xs
xsm
sm
md
lg

หน้ากากนางเอก ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 9 
ป้าไก่พาเบอร์รี่เข้าไปยังร้านอาหารข้างทาง เป็นร้านปกติธรรมดา เบอร์รี่แสร้งทำท่าทางตื่นเต้นแบบตื่นตาตื่นใจ

“ขอบคุณพี่ไก่มากๆเลยนะคะ ที่พาหนูมากินร้านอาหารแบบนี้”
ป้าไก่ได้ยินเบอร์รี่เรียกพี่ก็ยิ้ม
“หนูเรียกฉันว่าอะไรนะ”
เบอร์รี่ทำตาแบ๊วๆ
“พี่ไก่ค่ะ”
ป้าไก่หัวเราะ
“ที่ผ่านมามีแต่คนเรียกพี่ว่าป้าไก่พอหนูมาเรียกพี่เลยไม่คุ้น”
“งั้นหนูเรียกป้าก็ได้ค่ะ”
ป้าไก่รีบบอก
“วุ้ย!ไม่เป็นไร เอาที่หนูสบายปาก สบายใจ เรียกพี่ก็พี่...แล้ว..ถามจริงๆ คุณพิมไม่เคยพามากินอะไรแบบนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ....วันๆคุณพิมจะให้หนูอยู่แต่ในบ้าน กินกับข้าวในบ้าน แล้วก็ของเหลือของคุณพิม”
ป้าไก่ตาเป็นประกายได้แง่มุมของพิมพิชชาอีกด้าน เบอร์รี่แอบอมยิ้มจับมือป้าไก่อ้อน
“พี่ไก่อย่าบอกคุณพิมนะคะ ไม่งั้นหนูแย่ๆแน่ๆ”
“ไม่บอกหรอก...แต่หนูก็ต้องบอกเรื่องที่คุณพิม บังคับให้หนูทำเหมือนกัน”
เบอร์รี่ทำหน้าตาแหยมาก แอ๊บกลัวพิมพิชชาไม่กล้าเล่า

ณ ล็อบบี้คอนโดฯ ป้าไก่ นั่งก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข่าวมือรัวคอมพิวเตอร์แบบมันในอารมณ์เป็นอย่างมาก เสียงเบอร์รี่ดัง
“ตอนแรก...หนูก็เข้าใจว่า คุณพิมเป็นคนถูก แต่พอได้รู้ความจริง คุณพิมเป็นคนแย่งท่านอานนท์มาจากคุณเอี๊ยมจริงๆค่ะ”
ป้าไก่อมยิ้มเหมือนได้ข่าวชิ้นโต
“พี่พิมเค้าอยากเป็นข่าวมาก...ถ้าพี่ไก่จะเล่น...เล่นข่าวพี่พิมนะคะ”
ป้าไก่เบ้ปาก
“พี่เป็นนักข่าวมา สามสิบกว่าปี คุณพิมไม่ใช่คนดัง พี่จะโง่ไปเล่นข่าวทำไม”
เบอร์รี่ทำตาแบ๊วๆถาม “แปลว่า”
“เล่นข่าวคุณเอี๊ยมสิ....จะเขียนยังไง ข่าวของคุณเอี๊ยมก็ขายได้ทั้งนั้น”

เบอร์รี่ยิ้ม ขณะแอบมองพิมพิชชาว่ายน้ำอย่างคนที่ดูแลสุขภาพของตัวเอง
“อีกไม่นาน แกจะต้องจดจำฉันไปจนวันตาย...นังพิมแกไม่มีทางลืมฉันแน่ๆ แกคอยกระอักเลือดได้เลยนังพิม”

ที่มุมหนึ่ง ณ หมู่บ้านผึ้ง เอี๊ยมนั่งรอวรรษชลอยู่ตามลำพัง พลางมองดูภาพจากไอแพด เธอเห็นรูปพิมพิชชาร้องไห้ พร้อมข้อความ
“แอ๊บเป็นคนดี น่าสงสาร แต่วงในแฉ คนที่ถูกใส่ร้ายจริงๆแล้วคือเอี๊ยม”
เธอทำหน้าแปลกใจสงสัย ก่อนจะอ่านต่อ
“เพราะขนาดรูปร้องไห้ที่แชร์กันว่อนเนต เมียใหม่ท่านอานนท์ยังแอบถ่ายรูปตัวเองส่งให้นักข่าว หวังสร้างข่าว ถูกรังแก” เธอมองข่าวอย่างไม่เชื่อสายตา “ป็นไปได้ยังไง?...เราไม่ถูกด่า”
เธอนั่งหน้านิ่ว ครุ่นคิดสงสัย ทีมงานผ่านมาถาม
“ไม่เข้าไปดูพี่วรรษถ่ายรายการเหรอครับพี่เอี๊ยม”
“ไม่ละคะ พี่ไม่อยากรบกวน ขอนั่งรอตรงนี้ดีกว่า”
“ถ้างั้นก็ตามใจครับ แต่อีกเดี๋ยวเค้าจะย้ายกองไปถ่ายการคั้นน้ำผึ้งกันสดๆที่ในหมู่บ้าน พี่เอี๊ยมไปดูได้นะครับ” ทีม ชี้ไปบ้านชาวบ้าน “พี่เอี๊ยมไปดูได้เลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ทีมงานเดินไป เธฮนั่งมองข่าว สีหน้าสงสัยเหมือนเดิม ได้แต่พึมพำ
“วงใน??! ใคร...ให้ข่าว”

ในข่าวเดียวกัน พิมพิชชาเนื้อตัวสั่น มองดูภาพและข่าวตัวเอง
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”
“ไม่ดีเหรอคะ พี่พิมเป็นข่าว ข่าวดังซะด้วย พี่พิมคลิกอ่านสิคะ เวปไหนๆก็มีแต่ข่าวพี่พิม”
“มีแต่ด่าฉันน่ะสิ....ฉันไม่อยากจะเชื่อ ว่าวรรษจะทำกับฉันถึงขนาดนี้”
“พี่พิมคิดว่า...คุณวรรษเป็นคนปล่อยข่าวเหรอคะ”
“ก็ถ้าไม่ใช่วรรษ จะเป็นใคร ...ในเมื่อเราส่งรูปให้วรรษ รึแก..ส่งรูปให้คนอื่น” นางจิกผมเบอร์รี่จ้องหน้าเอาเรื่อง เบอร์รี่หน้าซีดเผือด รีบปฏิเสธ
“เปล่านะคะ...หนูไม่ได้ทำ แต่หนูก็ไม่ได้คิดว่าคุณวรรษจะทำเหมือนกัน”
นางจ้องหน้าเบอร์รี่ มือยังคงจิกผมอยู่ “แล้วแกคิดว่าใครทำ”
“คุณเอี๊ยมไงคะ...ไม่งั้นข่าวไม่เขียนเชียร์คุณเอี๊ยมขนาดนี้หรอก...ที่สำคัญ...คุณเอี๊ยมอยู่กับคุณวรรษ ถ้าไม่ใช่คุณเอี๊ยมแล้วจะเป็นใคร”
ดวงตาพิมพิชชาวาวโรจน์โกรธมาก
เบอร์รี่แอบยิ้ม พิมพิชชาค่อยๆคลายมือออกจากหัวของเบอร์รี่ ก่อนคว้าหมับหยิบมือถือขึ้นมา

กองถ่ายสารคดีกำลังเก็บของจะย้ายกองไปที่หน้าบ้านชาวบ้านเตรียมคั้นน้ำผึ้ง อรัญภัทรขยับตัวจะเดินไป แต่มือถือของวรรษที่ฝากเอาไว้ ดังขึ้นมา เอี๊ยมยิ้ม พูดกับตัวเอง
“ฝากมือถือไว้กับเรา...ไม่อยากคุยกับนักข่าวล่ะสิ”
เธอหยิบมือถือออกมา แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชื่อพิมพิชชา
เอี๊ยมโกรธมาก “นังพิม!” ทำท่าจะกดรับ แต่กลับเปลี่ยนใจ เธอสงสัย เบอร์รี่ลุ้น เสี้ยม
“คุณวรรษไม่รับ...เป็นไปได้ว่า คุณเอี๊ยมสั่งห้ามรึเปล่าคะ”
“นังเอี๊ยมมันมีสิทธิ์อะไรไปห้ามวรรษ”
“แฟนรึเปล่าคะ?...พี่พิมก็เห็น เค้าคุยกันอยู่ ขนาดไปถ่ายรายการ เค้ายังไปด้วยกันเลย อ้อ!หนูแอบโทร.ไปถามทีมงานให้แล้วนะคะ...คุณเอี๊ยมไม่ได้เป็นแขกรับเชิญของรายการ”
พิมพิชชาเสียงสั่น ใจหาย
“แปลว่า...”
“เค้าไปด้วยกันส่วนตัวค่ะ”
พิมพิชชากรี๊ด ลืมตัว เขวี้ยงมือถือใส่หน้าเบอร์รี่อย่างจัง เจ็บ ร้องโอ๊ย ส่วนมือถือกระเด็นตกที่พื้น เบอร์รี่กุมหน้าตัวเองที่บาดเจ็บ
พิมพิชชาหยิบมือถือได้ก็กระแทกเท้าเดินเข้าไปด้านใน ทิ้งให้เบอร์รี่นั่งน้ำตาไหล ด้วยความเจ็บปวด สายตาของเบอร์รี่ที่มองพิมพิชชามีแต่ความเกลียดชังขึ้นทุกที เธอถามตัวเอง
“นังพิมมันจะตามตอแยคุณวรรษทำไมนักหนา”
เธอได้แต่สงสัย ก่อนเก็บมือถือเดินไปดูสถานที่เค้าถ่ายทำ

