สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 2
สมุนเสี่ยกำธรเดินกร่างเข้ามาที่ร้านขนม เก่งเข้ามาขวาง ขณะที่เก่งต่อสู้กับสมุน ดุ่ยกับดุ๋ยตรงเข้าไปรื้อข้าวของ อรร้องโวยวาย
“อย่านะ อย่า ของเสียหายหมดแล้ว”
อรร้อง ทำให้เก่งเสียจังหวะถูกสมุนชกหมัดตรงเข้า หงายหลังไป สมุนกำลังจะเข้าซํ้า เสียงมะขิ่นดังขึ้นทำให้ทุกคนหยุดชะงัก
“มาเร็วพวกเรามาดูคนใจร้าย เสี่ยกำธรรังแกคนจนคนไม่มีทางสู้อีกแล้วพวกเรา”
เสี่ยกำธรตวาดลั่น
“นังมะขิ่นเอ็งเสือกอะไรด้วย”
“ฉันก็ไม่อยากเสือกหรอก ถ้าเสี่ยไม่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายแบบนี้”
อรรีบเข้าไปประคองเก่งมาสมทบกับมะขิ่น
“ฉันเช่าแผงเสี่ย เสี่ยไม่ให้ขายก็ต้องบอกกันดีๆ ทำแบบนี้ฉันจะแจ้งความ”
เมฆเข้ามา “แจ้งข้อหาอะไรมิทราบ”
เก่งรีบบอก “ทำร้ายร่างกายทำให้เสียทรัพย์ ข่มขู่”
มะขิ่นรีบเสริม “หรืออาจจะโดนข้อหาพยายามฆ่าก็ได้ คดีอาญานะเสี่ย”
เมฆรู้สึกกลัว รีบไปแอบหลังพ่อแล้วกระซิบ
“ท่าทางพวกมันเอาจริงนะพ่อ ฉันกลัวติดคุกอ่ะ”
ดุ่ยกับดุ๋ยรีบบอก
“ผมก็กลัวเมีย ติดคุกไปโดนแน่เลย”
“เสี่ยชดใช้ค่าเสียหายให้พวกมันเถอะครับเดี๋ยวพวกมันไปฟ้องตำรวจ”
อรได้ที “ว่าไงเสี่ย ถ้าไม่จ่ายค่าเสียหายฉันแจ้งความ ฉันมีพยานเป็นร้อยนะเสี่ย”
เสี่ยกำธรมองไปรอบๆ เห็นชาวบ้านพากันมองแล้วซุบซิบที่เสี่ยรังแกคนก็หงุดหงิด
“ก็ได้ ข้าชดใช้ค่าเสียหาย แต่ข้าไมให้เอ็งขายของที่นี่ แล้วดูซิพวกเอ็งไม่มีที่ทำกินจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายดอกเบี้ยให้ข้า ไปพวกเรากลับ”
เสี่ยกำธรพร้อมสมุนและเมฆกับลูกน้องพากันกลับไป มะขิ่นรีบเข้ามาดูเก่งกับอร อรมองข้าวของเสียหาย นํ้าตาไหล
“หมดกันคราวนี้ จะไปขายที่ไหนแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปให้พวกมัน”
“น้าอรอย่าร้องนะครับ ผมจะหางานทำเลี้ยงดูน้าอรเอง”
“เอ็งจะทำงานอะไร ความรู้ก็มีแค่หางอึ่ง ถ้าไม่มีที่ขายของ เราแย่แน่”
“ไม่แย่หรอกพี่อร ขายที่ตลาดไม่ได้เราก็ไปหาที่ขายใหม่”
มะขิ่นพูดอย่างเชื่อมั่น
เจ๊ลำไยนั่งนิ่งคอแข็งในขณะที่ทุกคนกำลังลุ้นอยู่ มะขิ่นช่วยพูดอีก
“เจ๊คิดดูให้ดีนะ หมาแมวเจ๊ยังช่วย แล้วนี่คนทั้งคน เจ๊จะนิ่งดูดายได้ยังไง”
ข้าวหอมช่วยพูด “ช่วยคนได้บุญเยอะนะเจ๊ ชาติหน้าเกิดมาเป็นคนสวย หุ่นดี งามทั้งกายทั้งใจ”
เจ๊ลำไยเริ่มเคลิ้มตาม บัวช่วยพูดอีกแรง
“ไปไหนมาไหนมีแต่คนรักนิยมชมชอบ ไม่ต้องมาเป็นสาวแก่ขึ้นคานเหมือนในชาตินี้”
เจ๊ลำไยกำลังอารมณ์ดี แต่บัวพูดจี้ใจดำเลยโมโหทันที
“ที่ข้าเป็นอย่างนี้ก็เพราะพี่กล้า พ่อไอ้เก่งนี่แหละ ทรยศหักหลังข้าแล้วพอเดือดร้อนจะมาให้ช่วย ข้าไม่ช่วยอย่างเด็ดขาด”
“ถ้าเจ๊ไม่ช่วยฉันกับหลานคงต้องขายที่นาแน่ ฉันขอร้องนะเจ๊นะ”
เจ๊ลำไยมองอรแล้วเริ่มใจอ่อน แต่ยังมีทิฐิอยู่ ข้าวหอมกระแทกเก่งส่งซิก เก่งพอจะเข้าใจ เริ่มร้องลิเก
“ผมชื่อเก่ง ลูกพ่อกล้า ขายของอยู่ท้ายตลาด เจอคนพาลดูหมิ่นหยามเกียรติ ไร้ที่ทำมาหากินจำต้องเดินทางรอนแรมมาพึ่งใบบุญ หวังว่าจะมีคนเกื้อหนุน หากใครมีเมตาปราณีผมนี้จะยอมเป็นทาสไปจนตาย”
เก่งร้องจบเจ๊ลำไยปลื้มมาก
“เอ้า ก็เห็นว่าคนมันลำบากไม่มีทางไป หล่อนมาขายที่นี่ได้ตลอดเวลาย่ะ”
อรดีใจ “แล้วค่าทีล่ะเจ๊คิดยังไง”
“ก็ขายๆ ไปเถอะ ขายดีแล้วค่อยว่ากัน”
ทุกคนมองหน้ากันยิ้มๆ ดีใจที่อรมีที่ขายของแล้ว เก่งดีใจมากเข้ามาโอบกอดเจ๊ลำไยเป็นการขอบคุณ
“ขอบใจนะเจ๊ ขอบใจจริงๆ”
เจ๊ลำไยยิ้มอายๆ
เก่ง คราม มาขอบคุณมะขิ่นที่ช่วยเรื่องร้านขายขนม เก่งรีบบอก
“ขอบใจมะขิ่นมากนะ ถ้าไม่ได้เธอช่วยเห็นทีจะแย่”
“ก็ช่วยๆ กันไป เรามันคนหาเช้ากินคํ่า”
ครามรีบเสริม “ไม่หรอกจ้ะ คนอื่นเห็นก็ไม่กล้าช่วย แต่มะขิ่นกลับช่วยนี่แหละ คนที่สวยทั้งกายและใจของจริง”
มะขิ่นทำเอียงอายเหมือนสาวรุ่น
“ก็เพราะเก่งเป็นเพื่อนรักของคราม มะขิ่นถึงช่วย ใจจริงนะกลัวแทบตาย แต่พอนึกถึงหน้าครามมะขิ่นเลยกล้าจ้ะ”
