xs
xsm
sm
md
lg

หน้ากากนางเอก ตอนที่ 4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 4
เวลากลางคืน ที่ไร่แทนรัก แทนไทคลิกอ่านข่าวในอินเทอร์เนต แต่ไม่เห็นมีข่าวอะไร เขาได้แต่หน้านิ่ว

คิ้วขมวด ท่าทางแบบไม่เชื่อ แม่เลี้ยงกับพ่อเลี้ยงเดินมานั่งด้วย พ่อเลี้ยงถาม
“อ่านข่าวอะไรนายแทน หน้านิ่ว คิ้วขมวดเชียว”
แม่เลี้ยงยิ้มรู้ทัน
“อ่านข่าวที่เกี่ยวกับตัวเองล่ะสิ...แล้วที่หน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะมันไม่มี ใช่ไม๊”
แทนไทเงยหน้ามามองแม่เลี้ยงด้วยสายตาสงสัย แม่เลี้ยงว่า
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ?... ย่าบอกแล้วว่าหนูมะม่วงเค้าไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนที่แทนเคยเจอ เค้าไม่ได้อยากเป็นข่าวแบบนี้ และที่สำคัญ...เค้าไม่ได้เห็นแทน อยู่ในสายตา”
แทนไทหน้างอไม่พอใจ ขัดใจ “คุณย่า”
“ย่าพูดแทงใจดำใช่มั้ยล่ะ … หลานคุณคงจะนึกนะค่ะ ว่าหนูมะม่วงจะต้องให้ข่าว มีสัมพันธ์กับพ่อเลี้ยงหนุ่มสุดหล่อ ทายาทเจ้าของไร่แทนรัก ....แต่พอไม่มีเลยเงิบ!!” แม่เลี้ยงหัวเราะเบาๆกับพ่อเลี้ยง
“อย่ามัวแต่เงิบเลย ปู่ว่า...หาทางไปขอโทษเค้าดีกว่า เพราะป่านนี้ เค้าคงกำลังด่าแกอยู่ โทษฐานที่หื่นไม่ดูตาม้าตาเรือ”
แทนไททำหน้าไม่เชื่อ ยิ้มเย้ยบอก
“ผมว่า...ยังไงก็เป็นแค่การเรียกร้องความสนใจจากผม..แค่นั้น ไม่เชื่อปู่กับย่ารอดูแล้วกัน...ข่าวของผมกับเค้า ยังไงก็ต้องมี”
“มีหรือไม่มี ย่าไม่รู้ รู้แต่ ผู้ชายดีๆ เค้าไม่คิดอย่างแกหรอก นายแทน!”
แม่เลี้ยงพูดด้วยความฉุนๆก่อนเดินออกไป แทนไทหน้านิ่วมองพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้
เดินตามแม่เลี้ยงไป แทนไทสุดเซ็ง เชิดหน้าแบบถือดี อวดดี ตะโกนไล่หลังตาม
“แต่ผู้หญิงร้ายๆก็ทำอะไรที่ผู้ชายตามไม่ทันเหมือนกันนะครับ!!”

เวฬุยารดน้ำต้นมะลิที่เอามาปลูกอยู่ที่ริมระเบียง เห็นดอกมะลิสีขาวบานสะพรั่ง เธอได้แต่จาม จนแปลกใจตัวเอง เพราะจมูกเริ่มฟึดฟาดเหมือนอาการแพ้
“เอ๊ะ!เราก็ไม่ได้แพ้ดอกมะลิ ทำไมวันนี้จามนักล่ะเนี่ย? หรือจะมีคนนินทา”
เธอหยุดฉุกคิด แปลกใจ

อรัญภัทรในสภาพหน้าหมองๆ ดวงตาแดงก่ำนั่งอ่านข่าวตัวเอง เห็นข้อความ “เอี๊ยมหนีกอง เหตุใจแตก พ่อตัดขาด หนีตามผู้ชาย”
เธอเหวี่ยงไอแพดลงโซฟา
“เขียนไปได้”
เจ๊เต่า กับ 2 สาวอยู่ในชุดจะออกข้างนอก ยืนอยู่ เจ้เต่าบอก
“เค้าก็ต้องพาดหัวข่าวที่มันน่าสนใจ”
“แต่ยังไง..มันก็มีความจริงอยู่...คือเธอหนีกอง”
อรัญภัทรหน้ายุ่ง
“ก็อีเหี่ยวพิมมันกวนประสาทฉัน ฉันจะเอาอารมณ์ไหนไปถ่าย”
เขมปัญฑาพูดแบบเกรงใจ
“มีอารมณ์ หรือไม่มีอารมณ์ก็ต้องถ่ายนะเอี๊ยม เพราะเราเป็นนักแสดง เราเป็นมืออาชีพ”
“เออๆๆรู้แล้วไม่ต้องย้ำหรอก...ความเป็นมืออาชีพน่ะ.... แล้วนี่จะไปไหนกัน”
เวฬุยาเฉยๆเรียบๆ
“ไปถ่ายละคร”
“ทำไมไม่มีคิวฉัน”
“เมื่อวานเอี๊ยมไม่ถ่าย ผกก.เค้าเลยให้คนเขียนบทมาใหม่ที่ไม่มีเอี๊ยม”
“ไม่มีเอี๊ยมได้ยังไง? เอี๊ยมเป็นนางเอกนะ”
“เป็นนางเอกยิ่งต้องมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่อยากถ่ายก็ถ่าย ไม่อยากถ่ายก็ไม่ถ่าย ฉันพูดแค่นี้คงเข้าใจนะ....อย่าให้ถึงกับต้องด่ากันแรงๆให้เป็นข่าวเลย”
เวฬุยาเดินหน้าตึงออกไป เขมปัญฑาถอนใจ
“ตอนนี้เอี๊ยมโอเคแล้วใช่มั้ย??เขมจะได้ไปบอกผกก.”
“ตอนแรกโอเค..แต่ตอนนี้ไม่โอเคแล้ว”
เจ๊เต่าถอนหายใจ
“งั้นก็พยายามทำใจให้โอเคเร็วๆแล้วกัน...เพราะถ้าเอี๊ยมยังเป็นแบบนี้ บอกตรงๆ เจ๊หมดปัญญาจะช่วยแล้วล่ะ เพราะเอี๊ยมทำร้ายตัวเอง”
เจ๊เต่าเดินออกไป เขมปัญฑาถอนหายใจ มองเพื่อนอย่างเห็นใจ ก่อนเดินออกไป
อรัญภัทรหน้าเครียด ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา เสียงของวรรษชลดังก้องเข้ามา
“กำลังใจจากไหน ก็ไม่เท่า ใจเราที่สู้!”
เธอปาดน้ำตา พยายามเข้มแข็ง แต่น้ำตากลับไหลออกมาอีก เธอปล่อยโฮ
“แต่ตอนนี้ฉันสู้ไม่ไหวจริงๆคุณวรรษ ฉันสู้ไม่ไหวจริงๆ”
เธอหยิบมือถือขึ้นมาหมายจะกดชื่อ วรรษชล …

ณ บริเวณที่พักทีมงาน โทรศัพท์ของวรรษชลตั้งรวมอยู่กับกระบอกน้ำ ปากกา เสื้อดังขึ้น ปรากฏชื่ออรัญภัทรโทร.เข้ามา
ทีมงานทั้งหมด กำลังถ่ายทำ เรื่องราวของชาวบ้านพลัดถิ่น ในเขตป่าเขา... ห่างไกล

ณ ชุมชนคนพลัดถิ่น เด็กไร้เดียงสาวิ่งเล่นอยู่ตามพื้นดิน กระท่อมที่ผุพัง ชาวบ้านบางคนนั่งให้นมลูก บางคนหอบหิ้วถุงผ้า แบบย้ายบ้าน สัมภาระเป็นถุง
วรรษชลกำลังถ่ายรายการ
“นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมืองไทยของเรา ไม่เคยขาดผู้มาเยือนจากผู้คนต่างถิ่นต่างแดน และไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเข้ามาด้วยเหตุผลอันใด ณ วันนี้ พวกเขาได้ให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ บนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ มะนิ้งคือหนึ่งในนั้น”
ท่ามกลางกลุ่มคนพลัดถิ่น เห็นเด็กหญิงที่ชื่อมะนิ้งนั่งอยู่
วรรษชลเดินเข้าไปหา พร้อมบรรยาย...
“ภายหลังการมาตั้งรกรากอยู่ของครอบครัว พ่อแม่ของเธอ ก็ได้ตั้งท้องและให้กำเนิดน้องๆ เธอไม่รู้หรอกว่า ในวินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมาดูโลก เธอคือผู้กระทำผิดกฎหมายอาญาไทย”
มะนิ้ง ร้องไห้
“อะไรเป็นตัวกำหนด คนคนนี้อยู่ประเทศนี้ไม่ได้ ในเมื่อเราเกิดที่นี่ โตที่นี่ การดำรงชีวิตคนพลัดถิ่น ที่เป็นเหมือนคนไทยคนหนึ่ง ที่อยู่แถบชายแดน”
ชาวพลัดถิ่นร้องเพลงชาติไทย

