๊ ฉันแค่เผลอไปนิดเดียว”
“อย่างแกเขาไม่ได้เรียกว่าเผลอ เขาเรียกว่ากมลสันดานย่ะ”
“โหแรงอ่ะเจ๊”
“ก็มันจริงนี่หว่า เพราะปากแกมันถึงได้เกิดเรื่อง”
“พี่อรท่าทางโกรธสุดๆ ไปเลย เนอะเจ๊เนอะ”
“เออซิวะ มันต้องโกรธมากแน่ๆ ไม่รู้ป่านนี้อรไปเล่นไอ้เก่งยังไงบ้าง”
เจ๊ลำไยพูดเปรยอย่างเป็นห่วง
หิ้งพระด้านหลังเวที เก่งและข้าวหอมยกมือไหว้ครู
“เวทีนี้ล่ะฝันของเรา แล้วเราต้องทำให้เต็มที่”
“ฉันขอให้พี่เก่งชนะเลิศได้เงินรางวัลประกวดร้องเพลงนะ”
“ตอนนี้เราเป็นคู่แข่งกันแล้วนะ เธอจะยอมแพ้พี่ได้ไง ต้องแข่งว่าใครจะถูกใจกรรมการ ถ้ายอมก็ไม่ใช่ข้าวหอมคนเดิมแน่ ไหนขอดูหน่อยซิว่าข้าวหอมคนเดิมอยู่รึเปล่า”
เก่งจับหน้าข้าวหอมมาใกล้ๆ หน้าตนเอง ข้าวหอมอึ้ง
“ไป ออกไปเลย ฉันไม่มีวันยอมแพ้แน่ เพราะฉันจะไม่มีวันทำให้คนดูผิดหวัง”
“ดีแล้วล่ะ เราต้องซื่อสัตย์ต่อคนดู แต่ว่ พี่ชนะข้าวหอมแน่ๆ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ แต่ถ้าฉันชนะจะให้รางวัลพี่หมดเลย”
“เงินของข้าวหอม ข้าวหอมก็เก็บไว้เถอะ เอามาให้พี่แบบนี้ไม่ดี”
“เอาไปใช้หนี้เสี่ยหน้าเลือดนั่นก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
เก่งมองข้าวหอมอย่างซึ้งใจ
“ให้รางวัลพี่ เท่ากับยอมแพ้พี่แล้วนะ”
“เราแข่งกันอยู่นะไม่มีทางอยู่แล้ว”
“ยอม”
“ไม่ได้ยอม”
“แบบนี้เขาเรียกว่ายอมแล้ว ชนะให้เงินพี่ไม่ยอมได้ไง”
“ไม่ได้ให้ ฉันให้ยืม”
“เขาก็เรียกว่าให้อยู่ดี”
“ไม่ใช่ ไม่ได้ให้ให้ยืม”
“พี่ ไม่เอา”
เด็กยกเครื่องเข้ามาขัดจังหวะทั้งคู่
“ถ้าไม่เอา ผมเอาเองก็ได้นะพี่ เงินรางวัลไม่ต้องเกี่ยงกันนิดเดียวเอง”
ทั้งคู่หยุดมองหน้ากัน
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ครามวอร์มร่างกายชกลมเบาๆ ได้เวลาพี่เลี้ยงเข้ามาใส่เสื้อคลุม
“พร้อมไหมคราม”
“ผมพร้อมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“หนอย มาเล่นลิ้น ชกให้เต็มที่นะโว้ย เสี่ยเขาหวังเอ็งไว้มาก”
“ไม่ต้องห่วงผมเดินหน้าเต็มตัว”
“ไปได้ ได้เวลาแล้ว”
ครามมุ่งมั่นมาก
บัวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ได้ยินเสียงเสี่ยกำธรคุยกับลูกน้องหลังเวที บัวค่อยๆ ย่องมาแอบฟัง
“เดี๋ยวเอ็งไปเปิดรับแทงฝั่งตรงข้ามไอ้คราม”
“ทำอย่างนี้มันจะได้เงินเหรอพ่อ ยังไงไอ้ครามมันก็ชนะอยู่แล้ว ดูเราเป็นต่อคู่ต่อสู้เยอะนะพ่อ”
“เป็นต่อเยอะยิ่งดี เราเปิดรับแทงฝั่งตรงข้ามคนก็เข้ามาแทงเยอะๆ ดี”
“หมายความว่า” ดุ่ยกับกุ๋ยงง
“หมายความว่าพ่อจะให้ไอ้ครามล้มมวย แล้วมันจะยอมเหรอพ่อ คนอย่างไอ้ครามฆ่าได้หยามไม่ได้มันไม่ยอมหรอก”
“อย่าบอกนะจ๊ะ ให้ฉันสองคนไปบอกมันให้ล้มมวย” ดุ๋ยถาม
“ฉันไม่ไปนะถ้าจะมีใครไป เสี่ยจะต้องไปบอกเอง” ดุ่ยยืนยัน
“ใช่จ๊ะเรื่องชั่วๆ แบบนี้มีแต่เสี่ยคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้”
“เออ ข้าไปเอง”
“ดี”
“เฮ้ย ใครบอกว่าข้าจะไปบอกมัน ของอย่างงี้ไม่ต้องบอกใคร”
“ไม่บอก ไม่บังคับ แล้วพ่อจะทำอย่างไง มันหัวดื้อจะตาย มันไม่ฟังพ่อหรอก มันหัวแข็ง”
“ก็เพราะว่ามันดื้อหัวแข็ง ดื้อดึงกับข้าๆ สั่งอะไรก็ไม่เชื่อฟังทั้งๆ ที่ข้ามีพระคุณกับมัน อย่างงี้เอาไว้ไม่ได้ข้าต้องถอนทุนคืน”