อรัญภัทรเดินไปยังกองถ่าย เห็นภาพชาวบ้านกำลังคั้นน้ำผึ้งป่าแบบสดๆ เห็นรังผึ้งมากมายกองอยู่ในปี๊บ วรรษชลพูดกับกล้อง
“ทันทีที่เก็บรังผึ้งเสร็จก็จะต้องมีการขอขมา ด้วยเครื่องเซ่น เครื่องหอม น้ำปรุง ขมิ้น ยอดไม้ ดอกไม้”
วรรษชลและชาวบ้านขอขมาใต้ต้นไม้ในป่า
“และนี่คือน้ำผึ้งป่าสดๆที่เราได้มา” พลางยกปี๊บน้ำผึ้งที่เห็นรังผึ้งมากมายให้กล้องดู
“รังที่มีตัวอ่อน ชาวบ้านก็จะเก็บไว้ย่างกินเป็นอาหาร และนำไปขาย ส่วนรังที่ถูกคั้นน้ำผึ้งออกไปแล้ว ชาวบ้านก็จะนำมาต้มและคนไปเรื่อยๆ”
ชาวบ้านก่อกองไฟต้มรังผึ้งที่ถูกคั้นน้ำออกไปหมดแล้ว
“จนกระทั่งเดือด จากนั้นนำมากรอง เตรียมเก็บเป็นไขผึ้ง เพื่อใช้ประโยชน์ในทางอื่นๆ เช่นเป็นส่วนผสมของครีมโลชั่น เครื่องสำอางค์ งานหล่อต่างๆและอีกมากมาย”
เธอมองวรรษชลด้วยสายตาชื่นชม

ต่อมา ทุกคนลงมาจากรถด้วยสภาพอิดโรยแต่หน้าตายิ้มแย้มมีความสุข
“ขอบคุณมากนะคะที่พาฉันไปเปิดโลกใบใหม่ คุณทำให้ฉันรู้อีกแล้วว่า...กว่าชาวบ้านจะได้น้ำผึ้งซักหยด มันลำบากมากๆ แต่เค้าก็ไม่เคยที่จะทำน้ำผึ้งปลอมออกมาหลอกลวงใครๆ”
“เพราะเค้ามีความซื่อสัตย์ เค้ามีความนับถือตัวเอง และเค้าก็เห็นคุณค่าในสิ่งที่เค้าทำไง”
“ฉันก็ต้องเห็นคุณค่าในสิ่งที่ฉันทำเหมือนกันค่ะ ฉันเป็นนักแสดง ต่อไปฉันจะทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด … นี่ค่ะ มือถือของคุณ”
“ขอบคุณครับ จะกลับเลยรึเปล่า เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ฉันกลับเองได้...คุณเคลียร์งานต่อเถอะ”
“ไม่เป็นไร..มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมไปส่ง ขอจัดของแป๊บ...คุณรอเดี๋ยวนะ”
วรรษชลเดินเข้าไปด้านในรวดเร็ว ทีมงานคุยกันเสียงเซ็งแซ่
“เอาบะหมี่เปล่า พี่เอี๊ยมเอามั้ยครับ”
“ขอบคุณค่ะ เผื่อคุณวรรษด้วยนะคะ”
“ครับๆพี่ รอเดี๋ยวนะครับ”
ทีมงานเดินไป เธอนั่งรอทีมงานแถวนั้น

วรรษชลเดินเข้ามาเก็บของพร้อมกับเช็กมือถือ เห็นเป็นเบอร์ของพิมพิชชา เขานิ่วหน้า แสดงท่าทีไม่ค่อยชอบใจประมาณ จะโทร.มาทำไม แต่ไม่ได้สนใจจะโทร.กลับแต่อย่างใด

พิมพิชชานั่งหน้าตาบูดเบี้ยวอยู่ที่บ้านไม่มีความสุข เบอร์รี่เดินเข้ามาแอบยิ้มเยาะก่อนจะแอ๊บสงสาร
“คุณวรรษกลับมาแล้วนะคะ”
พิมพิชชาหันมามองเป็นเชิงถาม เบอร์รี่รีบบอก
“หนูเห็นเค้าลงภาพในเพจน่ะค่ะ พี่พิม...ไม่โทร.หาคุณวรรษใหม่ล่ะคะ เผื่อตอนนี้คุณเอี๊ยมกลับไปแล้ว พี่วรรษจะกล้ารับสาย”
“คนอย่างฉันน่ะเหรอ? ต้องโทร. หาวรรษตอนนังเอี๊ยมไม่อยู่ ฉันมาก่อนมัน”
เบอร์รี่แอบเหน็บนิ่มๆ
“แต่ตอนนี้คุณวรรษคบกับคุณเอี๊ยมนะคะ”
พิมพิชชาหน้าเสีย น้ำตารื้นขึ้นมาอีกด้วยความโกรธ เบอร์รี่แอบยิ้มเยาะบอก
“แต่พี่พิมไม่โทร. ก็ได้ค่ะ หนูแค่มาบอกเพราะหวังดี อยากให้พี่พิมกับพี่วรรษคืนดีกันน่ะค่ะ” เบอร์รี่ทำท่าเดินเลี่ยงออกไปด้านนอก แต่แอบมองอยู่มุมประตู
ได้ผล ! นางลังเลอยู่ครู่ กลัววรรษชลไม่รับสาย ก่อนตัดสินใจกดหา เบอร์รี่เบ้ปากใส่เกลียดชัง คิดในใจ
“โทร.ไปเลย เค้าจะได้รำคาญแกหนักมาก นังพิม!! เพราะตอนนี้คุณเอี๊ยม ยังอยู่!” เบอร์รี่ยิ้มพลางก้มลงมองมือถือ
เพจรายการของวรรษชลเห็นนางเอกสาวชูถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปแล้วยิ้ม

เอี๊ยมเดินเข้าไปด้านใน พร้อมถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ถ้วย เสียงมือถือวรรษชลดัง เขามัวแต่ง่วนจัดของ ไม่ได้มองว่าใครโทร.มา เขารับสายพร้อมกดสปีกเกอร์โฟน
พิมพิชชายิ้มอย่างดีใจที่วรรษรับสาย
“วรรษ....พิมดีใจที่สุดเลยที่คุณรับสายพิม”
เขาชักสีหน้า มือที่กำลังจัดข้าวของหยุดไปทันที
“คุณจะโทรฯมาหาผมอีกทำไมพิม”
อรัญภัทรกำลังจะเดินเข้ามาได้ยินวรรษพูดก็ชะงักแอบฟัง พิมพิชชาร้องไห้ละล่ำละลักบอก
“คุณเอี๊ยมทำร้ายพิมอีกแล้ว”
“คุณเอี๊ยมจะทำร้ายคุณได้ยังไง ในเมื่อเค้าอยู่กับผมตลอดเวลา”
เธอเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์ อึ้งไปทันทีที่ได้ยิน
“พูดอย่างนี้แปลว่าอะไร คุณกับเค้าคบกันแล้วเหรอ” พิมพิชชาถาม
วรรษชลระอา
“ผมจะคบกับใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“เกี่ยวสิในเมื่อเราสองคนรักกัน”
นางเอกสาวหน้าซีด ตัวเย็นเฉียบ ตกใจในสิ่งที่ได้ยิน …
“เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ยคะวรรษ ? พิมรู้...ที่คุณคบกับคุณเอี๊ยม จริงๆแล้ว คุณตั้งใจประชดพิม ใจจริงแล้ว คุณยังรักพิมอยู่ คุณไม่เคยลืมพิม”
“มันจบไปแล้วพิม” วรรษชลยืนยัน
“มันจะจบไปได้ยังไง ในเมื่อคุณเคยฆ่าตัวตายเพราะพิม...วรรษคะ คุณอย่าปฏิเสธหัวใจตัวเองเลยค่ะ ผู้ชายคนไหน ฆ่าตัวตายเพราะผู้หญิงได้ เค้าต้องรักผู้หญิงคนนั้นมากๆและพิมก็คือผู้หญิงคนนั้นของคุณ คุณรักพิมค่ะ ได้ยินมั้ย คุณรักพิม”
อรัญภัทรตกใจหน้าซีดเผือด หันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้ยินวรรษชลบอกพิมพิชชาต่อไป
“ผมแค่เมาพิม...ตอนนั้นผมแค่เมา ผมไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายเพราะคุณแม้แต่นิดเดียว ผมขอร้อง อย่าโทรฯมาหาผมอีก” เขากดวางสายทันที
พิมพิชชากรี๊ดออกมาด้วยความแค้นใจ เบอร์รี่แอบมองยิ้มเยาะสมน้ำหน้า