ณ มุมตั้งโทรศัพท์ วรรษชลถ่ายปิดรายการ
“น้ำเสียงบนความหวาดหวั่น บอกได้ว่า อนาคตของเด็กๆเหล่านี้ ดูเลื่อนลอย เพราะเด็กไร้สัญชาติ ไม่มีทางเลือกมากนักในการเติบโต”
ภาพเด็กๆที่ไร้สัญชาติ แลดูน่าสงสารน่าเห็นใจ ทีมงานบอก “คัท!”
วรรษชลยกมือไหว้คนพลัดถิ่น อวยพรด้วยสีหน้ายิ้มแย้มให้กำลังใจ
“เป็นกำลังใจให้นะครับ หวังว่า...เราคงจะได้เป็นคนไทยเหมือนกัน”
คนพลัดถิ่นยกมือไหว้ “สาธุ”
คนขับรถตู้เดินเข้ามาหาวรรษชล แต่ทีมงานวิ่งเข้ามาก่อน
“พี่วรรษ ยังขาดภาพสต๊อกอีกเยอะเลย ถ่ายวันนี้เลยรึเปล่าพี่”
วรรษชลเก็บมือถือใส่กางเกง พลางมองท้องฟ้า สายตาเห็นฟ้าสว่าง เลยบอกทันที
“ยังมีแดดอยู่เลย ถ่ายสิ ไป”
วรรษไหว้ขอบคุณคนพลัดถิ่นอีกที ก่อนเดินไปกับทีมงาน
ที่โทรศัพท์ มีสายเรียกเข้าจากหลายสาย วรรษชลไม่ได้สนใจโทรศัพท์เลย

ระอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวคล้อยต่ำจะตกดิน อรัญภัทรนั่งมองมือถือ น้ำตาคลอ ไม่มีสายจากวรรษชลโทรฯกลับมาเลย เสียงมือถือดังขึ้น เธอยิ้ม รีบรับ
“คุณวรรษ!!” เธอรีบคว้ามารับ แต่ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นชื่อ “คะเจ๊”
“นี่เจ้คุยกับผู้กำกับให้เรียบร้อยแล้วนะ ขอโทษขอโพยเค้าจนน้ำลายแทบหมดปาก เค้าถึงยอมให้พรุ่งนี้...เอี๊ยมมาถ่ายละครได้”
เธอถือดี
“เอี๊ยมเป็นนางเอก ไม่มีเอี๊ยม จะเป็นละครได้ยังไง”
“เป็นได้สิจ้ะ..เพราะตอนนี้...เค้าเขียนให้นางเอก เป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนตายเป็นผักอยู่บนเตียงน่ะ”
เธอหน้าซีดเผือด

เวฬุยามาเดินห้าง ท่าทางเบื่อๆเซ็งๆ รับภาพป้าไก่เห็นพอดี เลยร้องทักดีใจ
“มะม่วง”
เธอมองป้าไก่ แบบไม่ได้อยากเจอ แต่ต้องทักตามมารยาท
“สวัสดีคะ ป้าไก่มาทำอะไรคะ”
“ถามได้ก็มาทำงานสิจ้ะ...ป้าไม่ได้ว่างเหมือนดาราที่ถูกพักกองนี่”
เธอหน้างอรู้ว่าถูกประชด แต่ไม่อยากทะเลาะด้วย ป้าไก่มองยิ้ม ก่อนบอก
“นี่...เจอมะม่วงก็ดีแล้ว...ป้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับมะม่วงพอดี”
เธอมองงงๆแบบชีวิตฉันมีอะไรต้องคุยกับเธอด้วยเหรอก่อนถามห้วน
“เรื่องอะไรคะ”

ในร้านกาแฟ เวฬุยาแว้ดถามป้าไก่ด้วยท่าทางตกใจ
“ว่าไงนะ...มีคนเมาท์ว่ามะม่วงไปขายตัวให้เสี่ยทางเหนือ”
ป้าไก่ยิ้ม
“อืมจะว่าเสี่ยก็ไม่ใช่นะคะ...เพราะผู้ชายคนนี้ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว กล้ามแน่นๆอกแน่นๆ ซิกแพ็ค เป็นซิกแพ๊ค มองตรงไหนผู้หญิงเป็นต้องน้ำลายไหล”
เธอยิ้มหมิ่น
“ป้าไก่สิคะ...เพราะผู้หญิงอย่างหนู...ไม่เคยเห็นผู้ชายแล้วน้ำลายไหลค่ะ อ้อ!แต่สำหรับป้าไก่ จะเรียกน้ำลายไม่ได้หรอกค่ะ ต้องเรียกว่าน้ำหมาก”
ป้าไก่หัวเราะไม่ถือสา
“มะม่วงเนี่ย อยู่ใกล้ๆกับยายเอี๊ยม จนเหมือนกันไปหมดแล้วนะ”
“หนูเหมือนยายเอี๊ยมตรงไหน”
“ปากเหมือนนังด่างข้างส้วมเหมือนกันเลย”
“เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ หนูกับเอี๊ยมเจอหมา จะให้พูดภาษาคนก็เกรงหมาจะฟังไม่ออก บางทีก็เลยต้องเห่าส่งๆไป แต่บางทีถ้าเจอหมาบ้าก็แย่เหมือนกันนะคะ เพราะหมาบ้ามักจะกัดไม่เลือก ทางที่ดี ต้องตัดหัวทิ้งอย่างเดียว” เวฬุยามองมองไม่กลัว
ป้าไก่หน้าตึง
“ถ้าไม่จริง ไม่ใช่ก็แล้วไป ที่ถามเพราะห่วง”
“ขอบคุณค่ะ ถ้าป้าไก่ห่วงหนูจริง...ก็ช่วยลงข่าวตามคำสัมภาษณ์ของหนูก็แล้วกัน พาดหัวข่าวตัวใหญ่ๆ หนาๆเข้มๆ ว่า หนูไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับหนู...หนูเพิ่งจะได้ยินข่าวอัปมงคลก็จากปากของป้าไก่ค่ะ”
ป้าไก่หน้าตึงเข้าไปใหญ่บอก
“ถือว่าเป็นการโปรดสัตว์ ป้าจะลงตามที่หนูขอทุกอย่าง...แต่กับนักข่าวคนอื่น ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ป้าไก่บอกยิ้มๆ

หุบเขาในป่า วรรษชลนั่งกินข้าวข้างกองไฟแบบง่ายๆ ด้านหลังเห็นเป็นเตนท์แบบที่นอนในป่า วรรษชลบอกทีมงาน
“พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะ..พี่จะเก็บแสงแรกของพระอาทิตย์จะได้เข้ากับธีมตอนนี้ ...ไม่ว่ายังไง ทุกคนต้องมีความหวัง”
ทีมงานอารมณ์ดี
“ไม่มีปัญหา บรรยากาศแบบนี้ นั่งมองดวงจันทร์ทั้งคืนยังได้เลยพี่”
วรรษชลหัวเราะ
“รีบนอนเหอะ!! เพราะถ้าพรุ่งนี้พี่ปลุกแล้วไม่ตื่น จะโดนเตะ”
ทีมงานหัวเราะกันคิกคัก วรรษชลหยิบมือถือขึ้นมากดดู เห็นเบอร์อรัญภัทรโทร. เข้ามาหลายสายอยู่ เขาขมวดคิ้ว รู้สึกเป็นห่วง จะกดโทร. ออก มือถือไม่มีสัญญาณ
วรรษชลนิ่วหน้า ทีมงานหันมาเห็นเขาง่วนอยู่กับมือถือก็บอก
“เครือข่ายครอบคลุม ทุกพื้นที่ของประเทศไทย เป็นแค่ราคาคุยเท่านั้นแหละพี่ เวลาฉุกเฉิน อับสัญญาณ โทร. ไม่ได้ทู้กที”
ทีมงานบ่นพลางหัวเราะหึหึ วรรษหน้าเครียด
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า..เอี๊ยม” เขาคิดในใจอย่างนั้น

ที่ไร่แทนรัก แทนไทนั่งอ่านข่าวจากไอแพด แทนนั่งดูคลิปสัมภาษณ์ของเวฬุยา
“ไม่มีอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ไปไร่ อะไรนั้นเลย”
เธอทำหน้าแบบ โกหกจริงๆคนอะไร ก่อนจะหรี่ตาอย่างถือดี
“ไม่ได้ไปใช่มั้ย” เขาตะโกน “คุณกำพลๆๆ”
ผจก.วิ่งเข้ามา
“ครับคุณแทน”
“ผมขอภาพจากกล้องวงจรปิด วันที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาที่ห้องผมหน่อย”
ผจก.ตอบซื่อๆ
“คนไหนครับ?..มีหลายคน”
แทนไททำท่าจะโวย แต่ก็ต้องอ้าปากค้างแบบตลกๆ ถูกจี้ใจดำ ผจก.ยิ้มแหยๆอธิบาย
“ก็...คุณแทนเคยพาผู้หญิงเข้าห้องตั้งหลายคนนี่ครับ”
แทนไทหัวเสีย ยังไงก็เหมือนถูกด่าอยู่ดี ..บอกอย่างเขินๆ
“ก็คนที่มาโวยว่าผมปล้ำเค้าน่ะสิ”
“อ๋อ!คุณมะม่วง”
อ่านต่อหน้าที่ 2 