เก่งยิ้มเพราะรู้ว่ามะขิ่นชอบครามมาก ครามเห็นบัวหมั่นไส้ ก็ยิ่งแกล้งดีกับมะขิ่น
“ในตลาดนี้ จะหาดีมีนํ้าใจแบบนี้คงยาก ฉันซึ้งใจสุดๆ”
มะขิ่นอาย ตีแขนครามชุดใหญ่
“แหมครามก็ ชมตรงๆ เขินแย่”
ครามเจ็บ แต่จำต้องยิ้ม บัวขำ ข้าวหอมเริ่มกังวล
“ถึงได้ที่ขายของแล้ว เสี่ยกำธรต้องหาเรื่องอีกแน่ๆ”
บัวรีบเสริม “ต้นเหตุมาจากเงินกู้ เราต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้เร็วที่สุด”
“พี่ก็คิดอยู่ แต่ไม่รู้จะหาเงินทางไหนที่เร็วและมากพอใช้หนี้” เก่งกังวล
“คนมีฝีมืออย่างเก่งหาเงินได้ไม่ยากหรอก แต่เก่งจะยอมทำหรือเปล่า” มะขิ่นถาม
“ฉันยอมทำทุกอย่าง ไม่อยากให้น้าอรทุกข์ใจเรื่องเงินอีกแล้ว”
“วิธีไหนเหรอมะขิ่น” ครามถาม
“ประกวดร้องเพลงประจำจังหวัด”
มะขิ่นตอบอย่างมั่นใจ
ภายในโรงนา ถูกจำลองเป็นเวทีคอนเสิร์ต เก่งขึ้นเวทีอย่างขาดความมั่นใจ ท่าทางแข็งเหมือนท่อนไม้ มีเพียงเสีย
เท่านั้นที่ฟังดูดี ครามเริ่มพูดขึ้น
“ตั้งแต่คบกันมา เพิ่งเห็นมันร้องเพลงจบบนเวทีครั้งแรก”
“ก็น้าอรไม่ชอบให้เก่งร้องเพลง ทั้งๆ ที่พี่เก่งมีพรสวรรค์ ทั้งที่ร้องเพลงได้ไพเราะมาก นํ้าเสียงก็นุ่มนวลใบหน้าก็หล่อเหลา” บัวชื่นชม
ครามรีบขัด “พอเลย ไม่ต้องไปชมมันมาก ถ้าฉันร้องเพลงเป็นเธอจะชมแบบนี้ไหม”
“อย่างนายเนี่ยนะ เสียงควายยังลื่นหูกว่า ไม่ต้องพูดมากฉันจะฟังเพลง”
“อย่ามาว่าครามของฉันนะ เดี๋ยวแม่ไม่ช่วยเลย” มะขิ่นเริ่มเคือง
“ใจเย็นๆ กันซิพวกเรา ลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ มัวแต่ทะเลาะกันเดี๋ยวงานก็ล่มพอดี”
ข้าวหอมปราม ทำให้มะขิ่นสะบัดหน้าหนีไปอ้อนคราม บัวเบะปากใส่แล้วหันไปดูเก่งร้องเพลง เก่งยังคงร้องเพลงแข็งเป็นท่อนไม้ ครามมองแล้วส่ายหัว
“เสียงน่ะโอเคนะ แต่ท่าทางมันซิ เก้ๆ กังๆ แข็งยังกับท่อนไม้”
“แกอิจฉาเขาน่ะซิ มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ไปๆ ออกไปเลย”
“นังบัวแกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ครามของฉัน”
มะขิ่นเงื้อมือจะตบ ข้าวหอมรีบห้าม
“พอได้แล้วทั้งสองคน มาช่วยกันแก้ปัญหาดีกว่าทะเลาะกันไหม”
ครามเห็นด้วย “ฉันเห็นด้วยกับข้าวหอมนะ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน เก่งแย่แน่”
ทุกคนมองดูสภาพเก่งที่แข็งทื่ออย่างเหนื่อยใจ
ที่ค่ายเพลง สมชายนั่งโต๊ะกรรมการคัดเลือกตรงกลาง มีสาลี่และครูห่านขนาบข้าง นก มด ปลานำเสนอนักร้องเข้าประกวด
“ตัวแทนจากภาคเหนือ”
“สาวน้อยหน้าใสเสียงดีมารยาทงาม”
“คำแก้ว บุญยังมี”
คำแก้วถือร่ม แต่งกายแบบชาวเหนือออกมาไหว้อย่างเรียบร้อยเกินความพอดี ย่อไหว้นานเกินจนเกือบลุกไม่ขึ้น นกต้องเข้าไปช่วยประคอง สมชายกระซิบครูห่าน
“โชคดีนะที่บุญยังมี ถ้าบุญไม่มีสงสัยจะแย่”
“เดี๋ยวก็รู้ค่ะบอส ว่าบุญมันมี จริงหรือเปล่า”
“สวัสดีเจ้า ข้าเจ้าจะมาฮ้องเพลงเน่อเจ้า”
สาลี่รีบบอก “ร้องเลยเถอะ ถ้าให้เธอแนะนำตัวเสร็จ คงเย็นนั่นแหละ”
“อีกแหมน้อยก็จบแล้วเน่อเจ้า แหมน่อยเดียว”
สมชายรีบห้าม “พอเถอะแม่คุณ ยิ่งพูดยิ่งขนลุก ร้องเลย”
“ได้เจ้า ต่อนยอนต๊ะต่อนยอน ต๊ะต่อนยอนๆๆ ข้าเจ้า เป็นสาวเชียงใหม่ แหมบ่อเท่าใด ก็จะเป็นสาวแล้ว”
คำแก้วร้องเพลงยาน แถมหลงไปมาก สมชายทนไม่ไหวโวยวาย
“โอ๊ย พอแล้ว กว่าเธอจะร้องจบมีหวังจากเป็นสาวคงแก่ตายคาเวทีประกวดนี่แหละ”
“อีกแหมน้อยก็จบแล้วเน่อเจ้า”
“ไม่ไหวแล้ว พักเดี๋ยว เอาคนใหม่มาเลย”
สมชายเซ็งเดินออกนอกห้องไป สาลี่รีบตาม ทิ้งคำแก้วงงอยู่
“อีกแหมน้อยเดียว”
ภายในโรงนา บัว ข้าวหอม มะขิ่น คราม กำลังครุ่นคิด เก่งลงมาจากเวทีสอบถาม
“เป็นไงบ้าง แบบนี้พอประกวดได้ไหม”
“เสียงน่ะได้ แต่ท่าทางนี่ซิ แข็งยังกับหิน ทื่อเหมือนท่อนไม้เลย” ข้าวหอมวิจารณ์
“แล้วต้องปรับปรุงยังไงบ้าง”
“เอาอย่างนี้ ร้องเพลงต้องมีกำลังใจ เก่งขึ้นไปร้องใหม่”
เก่งรีบทำตามที่มะขิ่นแนะนำ มะขิ่นกระซิบข้าวหอม เก่งร้องเพลงต่อ ข้าวหอมเดินออกไปแล้วค่อยเดินไปมอบดอกไม้ ยิ้มหวานให้เก่ง เก่งมองตะลึง บัวกระซิบถามมะขิ่น