“แล้วพ่อจะทำอย่างไรจะวางยามันหรือไง”
“เออ ข้าจะวางยามันในนํ้าดื่ม ฮ่าๆๆ”
บัวแอบฟังอยู่ ตกใจมากในความชั่วของเสี่ยกำธร
“วางยา ไอ้สารเลว”
“ใครมันจะไปนึกว่าเราวางยานักมวยตนเอง และที่สำคัญข้าติดสินบนกรรมการไว้เรียบร้อยแล้ว แค่เราทำให้เนียนหน่อยว่าเราแพ้ พวกเราอย่าเผลอดีใจเวลามันล้มแล้วกัน ฮ่าๆ”
“พ่อนี่ฉลาดได้ใจจริงๆ”
“เลวสุดขั้ว”
“ชั่วสุดติ่ง”
“งานนี้เขาไม่เรียกว่าล้มมวย เขาเรียกว่าต้มมวยโว้ย ฮ่าๆๆ”
เสี่ยกำธร เมฆ และลูกน้องต่างพากันหัวเราะชอบใจ บัวแอบฟังด้วยความแค้นแล้วนึกเป็นห่วงคราม
อรนั่งรถสองแถวมาพร้อมกับแหม่ม แหม่มแกล้งบ่น
“มาป่านนี้งานเขาเลิกกันหมดแล้วพี่อร กลับเถอะ”
“เพิ่งจะสองทุ่มเอง งานวัดอะไรเลิกไวขนาดนี้”
“โอ๊ยๆ โชว์เฟอร์ ขับเบาๆ หน่อย ข้างหลังกระแทกขับช้าหน่อยๆ”
“ขับเร็วๆ เหยียบให้มิดไปเลย”
“จะรีบไปไหนกันแม่คุณ”
“หลานฉันจ้ะ มันโกหกฉันจะไปดูให้เห็นกับตาว่ามันทำจริงเหมือนที่คนอื่นเขาพูดหรือเปล่า”
“อุวะ เรื่องแบบนี้ต้องพิสูจน์ งั้นฉันเหยียบมิดไมล์เลย”
คนขับรีบออกรถอย่างรวดเร็ว แหม่มสีหน้าไม่ค่อยดี อรเหม่อมองไป ในใจขออย่าให้เรื่องที่แหม่มพูดเป็นจริง
มะขิ่นเดินตามหาบัว บัวเดินออกจากห้องแต่งตัวอย่างรีบร้อนชนกับมะขิ่นอย่างจัง
“อะไรนี่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยอีกจะประกวดอยู่แล้วนะ”
“ไม่ประกงประกวดมันแล้ว”
“เฮ้ยได้ไง ฉันแค่ว่านิดเดียวเองนะ”
“ฉันต้องรีบไป ขอตัวก่อนนะ”
“ไม่ได้ แกจะรีบไปไหน หัวเด็ดตีนขาดฉันก็ไม่ให้ไป”
“แต่ฉันต้องรีบไปจริงๆ ครามกำลังเดือดร้อน ถ้าฉันไม่ไปครามตายแน่”
มะขิ่นตาวาวขึ้นมาทันที
“ครามเหรอ งั้นไปเลย”
“อ้าวแล้วไม่ประกวดแล้วเหรอ”
“ช่างมัน รีบไปเลยบัว”
มะขิ่นรีบดึงบัวออกจากกองประกวดทันที
ข้าวหอม เก่ง อยู่ด้านหลังเวที ต่างคนต่างตื่นเต้น เสียงโฆษกประกาศ
“ผู้เข้าประกวดหมายเลขต่อไป นางสาวข้าวหอม”
“เอาไงดีพี่เขาเรียกแล้ว”
“ทำใจดีๆ สูดลมหายใจลึกๆ หลับตาแล้วเดินออกไป ร้องเพลงกลางท้องทุ่งนา”
“ร้องเพลงกลางทุ่งนา คนดูคือกบเขียด”
ข้าวหอมท่องไปเรื่อยๆ แล้วเดินออกไปหน้าเวที เก่งมองตามอย่างตื่นเต้น ข้าวหอมออกไปหน้าเวทีดนตรีเริ่มขึ้น ข้าวหอมร้องเพลงอย่างตั้งใจ เอ็มนั่งอยู่แถวหน้า มองข้าวหอมอย่างทึ่งๆ ในพรสวรรค์ สาลี่ เรยานั่งอยู่ เรยาตกใจกับเสียงของข้าวหอม สมชายออกปากชม
“เสียงดีทีเดียว เด็กคนนี้อนาคตไปไกลแน่”
“แม่คนนี้เสียงดีไม่เบาเลยเนาะเธอ” สาลี่ชมกับเรยา
“มันก็ไม่แน่ อาจจะมีคนที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้”
เรยานั่งมองข้าวหอมอย่างสนใจ ข้าวหอมร้องเพลงอย่างมีความสุขเหมือนนักร้องอาชีพ เอ็มมองข้าวหอมอย่างพอใจ แล้วลุกไปหลังเวที
บัว มะขิ่น วิ่งเข้ามาในสนามมวย มีการ์ดเข้ามาห้าม มะขิ่นเห็นรีบบอกบัว
“แกรีบไปช่วยครามก่อนทางนี้ฉันจัดการเอง”
“ระวังตัวด้วยนะ”
“รีบไปเถอะ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ”
บัวรีบวิ่งไปหาคราม มะขิ่นแกล้งอ่อยการ์ด
“จะรีบไปไหนหรือจ๊ะพี่ อยู่คุยกับฉันก่อนนะ”
การ์ดจะตามบัว แต่มะขิ่นทำตาหวานดึงยื้อเอาไว้
“จะตามไปทำไม พวกคลั่งนักมวย สู้ฉันไม่ได้คลั่งรปภ.”