หน้ากากนางเอก ตอนที่ 4 (ต่อ)
แทนไทหัวเราะหึหึ

“คนอะไร?นึกว่าหน้าจะเหมือนมะม่วงอย่างเดียว ดันชื่อมะม่วงอีก”
“ตกลง..คนนี้ใช่มั้ยครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ...เอ๊ะ!คุณกำพล คนอย่างผมเหรอต้องปล้ำผู้หญิง ถ้าจะมีก็มีผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเแหละ....ที่มาแกล้งโวยวาย”
พนักงานคนหนึ่งเดินถือจานมะม่วงน้ำปลาหวานมา แทนไทหยิบมะม่วงที่วางไว้ในจานขึ้นมาเคี้ยวกร้วมๆกวนหน้าตาเฉย
แทนไทมองผจก.ยิ้มๆ ก่อนมองมะม่วง “มะม่วงแรด”
ผจก.ได้แต่ยิ้มจ๋อยๆ เพลย์บอยอย่างแทน ปากจัด และร้าย! แทนไทดุ
“อย่ามัวแต่มองหน้าผม...เอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ผมด่วน”
“ครับ” ผจก. กำพลรีบเดินออกไป
แทนไทยิ้มคิดในใจ
“เป็นมะม่วงดีๆไม่ชอบ ดันอยากเป็นสตรอเบอรี่ซะงั้น”

นาฬิกาบอกเวลาตีสาม ท่ามกลางความมืด พิมพิชชานั่งดื่มไวน์ด้วยท่าทางเครียดจัด สายตาทอดมองนาฬิกาที่เข็มค่อยๆกระดิกเดินอย่างช้าๆ น้ำตาเธอไหลเอ่อออกมา ไม่ขาดสาย คิดถึงคำพูดของวรรษชล
“อย่าโทรฯมาหาผมอีก”
พิมพิชชารู้สึกเจ็บปวด โดดเดี่ยว ไวน์แก้วแล้วแก้วเล่าถูกเทเข้าปาก เบอร์รี่ที่อยู่ด้านนอก แอบมองพร้อมกับเบ้ปาก ด่าในใจ
“กินยังกับเหล้าขาว ไม่ทิ้งกำพืดเดิมเลยว่ามาจากสลัม”
เบอร์รี่เบ้ปากใส่อีกทีก่อนเดินไปปิดไฟบริเวณรอบๆ ก่อนเดินไปห้องนอนของตัวเอง พิมพิชชาได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าเดินผ่านไป พิมเรียก
“เบอร์รี่...เบอร์รี่” ไม่มีเสียงตอบ พิมพิชชาตะโกนโกรธ “นังเขียว”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ เธอหันขวับไป ไม่เห็นใคร สุดจะหงุดหงิด รำคาญบ่นกับตัวเอง
“จะใช้ทีไรหายหัวทุกที” เธอหยิบขวดไวน์ที่มีอยู่น้อยนิดยกขึ้นกรอกปาก
หางตาของพิมพิชชาเหมือนจะเห็นเงาคนผ่านทางด้านหลัง และเสียงฝีเท้าแผ่วๆ เธอหันขวับไป
ทั้งที่ขวดไวน์ยังคาปาก แต่ไม่เห็นใคร เธอขมวดคิ้ว ส่ายหน้าให้ตัวเองแบบหงุดหงิด ก่อนกรอกไวน์เข้าปากต่อไป
เสียงเหมือนฝีเท้าคนเดินผ่านทางด้านหลังอีก เธอหันขวับ ทันเห็นเงาคนแว่บๆ ตะโกนโมโห
“นังเขียว แกอย่ามาเล่นอะไรบ้าๆกับฉันนะ”
เธอลุกพรวด เดินโซเซตามเงานั้นออกไปทันที

ท่ามกลางความมืด เธอเดินโซเซสะเปะสะปะออกไป จนเห็นเงาคนเคลื่อนไหวเดินอยู่ข้างหน้าแบบไม่ยี่หระ เธอตะโกน
“นังเขียว..นังเขียว!หยุดเดี๋ยวนี้นังเขียว”
แต่เบอร์รี่ที่อยู่ในห้อง กำลังล้มตัวลงนอนได้ยินเสียงเรียกแว่วๆ
“นังเขียว”
เบอร์รี่ฉุนโกรธ ดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยความแค้นใจ
“จะจิกฉันไปถึงไหน นังป้าหน้าย่น”
เบอร์รี่ไม่สนใจ คว้าผ้าห่มคลุมร่างพร้อมกับอุดหู ไม่อยากได้ยินถ้อยคำจิกข่มนั้น

พิมพิชชาเดินตามเงาออกมา เห็นเงานั้นค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจนถึงบริเวณสระน้ำด้านนอก ก่อนที่เงานั้นจะจมหายไปใต้น้ำ เธอเบิกตากว้าง งุนงง สีหน้าแลดูเหมือนตกใจ แล้วเธอก็ต้องตกใจร้องกรี๊ดออกมา เมื่อร่างทั้งร่างเหมือนถูกดึงลงไปใต้น้ำ
ใต้น้ำ พิมพิชชามีสภาพเหมือนจะหายใจไม่ออก ตาเหลือกโพลง
ในอดีต … สุวรีย์นอนอยู่บนเตียงที่บ้าน พิมพิชชาค่อยๆเดินไปมอง ก่อนที่จะเอื้อมมือถอดสายออกซิเจนออก สุวรีย์ที่หายใจไม่ออก รีบสูดอากาศเข้าปอดเพื่อช่วยชีวิตตัวเอง เธอมองท่าทางของสุวรีย์ที่ทุรนทุรายน่าสงสารด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
พิมพิชชาลืมตาอยู่ใต้น้ำหายใจไม่ออก พยายามช่วยตัวเองด้วยการตะกายน้ำขึ้นมา เธอหอบหายใจรัว“ช่วยด้วยๆ”
พิมเหลือกตาโพลง ความรู้สึกเหมือนถูกกระชากเท้ากลับลงไปใหม่ เธอตะกายน้ำสุดชีวิตละล่ำละลักร้อง “ช่วยด้วยๆ”
อนงค์ที่นอนในห้องได้ยินเสียงดังแว่วๆและเสียงคนตะกายน้ำแบบชัดมาก พึมพำกับตัวเอง
“ใครมาเล่นน้ำตอนนี้” อนงค์ผุดลุกขึ้นจากที่นอนเดินออกไป

พิมพิชชาเอามือตะกายน้ำ ร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียงเมื่อร่างถูกกระชากลงไปใต้สระอย่างแรง เธอตาเหลือก รู้สึกถึงความทรมานที่หายใจไม่ออก
อนงค์เดินออกมาจากด้านในบ้าน เปิดไฟ และห็นขวดไวน์หลายขวดวางอยู่แบบระเกะระกะ แก้วไวน์ถูกวางไว้ในลักษณะเหมือนกัน อนงค์ส่ายหน้าด้วยความระอาขณะเดินไปเก็บขวดและแก้วไวน์ ลืมสนใจ สิ่งที่ทำให้ตื่นขึ้นมาซะสนิท
ใต้น้ำ เธอพยายามกระเสือกระสนจะโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แต่ความรู้สึกเหมือนข้อเท้าถูกดึงลงไปลึกกว่าเดิม จนเริ่มหายใจไม่ออก ทุรนทุราย เฮือกสุดท้ายของลมหายใจ เธอพยายามสลัดสิ่งที่พันธนาการข้อเท้าออกไปสุดแรง แต่พอหันหน้ากลับมาก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อสุวรีย์โผล่ขึ้นมาเผชิญหน้า ดวงตาบ่งบอกถึงความโกรธแค้นอย่างที่สุด
“นังคนสารเลว แกฆ่าฉัน แกฆ่าฉัน”
พิมพิชชาตาเหลือกโพลง กลัวแทบสิ้นสติ สัญชาตญาณการเอาตัวรอด ผลักหน้าของสุวรีย์ออกอย่างแรงแล้วทะยานร่างขึ้นมาเหนือผิวน้ำตะโกน
“ช่วยด้วยๆๆ”
อนงค์เก็บขวดไวน์ในบ้านได้ยิน นึกได้ ตกใจ รีบวิ่งออกมาด้านนอกทันที
“คุณพิม!”