“จะได้ผลเหรอมะขิ่น”
“ได้ซิ อานุภาพแห่งความรักพิชิตได้ทุกอย่าง”
มะขิ่นพูดไม่ทันขาดคำ เก่งใจลอยเอื้อมมือมารับดอกไม้จนพลัดตกเวที ครามตกใจ ถาม
“เก่งหายไปไหนแล้ว”
เก่งค่อยลุกขึ้น หัวมีฟางข้าวติดอยู่ เขายิ้มอายๆ
“ฉันอยู่นี่”
คราม บัว ส่ายหัว
“ขืนถ้าแกร้องอย่างนี้มีหวังตกรอบแน่ๆ”
“งั้นพวกเราก็หมดหวังนะซิ” บัวบอก
เก่งหน้าเศร้า ข้าวหอมเข้าไปปลอบทุกคน มะขิ่นปิ๊งไอเดียนึกออก
“ฉันว่ายังพอมีโอกาสนะ”
เก่งรีบถาม “ทำอย่างไร”
“เราต้องหามืออาชีพมาเป็นเทรนเนอร์”
“เทรนเนอร์” เก่งตกใจ
สมชาย สาลี่ ครูห่าน กลับเข้ามานั่งโต๊ะกรรมการเหมือนเดิม นก มด ปลา นำเสนอนักร้องคนต่อไป
“นักร้องหนุ่มลูกอีสานพันธุ์แท้”
“ได้รับการฝึกฝนจากเทรนเนอร์มืออาชีพ”
“เสียงใสดังนกแก้วสาลิกา”
“เขี้ยวเพชร ศิษย์แป๊ะทง”
สมชายหันมาถามครูห่าน
“ตกลงนี่มันนักร้องหรือนักมวย หวังว่ามันคงไม่กระโดดดึ๋งๆเป็นผีจีนออกมาหรอกนะ”
“ไม่หรอกค่ะบอส”
“ไม่เป็น”
“ไม่แน่ค่ะ”
สมชายกับครูห่านจะเถียงกันต่อ แต่เสียงเพลงที่เขี้ยวเพชรร้องนั้นเพราะจับใจ ทำให้ทุกคนถึงกับหยุดนิ่ง หันไปมองที่เวที แต่เวทีว่างเปล่า เขี้ยวเพชรยังร้องอยู่หลังเวที สาลี่ถึงกับชม
“คุณอาคะ คนนี้เสียงดีมากน่าจะใช้ได้”
“นี่แหละ เพชรนํ้าเอก ช้างเผือกในป่าที่เราหามานาน” ชมชายบอกอย่างมีหวัง
ครูเป็ดรีบบอก “โชว์ตัวซิจ๊ะพ่อรูปหล่อเสียงดี”
นก มด ปลา ยิ้มแห้งๆ กวักมือเรียกเขี้ยวเพชรออกมา สมชายรีบบอก
“เสียงดีแบบนี้ เราต้องขายอัลบั้มดีเป็นเทนํ้าเท”
สมชายพูดไม่ทันจบ นั่งอ้าปากค้าง เห็นเขี้ยวเพชรเดินออกมาเป็นคนแคระตัวเล็ก สาลี่ตกใจ
“เสียงดีแต่หน้าเห...แบบนี้ออกอัลบั้มมีหวังไล่แจกก็ไม่มีคนซื้อ”
ครูห่านค้อนวงใหญ่ “นึกว่าเจอช้างเผือก ไหงกลายเป็นเห็บหมาไปได้”
สมชายร้องห้าม “พอแล้ว ไม่เอาแล้ว เตรียมตัวเดินทางไปปากช่องเลย ถ้ายังหาไม่ได้อีกก็ไม่ต้องทำชุดใหม่แล้ว และงานนี้ เรยา นักร้องเทวดาของแกต้องไปเป็นกรรมการด้วย”
สมชายบอกสาลี่อย่างหงุดหงิด
เก่งและทุกคนนั่งหน้าเซ็งๆ ในโรงนา บัวเริ่มพูด
“เราจะไปหาที่ไหนล่ะเทรนเนอร์เนี่ย แถวบ้านเราฉันไม่เห็นจะมีใครสักคนที่มีความสามารถ”
ครามเห็นด้วย “นั่นซิมะขิ่น เราจะไปหาที่ไหน”
“ที่สีคิ้ว สมัยก่อนแกเป็นคนมีชื่อเสียง สอนนักร้องดังมานักต่อนักแล้ว”
ข้าวหอมท้วง “สีคิ้วไม่ใช่แคบๆ นะ เราจะหาแกเจอได้ยังไง”
เก่งรีบบอก “ถึงยากแค่ไหนเราก็ต้องลองดู”
“งั้นพรุ่งนี้เราเดินทางกันแต่เช้ามืด”
ทั้งหมดพร้อมใจเห็นด้วยกับความคิดของมะขิ่น มีเพียงเก่งที่รู้สึกกังวลใจ
เช้ามืด เก่งช่วยอรจัดข้าวของอย่างรวดเร็ว อรออกมาดูเห็นทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“โอ้โหใครเตรียมข้าวของไว้เนี่ย”
“ฉันเองจ้ะน้าอร ฉันตื่นมาแต่เช้าก็เลยจัดเตรียมไว้ให้ น้าอรตื่นมาจะได้อาบนํ้าเตรียมตัวแล้วไปได้เลย”
“ยังเช้าอยู่เลย น้าอรทำเองก็ได้ มีอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า ฉันจะขอน้าไปช่วยเจ้าครามมันซ้อมมวย ช่วยเพื่อน และได้เงินด้วย”
“เสี่ยกำธรน่ะเหรอจะจ้าง น้าว่าอย่าไปเลย”
“ไม่ใช่หรอกน้าอร พวกครูมวยเขาจ้างพิเศษเอง ให้ฉันไปนะ”
“ขยันจังนะเรา อยากไปก็ไปซิลูก”
“น้าอรน่ารักที่สุดในโลก”
เก่งหอมแก้มอรแล้วรีบออกไป อรมองตามอย่างเอ็นดู
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ข้าวหอมและบัวย่องลงมาจากด้านบนร้านเสริมสวย เหมือนสายลับกำลังจะออกไป บัวให้สัญญาณว่าไม่มีใครอยู่ ข้าวหอมเดินตามบัว เจ๊ลำไยยืนดักอยู่
“นั่นพวกแกจะไปไหนกัน ทำอะไรลับๆ ล่อๆ หรือแกสองคนนัดผู้ชาย บอกความจริงมานะ แกนัดใคร”
บัวรีบบอก “คือฉันนัดกับมะขิ่นเอาไว้ ว่าจะไปฝึกซ้อมงานประกวดนางงามท้องนาจ้ะ”
“ส่วนข้าวหอมไปเป็นเพื่อนจ้ะ”
“แล้วทำไมต้องเดินย่องๆ แอบๆ”
บัวอึกอัก “คือมันเป็น”
“แผนการเดินสำหรับผู้ที่จะเข้าประกวดต้องเดินย่องๆ แบบผู้ดีจ้ะ”
เจ๊ลำไยมองอย่างสงสัย
“จริงอ่ะ แกไม่ได้นัดพวกหนุ่มๆ นะ”
“จริงซิเจ๊ ใครจะกล้ามาจีบฉันถ้าเป็นข้าวหอมล่ะไม่แน่”