ครามกำลังจะเดินเข้าในสนามกับพี่เลี้ยง บัวเห็นครามเรียกไว้ก่อน
“ครามเดี๋ยวเดี๋ยวก่อน”
“บัว มาทำไม ทำไมไม่อยู่ที่เวทีประกวดนางงาม”
พี่เลี้ยงหันมาบอก “คุยเสร็จแล้วรีบตามมานะคราม
“ครับพี่”
พอพี่เลี้ยงพ้นไป บัวรีบบอกคราม
“ครามเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ชกมวย มันไม่อันตรายหรอกฉันเอาอยู่”
“เสี่ยกำธรจะวางยาเธอให้เธอแพ้คู่ต่อสู้W
“เสี่ยจะทำแบบนี้ทำไม ในเมื่อฉันเป็นนักมวยของเขา แล้วเธอรู้ได้ยังไง”
“ฉันแอบได้ยินเสี่ยพูดกับลูกน้อง อย่าขึ้นชกเลยนะ เกมนี้เสี่ยกำธรคิดจะถอนทุนคืนจากเธอ”
“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก ยายม้าดีดกะโหลก หลีกไป ฉันจะขึ้นเวที”
“เชื่อฉันนะฉันไม่ได้โกหก”
“ฉันไม่เชื่อเธอ นี่คิดจะแกล้งกันจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยหรือไง หลีกไป”
ครามไม่สนใจคำพูดบัว ผลักบัวออกไปเพื่อขึ้นเวที หญิงสาวเสียใจตะโกนไล่หลังพูดไปร้องไห้ไป
“ไม่เชื่อฉันก็ตามใจ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน ไปเลยจะไปชกก็ไปเลย ให้โดนชกตายไปเลยฉันไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว ฉันไม่สนใจแล้ว ทางใครทางมันเลย”
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
ข้าวหอมร้องเพลงแบบมืออาชีพ ครูห่านและสามสาวอยู่ข้างเวทีปลื้ม เมื่อร้องเพลงจบ คนดูลุกขึ้นตบมือกันเกรียวกราว ข้าวหอมยิ้มอย่างดีใจ เก่งมองข้าวหอม ดีใจด้วย
บัวเดินร้องไห้กลับมา มะขิ่นรีบถาม
“เป็นไง บอกครามทันไหม”
“ทันแต่เขาไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อได้ไง ไอ้เสี่ยสารเลวนั่นมันทำจริงแน่ เราต้องช่วยครามให้ได้”
“ช่วยยังไงฉันพยายามแล้ว”
“ต้องพยายามมากขึ้นไปอีก ฉันทนไม่ได้ที่จะยอมให้คนที่ฉันรักต้องถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา”
“เราจะทำยังไง ครามกำลังจะขึ้นชกแล้ว”
“เตือนดีๆ ไม่ฟัง ก็ต้องเล่นไม้แข็ง ตามฉันมานี่ฉันมีวิธี”
เก่งจับมือแสดงความยินดีกับข้าวหอม
“เก่งมากข้าวหอม ทำได้ดีจริงๆ”
“เพราะกำลังใจจากพี่นั่นแหละ คราวนี้ถึงตาพี่แล้วนะ”
“พี่จะทำให้ดีที่สุด ไม่ยอมแพ้เธอหรอก”
ทั้งสองยิ้มให้กัน ครูห่านมาตาม
“เอ้า ไว้แสดงความยินดีกันทีหลัง เธอมากันฉันทางนี้ จะได้คุยเรื่องเพลงกับนักดนตรี”
เก่งเดินไปกับครูห่าน ข้าวหอมกำลังเตรียมเก็บของ เอ็มเข้ามาทัก
“สวัสดีครับหนูข้าวหอม”
“เอ่อ สวัสดีค่ะ”
เอ็มยื่นนามบัตรให้
“ผมเป็นเจ้าของเอ็มมิวสิคเคยได้ยินไหม”
“เคยซิคะ ค่ายดังจะตายไป”
“เสียงหนูดีมากเลยนะ หนูสามารถเป็นนักร้องดังแทนเรยาได้แน่”
“หนูไม่คิดไกลขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ถ้าไม่คิดก็หัดคิดได้แล้ว นามบัตรผมหนูเก็บไว้ พร้อมเมื่อไรก็โทรมา ค่ายเอ็มมิวสิคยินดีต้อนรับเสมอ”
เอ็มส่งนามบัตรให้ข้าวหอม แล้วเดินจากไป ข้าวหอมมองตามงงๆ แต่ก็เก็บนามบัตรไว้
ครามชกอยู่บนเวทีได้เปรียบคู่ต่อสู้ทุกทาง เสี่ยกำธรแกล้งเชียร์คราม เมฆและดุ่ย ดุ๋ย หัวเสีย เชียร์ฝ่ายตรงข้าม เสี่ยกำธรเห็นรีบทักท้วง