พิมพิชชาตะกายว่ายน้ำมาที่ขอบสระอย่างไม่คิดชีวิต เห็นผืนน้ำในสระเป็นคลื่น เหมือนพร้อมจะดูดกลืนเธอลงไป ดูน่ากลัว เธอพยายามว่ายน้ำแต่ความรู้สึกเหมือนถูกดึงเท้าลงไปอีก เธอกรี๊ดเสียงดังกลัวมาก
“ปล่อย..ปล่อย!ปล่อยฉัน”
อนงค์วิ่งหน้าตาตื่นออกมา เห็นพิมพิชชาตะกุยตะกายอยู่กลางสระ
อนงค์ตะโกน
“คุณพิม”
พิมพิชชาเห็นอนงค์ก็หันขวับมามอง ว่ายน้ำสุดชีวิตก่อนโผมาขอบสระ หอบจนตัวโยน
“ลงไปทำไมคะ”
เธอไม่ตอบ หอบหายใจเหนื่อย ทันทีที่ตะกายขึ้นมาบนพื้นได้ ก็ทำท่าจะหมดลมหายใจได้แต่นอนคอพับคออ่อนอยู่อย่างนั้น

วันใหม่ ในกองถ่าย อรัญภัทรนอนอยู่บนเตียงแบบเจ้าหญิงนิทรา มีเขมปัญฑาในมาดคุณพี่ศันย์ร้องไห้
“เธอต้องฟื้นขึ้นมาเร็วๆนะโศรยา..พี่รักเธอ”
“คัท”
สิ้นเสียงคัท อรัญภัทรผุดลุกขึ้นจากเตียงหน้าตึง ผกก.เดินเข้ามาไม่ได้สนใจธอ บอกเขมปัญฑา เสียงละมุน
“เขมจ๋า..ตามบท...ถึงตอนนี้ศันสนีย์จะดีกับโศรยา แต่คุณพี่ศันย์คือตัวร้าย เพราะฉะนั้นอินเนอร์ของหนูตอนนี้ จะไม่ใช่รักน๊อง..รักน้อง..ยังคงเป็นนางร้ายอยู่จ้ะ เอาใหม่นะ” แล้วตะโกนบอกทีมงาน “เทค2ๆๆ” ผกก.จะเดินกลับไป
อรัญภัทรรีบถาม
“แล้วเอี๊ยมล่ะคะ? ต้องยังไง”
ผกก.มึนตึง
“คนเป็นผัก ก็นอนเป็นผักไป ไม่ต้องแสดงความสามารถอะไรหรอก”
ผกก.เดินออกไป อรัญภัทรหน้าเสีย ทุกคนในกองมองเอี๊ยมเป็นตาเดียว เธอหน้าตึงลงไป
นอนถ่ายใหม่

ช่วงพักกอง อรัญภัทรเดินหน้าเซ็งออกมา พร้อมกับสองเพื่อนนักแสดง เจ๊เต่า นักข่าวปราดมาถาม
“รู้สึกยังไงมั่งคะน้องเอี๊ยม...ได้มานอนเป็นผัก” ป้าไก่ถาม
เธอโกรธ
“ก็เป็นผักอ่ะคะ ผักจะไปมีความรู้สึกอะไร”
ป้าไก่แอบยิ้ม
“เสียใจมั้ยคะที่ถูกลดบทบาทลง”
เธอเหวี่ยง
“ไม่ได้ลดบทบาทอะไรนี่คะ เอี๊ยมยังเป็นนางเอก ที่นอนเป็นผัก เป็นเจ้าหญิงนิทราก็เป็นแค่ฉากหนึ่งเฉยๆ”
“แต่ป้ารู้มาว่า ที่ต้องปรับบทน้องเอี๊ยมให้นอนเป็นผักอย่างนี้ เพราะผกก.ทนไม่ไหว น้องเอี๊ยมอยากถ่ายก็ถ่าย ไม่อยากถ่ายก็ไม่ถ่าย”
“ไม่มีอะไรค่ะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน”
“ไม่น่าจะเข้าใจผิดนะคะ....เพราะป้ามีคลิป วันที่ผกก.บอกให้เปลี่ยนบทน้องเอี๊ยม”
ป้าไก่ยิ้มร้ายเป็นต่อ ชูมือถือขึ้น เธอเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งโกรธ ตวาดป้าไก่
“ถ้าป้าจะเอาคลิปมาขู่ งั้นก็แล้วแต่ป้าเถอะค่ะ อยากทำอะไรก็ทำ”
เจ๊เต่าตกใจ ติง
“เอี๊ยม!”
“ก็ใช่มั้ยล่ะคะเจ๊ ตั้งคำถามให้เอี๊ยมจนมุม เพียงแค่จะให้เอี๊ยมยอมรับ”
“ก็แล้วน้องเอี๊ยมเป็นคนผิดจริงๆ ทำไมไม่ยอมรับล่ะคะ? จะแถทำไมไม่ทราบ”
เธอถลึงตาใส่
“แถให้เป็นประเด็นมั้งคะ...เพราะไม่ว่าเอี๊ยมจะตอบยังไง นักข่าวสั่วๆอย่างป้าก็พร้อมที่จะเขียนข่าวให้เอี๊ยมโดนด่าอยู่แล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ...ถ้าน้องเอี๊ยมขอโทษ แต่นี่..ไม่ขอโทษไม่พอ..น้องเอี๊ยมยังไม่รู้สึกผิดอีก หน้ากากนางเอก ใส่ได้ก็ถอดได้นะคะ และมันคงสวยกว่า ถ้าถอดออกเอง ไม่ใช่ถูกกระชากหน้ากากออกมา”
เธอไม่ยอม
“ไม่มีใครกระชากหน้ากากเอี๊ยมออกมาได้หรอกค่ะ...เพราะเอี๊ยมไม่ได้สวมหน้ากาก แต่นักข่าวอย่างป้าต่างหากที่จะต้องอดตาย...ถ้าไม่ได้ข่าวดาราไปขาย”
เจ๊เต่าตกใจมาก
“เอี๊ยม”
นักข่าวคนอื่นๆที่ยืนอยู่ตรงนั้น มีท่าทีไม่พอใจมาก เจ๊เต่าเห็นก็ยกมือขอโทษ
“ขอโทษนะคะขอโทษ...น้องเอี๊ยมไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
“ตั้งใจ”
เพื่อนนักแสดงตกใจกับเอี๊ยมอีก เธอตอบเจ๊เต่า แต่ตามองป้าไก่
“ถ้าไม่มีความเห็นใจกัน แถมจ้องแต่จะทำร้ายกัน เอี๊ยมก็คงต้องกระชากหน้ากากนักข่าวเลวๆออกเหมือนกัน”
เธอกร้าว ทุกคนตกใจมาก คาดไม่ถึง เอี๊ยมแรว้ง!!

อ่านต่อหน้าที่ 3 





หน้ากากนางเอก ตอนที่ 4 (ต่อ)
ป้าไก่เดินออกมา โกรธจนตัวสั่น นักข่าวเดินตามมาแบบไม่พอใจเหมือนกัน เจ๊เต่าวิ่งตามมาหน้าซีด

“ป้าไก่”
ป้าไก่หันมาตวาด
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่นี้ฉันก็ซึ้งใจแกแล้วนังพยาธิปากขอ”
เจ๊เต่าหน้าซีด
“ด่าอะไรกันแรงๆเนี่ย”
“ด่าเผื่อเธอจะได้สติ แล้วไปเตือนเด็กของเธอ ตอนยังไม่ดัง ไม่มีงาน ใครกันที่มันทำตัวเป็นพยาธิปากขอ ยกมือไหว้ปลกๆขอให้ฉันเขียนเชียร์ แต่พอดังแล้วเป็นไง กร่างด่ากราดฉันไปทั่ว ฉีกหน้าฉันต่อหน้าคนอื่น ลำพังด่าฉันคนเดียวฉันไม่โกรธหรอก เพราะฉันรู้สันดานพวกเธอ หน้าอย่างหลังอย่าง ไม่งั้นคงไม่มีฉายา ตอแหลแบ๊วเบอรี่ทะลุจักรวาล ทะลุมิติ แต่เด็กของเธอด่ารวมถึงคนอื่นไปด้วย” ป้าไก่มองนักข่าวหาพวก...
นักข่าว1 บอก
“นั่นสิเกี่ยวอะไร? ดารากับนักข่าว มันน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่านะเจ้”
“ถ้าคิดจะไม่พึ่งนักข่าว แล้วโปรโมทตัวเอง ผ่านเฟซ ผ่านไอจีก็เชิญ แต่ทำให้มันได้แล้วกัน แต่อย่าลืม...ว่าเด็กของเธอมีชนักติดหลังอยู่”
“เรื่องอะไร”
“บอกไปก็ไม่สนุกสิจ้ะ แต่รับรองแซ่บแน่นอน”
เจ๊เต่าทำหน้าวิตก เครียดมาก