“เออจริง ม้าดีดกะโหลกอย่างเอ็งใครจะชอบ แล้วทำไมนังมะขิ่นมันถึงเลือกแกแทนที่จะเลือกข้าวหอม”
“ฉันไม่เอาหรอกขออยู่เป็นกำลังใจข้างๆ บัวดีกว่า”
เจ๊ลำไยคุยอวดหลาน “นี่ถ้าฉันมีเวลา ตำแหน่งขวัญใจนางงามบ้านนาคงจะไม่หนีไปไหน ฉันเบื่อแล้ว รางวัลเต็มตู้ แกสองคนไปช่วยมะขิ่นก็ดี เผื่อจะมีโอกาสได้รางวัลแบบฉันบ้าง”
บัวรีบบอก “งั้นฉันจะไปแล้วนะ”
“เออ ไปเถอะ แต่ถ้าตกรอบแรกก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะแกอาจจะสวยสู้ฉันไม่ได้ อ้าวพูดยังไม่จบเลยไปซะแล้ว กะว่าจะสอนเคล็ดลับซะหน่อย”
เจ๊ลำไยเตรียมเปิดร้านไปบ่นไป
ที่ค่ายมวย ครามซ้อมมวยอยู่จนเหงื่อท่วมตัว เหลือบมองนาฬิกาแล้วรีบเตรียมตัวออกไปข้างนอกเมฆ ดุ่ย ดุ๋ย เข้ามาขวาง เมฆถาม
“เอ็งจะออกไปไหนวะไอ้คราม”
“จะออกไปวิ่ง
“วิ่งที่ไหน”
“ก็วิ่งไปเรื่อยๆ”
“ดี งั้นฉันไปด้วย”
“ได้ เที่ยวนี้ฉันกะว่าจะวิ่งสัก 50 โลจะไปด้วยกันไหม”
ดุ่ยตกใจ “โอ้โห ไปตั้ง 50 โล”
“พี่เมฆจะไปก็ไปเถอะ ฉันสองคนไม่ไปนะ”
เสี่ยกำธรยิ้มเข้ามาสมทบ
“เอ็งขยันซ้อมแบบนี้ได้เป็นแชมป์แน่ พวกแกไม่ต้องไปกวนเขา ถ้าว่างนักก็ตามฉันมา ฉันมีงานให้ทำ”
เมฆมองครามอย่างสงสัย แต่จำใจต้องเดินตามพ่อไป ครามมองตามยิ้มๆ
เก่ง ข้าวหอม มะขิ่น บัว คราม เดินเข้ายืนที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มะขิ่นพูดขึ้น
“บ้านหลังนี้แหละฉันไปสอบถามมาแล้ว”
“ทำไมมันรกร้างวังเวงอย่างนี้ล่ะมีคนอยู่รึเปล่า” ข้ามหอมแปลกใจ
“ดูวังเวงเหมือนบ้านผีสิงเลยกลับกันเถอะ” บัวหวาดๆ
“เดี๋ยว เสียงอะไร ทุกคนได้ยินเสียงเหมือนฉันไหม”
ทุกคนมองหน้ากันเพราะไม่ได้ยินอย่างที่เก่งบอก เก่งเดินตามเสียงไป ทุกคนเดินตาม เห็นตาซุปกำลังเคาะขวดที่ใส่น้ำต่างระดับ ให้จังหวะเป็นเสียงเพลง บรรดาสัตว์ เป็ด ไก่ หมา ต่างเห่าหอนตามตาซุป ตาซุปทำเหมือนคอนดักเตอร์วงดนตรี ทุกคนพากันแปลกใจ ตะลึงกับภาพที่เห็น ตาซุปบรรเลงเพลงสัตว์จนจบ เก่งมองด้วยความศรัทธา ครามพูดเสียงดัง
“ขนาดสัตว์ยังร้องไพเราะขนาดนี้แล้วคนจะเหลืออะไร”
ตาซุปหันมามองทุกคน
“พวกแกมาหาใคร มีธุระอะไร”
เก่งยิ้มหวานให้ ก่อนบอกจุดประสงค์ ตาซุปจ้องมองเก่งแล้วพูดตัดเยื่อใย
“ฉันไม่รับเป็นศิษย์หรอก กลับไปซะ”
“รับฉันเป็นศิษย์เถอะครู ขนาดสัตว์ ครูยังสอนได้ คนโง่ๆ อย่างฉันครูต้องสอนได้แน่”
“เก่งเสียงดีนะครู” ข้าวหอมรีบบอก
“เสียงดีก็ไม่ต้องมาให้ข้าสอนแล้ว”
“เสียงดีแต่ขาดประสบการณ์” ครามอธิบาย
บัวรีบเสริม “จริงจ้ะครู เสียงดีแต่ร้องเหมือนหุ่นกระบอก”
“เก่งร้องเพลงให้ครูฟังซิ”
มะขิ่นยุ เก่งเตรียมตัวจะร้องเพลงให้ตาซุปฟัง ตาซุปยกมือห้าม
“ฉันจะรับแกก็ได้ แต่มีข้อแม้ พวกแกต้องเป็นสัตว์หรือเป็นแมลง พอเป็นได้ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้ก็ออกไป”
ตาซุปไล่อย่างไม่ใส่ใจ ทุกคนผิดหวัง
ที่บ้านค่ายเพลง ทุกคนกำลังเก็บข้าวของลงกล่องเตรียมตัวไปจัดประกวดที่ปากช่อง นกถามขึ้น
“ปากช่องอยู่ตรงไหนของประเทศไทยอ่ะครูห่าน”
“อยู่ไม่ไกลหรอก ไปทางโคราช ไม่ค่อยจะเจริญเท่าไร”
“ที่เราจะไปค้นคว้าหาดาวมันจะมีเหรอครู” ปลาถาม
มดท้วง “ทำไมไม่ไปที่เคยมีศิลปินดังๆ อย่างเช่นสุพรรณ ยังมีพุ่มพวง ภาคใต้มีเอกชัย ส่วนปากช่องเนี่ยฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครดังในอดีต”
“ก็ยังดีกว่าที่ผ่านมานึกแล้วยังสยอง”
“ไปคราวนี้พวกเราจะคว้านํ้าเหลวไหม” ปลาถาม
ครูห่านถอนใจ “เฮ้อ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
นก มด ปลา พูดพร้อมกัน
“งั้นพวกเราโอกาสตกงานสูง”
“งานนี้ยากยิ่งกว่าหาเพชรในตรม”
ครูห่านพูดอย่างหนักใจ
เก่งนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าตาซุป
“ต่อให้เอ็งนั่งคุกเข่าเลียนแบบหนังจีนจนตายข้าก็ไม่ยอมรับเอ็งเป็นศิษย์หรอก”
“สอนฉันเถอะครู ครูเป็นความหวังเดียวของฉัน”
“ขอโทษด้วยนะ ข้าเคยสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วเมื่อ 20 ปีที่แล้ว พวกเอ็งกลับไปเสียเถอะเสียเวลาเปล่า”