หน้ากากนางเอก ตอนที่ 9 (ต่อ)
อรัญภัทรวิ่งออกมาหยุดยืนที่ด้านนอก หัวใจเต้นรัว ด้วยความตกใจ คาดไม่ถึง

“อีเหี่ยวคือแฟนเก่าของคุณวรรษ”
เธอยืนอึ้ง ตกใจสุดๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกาย ไม่ยอม!
“ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอกอีเหี่ยว”

วรรษชลเดินออกมา สุดจะหัวเสียเรื่องพิมพิชชาโทร.มา วรรษชลกวาดสายตามองหาอรัญภัทร แต่ไม่
เจอ ทีมงานผ่านมา เขาถาม
“พี่เอี๊ยมล่ะ”
“เห็นเอาบะหมี่ไปให้พี่วรรษนี่ครับ ไม่เจอกันเหรอ”
วรรษชลทำหน้างงๆ สงสัย ก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นหวาดวิตก กลัวเธอจะได้ยิน รีบเดินพรวดเข้าไปด้านใน

วรรษชลเดินเข้าไปยังห้องด้านในที่คุยกับพิมพิชชาเมื่อครู่ กวาดตามองแต่ไม่เห็นเธอ ขณะที่อรัญภัทรอยู่อีกห้องหนึ่งที่เป็นห้องรับแขกซึ่งสามารถใช้เป็นห้องพักผ่อนได้ เธอทรุดตัวลงนั่ง พลางวางถ้วยบะหมี่ลง ชะเง้อคอมองไปด้านนอก เหมือนรอวรรษชล ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน ในท่าตะแคงตัว พร้อมทั้งเอามือแบะคอเสื้ออกเล็กน้อยพอเซ็กซี่ คะเนว่าเซ็กซี่สมใจ เอี๊ยมก็ทำท่าแกล้งหลับ เขาเดินหาเธอด้วยความกระวนกระวายใจ พลางตะโกนเรียก
“เอี๊ยมๆ”
วรรษชลเดินหาด้วยความร้อนใจเป็นห่วง

เขาเดินออกมา ทำท่าจะเลยห้องรับแขก แต่สายตาเห็นเธอนอนหลับอยู่ที่โซฟายาวในห้อง เขาถอนหายใจโล่งอก
“มาแอบหลับอยู่นี่นี่เอง”
วรรษชลเดินมาหา เห็นถ้วยบะหมี่วางอยู่บนโต๊ะสองถ้วย เขาอมยิ้ม ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นในลักษณะชันเข่า เรียกเธอเบาๆ
“เอี๊ยม....เอี๊ยม”
เธอแกล้งพลิกตัวในท่าทีเซ็กซี่สุดๆ จนนอนหงาย คอเสื้อเปิดมากกว่าเดิม จนเขาต้องเมินสายตามองไปทางอื่น ก่อนรวบรวมความกล้า เอื้อมมือมา ค่อยๆ ปิดคอเสื้อให้ เธอแกล้งสะดุ้ง
“อุ๊ย! “ เธอแกล้งมองวรรษชลแบบงัวเงีย ปากเผยอตั้งใจเซ็กซี่สุดๆ
เขาอมยิ้ม แอบขำ ละล่ำละลักบอก
“ขอโทษๆ ...ผมเห็นคุณหลับอยู่...เลยจะปลุก”
เธอเอาศอกชันตัวลุกขึ้น ในลักษณะเอนกายนอนพอเห็นหน้าอก
“ฉันง่วงนอนมากนะค่ะ ดูสิ...จะเอาบะหมี่ไปให้คุณ...ก็เผลอหลับไปซะก่อน” เธอแกล้งตาปรือ “คุณทำงานต่อก็ได้นะคะ...เอี๊ยมจะทำหลับที่นี่แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าค่อยไป”
เขาคาดไม่ถึง
“หรือว่าคุณรังเกียจ....ถ้าคุณไม่สะดวก เอี๊ยมกลับเลยก็ได้ค่ะ”
เธอลุกขึ้น พอเดินผ่านเขาก็แกล้งเดินเซๆแบบง่วงๆ ดุนร่างเขาเบาๆให้ชิดขอบโซฟา แล้วแกล้งเข่าอ่อนเซไปชนวรรษอย่างแรง
“ว้าย!”
เธอจงใจกดน้ำหนักลงที่ร่างของเขาจนล้มลงบนโซฟา โดยที่มือกอดเธอไว้แน่น เธอแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ในอ้อมกอดของวรรษชล แต่แอ๊บหน้าซื่อไร้เดียงสา ละล่ำละลักบอก
“ขอโทษค่ะขอโทษ”
“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ”
เอี๊ยมยิ้มเจื่อนๆ วรรษชลยิ้มเขิน เธอพยายามส่งสายตาเชิญชวนเต็มที่ แต่วรรษชลเห็นก็ยิ่งเขิน ค่อยๆดันตัวเอี๊ยมออกจะลุกขึ้นมาเอง เห็นวรรษชลไม่มีทีท่าจะฉวยโอกาส เอี๊ยมก็เขินจริงๆ อุบอิบพึมพำ
“ขอโทษค่ะ”
เธอลุกขึ้น ขยับจะถอยออกมา แต่ขาเกิดชนเข้ากับโต๊ะกลางที่วางบะหมี่เอาไว้ “ว้าย” พร้อมกับร่างเธอเสียหลักทำท่าจะหงายหลัง ลงพื้น วรรษชลตกใจ
“เอี๊ยม”
เขารีบลุกขึ้นคว้าร่างของเธอเอาไว้ เธอที่มารยาอยู่แล้วได้ทีออกแรงดึงร่างของเขาจนล้มลงไปทั้งคู่ โดยที่วรรษชลทาบทับร่างของเธอ แต่มือประคองรองศีรษะธอเอาไว้ไม่ให้กระแทกพื้น สองคนหน้าแทบชนกัน สองคนสบตากัน เธอใจเต้นรัว ตื่นเต้นเขินอายจริงๆ เขาค่อยๆก้มต่ำลงมาเหมือนจะจูบ เธอหลับตาปี๋
วรรษชลถามเบาๆจริงจัง
“ง่วงมากเหรอเอี๊ยม”
เธอลืมตาขึ้นมองเห็นดวงตาของวรรษชล เป็นห่วงจริงจัง เลยได้แต่พยักหน้าแหยๆ เขายิ้มอ่อนโยนบอก
“งั้นเดี๋ยวผมรีบไปส่ง” เขาฉุดมือเธอขึ้น
เธอแกล้งโงนเงนซบวรรษชลอีก พลางบอก
“คืนนี้ขอฉันนอนที่นี่ได้มั้ยคะ”
คราวนี้แทนที่เธอจะเขิน วรรษชลลกลับเป็นฝ่ายเขินซะเอง