ในห้องแต่งตัว มือถือของอรัญภัทรที่วางอยู่ในกระเป๋า ดังลั่น แต่ไม่มีคนสนใจ ทีมงาน หน้า
ผม เสื้อผ้า นั่งเมาท์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ตายๆๆ อกของตุ๊ดจะแตก เอี๊ยมไปด่านักข่าวขนาดนั้น งานนี้ ถูกแบนแหงๆ” ช่างหน้าว่า
ช่างผมทำหน้ารำคาญ
“จะแบนอัลลัย ? เอี๊ยมไม่ได้ด่าทุกคนซะหน่อย เอี๊ยมด่าเฉพาะนักข่าวเลวๆ ใครอยู่ในเครือข่ายนั้น อยากรับก็รับเอาเอง”
ป้าไก่จะเดินเข้ามาได้ยินพอดี สะดุ้งโหยง แต่ไม่มีใครสนใจ

เวลาต่อเนื่องมา อรัญภัทรเดินกระฟัดกระเฟียดตรงมาที่รถ โดยมีเจ๊เต่า กับเขมปัญฑาและเวฬุยาตามมาด้วย เธอเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก เพราะประตูยังล็อกอยู่ เธอหงุดหงิด หันมาแว้ด
“เปิดประตูเร็วๆสิเจ๊”
เจ๊เต่าดุ
“กลับบ้านไม่ได้นะ เอี๊ยมต้องอยู่ถ่ายละครให้เสร็จก่อน”
เธอชะงักตาเขียว หันมามอง เจ๊เต่าดุกว่าเดิม
“ ไม่งั้นเจอหนักแน่ๆ ทั้งด่านักข่าว โดดกอง ตายแบบไม่ได้ผุดได้เกิด”
อรัญภัทรเถียงปากดี
“ก็เอาซี้...เอี๊ยมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าใครที่ไหน จะกล้าแบน ดาราดังอย่างเอี๊ยม มีแต่คนต้องการข่าวจากเอี๊ยมทั้งนั้น”
เจ๊เต่าโมโห “งั้นก็กลับ” แล้วควักกุญแจยื่นให้ “เชิญกลับไปเลย แล้วเธอจะได้รู้ วงการนี้ มีดาราเกิดใหม่แทบทุกวัน”
เธอนิ่ง จริงๆก็แค่ปากดี เจ๊เต่าเห็นเธอยืนนิ่ง ไม่รับกุญแจ ก็ได้แต่ค้อนขวับ
“ที่เอี๊ยมด่าป้าไก่อย่างนั้น รู้เอาไว้ เค้าโกรธมาก”
“โกรธแล้วไง”
“เอี๊ยม”
เธอมองเจ๊เต่า เสียงอ่อนลง
“ไม่เห็นต้องซีเรียสเลยเจ้ นักข่าวได้เงินจากการขายข่าวของเอี๊ยม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้อง ค่ากิน ค่าอยู่ ทุกอย่าง ก็มาจากข่าวของเอี๊ยมเค้าไม่มีวันแบนเอี๊ยมหรอก”
เจ๊เต่าโกรธ
“ความคิดระกำ ปนระยอง มากเอี๊ยม”
“เจ้”
เจ๊เต่าเบือนหน้าหนี เวฬุยามองเพื่อนอย่างระอา
“เธอไม่ควรที่จะพูดกับป้าไก่และนักข่าวอย่างนั้นจริงๆเอี๊ยม”
เธอลอยหน้าลอยตา
“อย่าบอกนะ ว่าเธอหวังดีกับฉัน หรือเป็นห่วงฉันน่ะ”
เพื่อนนักแสดงเชิดหน้า
“ไม่มีไม่มีแม้แต่ในหัว แต่ที่ต้องพูด เพราะ กลัวจะซวยไปด้วยต่างหาก ไม่รู้รึไง...เธอกำลังทำให้นักข่าวเกลียดเธอ”
เจ๊เต่ามองไม่พอใจ
“ไม่ใช่แค่นักข่าวเกลียดหรอก”
เธอหันขวับมามองเจ๊เต่า สายตาแบบเอาเรื่อง เจ๊เต่าไม่ตอบ เขมปัญฑาพูดแทน
“ตอนนี้พ่อของเอี๊ยมก็คงไม่สบายใจ”
“ฉันพูดความจริง”
“แต่มันคือการฉีกหน้าพ่อของเอี๊ยม”
อรัญภัทรเครียด เครียดมาก

พิมพิชชานอนหลับอยู่บนเตียง แสงแดดส่องเข้ามาตรงหน้า จนเธอเผยอเปลือกตาขึ้นมา ทันที
ที่ได้สติ เธอก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางหวาดระแวง คว้าผ้าห่มมากอด กวาดสายตามองไปรอบๆแบบหวาดกลัว ปนระแวงสุดขีด เธอไม่เห็นใคร ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บอกกับตัวเองในใจ
“มันตายไปแล้ว แม่นังเอี๊ยมมันตายไปนานแล้ว”
ดวงตาของพิมพิชชาเบิกกว้างขึ้น เปล่งประกายไม่ยอมเหมือนเดิม

มุมนอนมุมหนึ่งในกองถ่าย อรัญภัทรนอนพักบนโซฟาในสภาพกอดบทแนบอก ท่าทางเหมือนเคลิ้มๆ ก่อนจะได้ยินเสียง
“เอี๊ยม....เอี๊ยม!...ช่วยแม่ด้วย”
เธอหลับตาอยู่พึมพำ “คะแม่...” ก่อนสะดุ้งตื่นขึ้นมาร้องเรียก “แม่”
เธอมองไปรอบๆ เห็นสภาพวุ่นวายในการเตรียมงานของกองถ่าย เธอถอนหายใจทำหน้านิ่วถามตัวเองสงสัย
“เสียงแม่...เสียงแม่จริงๆ”

คอนโดเจ๊เต่า ตอนกลางคืน เวฬุยานั่งอ่านไอแพด เห็นคลิปตอนเดินเข้าไปในห้องของแทนไท - ไร่แทนรัก เธออ่านข่าว
“จากมะม่วงกลายเป็นสะตอซะแล้ว มือดีปล่อยภาพฉาว มะม่วงเดินเข้าไร่แทนรัก”
เธออึ้ง ไม่คิดว่า การโกหก ฟีดแบ๊คจะมาเร็วขนาดนี้

ในเวลากลางคืน พิมพิชชายืนมองดูสระน้ำด้วยหน้าตาท่าทางเคร่งเครียด นึกถึงเหตุการณ์ที่เห็นสุวรีย์โผล่หน้าจากน้ำมาเผชิญหน้า ดวงตาหวาดหวั่น ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินไปด้านใน

เธอเดินหน้าบึ้งเข้าไปในบ้าน ตะโกนเรียกอนงค์แบบไม่ดี ไม่แอ๊บเหมือนทุกครั้ง
“อนงค์ๆๆๆ”
เบอร์รี่ที่รอรับใช้อยู่ มองอย่างสนใจ อนงค์วิ่งหน้าตั้งมา
“คะ”
“ที่ฉันให้ไปหาคนมาปัดรังควาน ไปหามารึยัง”
อนงค์อ่อนใจ
“ปัดรังควานอะไรล่ะคะ”
“ก็เมื่อคืนไง เมื่อคืนฉันเห็นผี ผีในสระ นี่ถ้าแกไม่ไปหาคนมาปัดรังควาน แกก็ไปนิมนต์พระ 9 วัด มาเดี๋ยวนี้”
เบอร์รี่มองอย่างสนใจ อนงค์คุยกับพิมพิชชาแบบเหนื่อยๆเบื่อๆ
“คุณพิมคะ...ที่นี่ ไม่เคยมีผีมีสาง ไม่มีอะไรเลวร้ายเลยนะคะจนกว่าคุณจะเข้ามา”
พิมพิชชาโกรธ “อนงค์”
สองคนจ้องหน้ากัน แบบเอาเป็นเอาตาย เบอร์รี่เห็นก็รีบเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้อย่างรวดเร็ว
“ดิฉันพูดจริงค่ะ บ้านหลังนี้อยู่กันด้วยความรัก ความอบอุ่น จนคุณเข้ามานั่นแหละค่ะ บ้านนี้ถึงได้ลุกเป็นไฟ เรื่องเมื่อคืน ไม่มีอะไรเลยค่ะ นอกจากคุณเมามาก แล้วคุณก็เดินตกสระน้ำเท่านั้นเอง”
“ไม่จริง!ผีนังสุวรีย์มันฉุดขาฉัน”
อนงค์เสียงเข้ม
“อย่าเรียกคุณผู้หญิงว่านัง”
“ทำไมฉันจะเรียกมันไม่ได้ ก็มันเป็นผี..มันจะฆ่าฉัน”
เบอร์รี่มองพิมพิชชาอย่างสนอกสนใจ อนงค์สวนทันที
“ก็แล้วคุณทำอะไรคุณผู้หญิงล่ะคะ....คุณผู้หญิงถึงจะฆ่าคุณ”
พิมพิชชาอึกอัก อนงค์ว่า
“หรือคุณจะรู้ตัวแล้ว ว่าแย่งสามีผู้มีพระคุณ มันเป็นสิ่งที่ไม่ควร”
“ฉันไม่ได้แย่ง ท่านอานนท์เลือกฉันเอง”
“ถ้าคุณยังมีความคิดอย่างนี้....คุณก็คงจะเจอผีตลอดไปค่ะ แต่ไม่ใช่ผีคุณหญิงนะคะ เป็นผีในใจคุณ ที่มันตามหลอกหลอนคุณ จนกว่าคุณจะสำนึกผิด คุณพิมพิชชา!”
อนงค์เดินออกไป พิมพิชชาได้แต่กระฟัดกระเฟียดขัดอดขัดใจ เบอร์รี่แอบถ่ายคลิป มองตามพิมพิชชาดวงตาเป็นประกายวาววับ