ตาซุปเดินออกไป เก่งหันไปปรึกษาพรรคพวก
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี ขืนเป็นแบบนี้ฉันก็ไม่มีทางชนะการประกวด ความหวังทุกอย่างพังทลาย”
“อย่าเพิ่งท้อซิ ยังพอมีความหวัง” ข้าวหอมปลอบ
“ถ้าแผนหนึ่งไม่ได้ก็ต้องใช้แผนสอง” ครามบอก
“แล้วแผนสองเป็นยังไงล่ะ” บัวรีบถาม
“เราก็ต้องช่วยกันคิด ทำให้แกเปลี่ยนใจ”
“นารีพิฆาต ถ้าไม่ยอมแบบนี้ เห็นทีต้องใช้แผน”
มะขิ่นเสนอ ทั้งหมดเข้ามาสุมหัวกัน
ตาซุปเดินหนีพวกเก่งมาหลังบ้าน ได้ยินเสียงคนอาบนํ้าที่บ่อนํ้าหลังบ้าน เขาย่องเข้าไปดู เห็นมะขิ่นกำลังอาบนํ้าอยู่อย่างยั่วยวน ตาซุปตะลึง
“อู๊ย”
นกและสัตว์ต่างๆ ที่เลี้ยงไว้ ต่างร้องออกมาทั้งหมด ตาซุปดุ
“เงียบๆ จะร้องทำไมเนี่ย มันเรื่องของมนุษย์”
สัตว์ทั้งหลายต่างเงียบ
“นั่นใครน่ะ ตาซุปเหรอ ขอโทษทีฉันร้อน ขออาบนํ้าหน่อยนะ”
“เชิญเลยตามสบายจ้า”
“ช่วยหยิบหินขัดตัวให้หน่อยซิจ๊ะ”
“เอ่อ หินขัดตัว ได้ๆ”
ตาซุปหยิบหินขัดตัวมาให้ เหลือบมองมะขิ่นอย่างเขินอาย
“เอ่อ นี่จ้ะหิน”
“ช่วยฉันขัดหลังให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ”
“เออๆ ได้”
ตาซุปขัดหลังให้มะขิ่น เหลือบมอง ขัดไปสวดมนต์ไป
“ขัดแรงๆ หน่อยซิจ๊ะลุง มือลุงนิ่มจริงๆ ขัดขึ้นขัดลงยาวๆ อย่าหยุดนะลุง อย่าหยุด”
“นะโมตะสะ พอแล้วๆ หยุด ข้าไม่ทำตามพวกแกแล้ว พวกแกออกมาให้หมด ถ้าไม่ออกมาข้าจะไล่ออกไปให้หมด”
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
เก่ง คราม บัว ข้าวหอม ค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อน ยิ้มแห้งๆ ทุกคนนั่งหน้าจ๋อยที่แผนแตก ถูกจับได้ ตาซุปเดินหอบของเข้ามา
“เอ้า ดูนี่ซะ นี่คือลูกศิษย์คนสุดท้ายที่ข้าสอน”
ตาซุปโยนปกแผ่นเสียงกล้าให้ดู พูดอย่างขมขื่น
“ข้าภาคภูมิใจมากกับสิ่งที่ข้าสอน เขาเรียนรู้ได้ไวและมีพรสวรรค์จนโด่งดังมีชื่อเสียง แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่ข้าสอนจะกลับมาทำร้ายตัวเขาเองในภายหลัง”
“กล้า เสียงเพชร” เก่งรู้จัก
“ใช่ มันถูกยิงตายก็เพราะข้าสอนมันร้องเพล
สิ่งที่ข้าสอนกลับมาพรากชีวิตมันไป มันเป็นเพราะข้าเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเอง ถ้าข้าไม่สอนมันร้องเพลงมันก็คงไม่ตาย”
“กล้า เสียงเพชร เป็นพ่อของผมเองครับครู”
“อะไรนะ กล้าเป็นพ่อของเอ็ง”
เมฆ ดุ๋ย ดุ่ย เดินเข้ามาในตลาด
“วันนี้ข้าอยากมีเรื่องว่ะ รู้สึกคันไม้คันมืออยากกระทืบคนว่ะ”
“ได้เลยลูกพี่”
“เดี๋ยวจัดให้เลย”
ดุ๋ยกับดุ่ยเข้าไปจับชายหนุ่มที่เดินมาอยู่ข้างทาง
“มานี่ ทำเฉยๆ มา ให้ลูกพี่ข้าตบซะดีๆ”
“เชิญตบเลยลูกพี่”
“ใครว่าข้าตบมัน ปล่อยมันไป นี่แกสองคนไม่รู้เลยเหรอว่าข้าอยากมีเรื่องกับใคร”
“ไอ้เก่ง”
“ไม่รู้ช่วงนี้มันหายไปไหน”
“ร้านเจ๊ลำไยก็ไม่มี ข้าวหอมกับบัวก็ไม่อยู่”
“เอ็งดูแน่ใจแล้วนะ”
“แม้แต่ร้านมะขิ่นคนสวยก็ไม่เห็นใครเลย”
“มันหายไปไหนกันหมดวะ”
“หรือว่ามันแอบหนีไปเที่ยว พาข้าวหอมไปสวีท”
“พอแล้วไม่ต้องพูด เจ็บใจนัก ข้าจะต้องตามหามันให้เจอ แม้ว่าจะพลิกแผ่นดินปากช่องหาก็ตาม”
“แล้วถ้าไม่เจอในปากช่องล่ะลูกพี่”
“แม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินทั้งโลกก็ตาม ข้าต้องตามหามันให้เจอ”
ตาซุปนั่งนิ่งพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
“โลกมันกลมซะเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อ ฟ้าจะลิขิตให้ข้าได้มาเจอะเจอกับเอ็ง หรือเป็นลิขิตของสวรรค์”
“สรุปครูจะรับพี่เก่งเป็นลูกศิษย์ไหม พวกฉันหนีมาหาครู 2 วันแล้วนะ” บัวถาม
“ของดีมันต้องใจเย็นๆ”
ข้าวหอมรีบถาม “แบบนี้เขาเรียกว่ารับหรือเปล่ามะขิ่น”
“ฉันจะไปรู้เหรอ”
“ตกลงจะรับฉันเป็นศิษย์ไหมครู”
“อุวะ ถึงขั้นนี้แล้ว ข้ารับเอ็งเป็นศิษย์ไอ้เก่ง”
ทั้งหมดดีใจ
“งั้นฉันร้องเพลงให้ครูฟังเลยนะ”
เก่งเริ่มร้องเพลง ตาซุปยกมือห้ามอีกครั้ง