“เชียร์เบาหน่อยโว้ย เราฝ่ายได้เปรียบเราต้องดีใจ ไม่ใช่ร้องโอ๊ยๆๆๆ เดี๋ยวคนอื่นจับได้กันพอดี”
“โทษทีพ่อ ฉันลืมตัวไปหน่อย”
“เชียร์เสียงดังลั่นขนาดนี้ไม่เรียกว่าหน่อยแล้ว”
“มันหมั่นไส้ไอ้ครามนี่พ่อ มันทนไม่ไหวเกินห้ามใจจริงๆ แล้วเมื่อไรมันจะโดนน็อค”
“อุวะ บอกให้เบาๆ ถ้าความแตกข้าจะแพ่นกบาลเอ็ง”
“ก็ฉันเกลียดมัน มันสร้างความแค้นกับฉันไว้เยอะ”
“ใจเย็นๆ คืนนี้ไอ้ครามมันควํ่าไม่เป็นท่าแน่ๆ”
เสียงระฆังหมดยก ครามเข้ามุม เสี่ยกำธรส่งซิกให้พี่เลี้ยง ครามนึกว่าเสี่ยส่งซิกให้ตัวเองเผด็จศึกครามยิ้มตอบ พี่เลี้ยงแอบเอายานอนหลับใส่นํ้าแล้วส่งให้ครามดื่ม เขาดื่มโดยไม่ลังเลกับคำพูดของบัว ระฆังดังขึ้น ครามออกไปชก พี่เลี้ยงส่งสัญญาณโอเคให้เสี่ยกำธร
ครามกำลังชกอยู่บนเวที เริ่มมีอาการมึนหัว ถูกชกแต่ยังพยายามสู้อยู่ มะขิ่นลากบัวเข้ามาอย่างเร่งรีบ บัวเห็นอาการของครามพูดอย่างร้อนใจ
“ไม่ทันแล้ว ครามโดนวางยาแน่ดูสิ”
มะขิ่นมองดูบนเวทีเห็นครามฮึดสู้ไล่ชกคู่ต่อสู้ล้มไปล้มมา คนดูเชียร์ครามเต็มสนาม
“ไม่เห็นจะเป็นอะไร ยังชกเก่งเหมือนเดิม แกโกหกเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า”
“ถ้าเธอยังไม่เชื่อก็ปล่อยให้ครามตายคาเวทีไปเหอะ”
“ล้อเล่นน่า หัวก็ไม่ล้าน ทำเป็นขี้น้อยใจไปได้”
ครามโหมชกชุดใหญ่ เพราะรู้ว่าตัวเองผิดปกติ คนดูไม่รู้ว่าเกิดอะไรก็พากันเชียร์ลั่นสนาม
“เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกัน ตอนนี้ขอดูครามไล่บี้น็อคไอ้ไก่อ่อนนี่ก่อน”
มะขิ่นหันไปเชียร์คราม บัวมองหาเสี่ยกำธร เห็นเสี่ยยิ้มอย่างมีเลศนัยกับเมฆ ครามไล่ชกคู่ต่อสู้จนลงไปให้กรรมการนับ แต่ระฆังดังช่วยไว้ได้ก่อน
อรเดินอย่างรีบเร่งมองหาเวทีประกวด แหม่มเดินตามอย่างไม่ค่อยเต็มใจ คนเยอะแยะมากมายอรบ่น
“ทำไมผู้คนมันเยอะแยะมากมายอย่างนี้ เก่งประกวดเวทีไหนเราจะหาเจอมั้ย”
“หาไม่เจองั้นกลับ”
“ไม่กลับ”
“แต่ฉันเดินไม่ไหวแล้วนะ”
“แกรู้ใช่ไหมว่าเก่งอยู่เวทีไหน”
“ไม่รู้ จะรู้ได้ยังไง เวทีเยอะอย่างงี้ พี่อรหาไม่เจอหรอก ถือโอกาสเที่ยวเลยดีกว่าเนาะพี่เนาะ”
“ไม่ ฉันจะหาจนกว่าจะเจอ แล้วแกต้องไปกับฉันด้วย”
อรเอาจริง แหม่มไม่กล้าเถียงต่อ จำต้องเดินตามอรไป
ระฆังขึ้นยกใหม่ ครามเดินโซเซขึ้นเพราะโดนเติมนํ้าให้อีก ครามเริ่มโดนคู่ต่อสู้ถลุงหนักขึ้น มะขิ่นหน้าเสีย
“เกิดอะไรขึ้น ครามทำไมถึงไม่โต้ตอบล่ะ”
“ฉันบอกแล้วว่าเขาโดนเสี่ยกำธรวางยา ดูซิพวกมันยิ้มกันใหญ่”
มะขิ่นเริ่มใจเสีย
“เราจะทำอย่างไร ขืนเป็นแบบนี้ครามแพ้แน่”
“ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว”
“รีบทำอะไรเข้าซิ ฉันทนดูคนที่รักถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาไม่ได้หรอก”
“ก็ฉันบอกแล้วให้ถูกอัดตายคาเวทีไปเลย”
“แกจะปล่อยให้ครามตายหรือไงเขาเป็นเพื่อนแกนะ”
“งั้นเธอต้องช่วยฉันด้วย”
บัวกระซิบมะขิ่น
โฆษกประกาศหน้าเวทีประกวด
“เราเดินทางมาเกือบสุดทางแล้วครับ พบกับผู้ประกวดเก่ง เสียงเพชร”
ดนตรีขึ้น เก่งออกมาร้องเพลง สมชาย สาลี่ เรยา อึ้งไปกับเสียของเก่ง เก่งยังคงร้องเพลงที่ทำให้ทั้งคนดูและกรรมนิ่งเงียบฟัง ครูห่านแอบเข้ามากระซิบสมชาย