ท่ามกลางความมืด เธอนอนอยู่บนโซฟา ในลักษณะหนุนแขนวรรษชลนอน แต่เขาดูจะเบี่ยงตัวออกห่าง ไม่ได้ใกล้ชิดเธอจนเกินไป สองคนหลับสนิทก่อนที่ดวงหน้าของเธอจะส่ายเล็กน้อยๆ ดวงตากระพริบถี่ๆบอกให้รู้ ว่าจริงๆแล้ว เอี๊ยมไม่ได้หลับสนิท
ในความฝัน เธอเห็น สุวรีย์นอนหายใจไม่ออกอยู่บนเตียงนอนที่บ้าน ท่าทางของแม่ทุรนทุรายน่าสงสาร เธอละเมอออกมาเบาๆ
“แม่...แม่”
เขาที่นอนหลับอยู่ได้ยินเสียง สะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้น เห็นเธอนอนละเมอ
“แม่...แม่อย่าเป็นอะไรนะ”
ในความฝัน สุวรีย์ที่หายใจไม่ออก ดวงตาเบิกโพลง กระหายอากาศเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นใจ เอี๊ยมปล่อยโฮออกมา ทั้งๆที่ยังหลับอยู่
“แม่...ทำไม..แม่ถึงทิ้งเอี๊ยมไป....แม่”
วรรษชลเห็นอาการก็ตกใจ เอามือแตะอรัญภัทรเบาๆปลอบ “เอี๊ยม....เอี๊ยม”
เธอยังหลับอยู่
“เอี๊ยมรักแม่...เอี๊ยมอยากอยู่กับแม่...แม่กลับมาหาเอี๊ยมนะคะ”
วรรษชลมองด้วยความเวทนา เอามือแตะปลอบ เหมือนผู้ใหญ่ปลอบเด็ก
“นิ่งนะเอี๊ยม...หลับนะ....หลับ”
เมื่อได้รับการปลอบ เธอค่อยๆสงบลง และค่อยๆเอนหัวมาซบที่อกของวรรษชลเสมือนเด็กน้อยที่ต้องการหาไออุ่นจากคนที่รัก วรรษชลได้แต่มองเวทนา นึกไปถึงพิมพิชชา
“คุณใจดำมาก ที่ทำร้ายคนอื่นได้ขนาดนี้พิม”

วันใหม่ ณ สถานี ThaiTV รถของเจ้เต่าแล่นมาจอด อรัญภัทรกับเขมปัญฑาและเจ๊เต่าเดินลงมา พร้อมกระเช้าผลไม้ เจ๊เต่าว่า
“นี่....ถ้าพวกเราทำตัวดีๆน่ารักๆ ก็ไม่ต้องมาของานจากสถานี ให้อายแบบนี้หรอก”
“เจ๊อย่าว่าเขมเลยคะ...เขมไม่ได้ทำอะไร เอี๊ยมต่างหากที่คอยสร้างเรื่อง”
เจ๊เต่าดุ
“แน่นอน!! เรื่องคุณวรรษเรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ แล้วเมื่อคืนไปไหนมา ทำไมไม่กลับ เจ้รู้จากทีมงานคุณวรรษ มาถึงตั้งแต่ตีสองแล้วไม่ใช่เหรอ”
นางเอกสาวหน้าเจื่อน แก้ตัวพัลวัน
“อ๋อ!! ยังไม่อยากกลับห้องน่ะ เลยไปนั่งคิดอะไรเพลินๆที่สระน้ำ”
“ให้มันจริงแล้วกัน เพราะเรื่องที่เอี๊ยมแอบไปกับคุณวรรษ เอี๊ยมก็ยังไม่ได้คุยกับเจ๊เลย”
“เอี๊ยมไปกับคุณวรรษเหรอ” เขมปัญฑาถาม
เจ๊เต่าหงุดหงิดมองหมั่นไส้
“โอ๊ย!นี่ก็มาถามอะไร?? คนเค้าเมาท์กันให้แซ่ด”
เขมปัญฑาหน้าจ๋อย
“พอดีเขมไม่ได้อ่านข่าวน่ะค่ะ”
“จะคนชม คนด่า ด่าเรา ด่าคนอื่น ยังไงก็ต้องอ่าน เพราะเราอยู่ในวงการ ถ้ามาพูดว่าไม่รู้เรื่อง คนเค้าจะหาว่าแอ๊บ” นางมองนาฬิกาพร้อมกวาดสายตามอง “เออ...ถึงเวลานัดแล้วนี่ ทำไมป่านนี้มะม่วงยังไม่มาอีกล่ะ ถ้าผิดนัดผู้ใหญ่...ตายแน่ๆ”
“เดี๋ยวคงมามังคะ ปกติ มะม่วงเป็นคนตรงเวลา”
“งั้นไปรอกันข้างในกัน”
เจ๊เต่านำทีมเดินเข้าไป พนักงานคนหนึ่งเดินผ่าน ทุกคนยกมือไหว้ด้วยท่าทางอ่อนน้อม เจ๊เต่าย่อตัวแทบจะติดพื้น ทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า
“แอร้ย! ซ้อเดือน ไม่เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นจนเจ๊จำแทบไม่ได้ สบายดีนะคะ”
“สบายดีค่ะ แต่ก็วุ่นวายวื่นวือตามประสา กับดาราที่ไม่รู้จักระเบียบวินัย แล้วก็ทำตัวเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ข่าวดีช่องก็ยินดีนะคะ แต่ข่าวเสียๆนี่สิ ทำเอาช่องปวดตับ”
อรัญภัทรหน้าเจื่อน เจ๊เต่าก็ยิ้มแหยๆ แต่พนง.ช่องไม่ได้สนใจเหน็บต่อ
“แต่อย่างว่า..ซุปตาร์” พลางกลั้วหัวเราะนิดนึงแล้งบอก “บางทีเราก็ว่าอะไรเค้าไม่ได้ ต้องให้คนดูตัดสิน ถ้าถูกแบนเมื่อไหร่ แล้วจะรู้สึก”
“ถ้าพี่หมายถึงเอี๊ยม...ข่าวล่าสุด พอนักข่าวรู้ความจริง เค้าก็เขียนถึงเอี๊ยมดีแล้วนะคะ”
“ความดีนะคะน้องเอี๊ยม ไม่ใช่โรคลักปิดลักเปิด จะได้เป็นๆหายๆ” ก่อนหันมาหาเจ๊เต่า “เออ...แล้ววันนี้เจ้คิดยังไง ถึงปล่อยให้มะม่วงถูกนักข่าวรุมอยู่คนเดียวคะ”
เจ๊เต่างง ตกใจ
“อะไรนะคะ มะม่วงถูกนักข่าวรุม”
“อยู่ด้านในน่ะค่ะ”
ทุกคนมองหน้ากันงุนงง

เจ๊เต่าเดินนำอรัญภัทรและเขมปัญฑาเข้าไปด้านใน เห็นเวฬุยาถูกนักข่าวรุมอยู่
เวฬุยายิ้มไม่เหวี่ยง
“ไม่เคยค่ะ มะม่วงไม่เคยทำอะไรอย่างนั้น”
นักข่าว1 บอก
“แต่ข่าวออกมาหนาหูเลยนะคะ ตามเวปไซต์ เพจต่างๆก็มี ว่าน้องมะม่วงมีซัมติงรองกับเจ้าของไร่หรู”
เธอหัวเราะอารมณ์ดี
“ซัมติงรอง … เอ...มะม่วงทำอะไรผิดเหรอคะ ไม่มีค่ะไม่มี”
นักข่าว2 ถาม“เรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่คะ”
มะม่วงยิ้ม
“ไม่มีอะไรเลยค่ะ” เธอยันเสียงหนักแน่น “มะม่วงไม่ได้ไปคะ” เธอหันมาเห็นเจ๊เต่าพอดี “เจ๊เต่ามาแล้ว มะม่วงขอตัวไปคุยงานก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่า”
เวฬุยายิ้ม ยกมือไหว้นักข่าวก่อนเดินออกไปหาเจ๊เต่า และเพื่อนๆ ท่ามกลางเสียงนักข่าวเรียก
นักข่าว1บอก“น้องมะม่วงอย่าเพิ่งไป ขออีกคำถามค่ะ”
นักข่าว2 บอก“น้องเอี๊ยมด้วย เรื่องที่ไปกับคุณวรรษตกลงยังไงคะ”
อรัญภัทรหน้ามุ่ย ไม่คิดว่าจะโดนไปด้วย เจ๊เต่ากันทั้งสองเอาไว้ บอก
“น้องมีนัดกับผู้ใหญ่ ไว้คุยกันวันหลังนะคะ” แล้วรีบพาสาวๆเข้าไปด้านใน