“เก็บเสียงของเอ็งไว้พรุ่งนี้ดีกว่า แล้วมาแต่เช้า ยังไม่ต้องร้อง เก็บเสียงไว้พรุ่งนี้มาก่อนไก่โห่ พวกเอ็งกลับไปกันได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน”
ตาซุปเดินออกไป ครามเริ่มกังวล
“พรุ่งนี้ฉันคงมาไม่ได้ หนีซ้อมมา 2 วันแล้ว”
“ฉันกับบัวด้วย ขืนมาอีกเจ๊ลำไยจับได้พอดี” ข้าวหอมบอก
“ฉันก็เหมือนกัน ปิดร้านบ่อยเดี๋ยวลูกค้าหายหมด” มะขิ่นบอกเช่นกัน
“ถ้าไม่มีใครมา ฉันก็จะมาแค่คนเดียว”
เก่งพูดอย่างมุ่งมั่น
ที่ร้านเสริมสวย มะขิ่นแสดงความดีใจที่เก่งได้เป็นศิษย์ตาซุป
“ฉันขอแสดงความยินดี ดีใจด้วยนะที่จะได้สานฝันให้เป็นจริง”
“คราวนี้พี่เก่งจะได้พิสูจน์ตัวเอง” บัวบอก
“ทำให้เต็มทีนะเพื่อน” ครามให้กำลังใจ
“ดีใจด้วยนะพี่เก่ง ตั้งใจฝึกซ้อม ถึงผลการแข่งขันครั้งนี้จะออกมายังไง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะข้าวหอมก็จะให้กำลังใจพี่เก่งตลอดไปนะจ๊ะ”
“ขอบคุณมากนะข้าวหอมที่คอยให้กำลังใจฉันมาตลอด”
ครามแกล้งไอทัก
“เอ้า แหละฉันเองก็ขอขอบคุณทุกคนด้วยที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจฉันมาตลอด ฉันจะทำจนสุดความสามารถไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็ตาม”
ทั้งหมดจับมือแสดงความยินดีกัน กลุ่มเมฆแอบมองดูอยู่ห่างๆ
“พวกมันฉลองอะไรกันวะ”
“หรือว่ามันถูกหวย” ดุ๋ยเดา
ดุ่ยกับดุ๋ยต่างเดาไปต่างๆ นานา จนเมฆรำคาญ
“พอแล้วพวกเอ็ง ไม่ต้องเดา คอยเฝ้ามันอย่าให้คลาดสายตา สะกดรอยตามมัน”
ดุ๋ยกับดุ่ยรับฟังเจ้านาย
ตอนเช้า เก่งค่อยๆ ย่องออกมาเปิดประตูแล้วรีบออกไป อรเดินออกมาเห็นหลังไวๆ บ่น
“ออกไปไหนแต่เช้ามืด มีซ้อมทุกวันหรือไง”
อรมองตามเก่งอย่างสงสัย
ตาซุปกำลังให้อาหารสิงสาราสัตว์ที่ตนเองเลี้ยงเอาไว้ พลันได้ยินเสียงเพลงที่เก่งร้องมาแต่ไกล
“สวัสดีครับครู วันนี้เราจะเริ่มต้นเพลงช้าหรือเพลงเร็ว จังหวะร็อค หรือแร็พหรือว่าจะแดนซ์เพลงอะไรกันดีจ๊ะ”
“เอานี่ไปให้อาหารสัตว์เสร็จแล้วคอยดูให้มันร้องแล้วร้องตามเสียงมัน ฟังให้ดีอย่าให้เสียงเพี้ยน”
เก่งทำตามที่ตาซุปบอก นกร้อง เก่งร้องตาม ไก่ร้อง ก็ร้องตาม เป็ดร้อง ร้องตาม เขายอมทำตามโดยมีตาซุปคอยดูอยู่ใกล้ๆ ทั้งวัน
เมฆซ้อมอยู่บนเวทีมวย มีคนคอยล่อเป้า เมฆเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ครามซ้อมเสร็จจะเดินลงจากเวที
“จะไปไหนวะไอ้คราม”
“จะไปไหนข้าก็จะไปซ้อมกระสอบทรายต่อ หลีกไป หรือว่าเอ็งอยากเป็นกระสอบทราย”
เมฆหลีกทางอย่างงงๆ
“ทำไมมันไม่ออกไปไหนวะ”
เวลาเดียวกันนั้น ดุ๋ยแอบมองบัวกับข้าวหอมที่ช่วยกันทำงานเสิร์ฟให้กับลูกค้าภายในร้าน อรก็ขายขนมอยู่ข้างๆ ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างปกติ ดุ๋ยไม่เห็นใครออกไปไหนเลย
ภายในร้านเสริมสวย มะขิ่นกำลังวุ่นกับลูกค้าที่เข้ามาทำผมจนแน่นร้าน แหม่มถามอย่างแปลกใจ ดุ่ยแอบฟังหน้าร้าน
“หายไปไหนมาตั้ง 2 วัน”
“พาบัวไปสมัครนางงามบ้านนา”
“ม้าดีดกะโหลกอย่างนั้นจะเป็นนางงาม สู้ฉันก็ไม่ได้”
“สู้ได้ไม่ได้ บัวมันแต่งตัวขึ้นมาก็สวยกว่าแกแล้วกัน”
“แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ”
“ลูกค้าเต็มร้านแบบนี้จะให้ฉันออกไปไหน เงินทั้งนั้น ว่าแต่แกเสร็จตั้งนานแล้วนี่ไปได้แล้ว”
“ไม่ไป อยู่เมาท์เรื่องคนอื่นดีกว่า”
“ตามใจ”
มะขิ่นทำงานต่อ แหม่มก็ชวนคนโน้นคนนี้คุยต่อ ดุ่ยนิ่งคิด
สัญญาเมื่อสายัณห์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
เมฆยืนรอดุ่ยกับดุ๋ยอย่างใจจดใจจ่อ ดุ่ยเข้ามา
“เป็นไงบ้างว่ะไอ้ดุ่ย พวกมันออกไปไหนกันหรือเปล่า”
“ไม่เห็นข้าวหอมกับบัวมันออกไปไหนเลยลูกพี่ ทำงานอยู่ในร้านทั้งวัน”
“ไอ้ครามก็เหมือนกัน เอาแต่ชกมวยทั้งวัน แล้วไอ้ดุ๋ยมันไปไหนวะ”
ดุ๋ยทำทรงผมแปลกๆ เดินเข้ามา
“ฉันอยู่นี่”
“แกเป็นใครวะ มาอ้างเป็นไอ้ดุ๋ย”
“ฉันไอ้ดุ๋ยตัวจริงเสียงจริงฉันเองพี่”
“แล้วทำไมทำผมซะจนจำไม่ได้”
“ก็ต้องไปแฝงตัวเลยต้องทำผม”
“ได้เรื่องยังไงบ้างวะ”