“บอสคะ ในที่สุดเราก็เจอช้างเผือก”
“ช้างเผือกจริงๆ ด้วย”
“เก่ง เสียงเพชร ชื่อเชยมากๆ แต่เสียงงามดังเพชร” สาลี่ชื่นชม
“แบบนี้ไม่ต้องตัดสินแล้วผลเห็นอยู่ชัดๆ” ครูห่านบอก
“หยุดพูดได้ไหมจะฟังเพลง”
สาลี่ดุ ครูห่านหุบปากเงียบฟังเก่งร้องเพลงต่อ
ครามโดนต่อยล้มลงกรรมการนับครั้งที่ 2 มะขิ่นเข้าไปตีระฆัง คนทั้งสนามงง เพราะยังไม่หมดเวลาครามยืนมึนงง โอนเอนกลางเวที บัวคว้าไมค์ประกาศ
“ขอประทานโทษทุกท่าน ในสนามได้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น”
คนดูมวยมองกันเลิ่กลั่กบัวพูดต่อ
“เสี่ยกำธรวางแผนล้มมวยโดยวางยาสลบนักมวยตนเองแล้วเดิมพันพนันฝั่งตรงข้าม”
คนในสนามต่างเริ่มพูดคุยค้นหาความจริง เสี่ยกำธรรีบกลบเกลื่อน
“มันจะมากไปแล้ว ใครมันจะอุตริไปวางยานักมวยตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นต่อ”
“สงสัยจะหลงรักนักมวยเลยหาทางช่วยไม่ให้ถูกน็อคใช่ไหม” เมฆแย้ง
“ไปได้แล้วเขาจะชกกันต่อ”
เสี่ยกำธรไล่ เจ้าหน้าที่มาจับตัวบัวกับมะขิ่น สองสาวตะโกนลั่น
“ฉันพูดจริงๆ ไอ้เสี่ยนี่มันโกง”
“พวกเราพูดจริงนะ ทุกคนกำลังโดนหลอก”
“เอาตัวป่วนนี่ออกไปให้พ้นสนาม”
ขณะที่มะขิ่นกับบัวถูกลากตัวออกไป ครามก็ทนฤทธิ์ยาไม่ไหวล้มลงกลางเวที ผู้คนรู้ว่าเสี่ยกำธรโกหก บัวกับมะขิ่นสะบัดออกจากเจ้าหน้าที่ ยิ้มสะใจ เสี่ยเริ่มหน้าเสีย คนในสนามพูดพร้อมกัน
“ขี้โกงๆๆ ไอ้ขี้โกง ขี้โกงๆๆ”
อรเดินมาใกล้เวที แหม่มบ่น
“ไม่ไหวแล้ว พี่อรจะฆ่าจะแกงก็ยอมฉันเดินไม่ไหวแล้ว”
“เงียบก่อน”
อรได้ยินเสียงเก่งร้องเพลง เธอเดินตามเสียงไปอย่างใจลอย แหม่มรีบเดินตาม
เก่งร้องเพลงจนจบ เรยาลุกขึ้นตบมือคนแรก ทำให้คนดูพากันตบตาม เสียงตบมือเกรียวกราว สมชาย สาลี่ ต่างก็ตบมือให้เก่ง เก่งยิ้มดีใจ แล้วก็หน้าเสียเมื่อเห็นอร อรเดินเข้ามาหน้าเวที นํ้าตานองหน้ามองเก่งนิ่ง ไม่พูด ไม่ด่าสักคำ แต่นํ้าตาไหลไม่หยุด แล้วเดินหันหลังจากไปเงียบๆ แหม่มทำอะไรไม่ถูกรีบวิ่งตามอรไป เก่งอึ้งมาก กำลังจะตามอรไป แต่ถูกนก มด ปลา และโฆษกเข้ามาล็อคตัวไว้ก่อน ในฐานะผู้ชนะ
“คงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครเป็นผู้ชนะ เก่ง เสียงเพชร นักร้องหนุ่มหน้ามนคนนี้เองที่จะเป็นนักร้องคนต่อไปของค่ายเอสเคเรคคอร์ด”
ทุกคนพากันกรูเข้าหาเก่ง จนทำให้เก่งไม่อาจตามอรไปได้ ครูห่านดีใจแย่งไมค์จากโฆษกมาพูด
“เรียนเชิญคุณสมชายมอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศมูลค่าห้าหมื่นบาท พร้อมเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในค่ายเอสเคเรคคอร์ด เชิญค่ะ”
“บริษัทเอสเคเรคคอร์ดรู้สึกเป็นเกรียติมาก มาช่วยกันพัฒนาส่งเสริมให้วงการลูกทุ่งเราดังกว้างไกลไปทั่วโลกนะ”
เก่งทำอะไรไม่ถูก ไม่นึกว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้
“เอ่อ ครับ”
เรยาเข้ามาใกล้เก่ง
“นายร้องเพลงเพราะมาก ยินดีต้อนรับนะนายเก่ง”
“ขอบคุณครับ”
“หวังว่าเราคงได้ร่วมงานกันเร็วๆ นี้นะคะ”
ข้าวหอมแอบดูเก่ง มีแต่คนชื่นชมก็ยิ้มนํ้าตารื้น ดีใจด้วย แล้วเดินออกไปจากเวทีประกวดโดยที่เก่งไม่ทันเห็น