ทุกคนเดินกันเข้าไปด้านใน เจ๊เต่าดุสองสาวหงุดหงิด
“เห็นมั้ยความวัวไม่ทันจะหาย ความควายก็เข้ามาแทรกซะแล้ว ยังไม่ทันได้เคลียร์กับผู้ใหญ่เล๊ย ดันมีเรื่องคาวๆเข้ามาอีกจนได้” บอกอรัญภัทร “กลับไปเราต้องคุยกันแล้วนะเอี๊ยม” กับมะม่วง “เราก็เหมือนกันไปโกหกนักข่าวทำไมว่าไม่ได้ไป”
“มะม่วงอยากให้เรื่องมันจบน่ะค่ะ”
เขมปัญฑาถาม
“มีเรื่องอะไรเหรอมะม่วง”
เจ๊เต่ามองหมั่นไส้
“โอ๊ย!นี่ก็รู้ซักเรื่องได้มั้ย แม่เขมปัญฑา!! หรือเจ้ต้องให้เธอกินปลาเยอะๆจะได้ทันชาวบ้านเค้าบ้าง” เจ๊เต่าค้อนขวับ
เขมปัญฑาหน้าเสีย เวฬุยามองเห็นใจบอก
“มีคนเมาท์ว่าฉันไปขายตัวให้เจ้าของไร่”
อรัญภัทรโวยตามนิสัย
“เฮ้ย!! ข่าวแรงขนาดนี้ อยู่เฉยๆได้ยังไง ทำไมไม่ด่าพวกผีเจาะปากมาพูด”
เธอมองเพื่อนนิ่งๆ แต่จิก
“ปากฉันไม่ใช่ปากเธอ จะได้คอยเข้าเกียร์ 5 ตลอดเวลา”
อรัญภัทรถลึงตาใส่
“ฉันเป็นคนตรง! ฉันพูดอะไรตรงๆ แล้วถามทีเถอะ ถ้านักข่าวรู้ทีหลังว่า เธอไปที่นั่นมาจริงๆ จะเป็นยังไง”




หน้ากากนางเอก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เวฬุยาอึ้งไปนิด อรัญภัทรพูดทันที

“เค้าก็คงจะว่าเธอโกหก สะตอ ก็มีแนวโน้มว่าจะทำจริงๆซะด้วยสิ”
“เอี๊ยม!”
“ฉันพูดเพราะฉันหวังดี....การพูดตรงๆคนฟังอาจจะไม่ชอบใจ แต่มันก็คือความจริง แต่การที่เธอโกหก วันนึงถ้าความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมา ตัวเธอเองนั่นแหละที่จะเดือนร้อน”
เวฬุยามองหน้าเอี๊ยมอย่างไม่ชอบใจเอาซะเลย ขณะสวนกลับ
“งั้นเธอก็อย่าโกหกนักข่าวแล้วกัน เรื่องที่เธอไปกับคุณวรรษชลน่ะ เพราะใครๆเค้าก็รู้ว่าเธอไม่ได้ไปเรื่องงาน”
เมื่อถูกย้อน อรัญภัทรถึงกับเงียบกริ๊บ!!

ขณะที่ทั้งสี่คนเดินออกมาสถานี Thai TV เจอพนักงานที่ชื่อนุช พนง.ถาม
“ว่าไง...ได้งานมั้ย”
เจ๊เต่าเสียงอ่อยๆ “นายบอก...เดี๋ยวจะหาเรื่องลงให้ค่ะ”
“แล้วนายก็บอกให้ไปเคลียร์คิวงานที่ยังมีปัญหาอยู่ใช่มั้ยล่ะ”
“ซ้อเดือนรู้”
“รู้สิ....เวลากองถ่ายมีปัญหา ผู้จัดเค้าต้องรายงานมาทางช่องอยู่แล้ว ถ้าเป็นอุบัติเหตุ ดินฟ้าอากาศนี่ยังพอเข้าใจ แต่ถ้าเกี่ยวกับคนนี่ไม่ไหวนะ โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตัวเองเป็นซุปตาร์ แบบนี้ต่อให้ดังแค่ไหน ถ้าทำความเดือดร้อนให้กองถ่าย นายก็ไม่ไว้หน้า สงสารก็แต่ผู้จัดกับทีมงานน่ะแหละทำงานมาเหนื่อย ละครก็ไม่ได้ออนแอร์ เพราะซุปตาร์ที่ขาดความรับผิดชอบเพียงคนเดียว”
พนง.เดินเข้าไปด้านใน อรัญภัทรหน้าซีดเผือด

เวลาต่อเนื่องมา อรัญภัทรเดินเข้าไปในห้อง ทันทีที่ปิดประตูก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เสียงของซ้อเดือนดังก้อง
“สงสารก็แต่ผู้จัด ทีมงานน่ะแหละทำงานมาเหนื่อย ละครก็ไม่ได้ออนแอร์ เพราะซุปตาร์ที่ขาดความรับผิดชอบเพียงคนเดียว”
เธอหน้าจ๋อย แล้วนึกถึง... หมู่บ้านผึ้ง ที่ชาวบ้านไปเก็บเอาผึ้งมาด้วยความยากลำบาก เธอมองกระจก บอกเงาของตัวเอง ในใจ
“เอี๊ยม...เธอโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้มาเป็นนักแสดง เธอต้องปรับปรุงตัวเองให้ได้นะ...เอี๊ยม”
เธอสูดลมหายใจเข้าปอด เหมือนพยายามตั้งสติ เป็นคนใหม่แต่ต้องชะงัก เมื่อเรื่องราวอื่นๆ ผ่านเข้ามาเป้ฯต้นว่า ความฝัน ที่แม่ต้องทรมาน, เธอทะเลาะกับแม่เลี้ยง ที่มีพิมพิชชาแอ๊บแบ๊วยั่วยวนกวนประสาทที่สุด, ดวงตาของเธอขึ้งโกรธขึ้นมาอีก เมื่อรู้ว่า พิมพิชชาเป็นแฟนเก่าวรรษชล เรื่องราวเหล่านี้ ทำให้ความคิดของเธอสับสน อารมณ์ไม่หยุดนิ่ง ประกายดวงตาถือดี อวดดีเอาชนะพุ่งขึ้นมาอีก

ย้อนคืนที่เธอนอนค้างที่บริษัทวรรษชล จนเช้าวันใหม่ เธอค่อยๆงัวเงียตื่นขึ้นมา เห็นวรรษชลนอนอยู่ที่เก้าอี้อีกตัว ส่วนเธอนอนสบายอยู่บนโซฟา โดยมีเสื้อคลุมของวรรษคลุมอยู่ ในสายตาของเธอ เขาเป็นผู้ชายอบอุ่น เรียบง่าย คนหนึ่งที่ทะนุถนอมให้เกียรติเธอเหลือเกิน อรัญภัทรค่อยๆลุกขึ้น เอาเสื้อคลุมให้วรรษชลแล้วค่อยๆเดินออกไป

วรรษชลอาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัวเดินมา เปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อจะใส่ เห็นเสื้อที่รรษเอาคลุมให้เธอในคืนนั้น ก็อมยิ้ม คิดถึงเธอ

เช้าวันนั้น เมื่ออรัญภัทรเดินออกไป วรรษชลก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา สัมผัสได้ถึงเสื้อคลุมที่ห่มร่างอยู่ เขาอมยิ้ม รู้สึกดีที่เธอคลุมให้เขา

วรรษชลอมยิ้ม ท่าทางเหมือนคนอินเลิฟ หยิบเสื้อคลุมมาสวม ดวงตาเป็นประกายวิบวับ นึกถึงเธอขึ้นมาอีก

ในค่ำคืนนั้น … พฤติกรรมทั้งหลายของอรัญภัทรคือ มารยาหญิง ทั้งหมด ในขณะที่มุมมองของวรรษชลกลับมองอีกอย่างหนึ่ง
เมื่อเธอบอก คืนนี้ขอนอนที่นี่ได้มั้ย เธอมองหน้า เขาเขิน เธออ้อน
“ได้มั้ยคะ หรือคุณรังเกียจ”
วรรษชลเขินๆรีบบอก
“เปล่า...แต่...” เขาอึดอัดเล็กน้อยก่อนบอก “เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมไปจัดห้องก่อนแป๊บนึง คุณค่อยไปนอน” เขาจะเดินไป
เธฮมองตาแป๋วคว้าแขนเขาเอาไว้
“แล้วคุณจะนอนไหน”
“ที่นี่ไง” เขาชี้ไปที่โซฟา
“คุณนอนที่นี่...งั้นเอี๊ยมก็จะนอนที่นี่กับคุณ”
วรรษชลตกใจ “เอี๊ยม”
เอี๊ยมบอกซื่อๆแบ๊วๆ
“คุณเป็นเจ้าของห้อง แต่เอี๊ยมเป็นแขก เอี๊ยมจะไปนอนสบายเอาเปรียบคุณได้ยังไง นะคะ นอนตรงนี้ด้วยกัน เอี๊ยมรับปาก จะไม่ทำอะไรคุณเป็นอันขาด” เธอยกนิ้วขึ้น
วรรษชลขำหัวเราะ “คุณนี่!”
เธอซบหน้าลงกับท่อนแขนของเขา วรรษชลตัวแข็ง ไม่คิดว่าเธอจะกล้าใกล้ชิดขนาดนี้ แต่ก็มีความอบอุ่นหวามไหวหัวใจอยู่ในนั้น
คืนนั้น วรรษชลเลยมองเห็นแต่ความน่ารัก ไร้เดียงสา ทะเล้นของเธอเพียงมุมเดียวเท่านั้น