“แขกเต็มร้าน เจ๊มะขิ่นยุ่งมากกว่าจะทำผมเสร็จคงเย็น ดูแล้วคงไม่มีทีท่าว่าจะออกไหน”
“มันแปลกๆ ทุกคน ไม่ออกไปไหนเลยแล้วไอ้เก่งล่ะ”
“ใช่แล้วไอ้เก่งล่ะ”
“ใช่ไอ้เก่ง”
“แล้วใครดูไอ้เก่ง” เมฆถาม
“นั่นน่ะซิ ใครดูไอ้เก่ง”
“ไอ้โง่เอ๊ย พลาดได้ยังไง พวกเรามัวแต่เฝ้าดูคนอื่นๆ จนลืมไอ้เก่งไปเลย ทำไมถึงโง่อย่างงี้ลืมไอ้เก่งได้ยังไง”
“ใช่ลูกพี่โง่จริงๆ”
เมฆตบหัวทั้งคู่
“พอได้แล้ว ต่อไปนี้แกทั้งคู่จับตาไอ้เก่งไว้อย่าให้คลาดสายตา ข้าต้องรู้ว่ามันไปไหนให้ได้ ไอ้เก่ง”
เมฆมุ่งมั่นมาก
เรยาเดินออกมานอกระเบียงได้ยินเสียงเพลงที่บรรเลงโดยภูมิ นักแต่งเพลงลอยมาแต่ไกล
“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมซุปเปอร์สตาร์อย่างฉันต้องไปเป็นกรรมการที่ปากช่อง”
สาลี่เห็นด้วย “นั่นน่ะสิ เราเป็นถึงซุปตาร์ มีใครบ้างไหมในบ้านเมืองนี้ที่ไม่รู้จักเรยา ศิลปินนักร้องเสียงหวานเจ้าของตำนานสาวภูธรแดนซ์สะท้านโลกัณต์”
เสียงเพลงลอยเข้ามา สาลี่ทักขึ้น
“พูดถึงเพลงเพลงก็มา”
เรยานึกถึงอดีตที่โด่งดังของเธอเมื่อฟังเพลงนี้ สะบัดหน้าหนีเดินเข้าห้อง สั่งสาลี่
“เข้ามาแล้วปิดประตูด้วย ฉันไม่ได้อยากฟัง เพลงสมัยไหนก็ไม่รู้”
“แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ขายดีที่สุด มากกว่าทุกอัลบั้ม ยอดขายถล่มทลายดังทั้งนักร้องและโปรดิวเซอร์”
เ“แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ดังเหมือนแต่ก่อนล่ะ”
“เรื่องนี้เธอต้องไปถามคุณภูมิ โปรดิวเซอร์ของเธอซิจ๊ะ”
“ถามทีไรก็บอกว่ายังไม่ใช่เวลานี้ไม่เหมาะกับเรยาเลย บอกตรงๆ นะ นี่ถ้าไม่อยู่ค่ายเดียวกันไม่มีวันได้เห็นหน้าฉันหรอก”
“ถ้าไม่อยากเห็นหน้าตาคุณภูมิสุดหล่อก็ไปเที่ยวปากช่องสักพัก”
“โอ๊ย อะไรกันนี่ นี่ฉันเลือกไม่ได้เลยใช่ไหม บอกตรงๆ ฉันไม่ชอบทั้งสองอย่าง ฉันไม่อยากไปบ้านนอก”
ภูมิเล่นเพลงจบลง นก มด ปลา แอบตบมือปลื้ม
“เพราะจังเลยครูภูมิ แต่งเพลงแบบนี้ให้พี่สักเพลงสิ”
“พี่ด้วย”
“เพลงแบบนี้ไม่เหมาะกับคาแร็กเตอร์ของพวกเธอหรอก”
“คาแร็กเตอร์ของพี่เป็นยังไง” มดถาม
“เอ่อ คาแร็กเตอร์”
ภูมิทำท่าจะลุกหนี นกขวางทาง ทำท่ายั่วๆ หื่นๆ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คาแร็กเตอร์มันคืออะไรคะ มันเป็นตัวอะไรคะ อยู่ตรงไหนคะW
“หมายถึงบุคลิกภาพประจำตัวของพวกเธอ อย่างเธอหวาน อย่างเธอเปรี้ยวอย่างเธอเค็ม”
“ทำไมพี่ต้องเค็มด้วยคะ เคยชิมแล้วเหรอถึงรู้ว่าเค็ม” ปลาถาม
“ผมเอ่อ ล้อเล่น คือเพลงแต่ละเพลงมันเหมาะกับคนแตกต่างกัน”
“คงต้องรอไปก่อนนะใช่ไหมคะ”
ครูห่านเข้ามา “แต่เรื่องนี้ไม่ต้องรอ ไปทั้งสามคน ไปช่วยกันเก็บข้าวของ มัวแต่อู้ วุ่นวายกวนคุณภูมิเขาอยู่ได้ นังชะนีทั้งหลายไปได้แล้วไป”
นก มด ปลาเดินหน้างอออกไป
“เด็กพวกนี้มารบกวนอะไรคุณรึเปล่าคะ ทำให้เสียอารมณ์หมดเลยเนอะ ยังไงต้องขอโทษนะครู”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ไม่ได้รบกวนอะไรผมเลย”
“ทำอะไรอยู่หรือคะ”
“กำลังเขียนโน้ตอยู่ครับ”
“ช่วยสอนโน้ตห่านได้ไหม พอดีอยากมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวโน้ตอยู่พอดี”
“ได้สิครับ โน้ตตัวไหนเป็นพิเศษ โดเรมีฟาซอลลาซีโด”
“เอาสองตัวพอค่ะ เอาโดโด่เอาสองตัวนี่พอค่ะ”
มด ปลา ออกมาดึงครูห่านกลับเข้าไป
“มานี่เลยครูห่าน เผลอไม่ได้เลยนะ”
เก่งช่วยอรจัดร้านกาแฟอย่างเร่งรีบ
“เรียบร้อยแล้วครับน้าอร”
“ทำเสร็จเร็วจัง”
“ผมไปก่อนนะครับ”
เก่งรีบออกไป
“อ้าวเก่งจะรีบอะไรนักหนา ดูซิรีบจนลืมข้าวกล่องจนได้เลย”
อรหยิบข้าวกล่องเปิดดูไม่มีข้าวอยู่ภายในก็แปลกใจ
“แปลกจัง”
ข้าวหอมเห็นเหตุการณ์พอดีรีบแก้ตัว
“ไม่แปลกหรอกจ้ะ ขอนะน้าอร จะเอากล่องไปใส่ข้าวขาหมูที่ซื้อไว้ให้เก่งไปกิน ขอกล่องนะคะ”
ข้าวหอมลุกลี้ลุกลนออกไปอย่างเร่งรีบ
“นี่ก็ท่าทางแปลกๆ อีกคนหนึ่ง”
เจ๊ลำไยเข้ามา
“หนุ่มสาวสมัยนี้มันก็แปลกๆ อย่างนี้เยอะ อย่าไปสนใจมันเลย โตจนป่านนี้แล้วไม่ใช่ลูกแหง่แล้วปล่อยมันไปเถอะ”