ตอนเช้า อรตื่นมาจัดข้าวของเตรียมไปร้านเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น เก่งเดินเลียบๆ เคียงๆ เข้ามาช่วย อรพูดเสียงเรียบๆ
“ไม่ต้อง”
เก่งจะเข้าไปช่วยยกอีก อรพูดเสียงดังขึ้น
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“น้าอรจะด่าเรื่องเมื่อคืนก็ด่าเลย ฉันผิดเอง แต่ฉันอยากได้เงินมาใช้หนี้เสี่ยกำธรจะได้ไม่ต้องมาก่อกวนเราอีก”
“แกเลยยอมที่จะโกหกฉัน ยอมผิดคำพูดกับฉัน”
“แต่ผมทำเพื่อครอบครัวของเรา ผมรักน้าอร ไม่อยากเห็นน้าอรลำบาก”
“ถ้าแกรักฉัน แกจะไม่ขัดคำสั่งฉัน แกอยากรู้นักใช่ไหมว่าทำไมฉันห้ามแกเรื่องร้องเพลง”
“น้าอร”
“เพราะพ่อแกมันหัวดื้อเหมือนแก หลงเชื่อว่าคนในวงการเพลงซื่อสัตย์ พอพ่อแกตาย เพื่อนรักก็โกงเงินจนเราต้องสิ้นเนื้อประดาตัว แม่แกตรอมใจเพราะความโง่ดื้อด้านของพ่อแกจนๆ ขาดใจตาย”
“เพื่อนของพ่อมันเป็นใคร”
“แกจะรู้ไปทำไม สิ่งที่แกควรรู้ แม้แต่เงินทำศพพี่สาวฉัน ฉันยังหาไมได้เลย จนต้องหอบแกกลับมาอยู่บ้านเดิมนี่ ที่ผ่านมาฉันยอมลำบากลำบนเพราะฉันสัญญากับแม่แกไว้จะดูแลแกไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับวงการเพลง”
“ทำไมๆ น้าอรไม่เคยบอกผม”
“บอกแล้วได้ประโยชน์อะไร เลือดพ่อแกมันแรง ถ้าแกอยากตายเหมือนพ่อของแก ก็เชิญร้องเพลงต่อไป ฉันจะไม่ห้ามไม่ท้วงแก”
เก่งนํ้าตาไหล พูดด้วยความแค้น
“ฉันไม่มีวันเหมือนพ่อ คนที่ทำกับพ่อต้องชดใช้ เก่งจะทำทุกวิถีทางหาไอ้เพื่อนทรยศของพ่อให้เจอฉันสัญญา”
เก่งเดินออกจากบ้านไป อรมองตามตกใจที่ตัวเองพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
“เก่ง”
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 4 (ต่อ)
เก่งนั่งคุยกับเพื่อนทุกคนที่ร้านกาแฟ
“เจ๊รู้เรื่องพ่อผมใช่ไหม เจ๊รู้ใช่ไหมว่าพ่อตายยังไง”
“ก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอกพอรู้คร่าวๆ” เจ๊ลำไยบอก
“เจ๊รู้อะไรก็บอกไปซิ จะอมพะงำไว้ทำไม” แหม่มเร่ง
“แล้วแกเกี่ยวอะไรด้วย พี่กล้าเขาเป็นผัวแกหรือไงถึงได้อยากรู้เรื่องนัก”
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว บอกเถอะเจ๊ พี่เก่งจะได้สบายใจ” ข้าวหอมขอร้อง
“เรื่องมีอยู่ว่า”
“น่ากลัวจังเลย” มะขิ่นแกล้งกอดคราม
เจ๊ลำไยสะดุ้ง “ยัง ยังไม่ได้เล่า ตกลงจะฟังกันมั้ย อารมณ์เสียนะอารมณ์เสีย”
“ฟัง”
“พี่กล้าเป็นนักร้องดัง ดังมาก เสียงดีเหมือนเอ็งนั่นแหละ แล้วพ่อเอ็งก็ตาตํ่าไปเลือกแม่เอ็งทำเมีย”
“แทนที่จะเลือกเจ๊ เจ๊เลยไม่ชอบพี่เก่งใช่ไหม” บัวท้วง
“เอ๊ะอีนี่พูดขัดคอ”
“แล้วมันจริงไหมล่ะ” แหม่มย้อนถาม
“จริงพี่กล้ารักนิ่มมากเลย อยากเปิดค่ายเพลงเพื่อจะได้พานิ่มเปิดตัวต่อสังคม ไม่ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ”
“แล้วไงต่อ” ครามถาม
“พี่กล้าพาครอบครัวพร้อมกับนังอรไปอยู่กรุงเทพฯ พอพี่กล้าถูกยิงตาย นิ่มมันเสียใจมาก ตายตามผัวไป อรก็พาไอ้เก่งกลับมาที่นี่”
“พ่อกล้าเป็นนักร้องดัง น้าอรก็ไม่น่าลำบากแบบนี้” ข้ามหอมซัก
“เขาเล่ากันว่าเพื่อนพี่กล้าที่จะลงทุนเปิดค่ายเพลงโกงไปจนหมด แม้กระทั่งการตายของพี่กล้าเพื่อนคนนั้นก็อาจมีส่วนบงการ”
“เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง น้าอรถึงเกลียดเพลงลูกทุ่งนัก” ครามสรุป
“เออซิ เป็นใครก็ทำใจไม่ได้ เก่งอย่าไปโกรธน้าเขาเลยนะ ที่เขาด่าเขาว่าเพราะรักและห่วงเอ็งทั้งนั้น”
“ฉันไม่มีวันโกรธน้าอรที่เปรียบเหมือนแม่ฉันหรอก แต่คนที่ฉันต้องโกรธคือคนที่มันโกงพ่อฉันเป็นต้นเหตุให้แม่ฉันตาย”
“แล้วทีนี้พี่เก่งจะทำยังไงต่อไปจ๊ะ” ข้าวหอมถาม
“พี่จะเข้ากรุงเทพฯ อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถํ้าเสือ ฉันจะไปเป็นนักร้องลูกทุ่งค่ายเอสเคเรคคอร์ดฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนบงการฆ่าพ่อฉัน”
เสี่ยกำธรโมโหเรื่องเมื่อคือที่เวทีมวย
“น่าเจ็บใจจริงๆ เพราะนังบัวตัวแสบมันทำให้เราเสียแผนหมด”
“เจ็บใจอย่างเดียวไม่พอนะพ่อ เสียเงินด้วย”
“เสียไปเท่าไหร่วะ”
“สาม”
“สามหมื่น”
“สามแสน”
“โอ๊ย จะเป็นลม ทำไมมันเยอะนักวะ”
“ยังมีที่ติดเขาไว้อีกนิดหน่อย” ดุ๋ยบอก
“ยังมีอีกเหรอ”
“นิดหน่อยจ๊ะเสี่ย”
“นิดหน่อยน่ะมันเท่าไร”
“สองแสนจ๊ะพ่อ”
“สองแสน ทำไมมันมากมายขนาดนี้”
“ก็คนทั้งสนามพากันแทงฝั่งไอ้ครามทั้งนั้น” ดุ่ยบอก
“พอรู้ว่าเราโกง มันก็ทวงเงินคืน พร้อมกับเงินค่าปรับ”
“การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายไม่ต้องจ่ายโว้ย”
“ถ้าไม่จ่าย เมื่อคืนพ่อกับผมไม่มีทางได้กลับมานั่งอยู่แบบนี้หรอก”
“ทำไม พวกมันจะทำอะไรข้าได้”
“มันก็จะกระทืบเสี่ย กระทืบลูกพี่เมฆ และรวมถึงกระทืบพวกผมด้วย”
“เจ็บใจจริงๆ นี่ข้าต้องเสียทั้งเงินทั้งนักมวยและเสียหน้า แค้นๆ ใจ”
ครามกับเก่งเข้ามา เสี่ยกำธรเห็นรีบโวยวาย เมฆ ดุ่ย ดุ๋ย เข้าล้อม
“ไอ้คราม ไอ้เก่ง พวกเอ็งกล้าดียังไงกล้ามาถึงบ้านข้า”
“ฉันเอาเงินมาใช้หนี้”
เก่งโยนเงินให้
“แล้วอย่าไปยุ่งกับน้าอรอีก”
ดุ่ย ดุ๋ย เข้าไปเอาเงินมาดู แล้วบอกกับเสี่ยกำธร
“ห้าหมื่นบาทครบถ้วนจ้าเสี่ย”
เสี่ยกำธรพยักหน้าให้ดุ๋ยเอาสัญญามาคืนเก่ง เก่งฉีกสัญญาทิ้ง
“เก่งสมชื่อที่หาเงินมาคืนได้”
“ส่วนผมก็จะมาลาออกจากค่ายมวย” ครามบอก
“ไอ้เนรคุณ แกชกมวยได้เพราะฉัน”
“เรื่องเมื่อคืนก็ถือว่าเราชดใช้กันหมดแล้ว เสี่ยหักหลังผม แล้วถ้าต่อไปเสี่ยหรือไอ้พวกลิ่วล้อทั้งหลายทำเรื่องเลวๆ กับผมหรือเพื่อนๆ ผมอีกล่ะก็ ผมจะไม่ไว้หน้าอีกต่อไปแล้ว”
“หมดธุระแล้วกลับกันเถอะคราม”
เก่งกับครามเดินจากไป เสี่ยกำธรและทุกคนมองตามด้วยความแค้น
“หนอย ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นนํ้านม ทำมาขู่ข้า นึกว่าจะกลัวเหรอ รู้จักเสี่ยกำธรน้อยเกินไปซะแล้ว”
เสี่ยกำธรมองอย่างมีเลศนัย
ทีมงานค่ายเพลงทั้งหมดกำลังช่วยกันขนของขึ้นรถ เก่งกับครามเดินเข้ามาหากลุ่มสมชาย
“สวัสดีครับผมเป็น”
“เก่ง เสียงเพชร นักร้องเมื่อคืนที่ชนะเลิศ เธอหายไปไหนมา ฉันให้คนตามหาเธอทั้งคืน”
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมต้องรีบกลับบ้าน”
“นึกว่าจะไม่ได้เจอกันเสียแล้ว พ่อนกการเวก รีบกลับบ้านหรือรีบตามไปง้อแฟนที่ตกรอบจ๊ะ” เรยา
แซว
“ข้าวหอมเขาไม่ได้เป็นคนขี้น้อยใจแบบนั้นหรอกครับคุณเรยา”