วันใหม่ เจ๊เต่า เดินนำทุกคนลงมาจากคอนโดฯ ท่าทางละเหี่ยใจ เขมปัญฑาอยู่ในชุดที่สวยที่สุด เหมือน
จะออกงาน เจ๊เต่าว่า
“เป็นอย่างเอี๊ยมว่าจริงๆด้วย มีข่าวออกมาแล้วว่ามะม่วงโกหก”
“ข่าวไม่เท่าไหร่....แต่มีภาพจากกล้องวงจรปิด” เขมปัญฑามองเวฬุยา “ยืนยันได้ว่าเธอไปที่นั่นจริงๆนี่สิ”
เวฬุยาหน้าเครียด
“คนเอาภาพมาปล่อยทุเรศที่สุด”
เขมปัญฑาตกใจ
“แปลว่า...มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมมะม่วง”
“แต่ฉันไม่ได้ไปทำอะไรทุเรศๆแบบนั้นนะเขม...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“มีหลักฐานชัดเจนขนาดนั้น คนดูคงจะเข้าใจผิดหรอก” อรัญภัทรบอก
เวฬุยามองน้อยใจเสียงสั่นสะท้าน
“จะพูดความจริงหรือจะโกหก เธอก็คอยแต่เหยียบย่ำฉัน คนอย่างเธอ ไม่ต่างจากตัวอมีบาในบ่อเกรอะหรอก โสโครก หาคุณงามความดีอะไรไม่ได้”
อรัญภัทรหน้าซีดเผือด ตกใจเหมือนกัน “มะม่วง”
เวฬุยาน้ำตาคลอบอกเจ้เต่า
“เจ๊ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ หนูสร้างปัญหาขึ้นมา หนูก็ต้องแก้มันได้” เธอเดินออกไปแบบโกรธจัด
เจ๊เต่าเป็นห่วง “มะม่วง”
อรัญภัทรหน้าเสียบอก
“เอี๊ยมไม่ได้ตั้งใจว่าอะไรมะม่วงเลยนะคะ”
“เจ้รู้...แต่ความที่เอี๊ยมพูดจาไม่ระวังไง เรื่องมันเลยเป็นแบบนี้....จะให้เจ๊บอกกี่ครั้ง ตั้งสติก่อนจะพูดทุกครั้ง ไม่งั้น..คำพูดของเอี๊ยมจะทำลายเอี๊ยมเอง ป่ะ...เขม” ว่าแล้วเจ๊เต่าก็พาเขมปัญฑาออกไป
อรัญภัทรยืนหน้าเครียด มีเรื่องกลุ้มอีกแล้ว เบอร์รี่ที่มาดักรออรัญภัทรอยู่นาน ค่อยๆ
เดินมาหา พร้อมยกมือไหว้นอบน้อม
“สวัสดีค่ะ”
เธอมองเบอร์รี่งงๆ ไม่รู้จัก แค่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา แต่ยิ้มตอบรับไหว้ “สวัสดีค่ะ”
“พี่เอี๊ยมจำหนูได้มั้ยคะ”
นางเอกสาวยิ้มแหยๆ กลัวคนฟังจะเสียความรู้สึก “ไม่ได้ค่ะ”
“หนูอยู่บ้านพี่เอี๊ยมไงคะ”
เธอมองเบอร์รี่ งงไปใหญ่ เบอร์รี่บอก
“หนูเป็นคนรับใช้ส่วนตัวพี่พิม”
เพียงแค่ได้ยิน เธอก็ตาเขียวปั้ด สะบัดหน้าเดินหนีแบบไม่อยากจะคุยด้วยแม้แต่คำเดียว เบอร์รี่ยิ้ม วิ่งตามแอ๊บตกใจ
“พี่เอี๊ยมคะ...พี่เอี๊ยม”




หน้ากากนางเอก ตอนที่ 4 (ต่อ)
อรัญภัทรเดินหน้ามุ่ย สีหน้าและอารมณ์ไปหมด กัดฟันกรอดบอกตัวเอง

“นับหนึ่งถึงเอี๊ยม...นับหนึ่งถึงร้อย”
เบอร์รี่วิ่งมาดักรอหน้าอรัญภัทร แอ๊บซื่อ มองอ้อนวอน
“ฟังหนูก่อนได้มั้ยคะ?...หนูไม่ได้มาหาเรื่องพี่เอี๊ยม เหมือนคุณพิม....หนูมา..เพราะหนูมีอะไรจะให้พี่เอี๊ยมดูค่ะ”
“ฉันไม่อยากฟัง” เธอสะบัดหน้าเดินหนี ไม่อยากเสวนาด้วย
“แล้วถ้ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณแม่พี่เอี๊ยมล่ะคะ”
เธอหันขวับมามองเบอร์รี่ ด้วยความงุนงง สงสัย อยากรู้

เวลาต่อมา เวฬุยาก้าวฉับๆมายังรถของตัวเองที่จอดอยู่ พลางโทรศัพท์ ตำหนิปลายสายเสียงสั่น
“ทั้งๆที่ฉันไม่เอาเรื่องนายของคุณ แต่พวกคุณยังปล่อยภาพของฉันให้นักข่าว พวกคุณทำกับฉันยังงี้ได้ยังไง”
พนักงานหญิงที่รับโทรศัพท์หน้าแหย เอาหูโทรศัพท์ออกห่างจากหู ผจก.ที่ยืน
อยู่ข้างๆได้ยินทั้งหมด สองคนหน้าตาเหยเกที่ได้ยินเสียงด่าทอของเวฬุยา
“ฉันฝากบอกนายเจ้าของไร่ของพวกคุณด้วย เสียดายเป็นถึงเจ้าของไร่สวยงาม แต่ทำตัวเลว
ยิ่งกว่ามอดปลวก หรือใส้เดือนในดินสะอีก” แล้วกดวางสายท่าทางโกรธมาก
พนักงานและผู้จัดการหน้าเสีย แทนไทเดินเข้ามาเห็น ถามสงสัย
“มีเรื่องอะไรกัน”
“คุณมะม่วงเธอโทรฯมาด่า ที่มีภาพหลุดของเธอน่ะครับ”
แทนไทเยาะ
“ภาพหลุดของเค้าแล้วเกี่ยวอะไรกับเรา”
“ก็มันเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่คุณแทน ขอผมดูเมื่อวานไงครับ”
แทนไทเหวอไปทันที “หือ”
ผจก.มองแทนไทหน้าจ๋อยๆก่อนหลบตา แทนไทหน้างงเต๊ก!! แต่บอก
“ฉันไมได้เป็นคนปล่อยภาพนั้นออกไปนะ.....หรือนาย”
ผจก.จ๋อยๆแบบไม่กล้าเกรงใจเจ้านาย
“นายไม่สั่ง ผมไม่ทำหรอกครับ”
“แล้ว มันหลุดออกไปได้ยังไง”

แทนไทเดินออกมาที่ด้านนอกรีสอร์ท บริเวณไร่แทนรัก หน้าตายังเคร่งเครียด ครุ่นคิด
“มันหลุดไปได้ยังไง”