ป้อมทำงานง่วนอยู่ในห้องตัด ตอยกลางคืน วรรษชลเดินเข้าไป ป้อมแซว
“นึกว่าชาตินี้ พี่วรรษจะไม่ยอมอาบน้ำอีกแล้วนะครับเนี่ย”
วรรษชลงง “ทำไม”
ป้อมยิ้ม “ก็...คุณเอี๊ยมไง ผมเห็น...นะ คืนนั้นน่ะ”
วรรษชลตกใจ
“เฮ้ย!ไม่มีอะไรแบบนั้นนะป้อม อีกอย่าง...พี่ว่า เราเป็นผู้ชาย อย่าไปพูดถึงผู้หญิงลับหลังแบบนี้เลยมันไม่ดี”
“ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่กล้าแซวหรอกพี่...แต่เห็นว่าเป็นพี่ ชื่อเสียงของพี่วรรษใครก็รู้ นักอนุรักษ์ สุภาพบุรุษที่สุดในโลก พี่วรรษไม่มีทางทำร้ายใครหรอก”
เขาขรึม เสียงจริงจัง
“คนทุกคน มีด้านมืดที่ไม่เปิดเผยให้คนอื่นรู้ทั้งนั้นล่ะป้อม รวมทั้งตัวพี่เอง”
ป้อมมองวรรษชลแบบไม่เชื่อ วรรษยิ้มบอก
“ถ้าถึงวันที่พี่ร้าย พี่อาจจะร้ายชนิดป้อมคาดไม่ถึงก็ได้ เค้าถึงได้มีคำพูด ถ้าเรามองคนแต่เปลือกนอกที่ฉาบเอาไว้ เราจะไม่มีวันสัมผัสไปถึงเนื้อในของเค้าเลย และเนื้อในของคนบางคน มันก็ช่างน่ากลัว”

หลายวันผ่านไป จนเช้าวันใหม่ ที่กองถ่าย ผกก.กำลังบรีฟคิวทีมงานอยู่ ท่าทางเครียดแต่ไม่วีนใส่ทีมงาน
“เร่งมือกันหน่อยนะ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ยังไงวันนี้ 25 ฉาก ต้องเสร็จ ไม่งั้นงบบาน”
“ค่ะพี่”
เจ๊เต่า เดินนำนักแสดงทั้งสามเข้าไปในกองถ่าย ทันทีที่เห็น นักข่าวก็กรูกันเข้ามา ผกก.หันมามอง เจ๊เต่าเห็นก็หน้าเสีย ยกมือไหว้ผกก.
“หวัดดีค่าพี่ หวัดดี”
ทั้งสามยกมือไหว้ อรัญภัทรยกมือไหว้อย่างเกรงๆ รู้สึกผิด ผกก.เห็นอาการนั้นก็สายตาอ่อนลง ไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไร ทุกคนยิ้มให้กัน บรรยากาศเป็นมิตร ป้าไก่ถามพรวดแบบไม่สนอะไร??
“น้องเอี๊ยม น้องมะม่วง พร้อมจะตอบรึยังคะ เรื่องที่เราคุยกันค้างไว้”
“ป้าไก่ไม่ได้ยินเหรอคะ วันนี้ทีมงานรีบ ต้องถ่าย 25 ฉาก”
“ป้าไม่กวนอะไรมาก ขอคุยตอนน้องๆแต่งหน้าทำผมนะคะจี๊ดเดียว”
ป้าไก่ยิ้มๆทำมือเท่านิ้วก้อย เวฬุยาบอกก่อนเดินไป
“หนูจะท่องบท ขอตัวนะคะ”
“เอี๊ยมก็ต้องท่องบท ขอตัวนะคะ” อรัญภัทรเดินตามเวฬุยาไป
เจ๊เต่ายิ้มเป็นมิตรกับป้าไก่แบบไม่อยากมีเรื่อง
“ไว้โอกาสหน้านะป้านะ วันนี้รีบจริงๆป่ะเร็ว เขม” พลางดึงมือเขมปัญฑาเข้าไป
ผกก. และทีมงานมองพอใจ แต่ป้าไก่และนักข่าวไม่ชอบใจเท่าไหร่ ป้าไก่เดินตามไป
“ตอบไม่ได้เหรอคะว่าจริงหรือไม่จริง แค่นี้เอง”
เวฬุยาหันมาตอบแบบเสียไม่ได้
“ยังไงมะม่วงก็ยืนยันค่ะว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”
“เอี๊ยมกับคุณวรรษก็ไม่ได้มีอะไรกัน แค่นี้นะคะ”
“แค่นี้นะคะแค่นี้ เต่าขอ” เจ๊เต่ายิ้มแหยๆตามสาวๆไป
ป้าไก่และกลุ่มนักข่าวมองตามท่าทางไม่พอใจ

ป้าไก่และนักข่าวเดินออกมาจากกอง นักข่าวบ่น
“อุตส่าห์มารอตั้งแต่ตีห้า ไม่ได้อะไรเลย เอาไงดีป้า”
“ก็เขียนตามเค้าบอก แต่ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติมเท่าไหร่ เอาให้เละตุ้มเป้ะเลย”
ป้าไก่ตอบเสียงเครียดรู้ดี มีอะไรแน่ๆทั้งสองคน

วรรษชลเดินออกมาหน้าออฟฟิศ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เจอพิมพิชชาเดินเข้ามาหน้าตาเคร่งเครียด
ไม่สบายใจ ดวงตามีน้ำตาคลอเบ้า เขามอง งง ไม่เข้าใจ มาทำไมอีก พิมพิชชาถาม
“คุณเห็นข่าวของพิมแล้วใช่มั้ยคะ”
วรรษชลงง ไม่ได้สนใจ
“ข่าวอะไร”
“ก็เรื่องที่พิมร้องไห้เพราะคุณ...แล้วมีภาพหลุด บอกว่าพิมร้องไห้ เพื่อสร้างกระแส”
“อ้อ!ตกลง...คุณนี่เอง ที่ส่งรูปนั้นมาให้ผม”
“ใครจะส่งมันไม่สำคัญหรอกค่ะ ประเด็นมันอยู่ที่ รูปนั้น มันไปอยู่ที่นักข่าวได้ยังไง? ทั้งๆที่พิมส่งให้คุณ”
“ผมไม่รู้”
“ถ้าคุณไม่รู้...งั้นก็ต้องเป็นคุณเอี๊ยม”
“เกี่ยวอะไรกับคุณเอี๊ยม”
“ก็ตอนนั้นเค้าอยู่กับคุณ...ถ้าคุณไม่ส่ง ก็ต้องเป็นเค้า ที่ตั้งใจทำลายพิม”
วรรษชลอึ้ง งง คิดไม่ทัน พิมพิชชาเห็นท่าทางของเขาก็ร้องไห้ พูดออกมา
“พิมไม่คิดจริงๆ คุณจะทำร้ายพิมได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่เรารักกันมาก่อน ถ้าคุณเป็นอย่างนี้ ต่อไป เราไม่ต้องรู้จักกันเลยดีกว่า ลบๆเบอร์พิมทิ้งไปเลย”
“ใจเย็นๆก่อนพิม”
พิมพิชชายิ้ม ดีใจ นึกว่าเขาจะง้อ แต่วรรษชลกลับบอกหน้าตาเฉย
“ใจเย็นๆ ผมไม่เคยเซฟเบอร์คุณไว้เลย”
นางเหวอ วรรษชลบอกต่อ
“เรื่องภาพหลุดผมไม่รู้จริงๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าไม่ใช่คุณเอี๊ยม”
พิมพิชชายิ่งเสียใจ
“ทำไมคุณถึงเชื่อเค้าขนาดนั้น”
“เพราะเค้าไม่เคยมีคุณในสายตา”
พิมพิชชาหน้าเสีย มองวรรษชลด้วยสายตาแกมตัดพ้อ วรรษชลย้ำให้มั่นใจ
“จริงๆ!”
พิมพิชชาน้ำตาไหล หน้าซีดเผือด ทั้งเสียใจ ทั้งอาย