บัวรีบบอก “ใช่จ๊ะน้าอร ปล่อยไปเถอะอย่าไปสนใจ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมจ๊ะ”
“ไม่ต้องมาเสนอหน้า มานี่มาช่วยข้าเลย”
เหตุการณ์ทั้งหมดตกอยู่ในสายตาเมฆและพวก เมฆสั่งลูกน้อง
“ตามมันไปอย่าให้คลาดสายตา”
ข้าวหอมตามเก่งจนทัน ก่อนจะนั่งรถไปบ้านตาซุป
“พี่เก่งเดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป”
“ข้าวหอม”
“พี่ลืมข้าวกล่องไว้ ในนี้ไม่มีอะไรเลย ฉันเลยซื้อข้าวขาหมูใส่ไว้ในกล่องให้ แล้วอย่าลืมกินนะ นึกว่าไม่ทันเสียแล้ว”
“ขอบใจมากที่คอยดูแลและช่วยเหลือฉันมาโดยตลอด”
“ไม่เป็นไรหรอก ตั้งใจฝึกซ้อมร้องให้ดี นะฉันเอาใจช่วย”
“จ้ะ ฉันจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ฝากดูแลน้าอรด้วยนะ”
“ได้เลย ไม่ต้องห่วง น้าอรก็เหมือนน้าของฉัน ฉันจะดูแลอย่างดี เอ้าไปได้แล้ว”
“ข้าวหอม ฉันให้สัญญาว่าฉันจะเอาถ้วยรางวัลชนะเลิศมาให้เธอให้ได้”
เด็กรถเข้ามาโบก
“จะตกลงกันอีกนานไหมพี่ คนเต็มแล้วรถจะออกแล้ว”
เก่งยิ้ม เดินขึ้นรถไป ข้าวหอมมองตามโบกมือร่ำลา กลุ่มของเมฆเข้ามาหาข้าวหอม
“ทำท่าทางรํ่าลากันหวานซึ้งขนาดนี้ ไปไหนกันเหรอจ๊ะ”
“จะไปลอนดอน”
“หรือไปหาแรงงานที่ตะวันออกกลาง”
ดุ่ยกับดุ๋ยแซว เมฆรีบถามข้าวหอม
“ไอ้เก่งมันไปไหนเหรอจ๊ะข้าวหอมจ๋า”
“แล้วมันเรื่องอะไรของแก”
“เอ้า ก็เราเป็นแฟนกัน เป็นคู่รักกัน ใครก็รู้”
“ใช่ ลูกพี่”
“เรื่องแค่นี้บอกพี่ไม่ได้เหรอจ๊ะที่รัก”
“ไม่บอก หลีกไป ฉันจะกลับร้าน และจำไว้นะว่าแกกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน หลีกไป”
ข้าวหอมเดินออกไป
“สักวันเธอจะต้องกลับคำพูด มาคุกเข่าต่อหน้าฉัน”
“แล้วเราจะเอายังไงดีกับไอ้เก่ง”
“มันไปนานแล้วนะลูกพี่”
“เอ็งสองคนไปเอารถมา วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าแกไปไหน”
เก่งฝึกซ้อมร้องเพลงอยู่ที่บ้านตาซุป แต่เสียงที่ร้องออกมาเป็นเสียงสัตว์และแมลงต่างๆ ที่ตาซุปเลี้ยงเอาไว้ ตาซุปนั่งกินอาหารไป ฟังเก่งร่วมร้องเพลงกับบรรดาสัตว์และแมลงต่างๆ ที่ตนเลี้ยงไว้
“เอกอีเอ้ก กุ๊กๆ ตุ๊กแก จิ๊บๆ จักจั่น”
เมฆและดุ๋ย ดุ่ย แอบมองอยู่
“ไอ้เก่งมันทำอะไรน่ะลูกพี่”
“นั่นน่ะซิ มันร้องเลียนแบบเสียงสัตว์ เพลงอะไรวะ เงียบดูมันต่อไป”
เก่งร้องต่อจนจบเพลง โดยมีตาซุปเป็นคอนดักเตอร์
“เอาล่ะเริ่มใหม่”
“อะไรกันตา จะให้ฉันร้องใหม่อีกกี่เที่ยวก็ร้องเหมือนเดิม หลายเที่ยวแล้วนะ”
“ข้าบอกให้ร้อง เอ็งก็ต้องร้อง เสียงของเอ็งมันยังไม่หวานพอ ฟังแล้วไม่มีนํ้าหนัก ไม่ชัดถ้อยชัดคำ”
“มันจะชัดถ้อยชัดคำได้ยังไง ที่ฉันร้องมายังไม่มีสักคำที่เป็นเสียงของมนุษย์เลย เป็นเสียงของตุ๊กแกบ้าง เสียงของไก่บ้าง ของเป็ดบ้าง จิ้งหรีดบ้าง จักจั่นบ้าง ครูให้ร้องเป็นเสียงคนเสียงมนุษย์บ้างไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอก เอ็งยังไม่เชื่อข้า ไม่ทำตามข้า เชิญออกไปได้เลย เชิญ”
เก่งจำต้องทำตาม เมฆอมยิ้ม
“ไอ้เก่ง คราวนี้แกตายแน่”
เมฆมาหาอรที่ร้านกาแฟ บอกเรื่องของเก่ง
“ฉันเห็นมากับตา ไอ้เก่งมันแอบไปฝึกร้องเพลงลูกทุ่งเพื่อที่จะประกวดในงานประจำที่ปากช่อง”
“ฉันก็เห็นน้าอร”
“ฉันก็เห็นด้วย”
“ทั้งๆ ที่รู้ว่าน้าอรไม่ชอบให้มันร้องเพลง มันยังอยากจะไปร้องเพลง”
“มันทำอย่างนี้แสดงว่ามันไม่รักน้าอรเลยเหรอ”
“น่าสงสารน้าอรที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิด”
“มันก็รู้ว่าน้าอรเกลียดเพลงลูกทุ่งแค่ไหน ไอ้เก่งมันใจดำจริงๆ”
“มันอยู่ที่ไหนบอกมา”
“ใกล้ๆ อำเภอสีคิ้วนี่เองน้า”
“เดี๋ยวข้าเก็บของเสร็จข้าจะไปเอง”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกฉันช่วยเก็บแล้วพาน้าอรไปดูเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา”
“รีบไปดูหลานอกตัญญู”
“ที่ไม่รักน้าที่เลี้ยงดูตนเอง”
“ฉันเห็นแล้วทนไม่ได้ พวกเราช่วยน้าอรเก็บของนะ”
พวกเมฆช่วยอรเก็บข้าวของ ข้าวหอมและบัวแอบดูอยู่ ข้าวหอมอุทาน
“งานเข้าแล้ว”
“เราจะทำยังไงกันดี”
ทั้งสองคนรีบไปหามะขิ่น
อ่านต่อตอนที่ 3