“เอาเถอะๆ ยังไงเธอก็มาแล้ว เธอพร้อมที่จะไปเป็นนักร้องในค่ายฉันแล้วใช่ไหม” สมชายถาม
“ครับ แต่”
“จะแต่อะไรอีกล่ะพร้อมก็ไปกันเลย” สาลี่ท้วง
“คือว่าผมกับเพื่อนจะตามไปทีหลัง ขอจัดการธุระทางบ้านให้เรียบร้อยก่อน”
“อ๋อ จะรํ่าลาแฟนว่างั้นเถอะ” เรยากระเซ้า
“ครับ”
เก่งตอบตรงๆ ห้วนๆ ทำให้เรยารู้สึกเสียหน้า เดินสะบัดหน้าขึ้นรถไป นก มด ปลา พากันแอบขำนิดๆ
“พูดตรงดีนะพ่อรูปหล่อ เพื่อนที่เธอว่าคือพ่อหนุ่มกล้ามใหญ่คนนี้ใช่ไหมจ๊ะ”ครูห่านถาม
“ผมชื่อครามครับ ผมขอรบกวนไปพักอยู่กับเก่งจนกว่าได้งานแล้วจะแยกไปครับ”
“จะแยกไปทำไม อยู่ด้วยกันทั้งหมดนี่แหละไม่ต้องเกรงใจ”
เก่งกับครามยกมือไหว้สมชายอย่างจริงใจ นก มด ปลา ครูห่าน พากันยิ้มมีเลศนัย สาลี่รีบสรุป
“ฉันกับคุณอาคงต้องกลับไปก่อน เพราะมีงานเยอะ เก่งกับครามจัดการเรื่องส่วนตัวเสร็จแล้วรีบตามไปนะ”
นก มด ปลา มองสาลี่แปลกๆ ที่ทำตัวเหมือนสนิทกับเก่งและครามมาก สมชายจับมือเก่งและครามอย่างยินดี
“ค่ายเอสเคเรคคอร์ดยินดีต้อนรับเธอสองคนเป็นสมาชิกใหม่”
ทุ่งนา ยามเย็น เก่งกับข้าวหอมนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินลับตาไป
“ทำไมพระอาทิตย์วันนี้ดูเหงาๆ ไม่เหมือนทุกวัน”
“พระอาทิตย์ยังคงเหมือนเดิมแหละ ที่แตกต่างไปมันขึ้นอยู่กับใจคน”
“แล้วใจของพี่เก่งล่ะไปอยู่เมืองกรุงเจอแต่ของสวยๆ งามๆ เหมือนดอกกล้วยไม้ จะลืมดอกหญ้ากลางนาหรือเปล่า”
“อย่าดูถูกนํ้าใจพี่ ความรักของพี่ที่มีต่อข้าวหอมมันเปรียบเหมือนรากแก้วของต้นไม้ หากฝังรากลึกลงที่ใดแล้วไม่อาจเปลี่ยนใจได้”
“แล้วถ้ารากแก้วนี้เจอแรงปรารถนา เจอสิ่งเย้ายวนฝืนให้ย้ายถิ่นฐานล่ะ”
“มันก็จะเฉาและตายในที่สุด”
ข้าวหอมหันกลับมามองหน้าเก่ง เก่งกุมมือหญิงสาวไว้
“ข้าวหอมลองหลับตาดูนะ เมื่อใดที่สายลมยังพัดผ่าน ข้าวยังออกรวง พระอาทิตย์ยังสาดแสง ข้าวหอมจงรับรู้ไว้ว่าพี่ยังคงรักและภักดีกับข้าวหอมตลอดไป รอพี่นะข้าวหอม”
“จ้ะพี่ ข้าวหอมจะรอพี่เสมอ เพราะพี่คือเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข”
เก่งยิ้มอย่างมีความสุข ค่อยๆ หอมหน้าผากข้าวหอม ทั้งสองมองตากันอย่างหวานซึ้ง
“พี่ให้สัญญาต่อหน้าพระอาทิตย์ยามเย็นนี้ เมื่อพี่ค้นหาความจริงเรื่องพ่อกล้าได้แล้ว พี่จะกลับมาพร้อมกับของหมั้นเพื่อรับขวัญข้าวหอมยอดดวงใจของไอ้เก่ง”
สองหนุ่มสาวยิ้มให้กัน จับมือให้สัญญารักต่อกันกลางท้องนาในเวลาสายัณห์
กลางคืน เก่งค่อยๆ เดินมาจากบ้านหลังเล็ก มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านอร เขาแอบมองเข้าไปด้านใน อร
นอนหลับสนิท เก่งมองน้าสาวที่เขารักและบูชาอย่างเศร้าๆ
“น้าอร ฉันขอโทษ ฉันจำต้องไป ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครที่มันทำให้พ่อแม่ตาย ทำให้น้าอรเป็นทุกข์จวบจนทุกวันนี้ ยกโทษให้เก่งนะจ๊ะ เก่งรักน้าอรนะ”
เก่งพูดทั้งนํ้าตา แล้วทรุดตัวลงก้มกราบอรที่หน้าประตู จากนั้นก็ตัดสินใจเดินจากไปพร้อมกระเป๋าเดินทาง อรค่อยๆ ลืมตาขึ้น นํ้าตารื้น หยิบรูปครอบครัวมากอดไว้ นํ้าตาพรั่งพรู
“เก่งเอ๊ย น้าขอให้เอ็งไปดี อย่าได้โชคร้ายเหมือนพี่กล้าเลยนะลูกนะ”
อ่านต่อตอนที่ 5