คืนนั้น พิมพิชชาอาละวาด ขว้างปาข้าวของเหมือนเดิม เบอร์รี่เดินเอาน้ำส้มมาให้ถูกรีโมททีวี
ปาใส่หัวร้องโอ้ย นางไม่สนใจเบอร์รี่แม้แต่นิดเดียว
“ไม่มีวันที่ฉันจะยอมแพ้แกนังเอี๊ยม ไม่มีวัน”
“แล้วมันมีซักวันมั้ยคะ?...ที่พี่พิมจะขอโทษหนู”
นางหันขวับมามองไม่พอใจ
“ทำไมฉันต้องขอโทษแก ฮึ!อิเขียว”
เบอร์รี่ยิ่งเจ็บใจเสียใจ
“ก็พี่พิมทำหนูเจ็บ”
นางหน้าตายียวน
“แล้วไง”
“แล้วไงนะเหรอ”
เบอร์รี่พูดจบก็หยิบเอารีโมทที่ตกพื้น ปาใส่หน้าพิมพิชชาอย่างแรง นางร้องโอ๊ย เจ็บ คาดไม่ถึง
ก่อนที่จะหันมามองเบอร์รี่ตาเขียว อ้าปากจะด่า แต่ช้าก็เบอร์รี่ที่ถลันเข้าจิกผมพิมพิชชา
“ฉันทนแกมานานแล้ว แต่วันนี้ฉันจะไม่ทนแกอีกต่อไป”
เบอร์รี่กระชากตบนางพิมอย่างแรง พิมพิชชาก็สู้ กระชากเบอร์รี่ตบกลับ
“แกกล้าทำกับฉันขนาดนี้ แกตายแน่อิเขียว”
“แกน่ะสิตาย ฉันจะตบปากที่แกชอบดูถูกฉัน” เบอร์รี่จิกกระชากหัวพิมให้เงยขึ้นแล้ว ตบปากพิมพิชชา แบบสก๊อย
“อาให้หมอศัลย์ช่วยอะไรแกไม่ได้เลย อีเหี่ยว”




หน้ากากนางเอก ตอนที่ 9 (ต่อ)
พอได้ยินคำว่าเหี่ยว นางก็โกรธเนื้อตัวสั่น “แอร้ย !”

เบอร์รี่สวนทันที
“ที่ผ่านมาฉันเป็นฝ่ายยอมแกมาตลอด แต่วันนี้ฉันจะทำให้แกกราบฉันให้ได้ อีพิม”
เบอรี่พุ่งตัวเข้าไปตบพิมพิชชา สองคนเปิดฉากตบกันสนั่น ราวสก๊อย อนงค์วิ่งเข้ามามอง พอเห็นลีลาสก๊อยเรียกแม่ทั้งสองคนก็ได้แต่อ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น
“อิเขียว อิเนรคุณ” นางจิกกระชากหัวเบอร์รี่ลาก “แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
เบอร์รี่สะบัดมือพิมออกด่ากราด
“ฉันตบแกขนาดนี้ คิดว่าฉันจะคลานเข่าเข้าไปขออยู่ต่อเหรอ? สมองแกถูกโบท็อกซ์เอาไว้ เหมือนที่คุณเอี๊ยมด่าจริงๆ อิโง่ โง่ๆๆ”
พอนางได้ยินชื่ออรัญภัทรเท่านั้นก็ยิ่งร้องกรี๊ดด้วยความโกรธ
“แอร๊ย... นังเขียว นังคนเนรคุณ แกเลิกพูดชื่อนังเอี๊ยมเดี๋ยวนี้นะ”
นางกระโจนเข้ามาหาเบอร์รี่จะตบอีก แต่เจอเบอร์รี่ผลักอก จนลงไปนั่งที่พื้น เบอร์รี่หัวเราะ
“นังป้าโบท็อก ไม่มีสมอง คิดว่าฉันจะฟังแกเหรอ” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปมองหน้าพิมพิชชาอย่างยียวนกวนประสาท “ฉันขอบอกแกไว้ตรงนี้เลยนะว่าฉันจะไม่ฟังแกอีกต่อไป...เพราะฉันจะไปขอคุณเอี๊ยม”
พิมตะลึงคาดไม่ถึง
“ห๊ะ...แก”
เบอร์รี่จิกผมพิม
“แล้วถ้าแกตามไปหาเรื่อง ตามไปรังควานฉัน...ฉันจะแฉความเลวของแกทุกอย่างเลยอิปลวก” ว่าแล้วก็ผลักหัวพิมพิชชาออกอย่างแรง จนเซ ผงะ อึ้ง คาดไม่ถึง พูดแทบไม่มีเสียง
“แกกล้าทำฉันขนาดนี้เหรออิเขียว”
เบอร์รี่กระชากผมนางอีก
“เออ!! คนสะตออย่างแกมันต้องเจอคนอย่างฉัน และฉันบอกได้เลย นับตั้งแต่นี้ คนทั้งเมืองจะลืมหน้าแก แล้วเค้าจะจำหน้าฉันแทน อิปลวก”
เบอร์รี่สะบัดหลังมือตบหน้าพิมอย่างแรง แล้วเดินออกไป พิมพิชชาหน้าหัน ร้องไห้หันมามองอีกที ก็เห็นเบอร์รี่เดินพรวดๆออกไปแล้ว พิมพิชชาได้แต่ร้องกรี๊ดๆๆๆด่าตามหลัง
“นังบ้า นังคนเนรคุณ”
พิมพิชชาร้องกรี๊ดๆยาวๆ แล้วหันมาเห็นอนงค์ยืนอึ้ง ตะลึงก็ด่าอนงค์อีก
“นี่ก็ยืนดูอยู่ได้ ไม่คิดจะช่วยอะไรฉันเลยรึไง”
“ไม่ค่ะ!เพราะคุณก็เป็นคนที่เนรคุณคุณหญิงเหมือนกัน...ถึงวันนี้...เวลาของคุณใกล้จะหมดแล้วล่ะคุณพิม” อนงค์มองสมเพชเดินออกไป
พิมพิชชาร้องกรี๊ดๆ
“ไม่!ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม” นางได้แต่ร้องไห้โฮๆ ขัดอกขัดใจเหลือเกิน

ในเวลากลางคืน ที่คอนโดเจ้เต่าณ บริเวณทางเดินจากรถ เสียงมือถือเจ๊เต่าดัง เธอหยิบมือถือมาดู
“ฮ้อ! จะโทร.มาทำไมนักหนา”
“บริษัทคุณปราชญ์อีกเหรอคะ” เขมปัญฑาว่า
“ฮื่อ!แต่เจ้ไม่อยากคุยด้วยแล้ว เดี๋ยวก็เฟิร์ม เดี๋ยวก็ไม่เฟิร์ม ประสาท” นางหันมาถามเวฬุยา “แล้วตกลง ที่เค้าเพิ่งติดต่อมา ไม่เล่นจริงๆเหรอ?”
“ไม่อ่ะเจ้”
“บทดีนะ..ได้พลิกบทบาทด้วย”
“พลิกเป็นดาวยั่วน่ะสิ”
เจ๊เต่าค้อนขวับ “เมาท์”
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ?ถ้าบทมันแรง เป็นตัวเด่น เป็นตัวเดินเรื่องก็น่าสนใจ แต่นี่ไม่มีอะไรให้เล่นเลย นอกจากวันๆวิ่งไล่แต่ผู้ชาย ไม่เอาหรอก”
“ก็ดีจะได้ไม่ตอกย้ำเรื่องที่กำลังเป็นข่าว” นางมองสามคน ถามเป็นเชิงหารือ “งั้น..ตกลง รอช่องเคาะแล้วกันเนาะ จะได้แสดงความรอยัลตี้กับช่องด้วย”
สามคนพยักหน้า ไม่ซีเรียส เบอร์รี่เดินมาหาอรัญภัทรน้ำตานองหน้า
“พี่เอี๊ยมคะ”
ทุกคนมองงงตกใจ เธอถามงงๆปนห่วง
“เกิดอะไรขึ้นเบอร์รี่”