ท่ามกลางบรรยากาศสวยๆในรีสอร์ท แทนไทเดินมาจะขึ้นรถ กิ๊กพนักงานสาวเปรี้ยวเดินตามแทนไทมา
“คุณแทนคะ...จะกลับแล้วเหรอ”
“ครับ...กิ๊ก มีอะไร”
แทนไทถึงกับอึ้ง
“ขอให้กิ๊ก กลับไปบ้านกับคุณแทนด้วยนะคะ....ให้กิ๊กทำอะไร..กิ๊กก็ยอม”
แทนไทฟังแล้ว รู้สึกไม่ดี
“กิ๊ก เราทำงานร่วมกันนะ....อย่าให้อะไรแบบนี้ มันมาเกิดขึ้นในบริษัทเลย”
“กิ๊กจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับที่สุดเลยค่ะ ขอได้แค่ อยู่ใกล้คุณแทน กิ๊กก็พอใจแล้ว”
แทนไทกลุ้มใจมาก พนักงานมาทำแบบนี้
“ผมจะถือว่าเรื่องนี้เราไม่เคย พูดคุยกัน..คุณก็กลับไปทำงานของคุณตามปกติ นะ...อย่าให้ถึงขนาดต้อง ไล่ออกเลย”
กิ๊กถึงกลับอึ้ง แทนไทไม่สนใจ
“หนูไม่สวยเหมือนคุณมะม่วงดาราดัง ใช่ไม๊ค่ะ”
แทนไทรำคาญ เลยพูดตัดอารมณ์
“พรุ่งนี้ ผมมีประชุม เช้าใช่ไม๊”
กิ๊ก ไปเกือบไม่ถูกที่แทนไทเปลี่ยนเรื่อง
“คะ”
“เตรียมแผนงานประชุมให้ด้วย”
แทนเดินจากไป กิ๊กยืนอยู่ เปลี่ยนสีหน้าเป็นร้าย
“กูไม่ได้..คนอื่นก็อย่าหวัง”
แทนไทหันกลับมา เหมือนได้ยินแต่ไม่ชัด
“คุณว่าอะไรนะ”
กิ๊กเปลี่ยนสีหน้า
“อ๋อ...กิ๊กบอกว่า พรุ่งนี้ประชุม 9 โมงเช้า ค่ะ”
แทนไม่ติดใจเดินไป กิ๊ก หน้าเครียดแค้น

แทนไทหน้าครุ่นคิด เมื่อนึกบางอย่างออกมาได้ ร้องออกมาอย่างหัวเสีย
“หรือว่าคนที่ปล่อยภาพนั้นออกไปคือกิ๊ก”
แทนไทกลุ้มสุดๆ
แล้วกิ๊กพนักงานก็เดินเข้ามา พร้อมเอกสาร
“มีเอาสารให้เซ็นค่ะ”
แทนไทอยากรู้ เลยถามไปแบบลองเชิง
“ภาพวงจรปิดของดาราชื่อมะม่วง ที่มาวันนั้น ตอนนี้อยู่กับใครครับ”
กิ๊กเผลอลืมตัวพูดไป
“อยู่กับกิ๊กนี่แหละคะ”
แทนไทมั่นใจเลย
“ลืมไปหรือเปล่า....ภาพพวกนี้ เธอไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องนะ”
กิ๊กตกใจ ความลับแตก !!
“ทำลายคนอื่น มันบาปหนา นะคุณกิ๊ก”
กิ๊ก อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก

วันใหม่ เจ๊เต่าพาเขมปัญฑาเดินเข้ามายังโชว์รูมบริษัทรถนำเข้าของปราชญ์ สัตยวาน เจ๊เต่าบ่น
“เจ๊ล่ะปวดหัวเรื่องเพื่อนๆของเราจริงๆเขม...ทะเลาะกับคนนอกไม่พอ ยังมาทะเลาะกันอีก นี่!เจ๊ขอนะ...เราอย่าไปร่วมวงทะเลาะกับสองคนนั้นเป็นอันขาด ไม่งั้น เจ๊ตาย...ตาย..ตายๆ”
เขมปัญฑาหน้าจ๋อยๆเหมือนเดิม “ค่ะ”
“นี่!เลิกทำหน้าเป็นปลาสำลักน้ำได้แล้ว ทำหน้าให้มันมีชีวิตหน่อย ไหน แอ๊บเหมือนในละครสิ แอ๊บ”
เธอแอ๊บสดใสขึ้นมาทันที เจ๊เต่าอมยิ้มขำบอก
“เซ็กซี่สิเซ็กซี่”
เขมปัญฑาทำท่าเซ็กซี่แบบในละคร ภาพลักษณ์ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เจ๊เต่ายิ้ม
“มันต้องอย่างนี้สิ... ว่าแต่...เราสามารถทุกสิ่งทุกอย่าง จนเจ๊ชักกลัวแล้วน่ะเนี่ยเขม ตกลงตัวจริง...เราเป็นคนยังไง”
“คนที่จะไม่ทำให้เจ้ผิดหวังค่ะ”
“ให้มันจริงนะลูกนะ...อย่ามาแอ๊บแตกทีหลังนะ เจ๊กลัว...ป่ะ” เจ๊เต่าพาพาเธอเข้าด้านใน

เจ๊เต่าเดินเข้าไปด้านในบอกพนักงาน
“มาพบคุณพาทีค่า”
“คุณพาทีประชุมยังไม่เสร็จเลย...เจ๊รอซักครู่นะคะ”
เจ๊เต่าดีใจ
“อุ้ย!รู้จักเจ้ด้วย”
พนง.ยิ้ม
“รู้จักคุณเขม...เลยรู้ว่าเจ้คือเจ้เต่า ผจก.คุณเขมค่ะ”
เขมปัญฑายิ้มๆ เจ้เต่ายิ้มแหยๆบอกคำเดียวสั้นๆ
“ค่ะ!”

ในห้องประชุม พาทียื่นแฟ้มงานให้พลางบอก
“คุณปราชญ์ครับ รายชื่อแขกที่จะมาร่วมงานเรียบร้อยแล้วนะครับ”
ดาริกายื่นแฟ้มให้ปราชญ์แบบเปิดแฟ้ม เห็นเป็นภาพเขมปัญฑาในวันที่ปราชญ์ไปดักเจอที่บ้าน ดาริกาบอก
“แล้วนี่...ก็รูปคุณเขม ที่คุณปราชญ์ให้ตามนะค่ะ”
ปราชญ์พูดหน้าตาเฉย
“ปลี่ยนคนใหม่ได้มั้ย”
ปราชญ์ไม่มองแฟ้มภาพ ดาริกากับพาทีเหวอ ดาริกาพูดเสียงอ่อยๆ
“จะแคนเซิลเค้าได้ยังไงล่ะคะ..เราไปติดต่อเค้าเอง”
“หน้าที่คุณ...ไม่ใช่หน้าที่ผม”
ดาริกาทำท่าจะร้องไห้ พาทีมองเห็นใจ
“เอ่อ..คุณปราชญ์ครับ ลองคุยกับเค้าซักหน่อยมั้ยครับ ...เค้ามาที่นี่แล้ว”
“ใครเชิญ”
คราวนี้ทั้งพาทีและดาริกาทำท่าจะร้องไห้ทั้งคู่ พาทีบอก
“ก็...วันนั้นผมเห็นคุณปราชญ์พูดถึงเบอร์ที่จะติดต่อคุณเขม ผมคิดว่าคุณปราชญ์สนใจอยากจะให้เธอมาร่วมงานด้วย เราสองคนก็เร่งหาเบอร์ติดต่อผู้จัดการน้อง จนได้คิวมา และพอเค้าตกลงรับ เราเลยเชิญมาคุยรายละเอียดเพื่อจะเซ็นสัญญาน่ะครับ”
“ผมบอกคุณตอนไหนว่าผมสนใจ”
พาที ดาริกา ไปไม่ถูก “เอ่อ...คือ”
“ตกลงยังไม่ได้เซ็นสัญญาใช่มั้ย”
“ครับ”
ปราชญ์หน้าตาเฉย
“งั้นก็แคนเซิลได้ หาคนใหม่มานำเสนอผมด้วย” แล้วลุกเดินออกไป ทีมงาน เหวอกันไปทุกคน พาทีทำหน้ากลุ้มใจ
“แล้วนี่ผมจะทำยังไงดีเนี่ย”
“อยากช่วยนะคะ..แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง นอกจาก...” ดาริกาบอก
สองคนหน้าตาเหยเก

เวลาต่อมา เจ๊เต่ายืนคุยกับพาทีและดาริกา สองคนยังหอบแฟ้มที่เอาออกมาจากห้องประชุม
เจ๊เต่าถามหน้าตาตื่นตกใจ
“อะไรนะคะ ขอแคนเซิลงานไปก่อน”
“เอ่อ...คือ...พอดีว่า ทางเราเลื่อนการจัดงานออกไปน่ะค่ะ เลยรู้สึกเกรงใจ เจ้เต่ากับคุณเขม” ดาริกาบอก
เจ๊เต่ายิ้มออกมาได้
“โถๆๆเจ้ก็นึกว่าเรื่องอะไร เลื่อนไปวันไหนบอกมาเลยค่ะ เจ้กับน้องเขมไม่มีปัญหา เดี๋ยวล็อกคิวให้เลย” เจ๊เต่าเอาสมุดจดคิวขึ้นมา
“ทางเรายังไม่ได้สรุปกันเลยนะครับ”
เจ๊เต่าเงยหน้าจากสมุดคิวขึ้นมามอง ยิ้มแหยๆ
“ได้กลิ่นแปลกๆนะคะ”
พาทีกับดาริกาหน้าจ๋อย รู้สึกเกรงใจและรู้สึกผิดสุดๆ เขมมองท่าทางของสองคนก็รู้บอก
“ไม่เป็นไรค่ะ....เอาไว้มีโอกาส เมื่อไหร่ ค่อยร่วมงานกันนะคะ เขมยินดีค่ะ”
“เจ้ก็ยินดีค่ะ แต่วันนี้ไม่ยินดี โซแซดอย่างแรง เจ๊บอกเลย!”
เจ๊เต่ากับเขมมองหน้ากัน สงสารตัวเองสุดๆ