เบอร์รี่กับอรัญภัทรคุยกันตามลำพัง เบอร์รี่ร้องไห้ เช็ดน้ำตาตลอด แต่ก็บีบน้ำตาไหลออกมาได้เรื่อยๆ บอกเอี๊ยมด้วยท่าทางใสซื่อ ไร้เดียงสา พูดจาเหมือนเด็กหลงทาง
“เรื่องก็เป็นอย่างที่หนูเล่าให้พี่เอี๊ยมฟังนี่ล่ะคะ?...คุณพิมเค้าโกรธมาก ที่หนู...หนูมาหาพี่เอี๊ยม”
เธอถอนหายใจ
“นังป้าโบท็อกซ์มันบ้าไปแล้วจริงๆ” เธอมองสงสารเบอร์รี่
เบอร์รี่มองพอใจ ก่อนบีบน้ำตาต่อ
“หนูไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ พี่เอี๊ยมช่วยหนูด้วยนะคะ จะให้หนูไปขัดส้วม หรือล้างจานในกองถ่าย หนูก็ทำทั้งนั้น ขอแค่หนูมีเงิน มีกินมีใช้ด้วยศักดิ์ศรีของหนูเอง ไม่ใช่เป็นขี้ข้าต่ำต้อย เหมือนอย่างที่คุณพิมดูถูก”
เธอพยักหน้าเห็นใจ
“ยังไงพี่จะลองคุยกับเจ้เต่าดูให้...คงไม่เลวร้ายขนาดไปขัดส้วมหรอก”
“ขอบคุณค่ะพี่เอี๊ยม ขอบคุณมากๆค่ะ” เธอยกมือไหว้ “งั้นหนูกลับก่อนนะคะ”
“แล้วจะไปนอนที่ไหน”
เบอร์รี่ทำฝืนยิ้มทำท่าน่าสงสาร
“เยอะแยะค่ะพี่เอี๊ยม ทั้งป้ายรถเมล์ ใต้สะพาน หนูเคยนอนมาแล้วทั้งนั้น”
เอี๊ยมมองสงสารเห็นใจ
“มันอันตรายนะ”
“หนูรู้ค่ะ แต่จะทำยังไงได้ คนอย่างหนู ไม่มีทางเลือก” เธอตีหน้าเศร้า
“คืนนี้นอนกับพี่ก่อนแล้วกัน”
เบอร์รี่ยิ้มดีใจ ดูเหมือนแผนทุกอย่างลงล็อกไปหมด

เจ๊เต่ากับอรัญภัทรนำพาเบอร์รี่เข้าไปยังห้องของนางเอกสาว
“ไม่เป็นไรๆอย่าคิดมาก นอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
เพื่อนทั้งสองนั่งอยู่ด้านนอก เวฬุยามองตามก่อนพูดกับเขมปัญฑาเบาๆ
“เจ้เต่ากับยายเอี๊ยม บทจะไว้ใจคนก็ไว้ใจง่ายจัง”
“ก็น้องเค้าน่าสงสาร” เขมปัญฑาบอก
“แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอเขม เมื่อก่อนอยู่กับคุณพิม ศัตรูคู่อาฆาตของยายเอี๊ยม มาวันนี้ขออยู่กับยายเอี๊ยม ฉันว่ามันแปลกมากเลยนะ แถวบ้านฉันเรียก ลิ้นสองแฉก ไม่ก็นกสองหัว”
“ไม่หรอกมั้ง...น้องเค้าน่าสงสารจริงๆ อายุก็เพิ่ง17-18 คงไม่มีพิษสงอะไรหรอก”
“คนสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน” เธอเบ้ปากใส่ ทำหน้าระอา “เฮ้อ!! แต่พูดกับเธอคงไม่ได้อะไรหรอก เบื่อจริงๆพวกโลกสวย” เวฬุยามองตามอรัญภัทรเข้าไปในห้อง ก่อนลุกไปเปิดประตูห้องของตัวเอง เขมปัญฑานั่งหน้าจ๋อยไม่เข้าใจ ได้แต่พูดตามหลัง
“ด่าเขมทำไมเนี่ย”

วันใหม่ เขมปัญฑายิ้ม เวฬุยาวิ่งตามมาด้านหลัง แทรกกลางมาบอก
“แต่ใจไม่หมานะคะ” พลางกวาดตามอง “แล้วยายเอี๊ยมไปไหนคะ เดี๋ยวก็ถูกหาว่า โดดกองอีกหรอก”
“พาเบอร์รี่ไปซื้อเสื้อผ้า เดี๋ยวคงไปที่กองน่ะ” เขมปัญฑาบอก
เวฬุยางง ถามเสียงสูง
“หมายความว่ายังไง”
“ก็เบอร์รี่ออกจากบ้านแบบไม่มีอะไรติดตัวเลย เอี๊ยมเลยสงสาร เห็นว่าช่วงนี้จะพาไปทำงานที่ออฟฟิศคุณวรรษไปก่อน” เจ๊เต่าว่า
เวฬุยารู้สึกตงิดๆ

วรรษชลกับอรัญภัทรยืนคุยกัน เขามองเบอร์รี่พลางบอก
“เดี๋ยวผมให้น้องเค้าช่วยดูแลออฟฟิศก็ได้ แต่ถ้าวันไหนเจ้เต่าไม่ว่าง ผมอนุญาตให้น้องเค้าไปดูแลคุณได้นะ”
“จริงเหรอคะ”
เบอร์รี่มองวรรษชล ปลื้ม บอกดีใจแบบประจบ
“นั่นสิคะ..จริงเหรอคะพี่วรรษ”
“จริงสิ...ที่นี่ไม่มีอะไรมากหรอก...ส่วนมากมีแต่ผู้ชาย อยู่กันง่ายๆสบายๆ ส่วนเรื่องทำความสะอาด ก็มีแม่บ้านมาดูแลอยู่แล้ว เบอร์รี่แค่คอย จัดหากาแฟ อาหารบางมื้อให้พี่ๆทีมงานแค่นั้นเอง”
“งั้น...ถ้าพอมีเวลา เบอร์รี่ขออนุญาตตามพี่เอี๊ยมไปรับใช้ที่กองนะคะ เบอร์รี่ชอบงานละคร งานกองถ่ายค่ะ”
อรัญภัทรยิ้มเอ็นดู
“ถ้ามีเวลาเดี๋ยวพี่พาไป แต่ตอนนี้หนูไปหากาแฟให้พี่วรรษก่อนดีกว่า พี่วรรษเค้าติดกาแฟ”
วรรษชลยิ้มปลื้ม พูดสัพยอก
“คุณนี่รู้ลึกรู้จริง”
เธอได้ทีหยอด
“เค้าเรียกว่าใส่ใจต่างหากล่ะค่ ะ ไปเบอร์รี่..ไปเอากาแฟ”
“ค่ะ” เบอร์รี่ยิ้มหวานเดินออกไป
ทันทีที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอก็ยิ้มบอกวรรษชล
“เอี๊ยมคิดแล้วว่าคุณเป็นคนใจดี คุณต้องช่วยน้องเค้าได้”
“เพราะผมเคยลำบากมาก่อนต่างหาก ผมรู้...คนที่ไม่มีที่ไป มันเป็นยังไง? นี่...แล้วมาหาผมอย่างนี้ ไม่กลัวนักข่าวเห็นเหรอ”
“กลัว.” เธอมองวรรษพลางยิ้มให้ จงใจหว่านเสน่ห์ ก่อนหยอด “แต่กลัวไม่ได้เห็นหน้าคุณมากกว่า”
วรรษทั้งเขินทั้งขำ
“เฮ้ย!! ผมไม่คิดเลยนะว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคุณ”
“ฉันท่องบทละครน่ะค่ะ....ในบทเค้าเขียนไว้อย่างนี้” เธอสบตาวรรษ หวานเชี๊ยบ “แต่ที่ฉันมองคุณ....หัวใจฉันสั่งให้ทำแบบนี้”
วรรษชลอมยิ้มตาเป็นประกายสดใส เหมือนคนอินเลิฟ เอื้อมมือมาจับมือเอี๊ยมบีบเบาๆ
วรรษพูดจริงจัง
“อย่าหลอกผมนะ..ผมเชื่อคนง่าย”
เธอเขินจริง ปนทำใจกล้า
“ฉันก็...ไม่คิด...ว่าใจฉันจะมีคุณง่ายๆเหมือนกัน”
วรรษชลยิ้มกุมมือเธอแน่น เบอร์รี่แอบมองอยู่อีกมุมหนึ่ง สีหน้ามีแต่ความอิจฉา แต่ยังไม่ถึงขั้นริษยา

อ่านต่อตอนที่ 10




กำลังโหลดความคิดเห็น