พาทีกับดาริกา เดินกันเข้ามาในออฟฟิศ ดาริกากอดแฟ้ม
“เฮ้อ!ดารู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”
“พี่ก็เหมือนกัน ปกติ คุณปราชญ์ไม่ใช่คนโลเลเลยนะ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆถึงได้เปลี่ยนใจ”
“นั่นน่ะสิคะ...เฮ้อ!ต่อไป ดาไม่กล้าเจอหน้าเจ้เต่ากับคุณเขมอีกแน่ๆ ดาอาย”
“แต่ถ้านายสั่ง ยังไงก็คงต้องเจอล่ะนะ”
“คุณปราชญ์เป็นคนเด็ดขาด พูดคำไหนเป็นคำนั้น ลองว่าไม่เอา ก็คงไม่เอาแล้วล่ะค่ะ”
ทั้งคู่เลี้ยวไปตามทาง ปราชญ์เดินสวนออกมาทันที ดาริกาเกือบชนปราชญ์ แฟ้มหล่นลงพื้น ดาริการ้องลั่น
“ขอโทษค่ะ”
ดาริกาก้มลงจะหยิบแฟ้ม ปราชญ์มองตาม เห็นรูปของเขมปัญฑา ในชุดเดียวกับวันที่ปราชญ์เจอ ปราชญ์ถามทันที
“ใคร”
ดาริกางง
“คุณเขมไงคะ”
“ผมขอดูหน่อย”
ทั้งสองมองหน้ากันงงๆ ก่อนที่ดาริกาจะยื่นแฟ้มให้ ปราชญ์รับภาพมาดู พลางอุทานเบาๆ
“ชุดนี้?” แล้วหันมาถามพาที “ไปเอารูปเค้ามาได้ยังไง”
“ก็พอติดต่อคุณเขมได้ปุ๊บ...เราก็เชิญน้องเค้ามาทานข้าวที่โรงแรมเพื่อคุยถึงรายละเอียดงาน และผมก็เลยถือโอกาสถ่ายรูปคุณเขมไว้อัพเดทให้คุณปราชญ์ด้วยเลยครับ”
รถหรูแล่นผ่านหน้าเขาในวันนั้น ปราชญ์พึมพำแผ่วๆ
“รถของสามีคุณดานี่”
ดาริกางง
“ทำไมคุณปราชญ์ทราบค่ะ”
ปราชญ์ถอนหายใจแบบหัวเสียตัวเอง รู้เลยว่าเข้าใจผิด รีบบอก
“ผมจะเอาคุณเขม คอนเฟิร์มคิวคุณเขมได้เลย” เขาเดินไป
พาทีกับดาริกามองหน้ากัน งุนงง เหวอสุดขีด

เวลากลางคืน เจ๊เต่ากับเขมปัญฑาเปิดประตูห้องเข้ามา สองคนหน้าตาเซ็งสุดๆ เสียงมือถือเจ๊เต่าดัง นางหยิบมาดู แล้วทำหน้าหงิกไม่รับ เขมปัญฑาถามด้วยความแปลกใจ
“เค้าโทรฯมาหลายครั้งแล้ว ทำไมไม่รับคะเจ้”
เจ๊เต่าหน้าเซ็งๆไม่ถึงกับเหวี่ยง
“ไม่อยากรมณ์เสีย”
เธอมอง สายตาเต็มไปด้วยคำถาม เจ๊เต่าตอบอย่างหงุดหงิดปนอ่อนใจ
“ก็บริษัทบ้าอะไรของนายปราชญ์ที่แคนเซิลเราไง”
เธอมอง อ่อนใจ บอกหน้าจ๋อยๆ
“ก็แล้วทำไมไม่คุยกับเค้าให้รู้เรื่องคะ”
“ไม่อยากรู้! ถึงเจ๊ไม่รวย แต่เจ๊ก็ไม่ยอมให้ใครมาเหยียบศักดิ์ศรีเล่นนะเขม” นางเริ่มมีอารมณ์ “เจ๊ถามหน่อย ทำกันได้ยังไง เฟิร์มงานเราทุกอย่าง แล้วจู่ๆก็มาแคนเซิล ทั้งๆที่เรานั่งอยู่บริษัทเขา อย่าพูดถึงน้ำใจเลย ความเป็นมนุษย์น่ะมีมั้ย ถึงไม่รู้จักคำว่าใจเขาใจเรา”
เจ๊เต่าหยุดด่าแค่นั้นกวาดตามอง เห็นกระเป๋าของอรัญภัทรวางอยู่
“อ้าว!เอี๊ยมกลับมาแล้วเหรอ? ดีจะได้คุยเรื่องคุณวรรษให้รู้เรื่อง”
“ ทำไมเงียบๆจังคะเจ๊”
“นั่นสิ! แปลก! เอี๊ยม...เอี๊ยม” นางถามพลางเดินไปเปิดประตูห้องอรัญภัทร “เอี๊ยมกินข้าวกัน เจ้อยากคุยด้วย”
เจ๊เต่าเปิดประตูห้องออก ไม่เห็นเอี๊ยม เจ๊เต่าทำหน้างง หันมาพูดกับเขมปัญฑา
“อ้าว!เอี๊ยมไปไหน”

ที่ดาดฟ้าคอนโด อรัญภัทรยืนอยู่ด้วยท่าทีนิ่งสงบ ลมพัดแรงจนเห็นผมเธอปลิวสบายดูน่ากลัว ดวงตาครุ่นคิด จนดูเคร่งขรึมเมื่อคิดถึงเรื่องที่คุยกับเบอร์รี่

มุมหนึ่งของคอนโด เบอร์รี่ยื่นมือถือให้ เธอมองงงๆ เบอร์รี่บอก
“พี่เอี๊ยมเปิดคลิปดูสิคะ”
เธอมองเบอร์รี่ สลับกับมือถือ แบบชั่งใจ จะอย่างไรดี เบอร์รี่มองบอก
“ถ้าพี่เอี๊ยมไม่กล้าเปิด หนูเปิดให้ดูก็ได้ค่ะ”
พูดจบเบอร์รี่ก็เปิดคลิปแล้วยื่นให้เธอดูทันที เห็นพิมพิชชากลัวผีสุวรีย์ เธอตกใจ
ก่อนคว้ามือถือมาดูคลิปจ้องตาไม่กะพริบ เบอร์รี่แอบมอง ดวงตาเป็นประกายเห็นความฉิบหายของพิมพิชชา พอเธอดูจบ เบอร์รี่ก็ปั้นหน้าบอก
“ที่หนูเอามาบอก เพราะหนูสงสารพี่เอี๊ยมค่ะ....พี่เอี๊ยมกับท่านต้องทะเลาะกันเพราะคุณพิม แล้วคุณพิม...ยัง...” เบอร์รี่ทำท่าอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ก่อนพูดต่อ “ยังคิดจะปัดรังควานวิญญาณคุณหญิง” พลางหรี่ตามองแบบจับอากัปกริยาท่าที “ทำยังกับคุณหญิงตายแบบไม่ปกติอย่างนั้นแหละ”
เธอหันขวับจ้อง เบอรี่รีบแก้ตัว
“เอ่อ!!หนูขอโทษค่ะที่พูดให้พี่เอี๊ยมไม่สบายใจ หนูไม่มีเจตนาจริงๆ แค่เป็นห่วงพี่ เอี๊ยมแล้วก็สงสัย พี่เอี๊ยมอย่าโกรธหนูนะคะ”
เธฮพยักหน้า พยายามคุมสติ ส่งมือถือคืนให้เบอร์รี่ไม่พูดอะไร พร้อมเดินจากไป
“พี่เอี๊ยมคะ”
เธอหันมามอง เบอร์รี่บอกด้วยท่าทางซื่อๆสีหน้าหวาดหวั่น
“พี่เอี๊ยมอย่าบอกคุณพิมนะคะ ว่าหนูเอาเรื่องนี้มาบอกพี่เอี๊ยม เพราะถ้าคุณพิมรู้ หนูตกงานแน่ๆ....แล้วครอบครัวหนูก็จะต้องลำบาก พ่อแม่ก็จะ...”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่พูดอะไรกับเค้าหรอก ขอบใจมากที่มาบอก”
“งั้นหนูกลับนะคะ....เอ่อ...หนูดีใจมากๆเลยค่ะที่ได้คุยกับพี่เอี๊ยม ....พี่เอี๊ยมคือไอดอลของหนูค่ะ หนูชอบคนตรง คนแรง ไม่ชอบ คนเสแสร้ง สตรอว์เบอร์รี่ค่ะ”

อ่านต่อตอนที่ 5




กำลังโหลดความคิดเห็น